ติดบ่วงหัวใจ
นายตำรวจหนุ่มมาดขรึม..ผู้ไม่เคยเห็นผู้หญิงสำคัญเกินกว่างานจับผู้ร้าย
กับพริตตี้สาวสวยนุ่งสั้น..ผู้พ่วงตำแหน่งเมียน้อยญาติผู้ใหญ่ของเขา

สำหรับกวินท์..
หล่อนตำ่ต้อยเกินกว่าเขาจะยอมรับมายืนเคียงข้าง

สำหรับบุศนีย์..
เขาวางตัวเองเอาไว้เสียสูงส่ง..มองหล่อนเหมือนดอกไม้ข้างถนนที่ไม่คิดจะเด็ดดม
แต่ใครจะรู้..ว่าผู้หญิงที่เขามองว่าต้อยตำ่คนนี้..เธอคือคนที่กำหัวใจของเขาเอาไว้แล้วทั้งดวง !


เป็นนิยายอีกเรื่องของโอชินค่ะ พระ-นาง ปะทะเชือดเฉือนสไตล์ตบจูบทั่วไป ดราม่านิดหน่อยตรงชีวิตนางเอก..มาตามลุ้นตามเชียร์การฟาดฟันหัวใจรักของคนสองคนกันค่ะ..

เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ที่ตำรวจหล่อๆอนาคตรุ่งทั้งหลายอย่างหมวดแคน แล้วก็อีกหลายท่านต้องมาตายลงเพราะการปฎิบัติหน้าที่..อยากให้เมืองไทยมีตำรวจดีๆเยอะๆบ้านเมืองเราจะได้สงบสุข

แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับงานของตำรวจนะคะ ไม่มีบทบู๊แอคชั่นของพระเอกเพราะบอกแล้วว่านี่มันนิยายแนวตบจูบค่ะ เราแค่จำลองภาพตำรวจหนุ่มตงฉินคนหนึ่งมาเป็นพระเอกของเราเท่านั้นเอง เรื่องนี้แม้จะมีรสขมอยู่บ้างแต่ก็จบแฮปปี้นะคะ ฝากให้อ่านอีกเรื่องค่ะ



Tags: ตำรวจหล่อ,พริตตี้ , ตบจูบ ,

ตอน: ตอนที่ 5.

“วันนี้กินอะไรดีจ๊ะหนูแป้ง?”

เสียงทักทายเหมือนคุ้นเคยนั้นดังขึ้นทันทีที่บุศนีย์ผลักประตูกระจกใสเข้าไปภายในร้านอาหารใต้ตึกเจ้าของเสียงทักเป็นหญิงวัยสี่สิบ รูปร่างท้วม นางยืนยิ้มเเต้ตอนรับลูกค้าขาประจำคนสวยพร้อมทั้งส่งสายตาแลเลยบุศนีย์ไปยังนายตำรวจหนุ่มรูปงามที่ตามติดหญิงสาวเข้ามาในร้านอย่างสนใจเป็นพิเศษ

“เจ๊เหมียว เอาเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วกับแดงโซดามะนาว”

บุศนีย์ไล่สายตามองเมนูอาหารที่ติดหร่าอยู่บนผนังก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับเจ้าของร้านที่ชื่อเจ๊เหมียวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

“แล้วของแฟนละจ๊ะ ทานอะไรดี?”

คำถามของเจ๊เหมียวทำเอาบุศนีย์ถึงกับชะงักทำหน้าไม่ถูก หญิงสาวกำลังจะอ้าปากแก้ไขข้อเข้าใจผิดของเจ๊เหมียวอยู่แล้วแต่เสียงห้าวทุ้มของคนตัวสูงที่ยืนเยื้องอยู่เบื้องหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน

“คาปูชิโน่ร้อนที่หนึ่ง”

กวินท์บอกพร้อมกับมองไปที่เคาเต้อร์กาแฟสดซึ่งตั้งอยู่มุมหนึ่งภายในร้าน สั่งเครื่องดื่มเสร็จเขาก็เดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะว่างตัวในสุดแล้วทรุดตัวลงนั่งหันหลังให้กับคนอื่นๆภายในร้าน บุศนีย์เดินตามไปทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามชายหนุ่ม พยายามทำเป็นมองไม่เห็นสายตาสงสัยใคร่รู้ของใครต่อใคร

“คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ?”

พอนั่งได้บุศนีย์ก็เอ่ยปากถามคนตรงหน้าทันที

“ฉันว่าเธอทานข้าวให้อิ่มก่อนดีกว่าเพราะธุระของฉัน อาจจะทำให้เธอทานข้าวไม่ลงก็ได้”

บุศนีย์นิ่วหน้า รู้สึกกังวลใจขึ้นมาเสียแล้ว มีตำรวจมาขอพบหล่อนถึงที่พัก หล่อนต้องคิดไปในทางร้ายมากกว่าทางดี

“เอ่อ...เกี่ยวกับคดีความอะไรหรือเปล่าคะ?”

“เธอก่อคดีอะไรเอาไว้ละ?”

เขามองหล่อนหมิ่นๆและถามกลับหน้าตาเฉย

“เท่าที่นึกออก ไม่มีค่ะ ฉันทำมาหากินอย่างสุจริต”

“แล้วจะกลัวอะไร?”

“ไม่ได้กลัวค่ะ แต่ข้องใจและสงสัย”

บุศนีย์ตอบตรงๆพยายามกำหนดสายตาตัวเองให้จับนิ่งอยู่ที่ดาวดวงเดียวซึ่งมีพระมหาพิชัยมงกุฎครอบบอกลำดับชั้นยศบนไหล่กว้างของเขาไม่กล้ามองสูงไปมากกว่านั้น ไม่อยากสบตาคมเข้มของอีกฝ่ายเพราะสายตาคมกริบคู่นั้นมันช่างทรงอิทธิพลถึงขนาดสามารถทำให้หัวใจดวงน้อยๆของหล่อนเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ฉันมั่นใจนะคะว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”

“แล้วเดี๋ยวเราคงได้รู้จักกัน”

กล่าวจบชายหนุ่มก็คว้าหนังสือพิมพ์รายวันที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากางอ่านเป็นการตัดบทสนทนาไปเสียดื้อๆ บุศนีย์นิ่วหน้าพร้อมกับถอนหายใจเฮือก รู้สึกขัดตากับพฤติกรรมไว้ท่าถือตัวของนายตำรวจหนุ่มตรงหน้าขึ้นมาเสียแล้ว เด็กสาวลูกจ้างคนเดียวภายในร้านเดินอมยิ้มนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟคนทั้งคู่ที่โต๊ะก่อนจะเดินจากไปยังมิวายหันมากระเซ้าบุศนีย์ว่า

“แฟนพี่แป้งหล่อโฮกเลย...หนูล่ะอิจฉ๊า...อิจฉา...”

บุศนีย์แทบจะสำลักเครื่องดื่มที่เพิ่งจะจิบเข้าปากคำแรก เหลือบตามองฝั่งตรงข้ามก็เห็นทุกอย่างยังปกติอยู่ หญิงสาวถอนใจเบาๆ ไม่คิดว่าหูของคุณตำรวจท่านจะดีเด่อะไรนักหนา แล้วไอ้หนังสือพิมพ์ที่ท่านกางอ่านอยู่นั่นก็คงช่วยปกปิดพฤติกรรมเจ๋อๆของยายลูกจ้างตัวแสบคนนั้นได้บ้างกระมัง

+++++++++++++++++++++++++

“พูดธุระของคุณมาเถอะค่ะ ฉันอิ่มแล้ว”

บุศนีย์เริ่มต้นการสนทนาเมื่อจานอาหารถูกยกออกไปจากโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ความสงสัยมีอยู่ท่วมท้น อะไรบางอย่างในสายตาคมคู่นั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

“สั้นๆตรงๆ ฉันมาธุระเรื่องน้าชัด”

กวินท์กล่าวธุระของตนออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม คนตรงหน้าเหลือบตาขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจก่อนจะส่งคำถามตามมา

“เมื่อกี้คุณเรียกเขาว่าน้า คุณเกี่ยวข้องอะไรกับเขา?”

“น้าสาวของฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายชัด บุญรังสรรค์”

บุศนีย์นิ่งเงียบไปเป็นครู่สีหน้าของหญิงสาวก็ดูจะผิดปกติไปเล็กน้อยก่อนจะราบเรียบในเวลาต่อมา หญิงสาวไม่ได้พูดว่าอะไรอีกกวินท์จึงเปิดฉากพูดต่อ

“ฉันมาขอร้องให้เธอเลิกยุ่งเกี่ยวกับน้าชัด การเป็นเมียน้อยเมียเก็บคนแก่คราวพ่อน่ะ ก็อย่างที่รู้ๆกันว่ามันไม่ได้จีรังยั่งยืนอะไรหรอก ฉันว่าเธอมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านั้น”

“คุณพูดว่าอะไรนะคะ?”

ยิ่งกว่าแปลกใจ บุศนีย์ตกใจเสียมากกว่า

“นี่คุณไปรู้มาจากไหนว่าฉันเป็น...”

“จากไหนก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าวันนี้ฉันทำหน้าที่เป็นทูต มาขอเจรจากับเธอ เลิกยุ่งเกี่ยวกับน้าชัดซะ ถ้าเธอต้องการเงิน น้าสาวของฉันเขายินดีจะจ่ายให้”

บุศนีย์หน้าร้อนวูบรู้สึกประดักประเดิดใจกับข้อกล่าวหาของชายหนุ่มเสียนัก ให้ตาย! หล่อนจะเป็นเมียน้อยเมียเก็บของนายชัดไปได้อย่างไร เขาช่างคิดได้!

“เงินสดสองแสนบาทแลกกับการออกไปจากชีวิตของน้าชัด เธอจะว่ายังไง?”

จนแล้วจนรอดบุศนีย์ก็ยังพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองผู้ชายตรงหน้าอย่างพิศวง ครั้นเมื่อพบว่าสายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยแววดูถูกเหยียดหยามหน้าสวยๆก็เริ่มจะตึงขึ้นมาบ้าง

“ฉันไม่รับค่ะ”

“ทำไม น้อยไปหรือ?”

“ไม่เกี่ยวกับมากหรือน้อยหรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริงๆว่าอะไรทำให้พวกคุณเข้าใจแบบนั้น แต่ฉันขอยืนยันว่าฉันกับน้าชัดของคุณ เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”

“จะเป็นไปได้ยังไง ฉันเห็นมากับตาว่าน้าชัดซื้อคอนโดกับรถใหม่ป้ายแดงให้ผู้หญิงที่ชื่อบุศนีย์ เรืองวิริยะ ก็นั่นมันคือชื่อของเธอไม่ใช่หรือ?”

“ค่ะ นั่นมันชื่อของฉัน”

“นั่นไง! ถ้าเธอไม่ใช่เมียน้อยน้าชัด น้าชัดจะซื้อของราคาแพงลิบพวกนั้นให้เธอทำไม?”

“ไม่ทราบสิคะ เรื่องนี้คุณต้องไปถามน้าชัดของคุณเอง”

เป็นอีกครั้งที่กวินท์ต้องเพ่งมองคนตรงหน้า แก้มของหล่อนแดงปลั่งเพราะโทสะ ขนตายาวเป็นแพกระพริบถี่ๆ ริมฝีปากบางเฉียบถูกเม้มสนิทจนเป็นเส้นตรง แม้จะอยู่ในสีหน้ามึนตึงแบบนั้นกวินท์ก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าหล่อนยังดูสวย

“จะบอกว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ?”

“ยังไงไม่ทราบค่ะ แต่ฉันขอยืนยันอีกครั้งนะคะ ว่าฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยเมียเก็บน้าเขยคุณ คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ นั่นมันก็สุดแล้วแต่คุณ ถ้าธุระของคุณมีแค่นี้ เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วนะคะ บ่ายนี้ฉันมีธุระ ต้องรีบไปค่ะ” กล่าวจบบุศนีย์ก็หันไปบอกเจ้าของร้านให้มาเก็บเงินค่าอาหาร

“ทั้งหมด ร้อยยี่สิบบาทจ๊ะหนูแป้ง”

แทนที่เจ๊เหมียวจะเดินมาเก็บเงินที่บุศนีย์เหมือนอย่างเคยเจ๊แกกลับเดินโปรยยิ้มตรงแน่วไปที่กวินท์ ยายเจ๊เหมียวทำตาโตราวไข่ห่านเมื่อเห็นธนบัตรปึกใหญ่ในกระเป๋าสตางค์ของนายตำรวจหนุ่มถนัดถนี่

“ไม่มีแบงค์ย่อย”

กวินท์บอกขณะส่งธนบัตรสีเทาๆให้เจ๊เหมียว

“อุ้ยตาย! เจ๊ก็ไม่มีตังค์ทอนเสียด้วย งั้นรอสักครู่ได้มั้ยคะ เดี๋ยวเจ๊ให้เด็กไปแลกที่มินิมาร์ทมาให้”

“ไม่เป็นไร ผมรีบ...ไม่ต้องทอน…”

บุศนีย์มองธนบัตรสีเทาในมือของเจ๊เหมียวก่อนจะตวัดสายตามามองหน้าเข้มๆของคนร่างใหญ่อย่างขัดใจนิดๆ คนอะไร ช่างไม่รู้จักคุณค่าของเงิน!

“อุ๊ย! ขอบคุณค่ะ วันหลังแวะมาอุดหนุนกันใหม่นะคะ”

เจ๊เหมียวทำท่าดี๊ด๊าดีใจจนออกนอกหน้า หันมาขยิบตาให้บุศนีย์ทีหนึ่งแล้วรีบรุดเอาธนบัตรใบนั้นไปเก็บในเก๊ะ กวินท์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่ลุกตามเขาทันทีเหมือนกัน

“ถ้าเธอยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันจะลองไปหาคำตอบจากน้าชัดดูอีกทีก็ได้” กวินท์บอกแค่นั้นก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปจากร้านโดยมีสายตาของผู้คนที่อยู่ในละแวกนั้นเดินทางไปส่งถึงรถ

“แฟนใหม่หนูแป้งคนนี้ใช้ได้เลยนะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย สปอร์ตด้วยสิ! จับให้ดีๆนะหนูแป้ง อย่าให้หลุดมือเชียวรายนี้ เห็นดาวบนบ่านั่นมั้ย ชั้นนายตำรวจใหญ่เลยนะนั่น!”

เสียงยายเจ๊เหมียวดังเจื้อยแจ้วอยู่เบื้องหลัง บุศนีย์ถอนใจยาวไม่คิดจะอธิบายอะไรทั้งสิ้น เข้าใจดีว่าคนพวกนี้มองหล่อนเป็นผู้หญิงชนิดไหน ทุกครั้งที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาพบหล่อนถึงที่หอพักคนๆนั้นมักจะถูกเข้าใจว่าเป็นแฟนใหม่ของหล่อนเสมอ บุศนีย์ไม่เคยอธิบายอะไรกับใครมานานแล้ว ไม่เคยเก็บคำพูดของคนที่ไม่หวังดีมาใส่ใจด้วยซ้ำ หล่อนรู้ว่าตัวเองเป็นใครและกำลังทำอะไรอยู่

“น้าสาวของฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายชัด บุญรังสรรค์”

บุศนีย์เดินใจลอยมาจนถึงป้ายรถเมล์ คำพูดของผู้ชายคนนั้นยังคงดังวกวนอยู่ในสมอง ไม่ใคร่เข้าใจความรู้สึกนี้ของตนเองเท่าใดนัก ความรู้สึกผิดหวังหดหู่.. มันเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่หล่อนได้รับรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับ "นายชัด" อาจเป็นเพราะหล่อนเคยวางผู้ชายคนนั้นเอาไว้ในตำแหน่งเทียบเคียงชายในฝันจึงบังเกิดความรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ ผิดหวัง..เมื่อได้รู้ว่าหล่อนจะไม่มีวันได้เฉียดใกล้ชายในฝันคนนั้นของหล่อนอีกแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++



โอชิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ย. 2557, 00:35:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ย. 2560, 10:23:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 2825





<< ตอนที่ 4.   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account