กรงพสุธา [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
ความดีและเลวก็มีแค่เส้นแบ่งบางๆขวางกั้น
หากก้าวผ่านมันไปแล้วคงไม่มีวันย้อนกลับ

คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ควรจะจบลงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วกำลังย้อนรอยกลับมาอีกครั้ง!
เมื่อโชคชะตาพัดพาให้ เหมือนฝัน หลงเข้าไปในห้องแห่งดินของ บ้านปรารถนา ฝันร้ายของเธอก็กลับคืนมา หญิงสาวฝันถึงเหตุฆาตกรรมฝังดิน ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับคดีเมื่อสิบแปดปีก่อน จึงตัดสินใจออกค้นหาความจริง จนได้รู้จักกับ ปัถวี ชายหนุ่มผู้มีอำนาจจิตในการควบคุมธาตุดิน ทั้งสองพยายามตามหาตัวฆาตกรพร้อมๆกับการเกิดเหตุฆาตกรรมคดีแล้วคดีเล่า และดูเหมือนแต่ละคดีจะโยงใยถึงกัน ที่สุดแล้ว พวกเขาจะตามหาฆาตกรตัวจริงพบหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน!
Tags: ๕ปรารถนา เหมือนฝัน ปัถวี วังวนวารี ทองพญามาร

ตอน: บทที่ ๕ ในความชิดใกล้ (๒)

“ค่ะ คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ” เธอพึมพำตอบรับคำกับปัถวี

“ส่วนเรื่องฝันร้ายของคุณ ผมอาจช่วยได้นะ แต่คงต้องใช้เวลา”

“นานแค่ไหนกันคะ แล้วฉันต้องทำยังไงบ้าง”

“ระยะเวลาคงตอบไม่ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของคุณเอง” ชายหนุ่มหันหน้ามองเธอ เห็นแววคาดหวังปรากฏชัดในดวงตา “คุณไม่เคยฝึกควบคุมพลังอำนาจในตัวเองบ้างเลยเหรอ”

เหมือนฝันส่ายศีรษะ “ความจริงตอนฉันพบครูฤทธิ์ เอ่อ อาจารย์คนที่ให้ตาข่ายดักฝันร้ายมาน่ะค่ะ ท่านเคยสอนฉันนั่งสมาธิเหมือนกัน แต่ว่า...หลังๆมาพอเริ่มเรียนหนัก ฉันเลยทำบ้างไม่ทำบ้าง”

“ท้ายสุดเลยไม่ได้ฝึกฝนสินะครับ”

คำต่อท้ายของปัถวีพาดวงหน้ารูปไข่สลด เหมือนฝันรู้สึกคล้ายตนเองกำลังถูกผู้ใหญ่ตำหนิ แต่เธอก็ไร้ข้อโต้เถียง จึงพึมพำตอบรับแผ่วเบาอยู่ในลำคอ “ค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ ฝึกตอนนี้ยังไม่สาย” ชายหนุ่มปลอบเมื่อเห็นสีหน้าจ๋อยๆของเธอ สายตากวาดมองมายังต่างหูบนใบหูข้างซ้าย “ขอผมดูหน่อยได้ไหม”

ฝ่ามือหนายื่นมาตรงหน้าเธอ เหมือนฝันถอดต่างหูตนเองวางลงบนอุ้งมือใหญ่ รับรู้ถึงความอุ่นจัดตอนปลายนิ้วเผลอสัมผัสโดนผิวอีกฝ่าย ปัถวีรับเครื่องรางของหญิงสาวไปจดจ้องอยู่เพียงครู่เดียว ก็ส่งมันคืนให้เธอ

“คืนนี้คุณลองไม่แขวนเครื่องรางดูได้ไหม”

“อะไรนะคะ” สีหน้าหญิงสาวตระหนกกับคำพูดของเขา จนชายหนุ่มต้องรีบอธิบาย

“ผมแค่อยากให้คุณลองเผชิญหน้ากับความกลัวดู”

“ไม่ไหวหรอก” เธอปฏิเสธทันที พร้อมรีบคล้องต่างหูใส่ดังเดิม “คุณไม่เคยฝัน คงไม่รู้หรอกว่าความฝันมันน่ากลัวขนาดไหน”

เอ่ยจบ เหมือนฝันเห็นดวงตาสีนิลฉายแววกระด้างขึ้นแวบหนึ่ง ก่อนมันจะจางหาย

“ความฝันทำร้ายใครไม่ได้หรอก” น้ำเสียงของปัถวียังนุ่มนวล อบอุ่นอย่างเคย จนเหมือนฝันไม่แน่ใจว่าแววตาที่เห็นเมื่อครู่นี้คือความจริงหรือภาพลวงตา “ความกลัวในจิตใจคุณเองต่างหากกำลังทำร้ายตัวคุณอยู่”

“ฉันรู้ค่ะ ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย นับตั้งแต่จำความได้ ฉันมักติดอยู่ในฝันร้ายเสมอ” เธอบ่น เหม่อมองออกไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า

แสงสุริยาสุดท้ายค่อยกลืนหาย รัตติกาลกำลังแผ่ปีกสยายปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ พัดพาความวังเวงสู่จิตใจอีกครั้ง เธอเกลียดนัก...เกลียดช่วงเวลายามค่ำคืนเหลือเกิน

“ลองเชื่อผมดูสักคืนไหม ใช้สติเผชิญหน้ากับความกลัว ผมรู้ว่าคุณไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ แต่คุณเลือกจะเป็นยังไงต่อไปได้นะ รู้ไหม”

“ฉันจะเลือกได้อย่างไรกัน” เหมือนฝันถามอย่างไม่เข้าใจ

“ได้สิ คุณก็เลือกจะเผชิญหน้า พร้อมสู้กับมัน เป็นคนควบคุมพลังที่มี ไม่ใช่ให้อำนาจนั้นควบคุมตัวคุณ”

วูบหนึ่งในถ้อยคำชวนเชื่อ เหมือนฝันคิดจริงๆว่าเธอสามารถควบคุมความฝันได้อย่างคำกล่าวของเขา

แสงสีนวลอร่ามจากไฟบนทางเดินของสวนสาธารณะสว่างขึ้นตอนท้องฟ้าเริ่มเป็นสีหม่นมัว สายลมเย็นยามค่ำพัดพากลิ่นลั่นทมหอมจากสนามด้านหลังลอยกรุ่นแตะปลายจมูก

“เริ่มมืดแล้ว ผมว่าเราเข้าไปหาอะไรทานในห้างกันดีกว่า” ปัถวีตัดสินใจชวนหญิงสาวอีกครั้ง

ครั้งนี้เหมือนฝันนิ่งคิดอยู่เพียงแวบเดียว แล้วกล่าว

“ให้ฉันเลี้ยงคุณนะคะ ตอบแทนทั้งคำแนะนำดีๆหลายอย่างในวันนี้ และเรื่องคราวก่อนด้วย”

ในที่สุดเธอก็ไว้ใจเขา ปัถวียิ้มกับคำพูดของหญิงสาว เป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนจากม้านั่งก่อน

“ได้ครับ ผมตามใจคุณ” ปัถวีเอ่ยเย้าๆ ดวงตาคมแฝงร่องรอยความหมายบางอย่าง

ชายหนุ่มชวนเธอเดินออกจากสวนสาธารณะ แต่แล้วช่วงจังหวะตอนเธอลุกจากม้านั่ง มาหยุดยืนอยู่กลางทางเดินซีเมนต์ เสียงตะโกนโหวกเหวกว่า “ตำรวจๆ” ก็ดังขึ้นจากทางเบื้องหลัง ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบหลายนายกรูกันเข้ามาภายในสวนสาธารณะ ชาวบ้านหลายคนซึ่งออกกำลังกายอยู่บริเวณนั้นต่างตกอยู่ในความตระหนก แต่ก็ไม่มากเท่ากับกลุ่มนักเต้นบีบอยตรงลานโล่ง

ประหนึ่งฝูงผึ้งแตกรัง เมื่อคนกลุ่มนั้นต่างแยกย้ายกันวิ่งหนีเต็มฝีเท้า ใครคนหนึ่งวิ่งชนเหมือนฝันอย่างจัง พาเจ้าของร่างเพรียวระหงเซถลาเกือบหน้าคะมำลงกับพื้น โชคดีที่ปัถวียืนอยู่ใกล้เธอ แรงพยุงของเขาช่วยเหมือนฝันไว้ได้ทัน

“เป็นอะไรรึเปล่าฝัน” น้ำเสียงทุ้มถามใกล้ใบหู

พร้อมกันนั้น เหมือนฝันรู้สึกถึงความอบอุ่นโอบล้อมกาย เมื่อตั้งสติได้จึงเพิ่งรู้ว่าตอนนี้มีอ้อมแขนกำยำโอบอยู่รอบเอวบาง

“ไม่ค่ะ ขอบคุณ” หญิงสาวเขยิบกายออกห่างอ้อมแขนอุ่น ฝ่ามือร้อนเลื่อนจากเอวอ้อนแอ้นมายังมือเธอ เขาถือวิสาสะกุมไว้อย่างแนบเนียน

“ผมว่าเราออกไปจากตรงนี้กันก่อนดีกว่า”

ปัถวีพาเธอเดินฝ่าฝูงชนซึ่งยืนมุงเหตุการณ์กันอยู่ จากสายตามองผ่านคลื่นมหาชน เหมือนฝันเห็นตำรวจเข้ารวบตัวกลุ่มนักเต้นบีบอยทั้งแปด พวกเขาโดนใส่กุญแจมือ พาขึ้นรถตำรวจซึ่งจอดอยู่ด้านนอกสวน

“มาจับพวกเขาทำไมกันนะ” เหมือนฝันมองทั้งคู่ถูกพาตัวออกจากสวนสาธารณะ แล้วจึงหันมาหาคนข้างๆ พบว่าปัถวีก็กำลังมองดูผู้ชายคนนั้นอยู่เช่นกัน

“อาจเป็นเรื่องยาเสพติดหรือลักขโมยมั้งครับ” ชายหนุ่มคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย “เข้าห้างกันดีกว่า ผมว่าคืนนี้เราไม่เหมาะจะเผชิญหน้ากับเรื่องตื่นเต้นอีกแล้ว”

หญิงสาวยิ้มขันกับคำพูดเขา นั่นสินะ พบหน้ากันสองครั้ง ล้วนมีแต่เรื่องพาหัวใจเธอเต้นแรงทั้งนั้น

“สงสัยดวงของคุณกับฉันคงสมพงศ์กับเรื่องตื่นตระหนกมั้งคะ” เหมือนฝันตอบ พยายามดึงมือตนเองกลับ

ครั้งนี้ปัถวีไม่ได้รั้งไว้ เขาปล่อยมือหญิงสาวออก แล้วเดินอ้อมจากฟากซ้ายมายังด้านขวามือเธอ

“ขอสมพงศ์กันเรื่องอื่นแทนได้ไหม” ปัถวีกระเซ้าขณะชวนเธอเดินข้ามถนน

ตอนนั้นเองเหมือนฝันเพิ่งสังเกตเห็นด้านขวามือเธอคือทิศทางที่รถกำลังวิ่งมา

“อะไรนะคะ” เธอมัวแต่สนใจอากัปกิริยาของเขา จนไม่ทันตีความนัยจากคำพูดแว่วผ่านหู

“เปล่าครับ” ปัถวีเขยิบกายกลับมาอยู่ทางซ้ายมือเหมือนฝันตอนเดินข้ามถนนอีกเลน แน่นอน ถนนเลนนี้มีรถวิ่งผ่านมาจากทางซ้าย “ว่าแต่คุณคิดร้านอาหารออกรึยัง เย็นนี้เราจะทานอะไรกันดี”

“คุณอยากทานอะไรล่ะคะ” เธอถาม ขณะชายหนุ่มเอื้อมมือเปิดประตูกระจกแล้วรอให้เธอเดินเข้าไปก่อน

“ความจริงผมอยากจะตอบว่าแล้วแต่คุณอยู่นะ แต่เผอิญผมไม่ค่อยทานเนื้อสัตว์”

“อะไรนะคะ คุณทานมังสวิรัติเหรอ” เหมือนฝันตาโต บอกตรงๆว่าเธอแทบไม่เชื่อหูในสิ่งที่ได้ฟัง

ก็แหม ดูรูปร่างล่ำๆของเขาสิ บอกไปใครจะเชื่อว่าไม่ทานเนื้อสัตว์

“ไม่ครับ ไม่เคร่งขนาดนั้น เพียงแค่ผมไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่พวกเนื้อวัว หมู ไก่ มากกว่า”

“แล้วพวกเนื้อปลาล่ะคะ”

“ทานบ้างครับ”

เหมือนฝันไม่แน่ใจว่า ‘ทานบ้าง’ ของปัถวีมีความถี่มากแค่ไหน หญิงสาวชั่งใจคิดนิดหนึ่งก่อนเผยรอยยิ้มกว้าง

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันคิดว่าเลือกร้านอาหารให้คุณได้แล้ว”



อาหารมื้อค่ำวันนี้ของเธอและปัถวีจบลงที่ร้านสุกี้ชื่อดังภายในห้างสรรพสินค้า เกือบจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เหมือนฝันรับประทานอาหารมื้อหนึ่งโดยไม่แตะต้องเนื้อสัตว์ หลังการรับประทานอาหารจบลง ปัถวีเดินมาส่งถึงรถยนต์ของเธอก่อนลาจากกัน ใช้เวลาไม่นานนัก เธอก็เดินทางกลับถึงบ้านตนเอง

เจ้าของร่างระหงเปิดประตูห้องนอนเข้ามา มือบางควานหาสวิตช์ไฟเป็นอย่างแรก แล้วก้าวเท้าเข้าสู่ห้องหลังไฟบนเพดานสว่าง เหมือนฝันวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะหนังสือ จัดแจงปลดเครื่องประดับออกจากกายจนถึงชิ้นสุดท้าย ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองต่างหูในมืออย่างชั่งใจ

‘ลองเชื่อผมดูสักคืนไหม ใช้สติเผชิญหน้ากับความกลัว ผมรู้ว่าคุณไม่ได้อยากเกิดมาพร้อมกับฝันร้ายแบบนี้ ถึงคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกจะเป็นได้นะ รู้ไหม’

คำพูดของปัถวีดังก้องในใจ หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ในท่านั้นนานหลายนาที ท้ายสุดก็ตัดสินใจวางตาข่ายดักฝันร้ายลงในกล่องใส่เครื่องประดับ รวมกับสร้อยและต่างหูชิ้นอื่นๆ

คืนนี้จะนอนหลับไหม เหมือนฝันถอนหายใจออกมาเบาๆ แทบไม่เชื่อตัวเองว่าผู้ชายแปลกหน้าที่พบเจอกันเพียงแค่สองครั้งจะมีอิทธิพลต่อความคิดมากเพียงนี้

ปัถวีเป็นคนแปลก คล้ายมีความแตกต่างระหว่างสองขั้วอยู่ในตัวคนเดียว เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างดีเข้าขั้นเพอร์เฟ็กต์ แต่กลับไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ชอบกีฬาผาดโผนอย่างการขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก แต่เลือกจะทำอาชีพเป็นครูสอนศิลปะเด็กเล็ก มากกว่านั้นผู้ชายคนนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง สังเกตจากการกระทำหลายอย่างของเขา ทุกอากัปกิริยาดูเรียบเรื่อย ไม่เสแสร้ง ประหนึ่งทุกการแสดงออกคือสิ่งปฏิบัติในชีวิตประวัน ทว่าในความเป็นสุภาพบุรุษที่ตาเห็น เหมือนฝันกลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งอำนาจและอันตรายซ่อนเร้นอยู่ภายใน

เธอระแวงเขามากเกินไปไหม หญิงสาวถามตนเองอย่างสงสัย แน่นอน เธอไม่มีคำตอบให้กับคำถามแสนสับสน

ติ๊ง เสียงดังเบาๆแว่วผ่านมาจากโทรศัพท์ในกระเป๋า หญิงสาวล้วงมือลงไปคว้าหาที่มาของเสียง แล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นเปิดดู เห็นตัวเลขสีแดงๆจากแอพพริเคชั่นหนึ่งบนหน้าจอ จึงเลื่อนปลายนิ้วกดเปิดอ่าน มันเป็นข้อความส่งมาจากปัถวี

สุดท้ายเธอก็ยอมแลกเบอร์อีกเบอร์กับเขา แถมยังเลยมาถึงช่องทางออนไลน์อื่นๆอีก

ตัวอักษรไม่ยาวนักพร้อมภาพการ์ตูนปรากฏบนหน้าจอของเหมือนฝัน ขณะเจ้าตัวหงายหลังนอนอยู่บนเตียง

‘ถึงบ้านรึยังครับ’ ตัวการ์ตูนรูปเด็กผู้ชายพร้อมส่งเครื่องหมายคำถามต่อด้านล่างข้อความ

‘ค่ะ’ เหมือนฝันไม่รู้จะตอบอะไรมากไปกว่านี้

ตัวการ์ตูนอีกตัวแสดงท่าทีเขินอายปรากฏบนหน้าจอเธอ ก่อนมีข้อความตามมา

‘งั้นราตรีสวัสดิ์ครับ อาจอวยพรให้ฝันดีไม่ได้ แต่ถ้าตื่นจากฝันร้ายแล้วอยากหาคนอยู่เป็นเพื่อน โทร.หาผมได้นะ’

เหมือนฝันเผลอยิ้มกับความห่วงใยซึ่งส่งผ่านมาพร้อมกับข้อความของชายหนุ่ม หัวใจในอกเต้นแรงยามอ่านข้อความสุดท้ายซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง

“ต๊องรึเปล่า ถ้าฉันตื่นมากลางดึกจริง คุณจะยอมลุกขึ้นมารับโทรศัพท์หรือไง” หญิงสาวบ่นพึมพำ ไม่คิดตอบข้อความกลับ

เธอวางโทรศัพท์ลงตรงหัวเตียง แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงให้หลัง เหมือนฝันก็อยู่ในชุดนอนลายการ์ตูน เสื้อแขนสั้นกางเกงขายาว เดินมาหยุดลงตรงหน้าชั้นเล็กๆข้างโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงหน้ารูปไข่ปรากฏแววลังเลใจขณะเอื้อมมือหยิบขวดยาบนชั้น

เอาวะ ลองดูสักตั้ง เธอบอกตัวเองอย่างพยายามตัดใจ เดินมานั่งพับเพียบบนเตียงนอน ยกสองมือพนมสวดมนต์ ค่ำคืนนี้เหมือนฝันสวดยาวนานกว่าทุกครั้ง เธอนั่งสมาธิต่ออีกประมาณสิบห้านาที กำหนดลมหายใจเข้าออก แล้วรวบรวมความคิดไม่ให้ฟุ้งซ่าน ตอนล้มตัวลงนอนรู้สึกถึงความสงบมากกว่าทุกครั้ง

สายลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศบนผนังห้องพัดไอร้อนเลือนหาย เหลือเพียงอากาศแสนสบาย พาเจ้าของร่างระหงบนเตียงนอนเคลิ้มหลับ

เหมือนฝันมารู้สึกตัวอีกครั้ง พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงภายในห้องกว้าง ทว่ามันไม่ใช่เตียงของเธอ สังเกตจากสีของผ้าปูเตียงที่ผิดแผก กลิ่นคาวเลือด และรอยคล้ำสีแดงเลือดหมูเป็นวงกว้าง ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว

ไม่ เธอยังไม่ตื่น นี่คือความฝันสินะ หญิงสาวผวากระถดตัวถอยลงจากเตียง สองตากวาดมองรอบห้อง ความรู้สึกคุ้นเคยแล่นเข้ามาเยือนจิตใจ จึงลองพยายามลำดับความคิด เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวในฝันครั้งนี้กับความฝันก่อนหน้า

ใช่ เธอเคยเห็นห้องนี้มาก่อน มันเป็นภาพห้องนอนเดียวกับตอนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกแทงตายอยู่บนเตียง ฝันครั้งนี้เป็นตอนต่อจากความฝันน่าสยดสยองครั้งนั้นหรืออย่างไร

น่าแปลก ความฝันครั้งนี้ไม่วูบวาบ เอนไหวเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา หญิงสาวหยุดยืนนิ่งอยู่กลางห้องนานเท่าใดก็สุดรู้ แต่เธอไม่ได้กระโจนข้ามสู่ความฝันอื่นๆเหมือนทุกครั้ง เธอยังยืนอยู่กลางห้องนอนข้างเตียงเปื้อนเลือดตามลำพัง จวบจนกระทั่งมีเสียงกุกกักดังมาจากด้านนอกห้อง ทำให้เริ่มตื่นตระหนก

มีสิ่งใดรอคอยอยู่ด้านนอกใช่ไหม แล้วเธอพร้อมจะเผชิญหน้ากับมันมากน้อยแค่ไหน!

------------------------------------------------------------------------

มาต่อครึ่งหลังแล้วนะคะ ช่วงนี้ตาไม่ค่อยดี อาจไม่ได้เข้ามาทุกวันแล้ว
แต่ตอนหน้าจะมาลงพรุ่งนี้นะคะ แล้วต่อไปจะขอเปลี่ยนเวลาลองมาเป็น จันทร์ พุธ ศุกร์ แทน
วันนี้ขออนุญาตไม่ตอบคอมเมนต์นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตามอ่านค่ะ > /\ <




ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2557, 10:51:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2557, 10:51:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1255





<< บทที่ ๕ ในความชิดใกล้ (๑)   
ketza 18 ก.ย. 2557, 10:56:39 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
มาแย้วววว


ภาวิน 18 ก.ย. 2557, 11:07:19 น.
รีบถนอมสายตาไว้ อายุยังน้อย พ่อหนุ่มมังสะวิรัติ รูปหล่อ แสนดี ได้ใจสาวๆจริงๆ


บุลินทร 18 ก.ย. 2557, 11:16:20 น.
หาวิตามินมาบำรุงด้วย หายไวๆ เจอกันงานหนังสือออออ


yimyum 18 ก.ย. 2557, 11:17:25 น.
ฝันนะวังเจออะไรนะ


patok 18 ก.ย. 2557, 12:27:49 น.
ตื่นเต้นๆ อะไรรออยู่ข้างนอก


นักอ่านเหนียวหนึบ 18 ก.ย. 2557, 12:56:50 น.
เป็นโรคเดียวกะฝันรึป่าววว 555 ดูแล บำรุงตัวเองดีๆนะค้าาา
พักผ่อนเยอะๆ
ว่าแต่ นายดินเนี่ยยย จะให้ไว้ใจได้เมื่อไหร่งะ หลงเชืาอใจไปเยอะละนะ


goldensun 18 ก.ย. 2557, 17:58:11 น.
เริ่มมีปัญหาทางสายตา ต้องห่างคอมบ้างแล้วค่ะ พักสายตา หาอาหารที่บำรุงดวงตาด้วย
วีนี่ กล่อมคนเก่งจริงๆ ทำให้ฝันกล้าจะสู้กับฝันร้ายได้ซะด้วย และดูแล้ว ท่าทางจะคุมสติได้ดีกว่าที่ผ่านมา


พันธุ์แตงกวา 18 ก.ย. 2557, 18:38:35 น.
กินรูทีนช่วยได้มากเลยน้องซี แม่พี่ดีขึ้นเยอะเลย
ว่าแต่เจ้ก็ชอบกินผักนะคุณวี กินผักแล้วแข็งแยง หนูฝันกล้าสู้แล้ว ลุยเลย!!!


nako 18 ก.ย. 2557, 22:50:42 น.
หนูฝันจะเจอกับความฝันแบบไหนน๊า


lovemuay 18 ก.ย. 2557, 23:23:07 น.
จะคุมความฝันได้มั๊ยน้าา รู้สึกว่าพ่แพระเอกของเราจะรุกคืบแบบเงียบๆนะคะ อิอิ


ketza 19 ก.ย. 2557, 07:58:30 น.
เหมือนฝันสู้ๆน๊าาาา คุงวีน่าจะมานอนเป้นเพื่อน เอิ้กๆๆๆๆ 0;0


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account