กรงพสุธา [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
ความดีและเลวก็มีแค่เส้นแบ่งบางๆขวางกั้น
หากก้าวผ่านมันไปแล้วคงไม่มีวันย้อนกลับ

คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ควรจะจบลงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วกำลังย้อนรอยกลับมาอีกครั้ง!
เมื่อโชคชะตาพัดพาให้ เหมือนฝัน หลงเข้าไปในห้องแห่งดินของ บ้านปรารถนา ฝันร้ายของเธอก็กลับคืนมา หญิงสาวฝันถึงเหตุฆาตกรรมฝังดิน ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับคดีเมื่อสิบแปดปีก่อน จึงตัดสินใจออกค้นหาความจริง จนได้รู้จักกับ ปัถวี ชายหนุ่มผู้มีอำนาจจิตในการควบคุมธาตุดิน ทั้งสองพยายามตามหาตัวฆาตกรพร้อมๆกับการเกิดเหตุฆาตกรรมคดีแล้วคดีเล่า และดูเหมือนแต่ละคดีจะโยงใยถึงกัน ที่สุดแล้ว พวกเขาจะตามหาฆาตกรตัวจริงพบหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน!
Tags: ๕ปรารถนา เหมือนฝัน ปัถวี วังวนวารี ทองพญามาร

ตอน: บทที่ ๕ ในความชิดใกล้ (๑)



หลังเลิกงาน เหมือนฝันใช้เวลาในการเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาห้างสรรพสินค้าที่นัดหมาย หญิงสาวขึ้นบันไดเลื่อนมาจนถึงชั้นเกือบบนสุดของห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันกวดวิชาต่างๆ เธอเหลียวซ้ายแลขวา ยืนอยู่แถวทางขึ้นบันไดเลื่อนประมาณห้านาที จึงเห็นเจ้าของร่างสูงกำยำเปิดประตูกระจกออกมาจากสถาบันสอนศิลปะแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดที่ยืนอยู่เพียงไม่กี่เมตร

ปัถวีในค่ำวันนี้อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตากับกางเกงสแลกส์อย่างคนวัยทำงานทั่วไป ชายหนุ่มกำลังดันประตูกระจกค้าง เปิดทางให้หญิงสาวด้านหลังจับจูงเด็กชายฝาแฝดเดินตามติดออกมา เหมือนฝันเห็นเด็กน้อยทั้งสองยกมือไหว้ชายหนุ่ม ก่อนทั้งคู่จะสะพายกระเป๋าที่ปัถวียื่นให้ เดินตามแรงจูงของมารดา ตัดหน้าเธอลงบันไดเลื่อน เหลือเพียงเธอและชายหนุ่มอยู่บริเวณนี้

ไม่ถึงอึดใจ ปัถวีก็สาวเท้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาว รอยยิ้มละมุนประดับชัดบนดวงหน้าคม

“กำลังนึกหวั่นอยู่เชียวว่าฝันจะยอมมาหาผมไหม”

เหมือนฝันขมวดคิ้ว รู้สึกไม่คุ้นชินนักกับสรรพนามยามเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่น มันพาหัวใจเต้นแรงแปลกๆ

“นัดกันแล้วนี่คะ ต้องมาสิ” เธอบอกพลางหันไปจดจ้องชื่อสถาบันที่ชายหนุ่มเดินออกมา “คุณเป็นครูสอนศิลปะเหรอคะ”

“ครับ แต่ส่วนใหญ่สอนวาดรูปให้กับเด็กเล็กๆอย่างฝาแฝดเมื่อครู่นี้ไง นักเรียนของผม”

เหมือนฝันตาโตกับคำตอบของเขา อดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตามองชายตรงหน้าอีกครั้ง พลันได้ยินเสียงหัวเราะขบขันดังจากอีกฝ่าย

“ท่าทางคุณไม่เชื่อ”

“แหม...” เธอบ่นงึมงำ ก้มหน้าหลบสายตาคมซึ่งจดจ้องมาด้วยแววตาประหลาด “ถ้าไม่ได้เห็นกับตา คงยากจะเชื่อว่าคุณเป็นครูสอนศิลปะเด็กเล็ก”

“แล้วคุณคิดว่าผมเหมาะจะทำอาชีพอะไรล่ะครับ”

“ไม่รู้สิคะ แต่น่าจะเป็นผาดโผนกว่านี้ละมั้ง”

“เมื่อก่อนผมเคยเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์วิบาก” เขาก้มลงยิ้มใส่ตาเธอ เห็นดวงตาสีน้ำตาลเบิกโตอย่างคนกำลังทึ่งกับอาชีพในอดีต

“ฟังดูเหมาะกับคุณดี”

“ผมชอบนะ แต่แม่ไม่ค่อยปลื้มกับอาชีพนี้เท่าไร ผมเลยเลิกแข่ง หันมาใช้เวลาอยู่กับเด็กๆแทน” เขาตอบพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ขณะเอ่ยถาม “ใกล้ค่ำแล้ว อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อได้ไหมครับ”

“เพิ่งจะหกโมงกว่าเอง ฉันยังไม่หิวเลยค่ะ”

วูบหนึ่ง ปัถวีมองเห็นรอยไหวระริกในดวงตาสีน้ำตาลคู่สวย ก่อนมันจะเลือนหายเหลือเพียงความสงบนิ่งดังเดิม

เธอยังไม่เลิกหวาดระแวงเขา ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเบาๆ พยายามหากลเม็ดเรียกความไว้วางใจจากเธอ

“งั้นลงไปเดินเล่นข้างล่างกันไหม มีสวนสาธารณะอยู่ข้างๆนี้ ตอนเย็นถ้าไม่มีตารางสอนเด็ก ผมมักไปวิ่งออกกำลังกายประจำ” เขาสำทับประโยคสุดท้าย หวังซื้อใจเธอ

“ลงไปเดินเล่นก็ได้ค่ะ”

ปัถวียิ้มมุมปาก ผายมือชวนอีกฝ่ายเดินลงบันไดเลื่อนมาด้วยกัน “แล้วคุณล่ะฝัน ทำงานอะไร เรียนจบรึยัง”

“นี่คำชมรึเปล่าคะ ฉันเรียนจบมาหลายปีแล้ว ทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไปนี่แหละค่ะ แต่โชคดีหน่อยตรงได้ทำงานในสาขาอาชีพที่เรียนมา”

เหมือนฝันไม่รู้ตัวเลยว่าตลอดระยะเวลาที่เดินตามชายหนุ่มออกมาจากห้างสรรพสินค้าสู่สวนสาธารณะด้านข้าง เธอเล่าเรื่องส่วนตัวให้อีกฝ่ายฟังค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องครอบครัวซึ่งเหลืออยู่เพียงลำพังสองพ่อลูก เรื่องราวชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เลยมาจนถึงฝันร้ายที่กลับมาตามหลอกหลอน กว่าจะเดินถึงสวนสาธารณะ ท้องฟ้าก็เหลือเพียงสีฟ้าหม่นอ่อนๆ ตัดกับสีส้มอมทองอร่ามของแสงสุริยายามใกล้ลาลับฟ้า สนธยากำลังมาเยือนตอนเหมือนฝันทรุดกายลงบนม้านั่ง ห่างไปไม่ไกลคือทางเดินซีเมนต์ คลาคล่ำด้วยผู้คนที่มาจ๊อกกิ้งยามเย็น ถัดไปอีกหน่อยบนลานกว้างมีกลุ่มคนแปดคนกำลังรวมตัวกันซ้อมเต้นบีบอยอยู่

หญิงสาวให้ความสนใจกับการแสดงอยู่พักใหญ่ เนื่องจากปัถวีขอตัวเดินออกไปหาเครื่องดื่มให้เธอ สองตามองตามร่างกำยำผึ่งผายในชุดเสื้อกล้ามสีเข้ม อวดกล้ามแขนล่ำเต็มไปด้วยรอยสัก กำลังใช้แขนเพียงข้างเดียวยกตัวเองขึ้นสู่กลางอากาศ ท่าทางเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วเปี่ยมพลัง เรียกสายตาหลายคู่ให้ต่างหันมอง จวบจนกระทั่งเสียงเพลงจากโทรศัพท์ในกระเป๋าดัง เธอจึงเบนความสนใจมายังเสียงเรียกเข้า แปลกใจเมื่อเห็นว่าใครโทร.มา

“ว่าไง”

“โอ๊ย กว่าจะรับได้สักที รู้ไหมฉันโทร.หาแกตั้งกี่รอบแล้ว” เสียงอติวัจน์โวยวายมาตามสายเป็นอย่างแรก

“อยู่ข้างนอกนี่หว่า สงสัยไม่ได้ยิน” เหมือนฝันบอกไปตามจริง ก่อนนึกสงสัย “แล้วมีอะไรรึเปล่าถึงโทร.มาหา อย่าบอกนะว่าแกโทร.มาเรื่องลุตาอีก ไม่เอาแล้วนะโว้ย เข็ดแล้ว” เธอบ่น ยังจำคำพูดของมาลุตาครั้งสุดท้ายได้

นี่แหละนะ อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องเอากระดูกมาแขวนคอตัวเองจริงๆ

“เปล่า ไม่ได้โทร.มาขอให้ช่วยเรื่องน้องลุตาแล้ว แต่พูดจาแบบนี้แปลว่าแกไม่ได้อ่านข่าวเลยใช่ไหม”

คิ้วโก่งงามขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ลางสังหรณ์เตือนให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร

“ข่าวอะไร” เหมือนฝันแกล้งไม่เข้าใจ ทั้งที่พอจะรู้ความคิดของอติวัจน์แล้ว

“ข่าวฆาตกรรมหญิงนิรนามหลังสวนสนุกไง ฉันเพิ่งเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ พอนับๆวันดูแล้วสยองใช่เล่น กลัวเหยื่อจะเป็นแก แต่พอมาคิดอีกที ฉันเห็นแกยังเล่นเฟซบุ๊กอยู่นี่หว่า วันก่อนโพสต์อะไรขึ้นไปนะ รูปต่างหูใช่ไหม”

“เออ ต่างหูฉันขาด” น้ำเสียงของเหมือนฝันเจือรอยเศร้า

“โธ่ กะอีแค่ต่างหู ไม่เห็นต้องเศร้าขนาดนั้นเลย แกนี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้ แค่ต่างหูข้างเดียว มันจะไปดักจับฝันร้ายได้ยังไง”

เหมือนฝันนึกโมโหกับความช่างวิจารณ์ของคนปลายสาย เนื่องจากเธอกับอติวัจน์รู้จักกันมานาน หญิงสาวเคยบ่นเรื่องฝันร้ายให้เพื่อนชายฟังอยู่หลายครั้ง แต่ฝ่ายนั้นไม่มีท่าทีจะเชื่อถือคำพูดเธอสักนิด เลยไม่เข้าใจว่าเหตุใดเธอจึงหวาดกลัวกับความฝันนัก

“เออๆ แกไม่เชื่อก็เรื่องของแก ช่างมันเถอะ ยังไงมันก็ขาดไปแล้ว” เธอตัดบท พลางถามต่อ “แล้วตกลงนี่โทร.มาหาเรื่องอะไร”

“ก็เรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์นั่นแหละ ถึงจะเห็นแกในเฟซบุ๊กก็ยังอดห่วงไม่ได้ เลยโทร.มาให้แน่ใจ” ความมีน้ำใจของอติวัจน์ทำให้เหมือนฝันเผลอยิ้ม แต่เพียงไม่นานฝ่ายนั้นก็ร้องโวยวายจนเธอนิ่วหน้า “เฮ้ย หรือจะเป็นยายเพชร ฉันไม่ได้คุย ไม่ได้เห็นยายนี่เล่นเฟซบุ๊กเลย”

“พอๆ อย่าเพิ่งบ้า” เหมือนฝันปรามเพื่อนซึ่งกำลังทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม “เหยื่อในข่าวนั่นไม่ใช่คนที่แกรู้จักแน่”

“แกรู้ได้ไงว่าไม่ใช่ยายเพชร เดี๋ยวฉันลองโทร.ไปหาดู ดีไหมวะ”

“ไม่ต้องหรอก ไม่ใช่ยายเพชรแน่”

“พวกแกคุยกันแล้วงั้นสิ”

เหมือนฝันไม่ได้ตอบคำถามอติวัจน์ เนื่องจากเธอไม่ได้โทร.หาน้ำหนึ่ง และไม่เห็นความจำเป็นใดต้องโทร. เนื่องจากรู้แจ้งแก่ใจดีว่าเหยื่อในคดีเป็นหญิงสาวที่เธอไม่รู้จัก แหงละ เธอเห็นหน้าเหยื่อตั้งแต่ตอนยังไม่เป็นศพนี่นา

“ไม่มีอะไรหรอกน่าไอ้อติ แต่ขอบใจนะที่เป็นห่วงกัน” เธอบอก เห็นปัถวีกำลังเดินกลับมาพร้อมน้ำอัดลมสองกระป๋องในมือ “ฉันต้องไปแล้ว”

“เดี๋ยวสิแก กว่าจะรับสายได้ ฉันต้องกระหน่ำโทร.เป็นสิบๆรอบ รับแล้วคุยแค่เนียะ ไม่ใจเลยว่ะ” เพื่อนช่างจ้อไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ ยังส่งเสียงที่มีร่องรอยความดีใจต่อไป “นี่ๆ ฉันจะบอกข่าวดีให้แกรู้ น้องลุตายอมมาทำงานที่บริษัทแล้วนะเว้ย คราวนี้ฉันไม่ต้องรบกวนแกอีกแล้วละ”

หญิงสาวรู้สึกโล่งใจเพราะคิดว่าจะหลุดพ้นจากภาระอันน่าหนักอกเสียที ภาวนาว่านับจากนี้อติวัจน์จะไม่โทร.มาปรึกษาปัญหาหัวใจอีก

“เออ ขอให้แกโชคดีเถอะ” หญิงสาวตอบรับเรียบง่าย หวังว่าการไม่ถามถึงมาลุตาจะทำให้การสนทนาจบลง

แต่เธอคิดผิด! อติวัจน์ยังไม่ยอมวางสาย เขาร่ายยาวต่อตามประสาคนช่างพูด เหมือนฝันจึงต้องเป็นฝ่ายตัดบท เพราะปัถวีเดินมาทรุดกายลงนั่งข้างๆ หญิงสาววางสายแล้วหันมองชายหนุ่ม ยิ้มขอบคุณตอนเขาส่งน้ำอัดลมกระป๋องเย็นเจี๊ยบมาให้

“เพื่อนเหรอครับ” คำถามแรกของปัถวีสร้างความรู้สึกแปลกๆในหัวใจคนถาม ก่อนเลือนหายเมื่อชายหนุ่มขยายความต่อ “พอดีผมได้ยินคุณพูดถึงคดีฆาตกรรม”

“อ้อ ค่ะ เพื่อนฉันโทร.มาเพราะเป็นห่วง เขาเพิ่งเห็นข่าวเลยตื่นตูมนิดหน่อย ช่วงเวลาเกิดเหตุมันอยู่แถวๆตอนพวกเราไปเที่ยวสวนสนุกกันพอดี” พูดออกไปแล้ว เหมือนฝันก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา

นั่นสิ เหยื่อรายนั้นอาจจะตายก่อนหรือหลังจากพวกเธอเข้าบ้านปรารถนาไม่นาน ดีไม่ดี พวกเธออาจเดินสวนกับฆาตกรในสวนสนุกมาแล้วก็เป็นได้ ยิ่งคิด ภายในใจยิ่งหนาวยะเยือกด้วยความหวาดกลัว พลอยให้คนนั่งข้างๆสังเกตเห็นสีหน้าซีดเซียวของเธอ

“เหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว พวกคุณกับเพื่อนกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วนะครับ” คำเตือนคล้ายนั่งอยู่กลางใจเธอของปัถวี ทำให้เหมือนฝันได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้

“นั่นสินะ ทุกอย่างผ่านพ้นไปหมดแล้ว” เธอเอ่ยคล้ายปลอบใจตัวเอง ก่อนทำหน้าเศร้า “แต่น่าเสียดาย ฉันมองไม่เห็นหน้าฆาตกร แถมเท่าที่ตามข่าวดู ตำรวจยังไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้เลยนะคะ”

“ปล่อยให้เป็นงานของตำรวจเถอะฝัน เราคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้”

คำตอบของปัถวีทำให้เธอหวนนึกถึงบทสนทนาเมื่อวันก่อนระหว่างเธอกับลุงพัทธ์

‘ลุงถามจากเพื่อนที่รับผิดชอบคดีนี้อยู่ ฟังดูแล้วน่าจะเป็นความบังเอิญหรือฆาตกรรมลอกเลียนแบบมากกว่า’

‘ไม่ใช่ฆาตกรรายเดียวกับที่ฆ่าแม่ของฝันแน่เหรอคะ แล้วทำไมเขาถึงใส่หน้ากากเหมือนกัน’ หญิงสาวย้ำถามพัทธ์อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แม้จะเชื่ออยู่ลึกๆว่ากษิดิ์น่าจะตายไปแล้ว แต่หลายครั้งเหมือนฝันก็นึกสงสัย

เมื่อไม่พบศพ จะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือที่เขายังมีชีวิตอยู่!

‘ไม่มีใครรู้เรื่องฆาตกรใส่หน้ากากหรอกหนูฝัน เพราะคดีนี้ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์ แต่หลักฐานจากลักษณะการผูกเงื่อนบนข้อมือและข้อเท้าเหยื่อของฆาตกรรายนี้กับคดีเมื่อสิบแปดปีก่อนไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นคนคนเดียวกัน’

เพราะคำยืนยันของพัทธ์ในวันนั้น เหมือนฝันจึงยอมปล่อยวางเรื่องคดีฆาตกรรมฝังดินได้ เมื่อคนร้ายไม่น่ามีความเกี่ยวข้องกับการตายของกรัณฑา






ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2557, 10:28:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2557, 10:28:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1229





<< บทที่ ๔ ผู้ชายอันตราย (๒)   บทที่ ๕ ในความชิดใกล้ (๒) >>
ketza 16 ก.ย. 2557, 10:31:06 น.
จองพื้นที่ไว้ก่อนค้าาา จุ๊บๆๆๆ


ริญจน์ธร 16 ก.ย. 2557, 10:53:41 น.
ตอบคอมเมนต์ค่า
คุณ Ketza จองแล้วตามมาอ่านด้วยน้าาาา

คุณ น้ำหนึ่ง 555 เกดซ่าก็ดูท่าจะเตรียมฉกอยู่นะ

คุณ Yimyum เจอกันแล้ว คุณวีคงไม่ยอมถอยห่างง่ายๆ ต่อไปคงต้องเริ่มรุกหนักแล้ว

คุณ อสิตา แหม ไม่อันตรายเท่าพี่เก้าหรอก ล้วงคอหูเง่าก็ทำมาแล้วนี่นา

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ อืม แต่ใครเป็นคนเอาศพไปฝังน้อ คงต้องติดตามกันต่อไป แต่ตอนนี้ไปหาคุณวีก่อนดีกว่าเนอะ

คุณ พันธุ์แตงกวา น่านนสิ คุณวีน่าสงสารเนอะ เจ้อยากช่วยปลอบใช่ม้าาา

คุณ lovemuay เพื่อนจริงจริ้ง คุณวีไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเล้ยยยยยย

คุณ บุลินทร เหมือนฝันขี้กลัวไว้ก่อน แต่ดูแล้วเสน่ห์แบบนี้ไม่รู้จะต้านไปได้เท่าไร

คุณ goldensun อันตรายในหลายแง่ค่า ทั้งในแง่ความปลอดภัยและ...จิตใจ

คุณ nako 555 มีคนมาเชียร์คุณวีแบบนี้ อีกเดี๋ยวคงรุกหนักกว่าเดิม


นักอ่านเหนียวหนึบ 16 ก.ย. 2557, 13:20:53 น.
หนายยยยอะ คุณวิอ้ะ หนายยยยย ไม่เห็นมีเล้ยยยยย
แอบสั้นนะเนี่ย


อสิตา 16 ก.ย. 2557, 14:27:01 น.
วันนี้ลงติดกันได้ งดงามมากเลย ปัถวีแต่งตัวหล่อ ชอบผชธาตุดิน ดูมั่นคง


yimyum 16 ก.ย. 2557, 17:53:16 น.
บางครั้งคนๆ เดียวกันแต่ไม่อยากให้จับได้ก็อาจจะเปลี่ยนวิธีการผูกเงื่อนก็ได้นี่คะ มีตั้งหลายแบบแหนะ
ป.ล. ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะ อยากพูดมานานแล้ว ^^ "เชื่อเลยว่า นิยายทุกเรื่องต้องมีชื่อหนู หมอยิ้มฟันธง ^^


พันธุ์แตงกวา 16 ก.ย. 2557, 20:15:55 น.
งื้อ ฆาตกรรมลอกเลียนแบบรึ ทำไมมันเพิ่งมาโผล่ แต่เจ้ว่ามันอาจเป็นไอ้คนโน้นที่ยังไม่ตายกลับมารึเปล่า มันอาจจะพัฒนารูปแบบไปยุคสมัยไง
คุณวีออกมาแว่บๆก็หล่อแล้ว ชื่นใจ


ketza 16 ก.ย. 2557, 22:37:21 น.
มาแว้ววว ฮั่นแน่ มีแอบหึงอ่ะเปล่าน๊อออ
คุงวีสู้ๆๆๆ รุกคืบเยยย เอิ้กๆๆๆ


lovemuay 16 ก.ย. 2557, 23:19:20 น.
คนคนนั้นยังไม่ตาย หรือว่าเป็น copycat กันแน่น้า สงสัยจัง...


patok 17 ก.ย. 2557, 10:27:43 น.
อารมณณ์ค้างอ่ะค่ะ 55+


goldensun 17 ก.ย. 2557, 18:36:08 น.
คำถามแรกของปัถวีสร้างความรู้สึกแปลกๆในใจคนถาม คนถูกถามรึเปล่าคะ ที่รู้สึกแปลกๆ
ฝันกล้ามาพบวี แต่ก็ยังระแวงอยู่บ้าง ลุ้นวีตีสนิทค่ะ ยังไงก็ถือเป็นผู้ช่วยชั้นดี ฝีมือดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account