สาปหฤหรรษ์
แนะนำเรื่องแบบย่อๆ
เสียงเล่าลือกล่าวขานถึงนางอัปลักษณ์ในตำนานผู้แสนเหี้ยมโหดชั่วร้ายเกินใครแต่อำนาจทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับนางเช่นกัน เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ต้องยอมมอบกายถวายชีวันแลกความอยู่รอดของแผ่นดินด้วยการเป็นสามีของนาง

หมายเหตุ.- เปลี่ยนชื่อเรื่องจาก 'นางเงา' เป็น 'สาปหฤหรรษ์' นะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ



***นักอ่านของสุชาคริยา คือ 'ผู้มีปัญญา และ สูงส่ง' สุชาคริยาคิดเช่นนั้นเสมอ และจะเป็นเช่นนี้จนวันตาย
ไม่มีนักอ่าน-ไม่มีสุชาคริยา ท่านสำคัญต่อคนเขียนงานคนนี้ ซาบซึ้งที่ท่านเกื้อหนุน ขอบพระคุณจากใจค่ะ***



สวัสดีนักอ่านที่รักของอ้อยทุกท่านค่ะ วันนี้ (เสาร์ 15 พ.ย. 57 , 23.30 น.) แว้บมาอัพบทนำแบบว่าสดๆ ร้อนๆ ต้นฉบับนี้เพิ่งเขียน (พิมพ์เสร็จก็อัพเลย) ยังไม่ได้เกลาสำนวนเนื้อหา แต่กลัวว่าจะคิดทึ้งคิดถึงกันมากๆ เลยมาหาทุกท่านก่อนค่ะ

เรื่อง ‘นางเงา’ นี้คงต้องใช้เวลาเขียนนานอยู่ จะเสร็จเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ตอนนี้เพิ่งได้บทนำ และอาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้างทั้งเนื้อหา ถ้อยคำ และอื่นๆ นะคะ ดังนั้นต้นฉบับตัวนี้คงจะมีทั้งคำผิด คำสลับ เนื้อหากระโดด ฯลฯ ซึ่งคงจะมีโผล่มาให้เห็นค่ะ

เล่าสู่กันฟังว่าตอนนี้อ้อยเปลี่ยนการเขียนจากเดิมที่พิมพ์กับคอมฯ โดยตรงมาเป็นเขียนด้วยมือแทน ด้วยสภาวะหลายๆ อย่างของร่างกายจึงไม่สะดวก จึงเป็นวิธีเขียนมือ เสร็จแล้วจึงนำมาพิมพ์ในคอมฯ เพราะฉะนั้นการอัพนิยายของอ้อยก็คือจะไม่เป็นเวลา มิหนำซ้ำยังต้องพิมพ์จากต้นฉบับเขียนมือ จึงขอแจ้งนักอ่านทุกท่านไว้ก่อนค่ะ

หวังใจว่างานเขียนชิ้นนี้จะถูกใจหลายๆ ท่านนะคะ


รักและคิดถึงค่ะ

อ้อย/สุชาคริยา


ปล. เปลี่ยนชื่อเรื่องจาก 'นางเงา' มาเป็น 'สาปหฤหรรษ์' นะคะ




- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -



บทนำ


‘เสียงเล่าลือกล่าวขานถึงนางในตำนานผู้แสนเหี้ยมโหดชั่วร้ายเกินใคร แต่อำนาจบันดาลได้ทุกสิ่งที่นางมีย่อมเย้ายวนให้คนปรารถนา ยอมแลกชีวิตเพื่อให้ได้มา ปรารถนาอำนาจสูงส่งจากนาง

ชายใดรูปงามหรือนางพึงใจ ว่ากันว่าคนผู้นั้นประสงค์สิ่งใดมักได้สิ่งนั้นตามที่ต้องการ ข้อแลกเปลี่ยนเดียวคือการเป็นสามี ปรนนิบัตินางให้สำราญใจ ผู้คนมากมายใคร่ได้อำนาจนี้นักแต่ก็เกรงกลัว ทว่าบางคนกลับยอมเอาชีวิตเอาดวงจิตเข้าแลกผลเพื่อประโยชน์ของตนอยู่ดี ทั้งที่จุดจบแท้จริงของผู้แลกเปลี่ยนคือ ‘ความตาย’ นางสูบวิญญาณชายเหล่านั้นเพื่อเป็นอมตะ’



- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -


กลองศึกลั่นระทึกปลุกใจ ความเงียบก่อนนั้นสลาย ทหารมากมายของสองกองทัพกำลังเผชิญหน้ากัน ผืนดินที่เป็นดินแดงโล่งกว้าง ภูเขาหินขนาดย่อมปกคลุมด้วยสีเขียวของต้นไม้อยู่เป็นฉากหลังด้านหนึ่ง นักรบมากมายอยู่ตรงลานกว้างหันหน้าเข้าหาภูเขานั้น...ที่ซึ่งจะกลายเป็นสมรภูมิเดือดในอีกไม่ช้า

กลองระรัวดังก้องตีเร็วกระชั้นถี่มากขึ้นทุกขณะ หัวใจทหารบางนายสั่นหวิวริบรัว แม้พยายามข่มใจให้สงบนิ่งก็ไม่ง่าย แต่บางนายก็ฮึกเหิมไม่หยุด

แม่ทัพฝ่ายรุกรานมองพลของตนในสนามรบนี้ เขากำลังยิ้มที่มุมปาก จำนวนพลที่มีมากกว่า ยุทโธปกรณ์สูงส่งกว่า ชัยชนะจึงใกล้เข้ามาทุกที เขาได้ลิ้มรสของผู้มีชัย กรีธาทัพมาจนถึงหน้าภูเขาขนาดย่อมที่เป็นประตูเมืองหลวงด้วยเวลารวดเร็วกว่าผู้อื่น ความพ่ายแพ้ตลอดเส้นทางของนครแห่งนี้บ่งบอกบางสิ่ง ผู้ใดทำศึกยากแต่สำหรับเขาช่างง่ายดายนัก แม้อีกฝ่ายมีแม่ทัพฝีมือฉกาจก็พ่ายให้เขาอย่างต่อเนื่อง เมืองนี้เปรียบดั่งขนมหวานรสชาติชุ่มคอสำหรับเขา

สายลับในนั้นส่งข่าวให้รู้ว่าจำนวนพลรบของฝ่ายตรงข้ามมีเท่าที่เห็น หลังเขาลูกย่อมตรงหน้าคือเมืองหลวง นี่คือปราการสุดท้าย หากทำได้สำเร็จ รางวัลอันงดงามคือชื่อเสียง เกียรติยศ และนั่งเมืองเป็นเจ้านครแห่งนี้ย่อมเป็นของเขาไม่ผิดไป แม้ต้องขึ้นตรงกับมาตุภูมิก็ย่อมดีกว่าเป็นเพียงแม่ทัพต่ำศักดิ์กว่าเชื้อพระวงศ์ที่เพิ่งจะล่าถอยเพราะบาดเจ็บ

แค่อึดใจเดียว...รางวัลอันหอมหวานกำลังจะมา หอมหวนเหลือเกิน อีกไม่นานแล้วที่จะได้ครอบครอง

ธงรบโบกสะบัดเมื่อมือแม่ทัพฝ่ายรุกรานให้สัญญาณ กองทัพเข้าปะทะตามแผนที่วางไว้ สายตาอันเฉียบคมกำลังมองการรบตรงหน้า ขบวนรบเคลื่อนไป ฝุ่นแดงเริ่มตลบคละคลุ้ง ปะทะกองทัพอีกฝ่ายราวคลื่นสีดำม้วนตัวเข้าหาชายหาด กลืนกินกองทัพเจ้าบ้านอย่างง่ายดาย

น่าปรีดายิ่งนัก ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจหมาย

รถศึกของแม่ทัพฝ่ายรุกรานกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้าไป กินแดนเรื่อยๆ

เขาสดับเสียงโลหะ เสียงโห่ร้อง เสียงโหยหวน ช่างชวนให้สำราญใจ บดขยี้อีกฝ่ายแหลกลาญได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งกระหายชัยชนะ อีกไม่นานนักเขากำลังจะได้เมืองขึ้นถวายองค์เหนือหัว กลิ่นคาวเลือดเริ่มโชยชัด ชวนสะอิดสะเอียนแต่ใจกลับระริกยินดี อบอวลความอำมหิตไร้เมตตาด้วยความปรีดาปราโมทย์

ศึกนี้ไม่มีคำว่าแพ้ สิ่งแลกเปลี่ยนได้ถูกตอบรับ...เขารู้ดี ‘นายเหนือหัวของเขา’ รับสั่งเช่นนั้น แล้วตัวเขาจะต้องเกรงกลัวสิ่งใด การศึกที่ผ่านมาชัดแจ้งว่าเป็นไปตามคำบอกหรือไม่ ชื่อเสียงดินแดนของเขาจะเป็นหนึ่งในโลกา

อา... บดขยี้พวกมันด้วยความรื่นรมย์ หอกดาบปักทะลุร่างกายฝ่ายนั้นช่างสวยสดงดงาม

ฟังสิฟัง... เสียงชายชาติทหารที่อดกลั้นต่อความเจ็บปวดแต่ยังลอดไรฟันให้ได้ยินช่างสุนทรีนัก ยิ่งคำรามอย่างเจ็บปวดเพราะปลายอาวุธโลหะจากฝ่ายเขากระชากออกยิ่งเบิกบาน เลือดแดงฉานย้อมติดมา หลั่งลงผืนดินแห่งนี้ทำให้ยิ่งต้องยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

รถศึกเคลื่อนตัวเข้าประชิดเขาลูกนั้นเรื่อยๆ บดขยี้ทหารอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย ใกล้ถึงประตูเมืองเท่าไรใจยิ่งฮึกเหิม ฝุ่นตลบคลุ้งโดยรอบยิ่งน่าอภิรมย์

หอม...กลิ่นชัยชนะเหลือเกิน ยิ่งเมื่อเห็นเลือดแดงฉาน ได้ฟังถ้อยคำราม มือทหารฝ่ายตรงข้ามง้างเงื้ออาวุธเพื่อปกป้องแผ่นดินสุดลมหายใจสุดท้ายก่อนจะหมดลงและล้มลงตรงหน้าเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ ก็ราวกับนาฏลีลาอันงดงามตามความนิยมของบุรุษผู้เสวยรสสงครามอย่างเขามากเท่านั้น น่าเปรมปรีดิ์ยิ่ง

ประตูเมืองเห็นอยู่ไม่ไกล ได้แต่ยิ้มออกมา... อย่างเหี้ยมเกรียม

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -

ประตูเมือง อีกฟากหนึ่งของสนามรบ

ทหารผู้ปกป้องแผ่นดินตนล้วนต่อสู้เต็มกำลัง ทั้งอาวุธและจำนวนพลช่างอ่อนด้อยนัก ทุกอย่างเป็นรอง ตัวแม่ทัพของเมืองนี้รู้ดีว่าการศึกตรงหน้าประหนึ่งเอาเนื้อไปให้อีกฝ่ายแล่เล่นก็ต้องทำ...ต้องสู้

“องค์ปัทม”

แม่ทัพยกมือห้าม นามนั้นมิทันได้เอ่ยครบ ไม่มีเสียงใดอีก

ดวงตาของผู้ถูกเรียกมองไปยังสมรภูมิ เขาไม่หันมา กองทัพผู้รุกรานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เบื้องหน้าทหารของเขาต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรีและเต็มกำลัง ทว่ามิแตกต่างจากไฟดวงน้อยที่ดับลงเพราะน้ำจำนวนมหาศาล ยากจะต่อกร

ทหารคนสนิทข้างกายแม่ทัพใหญ่ก้มหน้ายอมรับกิริยาของนายตน แน่ชัดแล้วว่ามีความประสงค์เช่นไร จึงมองไปที่สนามรบเช่นกัน กองทัพอีกฝ่ายหาได้แตกต่างจากคลื่นมหามฤตยู คืบคลานใกล้เข้ามาทุกขณะ...

มิทันได้ระลึกหวาดกลัวสิ่งใดอีก ม้าศึกและร่างสูงใหญ่ทรงเกราะเฉกเช่นนักรบสูงศักดิ์ได้เคลื่อนนำไปแล้ว แผ่นหลังอันทรงภูมิของพระองค์คือที่ยึดเหนี่ยวและออกคำสั่งว่าลมหายใจสุดท้ายยอมพลีเพื่อแผ่นดิน พระองค์ปะทะฝูงชนและห่าสรรพอาวุธของผู้รุกราน ทหารที่เหลือติดตามทันที

การห้ำหั่นต่อสู้ดุเดือดเป็นไป มีเพียงเสียงอึกทึกของโลหะที่เข้าหู ฝุ่นผงตลบคละคลุ้งเข้าจมูก หายใจติดขัด แขนยกดาบกวัดแกว่งฟาดฟัน จับอาวุธใดได้ต่างมุ่งสังหาร เหงื่อผุดขึ้นเต็มแผ่นหลัง ที่กรอบหน้าเริ่มไหลเข้าตาให้แสบเคือง ไม่มีเวลาปัดเป่ามันออกไป มีแต่สติที่ยกอาวุธตั้งรับและฟาดฟัน เริ่มหายใจไม่ทัน สติทั้งหลายคอยฟังเสียง หลบอาวุธศัตรูตามสัญชาตญาณ ไม่มีสิ่งใดเป็นสัญญาณตอบรับจากนางในตำนานแก่ฝ่ายผู้ปกป้องบ้านเมือง จึงต้องสู้ด้วยใจมิย่นระย่อ

เวลานานหรือไม่มิอาจทราบได้ รู้เพียงขณะนี้เหนื่อยแทบจะขาดใจ บาดเจ็บตรงไหนมิใช่สำคัญ มือยังจับดาบสู้ได้เพราะใจปกป้องดินแดน มอบลมหายใจสุดท้ายและชีวิตแก่แผ่นดิน

ฝุ่นสีแดงกระจายฟุ้งไปทั่ว มากจนต่างฝ่ายต่างเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ฝุ่นนั้นคละคลุ้งและสูงเหนือผืนดิน เคลื่อนเป็นกลุ่มก้อนเอื่อยๆ เข้ามา ปกคลุมด้วยความหนาแน่นประหนึ่งกลืนกินซากศพของเหล่าทหาร เพียงเสี้ยววินาทีกลับแปรเปลี่ยนเป็นพายุรุนแรงน่ากลัว แต่ที่ทำให้ขนหัวลุกและอยู่ในอาการตกตะลึงก็คือเสียงหัวเราะแหลมเย็นประหนึ่งภูตพรายผุดขึ้นจากนรกอเวจี เสียงนี้ดังสะท้อนทั่วสมรภูมิ

ทหารทั้งหลายขนกายลุกชัน ท้องฟ้าเคยแผดแสงร้อนแรงกลับเต็มไปด้วยเมฆหม่นสีเทา พายุฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วในชั่วพริบตา ความเย็นเยือกแล่นปราดเข้าสู่ผิวหนังทะลุถึงกระดูก แทรกซึมเข้าทุกรูขุมขนของผู้กล้าให้รู้สึกถึงความน่ากลัวที่มาถึงปลายจมูกตนแล้ว

นางในตำนานผู้เลื่องชื่อว่าเป็นแม่มดสุดแสนอัปลักษณ์ชั่วโฉดเกินใครในแผ่นดินได้สำแดงฤทธิ์ ผู้คนในสมรภูมินิ่งงัน เหลือเพียงความเงียบในทันที

แม่ทัพผู้คิดว่าตนจะได้ชัยชนะก่อนนั้นเริ่มรู้ตัว

“ไม่!” เขาโหยหวนตะโกนก้องด้วยความเคียดแค้น อีกฝ่ายคงทำการแลกเปลี่ยน ‘บางสิ่ง’ ทันเวลาจนจุดจบพลิกผันเช่นนี้ ความเย็นเยียบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าบอกให้รู้ว่าอะไรกำลังมาถึง ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องเผชิญความตายด้วยฝีมือของนางในตำนาน แน่ชัดว่าชั่วโฉดดั่งคำลือ มากกว่านั้นที่รู้แจ้งคือ ‘ไร้สัจจะ!’ และแล้วสติสัมปชัญญะทั้งหลายได้หมดลง

เสียงคร่ำครวญของเหล่าทหารไม่รู้ฝ่ายดังตามมา หวีดร้องเสียงหลงต่อเนื่องทันที

ไม่มีใครรู้ว่าในความทะมึนมืดคลุ้งไปด้วยฝุ่นสีแดงหนาแน่นนั้นคืออะไรหรือกำลังเกิดอะไรขึ้น

ทุกผู้ทุกนามในสนามรบก็เช่นกัน เว้นเพียงหนึ่งคนในนั้นที่ยังอยู่ด้วยสติอันครบถ้วนและมองรอบกาย แต่ก็มองอะไรไม่เห็น

ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเพียงใด

ไม่รู้ว่าเสียงที่เคยดังก้องในสมรภูมิรบได้หายไปไหน

ไม่รู้ว่าในพายุฝุ่นสีแดงและความมืดทะมึนนั้นเกิดสิ่งใดขึ้น

ไม่รู้จนกระทั่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบยิ่งกว่าเดิม

ไม่นานนักฝุ่นเคยคละคลุ้งไม่มีเหลืออีกต่อไป ความหม่นเทารอบด้านมลายหาย เพียงเท่านี้ก็ปรากฏชัดแก่สายตาบุรุษหนึ่งเดียวที่หลงเหลือในสมรภูมินั้น

ไม่มีอีกแล้วกับซากศพและผู้คนในยุทธภูมิเดือด

ไม่มีอีกแล้วกับทหารหาญมากมายที่เคยยืนหรือนอนอยู่

ไม่มีอีกแล้วกับกองทัพเลื่องชื่อที่จะได้ชัยชนะและกองทัพของผู้ที่ใกล้จะพ่ายแพ้

กลายเป็นความว่างเปล่าชั่วพริบตา

มหากาพย์สงครามยาวนานต่อเนื่องกว่าสี่ปีจบสิ้นลง เหลือเพียงกองเลือดสีแดงฉานบนผืนดินเป็นหลักฐานพยานถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

หลงเหลือ... บรรยากาศวังเวง หดหู่ ชวนสะอิดสะเอียนครอบคลุมไปทั่วบริเวณ

หลงเหลือเพียงสิ่งที่จะถูกเล่าลือกล่าวขานต่อไปยังทั่วแคว้นแดนไกล ถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของนางในตำนานชั่วกัลปาวสาน

ทันใดนั้นความน่ากลัวเหนือสิ่งใดกำลังพุ่งเข้าหาบุรุษหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ปรากฏร่างหนึ่งมีผ้าสีดำสนิทคลุมมิดชิดทั้งร่าง ผ้าผืนนั้นยาวระพื้นจนไม่เห็นเท้าเจ้าของร่างนี้ ซึ่งเขารู้ดีว่าเป็นใครแม้ไม่เคยพบตัวมาก่อน

นางแสยะยิ้มที่เย็นเยือกจากความรู้สึก

เพียงพริบตาร่างที่คลุมผ้าสีดำก็มาอยู่ตรงหน้า เท้านางไม่แตะผืนดินจนชายผ้าลอยพัดพลิ้วไปตามแรงลม

นางประชิดติดตัวแม่ทัพรูปงามแต่ผมเผ้ารุงรังไร้หมวกแห่งแม่ทัพ ใบหน้าเคยเลอเลิศมีแต่เลือดแดงฉาน เรือนร่างกำยำอาบไปด้วยโลหิต หยาดหยดเฉกเช่นน้ำสดใหม่

แม่ทัพผู้ทำการแลกเปลี่ยนชีวิตตนและยังมีสติครบถ้วนแทบกลั้นหายใจเมื่อประจันหน้า ตาไม่กะพริบเมื่อนางขยับเข้ามาหา อยู่ห่างกันเพียงแค่ลมหายใจสัมผัสถึง รับรู้จากความรู้สึกว่ากำลังถูกนางจ้องมองและพิจารณาร่างกายของเขาทุกสัดส่วน

เขามองเข้าไปในผ้าคลุมศีรษะที่เป็นหมวกซึ่งมาจากผ้าผืนเดียวกัน แต่มิอาจเห็นสิ่งใดภายใต้ผืนผ้าสีดำของนาง มีแค่ความมืดมิดไร้ใบหน้า

“ตอบรับคำขอ นครแลคนของท่านจักพ้นภัย ว่าที่สามีของข้า” นางตอบรับ เสียงหัวเราะพึงพอใจดังมา เป็นเสียงแหบแห้งของหญิงชราที่แฝงมาด้วยความเย็นเยือกชวนขนลุก เหยียบขวัญให้ยิ่งผวา ราวกับว่าหวีดร้องลอยมาจากนรกโลกันตร์!

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -



สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ย. 2557, 00:25:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ธ.ค. 2557, 19:59:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 2117





   บทที่ 1 (ส่วนแรก) >>
แว่นใส 16 พ.ย. 2557, 08:16:09 น.
พระเอกเราหรือเปล่านะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 16 พ.ย. 2557, 11:42:24 น.
หอมหวลลลลล อ่านนิยายของ สุชาคริยา ทีไร เป็นต้องได้อิ่มเอม ดื่มดำกับอักขระ สำเนียงภาษาทุกที ได้อรรถรส และภาพจินตานาการชัดเจน แถมยังต้องค่อยๆ ละเมียดอ่านช้าๆ จะได้ซึมซับทุกสำนวนภาษา อื้มมมมมม


คิมหันตุ์ 16 พ.ย. 2557, 17:33:17 น.
อื้มมมมมม ทำซะพระของเรากลัวนางเลยยยย


สุชาคริยา 16 พ.ย. 2557, 21:15:42 น.
@คุณแว่นใส = ไม่บอกจ้า รอให้ลุ้น อิอิ
@คุณนักอ่านเหนียวหนึบ = ตื้นตันนนน กอดดดด
@คิมหันตุ์ = 555555 แล้วคนอ่านกลัวไหมค้าาาา


ใบบัวน่ารัก 16 พ.ย. 2557, 21:51:41 น.
มาแนวไหนน้า
แม่มด กลายเป็นเจ้าญ อะเป่า


สุชาคริยา 16 พ.ย. 2557, 23:42:34 น.
@คุณใบบัวน่ารัก = มาแนวแบบว่า พระเอกนางเอกเชือดกันด้วยคำพูดและสติปัญญาเลยค่ะ แฮ่ๆ

ปล. ตอนตอบคุณคิมหันตุ์อ้อยพิมพ์ขาดคำข้างหน้าไป ขออภัยอย่างแรงนะคะ จุ๊บๆ


สุชาคริยา 16 พ.ย. 2557, 23:47:27 น.
มาอีกรอบ รู้สึกว่าตอบไม่ตรงคำถามคุณใบบัวน่ารัก แถมคอมเม้นท์ข้างบนแก้ไขไม่ได้ด้วย ขอตอบเพิ่มเติมตรงนี้ว่าออกแนวตามใจคนเขียนค่าาาา (แอร๊กกก! โดนตื้บ 5555) คือ อ้อยก็ตอบไม่ถูกนะคะ รู้แค่หักเหลี่ยมเฉือนคม สไตล์เนื้อเรื่อง (ดำเนินเรื่องในสถานที่) เหมือนกับพักตร์อสูรค่ะ แต่เนื้อหาจะเป็นแบบหลอกลวงคนอ่าน (หรือเปล่า 555) คืออ้อยกำลังเริ่มเขียนค่ะ มีแต่พล็อต ซึ่งเวลาเขียนจริงรายละเอียดอาจเปลี่ยน เลยบอกได้ไม่ชัดว่าแม่มดกลายเป็นเจ้าหญิง หรืออะไรน่ะค่ะ
คือถ้าตัวละครเขาจะกลายเป็นเจ้าหญิง คงไม่ได้หวานอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ เป็นโทนเรื่องประเภทสู้กันด้วยสติปัญญาและการต้องหาทางเอาตัวรอดของตัวละครมากกว่า คือจริงแล้วนี่คือบทเปิดเรื่องซึ่งจะนำไปสู่เงื่อนงำหรือเงื่อนไขหนึ่งเท่านั้นค่ะ ยังมีตัวละครและบทบาทที่พลิกผันตลอดเวลา อ้อยเลยเรียกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ
ยังไงก็ติดตาม แวะคุย-แนะนำ-สนุกไปพร้อมกันนะคะ อ้อยเองเพิ่งจะได้บทนำมา ว่าจะเขียนบทที่ 1 วันนี้ก็ทำงานอื่นจนไม่ได้เขียนเลย ยังไงก็ฝากนางเงาไว้ด้วยนะคะ


Zephyr 17 พ.ย. 2557, 22:54:04 น.
อุ่ยย นางเอกหงำเหงือกรึคะ 555
เหม่ จิ้นไม่ออกเลยทีเดียว
เค้าชอบนักละ นิยายแนวเมืองๆเจ้าครองนคร ศัพท์ยากๆเช่นนี้ อิอิ


สุชาคริยา 18 พ.ย. 2557, 18:07:31 น.
@คุณ Zephyr = 5555555 ดีใจ๊ดีใจมากมายที่ชอบคะ จุ๊บๆ


แล่นแต๊ 20 พ.ย. 2557, 00:26:44 น.
ปูเสื่อรอเลย เรื่องนี้ เปิดเรื่องได้น่าติดตามมากค่ะ


สุชาคริยา 20 พ.ย. 2557, 01:16:29 น.
@คุณแล่นแต๊ = กีสสสสส คนเขียนดีใจมากมายค่าาาาา จุ๊บๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account