เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
ประพันธ์โดย...กันต์ระพี
(ลิขสิทธิ์งานเขียนเรื่องนี้เป็นของสนพ. Touch publishing)

อลิส..นักโจรกรรมสาวพราวเสน่ห์หวังช่วงชิงไดมอนด์เฟอร์เซีย แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันนำเธอสู่ทะเลทราย ดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งรัก

เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น!!
หมายเหตุ...
งานเขียนเรื่องนี้เดิมทีชื่อพยัคฆ์สาวเจ้าหัวใจชีค
ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่อง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 5

“ถ้าหม่อมฉันจะขอชมไดมอนด์เฟอร์เซียสักครั้งจะได้ไหมเพคะ”

แรกทีเดียวชีคลาซิสทำท่าจะตอบรับ แต่ทรงสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนใบหน้าของนักข่าวสาวเสียก่อนก็เลยนิ่งไป ด้วยนึกฉงนขึ้นมาครามครัน แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าเวลานี้ไฝสีดำที่แต่งแต้มเหนือริมฝีปากนั้นเลือนลางแทบจะจางหาย

“ได้ไหมเพคะ ขอหม่อมฉันชมสร้อยเส้นนั้นเป็นบุญตาสักครั้งเถอะเพคะ”

อลิสยังคงแย้มยิ้มและถามย้ำด้วยถ้อยคำเดิมๆ แม้ชีคลาซิสจะไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่การหยิบกุญแจทองคำที่ร้อยรวมกับแม่กุญแจในสร้อยเส้นนั้นมาปลดล็อก เผยสร้อยเพชรน้ำงามนามไดมอนด์เฟอร์เซียปรากฏสู่สายตาหล่อนก็เป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี

อลิสยิ้มพราย เมื่อเห็นแสงระยิบระยับทอประกายเหนือกำมะหยี่สีแดงสดที่ห่อหุ้มอยู่ภายในแม่กุญแจที่มีรูปร่างคล้ายทับทรวง หล่อนแทบจะไม่ได้ออกแรงเสียด้วยซ้ำ แค่พูดคำหวานแค่ไม่กี่คำ สร้อยเพชรล้ำค่าก็มาอยู่ตรงหน้า นี่แหละหนา...เขาถึงว่ามารยาหญิงมีร้อยเล่มเกวียน

ครั้นชำเลืองมองชีคหนุ่มแล้วเห็นว่าไม่ได้ระวังตัวก็ย่ามใจ วูบหนึ่งของความคิด หล่อนคิดจะช่วงชิงสร้อยเพชรล้ำค่าซึ่งๆ หน้า อย่างน้อย...เวลานี้เขาก็สวมใส่เสื้อผ้าครบ ไม่ได้โป๊เปลือยอย่างคืนก่อน หล่อนคงไม่เสียทีง่ายๆ หรอก ไวเท่าความคิด...อลิสคว้าสร้อยเข้ามาไว้ในอุ้งมือ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฝ่ามือหนาตะปบลงมาที่ข้อมือหล่อนแล้วออกแรงบิดราวกับตั้งท่ารออยู่ก่อน

“โอ๊ยย...!”

อลิสจำต้องปล่อยสร้อยเพชรน้ำงามลงสู่พื้น เมื่อลำแขนถูกกระชากกลับมาตรึงติดที่ด้านหลัง แต่หล่อนก็แก้ไขสถานการณ์กลับอย่างรู้หลัก อาศัยความไวตะปบเสื้อชีคหนุ่มแล้วหมุนตัวกลับ พลางขยับสะโพกส่งร่างใหญ่โตลอยละลิ่วข้ามศีรษะลงไปนอนแอ้งแม้งตามแบบฉบับนักสู้แดนซากุระ

อลิสเหยียดยิ้มอย่างสาแก่ใจ เมื่อได้ยินเสียงสบถหลุดจากปากชีคหนุ่ม หล่อนไม่รอให้เขาลุกขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากแต่ฉวยสร้อยเพชรน้ำงามที่ตกอยู่ข้างตัวแล้วเผ่นแนบ ทว่าร่างใหญ่โตที่นอนแอ้งแม้งเมื่อครู่กลับพุ่งเข้าชนหล่อนจนล้มกลิ้งไปด้วยกัน

การประลองจึงเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ชีคหนุ่มไม่ได้ใช้กำลังในการต่อสู้ หากแต่ใช้ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อของบุรุษเข้าต่อกรอย่างเจ้าเล่ห์ ทั้งกอดรัด...ทั้งสัมผัสไปทั่วตัวหญิงสาวอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ซึ่งการทำตัวไม่ต่างจากปลาหมึกก็ได้ผลชะงัดนัก

“นี่อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะ บอกว่าอย่ามาแตะต้องตัวฉันไง ปล่อยสิ! ปล่อย...” อลิสเอ็ดตะโรเสียงลั่น พลางปัดป้องและปกปิดเนื้อตัวเป็นพัลวัน ประสาทรั่วกับมือไม้ที่ยุ่มย่ามจนหลงลืมหลักการต่อสู้ไปหมด

“ฝันไปเถอะ คราวก่อนคุณทำผมจุกแทบตาย คราวนี้ก็ถึงตาของผมบ้าง”

อลิสทั้งดิ้นทั้งผลัก พยายามจะสะบัดข้อมือจากการจับกุม แต่คนข่มขู่ที่คาดโทษออกมาเสียงดังนั้นกลับจับแน่น ซ้ำยังลากตัวหล่อนมาที่โซฟาแล้วรั้งร่างมาพาดตัก

“จะทำบ้าอะไรของคุณ ปล่อยฉันนะ!”

“ก็จะสั่งสอนคนฤทธิ์มากยังไงล่ะ ตัวเล็กนิดเดียวริจะเป็นโจร มันต้องโดนแบบนี้!” สิ้นรับสั่งนั้น พระหัตถ์ที่เงื้อขึ้นก็ฟาดลงบนสะโพกงอนงาม ส่งผลให้ร่างบางที่พาดอยู่บนพระเพลาถึงกับสะดุ้ง

“อีตาชีคบ้า! มาตีฉันทำไมเนี่ย หยุดเดี๋ยวนี้นะ...หยุดสิ!” อลิสประท้วงน้ำตาริน หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ครั้นจะลุกหนีความเจ็บแปลบที่มาเยือนพร้อมฝ่ามือหนักๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ติดท่อนแขนอีกข้างของชีคหนุ่มที่ทิ้งน้ำหนักตัวกดทับลำตัวด้านหลังของหล่อน

“จะวอนขอทำไม เก่งนักไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่เก่งให้ได้ตลอด วันนี้แหละจะสั่งสอนคนอวดดีให้หลาบจำเสียบ้าง กล้าดียังไงมาล้วงคอราชสีห์ ฝีมืออ่อนหัดอย่างนี้ อีกสิบปีก็อย่าหวังว่าจะได้แตะไดมอนด์เฟอร์เซีย”

อลิสกัดฟันกรอดทีเดียว โมโหที่ทำอะไรไม่ได้ เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจที่ถูกหยามมากกว่า และวินาทีนั้นเองหล่อนก็คิดหาทางออกและเอาคืนชีคหนุ่มได้สำเร็จ ด้วยการเอี้ยวตัวแล้วอ้าปากงับสีข้างของเขาอย่างแรง

“โอ๊ยย...!”

ชีคลาซิสทรงผลักร่างบางลงจากพระเพลาอย่างลืมตัว เมื่อความเจ็บแปลบนั้นมาเยือนอย่างปัจจุบันทันด่วน ซึ่งเสียงร้องไม่เบานักก็ทำให้ทหารสี่ห้านายที่ยืนเวรยามหน้าประตูต่างกรูเข้ามาในห้อง เข้าล้อมตัวอลิสที่เพิ่งจะได้รับอิสระหมาดๆ หล่อนจึงหมดโอกาสที่จะวิ่งเข้าไปคว้าสร้อยเพชรเส้นงาม

อลิสรู้ตัวว่าตกเป็นรองก็กระชากกระดุมเสื้อสามสี่เม็ดแล้วปาลงพื้น เสียงปะทุที่ดังขึ้นทำให้ชีคหนุ่มกับทหารสี่ห้านายต่างกระโดดหลบหนีตายกันจ้าละหวั่น วินาทีที่ระเบิดควันทำงาน...อลิสก็อาศัยช่วงชุลมุนนั้นพุ่งตัวไปที่ระเบียงด้านนอก พลางกระชากเข็มขัดที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นพิเศษเกี่ยวกวัดแล้วเหวี่ยงตัวลงไปชั้นล่าง โดยทิ้งความโกลาหลกับเสียงไอจามไว้เบื้องหลัง

“แค่ก...แค่ก...ตามไปสกัดจับตัวผู้หญิงคนนั้นกลับมา จับมาให้ได้!” ชีคลาซิสร้องสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ พลางถลาตามติดไปที่ระเบียง แต่ไม่ทันเสียแล้ว

“ให้ตายสิ! ไวอย่างกับปรอท” ชีคลาซิสสบถออกมาแล้วสาวพระบาทกลับเข้ามาในห้องที่ประทับ เก็บไดมอนด์เฟอร์เซียที่ตกอยู่บนพื้นใส่ไว้ในสร้อยพระศอตามเดิมแล้วดำเนินเข้าไปในห้องบรรทม ปล่อยให้อับดุลลาที่เพิ่งทราบเหตุกระจายกำลังตรวจค้นภายในห้อง

ครั้นเวลาผ่านไปสักพักแล้วยังไม่เห็นเงาของทหารสี่ห้านายที่สั่งให้ติดตามหัวขโมยสาว ชีคลาซิสเริ่มหงุดหงิด กระวนกระวายจนนั่งไม่ติด กำลังจะออกไปสอบถาม แต่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“เข้ามา!”

“ขอเดชะ กระหม่อมกับสมัครพรรคพวกตรวจค้นบริเวณชั้นล่างทั้งหมดแล้ว แต่ไม่พบผู้หญิงคนนั้น นอกจากสิ่งนี้พระเจ้าค่ะ” หนึ่งในทหารชั้นผู้น้อยกราบทูลแล้วทำท่าจะยื่นวิกผมไปเบื้องพระพักตร์ แต่กลับต้องหดมือกลับโดยไม่ต้องรอให้คนเป็นนายสั่ง เมื่อสบเข้ากับพระเนตรคมที่ฉายเพลิงโทสะ

“เอาออกไป...แล้วไสหัวออกไปให้หมดทุกคน! ทำงานไม่ได้เรื่องจริงๆ” ชีคลาซิสมีรับสั่งอย่างเคืองขุ่น โมโหโกรธา ด้วยทรงมีชายชาติทหารนับสิบเป็นมือเป็นเท้า แต่กลับจับผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ได้ หากใครรู้เข้าว่าทหารซาร์รียาร์กไร้น้ำยาคงไม่พ้นคำนินทา ช่างน่าละอายนัก!

“แต่...แต่ยังมีการ์ดอีกใบนะพระเจ้าค่ะ”

ชีคลาซิสตวัดสายพระเนตรคมมาหยุดที่ทหารผู้นั้น แล้วยื่นพระหัตถ์ออกไปรับการ์ดมาทอดพระเนตร

อีกครั้งก็เกินพอ ไม่ต้องรอถึงสิบปีหรอก พริตตี้วันเดอร์...

“อยากลองดีนักใช่ไหม ได้...แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!” ชีคลาซิสคำราม พลางขยำการ์ดในพระหัตถ์แล้วปาทิ้ง พระพักตร์คมเข้มแดงก่ำด้วยความโกรธ ด้วยไม่เคยมีผู้ใดกล้ากระทำการท้าทายพระองค์เช่นนี้มาก่อน

“อับดุลลา...อับดุลลาเจ้าอยู่ที่ใด!”

รับสั่งที่เรียกหาหัวหน้าราชองครักษ์ ทำให้เจ้าตัวที่ยืนสั่งงานผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาให้ตรวจค้นห้องที่ประทับทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของชีคหนุ่มต้องรีบถลาไปในห้องบรรทม

“พระเจ้าค่ะ เกล้ากระหม่อมอยู่นี่พระเจ้าค่ะ”

“ติดต่อบริษัทอัญมณีในเครือ บอกว่าเราจะจัดงานแสดงเครื่องเพชรและนำไดมอนด์เฟอร์เซียไปแสดงในงานนั้นด้วย”

“เอ่อ...จะดีเหรอพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทก็ทรงทราบว่าหัวขโมยจ้องจะช่วงชิงสร้อยล้ำค่าและก็เพิ่งจะเกิดเรื่องขึ้น ถ้าพระองค์ทรงทำเช่นนั้นจะไม่เป็นการเสี่ยงเกินไปหรือพระเจ้าค่ะ”

“หุบปากของเจ้าซะ แล้วไปทำตามที่เราบอก”

“แต่...”

“ไม่ได้ยินที่เราสั่งหรือไง!”

อับดุลลาจำต้องถอยร่นออกมาจากห้องบรรทมพร้อมกับทหารอีกสี่ห้านาย แต่ยังไม่ทันก้าวออกจากห้องที่ประทับเพื่อไปปฏิบัติตามคำสั่ง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาก็เข้ามารายงานว่าตรวจพบเครื่องดักฟังขนาดเล็กใต้โต๊ะทรงงาน แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องดีและจะต้องรีบกราบทูลเรื่องนี้ต่อชีคหนุ่ม

“อะไรนะ...เครื่องดักฟังอย่างนั้นหรือ?”

“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมว่าหัวขโมยนั่นต้องไม่ธรรมดา ฝ่าบาททรงทราบเช่นนี้แล้ว ก็ควรจะยกเลิกงานแสดงเครื่องเพชรจะดีกว่านะพระเจ้าค่ะ”

“ไม่! ยังไงงานแสดงเครื่องเพชรก็ต้องดำเนินต่อไป”

“แต่...” อับดุลลาทำท่าจะท้วง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นชีคหนุ่มยกพระหัตถ์ขึ้นห้าม

“ไปจัดการตามที่สั่งและเอาเครื่องดักฟังมาให้เรา”

“ฝ่าบาทจะเอามาทำอะไรพระเจ้าค่ะ”

“ไปเอามาเถอะน่า อย่าถามเซ้าซี้นักเลย” มีรับสั่งอย่างหงุดหงิด แต่อับดุลลาก็ไม่วายค้าน

“แต่เครื่องดักฟังนั่นเป็นอันตรายต่อฝ่าบาท ยิ่งเอาไว้ใกล้ตัวมากเท่าไหร่ หัวขโมยก็จะรู้ความเคลื่อนไหวของพระองค์นะพระเจ้าค่ะ”

“ก็เพราะอย่างนั้นน่ะสิถึงต้องเอามาให้เรา” ชีคลาซิสแย้มพระโอษฐ์ ดวงพระเนตรฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัด ทิ้งปริศนาไว้แค่นั้นแล้วดำเนินไปล้มองค์อิงขนน บนพระแท่นกว้าง...




อลิสเดินไปมาระหว่างเตียงนอนกับโต๊ะเครื่องแป้งเป็นว่าเล่น หล่อนไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเดินหยุดมองเงาตัวเองในกระจกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่รั้งกางเกงกับชั้นในลงแล้วเห็นรอยแดงรูปฝ่ามือปรากฏอย่างเด่นชัดบนบั้นท้ายทั้งสองข้าง หล่อนก็แทบจะกรีดร้องออกมา

เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจนั้นมากกว่า!

อลิสไม่เคยเสียเชิงให้ใคร รู้สึกอับอายและรับไม่ได้กับการกระทำของชีคหนุ่ม สองครั้งสองคราแล้วที่เขาฝากร่องรอยไว้บนเรือนร่างของหล่อน รอยเขียวช้ำที่ทรวงอกยังไม่ทันจางหาย บั้นท้ายงอนงามก็มีอันต้องมีตำหนิ ซ้ำยังถูกเขาลวนลามไปทุกส่วนของร่างกาย

“ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ...คนลามก!” อลิสพ่นคำพูดออกมาอย่างเหลืออด ระบายอารมณ์ด้วยการคว้าตุ๊กตาหมีบนที่นอนมาขวางใส่ประตู ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ชายของหล่อนเปิดเข้ามาพอดี

“เฮ้ย!” มาร์คหลุดเสียงอุทานออกไป อาศัยความไวยกมือขึ้นรับตุ๊กตาที่ลอยลิ่วเข้ามาเกือบจะกระแทกหน้าแล้วเอามันไปส่งคืนน้องสาว

“เป็นอะไรไป...อารมณ์เสียเรื่องอะไรเหรอ”

“เปล่าค่ะ อลิสก็แค่ซ้อมมือนิดหน่อย พี่มาร์คมีอะไรหรือเปล่าคะ” อลิสแก้ต่าง พลางฉีกยิ้มกลบเกลื่อนแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนอย่างลืมตัว ส่งผลให้เจ้าตัวต้องสูดปาก แต่โชคดีที่มาร์คไม่ทันสังเกตเห็น

“ก็ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็แค่อยากรู้ว่าเราไปทำอะไรให้ชีคลาซิสเขาสงสัยหรือเปล่า”

“ทำไมจู่ๆ ถึงได้ถามขึ้นมาละคะ”

“ก็เขาให้คนโทรมาเชิญไปทานข้าวน่ะสิ พี่ก็เลยสงสัยขึ้นมา”

“ถ้าอย่างงั้นก็สบายใจได้เลยค่ะ อลิสยังไม่ได้ทำอะไรอีตาชีคนั่นเลยแม้แต่นิดเดียว” หญิงสาวทำเสียงเล็กเสียงน้อย...ปดออกมาคำโต เพราะเห็นพี่ชายทำหน้าเครียดก็ไม่อยากให้ไม่สบายใจ

“ได้ยินแบบนี้พี่ก็เบาใจ ถ้าเราไม่ได้ไปก่อเรื่องไว้ เย็นนี้ก็เตรียมตัวให้พร้อมแล้วพี่จะมารับ” มาร์คลูบศีรษะน้องสาวอย่างรักใคร่

“จะมารับทำไมคะ เขาไม่ได้เชิญอลิสสักหน่อย”

“ใครว่าล่ะ...ชีคลาซิสเชิญเราทั้งครอบครัวต่างหาก”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ แล้วก็อย่าดื้อด้วย ถ้าเราไม่ให้เกียรติเขา ก็ควรจะเห็นแก่หน้าพี่บ้าง เย็นนี้แต่งตัวสวยๆ แล้วพี่จะมารับ เข้าใจไหม?”

“ก็ได้ค่ะ” อลิสจำต้องรับคำอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่ไม่ชอบขี้หน้าชีคหนุ่ม ด้วยปักใจเชื่อว่ามีนิสัยไม่แตกต่างจากมารดา พระนางเฟอร์เซียคดโกง ชอบแย่งชิงของคนอื่นยังไง เขาก็คงจัดอยู่ในประเภทลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

อลิสยิ้มเหยียด นึกเกลียดชีคลาซิสขึ้นมา อคติที่มีอยู่ในใจทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคำเชื้อเชิญนั้นอาจจะแฝงไว้ด้วยกลอุบายลวงหลอก ลำพังแค่ตัวเองเดือดร้อนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หล่อนคงรับไม่ได้ หากมีผลกระทบกับมาร์คและบริษัทรีวิลล์ เน็ทเวิร์ค จำกัด ที่บิดามารดาสร้างมากับมือ

คิดมาถึงตรงนี้...อลิสก็เครียดขึ้นมาทันที พยายามทบทวนเหตุการณ์วันที่บุกเข้าชิงสร้อยเพชรล้ำค่าและหาจุดบกพร่องที่ทำให้ชีคลาซิสสงสัย แต่ก็ไม่พบข้อผิดพลาดใด แล้วอะไรที่เป็นแรงผลักดันให้ชีคหนุ่มหันมาเพ็งเล็งครอบครัวตน ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ยิ่งเครียดก็ยิ่งกลุ้ม

อลิสลุกจากเตียงเดินวนเวียนอยู่ในห้องนอน จนกระทั่งมาหยุดยืนหน้าตู้เสื้อผ้าติดผนังหลังใหญ่ วูบหนึ่งของความคิด หล่อนนึกขึ้นมาได้ว่าติดเครื่องดักฟังไว้ใต้โต๊ะทรงงานของชีคลาซิส ไวเท่าความคิด...อลิสเลื่อนบานประตูตู้เสื้อผ้าแล้วก้าวเข้าไปยืนด้านใน

ทันทีที่มือเรียวทาบลงบนช่องสี่เหลี่ยมที่ติดกับผนังปูน เครื่องตรวจสอบอิเล็กทรอนิกส์ประสิทธิภาพสูงก็เริ่มระบบการทำงาน ตรวจสอบรหัสผ่านจากฝ่ามือของหล่อน ก่อนที่ผนังปูนจะเคลื่อนตัวทวนเข็มนาฬิกาพาร่างของหล่อนเข้าสู่ห้องลับซึ่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย

อลิสไม่รอช้า ถลาไปที่แผงควบคุมแล้วเปิดระบบเชื่อมต่อสัญญาณกับเครื่องดักฟัง ไม่นานนักอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กก็แสดงศักยภาพให้หล่อนได้ยินการสนทนาทั้งหมด

“กระหม่อมติดต่อบริษัทอัญมณีในเครือเรื่องการจัดงานแสดงเครื่องเพชรแล้วพระเจ้าค่ะ หุ้นส่วนทุกคนต่างยินดีที่ฝ่าบาทจะนำไดมอนด์เฟอร์เซียไปร่วมแสดงด้วย” อับดุลลากราบทูลรายงาน

“อืม...ยังไงก็ติดต่อประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูแลความปลอดภัยในงานให้เรียบร้อยด้วย เราไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น”

“เรื่องนั้นอย่าได้ทรงกังวลไปเลยพระเจ้าค่ะ กระหม่อมได้ประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและจัดวางกำลังอย่างแน่นหนาไว้ตามจุดต่างๆ ทั้งทางด้านหน้าและภายในงาน หัวขโมยนั่นไม่มีทางจะรอดสายตาไปได้อย่างแน่นอน”

“พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา...ยังเจ็บใจไม่หาย เราจะจับตัวแม่นั่นได้อยู่แล้วเชียว แต่ดันมาพลาดได้”

“อย่าห่วงเลยพระเจ้าค่ะ กระหม่อมเชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน เราต้องจับตัวหัวขโมยนั่นได้แน่ เว้นแต่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่กล้าบุกเข้ามาในงานแสดงเครื่องเพชร”

“จะกล้าเหรอ...ฝีมืออ่อนหัดอย่างนั้น แต่เพื่อความสบายใจและเป็นการตัดช่องโหว่ออกไป เราจะจ้างบริษัทของมาร์คมาติดตั้งกล้องวงจรปิด เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”

“เหมาะสมอย่างยิ่งพระเจ้าค่ะ เท่าที่ทราบมา...บริษัทรีวิลล์ เน็ทเวิร์ค จำกัด เป็นที่รู้จักแพร่หลายในหลายประเทศ นอกจากจะผลิตกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์การสื่อสารที่ทันสมัย ยังผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อีกมากมายพระเจ้าค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้เราคงต้องคุยเรื่องนี้กับมาร์คสักหน่อย ว่าแต่...เจ้าจัดการตามที่สั่งหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วพระเจ้าค่ะ กระหม่อมให้ทางโรงแรมจัดเตรียมอาหารกับสถานที่ไว้แล้ว”

จบคำสนทนานั้น อลิสปิดการเชื่อมต่อสัญญาณแล้วพ่นลมหายใจออกมา คลายความวิตกกังวลลงไปกว่าครึ่ง หลังจากทราบว่าคำเชื้อเชิญของชีคลาซิสไม่ได้เป็นแผนลวงอย่างที่คิด แต่เขาต้องการจะติดต่อธุรกิจกับมาร์คพี่ชายหล่อน ซึ่งการลอบฟังการสนทนาในครั้งนี้ก็ทำให้เลือดนักโจรกรรมสาวพลุ่งพล่าน เพราะได้พ่วงเอาข้อมูลและการจัดวางกำลังตามจุดต่างๆ ภายในงานแสดงเครื่องเพชรติดมาด้วย

“ขอโทษนะ...พอดีว่าฉันเป็นคนชอบเสี่ยงและก็สะกดคำว่าไม่กล้าไม่เป็นเสียด้วยสิ”

อลิสนึกกระหยิ่มยิ้มย่อง วันนี้เป็นอีกวันที่โชคเข้าข้างหล่อน โดยหารู้ไม่ว่าเวลานี้ชีคลาซิสกับอับดุลลาพากันหัวเราะอย่างขบขัน ซึ่งการหาประโยชน์จากเครื่องดักฟังด้วยการยั่วยุและส่งข่าวสารผิดๆ กลับไปหาหล่อน ก็เป็นกลยุทธ์ที่ใช้หลอกล่อคู่ต่อสู้ให้ตกหลุมพรางไม่ต่างจากการชิงไหวชิงพริบกันบนกระดานหมากรุก หากผู้ใดเพลี่ยงพล้ำ ผู้นั้นก็ต้องตกอยู่ในความพ่ายแพ้...




กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2557, 09:45:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2557, 09:45:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1607





<< ตอนที่ 4   ปก... >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account