ซีรีย์ บุปผาสันนิวาส +*+พิสูจน์รักทานตะวัน+*+

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ : ทานตะวันบานแฉ่ง

ทันทีที่เจ้าของรถยุโรปขนาด 5 ประตู เลื่อนกระจกด้านคนขับลงมาเพื่อบอกว่าเติมน้ำมันเท่าไร เด็กปั๊มตัวดำที่รอให้บริการก็แทบผงะด้วยความตกใจ... ดอกตะวันขับรถได้!!! เป็นไปได้ยังไง นี่เขาตาฝาดหรือว่าเกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้นตรงหน้า

“ซอรี่นะคะ...แต่มองอะไรเหรอ มีอะไรติดหน้าหนูหรือเปล่า”

คำถามที่ดังขึ้นทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้ง ก่อนจะพบว่าเจ้าของเสียง คือเจ้าของใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ดอกทานตะวันยักษ์ ที่ดูดีๆ มันก็คือหมวก เขาหมายถึงคุณลักษณะมันเหมือนหมวก แต่ภาพลักษณ์ ยังไงๆ ก็ทานตะวันชัดๆ

“ซอรี่อีกทีนะคะพี่ แต่หนูมีนัดสำคัญมากจริงๆ ไม่อยากไปสาย ถ้าพี่ไม่สะดวกเติมน้ำมันให้ ให้หนูลงไปเติมเองก็ได้นะ”

ไม่ใช่แค่พูดเปล่า แต่หญิงสาวยังเปิดประตูแล้วก้าวลงมา และพอได้เห็นเธอเต็มตา เขาก็ถึงกับอ้าปากค้าง
ร่างอวบอัดในเสื้อแขนกุดสีเขียวสะท้อนแสง กับกางเกงขายาวปักเลื่อมสีเขียวมรกตทั้งตัว รวมกับผมสีบรอนซ์ทอง ปนเขียว ปนฟ้าใต้ดอกทานตะวันยักษ์ มันช่าง....แปลก แปลกจนเกินบรรยาย

“ถามจริงๆ นะ อย่าหาว่าเสียมารยาทเลย แต่พี่ไม่เคยเห็นคนเหรอคะ ถึงจ้องอยู่ได้”
ไม่เชิงต่อว่า หากแต่เพียงถามด้วยความสงสัย และนั่นทำให้เขารู้สึกตัว เด็กหนุ่มรีบขอโทษขอโพย ก่อนกุลีกุจอไปทำหน้าที่ และทันทีที่น้ำมันถูกเติมเต็มถัง หญิงสาวทานตะวันหน้าตาค่อนไปทางฝรั่ง ก็หยิบธนบัตรใบละพันมาให้สองใบ ซึ่งแน่นอน มันมากกว่าราคาจริงเกือบเท่าตัว

“พี่คงทำงานเหนื่อยมาทั้งวันเลยดูมึนๆ ถือว่าเป็นสินน้ำใจนะคะ พี่จะได้มีแรงทำงานต่อ สู้ๆ ค่ะ”
เธออธิบายเมื่อเห็นเขาทำหน้าสงสัย ซึ่งเขาก็ก้มโค้งจนหัวแทบจรดพื้นพร้อมเอ่ยขอบคุณ

เสี้ยววินาทีหนึ่ง... จังหวะที่เขายื่นมือออกไปรับ ปลายนิ้วก้อยของเธอสัมผัสกับอุ้งมือของเขาพอดี หญิงสาวสะดุ้ง แล้วคิ้วสีน้ำตาลทองก็ขมวดเข้าหากัน ดวงตากลมโตสีน้ำตาอ่อนจ้องหน้าเขาเขม็ง

“พี่...” เธอเอ่ยแค่นั้น แล้วรีบผลุนผลันกลับขึ้นรถ เหมือนหนีอะไรสักอย่าง ท่าทางร้อนลนจนน่าประหลาด แต่เมื่อรถเธอกำลังจะแล่นออกไป หญิงสาวกลับเลื่อนกระจกลงอีกครั้ง

อย่าบอกนะว่าจะเอาตังค์ทอน

“พี่...ช่วงนี้ระวังตัวหน่อยนะคะ พวกสัตว์น้ำ สัตว์ที่มาจากทะเล เลี่ยงได้เลี่ยง อย่าไปใกล้เลยนะคะ ย้ำ อย่าเข้าใกล้เด็ดขาดนะคะ”
เธอบอกด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด รอจนเขาพยักหน้ารับ เธอจึงสำทับด้วยประโยคเดิมอีกครั้งก่อนขับรถจากไป เด็กหนุ่มได้แต่มองตามด้วยความประหลาดใจ

นี่มันทางขึ้นเขาใหญ่ หันไปไหนก็มีแต่ป่ากับป่า จะให้ไประวังสัตว์ทะเลที่ไหน

บ้าหรือเปล่า ต้องเป็นคนบ้าแน่ๆ



“ตายแล้วยายวัน!! แต่งตัวอะไรมานั่น”

หญิงชราวัย ๗๐ ที่นั่งอยู่บนตั่งไม้บนชานเรือนอุทานเสียงดังด้วยความประหลาดใจ แต่ทานตะวันที่วิ่งขึ้นมาพร้อมเสียงตึงตังทำเอาเรือนไทยไม้สักหลังนี้ถึงกับสะเทือน กลับยิ้มกว้างรับคำทักทายนั้น

เธอย่อตัวไว้ย่าพิกุลอย่างสวยงาม กำลังจะอ้าปากตอบ แต่สาวร่างเล็กที่ดูห้าวจัด ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นก็แทรกขึ้น

“คุณย่ายังไม่ชินกับการแต่งตัวของวันมันอีกเหรอ กรรณก็เห็นมันแต่งตัวบ้าๆ บอๆ อย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก”

“บ้าๆ บอๆ!?!” ทานตะวันทวนคำเสียงสูง ก่อนหันขวับมองคนพูด

กรรณิการ์...ลูกสาวของลุงปสพซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของพ่อ หรือเรียกง่ายๆ... ผู้หญิงห่ามๆ ห้าวๆ ดูเหมือนผู้ชายคนนี้คือลูกพี่ลูกน้องของเธอนั่นแหละ เธอกับกรรณิการ์เกิดวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน ปีเดียวกัน แต่นิสัยค่อนข้างต่างกัน จึงเหมือนคู่กัดคู่ปรับกันมาตั้งแต่เด็ก

“ถ้าตัวไม่รู้จักความงาม ก็อย่าริอาจวิจารณ์ศิลปะสิจ๊ะ” ทานตะวันจีบปากจีบคอตอบกลับไป ซึ่งกรรณิการ์ก็ไม่รีรอที่จะสวนกลับมา

“อย่างตัวเนี่ยนะศิลปะ... ใส่เลื่อมมาซะ อย่างกับงูเหลือม ไม่ใช่งูเหลือมธรรมดาด้วยนะ แต่เป็นงูเหลือมที่เพิ่งกินวัวเข้าไปแล้วไม่ย่อยอ่ะ แล้วผมนั่นอีก ไปตกถังสีมาหรือไง”

“Dip Dry Hair Fashion… แฟชั่นการทำสีผมต่างหาก ตัวต้องเปิดโลกให้กว้างหน่อยนะ จะได้รู้ว่าสมัยนี้เขาไปถึงไหนกันแล้ว เค้าเพิ่งไปทำมาเพื่อให้เข้ากับชุด ดูสิ...ตั้งแต่หัวจรดเท้ามันคือคอนเซปเดียวกัน...I’m sunflower ฉันคือดอกทานตะวัน ดูไม่ออกหรือไง”

“หึ...ดูไม่ออกก็ไม่รู้จะพูดยังไง ไอ้ที่อยู่บนหัว สาบานว่าหมวก ใหญ่อย่างกับจานดาวเทียม”

“จานดาวเทียมบ้านตัวเป็นรูปดอกทานตะวันเหรอ จ้างที่ไหนผลิตล่ะ เค้าจะไปหาซื้อมาบ้าง”
ทานตะวันเถียงกลับอย่างไม่ลดละ ย่ากุมขมับ ก่อนหันไปหาหลานสาวอีกคน

“ยายจาว ช่วยห้ามหน่อยสิ ย่าปวดหัว”

สาวร่างบางเจ้าของใบหน้ารูปไข่สวยหวาน ลูกสาวของพบู...บุตรชายคนรองของย่า ที่เกิดพร้อมๆ กับทานตะวันและกรรณิการ์ แต่กลับมีบุคลิกสงบและเรียบร้อยมากกว่า จิรัสยาที่นั่งเงียบมานาน ยิ้มจางๆ ก่อนเอ่ยสั้นๆ

“ใครหยุดก่อนชนะ”

เท่านั้นแหละ กรรณิการ์ที่เตรียมตัวจะโต้กลับก็ปิดปากฉับ ขณะที่ทานตะวันรีบยกมือปิดปาก
ย่าพิกุลถอนหายใจ ก่อนปรารภเบาๆ “ทำตัวเหมือนเด็กๆ”

“ก็หนูวันยังเด็กอยู่” ทานตะวันว่า ก่อนรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่ากรรณิการ์ตั้งท่าจะว่าเธออีกรอบ
“เพื่อความสบายใจของคุณย่า หนูวันไม่เถียงกับกรรณแล้วก็ได้ค่ะ แล้วนี่คุณย่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ เรียกมาพร้อมหน้าพร้อมตา ต้องเป็นธุระสำคัญแน่เลยใช่ไหม”

“ใช่ สำคัญมาก เพราะมันคืออนาคตของพวกเธอทั้งสามคน”

“โอ้ว...จั่วหัวได้น่าตื่นเต้นมากค่ะ ต่อเลยค่ะคุณย่า หนูวันรอฟังอยู่”

“เดือนหน้าก็จะถึงวันเกิดพวกเราใช่ไหม ย่าตั้งใจเอาไว้ ว่า...”

“จะจัดพาร์ที้เหรอคะ ดีค่ะ หนูวันอยากเป่าเทียน”

“ทานตะวัน!” ย่าเรียกเสียงต่ำ นั่นแปลว่าให้ทานตะวันหยุดแทรกได้แล้ว หญิงสาวเพิ่งรู้ตัวจึงรีบยกมือปิดปากอีกครั้ง ทำตาละห้อยเหมือนสำนึกผิด แล้วยกมือเป็นเชิงให้ย่าพูดต่อ

“ย่าตั้งใจเอาไว้ หลังวันเกิดครบ 24 ปีนี้ ย่า...จะให้พวกเราแต่งงาน”

“แต่งงาน!!!!” สามสาวอุทานพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ความเงียบปกคลุมรอบกาย พักใหญ่ กรรณิการ์จึงรีบคลานเข่าเข้ามาใกล้ ขณะที่จิรัสยามองผู้เป็นย่าด้วยความประหลาดใจ แล้วถามขึ้นเป็นคนแรก

“แต่งงานกับใครคะ”

“ย่าจะเลือกคนที่เหมาะสมให้”

“เลือกให้ อย่างนี้ก็เรียกว่าคลุมถุงชนน่ะสิ กรรณไม่เอาด้วยหรอกนะ กรรณไม่ชอบเรื่องแบบนี้”

“จาวก็...”

“เอาค่ะ” เสียงที่โพล่งขึ้นมา ดังจากสาวลูกครึ่งที่ชูมือขึ้นสุดแขน ทานตะวันจ้องมองย่าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น ไม่มีท่าทางไหนจะแสดงออกถึงความเต็มใจได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“หนูวันอยากแต่งงานค่ะ อยากถูกจับคลุมถุงชน ชนแรงๆ เลยก็ได้นะคะ หนูวันพร้อม หนูวันได้หมด”

“ฟังพูดเข้า... น่าเกลียด” ย่าตำหนิ แต่ทานตะวันไม่สนใจ

“ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะ เพราะถ้านี่เกี่ยวกับเรื่องคำสาปอะไรนั่น หนูวันว่าหนูวันเข้าใจนะคะ ก่อนอสูรร้ายจะกลับมา พวกเราสามคนต้องมีเทวดามาช่วยคุ้มครอง เพราะฉะนั้น จับแต่งเลยค่ะ หนูวันยินดี”

“นี่ตัวพูดเรื่องอะไรเนี่ย” กรรณิการ์ถามด้วยความสงสัย แต่ทานตะวันกลับตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่

“ก็เรื่องคำสาปไง”

“ทานตะวัน!... นี่เรารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”

“หนูวันเคยได้ยินคุณย่ากับแดดดี้คุยกัน แต่ตอนฟังก็ไม่คิดว่าจริงจัง คิดว่าคุณย่าแค่เล่านิทานให้แดดดี้ฟังเฉยๆ แต่ถ้าเป็นจริงได้ก็ดีนะคะ เพราะหนูวันอยากแต่งงาน อยากร่วมหอลงโลงกับเทวดา แต่มีข้อแม้อยู่หนึ่งข้อนะคะ เทวดาของหนูวัน ต้องเป็นพี่ซันเท่านั้นนะคะ ถ้าไม่ใช่ หนูวันยอมเจออสูรร้าย ดีกว่าต้องพลีกายให้ผู้ชายคนอื่น”

เธอเอ่ยยาวเหยียดก่อนหยุดพักหายใจ และนั่นเธอถึงสังเกตเห็นว่าจิรัสยากำลังยกยาดมจ่อจมูกย่าที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม…
เธอพูดอะไรผิดเหรอ....ก็ไม่นี่นา

“คุณย่าก็รู้จักพี่ซันดีนี่คะ รู้ว่าพี่ซันน่ารักแค่ไหน พี่ซันทั้งอบอุ่น อ่อนโยน มีน้ำใจ เหมาะกับการเป็นสามี เป็นพ่อของลูกมากๆ.... อ้อ! แต่มีข้อแม้อีกข้อนะคะ คุณย่าอย่าบังคับพี่ซันนะคะ หนูวันอยากให้พี่ซันแต่งงานด้วยความเต็มใจ”

“งั้นก็คงยาก พี่ซันไม่มีทางแต่งกับตัวแน่”

แม้จะไม่อยู่ในอารมณ์กวนประสาท แต่กรรณิการ์ก็อดเอ่ยไม่ได้จริงๆ

“เค้ารู้น่า ไม่ต้องตอกย้ำหรอก”

“แล้วจะยังไง จะแต่งกับตาซันเท่านั้น แต่ห้ามย่าบังคับ แล้วอย่างนี้เราจะได้แต่งงานไหม”

ทานตะวันนิ่งไปกับคำถามของย่า อึดใจเท่านั้น เธอก็ยิ้มแฉ่งแล้วตอบกลับ

“หนูวันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

อีกครั้ง ที่เรื่องจริงจังแต่ทานตะวันกลับตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แถมยังยิ้มระรื่นอยู่ได้ ย่าพิกุลได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ ขณะที่หลานสาวอีกสองคนไม่ได้สนใจนัก เพราะต่างกังวลกับเรื่องที่ย่าเพิ่งประกาศ

คลุมถุงชนเหรอ!?! ไม่...พวกเธอรับไม่ได้หรอก





---------เอามาให้ชิมกันก่อน เห็นพี่น้องอีกสองลงไปแล้วเลยลงตามบ้าง-------
ตอนต่อไปคงอีกสักพักเลยนะคะ แต่จะพยายามมาให้ไวที่สุดค่ะ

สู้ๆ ((โหมดบอกตัวเอง))



ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2557, 22:23:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2557, 22:23:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 2272





   บทที่ 1 : เทวดา กับ หมีกริสลี่ >>
พันธุ์แตงกวา 31 ต.ค. 2557, 23:21:50 น.
เหวยๆๆๆ ตะวันบานแฉ่ง ชุดอัลไลของนางงงงงงงงงง
โอยหนูวันจะฮาไปหนายยยยยยค้า


ดังปัณณ์ 1 พ.ย. 2557, 10:35:37 น.
ซอรี่นะคะ ขอเอาคำนี้ของทานตะวันไปใช้! 555+ ถึงขั้นเด็กปั้มยังผงะ ยายวันเอ๊ย กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก

แล้วอยากถามคุณย่า เอายาดมอีกสักหลอดไหมคะ 5555+


บุลินทร 1 พ.ย. 2557, 14:24:10 น.
สามเรื่องสามแนวเลย ทานตะวันฮามาก ฮ่าๆๆๆ


แว่นใส 6 พ.ย. 2557, 21:43:32 น.
ไปคนละทางจริง สามคนนี้


Zephyr 9 พ.ย. 2557, 16:36:38 น.
นางออกตัวแรงนัเนี่ย 5555
โอยย ขอขำ


นักอ่านเหนียวหนึบ 17 พ.ย. 2557, 20:11:49 น.
รอตอนต่อไปอยู่นะฮ้าาาา


Sukhumvit66 18 พ.ย. 2557, 22:06:45 น.
มาแปะโป้ง ลงชื่อ...^^


tik 1 พ.ค. 2558, 11:16:32 น.
โหย ชอบอ่ะค่ะ มาตามเลยขอเป็นสาวกอีกคนนะค๊าาาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account