สาปหฤหรรษ์
แนะนำเรื่องแบบย่อๆ
เสียงเล่าลือกล่าวขานถึงนางอัปลักษณ์ในตำนานผู้แสนเหี้ยมโหดชั่วร้ายเกินใครแต่อำนาจทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับนางเช่นกัน เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ต้องยอมมอบกายถวายชีวันแลกความอยู่รอดของแผ่นดินด้วยการเป็นสามีของนาง
หมายเหตุ.- เปลี่ยนชื่อเรื่องจาก 'นางเงา' เป็น 'สาปหฤหรรษ์' นะคะ
เสียงเล่าลือกล่าวขานถึงนางอัปลักษณ์ในตำนานผู้แสนเหี้ยมโหดชั่วร้ายเกินใครแต่อำนาจทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับนางเช่นกัน เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ต้องยอมมอบกายถวายชีวันแลกความอยู่รอดของแผ่นดินด้วยการเป็นสามีของนาง
หมายเหตุ.- เปลี่ยนชื่อเรื่องจาก 'นางเงา' เป็น 'สาปหฤหรรษ์' นะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทนำ
***นักอ่านของสุชาคริยา คือ 'ผู้มีปัญญา และ สูงส่ง' สุชาคริยาคิดเช่นนั้นเสมอ และจะเป็นเช่นนี้จนวันตาย
ไม่มีนักอ่าน-ไม่มีสุชาคริยา ท่านสำคัญต่อคนเขียนงานคนนี้ ซาบซึ้งที่ท่านเกื้อหนุน ขอบพระคุณจากใจค่ะ***
สวัสดีนักอ่านที่รักของอ้อยทุกท่านค่ะ วันนี้ (เสาร์ 15 พ.ย. 57 , 23.30 น.) แว้บมาอัพบทนำแบบว่าสดๆ ร้อนๆ ต้นฉบับนี้เพิ่งเขียน (พิมพ์เสร็จก็อัพเลย) ยังไม่ได้เกลาสำนวนเนื้อหา แต่กลัวว่าจะคิดทึ้งคิดถึงกันมากๆ เลยมาหาทุกท่านก่อนค่ะ
เรื่อง ‘นางเงา’ นี้คงต้องใช้เวลาเขียนนานอยู่ จะเสร็จเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ตอนนี้เพิ่งได้บทนำ และอาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้างทั้งเนื้อหา ถ้อยคำ และอื่นๆ นะคะ ดังนั้นต้นฉบับตัวนี้คงจะมีทั้งคำผิด คำสลับ เนื้อหากระโดด ฯลฯ ซึ่งคงจะมีโผล่มาให้เห็นค่ะ
เล่าสู่กันฟังว่าตอนนี้อ้อยเปลี่ยนการเขียนจากเดิมที่พิมพ์กับคอมฯ โดยตรงมาเป็นเขียนด้วยมือแทน ด้วยสภาวะหลายๆ อย่างของร่างกายจึงไม่สะดวก จึงเป็นวิธีเขียนมือ เสร็จแล้วจึงนำมาพิมพ์ในคอมฯ เพราะฉะนั้นการอัพนิยายของอ้อยก็คือจะไม่เป็นเวลา มิหนำซ้ำยังต้องพิมพ์จากต้นฉบับเขียนมือ จึงขอแจ้งนักอ่านทุกท่านไว้ก่อนค่ะ
หวังใจว่างานเขียนชิ้นนี้จะถูกใจหลายๆ ท่านนะคะ
รักและคิดถึงค่ะ
อ้อย/สุชาคริยา
ปล. เปลี่ยนชื่อเรื่องจาก 'นางเงา' มาเป็น 'สาปหฤหรรษ์' นะคะ
- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -
บทนำ
‘เสียงเล่าลือกล่าวขานถึงนางในตำนานผู้แสนเหี้ยมโหดชั่วร้ายเกินใคร แต่อำนาจบันดาลได้ทุกสิ่งที่นางมีย่อมเย้ายวนให้คนปรารถนา ยอมแลกชีวิตเพื่อให้ได้มา ปรารถนาอำนาจสูงส่งจากนาง
ชายใดรูปงามหรือนางพึงใจ ว่ากันว่าคนผู้นั้นประสงค์สิ่งใดมักได้สิ่งนั้นตามที่ต้องการ ข้อแลกเปลี่ยนเดียวคือการเป็นสามี ปรนนิบัตินางให้สำราญใจ ผู้คนมากมายใคร่ได้อำนาจนี้นักแต่ก็เกรงกลัว ทว่าบางคนกลับยอมเอาชีวิตเอาดวงจิตเข้าแลกผลเพื่อประโยชน์ของตนอยู่ดี ทั้งที่จุดจบแท้จริงของผู้แลกเปลี่ยนคือ ‘ความตาย’ นางสูบวิญญาณชายเหล่านั้นเพื่อเป็นอมตะ’
- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -
กลองศึกลั่นระทึกปลุกใจ ความเงียบก่อนนั้นสลาย ทหารมากมายของสองกองทัพกำลังเผชิญหน้ากัน ผืนดินที่เป็นดินแดงโล่งกว้าง ภูเขาหินขนาดย่อมปกคลุมด้วยสีเขียวของต้นไม้อยู่เป็นฉากหลังด้านหนึ่ง นักรบมากมายอยู่ตรงลานกว้างหันหน้าเข้าหาภูเขานั้น...ที่ซึ่งจะกลายเป็นสมรภูมิเดือดในอีกไม่ช้า
กลองระรัวดังก้องตีเร็วกระชั้นถี่มากขึ้นทุกขณะ หัวใจทหารบางนายสั่นหวิวริบรัว แม้พยายามข่มใจให้สงบนิ่งก็ไม่ง่าย แต่บางนายก็ฮึกเหิมไม่หยุด
แม่ทัพฝ่ายรุกรานมองพลของตนในสนามรบนี้ เขากำลังยิ้มที่มุมปาก จำนวนพลที่มีมากกว่า ยุทโธปกรณ์สูงส่งกว่า ชัยชนะจึงใกล้เข้ามาทุกที เขาได้ลิ้มรสของผู้มีชัย กรีธาทัพมาจนถึงหน้าภูเขาขนาดย่อมที่เป็นประตูเมืองหลวงด้วยเวลารวดเร็วกว่าผู้อื่น ความพ่ายแพ้ตลอดเส้นทางของนครแห่งนี้บ่งบอกบางสิ่ง ผู้ใดทำศึกยากแต่สำหรับเขาช่างง่ายดายนัก แม้อีกฝ่ายมีแม่ทัพฝีมือฉกาจก็พ่ายให้เขาอย่างต่อเนื่อง เมืองนี้เปรียบดั่งขนมหวานรสชาติชุ่มคอสำหรับเขา
สายลับในนั้นส่งข่าวให้รู้ว่าจำนวนพลรบของฝ่ายตรงข้ามมีเท่าที่เห็น หลังเขาลูกย่อมตรงหน้าคือเมืองหลวง นี่คือปราการสุดท้าย หากทำได้สำเร็จ รางวัลอันงดงามคือชื่อเสียง เกียรติยศ และนั่งเมืองเป็นเจ้านครแห่งนี้ย่อมเป็นของเขาไม่ผิดไป แม้ต้องขึ้นตรงกับมาตุภูมิก็ย่อมดีกว่าเป็นเพียงแม่ทัพต่ำศักดิ์กว่าเชื้อพระวงศ์ที่เพิ่งจะล่าถอยเพราะบาดเจ็บ
แค่อึดใจเดียว...รางวัลอันหอมหวานกำลังจะมา หอมหวนเหลือเกิน อีกไม่นานแล้วที่จะได้ครอบครอง
ธงรบโบกสะบัดเมื่อมือแม่ทัพฝ่ายรุกรานให้สัญญาณ กองทัพเข้าปะทะตามแผนที่วางไว้ สายตาอันเฉียบคมกำลังมองการรบตรงหน้า ขบวนรบเคลื่อนไป ฝุ่นแดงเริ่มตลบคละคลุ้ง ปะทะกองทัพอีกฝ่ายราวคลื่นสีดำม้วนตัวเข้าหาชายหาด กลืนกินกองทัพเจ้าบ้านอย่างง่ายดาย
น่าปรีดายิ่งนัก ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจหมาย
รถศึกของแม่ทัพฝ่ายรุกรานกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้าไป กินแดนเรื่อยๆ
เขาสดับเสียงโลหะ เสียงโห่ร้อง เสียงโหยหวน ช่างชวนให้สำราญใจ บดขยี้อีกฝ่ายแหลกลาญได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งกระหายชัยชนะ อีกไม่นานนักเขากำลังจะได้เมืองขึ้นถวายองค์เหนือหัว กลิ่นคาวเลือดเริ่มโชยชัด ชวนสะอิดสะเอียนแต่ใจกลับระริกยินดี อบอวลความอำมหิตไร้เมตตาด้วยความปรีดาปราโมทย์
ศึกนี้ไม่มีคำว่าแพ้ สิ่งแลกเปลี่ยนได้ถูกตอบรับ...เขารู้ดี ‘นายเหนือหัวของเขา’ รับสั่งเช่นนั้น แล้วตัวเขาจะต้องเกรงกลัวสิ่งใด การศึกที่ผ่านมาชัดแจ้งว่าเป็นไปตามคำบอกหรือไม่ ชื่อเสียงดินแดนของเขาจะเป็นหนึ่งในโลกา
อา... บดขยี้พวกมันด้วยความรื่นรมย์ หอกดาบปักทะลุร่างกายฝ่ายนั้นช่างสวยสดงดงาม
ฟังสิฟัง... เสียงชายชาติทหารที่อดกลั้นต่อความเจ็บปวดแต่ยังลอดไรฟันให้ได้ยินช่างสุนทรีนัก ยิ่งคำรามอย่างเจ็บปวดเพราะปลายอาวุธโลหะจากฝ่ายเขากระชากออกยิ่งเบิกบาน เลือดแดงฉานย้อมติดมา หลั่งลงผืนดินแห่งนี้ทำให้ยิ่งต้องยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
รถศึกเคลื่อนตัวเข้าประชิดเขาลูกนั้นเรื่อยๆ บดขยี้ทหารอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย ใกล้ถึงประตูเมืองเท่าไรใจยิ่งฮึกเหิม ฝุ่นตลบคลุ้งโดยรอบยิ่งน่าอภิรมย์
หอม...กลิ่นชัยชนะเหลือเกิน ยิ่งเมื่อเห็นเลือดแดงฉาน ได้ฟังถ้อยคำราม มือทหารฝ่ายตรงข้ามง้างเงื้ออาวุธเพื่อปกป้องแผ่นดินสุดลมหายใจสุดท้ายก่อนจะหมดลงและล้มลงตรงหน้าเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ ก็ราวกับนาฏลีลาอันงดงามตามความนิยมของบุรุษผู้เสวยรสสงครามอย่างเขามากเท่านั้น น่าเปรมปรีดิ์ยิ่ง
ประตูเมืองเห็นอยู่ไม่ไกล ได้แต่ยิ้มออกมา... อย่างเหี้ยมเกรียม
- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -
ประตูเมือง อีกฟากหนึ่งของสนามรบ
ทหารผู้ปกป้องแผ่นดินตนล้วนต่อสู้เต็มกำลัง ทั้งอาวุธและจำนวนพลช่างอ่อนด้อยนัก ทุกอย่างเป็นรอง ตัวแม่ทัพของเมืองนี้รู้ดีว่าการศึกตรงหน้าประหนึ่งเอาเนื้อไปให้อีกฝ่ายแล่เล่นก็ต้องทำ...ต้องสู้
“องค์ปัทม”
แม่ทัพยกมือห้าม นามนั้นมิทันได้เอ่ยครบ ไม่มีเสียงใดอีก
ดวงตาของผู้ถูกเรียกมองไปยังสมรภูมิ เขาไม่หันมา กองทัพผู้รุกรานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เบื้องหน้าทหารของเขาต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรีและเต็มกำลัง ทว่ามิแตกต่างจากไฟดวงน้อยที่ดับลงเพราะน้ำจำนวนมหาศาล ยากจะต่อกร
ทหารคนสนิทข้างกายแม่ทัพใหญ่ก้มหน้ายอมรับกิริยาของนายตน แน่ชัดแล้วว่ามีความประสงค์เช่นไร จึงมองไปที่สนามรบเช่นกัน กองทัพอีกฝ่ายหาได้แตกต่างจากคลื่นมหามฤตยู คืบคลานใกล้เข้ามาทุกขณะ...
มิทันได้ระลึกหวาดกลัวสิ่งใดอีก ม้าศึกและร่างสูงใหญ่ทรงเกราะเฉกเช่นนักรบสูงศักดิ์ได้เคลื่อนนำไปแล้ว แผ่นหลังอันทรงภูมิของพระองค์คือที่ยึดเหนี่ยวและออกคำสั่งว่าลมหายใจสุดท้ายยอมพลีเพื่อแผ่นดิน พระองค์ปะทะฝูงชนและห่าสรรพอาวุธของผู้รุกราน ทหารที่เหลือติดตามทันที
การห้ำหั่นต่อสู้ดุเดือดเป็นไป มีเพียงเสียงอึกทึกของโลหะที่เข้าหู ฝุ่นผงตลบคละคลุ้งเข้าจมูก หายใจติดขัด แขนยกดาบกวัดแกว่งฟาดฟัน จับอาวุธใดได้ต่างมุ่งสังหาร เหงื่อผุดขึ้นเต็มแผ่นหลัง ที่กรอบหน้าเริ่มไหลเข้าตาให้แสบเคือง ไม่มีเวลาปัดเป่ามันออกไป มีแต่สติที่ยกอาวุธตั้งรับและฟาดฟัน เริ่มหายใจไม่ทัน สติทั้งหลายคอยฟังเสียง หลบอาวุธศัตรูตามสัญชาตญาณ ไม่มีสิ่งใดเป็นสัญญาณตอบรับจากนางในตำนานแก่ฝ่ายผู้ปกป้องบ้านเมือง จึงต้องสู้ด้วยใจมิย่นระย่อ
เวลานานหรือไม่มิอาจทราบได้ รู้เพียงขณะนี้เหนื่อยแทบจะขาดใจ บาดเจ็บตรงไหนมิใช่สำคัญ มือยังจับดาบสู้ได้เพราะใจปกป้องดินแดน มอบลมหายใจสุดท้ายและชีวิตแก่แผ่นดิน
ฝุ่นสีแดงกระจายฟุ้งไปทั่ว มากจนต่างฝ่ายต่างเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ฝุ่นนั้นคละคลุ้งและสูงเหนือผืนดิน เคลื่อนเป็นกลุ่มก้อนเอื่อยๆ เข้ามา ปกคลุมด้วยความหนาแน่นประหนึ่งกลืนกินซากศพของเหล่าทหาร เพียงเสี้ยววินาทีกลับแปรเปลี่ยนเป็นพายุรุนแรงน่ากลัว แต่ที่ทำให้ขนหัวลุกและอยู่ในอาการตกตะลึงก็คือเสียงหัวเราะแหลมเย็นประหนึ่งภูตพรายผุดขึ้นจากนรกอเวจี เสียงนี้ดังสะท้อนทั่วสมรภูมิ
ทหารทั้งหลายขนกายลุกชัน ท้องฟ้าเคยแผดแสงร้อนแรงกลับเต็มไปด้วยเมฆหม่นสีเทา พายุฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วในชั่วพริบตา ความเย็นเยือกแล่นปราดเข้าสู่ผิวหนังทะลุถึงกระดูก แทรกซึมเข้าทุกรูขุมขนของผู้กล้าให้รู้สึกถึงความน่ากลัวที่มาถึงปลายจมูกตนแล้ว
นางในตำนานผู้เลื่องชื่อว่าเป็นแม่มดสุดแสนอัปลักษณ์ชั่วโฉดเกินใครในแผ่นดินได้สำแดงฤทธิ์ ผู้คนในสมรภูมินิ่งงัน เหลือเพียงความเงียบในทันที
แม่ทัพผู้คิดว่าตนจะได้ชัยชนะก่อนนั้นเริ่มรู้ตัว
“ไม่!” เขาโหยหวนตะโกนก้องด้วยความเคียดแค้น อีกฝ่ายคงทำการแลกเปลี่ยน ‘บางสิ่ง’ ทันเวลาจนจุดจบพลิกผันเช่นนี้ ความเย็นเยียบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าบอกให้รู้ว่าอะไรกำลังมาถึง ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องเผชิญความตายด้วยฝีมือของนางในตำนาน แน่ชัดว่าชั่วโฉดดั่งคำลือ มากกว่านั้นที่รู้แจ้งคือ ‘ไร้สัจจะ!’ และแล้วสติสัมปชัญญะทั้งหลายได้หมดลง
เสียงคร่ำครวญของเหล่าทหารไม่รู้ฝ่ายดังตามมา หวีดร้องเสียงหลงต่อเนื่องทันที
ไม่มีใครรู้ว่าในความทะมึนมืดคลุ้งไปด้วยฝุ่นสีแดงหนาแน่นนั้นคืออะไรหรือกำลังเกิดอะไรขึ้น
ทุกผู้ทุกนามในสนามรบก็เช่นกัน เว้นเพียงหนึ่งคนในนั้นที่ยังอยู่ด้วยสติอันครบถ้วนและมองรอบกาย แต่ก็มองอะไรไม่เห็น
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเพียงใด
ไม่รู้ว่าเสียงที่เคยดังก้องในสมรภูมิรบได้หายไปไหน
ไม่รู้ว่าในพายุฝุ่นสีแดงและความมืดทะมึนนั้นเกิดสิ่งใดขึ้น
ไม่รู้จนกระทั่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบยิ่งกว่าเดิม
ไม่นานนักฝุ่นเคยคละคลุ้งไม่มีเหลืออีกต่อไป ความหม่นเทารอบด้านมลายหาย เพียงเท่านี้ก็ปรากฏชัดแก่สายตาบุรุษหนึ่งเดียวที่หลงเหลือในสมรภูมินั้น
ไม่มีอีกแล้วกับซากศพและผู้คนในยุทธภูมิเดือด
ไม่มีอีกแล้วกับทหารหาญมากมายที่เคยยืนหรือนอนอยู่
ไม่มีอีกแล้วกับกองทัพเลื่องชื่อที่จะได้ชัยชนะและกองทัพของผู้ที่ใกล้จะพ่ายแพ้
กลายเป็นความว่างเปล่าชั่วพริบตา
มหากาพย์สงครามยาวนานต่อเนื่องกว่าสี่ปีจบสิ้นลง เหลือเพียงกองเลือดสีแดงฉานบนผืนดินเป็นหลักฐานพยานถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
หลงเหลือ... บรรยากาศวังเวง หดหู่ ชวนสะอิดสะเอียนครอบคลุมไปทั่วบริเวณ
หลงเหลือเพียงสิ่งที่จะถูกเล่าลือกล่าวขานต่อไปยังทั่วแคว้นแดนไกล ถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของนางในตำนานชั่วกัลปาวสาน
ทันใดนั้นความน่ากลัวเหนือสิ่งใดกำลังพุ่งเข้าหาบุรุษหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ปรากฏร่างหนึ่งมีผ้าสีดำสนิทคลุมมิดชิดทั้งร่าง ผ้าผืนนั้นยาวระพื้นจนไม่เห็นเท้าเจ้าของร่างนี้ ซึ่งเขารู้ดีว่าเป็นใครแม้ไม่เคยพบตัวมาก่อน
นางแสยะยิ้มที่เย็นเยือกจากความรู้สึก
เพียงพริบตาร่างที่คลุมผ้าสีดำก็มาอยู่ตรงหน้า เท้านางไม่แตะผืนดินจนชายผ้าลอยพัดพลิ้วไปตามแรงลม
นางประชิดติดตัวแม่ทัพรูปงามแต่ผมเผ้ารุงรังไร้หมวกแห่งแม่ทัพ ใบหน้าเคยเลอเลิศมีแต่เลือดแดงฉาน เรือนร่างกำยำอาบไปด้วยโลหิต หยาดหยดเฉกเช่นน้ำสดใหม่
แม่ทัพผู้ทำการแลกเปลี่ยนชีวิตตนและยังมีสติครบถ้วนแทบกลั้นหายใจเมื่อประจันหน้า ตาไม่กะพริบเมื่อนางขยับเข้ามาหา อยู่ห่างกันเพียงแค่ลมหายใจสัมผัสถึง รับรู้จากความรู้สึกว่ากำลังถูกนางจ้องมองและพิจารณาร่างกายของเขาทุกสัดส่วน
เขามองเข้าไปในผ้าคลุมศีรษะที่เป็นหมวกซึ่งมาจากผ้าผืนเดียวกัน แต่มิอาจเห็นสิ่งใดภายใต้ผืนผ้าสีดำของนาง มีแค่ความมืดมิดไร้ใบหน้า
“ตอบรับคำขอ นครแลคนของท่านจักพ้นภัย ว่าที่สามีของข้า” นางตอบรับ เสียงหัวเราะพึงพอใจดังมา เป็นเสียงแหบแห้งของหญิงชราที่แฝงมาด้วยความเย็นเยือกชวนขนลุก เหยียบขวัญให้ยิ่งผวา ราวกับว่าหวีดร้องลอยมาจากนรกโลกันตร์!
- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ย. 2557, 00:25:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ธ.ค. 2557, 19:59:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 2198
บทที่ 1 (ส่วนแรก) >> |

แว่นใส 16 พ.ย. 2557, 08:16:09 น.
พระเอกเราหรือเปล่านะ
พระเอกเราหรือเปล่านะ

นักอ่านเหนียวหนึบ 16 พ.ย. 2557, 11:42:24 น.
หอมหวลลลลล อ่านนิยายของ สุชาคริยา ทีไร เป็นต้องได้อิ่มเอม ดื่มดำกับอักขระ สำเนียงภาษาทุกที ได้อรรถรส และภาพจินตานาการชัดเจน แถมยังต้องค่อยๆ ละเมียดอ่านช้าๆ จะได้ซึมซับทุกสำนวนภาษา อื้มมมมมม
หอมหวลลลลล อ่านนิยายของ สุชาคริยา ทีไร เป็นต้องได้อิ่มเอม ดื่มดำกับอักขระ สำเนียงภาษาทุกที ได้อรรถรส และภาพจินตานาการชัดเจน แถมยังต้องค่อยๆ ละเมียดอ่านช้าๆ จะได้ซึมซับทุกสำนวนภาษา อื้มมมมมม

คิมหันตุ์ 16 พ.ย. 2557, 17:33:17 น.
อื้มมมมมม ทำซะพระของเรากลัวนางเลยยยย
อื้มมมมมม ทำซะพระของเรากลัวนางเลยยยย

สุชาคริยา 16 พ.ย. 2557, 21:15:42 น.
@คุณแว่นใส = ไม่บอกจ้า รอให้ลุ้น อิอิ
@คุณนักอ่านเหนียวหนึบ = ตื้นตันนนน กอดดดด
@คิมหันตุ์ = 555555 แล้วคนอ่านกลัวไหมค้าาาา
@คุณแว่นใส = ไม่บอกจ้า รอให้ลุ้น อิอิ
@คุณนักอ่านเหนียวหนึบ = ตื้นตันนนน กอดดดด
@คิมหันตุ์ = 555555 แล้วคนอ่านกลัวไหมค้าาาา


สุชาคริยา 16 พ.ย. 2557, 23:42:34 น.
@คุณใบบัวน่ารัก = มาแนวแบบว่า พระเอกนางเอกเชือดกันด้วยคำพูดและสติปัญญาเลยค่ะ แฮ่ๆ
ปล. ตอนตอบคุณคิมหันตุ์อ้อยพิมพ์ขาดคำข้างหน้าไป ขออภัยอย่างแรงนะคะ จุ๊บๆ
@คุณใบบัวน่ารัก = มาแนวแบบว่า พระเอกนางเอกเชือดกันด้วยคำพูดและสติปัญญาเลยค่ะ แฮ่ๆ
ปล. ตอนตอบคุณคิมหันตุ์อ้อยพิมพ์ขาดคำข้างหน้าไป ขออภัยอย่างแรงนะคะ จุ๊บๆ

สุชาคริยา 16 พ.ย. 2557, 23:47:27 น.
มาอีกรอบ รู้สึกว่าตอบไม่ตรงคำถามคุณใบบัวน่ารัก แถมคอมเม้นท์ข้างบนแก้ไขไม่ได้ด้วย ขอตอบเพิ่มเติมตรงนี้ว่าออกแนวตามใจคนเขียนค่าาาา (แอร๊กกก! โดนตื้บ 5555) คือ อ้อยก็ตอบไม่ถูกนะคะ รู้แค่หักเหลี่ยมเฉือนคม สไตล์เนื้อเรื่อง (ดำเนินเรื่องในสถานที่) เหมือนกับพักตร์อสูรค่ะ แต่เนื้อหาจะเป็นแบบหลอกลวงคนอ่าน (หรือเปล่า 555) คืออ้อยกำลังเริ่มเขียนค่ะ มีแต่พล็อต ซึ่งเวลาเขียนจริงรายละเอียดอาจเปลี่ยน เลยบอกได้ไม่ชัดว่าแม่มดกลายเป็นเจ้าหญิง หรืออะไรน่ะค่ะ
คือถ้าตัวละครเขาจะกลายเป็นเจ้าหญิง คงไม่ได้หวานอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ เป็นโทนเรื่องประเภทสู้กันด้วยสติปัญญาและการต้องหาทางเอาตัวรอดของตัวละครมากกว่า คือจริงแล้วนี่คือบทเปิดเรื่องซึ่งจะนำไปสู่เงื่อนงำหรือเงื่อนไขหนึ่งเท่านั้นค่ะ ยังมีตัวละครและบทบาทที่พลิกผันตลอดเวลา อ้อยเลยเรียกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ
ยังไงก็ติดตาม แวะคุย-แนะนำ-สนุกไปพร้อมกันนะคะ อ้อยเองเพิ่งจะได้บทนำมา ว่าจะเขียนบทที่ 1 วันนี้ก็ทำงานอื่นจนไม่ได้เขียนเลย ยังไงก็ฝากนางเงาไว้ด้วยนะคะ
มาอีกรอบ รู้สึกว่าตอบไม่ตรงคำถามคุณใบบัวน่ารัก แถมคอมเม้นท์ข้างบนแก้ไขไม่ได้ด้วย ขอตอบเพิ่มเติมตรงนี้ว่าออกแนวตามใจคนเขียนค่าาาา (แอร๊กกก! โดนตื้บ 5555) คือ อ้อยก็ตอบไม่ถูกนะคะ รู้แค่หักเหลี่ยมเฉือนคม สไตล์เนื้อเรื่อง (ดำเนินเรื่องในสถานที่) เหมือนกับพักตร์อสูรค่ะ แต่เนื้อหาจะเป็นแบบหลอกลวงคนอ่าน (หรือเปล่า 555) คืออ้อยกำลังเริ่มเขียนค่ะ มีแต่พล็อต ซึ่งเวลาเขียนจริงรายละเอียดอาจเปลี่ยน เลยบอกได้ไม่ชัดว่าแม่มดกลายเป็นเจ้าหญิง หรืออะไรน่ะค่ะ
คือถ้าตัวละครเขาจะกลายเป็นเจ้าหญิง คงไม่ได้หวานอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ เป็นโทนเรื่องประเภทสู้กันด้วยสติปัญญาและการต้องหาทางเอาตัวรอดของตัวละครมากกว่า คือจริงแล้วนี่คือบทเปิดเรื่องซึ่งจะนำไปสู่เงื่อนงำหรือเงื่อนไขหนึ่งเท่านั้นค่ะ ยังมีตัวละครและบทบาทที่พลิกผันตลอดเวลา อ้อยเลยเรียกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ
ยังไงก็ติดตาม แวะคุย-แนะนำ-สนุกไปพร้อมกันนะคะ อ้อยเองเพิ่งจะได้บทนำมา ว่าจะเขียนบทที่ 1 วันนี้ก็ทำงานอื่นจนไม่ได้เขียนเลย ยังไงก็ฝากนางเงาไว้ด้วยนะคะ

Zephyr 17 พ.ย. 2557, 22:54:04 น.
อุ่ยย นางเอกหงำเหงือกรึคะ 555
เหม่ จิ้นไม่ออกเลยทีเดียว
เค้าชอบนักละ นิยายแนวเมืองๆเจ้าครองนคร ศัพท์ยากๆเช่นนี้ อิอิ
อุ่ยย นางเอกหงำเหงือกรึคะ 555
เหม่ จิ้นไม่ออกเลยทีเดียว
เค้าชอบนักละ นิยายแนวเมืองๆเจ้าครองนคร ศัพท์ยากๆเช่นนี้ อิอิ

สุชาคริยา 18 พ.ย. 2557, 18:07:31 น.
@คุณ Zephyr = 5555555 ดีใจ๊ดีใจมากมายที่ชอบคะ จุ๊บๆ
@คุณ Zephyr = 5555555 ดีใจ๊ดีใจมากมายที่ชอบคะ จุ๊บๆ

แล่นแต๊ 20 พ.ย. 2557, 00:26:44 น.
ปูเสื่อรอเลย เรื่องนี้ เปิดเรื่องได้น่าติดตามมากค่ะ
ปูเสื่อรอเลย เรื่องนี้ เปิดเรื่องได้น่าติดตามมากค่ะ

สุชาคริยา 20 พ.ย. 2557, 01:16:29 น.
@คุณแล่นแต๊ = กีสสสสส คนเขียนดีใจมากมายค่าาาาา จุ๊บๆ
@คุณแล่นแต๊ = กีสสสสส คนเขียนดีใจมากมายค่าาาาา จุ๊บๆ