ซีรีย์ บุปผาสันนิวาส +*+พิสูจน์รักทานตะวัน+*+

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 1 : เทวดา กับ หมีกริสลี่



บทที่ 1 : เทวดากับหมีกริสลี่

กลางดึกคืนหนึ่งในเดือนกันยายนที่อากาศแสนอบอ้าว เชฟโรเลตสีแดงคันใหญ่เลี้ยวเข้ามาจอด ณ ลานกว้างหน้าผับชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ ขณะที่คนขับกำลังดับเครื่อง สาวร่างผอมในเชิ้ตยีนส์สีซีดที่นั่งอยู่เบาะข้างก็ชะโงกตัวมองผ่านกระจกใสไปยังป้ายชื่อร้านที่อยู่ตรงหน้า

“club65... ผับพวกไฮโซนี่นา ตัวชวนเค้ามาทำไม บอกไว้ก่อนนะ เค้าไม่มีตังค์ ตกงานถี่ขนาดนี้เค้าไม่อยากฟุ่มเฟือย ไม่อยากขอพ่อด้วย เสียฟอร์มแย่”

สาวลูกครึ่งที่นั่งหลังพวงมาลัยหันมองลูกพี่ลูกน้องของตน ก่อนเอี้ยวตัวไปคว้ากระเป๋าสะพายที่อยู่เบาะหลังมาชูให้ดู

“ไม่รู้หรือไงว่ามากับใคร ลูกสาวเจ้าของโรงงานน้ำมันดอกทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนะจ๊ะ เงินแน่นอยู่แล้ว”

“น่าอวดตาย เงินอาลอกทั้งนั้น” กรรณิการ์หมายถึง พันลอก...บิดาของทานตะวัน แม้ฝ่ายนั้นจะมีเงินมากพอต่อการเลี้ยงดูบุตรสาวเพียงคนเดียวให้สุขสบายไปตลอดชีวิต แต่ชีวิตที่ปราศจากการทำงาน มันจะมีความหมายอะไร

“ตัวยังเกาะพ่อกินอยู่เลย หาเงินเองไม่ได้แล้วยังจะสิ้นเปลืองอีก ถ้าเปรี้ยวปากนักทำไมไม่ต้มเหล้าขาวกินที่บ้านล่ะ”

“เค้าไม่ได้ชวนตัวมาดื่มซะหน่อย”

ทานตะวันเถียงทันที ก่อนที่ร่วงอวบอัดที่วันนี้สวมเสื้อคลุมขนเฟอร์สีดำกับกางเกงหนังสีเดียวกัน และรองเท้าผ้าใบที่ประดับคริสตัลแพรวพราวทั้งสองข้าง จะบุ้ยใบ้ไปยังรถญี่ปุ่นสีขาวที่จอดห่างออกไปหลายเมตร

เพียงแค่เห็น กรรณิการ์ก็ร้องอ๋อ

“รถพี่ซัน... นี่ตัวสะกดรอยตามพี่ซันมาเหรอ อยากเป็นพวกสโตกเกอร์แล้วลากเค้ามาด้วยทำไม”

“แล้วตัวจะให้เค้ามาคนเดียวเหรอ เค้าอ่อนต่อโลกจะตายไปนะ เดี๋ยวโดนพวกจิ้งจอกสังคมหลอกไปรุมทึ้งจะทำยังไง พี่ซันก็ไม่รู้ว่าเค้ามาด้วย คงมาปกป้องเค้าไม่ได้ แมนๆ อย่างตัวก็ต้องคอยดูแลเค้าสิ”

สาวลูกครึ่งให้เหตุผล แต่เมื่อเห็นใบหน้าของคนข้างตัวยังคงง้ำงอไม่พอใจ เธอจึงเอ่ยใหม่

“ถ้าเค้าได้แต่งงานกับพี่ซันก็อาจจะเป็นการทำลายคำสาปที่ย่าบอกนะ แล้วนั่นแปลว่าอะไรล่ะ... ไม่มีคำสาป ไม่มีเทวดา ไม่มีอสูรร้าย ตัวก็ไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องถูกคลุมถุงชนไง”

เท่านั้น กรรณิการ์ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่เมื่อครู่ ก็ค่อยๆ คลายคิ้วที่ขมวดขุ่น ก่อนจะถอนหายใจหนักๆ ออกมา

“ก็ได้... เค้าช่วยตัวก็ได้ เรื่องไร้สาระพวกนี้จะได้จบๆ สักที”

พูดจบ คนตัวผอมกว่าก็เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถไป ทานตะวันลอบยิ้มด้วยความพอใจ แล้วรีบกระวีกระวายตามลงไปอย่างรวดเร็ว



อาจเป็นเพราะเธอกับพี่ซันห่างกันมานานเกินไป ทานตะวันจึงอยากรู้ว่าผู้ชายที่เธอหวังจะฝากชีวิตที่เหลือไว้เป็นคนอย่างไรกันแน่

ใช่ว่าเธอไม่รู้จักเขา การที่แม่ของเธอและน้าฟ้าหรือนภา...มารดาของพี่ซันเป็นเพื่อนรักกัน ทำให้ความทรงจำในวัยเด็กของเธอ มีเขาปรากฏอยู่ด้วยตลอด แต่เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย พี่ซันก็เรียนหนักเสียจนไม่ได้ใช้ช่วงปิดเทอมที่บ้านพักตากอากาศที่โคราชอีกต่อไป ทำให้เธอและเขาค่อยๆ ห่างกัน แถมเขายังเลือกอยู่หอ ทำให้เธอที่พยายามดิ้นรนมาเรียนต่อมัธยมปลายที่กรุงเทพฯ ทำได้เพียงรับรู้ข่าวคราวของเขาผ่านคำบอกเล่าของน้าฟ้าเท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงตอนที่พี่ซันไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ สองปีที่ไม่เห็นหน้า จดหมายที่เธอเพียรส่งไปหามีแต่ความเงียบงันตอบกลับมา คล้ายกับว่าตายจากกันไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สุดท้ายเธอก็ผ่านวิกฤตแห่งความคิดถึงมาได้ เธอสุดแสนจะดีใจตอนที่เขากลับมาปักหลักที่เมืองไทย แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน เดินหน้าขยายกิจการบริษัทออกแบบตกแต่งภายในของพ่อ ก็ทำให้เขาไม่มีเวลาเหลือพอจะมาสุงสิงสนิทสนมกับเธอ ดังนั้น นอกจากการเทียวไปเทียวมาที่บ้านเขา แอบสืบข่าวจากมารดา เด็กรับใช้ในบ้าน และเลขาฯ ส่วนตัวของเขา เธอ...ก็ทำได้เพียงสะกดรอยตามเขานี่แหละ

“โรคจิตจริงๆ” เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ตัว แต่ทานตะวันทำเป็นไม่ได้ยิน เธอจิบจินโทนิคแก้วเล็กในมืออย่างมีมาด พลางกวาดตามองไปรอบๆ

ภายในร้านถูกตกแต่งอย่างหรูหราและทันสมัย โทนสีดำถูกเลือกมาใช้ในโครงสร้างหลัก โดยมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับสีแดงแทรกแซมในรายละเอียด ที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นแกรนด์เปียโนตัวใหญ่บนเวที...เธอไม่เคยเห็นสีแดงสดขนาดนี้มาก่อน คงสั่งทำพิเศษ ยิ่งได้แสงสปอร์ตไลท์ส่องกระทบ ยิ่งเพิ่มความร้อนแรงสะดุดตา แต่เมื่อเพลงแจ๊สแผ่วเบาถูกบรรเลงขึ้นมา บรรยากาศในร้านกลับเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย

มิน่า ขนาดไม่ใช่สุดสัปดาห์ ลูกค้ายังหนาตา ทั้งที่เคาน์เตอร์บาร์ ที่โซฟาริมกระจกใส ที่เทอเรซในสวนด้านนอก ชายหญิงวัยทำงานจับจองเต็มเกือบทุกโต๊ะ

แต่ทำไมไม่เห็นวี่แววของพี่ซันเลย

“ตัวแน่ใจนะว่าพี่ซันมาที่นี่จริงๆ ไม่ใช่สับขาหลอก ให้คนอื่นยืมรถมาเพื่อหลอกตัว แบบไม่อยากเจอตัว เลยหลบหน้าอะไรอย่างนี้”

“พี่ซันเป็นคนดี ไม่คิดอะไรร้ายกาจแบบตัวหรอก”

“ร้ายกาจอะไรกัน อย่างนี้เขาเรียกว่าป้องกันตัวต่างหาก” กรรณิการ์พูดแล้วก็ยกเบียร์ในขวดสีเขียวใสขึ้นดื่มสองอึก ก่อนจะเอ่ยต่อ “ตัวตามพี่ซันมากี่วันแล้ว คิดว่าพี่ซันไม่รู้ตัวเหรอ เจอสาวโรคจิตจอมตื้อเข้าไป ใครจะทนไหว เป็นเค้า เค้าก็หนี”

อีกครั้ง ที่เธอถูกลูกพี่ลูกน้องจอมห้าวโจมตีที่ใจดำ แต่แทนที่จะเถียงกลับ เธอกลับใช้อีกวิธี

“ตัวนี่ดี๊ดีเนอะ คอยให้กำลังใจเค้าตลอดเลย อยู่กับตัวแล้วมีความสุขจัง รู้สึกมีพลังในการใช้ชีวิตอีกเยอะเลยล่ะ”

ประชดเสร็จทานตะวันก็กระจกจินโทนิครวดเดียวหมดแก้ว ก่อนหันไปหาพนักงานที่ยืนอยู่ด้านหลัง หวังจะสั่งเพิ่ม แต่แล้วสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นตาสาวเท้ายาวๆ ผ่านหน้าไป

เพียงเท่านั้น... หญิงสาวก็เบิ่งตากว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ไม่ต้องสงสัยใดๆ อีกแล้ว นั่นคือดวงตะวันที่เธอกำลังรอคอยจริงๆ ด้วย

ดวงตะวันที่สง่างามไร้ที่ติ ไหล่กว้าง กล้ามเป็นมัด แผงอกแน่นล่ำใต้เชิ้ตสีดำพอดีตัว ดูน่าซบเป็นที่สุด ยิ่งมองไล่ขึ้นไป ได้เห็นกระดูกไหปลาร้าทรงเสน่ห์ ลำคอแข็งแกร่ง กรามนูนเป็นสัน เธอก็ยิ่งใจสั่น ชั่ววินาทีที่เขากำลังจะผ่านไปนั้น เธอได้เห็นดวงตาคู่คมที่ฆ่าคนได้... ข้างซ้ายดูลึกลับดุดัน ขณะที่ข้างขวากลับอบอุ่นอ่อนโยน ไหนจมูกโด่งเป็นสันที่ไม่ผ่านการศัลยกรรม และฝีปากหยักได้รูปน่าจุมพิตนั่นอีกเล่า ทานตะวันเผลอกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ

คุณพระคุณเจ้าช่วยหนูด้วย หนูอยากได้เขามาเป็นคู่ครองจริงๆ

“วัน... นั่นตัวจะไปไหน” เสียงหนึ่งที่เรียกไม่อาจดึงเธอจากมนต์สะกดได้ ต้องใช้แรงมหาศาลจากด้านหลังกระชากแขนอวบไว้จนหน้าเกือบหงาย ทานตะวันจึงรู้สึกตัว

“ตัวจะไปไหน อยากให้พี่ซันรู้หรือไงว่าเราตามมา”

กรรณิการ์พูดเสียงเบา พลางพยักเพยิกให้ทานตะวันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ในวินาทีสั้นๆ ที่เธอมัวแต่หลงแสงอำไพจากดวงตะวันที่แสนสง่า

คุณพระ!!! นี่เธอเดินห่างออกมาจากโต๊ะที่นั่งอยู่ จนเกือบจะถึงตัวพี่ซันอยู่แล้วได้อย่างไรกัน

ขณะที่กำลังคิดด้วยความตกใจ ชายหนุ่มที่กำลังเดินผ่านก็หันมามองพอดี ทานตะวันรีบดึงลูกพี่ลูกน้องให้ย่อตัวหลบ โชคดีเหลือเกินที่ตรงนั้นมีโซฟาตัวใหญ่ตั้งอยู่ เธอจึงอาศัยเป็นเกราะกำบังได้ พี่ซันคงไม่เห็น ไม่ทันเอะใจ เลยเดินมุ่งต่อไปยังเป้าหมาย

ทานตะวันยื่นหน้าขึ้นแอบดูด้วยความสนใจ แต่แล้วคิ้วสีน้ำตาลทองของเธอก็ขมวดเป็นปมแน่น เมื่อเห็นเขาเข้าไปหาใครบางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์

ผู้หญิง!!

“เพื่อนพี่ซันเหรอ สวยเชียว” กรรณิการ์กระซิบถาม ซึ่งทานตะวันก็หันขวับไปมองตาเขียว “สวยที่ไหนกัน พลาสติกทั้งนั้น ดูสิ หน้าอกหรือลูกแตงโม ไปอัพไซส์จากคลินิกไหนทำไมไม่บอกหมอว่าขอเท่าๆ กันหน่อย จมูกก็เบี้ยวเห็นป่ะ ตาชั้นครึ่งแบบนั้นยังผ่อนไม่หมดแน่ๆ แล้วดูดีๆ ตัวเห็นรอยเข็มตรงขาอ่อนไหม ฉันว่าชีต้องไปดูดไขมันมาชัวร์ ต๊าย…แผลยังไม่หายแล้วยังกล้านุ่งสั้นอีก อยากจะอวดใครเหรอยะ ไม่มีใครเค้าหวั่นไหวกับหล่อนหรอกย่ะ”

“แต่พี่ซันมองตาไม่กระพริบเลยนะ เอ๊ยๆ นั่นๆ พี่ซันเข้าไปกระซิบที่ข้างหูด้วย”

“ก็เพราะเสียงเพลงมันดังไง เค้ารู้ เค้าอ่านปากพี่ซันได้ พี่ซันกำลังพูดว่า...กลับบ้านไปเปลี่ยนชุดเลยไป๊ยายหน้าวอก… พี่ซันไม่ชอบหรอก ผู้หญิงก๋ากั๋นจัดจ้านกร้านโลกแบบนี้”

“เหรอ แต่ดูแล้วมันไม่ใช่นะ เอ๊ยๆ นางลุกแล้วอ่ะ เอ๊ย!! นางควงแขนพี่ซันด้วย โอ้!! แล้วพี่ซันก็ยอม ท่าจะไม่ใช่เพื่อนแล้วล่ะมั้ง นั่นๆ ไปด้วยกันแล้ว ออกทางประตูหลังด้วย ท่าทางลับลมคมในแบบนี้ ฟันธง...มีซัมติงกันแล้วชัวร์”

“ไม่จริง!!!” ทานตะวันอุทานลั่นพร้อมผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ทันระวัง ศีรษะของเธอจึงชนเข้ากับปลายคางของใครคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเข้าอย่างจัง

เธอและ ‘เขา’ ร้องโอยขึ้นพร้อมกัน และแล้วเสียงเอะอะนั้น ก็ได้ดึงความสนใจจากทุกคน...โดยเฉพาะพี่ซันของเธอให้หันมามอง



ย่าเคยพูดเหมือนกันว่าเธอเป็นคนหัวแข็ง แต่ทานตะวันไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ ว่ามันจะ ‘แข็ง’ ได้ขนาดนี้

สะเก็ดเลือดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ที่ริมฝีปากล่าง และรอยบวมช้ำที่ปลายคางของผู้ชายตรงหน้าคือผลงานที่เธอฝากไว้ ไม่อยากนึก ว่าหากเขาไม่ใช่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายกำยำบึกบึนเช่นนี้จะเป็นอย่างไร แรงกระแทกจะทำให้สลบหรือตายไหม เธออาจถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกายหรือพยายามฆ่าก็ได้

“ฉันขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ คือไม่ได้ตั้งใจเลย แต่คุณโผล่มาด้านหลัง คือไม่ใช่ความผิดของคุณนะ แต่ว่าคุณโผล่มาด้านหลังฉันไง ฉันก็มองไม่เห็นใช่ไหม...เราก็เลย... ปั๊ก!!!”

ทานตะวันทำเสียงเลียนแบบตอนที่หัวกับคางปะทะกัน แต่ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ที่นั่งประคบน้ำแข็งอยู่บนโซฟาภายในห้องทำงานของเขา พร้อมบอดี้การ์ดสองคน...คนหนึ่งรูปร่างสันทัดมีกล้ามเป็นมัด ส่วนอีกคนสูงโปร่งและหน้าตาเป็นมิตรมากกว่า กลับมองมาที่เธออย่างตำหนิ

“แล้วคุณทำตัวลับๆ ล่อๆ แบบนั้นทำไม...” เขาพูด แล้วชำเลืองสายตาไปยังผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ในห้องนั้น... ผู้ชายที่ทานตะวันปรารถนาจะเจอมาโดยตลอด แต่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมต้องได้พบในสถานการณ์แบบนี้

หลังจากได้ยินเสียงเอะอะและเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตะวันของเธอก็ละทิ้งผู้หญิงพลาสติกที่เขาควงแล้วรีบปราดมาหาทันที เธอเกือบมุดโซฟาหนีเพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้า แต่ทว่า...ชายหนุ่มกลับเดินผ่านเธอไป ราวกับเธอเป็นเสาต้นใหญ่ที่ตั้งเกะกะขวางทาง เขาเข้าไปถามผู้ชายที่ถูกเสยปลายคางด้วยความห่วงใยว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า และนั่นเอง ทานตะวันจึงได้รู้ว่าคนที่เธอเพิ่งทำร้ายร่างกายไปนั้น ชื่อ ‘จอมทัพ’ เป็นเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ และที่สำคัญกว่านั้น คือเขาเป็นเพื่อนของพี่ซัน

“ไอ้ซัน นายรู้จักผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า ฉันว่าเธอแอบตามนายมา”

“บ้า!!!” ทานตะวันโพล่งออกไปด้วยเสียงอันดังลั่น การประทุษร้ายเพื่อนของพี่ซันต่อหน้าพี่ซัน คงไม่เลวร้ายเท่ากับการที่พี่ซันรู้ว่าเธอละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเขาด้วยการสะกดรอยตามมาแน่ๆ

“ฉันมาเที่ยว มาดื่ม มาแฮ้งค์เอ้าท์ มานั่งชิลล์สวยๆ ไม่ได้แอบตามใครมา คุณอย่ามากล่าวหาน่า ฉันเป็นลูกค้าของคุณนะ พูดจาแบบนี้ฉันเสียความรู้สึก อุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลหวังจะพักผ่อนหย่อนใจ รู้งี้ต้มเหล้าขาวกินที่บ้านดีกว่า สบายใจกว่า...จริงไหมกรรณ”

ประโยคหลังเธอหันไปถามกรรณิการ์ อีกฝ่ายตอบกลับมาสั้นๆ “ก็คงงั้น”

“ช่วยได้มาก” ทานตะวันตอบด้วยเสียงรอดไรฟัน พร้อมถลึงตาใส่ ขณะที่ผู้ชายตัวสูงใหญ่เอ่ยต่ออย่างไม่ไว้ใจ

“ผมยังเชื่อคุณไม่ลง คุณดูแปลก ท่าทางแปลกๆ การแต่งตัวก็แปลก”

“แปลกยังไง”

“ก็…” จอมทัพเอ่ย แล้วมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางคิดหนักยามจ้องมองเสื้อขนเฟอร์ที่คลุมกายเธออยู่ “ผมว่าคุณเหมือนหมีกริสลี่”

“หมีกริสลี่!!!”

สาวลูกครึ่งทวนคำด้วยความตกใจ แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด เมื่อได้ยินลูกพี่ลูกน้องสุดที่รักหลุดขำออกมา “เค้าว่าก็เหมือนนะ”

ทานตะวันเหล่มองกรรณิการ์ด้วยหางตา เดี๋ยวก่อนนะ เธอขอจัดการกับผู้ชายตรงหน้านี่ก่อน

“ซอรี่นะคะคุณจอมทัพ คือฉันไม่ค่อยโอเคกับการเปรียบเทียบของคุณเท่าไร แต่ฉันไม่ได้อะไรกับหมีกริสลี่นะคะเพราะฉันเห็นว่าอ้วนๆ ปุยๆ น่าเอ็นดูดี แต่ขนที่ฉันใส่ เป็นขนเฟอร์ปลอมไง ไม่ได้ไปลอกขนถลกหนังสัตว์ที่ไหนมา คุณเข้าใจนะคะ ฉันไม่อยากถูกมองว่าเป็นพวกทารุณกรรมสัตว์ เพราะมันไม่เข้ากับบุคลิกอ่อนโยนของฉัน ก่อนพูด คุณช่วยคิดสักนิดก็ดีนะคะ เพราะคุณไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าคำพูดจากความคึกคะนองแค่คำเดียว อาจทำลายชีวิตคนอื่นได้ อันนี้ฉันไม่ได้สอนนะคะ แค่แนะนำ เข้าใจตรงกันนะคะ”

สาวลูกครึ่งร่ายยาวอย่างชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงจริงจังและแววตาเด็ดขาด คงทำให้เขาเข็ดขยาดไม่กล้าพูดจาอย่างสนุกปากอีกต่อไป แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจ เมื่อชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กลับหัวเราะลั่นราวกับคนบ้า

“เออว่ะไอ้ซัน น้องสาวนายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

เขาพูดพลางปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะขำมากไป ขณะที่ทานตะวันเริ่มเอะใจ

“เดี๋ยวนะ คุณรู้ว่าฉันเป็นใครเหรอ”

“ใช่ ตอนที่เดินมาด้วยกันเมื่อกี้ ซันมันบอกผมแล้วว่าคุณเป็นน้องสาวมัน แต่ผมก็ว่ามันแปลก เป็นน้องสาวจะสะกดรอยตามพี่ชายทำไม ซันมันเลยบอกว่าคุณไม่ธรรมดา ก็เลยอยากพิสูจน์ แล้วคุณก็ไม่ปกติ เอ๊ย ไม่ธรรมดาจริงๆ... ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

เขายื่นมือออกมาขณะยังคงยิ้มอยู่ ทานตะวันมองมือใหญ่ๆ ของเขา สลับมองหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของเขา ก่อนส่ายหน้า

“ซอรี่นะคะ แต่คุณทำเหมือนฉันเป็นตัวตลก คุณโกหก แล้วคุณก็หัวเราะเยาะฉัน ฉันว่าคนแบบนี้ไม่น่าคบเท่าไร เพราะฉะนั้น ฉันขออนุญาตไม่ทำความรู้จักกับคุณก็แล้วกันนะคะ”

หญิงสาวตอบอย่างไร้เยื่อใย พร้อมสะบัดหน้าหนี แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำน่าฟังจากผู้ชายที่เงียบมาตลอดก็ดังขึ้น

“หนูวัน...อย่าเสียมารยาทสิ”

เพียงเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ ทานตะวันก็หันกลับมา ยื่นมือไปคว้ามือของชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอไม่อยากรู้จักขึ้นมาจับแน่น

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบนะคะ ฉันชื่อทานตะ...”

คำพูดชะงักค้างอยู่แค่นั้น ทานตะวันได้แต่นิ่งงันเมื่อเหตุการณ์บางอย่างปรากฏขึ้นในหัว เสียงระเบิดกึกก้องกัปนาท ตามด้วยเปลวเพลิงร้อนแรงที่พวยพุ่งขึ้นฟ้า และเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่กระเด็นออกมา

คุณพระ!!! เธอจ้องหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ก่อนตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความตกใจ

“คุณ!!!...กำลังจะตาย”









ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ธ.ค. 2557, 23:22:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2558, 20:08:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1948





<< บทนำ : ทานตะวันบานแฉ่ง   บทที่ 2 : โกงความตาย!! >>
พันธุ์แตงกวา 2 ธ.ค. 2557, 07:46:31 น.
คุณพระ!!! รองเท้าแก้วสีแดงเพลิง กับแฟ้มสีส้มสะท้อนแสง แล้วชุดนั่น จะฮาไปไหนนนนนหนูวัน กะจะให้เค้าขาดใจตายคาหน้าจอเลยชิมิ

พี่ซันนนนนนนนนหล่อเบ็ดเสร็จจริงนะพ่อคุณ ขอกระโดดกอดสักที ทำจิตแข็งๆไว้นะพ่อคุณ หนูวันมันไม่ธรรมดาาาา


Zephyr 2 ธ.ค. 2557, 10:33:51 น.
หนูวัน สาบานว่านั่นชุด!!!!แน่ใจนะที่จะใส่ในเมืองไทย
เอิ่ม นางมั่นจริงๆ
แล้วๆๆๆๆ ไอ้อาการพูดเจื้อยแจ้วนี่อีก พี่ซันปวดหัวแย่เลย
พี่ซันแตะตัวนิดเดียวเอง เลือดลมสูบฉีด กำเดาพุ่งเลยเหรอ ฮ่าๆๆๆๆ
หนูวันตลกอ่ะ


ดังปัณณ์ 2 ธ.ค. 2557, 11:22:06 น.
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มาตอนไหนทำม้ายไม่รู้ววววววววววววววววววววววววววววววววว พี่ซันนี่อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย วันนี่บรรยายพี่ซันหล่อเริ่ด จนเราอยากไปทุบหัวพี่ซันลากเข้าห้องด้วยอีกคน นั่นคืออัลไลลลลลลลลลลลลลลลลล ชุดของเธอนี่ฮาได้อี๊ก

ว่าแต่นางเปิดตัวแรงมากวันนี่มนตร์พี่ซันดึงเธอออกมาจากหลังศาลพระภูมิได้เลยทีเดียว ว่าแต่...สีบนตัววันนี่ มันครบเจ็ดสีหรือยัง กร๊ากกกกกกกกกกกกกก

พี่ซันรีบหาทิชชู่ยัดจมูกวันนี่เร็วเข้า ความหล่อทำเส้นเลือดฝอยแตกแล้ว 555+


นักอ่านเหนียวหนึบ 2 ธ.ค. 2557, 17:08:50 น.
จะขำดีไหมนะ 5555


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 3 ธ.ค. 2557, 00:34:48 น.


ดังปัณณ์ 20 ม.ค. 2558, 20:33:07 น.
กรีดร้องงงงงงงงงงงงงง จอมทัพคะ อิหนอนหลงรักคุณแทนอิพี่ซันแล้วววววววววว แต่ว่า แต่ว่า ขุ่นพระ จอมทัพกำลังจะตายแล้วยังไงล่ะเนี่ย...ว่าแต่ หมีกริสลี่ ขำก๊ากกกกกกกกกกกกกกกก โอโธ่โถ วันเอ๊ย


แว่นใส 26 ม.ค. 2558, 21:38:32 น.
เจอหน้าก็แช่งเชียว


Zephyr 28 ม.ค. 2558, 20:35:26 น.
นั่นคือคำแสดงความรู้จักเหรอน่ะ
ยังวี้ชกกันเลยดีกว่า


tik 1 พ.ค. 2558, 11:31:33 น.
อร๊ายยยยยยยย ชอบ ๆ หนูวัน ชีมั่นใจ ชีเป็นไปได้ ชีมีอยู่จริงป่ะในโลกใบนี้ รักอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account