จันทร์ซ่อนใจ
ท่ามกลางคนมากมาย มีเพียงเธอที่เขาสามารถเชื่อ...ได้หมดใจ
การค้นหาความลับในใจมนุษย์ บทพิสูจน์เพื่อหาความจริงใจ

Tags: อัมราน โรเมนติก สืบสวน

ตอน: ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง

พ่อบ้านมองนาฬิกาเป็นรอบที่สามตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากอิชย์ นานหลายเดือนแล้วที่บ้านวัสวานตกอยู่ในความเศร้า การกลับมาของทายาทคนโตของบ้านย่อมเป็นรอยยิ้มอันเกิดจากความยินดีของทุกคนในบ้าน เมื่อก่อนบรรยากาศในบ้านมักเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่คนก่อเรื่องคงไม่พ้นลูกชายคนเล็กของคุณเธียร ในขณะที่ลูกชายคนโตทำงานได้ดีและเป็นความหวังของตระกูล
รั้วบ้านกำลังเปิดเมื่อรถของลูกสาวทนายอิชย์กำลังแล่นผ่านเข้ามา พ่อบ้านเดินเร็วๆ ไปที่ห้องหนังสือของคุณเธียร ซึ่งภายในห้องเน้นความเรียบแต่หรูหราตามความต้องการของตุลยา แม้เจ้าของห้องจะไม่ชอบใจนัก แต่ก็ตามใจภรรยาผู้อ่อนวัยกว่าถึงยี่สิบสองปี เมื่อเข้าไปในห้องเขาเห็นว่าตุลยาอยู่ในห้องพอดี
“มากันแล้วครับคุณท่าน”
“เราออกไปรอรับดีไหมคะคุณเธียร” ภรรยาวัยสามสิบสี่ชวนสามี
เธียรยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย แต่เป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคนในบ้าน ประมุขของวัสวานเป็นคนเดาความคิดยาก ไม่ว่าเสียใจ ดีใจ หรือเกลียดชัง ใบหน้าไม่เปลี่ยนไปจากตอนนี้ มีเพียงคนเดียวที่ดูออก เพื่อนวัยเด็กที่กลายเป็นทนายคู่ใจเท่านั้น
“ฉันจะรออยู่ในห้องนี้ ถ้าต้อนรับกันเสร็จแล้วก็บอกให้ธินมาหาฉันด้วย”
พ่อบ้านขยับปากเหมือนอยากพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจไม่พูด ตุลยาถอนใจคิดว่าสามีอาจจะโกรธลูกชายคนโตที่ไม่ยอมเชื่อฟัง จนเกือบตาย ทายาทสำหรับเธียรสำคัญเสมอ
“ผ่านมาเกือบปีแล้วนะคะ ตำรวจก็สรุปแล้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
ไม่มีเสียงตอบ นอกจากเสียงของเอกสารที่ถูกเปิดอ่านอย่างตั้งใจ ผู้เป็นภรรยารู้ดีว่าไม่ควรตอแย คนอย่างเธียร วิวัสวานไม่เคยโอนอ่อน มีแต่ทุกคนที่ต้องยอมทำตาม ร่างเพรียวสมส่วนเดินออกไปจากห้องโดยมีพ่อบ้านคอยปิดประตูให้ก่อนจะเดินตามคุณนายของบ้านไปยังประตูใหญ่

รถกำลังผ่านน้ำพุที่พวยพุ่งมาจากรูปปั้นวีนัสแสนสวย เรียวปากบางคลี่ยิ้มไม่ใช่เพราะความชอบ แต่เพราะวีนัสเป็นเทพีแห่งความรักและความงาม ที่นี่งดงามด้วยสวนที่ออกแบบมาราวกับสวรรค์บนดิน อีกทั้งคฤหาสน์วัสวานซึ่งสร้างแบบ ‘เฟรนช์ ชาโต้’ ก็มีคนเคยเปรียบไว้ในหนังสือเกี่ยวกับบ้านว่าราวกับเข้าสู่ดินแดนที่จินตนาการสามารถทำให้เป็นจริงได้ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
จากเด็กขายหนังสือพิมพ์มาสู่ชายที่เริ่มต้นจากธุรกิจค้าขายที่ดินก่อนจะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จำนวนหลายหมื่นล้านโดยการใช้เวลาเพียงสามสิบปี
เธอขับผ่านน้ำพุไปสู่ทางเรียบด้วยพื้นที่กรุงด้วยหินเล่นลายสวยจนรู้สึกเสียดายมันทุกครั้งที่ขับรถมาเหยียบ แต่มันคงมีราคาน้อยนิดสำหรับที่นี่ เธอจอดรถที่หน้าประตูใหญ่ที่สนนราคาเท่าที่รู้มากกว่าราคารถของเธอด้วยซ้ำ รถญี่ปุ่นราคากลางๆ ของเธอดูหมองไปทันที พ่อบ้าน คุณตุลยาและสาวใช้อีกสิบคนมารอรับคนสำคัญ ขาดเพียงคุณเธียรเท่านั้น
“ลุงอิชย์ไปพักเถอะครับ ผมดูแลตัวเองได้” พันธินเอ่ย เขาไม่ชอบการต้อนรับอย่างที่เห็นตรงหน้า แต่ห้ามออกไปคงไม่ทันแล้ว
“แน่ใจนะครับ”
“แน่ใจสิครับ ที่นี่บ้านผมนะ แล้วที่สำคัญ ผมไม่ได้กลับมามือเปล่า สบายใจเถอะครับ”
อิชย์ลังเล “ถ้ามีปัญหาอะไรรีบโทรหาผมนะครับคุณธิน”
เรียวปากหนายิ้ม อรอินทุ์รู้สึกขอบคุณที่เขาเห็นว่าพ่อของเธอห่วงใย ไม่ใช่การทำหน้าเฉยเหมือนไม่สนใจโลกใบนี้ แน่ล่ะ เกือบปีที่ผ่านมาคนที่อยู่ดูแลเขาก็คือพ่อของเธอ ถ้าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงประหลาดไม่น้อย
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรที่ลุงอิชย์หวังดี ผมเข้าใจดีแล้วครับ” มือหนายื่นมาจับมือของผู้มากวัยกว่าก่อนจะปล่อยพลางเปิดประตูกำลังจะก้าวออกไป ทว่ากลับหันหน้ามาแล้วมองไปที่กระจกบานหน้าจงใจสบตาคนที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ขอบใจนะที่มาส่ง”
อรอินทุ์พยักหน้าให้เลยถูกอิชย์ตีแขนเบาๆ โทษฐานเสียมารยาท ครั้นจะบอกว่าไม่เป็นไรเธอทำตามที่พ่อสั่ง พันธินก็ลงไปจากรถเรียบร้อยแล้ว เธอเลยขับรถจากไปบ้าง ถึงจะมาที่นี่ทุกเดือน แต่น้อยครั้งที่เธอจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ้าน ผ่านมาจนปีสองพันสิบสี่การแบ่งชนชั้นก็ยังคงมีอยู่ที่นี่อยู่ดี

พันธินมองประตูใหญ่ที่เดินผ่านมันมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ในตอนอายุสิบสามปี เวลาช่างผ่านไปเร็วจนกระทั่งหลายๆ สิ่งในชีวิตเปลี่ยนไป การมีแม่เลี้ยงตอนอายุยี่สิบไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ทว่าสิ่งที่แปลกนั่นคือการที่ทุกคนในบ้านออกมายืนรอราวกับการกลับมาของเขานั้นสำคัญนักหนา
เขาไม่ได้ดีใจที่กลับมา...เพียงคนเดียว
ตุลยาเข้ามาจับมือลูกเลี้ยงที่อายุน้อยกว่าเธอห้าปี ก่อนจะสวมกอด ในขณะที่พันธินยืนเฉยไม่กอดตอบ ระหว่างเขากับแม่เลี้ยงเป็นเหมือนพี่สาวกับน้องชายมาโดยตลอด แต่การกอดภรรยาของพ่อเป็นเรื่องที่ยังทำให้เขาตะขิดตะขวงเสมอ
“ดีใจที่คุณธินกลับมาเสียทีนะคะ คราวก่อนที่ไปเยี่ยมยังน่ากังวล ตอนนี้หายดีกลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้วนะคะ” ตุลยายิ้มกว้างพลางคลายกอด
พันธินฝืนยิ้ม ไม่มีคำปลอบโยนหรือคำยินดีใดทำให้เขาดีใจที่รอดความตายมาได้ หากว่าสามารถย้อนเวลากลับได้เขาขอเป็นคนที่จากไปเสียเองคงดีกว่า
“พ่อล่ะครับ”
“รออยู่ในห้องหนังสือน่ะค่ะ มาเหนื่อยๆ รีบไปหาคุณเธียรก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำดีไหมคะ”
“ครับ ขอบคุณที่มารอรับ”
พันธินมองไปยังคนอื่นๆ ที่มายืนรอรับ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านผ่านห้องต่างๆ ที่มีเกินจำนวนคนในบ้าน ภาพเขียนมากมายที่พ่อสะสม และภาพของพันแสงที่เขาเพิ่งเห็นว่ามันถูกนำออกจากเรือนกระจกมาไว้ที่นี่ เขามุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือที่เป็นห้องทำงานของพ่อพร้อมๆ กับถอนใจออกมา
ประตูห้องปิดสนิท เขาเคาะประตูก่อนจะเดินเข้าไป ตุลยาเดินตามมา พอเห็นลูกเลี้ยงเข้าไปหาเธียรเธอเลยเปลี่ยนใจเดินไปห้องแต่งตัว ค่ำนี้เธอมีงานเลี้ยงเพื่อหาทุนให้เด็กกำพร้า การเป็นภรรยาของชายที่มีเงินมหาศาลพอๆ กับหน้าตาทางสังคม ทำให้อดีตพยาบาลอย่างเธอได้ทำอะไรมากมาย เช่นเดียวกับได้เหนือใครๆ อย่างที่ไม่คิดฝันมาก่อนในชีวิต
พันธินไม่ได้คิดไปเองว่าพ่อดูเหนื่อยล้าตามวัย ไม่ใช่ดูเป็นคนใกล้เกษียรที่ยังดูหนุ่มกว่าอายุ การจากไปของลูกชายคงทำให้เลือดเย็นๆ ในตัวของพ่ออุ่นขึ้นแล้วกระมัง เธียรเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสาร เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุที่เขาเห็นใบหน้าของลูกชายได้ชัดเจนที่สุด อุบัติเหตุทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง ทว่าหลังจากการรักษามาเกือบปี พันธินยังคงเหมือนเดิม ยกเว้นดวงตาที่ดูเศร้ากว่าแต่ก่อนเท่านั้น
“มาแล้วหรือ”
หากเป็นครอบครัวอื่น การจากกันนานคงจบด้วยการสวมกอด แต่สำหรับที่นี่ พันธินทำเพียงยกมือขึ้นไหว้ แม้จะดีใจจนอยากกอดพ่อให้สมกับความคิดถึง
“ครับพ่อ ผมขอโทษที่...”
เธียรยกมือห้ามรู้ดีว่าลูกชายกำลังจะพูดอะไร จะขอโทษที่ลูกชายอีกคนของเขาตายงั้นหรือ แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรในเมื่อเรื่องได้เกิดขึ้นไปแล้ว เราต่างสูญเสียเหมือนกัน
“พ่อไม่อยากพูดถึงอีก ธินกลับมา ยังดีกว่าไม่มีใครกลับมาแม้แต่คนเดียว หายดีแล้วใช่ไหม”
พันธินคลี่ริมฝีปากได้นิดหนึ่ง อย่างน้อยพ่อยังพอใจที่ลูกชายคนโตของบ้านกลับมา
“ครับ หายดีแล้ว พ่อดีใจไหมครับที่คนรอดเป็นผม”
“มันสายเกินกว่าที่จะพูดเรื่องนี้กันอีก ถ้าธินหายดีแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเริ่มงานที่บริษัท โปรเจคต่างๆ เลขาจะเตรียมไว้ให้ธินพรุ่งนี้”
เรียวปากหนากลับมาเม้มปิดดังเดิม สำหรับพ่อแล้วไม่ว่าใครที่กลับมาคงมีค่าไม่ต่างกันสินะ การกอดดีใจคงเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับพ่อ
“พ่อจะไม่ถามผมสักคำหรือครับว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรือว่าเป็นอย่างอื่น ผมเจ็บมากไหม หรือต่อว่าอะไรก็ได้ที่ผมรอดตายมาเพียงคนเดียว ไม่เสียใจบ้างหรือครับ” ตลอดเวลาที่รักษาตัว พ่อไปเยี่ยมเขาเพียงสองครั้งเท่านั้น
เธียรถอนใจอย่างเหนื่อยล้า ในสมองของเขาว่างเปล่าไม่อยากหาคำตอบมาตั้งแต่รู้ว่าลูกชายตายแล้ว
“พ่อดีใจที่ธินกลับมา ธินเป็นคนช่างถามและขี้สงสัยว่าพ่อคิดอะไรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
นั่นสินะ เขาน่าจะรู้ สำหรับพ่อคำว่าธุรกิจย่อมมาก่อนครอบครัวเสมอ ถ้าตอนนี้คนที่กลับมาเป็นพันแสงไม่ใช่พันธิน พ่ออาจจะไม่พอใจก็ได้
“ผมจะไปเริ่มงานพรุ่งนี้” ร่างสูงค้อมหลังลงก่อนจะยืดตัวตรงแล้วเดินออกไป ทว่ายังไม่ทันถึงประตู เสียงเรียบๆ ก็เอ่ยขึ้น
“ไปหา...แสงมาแล้วหรือยัง”
เขาหันหน้าไปมองพ่อ ดวงตาคู่นั้นวูบไหว
“ไปมาแล้วครับ”
“แค่นั้น ไปได้แล้ว”
ประตูถูกเปิดออกและปิดลง เธียรอยากทำงานต่อ ทว่าสมองของเขากลับเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบจนไม่สามารถคิดสิ่งใดได้ สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยทุกอย่างออกจากมือและอยู่กับตัวเองเพื่อคิดอีกครั้ง

อาหารค่ำเพียงลำพังเป็นสิ่งที่พันธินต้องการสำหรับการกลับมาในวันแรก พ่อทานอาหารในห้อง ส่วนตุลยาไปงานสังคม บ้านเงียบเหมือนที่เคยเป็น ไม่สิ เมื่อก่อนมันไม่ได้เงียบขนาดนี้เพราะคนมีทำให้เกิดเสียง เกิดเรื่องราว ในขณะที่อีกคนเอาแต่ทำงาน พอสองทุ่ม พันธินก็เข้าห้องส่วนตัว โทรศัพท์ที่อิชย์เตรียมไว้ให้ถูกเปิด เขาโทรหาทนายที่ดูแลเขามาโดยตลอดไม่ใช่แค่ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ แต่มันนานมากจนเขานึกไม่ออกว่าตั้งแต่เมื่อไหร่
การเพลียจากการเดินทางทำให้การหลับเป็นเรื่องง่าย ทว่าน้อยครั้งที่เขาหลับได้สนิทจนถึงเช้า ตอนที่รักษาตัวเขาไม่อยากหลับทำให้หมอต้องให้ยานอนหลับ หนักเข้าต้องปรึกษาจิตแพทย์เพื่อให้หลับ ตอนนี้เขาสามารถหลับได้ด้วยตัวเองและพอใจหากว่าจะเห็นเหตุการณ์หนึ่งในฝัน
‘แสง...ระวัง!’
‘ไม่!!!’
เสียงระเบิดของยางรถยน์ดังอยู่ใกล้ๆ ท่ามกลางความมืดที่มีแสงไฟจากรถโลกราวกับหมุนจนน่าเวียนหัว เสียงอึกทึกโครมคราม เราสองคนต่างกระเด็นออกมาจากรถ
พันธินผวาตื่น เหงื่อพราวเต็มหน้าผาก เขาหอบเหมือนกับว่าเพิ่งพารถในความทรงจำออกมาจากฝันร้าย หวังให้ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย ทว่าเมื่อมองไปรอบๆ ตัว เขาถึงรู้ได้ว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีใครกลับมา มีแต่เขาและห้องนอนที่ไม่คุ้นเคยเท่านั้น
พันธินนอนไม่หลับซึ่งอาจจะเป็นเพราะอาการเจ็ตแล็ก (Jat lag) หรือเป็นเพราะภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงอยู่กับเขาตลอดสิบเอ็ดเดือนที่ผ่านมา เขาเคยบอกจิตแพทย์ แต่กลับได้คำแนะนำว่าให้ลืมเหตุการณ์นั้นให้หมด เขาไม่ยอมทำตาม แต่กลับทำบางอย่างให้มั่นใจว่าฆาตกรจะไม่ลอยนวล ทุกอย่างเริ่มตั้งแต่เขารู้ตัวว่ามีชีวิตรอดเพื่อทำสิ่งใด แม้ตำรวจจะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เขามั่นใจว่ามันคือฆาตกรรม
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องนอนแล้วเพื่อเลี่ยงการพบสาวใช้หรือใครก็ตามในบ้านจึงเดินไปยังระเบียงด้านหลังแล้วลงจากชั้นบนโดยใช้บันไดเวียนซึ่งใกล้กับเรือนกระจกที่เคยเป็นสตูดิโอเก็บภาพที่พันแสงเขียน การเรียนด้านบริหารตามความต้องการของพ่อไม่อาจหยุดความชอบในด้านนี้ของพันแสงได้
ทว่าเมื่อเดินไปใกล้ ใครคนหนึ่งเพิ่งเดินผ่านประตูบานเล็กระหว่างบ้านวัสวานกับบ้านหลังเล็กของลุงอิชย์ ใบหน้าเหมือนตุ๊กตากระเบื้องบึ้งตึงขึ้นมาเมื่อเริ่มเห็นชัดขึ้นว่าเป็นใครที่เดินเข้าสู่เฟรมสายตา ทว่าทำไมเธอถึงนำบางอย่างที่ไม่ควรนำเข้ามาด้วย ขายาวก้าวเร็วๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งไปแล้วจับมือที่ถือไฟแช็คซึ่งติดไฟไว้
“นี่เธอกำลังทำอะไร เผาภาพนั้นทำไม ภาพของแสงหรือเปล่า”
ถ้ามีแสงไฟ เขาคงบอกได้ว่าใช่ภาพของพันแสงหรือไม่ใช่กันแน่ แต่ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ อรอินทุ์ก็ไม่ควรทำแบบนี้กับภาพทุกภาพบนโลก
แสงจากไฟแช็คดับลงคงเหลือไว้เพียงแสงจันทร์เพ็ญลางเลือน พันธินลงมาทำอะไรตอนตีสาม เธอคิดว่าเลือกเวลาดีแล้วนะ แขนเล็กกว่าพยายามกระกระชากออกจากมือใหญ่ แต่ทำไม่ได้ดังใจจึงจำต้องอธิบายก่อนที่จะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
“นี่เป็นภาพของฉันเองค่ะ วันนี้พอเห็นคุณธินฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่ามันไม่ควรอยู่ฉันมาตั้งนานแล้ว”
“แล้วทำไมต้องเผา” เขาถาม การเผาแล้วจะได้ประโยชน์ตรงไหน
อรอินทุ์กระชากแขนออก มองเขาอย่างไม่แน่ใจ เธอจะบอกเขาได้อย่างไรว่ามันเป็นวิธีเดียวที่คิดออก แล้วเรือนกระจกก็เป็นที่โปรดปรานของพันแสง เขาอาจจะรับรู้ได้ว่าเธอทำแบบนี้ทำไม พันธินยอมปล่อยแล้วเปลี่ยนมากอดออกและออกคำสั่งแทน
“ห้ามเผา ถ้าเธอเผาฉันจะแจ้งตำรวจ”
“จะบ้าเหรอคะคุณธิน รูปภาพนี้ฉันวาดเองกับมือทำไมจะเผาไม่ได้”
“แต่เธอวาดให้คนอื่น ไม่ได้วาดให้ตัวเองเพราะฉะนั้นยังไงฉันก็ไม่ให้เธอเผา”
อรอินทุ์ขมวดคิ้วใส่ ในเมื่อเธอไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเอ็มไพร์ กรุ๊ป การทำแบบนี้จึงไม่ผิด ในฐานะเพื่อนบ้านและมนุษย์คนหนึ่งทำไมเธอจะทำไม่ได้ แม้ว่าภาพเขียนจะไม่ใช่ของเธอมาตั้งแต่เริ่มวาดแล้ว ความคิดหนึ่งเกิดขึ้นในสมอง
‘ถ้าคุณแสงยังอยู่คงมองภาพที่อรเขียนแล้วเบ้ปาก ต่อจากนั้นคงถามว่านี่เรียกว่าวาดได้แล้วเหรอ’
“วาดให้แสงใช่ไหม เธอเคยสัญญากับแสงว่าจะวาดรูปเป็นการตอบแทน ถ้าแสงช่วยติวหนังสือให้ แต่มันผ่านมาแล้วตั้งสองปีแล้วนะ เธอไม่คิดว่ามันช้าไปหน่อยหรือ” พันธินเอ่ยก่อนจะแย่งภาพวาดของอรอินทุ์มาไว้ในมือตัวเอง ทั้งที่จริงเขาควรแย่งไฟแช็คมากกว่า
อรอินทุ์ถอนใจใหญ่ ทำหน้าเหมือนโกรธ แน่ล่ะไม่ใช่เขาหรอก แต่เป็นคนที่เป็นเจ้าของภาพนี้ต่างหาก เธอไม่นึกว่าพันแสงจะเล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายฟัง
“นึกแล้วเชียวว่าต้องเก็บความลับไม่เป็น”
“ในเมื่อแสงไม่อยู่แล้ว ฉันขอเก็บภาพวาดไว้เอง เธอคงไม่ว่าใช่ไหม ไหนๆ ก็คิดจะเผามันอยู่แล้ว อ้อ ถ้าเผาเพราะคิดว่าแสงจะได้รับล่ะก็ เธอให้ฉันไว้ดีกว่า”
“ไม่ได้ค่ะ ยังไงฉันก็จะเผาไปให้คุณแสงตามสัญญา” อรอินทุ์ยื่นมือออกไปแย่งภาพคืนมา แต่คนสูงกว่ากลับชูภาพไปเหนือหัว การเข้าไปยื้อแย่งจึงยากเข้าไปอีก เธอมองเฉยไม่เข้าไปแย่งทั้งที่อยากทำเพราะไม่อยากพลาดไปกอดเขา
“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าแสงได้รับ เธอจะตามไปคุยกับแสงเหรอ”
“คุณธิน!”
อรอินทุ์มองหน้าพันธิน ไม่ได้เพราะโกรธที่เขาพูดแบบนั้น แต่เพราะเธอไม่สามารถทำอย่างที่เขาพูดได้ เธอมีเวลานานพอในการให้ภาพใบนี้กับพันแสง แต่ไม่ได้ทำเพราะอยากรอให้ถึงวันเกิดของเขา จนเกิดเรื่องเสียก่อนและเขาไม่กลับมาอีกแล้ว เธอสะท้อนสะท้านใจ การกลับมาของพันธินทำให้เธอหลอกตัวเองไม่ได้อีกแล้วว่าสักวันเขาจะกลับมาเช่นกัน
‘ทำไมไม่รักษาสัญญาล่ะคุณแสง ทำไมไม่มารับภาพไปจากอรด้วยตัวเอง’
เธออาจเป็นอีกคนหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่าการจากไปเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ถ้ารู้ว่าการไปของเขาจะไม่มีวันกลับมาอีก เธอจะไม่พูดคำพูดร้ายๆ ไปในวันนั้น ไม่ยอมให้เขาตามไปจนเกิดเรื่องตามมา
“เอาไปเลยค่ะ อยากได้ก็เอาไป ถือว่าต่อไปนี้ฉันกับคุณแสงไม่ติดค้างกันอีก คุณธินเป็นพยานแล้วนะคะ”
ภาพเขียนถูกส่งให้พันธินอย่างตัดใจ อรอินทุ์วิ่งไปยังประตูเล็กซึ่งเชื่อมระหว่างคฤหาสน์ร้อยล้านกับบ้านหลังเล็กๆ มูลค่าตอนสร้างไม่ถึงล้านบาท ทว่าสำหรับพันธินแล้วเขาชอบบ้านของอรอินทุ์มากกว่าบ้านของเขาเองด้วยซ้ำ
เรียวปากหนายิ้มได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมาเมืองไทย การรอดต่อความตายมาได้ไม่เพียงทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ แต่พระเจ้ายังมอบสิ่งสำคัญมาให้เขาด้วย การกลับมาแก้แค้นของเขามีแต้มต่อเมื่อสามารถได้ยินไม่ว่าอะไรก็ตามที่คนรอบข้างคิดอยู่ในใจ มันทำให้เขารู้ว่าการพูดตรงกับที่คิดนั้นมีค่ามากมายกว่าเงินที่พ่อของเขามีในธนาคาร



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2557, 09:36:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ต.ค. 2557, 09:36:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 953





<< ตอนที่ 1...50%   ตอนที่ 2 ครึ่งแรก >>
แว่นใส 2 ต.ค. 2557, 11:08:07 น.
น่าติดตาม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account