อธิฐานรักข้ามภพ
เรื่องย่อบุพเพอาละวาดข้ามภพ (อธิฐานรักข้ามภพ)
ผู้แต่ง : อัปสรา

“วิลันดา ”หญิงสาวสวยผู้มีรูปร่างอรชร ใบหน้าอ่อนหวานดุจนางในวรรณคดี เธอต้องเจอมรสุมครั้งใหญ่ในชีวิตเมื่อ ชัชวาล คนรักซึ่งวางแผนกำลังจะแต่งงานกัน แอบปันใจให้กับสาวในที่ทำงานเดียวกัน เธอจึงพาหัวใจอันบอบช้ำไปยัง “โบสถ์ปรกโพธิ์ “และอธิฐานจิตต่อหน้าองค์หลวงพ่อนิลมณีอันศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ได้พบกับคู่แท้ และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น “ขุนไกร” ทหารกล้าแห่งกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร ด้วยบุปเพสันนิวาส หรือบุปเพอาละวาดก็ไม่รู้ เขาพลัดหลงยุคมาพบกับเธอ เธอจึงจำเป็นต้องรับภาระดูแลเขา จนกว่าจะหาวิธีส่งเขากลับไปสู่ยุคกรุงธนบุรี เพียงเวลาไม่นานความรักเริ่มก่อตัวขึ้นแต่มิมีใครยอมพูดออกมา ปู่เจ้าแนะนำวิธีส่งขุนไกรกลับไปในคืนพระจันทร์เต็มดวงและนั่นเองทำให้ชีวิตของหล่อนเปลี่ยนไปตลอดกาล เธอได้หลุดเข้าไปในยุคกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร และได้พบกับ “จมื่นราชภักดี” หรือพ่อเพ็ง เขาตกหลุมรักแม่หญิงวิลันดาตั้งแต่แรกพบและเข้าใจผิดคิดว่าเป็นน้องสาวของขุนไกร ขุนไกรพาวิลันดาไปฝากไว้ที่คุ้มพระยามิตรไมตรี พ่อของเขา และขุนท้าวเฟื่องแม่ของขุนไกรรักใคร่เอ็นดูเธอมาก
ขุนไกรเคยช่วยยะโมหนั่ย สาวพม่าตาคมที่มีเชื้อไทยอยู่ครึ่งหนึ่งเธอเป็นกองสอดแนมฝีมือฉกาจที่พม่าส่งมาสอดส่องหาความเคลื่อนไหว ขุนไกรได้ช่วยเธอไว้จากการถูกงูกัดเธอตกหลุมรักเขาทันทีทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้และไม่ได้คิดหวังจะครองคู่ขอเพียงได้รักเขาเท่านั้น นั่นสร้างความไม่พอใจกับโบ๊ด๊ะฮูศิษย์ผู้พี่เป็นอันมากที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อเธอ มีหญิงสาวมากมายมาหลงรักขุนไกรรวมถึงแม่ชบาลูกครึ่งแขกตาคมที่มีแม่เป็นอนุและร่วมพ่อเดียวกับขุนศรีเพื่อนรักของขุนไกรแต่ก็ไม่มีใครที่จะพิชิตใจขุนไกรได้สักคน
ระหว่างที่ขุนไกรอยู่ที่คุ้มจมื่นราชภักดีมาที่เรือนบ่อยครั้ง สร้างความไม่พอใจให้ขุนไกรเป็นอันมากเพราะเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่าหลงรักแม่หญิงวิลันดาจนหมดหัวใจ แต่แม่หญิงวิลันดาปากหนักไม่ยอมรับรักขุนไกร เขาจึงรุกหล่อนหนักจนทั้งคู่ยอมสารภาพรักต่อกัน ขุนไกรตั้งใจให้เสร็จศึกจากค่ายบางกุ้งจะให้แม่ไปขอยกเลิกการหมั้นหมายแก่แม่ดาวเรืองเพราะเขาไม่เคยมีใจให้นาง ขุนท้าวเฟื่องยอมตามใจเพราะรู้ว่าขุนไกรแต่งกับแม่หญิงดาวเรืองไปก็คงไม่มีความสุข
แต่เมื่อมีคนรักย่อมมีคนเกลียดชังเช่นกัน “แม่หญิงดาวเรือง” คู่หมั้นคู่หมายของขุนไกร ซึ่งแม่ของขุนไกรเคยหมั้นหมายนางไว้ให้ เพราะคิดว่านางเป็นหญิงที่ดีมีคุณสมบัติเพียบพร้อม หล่อนสงสัยในตัวแม่หญิงวิลันดาจนให้บ่าวคนสนิทไปสืบและรู้ว่ามิใช่หลานขุนท้าวเฟื่องจึงหาทางกำจัดนาง ปุโรหิตศรีวิชัยได้มาที่คุ้มเล่าถึงอดีตชาติของวิลันดาให้ฟังและเขาคอยช่วยหล่อนในหลายเรื่องเพราะที่แท้แล้วเขาเคยเป็นบิดาของหล่อนในอดีตชาติสมัยทวารวดี
ในระหว่างที่ขุนไกรต้องกลับไปฝึกซ้อมให้ทหารที่ค่ายจีนบางกุ้งยะโมหน่าย สายลับสาวของพม่าที่มีเลือดไทยอยู่ครึ่งหนึ่งและขุนไกรได้เคยช่วยชีวิตเอาไว้หล่อนหลงรักขุนไกร ได้มาเตือนไม่ให้ขุนไกรกลับไปที่ค่ายบางกุ้งแต่ขุนไกรไม่เชื่อเขาไม่คิดหนีเอาตัวรอดละทิ้งพี่น้องร่วมชาติ
ส่วนแม่หญิงดาวเรืองนำผงเสน่ห์จันทร์ ซึ่งเป็นยาปลุกกำหนัดชนิดหนึ่งมาให้จมื่นราชภักดี แต่เขาปฎิเสธน้องสาวไม่ยอมใช้วิธีสกปรกเช่นนั้นกับแม่หญิงวิลันดาเพราะเขาอยากได้หัวใจของนางมากกว่า แม่หญิงดาวเรืองจึงวางแผนกับบ่าวคนสนิทชวนพี่ชายและแม่หญิงวิลันดาไปชมผ้าที่ตลาดท่าจันทร์หวังให้วิลันดาต้องอับอายและรีบแต่งงานกับพี่ชายของนาง แต่บ่าวทีใช้ให้วางยากับหยิบยานอนหลับไปใส่แทนทำให้จมื่นราชภักดีมิได้ทำอะไรกับแม่หญิงวิลันดา ขุนท้าวเฟื่องและบ่าวไพร่ตามหาแม่หญิงและจมื่นราชภักดี
และมาพบในสภาพที่คิดเป็นอื่นไม่ได้ จมื่นราชภักดีรู้ว่าเขาโดนน้องสาววางแผนจัดฉาก แต่หากเขาไม่ยอมรับก็กลัวแม่หญิงวิลันดาจะเสียหายจึงยอมรับผิดเสียเอง ขุนไกลขอลาราชการกลับมาและตามไปจนพบภาพบาดตาบาดใจขาแทบจะฆ่าจมื่นราชภักดีให้ตายต่อหน้า แต่เชื่อมั่นในตัวแม่หญิงวิลันดาว่านางมิรู้เรื่องนี้ด้วย เขาเข้าใจผิดว่าจมื่นราชภักดีวางยานางและมิคิดรังเกียจในตัวแม่หญิงสักน้อยนิด
จมื่นราชภักดีให้พระยาสีหเดโชมาสู่ขอแม่หญิงวิลันดากับขุนท้าวเฟื่องและพระยามิตรไมตรีท่ามกลางความยินดีของแม่หญิงดาวเรืองคิดว่าจะหมดเสี้ยนหนาม แต่ขุนไกรโวยวายมิยอมให้แม่ยกให้เขาบอกแก่ทุกคนว่าหากแม่ยกให้ตัวเขาก็ต้องคงชิงแม่หญิงวิลันดาคืนมา วิลันดาไม่อยากให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคุ้มบาดหมางกันเพราะเรืองของเธอ จึงยอมตกลงแต่งงานกันโดยบอกว่าตนเองมีใจให้แก่จมื่นราชภักดี ขุนไกรเสียใจมากกลับไปที่ค่ายบางกุ้งแต่รับปากจะกลับมาให้ทันงานแต่งแม่หญิงวิลันดากับจมื่นราชภักดี ระหว่างทางพบคนถูกทำร้ายที่แท้คือยายแดงเจ้าของเพิงพักวันนั้นที่แม่หญิงดาวเรืองบังคับให้ช่วยเหลือในแผนการครั้งนั้น นางซึ้งในน้ำใจของขุนไกรจึงเล่าเรื่องราวที่แม่หญิงดาวเรืองเป็นผู้วางแผนทั้งหมดให้ขุนไกรฟัง ขุนไกรพานางแดงไปที่งานแต่งเขาไม่ยอมเสียแม่หญิงยายแดงเล่าความจริงให้ทุกคนฟัง ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายโกรธแม่หญิงดาวเรืองมากจึงตำหนินงอย่างมิไว้หน้า ขุนไกรก็มิไยดีนาง แทนที่แม่หญิงดาวเรืองจะสำนึกในความผิด นางกับแค้นแม่หญิงวิลันดามากขึ้นและรู้ว่านางคงจะไม่มีทางได้หัวใจของขุนไกรเป็นแน่ จึงหยิบมีดสำหรับเจียนหมากพลูที่อยู่ในงาน แทงเข้าหมายจะให้ทิ่มแทงเข้าที่ขั้วหัวใจแม่หญิงวิลันดา แต่ด้วยความรักจมื่นราชภักดีเอาร่างเขาเข้ามาขวางไว้มีดของแม่หญิงดาวเรืองปักเข้าที่ร่างของเขางานมงคลจึงถูกเลื่อนออกไป จมื่นราชภักดีเป็นผู้ชายแม้นจะรักแม่หญิงมากเพียงไรแต่ก็รู้ซึ้งอยู่แก่ใจว่านางกับขุนไกรรักกันมากเขาจึงยอมยกเลิกงานแต่งงาน ส่วนแม่หญิงดาวเรืองทำชั่วไว้มากกรรมจึงสนองนาง นางเสียใจมากจึงหยิบขวดยาขึ้นมาหารู้ไม่ว่ายาขวดนั้นมิใช่ขวดยานอนหลับ กับเป็นผงว่านเสน่ห์จันทร์ซึ่งเป็นยาปลุกกำหนัด ยังโชคดีที่ผู้ชายที่พบนางในคืนนั้นคือขุนศรีซึ่งแอบมีใจให้นางทั้งสองจึงตกเป็นของกันและกัน ส่วนขุนไกรหลังจากเสร็จศึกที่ค่ายบางกุ้งและได้รับชัยชนะกลับมาเขาและแม่หญิงวิลันดาตัดสินใจแต่งงานกัน แม้นว่าประตูกาลเวลาจะให้โอกาสแม่หญิงวิลันดาได้เลือกอีกครั้ง แต่เธอเลือกที่จะอยู่เคียงข้างขุนไกรอยู่ที่กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรแม้นภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม้นกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร จะไม่ได้มีอายุที่ยืนยาวนับร้อยปี แต่ความรักของขุนไกรและวินดากลับยืนยาวไปชั่วกัลปวสาน

+++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1

เรื่องนี้ต้องขออภัยสำหรับคนที่อ่านแล้วนะคะ เพราะว่าจริงๆผู้เขียนเคยเอามาลงในเว็บสิรินดาสองครั้งแล้วครั้งแรกลงจนจบครั้งที่สองลงไปประมาณสามถึงสี่ตอน แต่พอดีมีคุณนักอ่านเขียนเมลล์มาขอให้ลงให้อีกครั้งเพระยังไม่ได้อ่านดังนั้นอัปสราก็จะลงให้อ่านอีกครั้งหนึ่ง และต้องขออภัยสำหรับนักอ่านที่อ่านแล้วเนื้อเรื่องมีเปลี่ยนไปบ้างนะคะ

แจ้งข่าว

เรื่องบุพเพอาลพวาดข้ามภพ หรือ อธิฐานรักข้ามภพ
ตีพิมพ์กับ ปัณปุระ ในเครือ ธิงค์บียอร์น (เมษายน 2555)
ชื่อเรื่องก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก



ตอนที่ 1

ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมล
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคะใดใด
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะฉุดไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ่หวนคิดถึงเจ็บกาย
(มัทนะพาธา , พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)

กรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ.

กรุงเทพฯลฯ
มหานครที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย หลายเชื้อชาติ หลากหลายภาษาขวักไขว่ยื้อแย่งแข่งขันกันจนบางครั้งลืมความเป็นอัตตาของตน จากอดีตกาลคืบคลานสู่ปัจจุบันย่างก้าวไปสู่กาลอนาคตแต่ทว่า “ความรัก” ยังเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีคำว่าล้าสมัยมนุษย์ทุกผู้ทุกนามยังโหยหาซึ่งความรัก เรียนรู้ที่จะรัก และอยากจะมีไว้ครอบครอง แต่จะมีสักกี่คนที่จะได้เป็นเจ้าของ
จันทร์คืนแรม วับแวมอยู่บนปลายฟ้า คงล้าอ่อนแรง ทอแสงแหว่งเว้าครึ่งดวง
คืนเหงามันเศร้ามันซึมในทรวง จันทร์เพียงครึ่งดวง คล้ายจันทร์เจ้ารอใคร
จันทร์คืนแรม วับแวมมีเพียงครึ่งใบ คงดังกับใจฉันที่มีเพียงครึ่งดวง
คอยรักที่จักเติมเต็มในทรวง โอ้ใจครึ่งดวง เฝ้ารอมาเนิ่นนาน
จันทร์เอ๋ยจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้า จะมีน้ำตาหลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม
ความรักมันช่างห่างไกลแสนไกล ไม่รู้วันไหน หัวใจถึงจะเต็มดวง
คงมีวันที่จันทร์เจ้าจะเต็มใบ แต่ว่าหัวใจฉันจะมีไหมวันนั้น
ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง
จันทร์เอ๋ยจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้า จะมีน้ำตาหลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม
คงมีวันที่จันทร์เจ้าจะเต็มใบ แต่ว่าหัวใจฉันจะมีไหมวันนั้น
ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง
ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง”
อ้างอิง คำร้อง...โจ้ ธนรัฐ ปิ่นเวหา

เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุดังของเมืองไทยคลื่นหนึ่งกำลังเปิดเพลงเพราะซึ่งๆมันเป็นเพลงโปรดของวิลันดา แต่ในยามนี้เพลงไพเราะเพลงนี้มันช่างไปสะกิดโดนใจของหล่อนผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความสับสนปนความเศร้าจนสัมผัสได้ ขนตายาวงอนงามกับกลั้นน้ำตาอุ่นๆตนเองไว้ไม่อยู่ ปล่อยให้มันค่อยๆไหลอาบแก้มนวลอิ่มสีชมพู นี่คงไม่ใช่การหลั่งน้ำตาครั้งแรกของหล่อน

แต่มันคงมากกว่าสิบครั้งหรืออาจจะมากว่านั้นอีก ในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่“วิลันดา”ได้เลิกลากับแฟนหนุ่ม อันที่จริงหล่อนและ “ชัชวาล” อดีตแฟนหนุ่มที่คบกันมาถึง 4 ปีเต็มไม่น่าจะมาลงเอยด้วยการเลิกร้างเช่นนี้เลย ทั้งที่คนทั้งคู่ได้มีการวางแผนงานแต่งงาน และเตรียมดูทำเลสำหรับสร้างเรือนหอไว้ก่อนหน้านี้ แต่โลกกลมๆใบนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่แน่นอน หลังจากที่ชัชวาลเรียนจบคณะวิศวะกรรมจากมหาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งเขาก็ได้รับการทาบทามจากบริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักดีให้ไปทำงานด้วยและเหมือนว่าเงินเดือนที่สูงลิ่วนั้นจะทำให้บรรดาเพื่อนๆในรุ่นอดอิจฉาไม่ได้ เพราะเขาเป็นนักเรียนทุนที่มีความสามารถมากคนหนึ่งทเลยที่เดียว และยังจบด้วยคะแนนเกรดเฉลี่ยสูงลิ่วถึง 3.9 พ่วงท้ายด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ดังนั้นบริษัทน้อยใหญ่หลายแห่ง ถึงได้ต้องการเขาไปทำงานด้วย จนสุดท้ายเขาตัดสินใจไปทำงานกับบริษัทผลิตรถยนต์รถยนต์ชื่อดังรายนั้น

และที่นั่นเองเขาได้พบ“อรอิสรา”สาวน้อยหน้าใสรูปร่างบอบบาง แต่แฝงไปด้วย ความเร่าร้อนอย่างร้ายกาจ จนในที่สุดทั้งเขาและอรอิสรา ก็แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ซึ่งเรื่องของเรื่องที่วิลันดารู้ก็เพราะมีเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยทำงานอยู่ที่นั่นด้วย โดยที่ชัชวาลไม่ทราบมาก่อน เรื่องทั้งหมดจึงแดงขึ้นมา วิลันดาทุกข์ใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น หล่อนพยายามสลัดความคิดจากเรื่องราวทุกอย่างออกไปจากหัวพลันนึกถึงสิ่งที่จะทำให้จิตใจสงบลงได้

เสียงรถยนต์ Jazz สีชมพูบานเย็นสวยสดใส แล่นออกมาด้วยความเร็ว140 กม/ชม มุ่งสู่จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งสองข้างทางของถนนที่ชื่อว่าถนนผลไม้ ซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงามน่าชมเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ อีกทั้งสวนผลไม้ออกดอกผลแซมกันทำให้ข้างทางดูสวยงามน่าชม อีกทั้งเสียงนกน้อยๆที่บินผ่านขับขานกันอยู่ในสวน หมู่แมลงภู่ดูดชิมน้ำหวานและทำหน้าที่ผสมพันธ์ให้กับช่อดอก แต่หญิงสาวคงไม่กระจิตกระใจหรืออารมณ์ที่จะมาชมชอบหรือ สนใจกับพวงลิ้นจี่สีแดงเป็นพวกแซมอยู่เต็มต้น หรือส้มโอลูกโตจนกิ่งโย้น่าลิ้มลอง ณ. เวลานี้

“ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย”วิลันดาปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาขณะมือจับพวงมาลัยและเสร่งความเร็วรถเพื่อไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งปกติแล้วหล่อนจะไม่เคยขับรถเร็วแบบนี้มาก่อนมันผิดวิสัยของหล่อน แต่บางอารมณ์โดยเฉพาอารมณ์ของคนผิดหวังในความรักย่อมจะทำอะไรได้โดยไม่คาดฝัน

ราว 4 โมงเย็นหล่อนจอดรถตรงหน้าโบสถ์ปรกโพธ์ เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดาบริเวณโบสถ์จึงเงียบเหงาไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคน มีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นในเวลานี้ หล่อนมาที่นี่เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนิลมณีที่ใครต่อใครมักพูดถึง วิยาลันดาอยากจะมากราบไหว้หลวงพ่อเพื่อให้ท่านช่วยให้หล่อนมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ครั้งนี้เป็นมรสุมครั้งใหญ่ในชีวิตของหล่อนเลยทีเดียว

เจ้าของใบหน้านวลงามผมสีน้ำตาลอ่อนพลิ้วสยาย พาร่างบอบบางเข้าไปในโบสถ์หลังเก่าที่ผ่านการเวลามาอย่างเนิ่นนานแต่ยังคมความศักดิ์สิทธิ์ไว้ไม่เปลี่ยนแปลลงจากอดีต ซึ่งโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีจนถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพธิ์ ไทร ไกร และกร่างจึงถูกเรียกว่า“โบสถ์ปรกโพธิ์” ร่างบางค่อยๆบรรจงก้มลงกราบหลวงพ่อนิลมณีอย่างอ่อนน้อม หล่อนเงยหน้าขึ้นมามอง พระพักต์อิ่มของหลวงพ่อนิลมณีที่ดูสงบนิ่งน่าเลื่อมใส และสามารถสะกดให้ใครคนหนึ่งที่น้ำตานองหน้ามาหาท่าน ค่อยๆคลายความ รุ่มร้อนในใจของหล่อนลงได้

น้ำเสียงเศร้สร้อยเอื้อนเอ่ยขึ้นจากริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ“หลวงพ่อคะ ลูกทุกข์ใจเหลือเกินทำไมคนรักของลูกถึงทำกับลูกถึงเพียงนี้” หล่อนยกมือเรียวงามพนมไหว้ ขณะที่น้ำตาร่วงพราวไหลลงอาบสองแก้มอิ่มอย่างไม่ขาดสาย

“ชาตินี้ลูกจะไม่ได้มีคู่ครองที่ดีเลยหรือคะ ทำไมความรักถึงได้ทำให้ลูกทุกข์นัก” หล่อนรำพึงรำพันไปตามความรู้สึกของหัวใจที่กำลังบอบช้ำ

วิลันดามองไปยังพระพักต์อิ่มขององค์หลวงพ่อนิลมณีด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างขอคำตอบ ความรู้สึกของวิลันดาไม่มีมีใครที่จะเข้าใจเธอและรับฟังปัญหาของหล่อนได้ดีเท่ากับองค์พระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ประดิษฐานอยู่เบื้องหน้าอีกแล้ว

“คู่แท้ของลูกอยู่ที่ไหนกันคะ ลูกจะต้องพบกับความชอกช้ำแบบนี้ไปอีกกี่ครั้งกี่หน ทำไมลูกถึงไม่ได้เจอรักแท้เสียที เขาคนนั้นอยู่ที่ไหน ”หากเลือกได้แล้วคงไม่มีใครอยากจะพบความรักกำมะลอ ทุกคนคงมุ่งหาหรือรอคอยแต่คนๆนั้นคนที่จะนำรักแท้มามอบให้ไม่ว่าเขาจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม ใบหน้าสวยล้ำนิ่งสงบจิตอธิฐานด้วยความตั้งมั่น

วิลันดาระบายความเจ็บช้ำน้ำใจซึ่งหล่อนได้รับจากชายคนรัก ต่อพระพักต์ขององค์หลวงพ่อนิลมณีไปเรื่อยๆ ในใจหนึ่งหล่อนคิดว่าเหมือนหลวงพ่อกำลังรับฟังคำบอกเล่าจากหัวใจที่กำลังปวดร้าวของหล่อนอยู่ บางครั้งการได้ระบายออกมาบ้าง ย่อมทำให้ใจที่กำลังระทมคลายความอัดอั้นเจ็บปวดจนหล่อนเริ่มรู้สึกดีขึ้น

++++++++++++++++++

กรุงธนบุรีศรีมาหสมุทร

ชายหนุ่มสูงสง่าร่างกายกำยำสมกับเป็นทหารกล้า เขาควบม้าดังกรุบกรับเมื่อเท้าของเจ้าม้าฝีเท้าดีแระแทกลงพื้นดิน เขาหยุดม้าเอาไว้ตรงหน้าโบสถ์ขนาดกลางซึ่งมีต้นโพธ์ต้นไทร ต้นไกรปลูกอยู่รอบๆ โบสถ์ดูร่มรื่นนัก เขาผูกเจ้าหมอกพายัพอาชาคู่ใจไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะเดินสำรวจรอบๆโบสถ์ เพลานี้ใกล้พลบค่ำ มิมีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ พวกทหารอาสาที่เข้ามาฝึกซ้อมคงจักกลับไปที่พัก และจะมีบ้างคือทหารเฝ้ายามซึ่งอยู่ด้านนอกหมุนเวียนซับเปลี่ยนกันไป ค่ายนี้เดิมทีแล้วเป็นค่ายทหารเรือในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่า ให้เกณฑ์กองทัพเข้ารุกรานอาณาจักรอยุธยา โดยแต่งตั้งให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพยกเข้าตีทางทิศใต้ ตีเมืองมะริด เมืองตะนาวศรี เรื่อยไปจนถึง ชุมพร ราชบุรี เพชรบุรี แล้วจึงยกกลับไปตั้งกองทัพต่อเรืออยู่ที่ดงรังหนองขาว เมืองกาญจนบุรี พระเจ้าเอกทัศทรงทราบข่าว โปรดให้เกณฑ์กองทัพออกต่อสู้ โดยกองทัพบกไปตั้งค่ายรับข้าศึกที่ตำบลตำหรุ เมืองราชบุรีแห่งหนึ่ง ให้กองทัพเรือยกมาตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงครามแห่งหนึ่ง ให้พระยารัตนาธิเบศยกมาตั้งค่ายอยู่ที่เมืองธนบุรีอีกแห่งหนึ่ง
ทัพมังมหานรธาก็ยกทัพเรือเข้ามาตีค่ายทหารเรือบางกุ้งจแตกพ่าย แล้วยกเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ด้านหนึ่ง จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาเอาไว้จนกรุงศรีอยุทธยาจนแตก

ขุนไกรมองไปรอบๆค่ายร่องรอยของกาลเวลายังปรากฏให้เห็นค่ายที่ผ่านศึกหนักมา ทหารกล้ากี่นายที่ต้องสังเวยชีพให้กับสงคราม แลอีกมิช้าคงจะต้องมีเหตุการณ์นองเลือดอย่างในอดีต ขุนไกรได้ข่าวจากทหารสอดแนมมาว่าพระเจ้ามังระได้มีท้องตราสั่งแมงกี้มารหญ่า เจ้าเมืองทวาย คุมกำลังให้มาตรวจตราดูสถานการณ์ในอาณาจักรอยุธยาเพราะได้ล่วงรู้ข่าวเกี่ยวกับการผลัดแผ่นดินใหม่ เขาก้าวล่วงเข้าไปถึงโบสถ์ตามความตั้งใจที่จักมากราบหลวงพ่อโบสถ์น้อย เขามองภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามและคิดว่าหากล่วงก้าวไปในกาลอนาคตบรรพชนรุ่นหลังจะได้เห็นความงามแบบนี้หรือไม่ หากสูญสิ้นไปคงน่าเสียดาย เขายืนอยู่หน้าพระพักต์หลวงพ่อโบสถ์น้อยอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของทหารกล้าที่มาร่วมกันรับใช้ชาติในเวลานี้
++++++++++++++++++++++++++++++++
เปรี้ยง!

เสียงฟ้าร้องดังลั่นกึกก้องไปทั่วโดยไม่ได้มีวี่แววว่าฝนจะตกมาก่อนหน้านี้

อุ๊ย! หญิงสาวอุทานขึ้นเพราะรู้สึกตกใจ

“อะไรกัน ”

เสียงฟ้าลั่นดังฝนตกลมกระโชกแรงอย่างนักโดยไม่ได้ตั้งเค้ามาก่อนแสงสว่างวาบไปทั่วท้องฟ้าลำแสงสีทองพุ่งตรงลงมากลางโบสถ์อย่างน่าอัศจรรย์ ทันใดนั้นร่างหนึ่งไม่ทราบมาจากไหนก็โผล่พรวดขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าหล่อนจนหญิงสาวเบิกตากว้างขึ้นพร้อมถอยหนีในทันที

เฮ้ย! วิลันดาร้องจนเสียหลง สีหน้ามีแววหวาดกลัวระคนจนเห็นได้ชัดเจน ไม่ผิดกับชายหนุ่มหุ่นยอดนักรบที่ไม่ได้ชักสีหน้าแต่ในใจก็อดสะพรึงกลังไม่ได้เพราะคิดว่าเจอนางไม้เข้าให้

หนุ่มหล่อล่ำใบหน้าคมสัน แต่งกายเหมือนนักรบโบราณมองหญิงสาวแปลกหน้าอย่างงงงวย
“ว้ายๆๆ”วิลันดาตกใจร้องกรี๊ดสุดเสียง หล่อนถอยกรูดออกห่างจากเขาในทันทีหล่อนไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังเผชิญอยู่กับอะไร

“ ผีหลอก ช่วยด้วยๆ อย่ามาหลอกมาหลอนดิฉันเลยกลัวแล้วค่ะ” หล่อนเอามือปิดหน้าปิดตาตัวสั่นงันงกเพราะคิดว่าเจอดีเข้าให้แล้ว

“แม่หญิงเจ้าเป็นใครกันรึ เป็นคนรึไม่”ใบหน้าคมเข้ม ร่างกายล่ำสันต์ดั่งนักรบโบราณ เอ่ยถามออกไปด้วยความกลัวหญิงแปลกหน้าผู้ซึ่งแต่งกายประหลาดอย่างที่เขาไม่เคยเพบพานมาก่อนในหญิงชาวกรุงธนบุรี และเขาเองไม่ใจนักว่าแม่หญิงผู้นี้จะเป็นคนจริงหรือไม่

“คุณนั่นแหละเป็นใครกันแน่”ใบหน้างามค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาถามกลับไปทันที ทั้งที่ใจยังนึกหวาดระแวงว่าชายเบื้องหน้าหล่อนเป็นคนจริงๆหรือเปล่า อยู่ดีๆเขาก็โผล่มา หล่อนมั่นใจว่าเขาไม่ได้เดินเข้ามาทางประตูโบสถ์อย่างแน่นอน

“ข้าเป็นคนเยี่ยงจ้า ไยถึงถามข้าเยี่ยงนี้” เขารู้สึกแปลกใจกับคำถามของ

เอ๊ะ!

“หรือว่าคุณเป็นนักแสดงมาถ่ายหนังคะ” พลันความคิดของวิลันดาก็จำได้ครั้งก่อนที่หล่อนมาที่นี่เมื่อปีที่แล้วและก็พบกองถ่ายละครแนวย้อนยุคแถวนี้

“หนังอันใดของเจ้ารึ ไยเจ้าพูดจาชอบกลนัก”

“คุณอำฉันเล่นรึเปล่าคะ ฉันไม่สนุกนะ ” หล่อนคิดว่าเขาคงมาจากรายการใดรายการหนึ่งเป็นแน่ที่ชอบมาอำผู้ชมทางบ้าน

ขุนไกรไม่ตอบคำถามหล่อนเพราะเขาไม่เข้าใจว่าแม่หญิงตรงหน้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
“ข้ามิเข้าใจว่าเหตุใดโบสถ์จึงแปรเปลี่ยนสภาพแลดูทรุดโทรมรวดเร็วเยี่ยงนี้”ขุนไกรมองไปรอบๆโบสถ์เขาจำได้ว่าเมื่อครู่โบสถ์แห่งนี้ยังไม่ได้มีสภาพเยี่ยงที่เขาเห็นในเพลานี้ องค์หลวงพ่อโบสถ์น้อยยังงดงามดุจเดิมแม้นจะดูเปลี่ยนไปบ้าง แต่ทว่าภาพวาดอันวิจิตรบรรจงที่ฝาผนังของโบสถ์กับลบเลือนหายไปอย่างน่าอัศจจรย์เขาจึงค่อยๆลำดับเหตุการณ์ย้อนกลับไป ใช่แล้วในเลลานั้นจู่ๆก็กับมีลมกรรโชกแรงโหมเข้ามอย่างหนัก ฟ้าฟาดลงมาดังสนั่นหวั่นไหวทั้งที่ฝนมิได้ตั้งเขาแต่ประการใดแลเมื่อขุนไกรลืมตาอีกครั้งก็ได้พบกับนางผู้ประหลาดนี้

“โบสถ์นี้ก็มีสภาพอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ ยังดีกว่าเมื่อก่อนตั้งมาก หลังจากทางราชการการส่งกรมศิลปากรมาบูรณะซ่อมแซมแล้วหลายครั้ง” วิลันดาให้ข้อมูลแก่ชายหนุ่มร่างใหญ่เจ้าของใบหน้าคมสัน

ขุนไกรเองเริ่มรู้สึกผิดปกติแล้วว่าสถานที่ ที่เขายืนอยู่นั้นอาจจะไม่ใช่รุงธนบุรีศรีมหาสมุทรอีกต่อไป

“คุณจะไม่ให้โบสถ์แห่งนี้เก่าได้อย่างไรคะก็อายุของโบสถ์หลังนี้ราว 200กว่าปีเข้าไปแล้ว” วิลันดาตอบไปโดยหล่อนเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาไม่ทราบประวัติโบสถ์ปรกโพธิ์แห่งนี้ซึ่งดังถึงขนาดเป็นUnseen Thailand เลยหรืออย่างไรกัน

“เจ้าว่าโบสถ์นี้มีอายุกี่ปีแล้วรึแม่หญิง” ชายหนุ่มซึ่งเหมือนพระเอกนักรบในละครย้อนยุคเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจปนความสงสัย

“200กว่าปีแล้วค่ะ”

ขุนไกรนิ่งไป เขากำลังเรียบเรียงความคิดนี่มันจักเป็นไปได้รึ หรือแม่หญิงผู้นี้จักมีเวทมนต์ อาคมที่ทำให้เขาเห็นเป็นเยี่ยงนี้ รึนางจักเป็นคนของพวกข้าศึก

“ก็นี่มันปี พ.ศ 2553 แล้วนะคะคุณ”วิลันดาตอบเมื่อเห็นเขานิ่งเงียบไปนาน

“เจ้าบอกข้าว่าพ.ศ 2553 กระนั้นมันรึ มันหมายความเยี่ยงไร” เขางงกับคำพูดของหล่อนเสียเหลือเกินหรือหล่อนจักเป็นชาวต่างชาติ เขามองใบหน้าสวยละมุนของหล่อนก็มิได้คล้ายพวกแขกเปอร์เซียหรือพวกโปรตุเกสแต่อย่างใด

“ฉันก็หมายความว่าเราอยู่ในยุครัตนโกสินทร์แล้วนี่อยู่ในยุคของในหลวงรัชกาลที่9 แล้วค่ะ”
“รัตนโกสินทร์” ขุนไกรทวนคำนั้น”

“เป็นไปมิได้ เจ้าจงบอกข้ามาบัดเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าร่ายเวทย์มนต์อันใดพลางตาข้าอยู่รึไม่”

วิลันดาทำสีหน้าลำบากใจ “ไปกันใหญ่แล้ว ฉันจะทำแบบนั้นทำไมกัน”

“ถ้าเยี่ยงนั้นแล้วกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรไปไหนเสียเล่า”

“ฉันคงจะเสกให้เมืองทั้งเมืองหายไปไม่ได้ เพียงแต่จะบอกคุณได้ว่ายุคกรุงธนบุรีนั้นจบสิ้นเป็นอดีตไปนานแล้วค่ะ”

“เจ้านี่ปั้นเรื่องเก่งนักคิดจักหลอกข้ากระนั้นรึ ข้าเป็นทหารรับใช้ในองค์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เจ้าพูดถึงการพลัดแผ่นดินอันเป็นการมิบังควรหากมีใครได้ยินเข้าเจ้าจักต้องหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่แท้”
“นี่คุณพยายามจะบอกฉันว่าคุณมาจากสมัยกรุงธนบุรี เมื่อ200 กว่าปีก่อนนี้ว่างั้นเถอะ” วิลันดาไม่เชื่อสิ่งนี้ไม่หน้าเกิดขึ้นได้หล่อนเคยดูละครที่มีผู้หญิงหลุดเข้าไปในกระจก และพบว่าหล่อนได้ไปอยู่อีกภพหนึ่งแล้วแต่ก็แปลกมากเมื่อหล่อนนึกถึงตอนที่เขาปรากฏกายต่อหน้า

ขุนไกรไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือความจริงเขาเดินก้าวเท้าออกมาจากโบสถ์ปรกโพธิ์ สีหน้าขุนไกรเปลี่ยนไป รอบอาณาบริเวณดูผิดแปลกจากเดิมมากนัก ก่อนเขาจะเข้าไปในโบสถ์มาต้นไม้ที่อยู่รอบๆโบสถ์นี้ยังขึ้นรกชัดกับหายไปกลายเป็นถนนรอบโบสถ์ เขาแยกจากขุนศรีเกลอรักที่กำลังเดินทางกับพระนครไปเยี่ยมมารดา เขาขอแยกทางออกมาเพื่อจะแวะเข้ามาสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยของค่ายบ้างกุ้ง และเดินล่วงเข้ามากราบขอพรหลวงพ่อโบสถ์น้อยซึ่งสภาพของโบสถ์ในเพลานั้นผิดกับเพลานี้มากนัก

ขุนไกรมองวัตถุหน้าตาประหลาดสีชมพูจอดอยู่ตรงหน้าโบสถ์ เขารีบเดินกลับไปหาหล่อนด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อว่าเขาหลงยุคมาจริงๆ

++++++++++++++++++++++++++++



อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2554, 12:37:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2554, 12:37:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 2590





   ตอนที่ 2 >>
XaWarZd 28 ก.ค. 2554, 00:35:15 น.
เอ่อนะ เปลี่ยนกันหลง


พลูหอม 11 ก.ย. 2555, 12:33:15 น.
ชอบเรื่องแนวนี้จังค่ะ ^__^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account