เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
ประพันธ์โดย...กันต์ระพี
(ลิขสิทธิ์งานเขียนเรื่องนี้เป็นของสนพ. Touch publishing)

อลิส..นักโจรกรรมสาวพราวเสน่ห์หวังช่วงชิงไดมอนด์เฟอร์เซีย แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันนำเธอสู่ทะเลทราย ดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งรัก

เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น!!
หมายเหตุ...
งานเขียนเรื่องนี้เดิมทีชื่อพยัคฆ์สาวเจ้าหัวใจชีค
ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่อง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 7

“ไฮ...รอนานไหมคะ?”

อลิสแสร้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย ยกมือขึ้นทักทายด้วยท่วงท่าไม่ต่างจากฝรั่งจ๋า พลางเป่าหมากฝรั่งในปากไม่ต่างจากลูกโป่ง จงใจลบหลู่ดูหมิ่นพระเกียรติด้วยมุ่งหวังให้ชีคลาซิสอับอายประชาชี แต่การกระทำที่ไร้มารยาทนั้นกลับทำให้หล่อนหน้าร้อนเสียเอง เมื่อกวาดสายตามองไปโดยรอบแล้วไม่พบผู้คนที่มาใช้บริการในห้องอาหาร นอกจากสองบุรุษที่นั่งดื่มกันตามลำพังเงียบๆ

วินาทีนั้นอลิสนึกอยากจะหายตัวได้เสียจริงๆ ด้วยอับอายกับปาหี่ที่แสดงออกไปจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เมื่อเห็นสองบุรุษหันมองมาเป็นตาเดียว หนึ่งหนุ่มนั้นอมยิ้มกึ่งขำทำท่าเหมือนจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ขณะอีกคนอ้าปากค้างทำแก้วเครื่องดื่มหลุดมือ แม้ภาพตรงหน้าจะแลชวนหัว แต่อลิสกลับไม่มีอารมณ์ร่วมเอาเสียเลย พอๆ กับมาร์คผู้เป็นพี่ชายที่เวลานี้ตีหน้ายักษ์ใส่หล่อน

“นั่นเราคิดจะทำบ้าอะไร!” มาร์คตวาดอย่างลืมตัว

อลิสได้ยินดังนั้นก็หน้าเจื่อน แม้จะรู้ตัวว่าผิดที่ทำอะไรไม่ไว้หน้า แต่จะให้ถอยหลังกลับไปเริ่มต้นใหม่ก็ไม่ทันเสียแล้ว หล่อนเลยจำใจต้องเล่นละครไปตามเนื้อผ้า ด้วยการทำใจดีสู้เสือเดินฉีกยิ้มเข้าไปคล้องแขนพี่ชาย เมื่อเห็นสายพระเนตรของชีคหนุ่มนั้นจ้องมองมา

“ทำไมต้องพูดเสียงดังด้วยละคะ อลิสอยู่ใกล้แค่นี้เอง พูดเบาๆ ก็ได้ค่ะ”

มาร์คเห็นน้องสาวลอยหน้าลอยตาตอบโดยไม่มีท่าทางสำนึกผิดก็ยิ่งโมโหเดือดดาล เขาคงจะว่ากล่าวด้วยถ้อยคำรุนแรงไปแล้ว หากไม่หันไปเห็นชีคลาซิสแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพัง

“เดี๋ยวออกไปคุยกันหน่อย” มาร์คกระซิบกระซาบกับอลิสแล้วหันมาส่งยิ้มให้ชีคหนุ่มเชิงขอลุแก่โทษแทนน้องสาว

“กระหม่อมขอตัวสักครู่พระเจ้าค่ะ”

“เชิญตามสบายครับ” ชีคลาซิสแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยราวกับจะบอกว่าไม่ถือสา

มาร์คเห็นดังนั้นก็สบายใจขึ้น แต่ถึงกระนั้นอารมณ์ของเขาก็ยังขุ่นมัว ครั้นหันกลับมาทางอลิสก็ส่งสายตาดุๆ พลางกระชากแขนแม่น้องสาวตัวดีแล้วพาเดินออกจากห้องอาหาร

“มานี่เลยยัยตัวยุ่ง!”

คล้อยหลังสองพี่น้องตระกูลรีวิลล์ ชีคลาซิสยกพระหัตถ์ขึ้นลูบพระหนุ ด้วยทรงสังเกตเห็นความขัดแย้งในตัวอลิส แม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะบ่งบอกว่าหล่อนเป็นผู้หญิงก๋ากั่นไม่แคร์สายตาผู้ใด แต่ภายใต้ท่าทางนั้นก็ยังมีความกระดากอายเจือปนอยู่ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นแลเย่อหยิ่งถือดีและท้าทาย ซึ่งแตกต่างจากสาวร้อนแรงทั่วไปที่มักจะชม้ายชายตาหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายราวกับเห็นเป็นดอกไม้ริมทาง

หรือนั่นจะเป็นภาพลวงตาที่หล่อนสร้างขึ้น...

พระขนงคมเข้มขมวดมุ่นทีเดียว ด้วยใคร่รู้ถึงเหตุผลในการกระทำนั้น แต่ความนึกคิดต่างๆ ก็มีอันต้องสะดุด เมื่ออับดุลลาเดินนำสตรีที่ทรงนัดหมายเข้ามาในห้องอาหาร

“คุณปลายฟ้าพระเจ้าค่ะ”

“มาแล้วเหรอ การเดินทางเป็นยังไงบ้าง...สะดวกสบายดีไหม?”

ชีคลาซิสแย้มโอษฐ์อย่างยินดี พลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอย่างให้เกียรติ สายพระเนตรที่ทอดมองสตรีในแพรพรรณสีโอลด์โรสขับผิวนวลลออตานั้นบ่งบอกว่าชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด

“ค่ะ เอ่อ...เพคะ” ปลายฟ้าประหม่าจนพูดผิดๆ ถูกๆ ด้วยนึกไม่ถึงและไม่ทราบมาก่อนว่าคนที่มารดาให้มาพบนั้นมีฐานันดรศักดิ์สูงส่ง

“พูดธรรมดาก็ได้ ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์หรอก ฟังแล้วดูห่างเหินชอบกล เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียที่ไหน”

“พี่น้อง...?” ปลายฟ้าหลุดคำพูดออกมาอย่างยากเย็น ด้วยนึกฉงนใจนัก

“ใช่...เรียกพี่ว่าลาซิสก็ได้ เพราะแม่ของฟ้าเคยเลี้ยงพี่มาตอนเด็กๆ ไม่ใช่แม่ก็เหมือนกับแม่นั่นแหละ พี่ยังจำได้เลยว่าตอนฟ้าคลอดใหม่ๆ พี่ไปเฝ้าทุกวันเลย อยากอุ้มน้อง แต่รบเร้าเท่าไหร่ แม่ของฟ้าก็ไม่ยอม” ชีคลาซิสไม่ได้ปด แต่ไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด เพราะมารดาของอีกฝ่ายขอร้องไว้

“อย่างนั้นเหรอคะ” ปลายฟ้าบอกเสียงเบาแล้วยิ้มเอียงอาย ไม่รู้หรอกว่าเรื่องนั้นจริงหรือเท็จ แต่ท่าทีที่เป็นกันเองของชีคหนุ่มก็ทำให้หล่อนลดอาการเกร็งลงไปกว่าครึ่ง

“มาทางนี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่จะหาอะไรให้ดื่ม เราจะได้นั่งคุยกันไปด้วย”

ชีคลาซิสทรงเชื้อเชิญแล้วดำเนินนำมาที่เคาน์เตอร์บาร์ หาเครื่องดื่มที่เหมาะสมกับพระขนิษฐามายื่นให้แล้วสอบถามถึงสารทุกข์สุขดิบอย่างคนที่ใคร่รู้เรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา ซึ่งปลายฟ้าก็ไม่ได้ปิดบัง วางใจ...ด้วยคิดกับผู้สูงศักดิ์เสมือนหนึ่งเป็นญาติสนิท เพราะมารดาบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดี เขามีพระคุณกับครอบครัวหล่อน

“ฟ้าเคยคิดจะไปเที่ยวต่างประเทศบ้างไหม?” มีรับสั่งหยั่งเชิงผู้เป็นน้องสาว

“คิดสิคะ แต่คงไม่มีโอกาสหรอกค่ะ เพราะค่าตั๋วเครื่องบินแพงมาก ประเทศใกล้ๆ ฟ้าจะได้ไปหรือเปล่าก็ยังไม่รู้” ปลายฟ้ายิ้มเอียงอาย นึกน้อยใจในวาสนาของตัวเอง

“แล้วถ้าพี่จะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายให้ ฟ้าจะไปซาร์รียาร์กกับพี่ไหม?”

“ซาร์รียาร์ก...จริงเหรอคะ พี่ลาซิสไม่ได้ล้อฟ้าเล่นใช่ไหม” ปลายฟ้าเอ่ยออกมาอย่างลิงโลด พลางฉวยพระหัตถ์ชีคหนุ่มมากุมไว้อย่างลืมตัว

“อืม...พี่รับปากแล้วไม่เคยกลับคำ”

“พี่ลาซิสใจดีจัง แต่...”

“แต่อะไร?”

“ก็คุณแม่น่ะสิคะ จะอนุญาตให้ฟ้าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พี่จะขออนุญาตให้เอง พ่อพี่คงดีใจ ถ้ารู้ว่าฟ้าจะไปกราบท่าน” ชีคลาซิสวางพระหัตถ์ทับบนมือนุ่มราวกับจะบอกให้เบาใจ ไม่ได้อธิบายอะไรชี้ชัดด้วยเห็นว่ายังไม่ถึงเวลา ในจังหวะนั้นเองสองพี่น้องตระกูลรีวิลล์ก็กลับเข้ามาในห้องอาหาร

มาร์คชะงักกึกทีเดียว วินาทีนั้นเขานึกฉงนระคนสงสัย สับสนจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นปลายฟ้าคู่หมั้นสาวนั่งกุมมือกับชีคหนุ่ม ไม่อยากคิดว่าถูกคนรักหักหลัง แต่ก็อดคิดไม่ได้ ด้วยภาพบาดตาบาดใจที่บ่งบอกถึงความสนิทสนมนั้นชี้ชัด

ครั้นอลิสที่เดินตามหลังมาเห็นมาร์คยืนนิ่งก็มองข้ามไหล่กว้าง ภาพที่เห็นทำให้หล่อนรับรู้ถึงความรู้สึกของพี่ชายและนึกโกรธแทนเขาขึ้นมา ด้วยใจนั้นมีอคติกับชีคหนุ่มเป็นทุนเดิม หล่อนจึงไม่คิดจะนิ่งเฉย หากแต่แสร้งกระแอมกระไอขัดจังหวะเสียอย่างนั้น

“อ้าว...มากันแล้วเหรอ ดีเลย...นี่ก็ใกล้เวลาอาหารแล้ว” ชีคลาซิสหันมอง พลางปล่อยพระหัตถ์จากมือนุ่มของน้องสาว ครั้นสองพี่น้องตระกูลรีวิลล์เดินเข้ามาสมทบก็มีรับสั่งขึ้น

“นี่คุณมาร์คกับคุณอลิส แขกสำคัญในคืนนี้”

ปลายฟ้าทำหน้าไม่ถูก ไม่คิดว่าจะได้มาพบสองพี่น้องที่นี่ ครั้นเห็นมาร์คมองมาก็กระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ไม่สบายใจ เกรงว่าเขาจะเข้าใจผิด แต่ยังไม่ทันอธิบายอะไรออกไป ชีคหนุ่มก็วางพระหัตถ์มาบนลาดไหล่แล้วมีรับสั่งแนะนำหล่อน

“ส่วนนี่ปลายฟ้าครับ ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้ชีวิตที่ขาดหายไปของผมได้รับการเติมเต็มอีกครั้ง”

อลิสเบ้ปาก นึกหมั่นไส้เจ้าของคำพูดกำกวมที่ยืนฉีกยิ้มกว้าง เขากล้าดียังไงมาพูดเช่นนี้ ทั้งที่มาร์คพี่ชายหล่อนกับปลายฟ้าเป็นคู่หมั้นคู่หมาย แค่คิดก็คันปากตงิดๆ อยากจะฉีกหน้าเขาขึ้นมา แต่มาร์คก็เอ่ยขึ้นอย่างเป็นทางการเสียก่อน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมไม่คิดว่าจะได้พบคุณที่นี่” แม้น้ำเสียงจะราบเรียบราวกับไร้ความรู้สึก แต่สายตาของมาร์คกลับสะท้อนแววตัดพ้ออย่างเห็นได้ชัด

“นั่นน่ะสิคะ เมื่อกี้ในห้องน้ำพี่ฟ้าไม่เห็นบอกอลิสเลยว่าจะมาพบชีคลาซิส แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ละคะ” อลิสเอ่ยเสริมในทันที หล่อนรอจังหวะอยู่ก่อนแล้ว ด้วยต้องการให้ชีคหนุ่มรู้ระแคะระคายในความสัมพันธ์ของคนทั้งหมดจะได้เลิกสนใจว่าที่พี่สะใภ้ของหล่อน

ปลายฟ้าไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี ใจหาย...เมื่อเห็นคู่หมั้นหนุ่มส่งสายตาเย็นชา สถานการณ์ตรงหน้าทำให้หล่อนอึดอัด แต่ยังไม่ทันจะแก้ต่างอะไรออกไป ชีคลาซิสก็มีรับสั่งขึ้น

“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าเธอเป็นคนสำคัญของผม...จะขาดเธอไปได้ยังไงล่ะครับ เชิญทุกคนที่โต๊ะอาหารดีกว่า ผมคิดว่าเราเสียเวลากันมามากพอแล้ว”

ชีคลาซิสผายพระหัตถ์เชื้อเชิญแล้วดำเนินนำไปที่โต๊ะอาหาร ไม่ใส่ใจในความสัมพันธ์ของคนเหล่านั้น ด้วยทรงทราบดีถึงความเป็นไปทั้งหมดและมีพระประสงค์จะดูปฏิกิริยาของมาร์ค ซึ่งก็ทรงจับความหึงหวงได้จากสายตาของชายหนุ่มสองสัญชาติผู้นี้...



แม้เวลานี้จะมีอาหารเลิศรสหลากหลายเรียงราย แต่บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับกร่อยสนิท ค่ำคืนที่ไร้พิธีการดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ หากชีคลาซิสไม่รับสั่งถาม แขกที่ได้รับเชิญทั้งหมดก็ไม่มีใครปริปาก หากแต่รักษาท่าทีไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉยอย่างคนที่ได้รับการอบรมเรื่องมารยาทในการเข้าสังคมมาเป็นอย่างดี

ชีคลาซิสไม่สบายพระทัยเลยแม้แต่น้อย ทรงลอบถอนพระปัสสาสะอยู่บ่อยครั้ง ด้วยทรงตระหนักดีว่าตนเป็นต้นเหตุให้เกิดการกินแหนงแคลงใจ หากไม่มีรับสั่งกำกวมก็คงไม่เกิดการเข้าใจผิด จึงมีพระราชดำริจะแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว

“คุณจะให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับ?” ชีคลาซิสมีรับสั่งเชิญชวนอลิส ด้วยมีพระประสงค์จะเปิดโอกาสให้มาร์คกับปลายฟ้าได้พูดจาปรับความเข้าใจกัน ทว่า...อลิสกลับปรายตามองมาเหยียดๆ หล่อนมีอคติในใจจึงมองความหวังดีนั้นเป็นอื่น

“ชีคคะ คุณไม่เห็นเหรอคะว่าฉันยังทานอาหารไม่เสร็จ”

“อลิส!” มาร์คเอ็ด ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นชีคลาซิสเป็นศัตรูหัวใจตัวฉกาจ แต่การเสียมารยาทกับผู้สูงศักดิ์เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ

อลิสเห็นมาร์คส่งสายตาดุมองมาเชิงบังคับก็พ่นลมหายใจออกมา จำต้องวางช้อนส้อมในมือแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ครั้นคว้าหมากฝรั่งจากกระเป๋ามาใส่ปากก็เดินหน้าง้ำนำหน้าชีคหนุ่มไปที่ฟลอร์กว้าง ปล่อยให้มาร์คกับปลายฟ้านั่งรับประทานอาหารกันตามลำพัง

“ฟ้า...คุณจะตอบผมได้หรือยังว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วคุณรู้จักกับชีคลาซิสได้ยังไง?” มาร์คเปิดปากขึ้นก่อน ด้วยเห็นว่าสบโอกาสเหมาะที่จะสอบถามเรื่องค้างคาใจที่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัว

“คุณแม่ขอร้องให้ฟ้ามาที่นี่ค่ะ ทีแรกฟ้าก็ไม่ทราบหรอกว่าคนที่คุณแม่ให้มาพบคือชีคลาซิส คุณแม่แค่บอกว่าให้มาทานข้าวเป็นเพื่อนลูกคุณลุง พี่มาร์คอย่าโกรธฟ้านะคะที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้” ปลายฟ้าคว้ามือคู่หมั้นหนุ่มมากุมไว้ กลัวเหลือเกินว่าเขาจะเข้าใจผิด”

“เรื่องนั้นช่างเถอะ แต่ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณต้องทำตัวห่างเหินเหมือนไม่รู้จักผมด้วย”

“ก็ตอนนั้นฟ้าตกใจนี่ค่ะ และก็กลัวว่าพี่มาร์คจะเข้าใจผิด ฟ้าก็เลย...”

“ทำไมต้องตกใจ ทำไมต้องกลัวว่าผมจะเข้าใจผิด ถ้าคุณไม่มีอะไรกับชีคลาซิสจะกลัวทำไม” น้ำเสียงทคาดคั้นนั้นเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง ซึ่งคำพูดที่เชือดเฉือนก็บาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของหญิงสาว

“ทำไมพี่มาร์คพูดแบบนี้ละคะ พี่เห็นฟ้าเป็นคนยังไง ตลอดเวลาที่เราคบกัน...ฟ้าไม่เคยทำตัวเหลวไหล ทำไมพี่ถึงไม่ให้เกียรติฟ้าบ้าง ฟ้าเสียใจนะคะที่พี่มาร์คมีความคิดแบบนี้” ปลายฟ้าน้ำตาร่วงทีเดียว นึกน้อยใจที่คนรักไม่เชื่อใจ ซ้ำยังดูแคลน

ครั้นมาร์คเห็นดังนั้นก็ใจแป้ว ทำอะไรไม่ถูก เขาแพ้น้ำตาผู้หญิง

“ฟ้า...ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณ”

“ถ้าพี่มาร์คยังระแวงสงสัยในตัวฟ้า เราก็เลิกกันเถอะค่ะ ไม่มีประโยชน์ที่จะแต่งงานกัน ถ้าต้องอยู่อย่างหวาดระแวงทุกวัน”

“ไม่นะฟ้า ผมขอโทษ ผมผิดเองที่พูดอะไรออกไปไม่ยั้งคิด ยกโทษให้ผมนะคนดี ผมสัญญาว่าต่อไปจะเชื่อใจคุณ จะไม่พูดพล่อยๆ อย่างนี้อีก ผมรักคุณนะฟ้า...ผมรักคุณ” มาร์คปาดหยาดน้ำตาให้คู่หมั้นสาวแล้วรั้งตัวเข้ามากอดแนบอกพลางจูบเรือนผมสวย ใจชื้นที่คนในอ้อมกอดไม่ขัดขืนฝืนตัว หากแต่ซุกหน้ากับเสื้อสูทของเขา นั่นบอกให้รู้ว่าหล่อนไม่ได้จริงจังกับคำพูดที่พูดออกมาเพราะความโมโห หากแต่ยังให้โอกาสเขา...



บนฟลอร์กว้าง...ชีคลาซิสพาอลิสเต้นรำไปตามจังหวะดนตรี แม้พระบาทจะก้าวไปตามท่วงทำนอง แต่สายพระเนตรกลับจับจ้องมาร์คกับปลายฟ้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ไม่มีสมาธิ ด้วยนึกเป็นห่วง กลัวเหลือเกินว่าทั้งสองจะปรับความเข้าใจกันไม่ได้

จนกระทั่งเวลาเลยผ่าน...บรรยากาศตึงเครียดก็เบาบางลง สถานการณ์เลวร้ายคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ชีคลาซิสก็เบาใจ ครั้นละสายพระเนตรกลับมาให้ความสนใจคู่เต้นรำสาว พระอารมณ์เบิกบานยินดีก็เลือนหายกลายเป็นความขุ่นมัวขึ้นมาในทันที

ด้วยเหตุเพราะอลิสทำท่าซังกะตาย แม้ปลายเท้าของหล่อนจะก้าวเท้าไปตามจังหวะอย่างสม่ำเสมอ แต่สายตากลับเมินมองไปทางอื่น ซ้ำยังเคี้ยวหมากฝรั่งหมุบหมับ ไม่ยินดียินร้ายกับการได้รับเกียรติให้เป็นคู่เต้นรำของกษัตริย์แห่งซาร์รียาร์ก ซึ่งการกระทำนั้นก็ไม่ต่างไปจากการตบหน้าพระองค์อย่างแรง

ชีคหนุ่มกัดฟันกรอดทีเดียว โมโหโกรธายิ่งนัก ด้วยประทานเกียรติอันสูงส่งให้กับหญิงสาว แต่หล่อนไม่ยอมรับ ซ้ำยังหลบหลู่ดูหมิ่นกษัตริย์ที่ปกครองคนทั้งแผ่นดิน ไฉนเลยจะยอมให้อิสตรีตัวกระจ้อยมาหยามกันซึ่งๆ หน้า หล่อนกระทำเช่นไรก็จะรับผลของการกระทำเช่นนั้น

สิ้นสุดความคิด...ชีคลาซิสปล่อยมืออลิสให้เป็นอิสระ อาศัยจังหวะดนตรีเปลี่ยนท่วงทำนอง ตวัดท่อนพระกรเข้ารัดเอวบางแล้วรั้งเข้าแนบชิด พันธนาการร่างเล็กๆ ไว้ด้วยท่อนพระกรทั้งสองที่ไขว้ทับเหนือสะโพกงอนงาม ยามนี้ทุกสรรพางค์จึงไร้ช่องว่างให้ได้เห็น

“นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” อลิสประท้วงหน้าตื่น พลางดันแผงอกกว้าง พยายามรักษาระยะห่าง ด้วยความใกล้ชิดนั้นทำให้รับรู้ได้ถึงสรีระที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อของบุรุษ

“ก็เต้นรำยังไงล่ะ จังหวะสโลว์ก็ต้องเต้นกันอย่างใกล้ชิด จะให้เต้นห่างเป็นโยดได้ยังไงกัน”

“ถ้าอย่างนั้น...คุณก็เต้นไปคนเดียวก็แล้วกัน ฉันไม่เต้นแล้ว” อลิสออกแรงผลักไส ทว่า...อ้อมแขนแกร่งที่โอบล้อมอยู่รอบตัวกลับรัดแน่นจนหล่อนนึกโมโห

“เอ๊ะ! คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือยังไง ปล่อยสิ...ฉันบอกว่าไม่เต้นแล้วไง”

“ไม่เต้นก็ต้องเต้น แล้วก็ต้องเต้นดีๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นละก็ เราได้เห็นดีกันแน่!”

อลิสจ้องคนข่มขู่ตาวาว นัยน์ตาสีครามฉายแววโทสะ หากความโกรธที่มีอยู่ในตัวหล่อนเปรียบดั่งไฟเผาผลาญ ก็คงแผดเผาคนที่กอดรัดจนหมดไหม้เป็นตอตะโก วินาทีที่เห็นชีคหนุ่มยิ้มหยัน หล่อนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยกเท้าในรองเท้าส้นสูงขึ้นได้ก็ใช้ส้นบดขยี้บนรองเท้าเงางามของเขา

“โอ๊ยย...!”

ความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นจากการถูกจู่โจมโดยไม่รู้ตัว เรียกเสียงสบถไม่เบานักให้หลุดจากพระโอษฐ์หยัก ขณะอ้อมพระกรที่กอดรัดนั้นคลายออก ปลดปล่อยหญิงสาวเป็นอิสระ

“เก็บคำขู่ของคุณไว้ใช้กับคนอื่นเถอะ มันใช้กับฉันไม่ได้หรอก” อลิสยิ้มเยาะ ในจังหวะจะเดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร ชีคลาซิสก็ฉวยข้อมือหล่อนแล้วกระชากเข้าหาจนเซถลาเข้ามาปะทะกับพระอุระกว้าง

ทันทีที่อลิสตกอยู่ในพันธนาการของผู้สูงศักดิ์ ชีคหนุ่มก็หมุนตัวตามจังหวะดนตรีพาหล่อนก้าวผ่านประตูออกไปสู่ระเบียงด้านนอก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นรวดเร็วเกินกว่าจะยั้งทัน อลิสไม่มีโอกาสจะประท้วงเสียด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่ปลายเท้าก้าวพ้นจากห้องอาหาร ชีคลาซิสก็ลงทัณฑ์ด้วยการบดจุมพิตลงบนกลีบปากอิ่ม

วินาทีนั้นสัญชาตญาณการปกป้องในตัวหญิงสาวก็ตื่นขึ้น สองมือที่กำแน่นทุบหลังไหล่ผู้รุกรานไม่ยั้ง แต่เพียงครู่เดียวก็อ่อนเปลี้ยไร้แรงต้าน ด้วยประสบการณ์แปลกใหม่นั้นทำให้หัวสมองของหล่อนขาวโพลนไปหมด หลงลืมความนึกคิด จิตใจกระเจิดกระเจิง จมจ่ออยู่กับรสสัมผัส กว่าชีคลาซิสจะถอนพระโอษฐ์ อลิสก็ยืนใจสั่น มองเขาตาปรอย

“ถ้ายังแผลงฤทธิ์อีกละก็ ผมจะจูบคุณให้ขาดใจเลย”

“คนบ้า!” อลิสแผดเสียงออกไปเมื่อได้สติ ทั้งโกรธทั้งอาย ยกมือขึ้นได้ก็หมายจะฝากรอยนิ้วทั้งห้าไว้บนใบหน้าหล่อเหลา ทว่าชีคลาซิสกลับอาศัยความไวคว้าจับข้อมือหล่อนแล้วรวบตัวมาลงทัณฑ์เป็นรอบสอง

คราวนี้ไม่ใช่แค่พระโอษฐ์อุ่นๆ เท่านั้นที่รุกราน แต่ยังมีพระหัตถ์ซุกซนที่ลากเลื่อนเคลื่อนไหวไปทั่วร่าง สัมผัสตรงนั้น...ลูบไล้ตรงนี้ เคล้าคลึงอย่างยวนยั่วปั่นป่วนเลือดในกายสาว จนหล่อนต้องทอดถอนลมหายใจออกมา ยอมจำนนต่อเกมพิศวาสด้วยด้อยประสบการณ์ในเชิงรัก

“ไม่มีวันที่คุณจะทำร้ายผมได้หรอก...สาวน้อย”

เสียงสรวลในลำพระศอปลุกอลิสให้ตื่นจากภวังค์แห่งมนต์สะกด นัยน์ตาสีครามกลับมาวาวโรจน์ด้วยแรงโทสะ ทว่า...วินาทีที่เห็นคนลวนลามเป่าหมากฝรั่งที่ฉกชิงจากปากหล่อนเชิงล้อเลียน ฝ่ามือที่ยกขึ้นหมายจะประทุษร้ายเขาก็มีอันต้องตกลง

“หยาบคาย!”

อลิสสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดกลับเข้าไปในห้องอาหาร ไม่กล้าใช้วิธีรุนแรงตอบโต้ ด้วยเกรงว่าจะได้รับการตอบกลับอย่างเผ็ดร้อน ซึ่งแน่นนอนว่าผู้หญิงยังไงก็เสียเปรียบผู้ชายทุกประตู

“เป็นอะไรไป...แล้วนั่นจะไปไหน?” มาร์คนึกฉงน หัวคิ้วเขาขมวดมุ่นทีเดียว เมื่อเห็นน้องสาวเดินหน้าง้ำกลับมาฉวยกระเป๋าสะพายที่คล้องไว้กับเก้าอี้

“อลิสจะกลับบ้าน” อลิสตอบเสียงห้วน ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุย

“เฮ้! เดี๋ยวสิ” มาร์คท้วง เมื่อน้องสาวตัวดีคว้ากระเป๋าแล้วผลุนผลันออกจากห้องอาหาร ละล้าละลัง ตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะลุกตามไปดีหรืออยู่ต่อ สุดท้ายเขาก็หันมาทางคู่หมั้นสาว

“เอ่อ...ฟ้าครับ ยังไงช่วยทูลชีคลาซิสให้ทีว่าผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องขอตัวกลับก่อน แล้วพรุ่งนี้ผมจะแวะไปหาคุณที่บ้านนะ” มาร์คพูดจบก็รีบวิ่งตามอลิสออกไป โดยไม่รอให้ปลายฟ้าตอบรับหรือปฏิเสธ

คล้อยหลังมาร์ค ปลายฟ้าหันมองชีคลาซิโอที่ดำเนินกลับมาประทับนั่งที่โต๊ะเสวย พระอิริยาบถสบายๆ กับพระโอษฐ์หยักที่แย้มยิ้มอยู่บ่อยครั้ง ช่างแตกต่างกับน้องสาวคู่หมั้นหล่อนอย่างเห็นได้ชัด จนปลายฟ้าอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้

“พี่ลาซิสดูอารมณ์ดีผิดกับน้องอลิสมากเลยนะคะ รายนั้นเป็นอะไรก็ไม่รู้...หน้าบึ้งเชียว พอมาถึงโต๊ะก็บอกว่าจะกลับบ้าน”

“เธอคงจะโกรธพี่มั้ง”

“แล้วพี่ลาซิสไปทำอะไรให้น้องอลิสโกรธละคะ”

“พี่ก็แค่แย่งหมากฝรั่งของเธอมา ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น”

“แค่หมากฝรั่งอันเดียวเนี่ยนะคะ” ปลายฟ้าร้องถามเหมือนไม่เชื่อหู อดแปลกใจไม่ได้ เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ อลิสไม่น่าเก็บเอามาเป็นอารมณ์

“ก็นั่นน่ะสิ แค่หมากฝรั่งอันเดียว...จะโกรธทำไมก็ไม่รู้” มีรับสั่งหน้าตาย พลางแย้มพระโอษฐ์อย่างเจ้าเล่ห์ รสชาติของมินต์ที่ติดพระชิวหาทำให้ประหวัดถึงเจ้าของหมากฝรั่ง ทรงติดอกติดใจและมีพระประสงค์จะลิ้มลองความหอมหวานจากริมฝีปากนุ่มนั้นอีกครั้ง...




กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ต.ค. 2557, 08:51:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ต.ค. 2557, 08:51:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1184





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8 >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 4 ต.ค. 2557, 10:08:55 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account