เสน่หาทาสซาตาน
เขา... เกลียดผู้หญิงที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อหวังรวยทางรัด!
เธอ... เกลียดผู้ชายหลงตัวเองที่ปรักปรำว่าเธอจ้องจะจับเขา ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยคิด!

ธีรพัฒน์ รัตนศิลานนท์ เจ้านายหนุ่มที่หล่อขั้นเทพ ปากจัด จิตใจโหดร้าย (เฉพาะกับบางคน) เอาแต่ใจเป็นที่สุด ตามประสาของลูกชายคนเดียว อยากได้อะไรแล้วต้องได้ และสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือ ผู้หญิงที่คิดจะจับเขาเพื่อหวังรวยทางลัด

แพรวา ปรียากรโสภณ เลขาสาวที่เธอทั้งสวยหวาน และน่ารักแสนดี เพียบพร้อมไปด้วยกุลสตรีทุกประการ และสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดคือ ผู้ชายหลงตัวเองที่ดูถูกและปรักปรำว่าเธอจ้องจะจับเขา ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยคิด

Tags: เสน่หาทาสซาตาน, เสน่หา, ทาสซาตาน, นิยายรัก, โรแมนติค, อิโรติก, 18+, NC

ตอน: ตอนที่ 13 ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

13
ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

ทันทีที่สองหนุ่มสาวก้าวเข้ามายังบริเวณงานเลี้ยง คนแรกที่มองเห็นคือชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นทั้งญาติและเพื่อนสนิทของธีรพัฒน์ รวมถึงเป็นผู้ชายที่แสนดีของหญิงสาวข้างกายด้วย

ทินกรมาถึงงานตั้งแต่เย็นเพราะอยากจะมาดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ในฐานะเจ้าของสถานที่ เมื่อเห็นผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิทเดินเข้ามาพร้อมด้วยเลขาแสนสวย ที่เขาเห็นว่าวันนี้เธอสวยมากกว่าทุกวันจนเขาอยากจะย้อนเวลากลับไปวันเก่าๆ ที่หญิงสาวมักจะเดินเคียงคู่มากับเขาเสมอในเวลาออกงานแบบนี้ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมแพรวาถึงมากับธีรพัฒน์ได้ เพราะตอนที่เขาโทรไปถามเธอเมื่อตอนเที่ยง เธอตอบปฏิเสธที่จะมาร่วมงานนี้นี่นา

“ธีร์” ทินกรส่งเสียงเรียกพร้อมก้าวเท้าไปหาคนทั้งคู่อย่างรวดเร็ว

ธีรพัฒน์หยุดเดินแล้วหันไปมองตามเสียงเรียก

“อ้าวกร นายมานานหรือยัง”

“ตั้งแต่เย็นน่ะ ฉันอยากจะมาดูความเรียบร้อยของโรงแรมด้วย” ปากก็ตอบคำถามของคนตรงหน้าแต่สายตากลับมองหญิงสาวข้างกายของเพื่อนรักตาไม่กะพริบ

“คุณแพรมายังไงครับ ตอนที่ผมโทรไปคุณยังปฏิเสธอยู่เลย”

ทินกรถามหญิงสาวยิ้มๆ เหลือบมองมือน้อยๆ ของเธอที่ซุกอยู่ตรงลำแขนแข็งแกร่งของคนเป็นเจ้านาย แต่ดูเหมือนเป็นการถูกหนีบเอาไว้มากกว่าที่จะเป็นการจับแขนเดินควงกันธรรมดา

แพรวาไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ใช้สายตามองไปทางเจ้านายจอมบงการแทนคำตอบ ซึ่งคนถามก็เข้าใจดี จึงทำได้แค่ยิ้มให้เท่านั้น ‘ใครจะไปกล้าขัดคำสั่งมันล่ะ ทั้งดุ ทั้งวัยทอง เดี๋ยวพ่ออาละวาดบ้านพังได้ซวยกันหมด’ ทินกรบ่นในใจอย่างนึกสยอง อดสงสารคนตัวเล็กไม่ได้ นี่คงจะโดนบังคับมาล่ะสิท่าแถมยังโดนหนีบไว้อีกด้วย

“ธีร์คะ ธีร์ รอเมนี่ด้วยค่ะ”

เสียงแหลมแว่วมาแต่ไกล ทำให้คนทั้งสามที่กำลังยืนทักทายกันอยู่ต้องหันไปมอง โดยเฉพาะเจ้าของชื่อที่หญิงสาวเรียกขาน

ธีรพัฒน์เงยหน้ากลอกตาอย่างนึกระอา เขาลืมไปเสียสนิทว่าเมนี่ก็มาด้วย ‘มีหวังโดนเธอเกาะหนึบแน่ๆ งานนี้’ ชายหนุ่มคิดในใจอย่างเบื่อหน่าย ยิ่งหันไปเห็นทินกรที่ทำท่ายักคิ้วหลิ่วตามาให้เขาเหมือนเป็นการเยาะเย้ย ทำให้อารมณ์ที่หงุดหงิดอยู่แล้วยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นกว่าเดิม

มือน้อยๆ ของคนตัวเล็กที่เขาหนีบไว้กำลังพยศดีดดิ้นบิดมือให้หลุดออกจากวงแขนของเขา ทั้งหยิกทั้งจิกด้วยคมเล็บจนเขารู้สึกแสบไปหมด ชายหนุ่มเพิ่มแรงหนีบเกร็งที่ต้นแขนแกร่งมากกว่าเดิมเพื่อไม่ให้มือของหญิงสาวหลุดออกไปได้

ทินกรที่ยืนมองอยู่นานเกิดนึกอยากจะแกล้งสมภารขึ้นมา ‘ถ้าไก่ของสมภารถูกขโมยไปแถมยังมายืนอยู่ตรงหน้าแต่คว้าเอาไปไม่ได้คงสนุกพิลึก แถมตัวเองยังมีชะนีเกาะหนึบไม่ให้ไปไหนอีกด้วย แกคลั่งตายแน่นายธีร์ ฮึ ฮึ’ ทินกรยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับหญิงสาวเสียงแหลมที่กำลังเดินตรงดิ่งเข้ามาพอดี

“เห้ย ธีร์ ผู้หญิงของแกน่ะมาโน่นแล้ว... ส่วนคนนี้น่ะของฉัน... มาครับคุณแพร”

ทินกรบอกเพื่อนรักพร้อมทั้งยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาให้หญิงสาวที่เขาเอ่ยชวน คำว่าของฉันที่หลุดออกมาจากปากของทินกรทำให้ธีรพัฒน์รู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด ‘จริงสิเธอเป็นของเพื่อนเขา และเป็นของผู้ชายคนอื่นๆ ด้วย แต่ไม่ใช่ของเขา’ แค่คิดก็ทำให้หัวใจดวงแกร่งห่อเหี่ยวหมดสิ้นเรี่ยวแรงเสียอย่างนั้น

แพรวาอาศัยจังหวะที่ธีรพัฒน์กำลังยืนนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ บิดดึงมือเล็กออกจากลำแขนแกร่งของเขาจนสำเร็จ แล้วหันไปคว้าหมับที่แขนของทินกรทันทีอย่างเหนียวแน่น เธอยังจำได้ดีถึงความร้ายกาจของผู้หญิงคนนั้น เธอไม่อยากเจ็บตัวอีกเป็นครั้งที่สอง

“ขอโทษนะคะที่ให้รอ มาถึงนานหรือยังคะเนี่ย” คนสำคัญตัวเองผิดเดินตรงดิ่งคว้าหมับที่แขนของชายคนรักทันทีอย่างถือสิทธิ์

แพรวามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นได้ในเมื่อตัวจริงของเขามาแล้ว เธอก็ต้องถอยไป

“ผมกับคุณแพรมาถึงตั้งแต่เย็นแล้วครับ เรามาดูความเรียบร้อยของโรงแรมด้วยกัน”

ทินกรตอบหญิงสาวยิ้มๆ เหลือบมองธีรพัฒน์ที่ขึงตาใส่เขาอย่างเอาเรื่อง เผลอแป๊บเดียวคนตัวเล็กไปเกาะแขนเพื่อนรักของเขาซะแล้ว ธีรพัฒน์คิดอย่างไม่สบอารมณ์นัก รู้สึกเหมือนของสำคัญถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตายังไงไม่รู้

“แล้วธีร์ล่ะคะมาถึงนานหรือยัง” เสียงออดอ้อนเอ่ยถามคนรักเสียงหวาน

“เพิ่งมาถึงครับ” ปากตอบหญิงสาวข้างกาย แต่ส่งสายตาคาดโทษไปให้หญิงสาวอีกคนที่ยืนจับแขนทินกรไว้แน่น

“วันนี้คุณแพรเธอ ส๊วย สวย นะคะธีร์” ธีรพัฒน์หันมามองยิ้มๆ ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหุบฉับลงทันทีที่หญิงสาวข้างกายเอ่ยประโยคถัดไป “เหมาะสมกับคุณกร ม๊าก มาก ดูสิคะ ชายหนุ่มรูปหล่อกับสาวสวยแสนหวาน” เสียงเจื้อยแจ้วเข้าหูธีรพัฒน์เพียงสองสามคำเท่านั้น เพราะแค่คำว่าเหมาะสมกับคุณกร เขาก็หูอื้อขึ้นมาทันที

“แพรอาจจะสวยแค่วันนี้ แต่คุณเมนี่สวยกว่าแพรทุกวันนะคะ” คนถูกชมหันไปตอบเสียงหวาน

“แหม่ เลขาของธีร์เนี่ยปากหวานจริง เดี๋ยวสิ้นปีธีร์ต้องให้โบนัสเธอเยอะๆ หน่อยนะคะ เธอพูดถูกใจเมนี่ค่ะ” คนฉอเลาะหันไปออดอ้อนชายหนุ่มข้างกายบดเบียดทรวงอกนุ่มนิ่มที่ลำแขนแกร่งอย่างเอาใจเหมือนเคย

ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรออกมาอีก เจสัน เควิน เจ้าภาพจัดงานเลี้ยงก็เดินเข้ามาทักทายทุกคนทันที

“อ้าว มากันแล้วเหรอธีร์ เชิญครับ เชิญ”

“กร นี่คุณเจสัน เควิน เจ้าของบริษัทเควินทราเวล บริษัทท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา... เจสัน นี่ทินกร เป็นผู้จัดการและทนายความประจำ T-Group ของเรา และที่สำคัญเขาเป็นญาติและเพื่อนสนิทของฉันด้วย”

เสร็จคำแนะนำของธีรพัฒน์ชายหนุ่มทั้งสองต่างยื่นมือออกมาสัมผัสกันเพื่อเป็นการทักทายอย่างเป็นมิตร

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเจสัน”

“เช่นกันครับคุณทินกร ต่อไปเราคงได้ร่วมงานกันและเจอกันบ่อยขึ้น” เจสันกล่าวอย่างอารมณ์ดี

“แน่นอนครับ ด้วยความยินดี” ทินกรตอบรับเสียงหนักแน่น

“สวัสดีครับเมนี่ คุณยังสวยไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ” เจสันหันมายื่นมือให้หญิงสาวสัมผัสอย่างคุ้นเคย

“อยู่แล้วค่ะคุณเจสัน วันนี้มีแต่คนชมเมนี่จนตัวลอยเลยค่ะ” คนถูกชมสัมผัสมือตอบรับยิ้มแก้มปริอย่างยินดี ก่อนรอยยิ้มจะจืดเจือนลงเมื่อได้ยินคำพูดถัดไปของชายหนุ่มคนเดิม “แต่วันนี้คุณแพรสวยที่สุดกว่าใครเลยครับ” คนชมส่งแววตาหวานเชื่อมไปให้หญิงสาวที่เขาบอกว่าเธอสวยกว่าใครและเขาก็หมายความอย่างที่พูดจริงๆ พร้อมยื่นมือออกไปให้หญิงสาวได้สัมผัสเป็นมารยาท

“สวัสดีครับคุณแพร”

“สวัสดีค่ะ แต่แพรคงสวยสู้คุณเมนี่ไม่ได้หรอกค่ะ” แพรวาบอกขณะยื่นมือให้ชายหนุ่มสัมผัสเพียงผิวเผิน เพราะเธอไม่ค่อยถนัดกับการทักทายแบบนี้

“งั้นเชิญข้างในเลยดีกว่าครับ เราจัดโต๊ะวีไอพีไว้สำหรับพวกคุณ เดี๋ยวอีกสักครู่ผมขอเชิญคุณธีร์ขึ้นไปบนเวทีกับผมหน่อยนะครับ เราจะได้เปิดตัวเป็นพันธมิตรต่อกัน” เจสันหันมาบอกอย่างเป็นการเป็นงาน

“ครับ ได้ครับ” ธีรพัฒน์ตอบรับอีกฝ่ายเสียงหนักแน่น ในเรื่องของธุรกิจเขาจริงจังเสมอ ไม่วายปรายตามองคนตัวเล็กที่มากับเขาแต่ตอนนี้เธอกลับไปยืนเกาะแขนคนอื่นหน้าตาเฉย มันน่าโมโหนัก ‘ฝากไว้ก่อนเถอะแม่ตัวแสบเธอเจอดีแน่’ ธีรพัฒน์คาดโทษหญิงสาวด้วยสายตา ก่อนจะเดินตามเจ้าภาพเข้าไปยังโต๊ะรับรองที่จัดรอไว้โดยมีเพื่อนสาวคนสนิทพะเน้าพะนอไม่ห่างกายจนเขานึกรำคาญ ‘คนอยากให้อยู่ใกล้กลับอยู่ไกล คนอยากให้ไปไกลๆ กลับเกาะหนึบ’ ธีรพัฒน์บ่นในใจด้วยความเบื่อหน่าย

เมื่อทั้งหมดเข้ามานั่งยังโต๊ะวีไอพีที่จัดรอไว้เรียบร้อยแล้ว พนักงานของโรงแรมตามมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับทุกคน ส่วนอาหารต้องไปเลือกตักเองเพราะเป็นงานจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์

“ธีร์อยากทานอะไรคะ เดี๋ยวเมนี่ไปตักมาให้” สาวอวบเย้ายวนถามเอาใจชายหนุ่มอันเป็นที่รักของเธอ

“อะไรก็ได้ครับ” ธีรพัฒน์ตอบปัดๆ เหมือนตัดความรำคาญมากกว่า ดีที่เธอยอมห่างกายเขาบ้างให้เขาได้มีเวลาหายใจหายคอสะดวกๆ หน่อยเถอะ

“งั้นเดี๋ยวเมนี่มานะคะ” ว่าจบหญิงสาวเซ็กซี่ด้วยชุดเกาะอกสั้นเพียงคืบก็เดินนวยนาดออกไป

“เอ่อ คุณแพรทานอะไรดีครับ เดี๋ยวผมไปตักให้” ทินกรถามหญิงสาวข้างกายอย่างห่วงใย

“ไม่ดีกว่าค่ะคุณกร แพรดื่มน้ำผลไม้ก็พอแล้ว”

“งั้นทานผลไม้สักหน่อยดีกว่านะครับ”

“ตามใจคุณกรค่ะ” เสียงหวานตอบรับอย่างนึกเกรงใจ

“เดี๋ยวผมมานะครับ” ว่าจบชายหนุ่มก็เดินออกไปอีกคน

ทำให้ทั้งโต๊ะเหลือเพียงเจ้านายขี้หงุดหงิดกับเลขาแสนสวยเท่านั้น ทั้งสองนั่งห่างกันเพียงแค่เก้าอี้ตัวเดียวกั้นตรงกลาง แต่ก็พอให้คนทั้งคู่ได้ยินคำพูดของกันและกันได้

“ใครบอกให้เธอปล่อยมือจากฉัน” คนเป็นเจ้านายเปิดฉากต่อว่าเลขาสาวทันทีที่มีโอกาส

“ก็คนรักของคุณมาแล้ว แพรไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด” หญิงสาวตอบในสิ่งที่เธอเข้าใจ

“และทำไมต้องไปเกาะแขนนายกรแน่นขนาดนั้นด้วย” คนเอาแต่ใจไม่วายชวนหาเรื่อง

“เรื่องของแพร ไม่เกี่ยวกับคุณ” ทีตัวเองล่ะแค่เดินควงแขนกันเข้ามาก็ทั้งบดทั้งเบียดจนหน้าอกแทบจะทะลักออกมาอยู่แล้ว แพรวาต่อว่าชายหนุ่มในใจเมื่อนึกถึงภาพที่เมธินีเกาะแขนธีรพัฒน์อย่างแนบสนิทตอนเดินเข้ามา

“เธอกล้าต่อปากต่อคำกับฉันหรือไงแพรวา” ธีรพัฒน์กัดฟันบอกหญิงสาวเสียงขม

เจ้านายกับเลขาคนสวยจ้องหน้ากันอยู่เพียงครู่ เสียงพิธีกรในงานก็กล่าวเชิญธีรพัฒน์ให้ขึ้นไปบนเวทีตามที่เจสันได้บอกไว้ ชายหนุ่มหันมาสั่งให้เธอนั่งอยู่ที่นี่ห้ามลุกไปไหนเด็ดขาดจนกว่าเขาจะกลับมา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วสาวเท้าออกไปโดยเร็ว คนที่กำลังจะอ้าปากคัดค้านทำได้เพียงหุบฉับลงแล้วนั่งนิ่งอย่างขัดใจ

“อ้าวนี่ธีร์ขึ้นไปแล้วหรือคะ โถ่... ไม่รอเมนี่เลย” เมธินีถือจานเล็กๆ ที่มีอาหารสองสามอย่างมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะรีบวิ่งตามชายหนุ่มคนรักขึ้นไปบนเวทีด้วยอีกคน

ธีรพัฒน์เมื่อเห็นหญิงสาวที่เขาอยากจะหนีให้ไกลที่สุดในชีวิตกำลังเดินตามมา เขาพยายามก้าวขาไวๆ เพื่อขึ้นไปบนเวทีให้เร็วที่สุด หวังว่าเธอคงจะไม่ขึ้นไปเกาะหนึบกับเขาข้างบนหรอกนะ แต่เขาคิดผิด

ทันทีที่เท้าหนาแตะถึงบันไดทางขึ้นเวที มือบางของคนที่เขาอยากจะหนีก็คว้าหมับที่ลำแขนแกร่งอย่างเหนียวแน่นเกาะหนึบ ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วงกลอกตาไปมาอย่างระอา ก่อนจะหันไปบอกคนข้างกายเสียงเครียด

“ผมกำลังทำงานเมนี่ ปล่อยก่อนเถอะ”

“เมนี่ก็ไม่ได้ขัดขวางงานของธีร์นี่คะ แค่ยืนอยู่ข้างๆ เฉยๆ” เมธินีส่งเสียงออดอ้อนชายหนุ่มในดวงใจ

เธออยากจะขึ้นไปบนเวทีกับชายหนุ่มเพื่อแสดงฐานะของเธอให้สื่อได้รับรู้ว่าข่าวระหว่างเธอกับธีรพัฒน์ตอนอยู่ที่อเมริกานั้นเป็นความจริง และตอนนี้ก็จริงยิ่งกว่า เพราะเธอยังคงเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ธีรพัฒน์ชายหนุ่มนักธุรกิจมากความสามารถถ ผู้ร่ำรวยหล่อเหลาสุดเพอร์เฟกต์ และเป็นที่หมายปองของสาวๆ มากมาย ยอมให้เธอเคียงข้างกายแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

“เมนี่ ผมชักจะหมดความอดทนกับคุณแล้วนะ” ธีรพัฒน์กัดฟันกดเสียงต่ำบอกหญิงสาวพร้อมทั้งแกะมือของเธอออกจากลำแขนแกร่ง โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร

“ก็ได้ค่ะ งั้นเมนี่รออยู่ตรงนี้นะคะ” หญิงสาวยอมปล่อยมือแม้จะไม่เต็มใจนัก แต่แค่เธอมายืนส่งเขาข้างเวทีแบบนี้ก็พอให้สื่อได้ถ่ายภาพไปหลายภาพแล้วเหมือนกันยังถือว่าคุ้มค่าอยู่ดี

ธีรพัฒน์ก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างสง่างามภูมิฐานสมกับเป็นนักธุรกิจผู้มากความสามารถถที่ใครๆ ก็ต่างจับตามอง และยังเป็นนักธุรกิจอันดับหนึ่งที่หลายๆ บริษัทอยากร่วมงานด้วย

เสียงปรบมือดังลั่นสนั่นห้องจัดเลี้ยงทันทีที่เขาขึ้นไปยืนเด่นอยู่บนนั้น แสงแฟลชจากกล้องถ่ายภาพนับร้อยต่างรัวชัตเตอร์กันอย่างไม่เว้นระยะ เพื่อให้ได้ภาพของชายหนุ่มบนเวทีมากที่สุด เนื่องจากเขาค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ พร่ำเพรื่อ และไม่ให้ถ่ายภาพหากไม่ใช่งานจำเป็น


“ขอโทษครับคุณแพรที่ให้รอนาน พอดีเจอผู้ใหญ่ที่รู้จักเลยแวะทักทายนิดหน่อย” ทินกรถือจานผลไม้เข้ามานั่งข้างๆ หญิงสาว

“ไม่น่าลำบากเลยค่ะคุณกร แพรดูแลตัวเองได้” แพรวาบอกอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากดูแลคุณ... แค่นี้ก็ยังดี” หางเสียงของเขาติดจะเศร้าลงเล็กน้อย ทำให้คนตัวเล็กต้องหันไปมองอย่างนึกเสียใจที่ทำให้ผู้ชายแสนดีตรงหน้าผิดหวังกับเธอ

“คุณกร...” หญิงสาวเรียกชายหนุ่มเสียงเบาอย่างรู้สึกผิด

“ยังไงเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไงครับ” ทินกรมองหญิงสาวก่อนจะยิ้มให้เต็มวงหน้า เพราะไม่อยากให้เธอคิดมาก และรู้สึกผิดเรื่องของเขาอีก

“ขอบคุณค่ะ” แพรวายิ้มตอบให้เขาด้วยความจริงใจ

เวลาล่วงเลยมาจนดึกก็ไม่มีทีท่าว่าคนเป็นเจ้านายที่สั่งเธอไว้จะกลับมาที่โต๊ะ เธอเห็นเขาเดินโฉบไปโฉบมาผ่านไปโต๊ะนั้นที โต๊ะนี้ที เพื่อทำความรู้จักกับนักธุรกิจผู้หลักผู้ใหญ่คนอื่นๆ โดยมีหญิงสาวแสนเซ็กซี่เกาะแขนไม่ห่าง จนเธอคิดว่าเขาคงลืมคำสั่งที่ให้ไว้กับเธอไปแล้ว

บางครั้งที่ทินกรต้องลุกไปดูความเรียบร้อย รวมถึงต้องไปทักทายผู้ใหญ่ที่เขารู้จัก แพรวาต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง จนทำให้มีหนุ่มนักธุรกิจมากหน้าหลายตาที่เห็นเธอนั่งคนเดียวต่างก็แวะเวียนเข้ามาทักทายขอทำความรู้จักไม่หยุดหย่อน หญิงสาวยิ้มตอบรับไมตรีจนรู้สึกเมื่อยหน้าไปหมด นี่ก็ดึกมากแล้วด้วยเธอสมควรต้องกลับเสียที เพราะไม่รู้จะอยู่ไปทำไมให้เป็นภาระของทินกรเปล่าๆ ที่สำคัญเธอไม่อยากจะเห็นภาพบาดตาบาดใจที่บ่อยครั้งเธอมักจะเหลือบไปเห็นธีรพัฒน์กับคนรักของเขาเดินเคียงคู่พูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนิทสนมกับแขกและลูกค้าภายในงาน จนเธอรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้

“เอ่อ... คุณกรคะ แพรขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ” แพรวาหันไปบอกทินกรเมื่อเห็นชายหนุ่มกลับมาที่โต๊ะ และนั่งลงเรียบร้อยแล้ว

“อ้าว คุณแพรจะกลับแล้วเหรอครับ งั้นให้ผมไปส่งนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ แพรนั่งแท็กซี่กลับเองสะดวกกว่า คุณกรยังต้องดูแลงานทางนี้อีก”

“ไม่ได้หรอกครับคุณแพร ผมเป็นห่วง”

ทินกรทำท่าครุ่นคิดอย่างหนักใจ ยังมีผู้ใหญ่อีกหลายท่านที่เขาต้องช่วยแนะนำให้ธีรพัฒน์ได้รู้จัก เพราะงานนี้มีทั้งเจ้าของโรงแรมและบริษัททัวร์มากมายหลายแห่งมาร่วมงานด้วย แต่หญิงสาวตัวเล็กคนนี้เขาก็แสนจะเป็นห่วง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ชายหนุ่มจึงหันไปบอกหญิงสาว

“งั้นให้รถของโรงแรมเราไปส่งดีกว่าครับ ยังไงผมก็เบาใจกว่าให้คุณนั่งแท็กซี่กลับเอง”

“ดูจะยุ่งยากเกินไปหรือเปล่าคะคุณกร” หญิงสาวตอบกลับอย่างรู้สึกเกรงใจ

“ไม่ยุ่งยากอะไรเลยครับ เดี๋ยวผมจัดการให้ เชิญคุณแพรตามผมมาทางนี้เลยครับ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” แพรวาลุกขึ้นเดินตามทินกรไปยังล็อบบี้เพื่อติดต่อขอรถให้ไปส่งเธอ

รอเพียงไม่นานรถคันหรูของโรงแรมก็เข้ามาจอดยังหน้าทางเข้าล็อบบี้เพื่อรับหญิงสาวไปส่งที่คอนโด ทินกรเดินไปส่งแพรวาที่รถพร้อมทั้งเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปนั่ง

“ขอบคุณค่ะ”

“ครับ ถึงห้องแล้วโทรบอกผมด้วยนะครับ”

“ค่ะ”

ทินกรยืนส่งหญิงสาวจนรถแล่นออกไปจากโรงแรมเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเดินกลับเข้ามาในงานเลี้ยง


เมื่อเข้ามาที่โต๊ะก็พบธีรพัฒน์นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ก่อนแล้ว ข้างกายเขาไร้เงาของสาวร่างอวบแสนเซ็กซี่ที่คอยเกาะหนึบทุกย่างก้าวคนนั้นไม่รู้เธอหายไปไหน แต่อาการของคนตรงหน้าดูท่าจะหงุดหงิดอารมณ์เสียเหมือนหาของสำคัญไม่เจอยังไงยังงั้น ‘ฮึ สมภารหาไก่วัดไม่เจอล่ะสิ’ ทินกรคิดอย่างขบขันกับอาการของคนเอาแต่ใจ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ของเขา

“แพรวาไปไหน!” ธีรพัฒน์กระชากเสียงถามทันทีที่เห็นทินกร

“กลับไปแล้ว” ทินกรหันมาตอบหน้าตาเฉย แต่ดูยียวนคนฟังอย่างน่าโมโห

“ห๊า! กลับไปได้ยังไง”

เมื่อได้ยินคำตอบจากเพื่อนรักว่าหญิงสาวที่เขาพามาด้วยกลับไปแล้ว ความโกรธที่กำลังก่อตัวยิ่งทวีความพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกอย่างยากจะหยุดยั้ง

ธีรพัฒน์ลุกพรวดขึ้นทันทีสองเท้าแกร่งกำลังจะก้าวออกไปแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อคนที่เขาพยายามหนีเดินเข้ามาคว้าหมับที่ลำแขนแกร่งดังเดิมทันที

“ธีร์จะไปไหนคะ”

“ห้องน้ำ!” ธีรพัฒน์กระแทกเสียงอย่างนึกรำคาญหญิงสาวที่เกาะหนึบติดแจจนเขาไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว

ชายหนุ่มสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุมของเธออย่างสุดกลั้น เขาทนให้เธอเบียดเสียดเคียงข้างนานเกินไปแล้ว เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนเขาจึงไม่อยากหักหน้าเธอไปมากกว่านี้

สาวร่างอวบที่ถูกชายหนุ่มเดินหนีทำได้เพียงยืนกำมือกัดปากแน่นด้วยความขัดใจ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าธีรพัฒน์พยายามเมียงมองมาที่เลขาของตัวเองที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงนี้ตลอดเวลา เธอจึงบ่ายเบี่ยงดึงเขาไปทางนั้นทีทางโน้นทีเพื่อไม่ให้เขากลับมาที่โต๊ะได้


ธีรพัฒน์ก้าวฉับๆ ออกไป แต่เขาไม่ได้ไปห้องน้ำอย่างปากว่า เขาเดินมายังลานจอดรถแล้วพารถสปอร์ตคันหรูของตัวเองที่จอดไว้ขับออกไปทันทีด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

เธอมากับเขาแต่จะกลับกับคนอื่นได้ยังไง เธอเอาสมองส่วนไหนคิดกันแพรวา ธีรพัฒน์ต่อว่าหญิงสาวอย่างกรุ่นโกรธ ก่อนจะนึกเป็นห่วงงานที่เขาทิ้งมา มือหนาจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาเพื่อนรักทันทีเพื่อสั่งงาน

‘ว่าไงธีร์ แกอยู่ไหนวะ’ ทินกรถามเสียงฉุน เพราะจู่ๆ ไอ้เพื่อนตัวดีก็หายไปเสียดื้อๆ

‘กร ฉันฝากทางนี้ด้วย แกจัดการต่อที’ ธีรพัฒน์ไม่ตอบคำถาม แต่เลือกที่จะสั่งงานออกไปมากกว่า

‘อ้าว แล้วแกจะไปไหน’

‘กลับบ้าน!’ ว่าจบคนออกคำสั่งก็วางสายแล้วปิดเครื่องไปทันที

“อ้าวเห้ย! เดี๋ยวเส้!” ทินกรโวยวายออกมาทันทีที่คนปลายสายตัดไป ‘ฮึ่ย... ไอ้เพื่อนเวร ทิ้งระเบิดไว้ให้อีกแล้ว ฝากไว้ก่อนเถอะฉันเอาคืนแกแน่นายธีร์’

หญิงสาวที่รอการกลับมาของชายคนรักที่บอกว่าไปห้องน้ำป่านนี้ยังไม่กลับ เมื่อได้ยินคนข้างๆ คุยโทรศัพท์กับคนที่เธอกำลังห่วงหาจึงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“มีอะไรหรือคะคุณกร แล้วธีร์ไปไหนคะ”

“กลับบ้านครับ”

ทินกรหันมาตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก นั่นก็สั่ง นี่ก็ต้องดูแล แถมยังต้องมานั่งเป็นเพื่อนยัยอวบอึ๋มประหลอดแตกนี่อีก เขาแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว

“อะไรนะคะ! ทำไมธีร์ไม่บอกเมนี่ล่ะ”

เมธีนีโอดครวญด้วยความไม่พอใจ รีบเปิดกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาชายคนรักทันที แต่กลับได้ยินเพียงเสียงตอบรับที่หมายถึงอีกฝ่ายปิดเครื่องไปแล้ว ทำให้อารมณ์ของคนขี้หึงขี้หวงประทุขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปหมายจะตามชายคนรักให้ทัน แต่ก็ไร้วี่แววว่าจะพบเขาได้ง่ายๆ ‘ฮึ ธีร์นะธีร์ หนีเมนี่ไปได้ยังไง คอยดูเถอะเมนี่จะไปอาละวาดที่ออฟฟิศให้แหลกเลย’ เมธินีบ่นชายหนุ่มในใจอย่างหัวเสีย แล้วก้าวขึ้นรถของตัวเองขับออกไปด้วยอารมณ์ที่กรุ่นโกรธ


ธีรพัฒน์ขับรถมาถึงคอนโดของหญิงสาวที่หนีกลับมาจากงานเลี้ยงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา สองเท้าแกร่งก้าวลงจากรถแล้วตรงดิ่งไปที่ลิฟต์ทันทีเพื่อขึ้นไปยังห้องของคนที่ทำให้เขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า หญิงสาวจะรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าทำให้เขาแทบคลั่งเมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วไม่เจอเธอ

มือแกร่งทุบประตูห้องของหญิงสาวอย่างดังด้วยความโกรธทั้งหมดที่มี ทำให้คนที่กำลังนั่งเช็ดผมที่เปียกชุ่มจากการอาบน้ำสะดุ้งตกใจ ‘ใครกันมาเคาะห้องเธอแบบนี้ ห้องข้างๆ ไม่ตกใจไปด้วยหรือไง’ แพรวาบ่นในใจก่อนจะรีบออกไปเปิดประตูเพราะกลัวว่าจะรบกวนห้องข้างๆ ไปด้วย

หญิงสาวเปิดประตูให้อ้าออกเพียงแค่ความยาวของโซ่ที่คล้องไว้ระหว่างบานประตูเท่านั้น เมื่อเห็นว่าเป็นเจ้านายจอมบงการของเธอ คนตัวเล็กจึงคิดจะปิดประตูหนี แต่ก็ช้าไปกว่ามือแกร่งของเขาที่ดันเอาไว้ได้ทัน

“เอาโซ่ออกแพรวา ฉันจะเข้าไป” คนตัวใหญ่กระชากเสียงดุดัน

“ไม่! คุณจะเข้ามาทำไม” หญิงสาวตอบกลับด้วยเสียงที่แข็งกร้าวไม่แพ้กัน

“ถ้าเธอไม่เปิดฉันจะพังประตูเข้าไป และคงไม่ต้องบอกนะว่าทุกห้องที่อยู่ในชั้นนี้จะต้องเดือดร้อนไปด้วยแค่ไหน”

ถ้อยคำที่ชายหนุ่มใช้ขู่หญิงสาว ทำให้เธอต้องยอมเปิดประตูให้เขาเข้ามาแต่โดยดี เพราะเกรงว่าเสียงโวยวายของเขาจะดังรบกวนห้องอื่นๆ ไปด้วย

เมื่อหญิงสาวเปิดประตูให้ชายหนุ่มเข้ามาในห้อง สองเท้าเล็กๆ รีบวิ่งตรงไปยังห้องนอนของเธอทันทีเพื่อหนีเงื้อมมือของคนใจร้ายที่กำลังขาดสติ แต่เธอยังช้ากว่าคนตัวใหญ่ที่แข็งแกร่งและรวดเร็วอย่างเขา

ธีรพัฒน์ใช้กำลังผลักดันประตูห้องนอนที่หญิงสาวกำลังจะปิดลงเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะเบียดตัวเองเข้ามาในห้องจนสำเร็จ มือแกร่งคว้าหมับที่ข้อมือบางของหญิงสาวทันทีเพื่อไม่ให้เธอวิ่งหนีไปอีก พร้อมทั้งก้มลงมองคนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักด้วยประกายตาวิบวับซุกซน เพียงแวบเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอีกครั้งเมื่อหญิงสาวเริ่มดิ้นรนขัดขืน

“ปล่อยค่ะคุณธีร์” แพรวาหันมาแหวใส่ชายหนุ่ม พยายามบิดมือให้หลุดออกจากการเกาะกุมของเขา

“ไม่!” ธีรพัฒน์กระชากเสียงขม มือหนาบีบกำมือเล็กให้แน่นขึ้น ก่อนจะกัดฟันข่มเสียงต่ำเอ่ยถามหญิงสาว

“เธอหนีฉันกลับมาทำไม”

“แพรไม่ได้หนี มันดึกแล้วแพรอยากกลับบ้าน”

มือบางอีกข้างพยายามทุบตีหยิกข่วนแขนแกร่งที่จับเธอไว้แน่นอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อคนตัวใหญ่นึกรำคาญกับความเจ็บแสบเล็กๆ เขาจึงหันไปคว้าเอวบอบบางของเธอเข้ามากอดแนบอกแกร่ง กัดฟันกระซิบเสียงขมชิดริมหูของคนตัวเล็ก

“ฮึ! ไอ้ผู้ชายหน้าโง่คนไหนมันมาส่งเธอล่ะ อย่าคิดนะว่าฉันไม่เห็นตอนที่ไอ้ผู้ชายพวกนั้นมันวนเวียนเข้ามานั่งคุยกับเธอน่ะ”

“จะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับคุณ” คนตัวเล็กกระชากเสียงตอบพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากลำแขนแกร่งของเขา

“มันจะเกี่ยวกับฉันก็วันนี้แหละ!” ความโมโหประกอบกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เขาดื่มเข้าไปไม่น้อยตอนอยู่ในงาน ทำให้อารมณ์ที่หงุดหงิดพลุ่งพล่านอยู่แล้วกลับยิ่งโหมกระพือความรุ่นแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัว

ชายหนุ่มเหวี่ยงคนตัวเล็กขึ้นไปบนเตียงอย่างแรง จนหญิงสาวตัวงอด้วยความเจ็บจุกไร้เรี่ยวแรงที่จะเคลื่อนไหวสองมือบางกุมท้องไว้แน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเห็นชายหนุ่มกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้น แล้วเหวี่ยงไปทั่วห้องอย่างไร้ทิศทางเหลือเพียงกางเกงบอกเซอร์ตัวเดียวที่ปกปิดส่วนล่างของเขาเอาไว้เท่านั้น

“คุณจะทำอะไร!” คนตัวเล็กร้องถามทันควัน พยายามกระถดตัวหนีสุดชีวิต แต่เพราะความเจ็บจากแรงเหวี่ยงทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ดั่งใจคิด

คนตัวใหญ่หยักยิ้มเพียงมุมปากสองเท้าแกร่งย่างสามขุมเข้ามาชิดปลายเตียง มือหนาคว้าหมับที่ข้อเท้าน้อยๆ ของคนตัวเล็กแล้วดึงให้เธอนอนราบลงกับเตียงก่อนที่ตัวเขาจะตามลงมาทาบทับ

“ฉันไม่ซาดิสต์หรอกน่า ไม่ต้องตกใจ ถ้าเธอปรนเปรอให้ฉันจนอิ่มหนำ รับรองฉันจะเลี้ยงดูเธออย่างดี” สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม มือบางของคนใต้ร่างก็ฟาดลงมาที่แก้มสากอย่างแรงด้วยความโกรธเคืองจนใบหน้าคมหันไปตามแรงตบ

“เลว!... คนเลว!... จิตใจสกปรก!” คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนสุดกำลัง สองมือบอบบางทั้งทุบทั้งตบตีคนเหนือร่างอย่างไม่คิดชีวิตจนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเจ็บ เมื่อทนไม่ไหวเขาจึงคว้าข้อมือเล็กมารวบกำไว้เหนือศีรษะของเธอด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะกัดฟันขบกรามแน่นตอบกลับหญิงสาวด้วยความเกรี้ยวกราด

“ไอ้คนเลวๆ คนนี้แหละจะเป็นผัวเธอ จำหน้ามันไว้ให้ดีล่ะ” ว่าจบชายหนุ่มก็ก้มลงประกบปากหนาเข้าครอบครองเรียวปากบางอวบอิ่มของคนใต้ร่างที่กำลังจะอ้าปากต่อว่าเขาทันที คนตัวใหญ่จูบเธอด้วยความรุนแรงป่าเถื่อนดูดดึงขบกัดจนได้รสเลือดจางๆ ของหญิงสาวคละคลุ้งอยู่ในโพรงปากเล็กๆ ของเธอ

ชายหนุ่มมอบจูบที่ดุดันให้แก่หญิงสาวเพื่อเป็นการลงโทษ ยิ่งเธอพยายามดิ้นรนขัดขืนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงเข้าไปอีกโดยไม่สนใจว่าคนใต้ร่างจะรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่ เพราะอารมณ์ของเขาตอนนี้พลุ่งพล่านเหมือนเปลวเพลิงที่โหมกระพือพร้อมจะแผดเผาให้ทุกอย่างมอดไหม้ในพริบตา

ธีรพัฒน์สอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็กเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กเพื่อดูดซับความหอมหวานอย่างชำนิชำนาญ ใช้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าหลอกล่อให้คนใต้ร่างหลงใหลเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบที่เร่าร้อนของเขา ทั้งเรียกร้องรุกเร้าอย่างหิวกระหายไม่รู้จักอิ่มเอม ส่วนคนด้อยประสบการณ์ที่ไม่ประสีประสาอย่างเธอได้แต่นอนตัวเกร็งแทบหยุดหายใจกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขามอบให้เธอ กายแกร่งเหนือร่างที่เปลือยเปล่าทำให้หัวใจดวงน้อยยิ่งสั่นไหววูบวาบอย่างประหลาด

ตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังทรยศต่อความคิด ถึงแม้จะไม่เต็มใจและตั้งใจจะขัดขืนไม่ให้เขาล่วงเกินเธอได้ แต่ร่างกายกลับโอนอ่อนผ่อนตามเขาไปจนหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะดื้อดึง มือบางที่กำแน่นค่อยๆ คลายออกตอบรับมือหนาที่เข้ามาสอดประสานแนบแน่น เธอไม่สามารถถต่อต้านความต้องการภายในได้อีกแล้ว อารมณ์ซาบซ่านวาบหวามที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน ค่อยๆ คืบคานเข้ามาทีละน้อยจนเธอเริ่มเคลิบเคลิ้มหลงใหลตอบสนองเขาไปอย่างไม่รู้ตัว

เมื่ออาการดิ้นรนขัดขืนของคนใต้ร่างเริ่มเบาบางแล้ว ชายหนุ่มจึงลดความรุนแรงลง เปลี่ยนจากจูบที่ดุดันเป็นความอ่อนโยนและยั่วยวนเรียกร้อง มือหนาปล่อยข้อมือบางทั้งสองที่รวบไว้เหนือศีรษะของหญิงสาวให้เป็นอิสระ แล้วเลื่อนลงมาปลดกระดุมชุดนอนของเธอออกอย่างแผ่วเบา ปากหนายังคงวนเวียนขบเม้มเรียวปากบางนุ่มนิ่มหยอกล้อให้เธอเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะซุกไซ้เรื่อยไปตามพวงแก้มนวล และลงมาดูดดึงขบเม้มที่ซอกคอขาวเนียนหอมกรุ่นจนเกิดเป็นรอยแดงเพื่อเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าเธอเป็นของเขา

แพรวาสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสถึงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ปะทะผิวกาย เสื้อผ้าของเธอหลุดไปตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ได้ ตอนนี้เหลือเพียงชุดชั้นในตัวเล็กที่ปกปิดส่วนบนและส่วนร่างของเธอไว้เท่านั้น หญิงสาวรวบรวมสติกลับมาอีกครั้งก่อนจะออกปากอ้อนวอนชายหนุ่มทั้งน้ำตา

“คุณธีร์... ปล่อยแพรเถอะค่ะ อย่าทำอย่างนี้เลยนะคะ”

ชายหนุ่มชะงักงันเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของคนใต้ร่างที่กำลังอ้อนวอนร้องขอ แต่ตอนนี้กลิ่นกายของเธอทำให้เขาไม่สามารถถหักห้ามใจได้อีกต่อไป เพราะความปรารถนาในกายพลุ่งพล่านจนยากจะดับลงหากเขาไม่ได้รับการปลดปล่อย

“อย่าสำออยไปหน่อยเลย... แพรวา น้ำตาของเธอมันหยุดฉันไม่ได้หรอก”

ธีรพัฒน์กระซิบเสียงเย็นที่ข้างหูของหญิงสาว มือหนากระชากบราเซียร์ตัวสวยออกไปจากร่างบอบบางของเธอทันที เผยให้เห็นทรวงอกอวบอิ่มกลมกลึง ปลายยอดถันสีทับทิมสดชูช่อยั่วยวน ชายหนุ่มผละตัวออกเพื่อมองความสวยงามตรงหน้าให้เต็มตา

“สวย... สวยมาก เธอสวยเหลือเกินแพรวา”

ชายหนุ่งครางเสียงแหบพร่า ส่งฝ่ามือหนาเข้าครอบครองเคล้าคลึงบีบเคล้นตามแรงอารมณ์ที่ลุกโชนจนยากจะหักห้ามใจ ก่อนใบหน้าคมเข้มจะก้มลงซุกไซ้ปากหนากับทรวงอกสวย และขบเม้มดูดดึงตีตราจองไปทั่วเนินเนื้อนุ่มเนียนละเอียด

“อือ... อา...”

แพรวาครางเสียงแผ่วหมดหนทางต่อสู้ เมื่อปากร้อนเข้าครอบครองยอดปทุมถันดูดกลืนหายเข้าไปในโพรงปากอย่างหิวกระหาย ปลายยอดหดเกร็งบีบรัดจนแข็งเป็นตุ่มไตตอบสนองลิ้นอุ่นๆ ของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจได้ ความรู้สึกแปลกใหม่ที่พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ถูกปลุกให้ตื่นโดยไม่รู้ตัว อาการต่อต้านเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ กายสาวร้อนวูบวาบไปทุกจุดที่เขาสัมผัส

ชายหนุ่มขยับมือแกร่งบีบเคล้นนวดคลึงทรวงอกนุ่มและปลายยอดถันอีกข้างของหญิงสาว เพื่อช่วยกระตุ้นอารมณ์และความต้องการของเธอให้พลุ่งพล่านมากขึ้น

ร่างบางบิดตัวไปมาด้วยความทรมาน สมองพร่าเลือนคิดอะไรไม่ออก หัวใจดวงน้อยสั่นไหวระรัวจนแทบจะออกมานอกอก ร่างกายตอบสนองและต้อนรับสัมผัสที่วาบหวามจากเขาจนสุดกลั้น มือบางสอดเข้าไปในกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่ม กดใบหน้าของเขาให้แนบชิดทรวงอกคู่งามอย่างน่าไม่อาย ขณะที่เขาสลับการรุกเร้าด้วยปากกับมือบนทรวงอกของเธอทีละข้างเพื่อไม่ให้น้อยหน้ากัน

ธีรพัฒน์ไม่อาจทนปลุกเร้าเธอได้อีกต่อไป กลิ่นกายที่หอมหวานของหญิงสาวใต้ร่างช่างยั่วยวนปลุกเร้าอารมณ์ดิบของเขาให้ลุกโชนได้มากกว่าหญิงใดที่เคยผ่านมา ท่าทางไร้เดียงสาของเธอทำให้เขายิ่งตื่นเต้น ความปรารถนาในกายแกร่งก็ยิ่งทวีความร้อนแรงมากขึ้นจนยากจะทานทน ร่างกายของเขาปวดร้าวต้องการปลดปล่อยให้หลุดพ้นจากความทรมานโดยเร็วที่สุด

เขารีบผละออกจากร่างของหญิงสาวแล้วสลัดปราการชิ้นสุดท้ายของเขาออกจากตัวอย่างรวดเร็ว ขยับตัวเตรียมกลับขึ้นไปหาร่างบางแสนเย้ายวนที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง คนตัวเล็กเงยหน้าสบตาคมอย่างตื่นตะลึงด้วยความตกใจ เมื่อเห็นส่วนกลางลำตัวอันใหญ่โตของเขาที่พรั่งพร้อมผงาดง้ำอย่างไม่กลัวเกรง เธอรีบก้มลงหลบตาวูบ ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความเขินอาย ขยับถดตัวหนีอย่างนึกหวาดหวั่น

“จะไปไหน มานี่!... เธอหนีฉันไม่รอดหรอก”

“ไม่นะ! คุณธีร์ อย่าค่ะ...” คนตัวเล็กร่ำไห้ออกมาด้วยความกลัว

ธีรพัฒน์ฉุดดึงขาของหญิงสาวให้นอนราบดังเดิม ก่อนที่มือหนาจะบังคับดึงแพตตี้ตัวน้อยให้หลุดออกไปทางปลายเท้าของเธอ ทันทีที่เนินเนื้ออวบอูมไร้สิ่งปิดกั้น มือบางรีบยกขึ้นมาหมายจะปิดไม่ให้ชายหนุ่มเห็น ธีรพัฒน์ดึงมือเล็กออกแล้วรวบไว้ ก่อนจะก้มมองความสวยงามของกลีบกุหลาบแรกแย้มที่ไม่มีร่องรอยความโชกโชนชอกช้ำเหมือนกับว่ายังไม่มีแมลงตัวใดผ่านเข้ามาลิ้มรสความหวานจากกุหลาบดอกนี้ ยิ่งเห็นหัวใจชายหนุ่มก็ยิ่งกระตุกแรงอย่างตื่นเต้น เขาไม่อยากจะคิดว่าเธอไม่เคยผ่านชายใดมาก่อน ในเมื่อเขาก็เห็นว่าเธอมีผู้ชายวนเวียนใกล้ตัวตลอดไม่เคยห่าง

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงทาบทับทุกสัดส่วนของคนใต้ร่าง แล้วก้มลงจุมพิตเรียวปากบางที่ต่อต้านเขาในช่วงแรก ปลายลิ้นหนารุกล้ำขบเม้มบังคับให้เธอเปิดปากรับการปลุกเร้าของเขา เพียงไม่นานคนตัวเล็กก็ไม่สามารถถสกัดกั้นความต้องการภายในได้

เขาผละจากเรียวปากนุ่มนิ่มอ่อนหวานเลื่อนลงไปตามซอกคอ ไล้ปลายลิ้นแผ่วๆ จนถึงยอดอกสีสวย ร่างบางสะท้านหวั่นไหวแอ่นหยัดทรวงอกให้เขาครอบครองอย่างเต็มใจ

“คุณสวยเหลือเกินแพรวา...”

ธีระพัฒน์ครางเสียงกระเส่า ขยับตัวลุกขึ้นนั่งดันเรียวขาของหญิงสาวให้แยกออกด้วยเข่าทั้งสองข้าง ก่อนจะโน้มตัวลงจับท่อนกายแกร่งกลางลำตัวที่ร้อนระอุถูไถไปมาบนกลีบกุหลาบอวบอูมของหญิงสาวที่มีน้ำหวานชุ่มฉ่ำบ่งบอกให้รู้ว่าเธอพร้อมสำหรับเขาแล้ว


สนใจสั่งซื้อนิยายเรื่องนี้ในแบบรูปเล่ม ติดต่อผู้แต่งโดยตรงได้ที่
E-mail : oilza24@hotmail.com
โทร/ไลน์ : 094-4942566

หรือสนใจในรูปแบบ E-Book สามารถเข้าดูรายละเอียดได้ที่
www.chalawanhunsa.com หรือ
www.nongoil.com

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
^_^



สุภาวดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ย. 2557, 21:16:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2557, 21:16:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1659





<< ตอนที่ 12 ความใกล้ชิด   ขอบคุณทุกท่าน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account