ฝันรัก รอยอดีต
แต่เพียงวันแรกที่ 'นิมมาน' ได้เหยียบย่างเข้าไปที่บ้านทรงไทย เขาก็ได้บังเอิญช่วยชีวิตหญิงสาวซึ่งกำลังจะจมน้ำในสระบัว หากอะไรก็ไม่น่าประหลาดใจเท่าที่เธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อ ๘๐ ปีที่แล้วต่างหาก!

นี่ไม่ใช่ดวงจิตหรือวิญญาณ แต่เขารู้ดีว่าเจ้าหล่อนมีเลือดเนื้อเช่นเดียวกับตน ซ้ำสตรีผู้นี้ยังขอให้เขาตามหาบิดาที่หายสาบสูญไปตั้งแต่ครั้งเกิดเหตุการณ์กบฏบวรเดช

ทว่าเบาะแสเดียวที่นิมมานมีคือความฝัน และนับวันความจริงอันน่าหวาดหวั่นในอดีตก็ทำให้ชายหนุ่มค้นพบว่า...เขานั่นเองที่อาจเคยผูกพัน ผูกกรรมกับเธอ

น้องแช่งชักหักรักขาดสะบั้น
พี่หลับฝันตั้งจิตคิดแก้ไข
น้องหลบลี้หนีรักจากพี่ไป
ขอตามใจสมัครรักมิคลาดคลา
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ

บทนำ

รถเอสยูวีสีดำแล่นช้าไปตามถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ น้ำซึ่งขังอยู่บนพื้นถนนแตกกระเซ็นด้วยน้ำหนักของตัวรถยามเหยียบย่ำผ่านไป สองข้างทางครึ้มด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม เมื่อหยาดฝนเพิ่งพร่างพรมลงมาขาดสายไปไม่นาน ครั้นชายหนุ่มคนขับกดกระจกรถลงเพื่อมองหาสถานที่เป้าหมายให้ถนัดถนี่ สายลมเย็นก็หอบเอากลิ่นอายดินพัดเข้ามาจนเขาเผลอสูดหายใจ

รั้วไม้เก่าทรุดโทรมอยู่ในสายตานิมมาน มันสูงกว่าสองเมตรและล้อมรอบด้วยกำแพงต้นโมกที่สูงไล่เลี่ยกัน แต่เพราะขาดการตัดแต่งยอดให้เป็นระเบียบมันจึงแผ่ขยายออกมาแลดูรกมากกว่าสวยงาม เขาจอดรถเทียบชิดพันธุ์ไม้เหล่านั้น แม้ยังไม่เห็นป้ายเลขที่บ้าน หากเขากลับมั่นใจประหลาดว่านี่คือสถานที่นัดพบระหว่างตนกับลูกค้าที่ต้องการให้ปรับปรุงบ้านหลังนี้เสียใหม่

มือหนาผลักรั้วไม้แผ่วเบาแล้วจึงพบว่ามันไม่ได้ลงกลอน อันที่จริงสภาพของที่นี่ก็ไม่น่ามีใครอยากกล้ำกรายเข้ามานัก โดยเฉพาะบ้านเรือนไทยตรงหน้าช่างดูวังเวง สนามหญ้าสูงครึ่งเข่ายังน่ากลัวว่าจะมีสัตว์เลื้อยคลานใดแฝงกายอยู่ ก่อนเขาจะหันกลับเมื่อแว่วเสียงเครื่องยนต์รถดังมา

"คุณนิมมานใช่ไหม ขอโทษที่ให้รอนะครับ" ชายร่างท้วม ท่าทางเหมือนเสี่ยใหญ่หากไม่มากวัยไปกว่าสถาปนิกหนุ่มเอ่ยทักทาย

"ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่เสียมารยาท พอดีเห็นรั้วไม่ได้ล็อกไว้น่ะครับ"

"ตายจริง ผมเพิ่งรู้ คนงานมันไม่ได้บอกไปน่ะครับ หรือผมจะลืมแฮะ เพราะนานทีผมก็ให้คนงานมาตัดหญ้า นี่มันชักรกอีกแล้วสิ"

"ครับ กลัวจะเป็นแหล่งซ่องสุม"

นิมมานไม่ได้บอกอย่างใจคิดว่าเขาเสียดายบ้านเรือนไทยหลังนี้ มันสมควรได้รับการดูแลอย่างดีกว่าที่เป็น

"นี่แหละ ผมถึงติดต่อไปทางบริษัทคุณ อยากให้ช่วยปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ยังไงก็ได้ ให้มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์กว่านี้น่ะครับ มันเป็นสมบัติที่ผมได้จากปู่ ท่านสั่งเสียนักหนาว่าให้ช่วยดูแล แต่ผมไม่อินกับอะไรแบบนี้จริงๆ"

ใช่ ฝ่ายนั้นไม่ต้องบอกเขาก็พอรู้ และอะไรที่อีกฝ่าย 'อิน' ก็คงจะเร่งเร้าอยู่ในโทรศัพท์ เมื่อมันร้องขึ้นกลางบทสนทนา

นิมมานผินมองไม้นานาพรรณซึ่งขึ้นรกโดยรอบอีกครั้งระหว่างลูกค้าของเขากำลังเจรจาธุรกิจผ่านโทรศัพท์ ก่อนเขาจะลอบยิ้มออกมาเมื่อคิดว่าโชคดีจริงๆ ที่ตนเพิ่งจบโปรเจ็กต์ก่อน จึงว่างพอรับทำงานนี้ด้วยตัวเอง

"เอ้อ คุณนิมมาน พอดีผมมีธุระต่อ แต่คุณจะเดินสำรวจดูรอบๆ ก่อนก็ได้นะครับ ยังไงมันก็ไม่ได้ลงกลอนอยู่แล้ว แล้วคุณสรุปค่าปรับปรุงก่อสร้างอะไรมาให้ผมด้วยแล้วกัน"

"ตกลงว่าแค่ดูโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ได้รื้อใช่ไหมครับ" สถาปนิกหนุ่มรีบหันขวับไปถาม

"ครับ...ครับ" เจ้าของบ้านตะโกนตอบพลางจ้ำอ้าวห่างออกไป "อ้อ หลังบ้านมีบึงใหญ่ คุณไปดูด้วยนะว่าทำยังไงกับสระบัวนั่นดี"

เสียงปิดประตูรถดังก่อนรถยุโรปคันใหญ่จะเคลื่อนจากไป นิมมานเท้าเอวพลางโคลงศีรษะอ่อนใจ ก่อนตนจะเดินไปงับรั้ว เขาหยุดยืนมองบ้านไม้หลังใหญ่อีกครั้ง หากความสนใจกลับเลยไปถึงสระบัวซึ่งตนเพิ่งรู้ว่ามีอยู่ที่นี่ตามคำบอกเล่าซึ่งได้ฟังมา

..................................

ร่างสันทัดเดินไปตามสนามหญ้าข้างตัวบ้าน มองเห็นใต้ถุนบ้านเป็นลานปูนเช่นเดียวกับทางลาดหน้าบ้านทรงไทยหลังนี้ หากคนงานที่เจ้าของส่งมาทำความสะอาดคงทำหน้าที่ไม่เต็มกำลังนัก เมื่อตามขื่อไม้ใต้ถุนนั้นมีทั้งหยากไย่ ใยแมงมุมเกาะเต็ม

นิมมานมองสำรวจรอบกายระหว่างเหยียบย่างไปตามหญ้าที่ขึ้นรก พื้นดินใต้ฝ่าเท้ายวบน้อยๆ มันคงอุ้มน้ำไว้มากเมื่อช่วงนี้มีฝนตกทุกวัน แล้วเขาก็ได้เห็นบึงน้ำกว้างใหญ่ปรากฏสู่สายตา กินพื้นที่มากกว่าบ้านทั้งหลังและอาณาบริเวณโดยรอบที่ผ่านเข้ามา มีดอกบัวชูช่อ ใบบัวแผ่ขยายจนแทบไม่เห็นผิวน้ำเสียด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มก้าวเร็วไปยังสะพานไม้ที่ต่อยื่นออกไปเหนือผืนน้ำ เขาก้มมองแผ่นไม้จุดที่ตนยืนอยู่ก็พบว่ามันแข็งแรงดีทีเดียว เขายิ้มกับตนเองอย่างพึงพอใจสถานที่แห่งนี้พลางกวาดตามองสระบัวกว้างใหญ่เกือบสุดสายตา ต้นไม้ครึ้มไกลๆ นั้นคงเป็นสวนผลไม้ของชาวบ้านแถวนี้กระมัง

รอยยิ้มคมคายค่อยเลือนหายไปเมื่อเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวบนผิวน้ำ นิมมานเพ่งมองมือ... ใช่! มือไม้ป่ายเปะปะของร่างที่พยายามทะลึ่งตัวโผล่พ้นน้ำ แล้วเพียงเสียววินาทีก็กลับจมลงไปอีกครั้งหนึ่ง

เขามองเรือไม้ที่ผูกกับท่าน้ำพลางสบถ ไม่มีเวลาพายเรือซึ่งอาจผุพังนี่ไปถึงตัวอีกฝ่ายได้แน่ ไวกว่าความคิด...เขาสลัดรองเท้าจนหลุด ก่อนตัดสินใจพุ่งตัวลงไปในสระโดยลืมคำนึงว่าการว่ายน้ำในสระบัวอันตรายเพียงใด

ชายหนุ่มแหวกว่ายผ่านใบบัวระเกะระกะ เมื่อปลายเท้าข้างหนึ่งของตนเกี่ยวพันกับรากของมันใต้น้ำ เขาก็ดำลงไปคลำแกะ ก่อนจะคว้าเอาด้านหลังของคนกำลังจะจมน้ำไว้ได้ทัน

เธอเป็นผู้หญิง... เนินเนื้อนุ่มนิ่มและผิวเนียนละเอียดบอกเขาอย่างนั้น หากนิมมานไม่มีแก่ใจสนใจสิ่งใดอื่น เมื่อหันกลับเข้าหาฝั่งอีกทีจึงได้รู้ว่าตนว่ายออกมาไกลเพียงใด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ไม่ใช่น้ำหนักของคนที่เขาว่ายประคอง แต่เป็นระยะทางที่เขาคิดว่าตนไม่ได้ว่ายออกมาไกลถึงเพียงนี้

ชายหนุ่มปัดความคิดออกไปจากใจขณะพยายามดึงร่างบางขึ้นฝั่ง เธอหลับตาไม่รู้สติอยู่ยังท่าน้ำ ผิวขาวซีด ริมฝีปากซีดจนเขียว เขาจับเนื้อตัวเย็นชืดของเจ้าหล่อนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่วางทาบฝ่ามือของตนยังกลางอกสาวเจ้า แต่เพียงออกแรงกดทีแรกเธอก็รู้สึกตัว ซ้ำยังพยายามบิดตัวตะแคงหนีและสำลักไอออกมา

"คุณโอเคหรือเปล่า คนแถวนี้เหรอ ผมจะติดต่อญาติแล้วพาไปส่งโรงพยาบาล"

หญิงสาวกระถดนั่ง เธอตวัดมองผู้ที่ช่วยชีวิตตนไว้อย่างประหลาดใจ บางอย่างบนตัวเขาต่างออกไปจากบุรุษที่เธอเคยพบ คำขอบคุณจึงติดอยู่ที่ริมฝีปาก

นิมมานเบือนหน้าหนีเซ็งๆ ดูสายตาแม่คุณเถอะ คมราวใบมีดทีเดียว เธอทำท่าราวกับว่าคือผู้เฝ้าที่นี่ แล้วเขาก็เป็นผู้บุกรุกดีๆ นี่เอง

เขาเสยผมเปียกชื้นของตนจนลู่ไปข้างหลัง ก่อนถอดถุงเท้าชื้นแฉะเป็นอย่างต่อไป ให้เวลาเธอคิดหาคำตอบที่ต้องการ

"เอ่อ ขอบคุณที่ช่วยดิฉัน"

ชายหนุ่มผินมองตามเจ้าของเสียงหวานสั่นพร่า เขาอมยิ้มน้อยๆ กับภาษาทางการของเธอ

"คุณคงเป็นแขกของคุณป้ากระมัง ดิฉันจะให้คนไปเรียนท่านนะคะ"

คราวนี้เขายิ้มกว้างออกมาเต็มที่ทีเดียว โชคดีที่ดวงตาคมๆ แวววาวคู่ก่อนนี้ไม่ทันสังเกตเห็น ด้วยเจ้าหล่อนกำลังหันมองหาพลางร้องเรียกใครบางคน

ก็บ้านนี้มีคนเสียที่ไหนเล่า...

"ศรีชุม! ศรีชุม!”

เขาไม่อยากทำให้เธอผิดหวังหรอกนะ แต่ว่า...

"เดี๋ยวนะ บ้านนี้ไม่มีคนอยู่หรอกครับ ผมเป็นนายช่างที่จะมาปรับปรุงที่นี่เอง"

"คะ" เธอหันมองอย่างตกตะลึง

"ครับ เจ้าของบ้านนี้เพิ่งกลับไป แต่เขาไม่ได้บอกผมว่ามีใครอยู่ที่นี่นะ"

เอ หรือนายพิทักษ์คนนั้นจะไม่รู้ หรือผู้หญิงคนนี้เป็นคนงานของนายพิทักษ์ เขานิ่วหน้าไตร่ตรองกับตัวเอง

"คุณป้าของดิฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ท่านไม่มีทางย้ายไปไหนแน่ ก็ที่นี่...ที่นี่เป็นสมบัติสุดท้ายของพวกเรา" หางเสียงท้ายประโยคนั้นแฝงแววเจ็บปวด หากคงไว้ซึ่งความทะนงตน

นิมมานพิศมองหญิงสาวซึ่งนั่งพับเพียบเรียบร้อยตรงหน้า เธอมีใบหน้าอ่อนหวานละมุนตา ขัดกับแววตาถือดีของเจ้าตัว สายลมโชยทำให้ผมซึ่งเปียกชื้นเริ่มแห้งหมาด พอเห็นเป็นทรงสั้นระท้ายทอย เสื้อทรงถังเหล้า แขนสั้นพอปิดหัวไหล่ กับผ้าซิ่นที่เจ้าหล่อนสวมยิ่งเพิ่มเสน่ห์บางอย่างแก่ผู้หญิงคนนี้

"คุณชื่ออะไร"

และทั้งที่เขาควรถามชื่อป้าของเธอ เขาก็กลับถามคำถามเมื่อครู่นี้ไปแล้ว

"ขอโทษเถอะ ผมหมายถึงคุณป้าของคุณ ท่านชื่ออะไร" เขากลับลำแก้คำถามเสียใหม่

"คุณป้าประนอม พลาธิปค่ะ" เธอตอบช้าชัด "ส่วนดิฉัน...มีชื่อว่าประณีต พลาธิป บุตรสาวของพันโทหลวงชาญยุทธกิจ คนที่หายสาบสูญเพราะรัฐบาลอย่างไรคะ"

.....................................

นิมมานงันไปอย่างไม่เชื่อหู เขาอยากหัวเราะให้กับบทบาทการแสดงในละครฉากนี้ของเธอ เท่าๆ กับที่หวั่นเกรงว่าสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดจะเป็นความจริงทุกประการ แล้วเธอ...แม่ประณีตคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

เขาไม่คิดว่าเธอเป็นผีหรือวิญญาณ อย่างน้อยเขาก็เพิ่งสัมผัสเนื้อตัวเธอ นอกจากนี้เขาก็คิดทฤษฎีอะไรไม่ออกอีกแล้ว เว้นแต่เธอป่วย ใช่... เขาน่าจะลองถามคนแถวนี้ดูว่ามีญาติใครที่ป่วยจิตเวชหายออกมาหรือไม่

"คุณรอที่นี่นะ หรือรอบนบ้าน เดี๋ยวผมมา...เดี๋ยวผมมา"

ชายหนุ่มรีบลุกจากไปโดยไม่สนสายตาซึ่งมองตามอย่างงุนงง เขาหยิบโทรศัพท์หมายจะติดต่อถึงพิทักษ์ เจ้าของบ้านหลังนี้ หากตัวเครื่องชื้นเปียกก็ทำให้หน้าจอดับสนิท ไม่ตอบสนองใดๆ

ถ้าจำไม่ผิด ก่อนมาถึงที่หมายเขาได้ผ่านร้านขายของชำซึ่งเป็นตึกแถวไม้ บางทีที่นั่นอาจมีคำตอบให้

นิมมานไม่รอช้า เขาติดเครื่องยนต์ขับออกมาทางเดิมราวสองร้อยเมตรก็ได้พบกับย่านชุมชนอยู่อาศัยเล็กๆ หน้าร้านขายของชำมีชายชราสองคนกำลังร่ำสุราแต่หัววัน

"ขอโทษครับ มีใครรู้จักคนชื่อประณีตหรือประนอมไหม"

"ไม่รู้ๆ ไม่มีนาพ่อหนุ่ม" ชายชราคนหนึ่งตอบ

นิมมานไม่พอใจคำตอบเท่าใดนัก เขาคิดจะตั้งคำถามใหม่ก็พอดีกับที่สาวใหญ่เจ้าของร้านก้าวออกมาพอดี

"หมายถึงบ้านยายประนอมหรือเปล่าคุณ เนี่ย ขับตรงไปจะเห็นบ้านเรือนไทย แต่มันเก่าแล้วล่ะ รกมากด้วย แล้วก็เปลี่ยนมือไปนานแล้วนะ รู้แต่รุ่นพ่อแม่ฉันเรียกว่าบ้านยายประนอม"

ชายหนุ่มได้แต่ตะลึงงัน ถ้าเช่นนั้นที่หญิงสาวซึ่งเขาช่วยไว้พูดมาก็เป็นจริงงั้นซี

"แล้ว...แล้วคนชื่อประณีตล่ะครับ"

"เอ ไม่รู้นะ ทำไมเหรอคุณ"

นิมมานปฏิเสธอย่างไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างไร ก็ขนาดเขายังไม่อยากเชื่อเลยว่ามีเรื่องพิศวงเกิดขึ้นกับตน

เขาเลือกซื้อขนมปังแถวกับนมกล่องติดมือกลับไปหลังถามจนแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครรู้จักสตรีวิปลาศ สมองของเขาหนักอึ้งขณะย้อนกลับไปที่บ้านหลังนั้น แล้วก็เห็นหญิงสาวยืนอยู่บนระเบียงของเรือนไม้ หากแววตาซึ่งมองสบเขาคราวนี้ไม่ได้เปี่ยมด้วยความมั่นใจดังเดิม

"คุณคงมีเรื่องจะคุยกับผม ผมก็เหมือนกัน"

ร่างบางก้าวไปนั่งยังเก้าอี้รอบระเบียงไม้แทนคำตอบ ชายหนุ่มนั่งลงห่างออกไปพลางวางของว่างตรงหน้าเธอ ประณีตหยิบกล่องนมมาดูอย่างสนใจ แล้วเธอก็ได้เห็นสิ่งที่หวาดกลัวที่สุดอยู่ด้านบน

"หนึ่งสี่ ตอนนี้พอศอสองพันห้าร้อยสิบสี่หรือคะ"

นิมมานนึกชมผู้หญิงคนนี้ในใจ เธอหัวไวทีเดียว คงเพราะเห็นสภาพบ้านที่ผุพังของตน เขาหลุบเปลือกตามองมือบนตักเจ้าหล่อน มันกำเกร็งแน่นเข้าหากันราวเธอกลั้นใจรอฟังคำตอบที่หวาดกลัว

"เปล่าครับ คอศอสองพันสิบสี่ ตรงกับปีพอศอสองพันห้าร้อยห้าสิบเจ็ดต่างหาก"

ใช่แต่เขาที่สับสน งุนงง ผู้หญิงตรงหน้านี้คงหวั่นเกรงความจริงยิ่งกว่า เมื่อดวงตาของเธอมีน้ำรื้นคลอ มือที่กุมกันไว้จิกปลายนิ้วแรงราวสะกดกลั้นความรู้สึกทั้งมวล

แล้วทำไมตนจึงต้องพลอยเจ็บปวดไปกับเจ้าหล่อนด้วยนะ นี่เขาเชื่อคำพูดว่าเธอเป็นลูกพระน้ำพระยาไปแล้วหรือ

"คุณล่ะ มาจากไหน"

ดวงตาที่เหม่อลอยไปไกลเบือนมาสบตาชายหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง เธอตั้งสติได้พอจะย้อนถามกลับไปอย่างสงบนิ่งดังเคย

"คุณไม่คิดว่าดิฉันบ้าหรอกหรือคะ"

"คิด" นิมมานตอบตรง ก่อนจะเผยยิ้มบาง "แต่ชาวบ้านแถวนี้บอกว่าไม่มีคนบ้าอาศัยอยู่แถวนี้ คุณไม่ใช่ญาติพวกเขาแน่ๆ นอกจากนี้ผมก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"

หญิงสาวพลอยยิ้มออกในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ชายคนนี้แลดูซื่อตรง เขาช่วยชีวิตเธอ แล้วยังใจกว้างพอที่จะรับฟังเธอ

"ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน เล่าเรื่องที่ทำให้คุณตกน้ำก็ได้"

จริงซี... บ่ายวันนั้นเธอออกไปพายเรือเก็บสายบัวลำพัง แต่แล้วเรือก็คว่ำ เธอสำลักน้ำและกำลังจะหมดสติ แต่มือหนาคู่นี้ก็กลับเหนี่ยวรั้งเธอขึ้นมา

"เรือไม้ลำนั้น ผมมั่นใจว่ามันผูกอยู่ที่ท่าน้ำ และรอบตัวคุณก็ไม่มีเรือสักลำตอนผมช่วยคุณขึ้นมา"

ประณีตหลุบตามองหลังมือตน เธอรู้เมื่อตอนขึ้นฝั่งมาแล้ว หากเขาจะมองว่าเธอวิปลาศก็สุดแท้แต่ แต่มันคือความจริงที่เกิดขึ้นวันนี้...วันนี้ในอดีตนั่นอย่างไร

"คุณประณีต ผมขอถามคุณตรงๆ เลยนะ วันที่คุณตกเรือวันนั้นตรงกับปีพอศออะไรครับ"

หญิงสาวเงยขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง เขาดูไม่เหมือนคนขวัญอ่อนเท่าใดนัก และนั่นก็ทำให้เธอตัดสินใจตอบตามตรง

"พอศอสองพันสี่ร้อยเจ็ดสิบเจ็ด สองปีภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง"

.............................


สวัสดีค่ะ

วันนี้แพรวก็มาพร้อมนิยายเรื่องใหม่อีกแล้ววว รู้สึกไวมากเลย อิอิ
สำหรับเรื่องนี้เป็นแนวกึ่งๆ พีเรียดนิดนึงค่ะ จะเรียกพีเรียดก็ละอายเนอะ 55
เป็นการลองเขียนแนวใหม่อีกแล้ว ไม่รู้จะเวิร์คไหมนะคะ
ก็เลยอยากได้รับคำแนะนำจากทุกคน หรือติชมได้ตามสบายเลยค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ

ขอบคุณจ้าาา



ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2557, 15:37:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2557, 15:37:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1543





   บทที่ ๑ >>
pkka 8 ต.ค. 2557, 18:50:19 น.
เข้ามาเม้นก่อนค่อยอ่าน เรื่องใหม่มาแว้ววววววว :)


ภาพิมล_พิมลภา 8 ต.ค. 2557, 20:43:38 น.
คุณpkka - ขอบคุณค่า มาอ่านนะๆ


lookpud 8 ต.ค. 2557, 21:33:22 น.
น่าติดตาม


แว่นใส 8 ต.ค. 2557, 21:55:01 น.
ข้ามอนาคตมาไกลเลยนะ


ภาพิมล_พิมลภา 9 ต.ค. 2557, 08:20:18 น.
คุณlookpud - ขอบคุณค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

คุณแว่นใส - อิอิ ก็ไม่เท่าไรน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account