เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
ประพันธ์โดย...กันต์ระพี
(ลิขสิทธิ์งานเขียนเรื่องนี้เป็นของสนพ. Touch publishing)

อลิส..นักโจรกรรมสาวพราวเสน่ห์หวังช่วงชิงไดมอนด์เฟอร์เซีย แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันนำเธอสู่ทะเลทราย ดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งรัก

เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น!!
หมายเหตุ...
งานเขียนเรื่องนี้เดิมทีชื่อพยัคฆ์สาวเจ้าหัวใจชีค
ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่อง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 8

อลิสจ้ำพรวดๆ มาถึงลานจอดรถก็ควานหากุญแจในกระเป๋าสะพาย รื้อๆ ค้นๆ อยู่สักพักก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนออกจากบ้านหล่อนติดรถพี่ชายมา ไม่ได้ขับรถมาเอง

“โธ่เอ๊ย!” อลิสสบถออกมาอย่างหัวเสีย หล่อนอยากไปให้พ้นจากโรงแรมนี้ อยากกลับไปฟาดงวงฟาดงาที่บ้าน แต่ไม่ได้ดั่งใจ อารมณ์ขุ่นมัวเป็นทุนเดิมก็เริ่มทะทุ เมื่ออะไรๆ ไม่เข้าข้างหล่อน ในจังหวะจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่ที่ด้านหน้าโรงแรม มาร์คที่วิ่งตามมาก็เข้ามาขวางทางไว้

“จะไปไหน!”

“ก็อลิสบอกแล้วไงคะว่าจะกลับบ้าน”

“งั้นก็กลับพร้อมกัน”

“ถ้าพี่มาร์คจะให้อลิสรอละก็ อลิสไม่รอหรอกนะ อลิสจะกลับเดี๋ยวนี้”

“พี่ก็ยังไม่ได้บอกสักคำว่าให้รอ เราจะกลับตอนนี้พี่ก็ไม่ว่า แต่ขอถามหน่อยเถอะ...ทำไมต้องทำตัวไร้มารยาทแบบนี้ด้วย”

“อลิสเนี่ยนะคะ...ไร้มารยาท?”

“ก็ใช่น่ะสิ ชีคลาซิสจะคิดยังไงที่เราทำแบบนี้”

“เขาจะคิดยังไงก็ช่างเขาปะไร”

“อลิส!”

“พี่มาร์คไม่ต้องมาเอ็ดอลิสเลย พี่มาร์คไม่ใช่อลิส พี่มาร์คไม่มีทางรู้หรอกว่าอีตาชีคบ้านั่นไร้มารยาทยิ่งกว่าอลิสเสียอีก” หญิงสาวพ่นคำพูดออกมาอย่างเหลืออด เจ็บใจที่เสียทีให้ชีคหนุ่ม หล่อนถูกเขาลวนลามยังไม่พอ ยังถูกพี่ชายตำหนิทั้งที่ไม่ใช่คนผิด

“แต่เท่าที่พี่เห็น ชีคลาซิสก็เป็นผู้ชายที่สุภาพคนหนึ่ง มีแต่เรานั่นแหละที่ทำตัวแย่เอามากๆ” มาร์คตำหนิออกไปตรงๆ ไม่ได้เข้าข้างผู้สูงศักดิ์ ถึงแม้ว่าเวลานี้จะไม่ได้มองอีกฝ่ายเป็นศัตรูหัวใจแล้วก็ตาม

“พี่มาร์ค!”

“ก็หรือไม่จริง ดูเราแต่งหน้าทาปากเข้าสิ...อย่างกับพวกนางเอกงิ้ว ถ้าไม่อายตัวเองก็น่าจะเห็นแก่หน้าพี่บ้าง เราทำตัวแบบนี้ พี่แทบจะเอาปี๊บมาคลุมหัวเดินอยู่แล้ว”

“แล้วพี่มาร์คคิดว่าอลิสอยากทำนักหรือไง ทั้งหมดก็เป็นเพราะอีตาชีคบ้านั่นแหละ ถ้าเขาไม่หยาบคายกับอลิสก่อน อลิสก็คงไม่ทำอย่างนี้หรอก”

“ทำไมถึงไปว่าเขาอย่างนั้น พี่ยังไม่เห็นว่าชีคลาซิสจะทำอะไรที่หยาบคายเลยสักนิด”

“อลิสบอกว่าหยาบคายก็หยาบคายสิ”

“ไหนว่ามาสิ...เขาหยาบคายตรงไหน”

“ก็หยาบคายตรงที่...” อลิสชะงักคำพูดไว้แค่นั้น เมื่อเห็นมาร์คจ้องเขม็งก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่ากำลังจะพูดเรื่องที่ไม่สมควรออกไป มันเป็นเรื่องน่าอาย หากใครรู้เข้าว่านักโจรกรรมสาวที่ล้มผู้ชายมานับสิบ เวลานี้พ่ายแพ้เพราะถูกผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งลวนลาม

“ว่ายังไง ชีคลาซิสทำอะไรเรา”

“เอ่อ...อลิสจำไม่ได้แล้ว พี่มาร์ครู้ไว้ว่าอีตาชีคนั่นหยาบคายก็พอ กลับบ้านกันเถอะค่ะ อลิสง่วงแล้ว” อลิสตัดบทแล้วเดินกลับไปที่ลานจอดรถ

“อะไรกัน ยังคุยไม่รู้เรื่องเลยก็เดินหนีซะแล้ว” มาร์คบ่นอุบ ส่งสายตามองตาน้องสาวตัวดี ไม่คิดจะเรียกตัวกลับมาสอบถาม ด้วยคิดไปว่าอลิสคงกุเรื่องขึ้นเพราะไม่ชอบหน้าชีคลาซิสเสียมากกว่า...



ตกดึกคืนนั้น...ชีคลาซิสโทรศัพท์ติดต่อพันโทการิม แจ้งวันเวลาจัดส่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สั่งซื้อจากบริษัทของมาร์ค ทรงเน้นย้ำให้ตรวจสอบสิ่งของต้องประสงค์ที่ให้จัดทำขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เนื่องจากหัวขโมยสาวค่อนข้างฉลาดหลักแหลม อีกทั้งยังศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี หากมีจุดบกพร่องเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะทำให้หัวขโมยนั่นไหวตัวทันและหนีรอดไปได้

ครั้นสั่งการเสร็จ ชีคลาซิสก็ดำเนินมาทิ้งองค์ลงพักผ่อนอิริยาบถบนเก้าอี้ตัวยาวที่ระเบียงด้านนอก ทอดพระเนตรหมู่ดาวสุกสกาวบนฟากฟ้า พลางประหวัดถึงเจ้าของริมฝีปากอิ่มที่ได้ลิ้มลองความหวาน แม้หล่อนจะมีกิริยาท่าทางก๋ากั่นไม่งดงามเหมือนสตรีทั่วไป แต่ก็ต้องพระทัยเป็นยิ่งนัก ด้วยมีจิตพิศวาสตั้งแต่แรกเห็น

หรือนี่จะเป็นบุพเพ...?

ชีคลาซิสถอนพระปัสสาสะออกมา ทรงตระหนักดีว่าไม่มีสิทธิ์เลือกหรืออภิเษกสมรสกับสตรีต่างเชื้อชาติ แต่ต้องทำตามกฎมณเฑียรบาล ซึ่งระบุไว้ว่าสตรีที่จะก้าวขึ้นมานั่งเคียงบัลลังก์ในฐานะพระชายาจะต้องมีเลือดชาวซาร์รียาร์กเท่านั้น

แม้จะเตือนตัวเองเช่นนั้น แต่พระหทัยกลับร้อนรน ทั้งที่เคยตั้งปฏิญาณไว้ว่าหากมีชายาก็จะปฏิพัทธ์รักนางไม่แปรผัน ไม่ว่าหญิงใดจะสวยเลิศเลอก็จะไม่ชายพระเนตรมอง ด้วยทรงเห็นปัญหามากมายจากมีผู้หญิงนับร้อยในฮาเร็ม จึงไม่เคยคิดที่จะเจริญรอยตามองค์อัสซาร์ผู้เป็นพระบิดา

แต่เวลานี้ชีคลาซิสกลับมีพระราชดำริจะประทานเกียรติอันสูงส่งให้กับอลิส ถึงจะประทานตำแหน่งพระชายาให้ไม่ได้ แต่ก็หมายใจจะให้รั้งตำแหน่งพระสนมเอกซึ่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ด้วยทรงตกหลุมรักหญิงสาวผู้นี้อย่างยากจะตัดพระทัย

“อับดุลลาเจ้าอยู่ที่ใด?”

“กระหม่อมอยู่นี่พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทมีพระประสงค์สิ่งใดหรือพระเจ้าค่ะ” อับดุลลารีบถลามาเข้าเฝ้า ทันทีที่มีรับสั่งเรียกหา

“ไปหาซื้อหมากฝรั่งยี่ห้อนี้ให้เราที เราต้องการหนึ่งหีบใหญ่” ชีคลาซิสหยิบกระดาษห่อหมากฝรั่งที่ทรงฉวยจากโต๊ะเสวยแล้วยื่นไปตรงหน้าหัวหน้าราชองครักษ์

“หนึ่งหีบ...?”

“ใช่...เจ้าสงสัยสิ่งใดหรือ”

อับดุลลาหลุบสายตาลงต่ำ เมื่อเห็นสายพระเนตรคมตวัดมาหยุดที่ตน

“เอ่อ...หามิได้พระเจ้าค่ะ คือกระหม่อมเกรงว่าถ้าฝ่าบาทเสวยมากไปจะมีปัญหาเรื่อง....”

“ใครบอกเจ้าว่าเราจะกิน”

อับดุลลาชำเลืองมองชีคหนุ่มอย่างนึกฉงน เมื่อสักครู่เพิ่งจะมีรับสั่งให้ไปหาซื้อ หากไม่มีเสวยแล้วจะซื้อมาเพื่อ...? แต่ยังไม่ทันที่จะทูลถามก็ได้รับคำเฉลยเสียก่อน

“เราก็แค่จะเอาไปกำนัลใครบางคน” ชีคลาซิโอแย้มพระโอษฐ์แล้วดำเนินกลับเข้าห้องบรรทม ทิ้งปริศนานั้นให้อับดุลลาได้ครุ่นคิด...



แม้เวลานี้จะดึกสงัดทุกคนต่างหลับใหล แต่ยังมีใครบางคนนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด แรงอาฆาตที่บ่มฟักจากความเคียดแค้นฉายชัดในดวงตาคู่นั้น ด้วยหวังจะช่วงชิงและโค่นล้มราชบัลลังก์ ซึ่งเป็นผลพวงจากการกระทำของพระนางเฟอร์เซีย

แต่การกำจัดชีคลาซิสซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ปวงประชาชนต่างรักและเทิดทูนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องเตรียมการและวางแผนอย่างรัดกุม หาไม่การเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อแลกมาซึ่งความไว้วางใจก็จะสูญเปล่า หากความลับเรื่องนี้ถูกเปิดเผย

แม้เวลานี้ยังไม่สบโอกาสเหมาะที่จะลงมือ แต่แผนการร้ายที่มุ่งหมายทำลายชื่อเสียงของชีคลาซิสจะต้องดำเนินต่อไป เพราะการโค่นล้มราชบัลลังก์จะต้องเริ่มจากฐานราก ยิ่งชีคหนุ่มมีเรื่องเสื่อมเสียมากเท่าใด ก็ยิ่งง่ายต่อการล้มล้างราชบัลลังก์ในการณ์ข้างหน้า

เจ้าของดวงตาในความมืดสลัวแสยะยิ้ม พลางฉวยโทรศัพท์มากดโทรออก ด้วยเห็นว่าจะชักช้าไม่ได้ หากแต่ต้องรีบดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย เพราะทราบข่าวมาว่าชีคลาซิสมีใจปฏิพัทธ์ต่อหญิงนอกศาสนา

“เหตุใดเจ้าถึงไม่ทำตามที่ข้าสั่ง”

“ข้าไม่อยากฝืนใจตัวเอง เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้า...ไม่ใช่ชีคลาซิส”

“ถ้าเจ้ารักข้าจริงดั่งปากว่าก็จงรีบจัดการตามที่ข้าสั่ง”

“เจ้าพูดเหมือนไม่รักข้า ทั้งที่ข้าสู้อุตส่าห์มอบกายมอบใจให้เจ้า”

“รักสิ ข้ารักเจ้า แต่ข้าก็รักบัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน จงรีบจัดการในเร็ววัน ข้าจะนับวันรอนั่งบัลลังก์เคียงคู่เจ้าเหนือแผ่นดินซาร์รียาร์ก” สิ้นคำนั้น สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดหาย เหลือเพียงรอยยิ้มเยาะในความมืดสลัว นี่แหละหนา...ความโง่เขลาของอิสตรี ยามรักก็ลุ่มหลงจนหูหนวกตาบอด แม้แต่ลมปากก็ยังหลงเชื่อ จึงตกเป็นเครื่องมือให้หลอกใช้ได้โดยง่าย...



มาร์ครีบขับรถออกจากคฤหาสน์ไปหาปลายฟ้าที่บ้านพัก เขาไม่สบายใจที่มีเรื่องผิดใจกับหล่อนเมื่อวาน เช้านี้จึงตั้งใจจะไปเอาใจเจ้าหล่อน ถึงแม้ว่าจะพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วก็ตาม โดยหารู้ไม่ว่าทันทีที่คล้อยหลัง ชีคลาซิสก็เสด็จมาประทับที่ห้องรับแขกชั้นล่าง โดยมีเหล่าราชองครักษ์ช่วยกันขนหีบใบใหญ่มาวางไว้กลางห้อง

การเสด็จมาเยือนของชีคลาซิสนั้นสร้างความสับสนอลหม่านให้กับสาวใช้ในคฤหาสน์ไม่น้อย ด้วยเหล่าราชองครักษ์ที่ตามเสด็จต่างรุดเข้าประจำการตามจุดต่างๆ ราวกับว่าคฤหาสน์หลังนี้ถูกยึดอย่างเป็นทางการใต้อำนาจของชีคหนุ่ม จนบรรดาสาวใช้ต้องตะลีตะลานขึ้นไปเคาะประตูเรียกเจ้านายสาว ซึ่งยังนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขบนเตียงกว้าง

“คุณอลิส! คุณอลิสตื่นเถอะค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

“ให้ตายสิ! มาเอะอะโวยวายอะไรกันตั้งแต่เช้าเนี่ย นี่มันเพิ่งจะกี่โมงเอง” อลิสบ่นอุบ ลุกขึ้นมานั่งหาวหวอดๆ แต่ถึงกระนั้นก็เดินไปเปิดประตูแล้วร้องถามออกไปหน้ายุ่ง

“มีอะไร...?”

“เร็วเถอะค่ะ รีบลงไปข้างล่างเถอะ มีใครก็ไม่รู้อยู่ในห้องรับแขกเต็มไปหมดเลย” หนึ่งในสาวใช้รายงานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“อ้าว...แล้วพวกเธอปล่อยให้เข้ามาในบ้านได้ยังไง” อลิสนึกฉงน

“ก็...ก็เขาเข้ามาเองนี่คะ จะห้ามก็ห้ามไม่ทัน”

“ใช่ค่ะ แล้วก็มากันหลายคนด้วย เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ รีบลงไปข้างล่างเถอะ” สาวใช้อีกคนเอ่ยเสริม พลางดึงมือเจ้านาย ครั้นสาวใช้ที่เหลือเห็นดังนั้นก็เลยช่วยกันฉุด จึงเกิดการยื้อยุดกันขึ้น

“เดี๋ยว...เดี๋ยวสิ! ให้ฉันใส่เสื้อคลุมก่อนได้ไหม” อลิสฝืนตัว แต่ต้านแรงของบรรดาสาวใช้ไม่ไหว ไม่กี่นาทีต่อมา หล่อนก็มายืนอยู่เบื้องพระพักตร์กษัตริย์หนุ่มแห่งซาร์รียาร์ก

“ชีคลาซิส!”

“อรุณสวัสดิ์สาวน้อย” ชีคลาซิสแย้มพระโอษฐ์ทักทาย สายพระเนตรที่ทอดมองเจ้าของบ้านสาวในชุดนอนบางเบาแฝงแววกรุ้มกริ่มอย่างเห็นได้ชัด

ครั้นอลิสเห็นสายตาเปิดเผยคู่นั้นจ้องมองมาก็หน้าแดงซ่าน รีบยกแขนขึ้นปกปิดเนื้อตัว เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าอยู่ในชุดที่ไม่สำรวจ แม้จะขวยเขิน แต่ก็ไว้เชิงอยู่ในที วินาทีนั้นประกายตาถือดีสะท้อนความไม่พอใจก็ถูกส่งผ่านไปที่ชีคหนุ่ม

“ขอโทษนะคะ พอดีว่าคฤหาสน์รีวิลล์ไม่ต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

“ค่ะ ถ้าทราบแล้วก็เชิญสิคะ” อลิสผายมือไปที่ประตูเป็นเชิงไล่ แต่แทนที่ชีคลาซิสจะดำเนินออกไปกลับทิ้งองค์ลงอิงพระขนอง กับพนักโซฟาในพระอิริยาบถสบายๆ ทำให้หล่อนยิ่งหัวเสีย

“นี่คุณ! เจ้าของบ้านเขาไล่แล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”

“อ้าว...ก็คุณบอกว่าที่นี่ไม่ต้อนรับแขก ผมไม่ใช่แขกก็มีสิทธิ์อยู่ต่อไม่ใช่เหรอ” ชีคหนุ่มยิ้มพราย แสร้งทำไขสือเสียอย่างนั้น

“นี่ฉันพูดดีๆ กับคุณแล้วนะ ถ้าคิดจะตีรวนกันละก็ ฉันคงต้องเรียกตำรวจ”

“มันจะไม่เป็นวิธีที่รุนแรงไปหน่อยเหรอ...สำหรับคนที่เป็นญาติกัน”

“ญาติ...? นี่คุณพูดเรื่องตลกอะไร ตระกูลฉันไปเกี่ยวดองกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” อลิสปรายตามองแล้วยิ้มเหยียด

“ก็ตั้งแต่ปลายฟ้าน้องสาวผมหมั้นกับมาร์คพี่ชายคุณนั่นแหละ”

อลิสยืนอึ้ง มองชีคหนุ่มตาปริบๆ อดแปลกใจไม่ได้ ด้วยไม่เคยรู้มาก่อน หล่อนไม่แน่ใจว่ามาร์คจะทราบเรื่องนี้หรือไม่ เพราะพี่ชายของหล่อนไม่เคยเอ่ยถึง

“พอดีผมเพิ่งทราบมาว่าอีกไม่นานปลายฟ้ากับมาร์คพี่ชายคุณจะแต่งงานกัน ผมก็เลยถือโอกาสนี้แวะมาเยี่ยมน้องเขย”

“แต่พี่มาร์คไม่อยู่”

“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา พี่ชายคุณไม่อยู่...ผมคุยกับคุณไปพลางๆ ก่อนก็ได้”

“แต่ฉันไม่มีอารมณ์คุย” อลิสตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า ไม่คิดจะรักษามารยาท หากแต่สะบัดหน้าพรืดแล้วหมุนตัวกลับทำท่าจะขึ้นไปชั้นบน ด้วยนึกหมั่นไส้คู่สนทนาที่ฉีกยิ้มหน้าเป็น แต่เขาก็เดินตามมาขวางทางไว้

“อะไรกันคุณ ไม่อยากคุยก็น่าจะนั่งเป็นเพื่อนกันก่อน อย่างน้อย...คุณเป็นเจ้าของบ้านก็ควรจะแสดงอัชฌาสัยที่ดี ไม่ใช่มาเดินหนีกันแบบนี้”

“ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน และฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องรักษามารยาทกับคนที่ไร้มารยาท”

“จริงสินะ คุณพูดถูกทีเดียว” ชีคลาซิสไม่ได้คิดจะค้านขัด หากแต่ทรงตอบโต้ด้วยการใช้สายพระเนตรโลมเลียเรือนร่างเจ้าของบ้านสาว ราวกับจะปลดเปลื้องชุดนอนบางเบาออกจากตัวหล่อน ซึ่งสายพระเนตรที่บ่งบอกความปรารถนาอย่างเปิดเผยคู่นั้นก็ทำให้หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“หยาบคาย!”

อลิสยกมือเรียวขึ้นอย่างมุ่งร้าย โกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ชีคลาซิสกลับอาศัยความไวคว้าจับข้อมือของหล่อนไว้ ในจังหวะนั้นเองเหล่าราชองครักษ์ที่ตามเสด็จต่างก็กรูเข้าหาหญิงสาวอย่างคนที่คิดจะปกป้องนาย

ทว่า...ชีคลาซิสแค่ตวัดสายพระเนตรมอง เหล่าราชองครักษ์ก็พากันหยุดชะงักและถอยกลับไปประจำที่ของตน ครั้นหันกลับมาที่เจ้าของบ้านสาวก็พบสายตากร้าวมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ คุณกล้าดียังไงมาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ในบ้านฉัน!” อลิสสะบัดมือเร่าๆ ทั้งโกรธทั้งโมโห เกลียดนักพวกชอบกร่างวางท่า ครั้นเห็นผู้ทรงอำนาจไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังกระชากตัวหล่อนเข้าสู่อ้อมแขนแทนคำตอบ อลิสก็ยิ่งโมโหเดือดดาล ทั้งทุบทั้งผลักร่างใหญ่โตนั้น

“สาวน้อย...ถ้าคุณยังไม่หยุดทำร้ายผมละก็ ผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมกล้ามากกว่าที่คุณคิด” มีรับสั่งชิดเรียวปากอิ่ม



กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ต.ค. 2557, 10:01:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2557, 10:01:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1286





<< ตอนที่ 7   
แว่นใส 5 ต.ค. 2557, 10:29:40 น.
ไม่ระวังตัวเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account