ซีรี่ส์บุปผาสันนิวาส <กรรณิการ์มนตรารัก>
รักร้ายในความคิดทำให้เธอวิ่งหนี แต่รักแท้จากเขากลับตามติด ทว่ามันมาพร้อมกับกลมนตรา ที่เขาต้องช่วยเธอสะสาง
Tags: ซีรี่ส์บุปผาสันนิวาส กรรณิการ์ ทานตะวัน จิรัสยา

ตอน: บทที่ 5 : มนตร์หมอกพรางป่า



อาจารย์อ่วมสะดุ้งตื่นขึ้นจากสมาธิทันทีที่หลอดแก้วบรระจุกระดูกผีตายโหงเจ็ดป่าช้าแตกออกเป็นสองเสี่ยง เทียนหน้าแท่นพิธีดับลงพร้อมกันทั้งคู่ วิญญาณผีตายโหงที่ถูกกักขังอยู่ด้วยมนตร์คาถามาเนิ่นนานหลุดออกจากพันธนาการไปเสียสิ้น กระแสพลังงานสีดำลอยละล่องขึ้นสู่อากาศแล้วหายวับไปอย่างรวดเร็ว

“มันเป็นใคร!” อาจารย์หนุ่มใหญ่ขบกรามเป็นสันนูน ดวงตาแดงก่ำ “ไอ้หนุ่มนั่นมันเป็นใคร ถึงกล้ามาท้าทายอำนาจข้า”

“เกิดอะไรขึ้นครับอาจารย์” หมึกถามด้วยท่าทางตระหนก ตลอดเวลาที่รับใช้อาจารย์มา ไม่เคยเห็นว่าจะมีใครขัดแข้งขัดขาอาจารย์ได้สักที

“ข้าไม่รู้” อาจารย์อ่วมแหงนมองตำแหน่งที่วิญญาณร้ายเพิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปเมื่อครู่ด้วยความเสียดายสมบัติตกทอด ซึ่งได้รับมาจากอาจารย์ในฐานะศิษย์เอก

“เราแพ้มันแล้วเหรอครับ”

“ไม่มีทาง ข้าไม่วันยอมแพ้มันหรอก” หนุ่มใหญ่กัดฟันกรอดๆ ก่อนออกคำสั่งกร้าว “มันทำของข้าพัง มันจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต ข้าไม่มีวันปล่อยให้มันลอยนวลไปได้เด็ดขาด”

“ใช่ พวกมันจะต้องชดใช้ให้กับอาจารย์อ่วม” หมึกย่นหน้า ทำท่าขู่

“เอาควายธนูมา!”

“ครับ” ลูกศิษย์รับคำหนักแน่น หันไปหยิบพานรูปปั้นควายทองที่ผสมเหล็กขนันผีพรายปลุกเสกขึ้นส่งมอบให้อาจารย์อย่างนอบน้อม

“เจ้าเทาลูกรัก จงออกไปกำจัดอริของพ่อให้มันพินาศ ใครกล้าลองดีกับข้า มันจะต้องได้รับจุดจบอย่างอนาถ” อาจารย์อ่วมพนมมือขึ้นร่ายคาถาเสียงดังก้อง “โอม...โอม โคโณ มหาโคโณ งัวถึกหลวง กรูมีเก้าพันหนอก สายหอก กรูมีเก้าพันวา ผีสังมาทางหลัง หื้อมรึงไล่ฆ่า ผีสังมาทางหน้า หื้อมรึงไล่ชน เอ้า….ชน…เจ้าธนู…..ชน!” พลันบังเกิดลำแสงสีเทาพุ่งออกจากรูปปั้นควายทองออกนอกหน้าต่างของสำนักไปอย่างรวดเร็ว




กรรณิการ์และเทวัญสาวเท้ายาวๆออกจากจุดเกิดเหตุอย่างเร่งรีบ หญิงสาวหันมองบ้านไม้ชั้นเดียวขนาดสองห้องนอนสองห้องน้ำ ปลูกห่างกันเป็นระยะ ทอดยาวไปจนสุดสายตา ซึ่งตั้งอยู่ในโซนซีของรีสอร์ท ในเวลานี้ห้องพักทุกห้องยังคงปิดไฟสนิท เสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ด้านนอกดังกระหึ่มท่ามกลางความเงียบสงบ

“โชคดีนะคะ ที่แขกหลับกันหมดแล้ว”

“ครับ ท่าทางจะหลับสบายซะด้วย ผมเห็นพวกเขาดื่มอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงกันไม่น้อยทีเดียว”

หญิงสาวชะงัก หยุดยืนกอดอกนิ่ง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคลือบแคลงสงสัย “ดูเหมือนคุณจะรู้ทุกเรื่องในรีสอร์ทนี้นะคะ”

ชายหนุ่มอมยิ้ม หันกลับมาจับจ้องดวงหน้างดงามอีกครั้ง “ไม่เอานะครับ อย่ามองผมอย่างนั้นสิ ผมไม่ใช่พ่อมดซะหน่อย แค่เป็นคนคนหนึ่งที่บังเอิญอยู่ถูกที่และถูกเวลาก็เท่านั้นเอง”

“ขอโทษนะคะ คุณเรียนรู้วิชาพวกนั้นมาจากไหนคะ”

“วิชาพวกนี้ตกทอดกันมาในตระกูลของผมครับ บรรพบุรุษของผมคนหนึ่งท่านนุ่งขาวถือศีลอยู่ในป่ามาก่อน สมัยนั้นท่านขึ้นชื่อว่าขมังเวทย์มาก แต่ทางเราเป็นไสยขาวจึงไม่ค่อยมีคนรู้จักกว้างขวาง ส่วนคุณทวดของผมเป็นน้องชายแท้ๆที่ได้ร่ำเรียนวิชาพวกนั้นมาจากท่าน แล้วเราก็ถ่ายทอดกันต่อมาเรื่อยๆ จนเหลือผมเป็นคนสุดท้าย แต่อย่างมากผมก็แค่ช่วยปัดเป่าภูติผีให้คนอื่นอย่างที่คุณเห็น ผมไม่ใช่พ่อมดนะครับ”

“ถึงคุณจะเป็นพ่อมดจริง ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดี ที่ช่วยพวกเราเอาไว้”

“ตกลงคุณยังไม่เชื่อว่าผมไม่ใช่พ่อมดเหรอครับ” ชายหนุ่มนิ่วหน้าอย่างผิดหวัง

หญิงสาวยิ้มอมภูมิ ก่อนออกเดิน ทว่ากลับชนเข้ากับปราการหนาที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า พลังความเย็นผลักกรรณิการ์ให้หงายหลังล้มลง

“เกิดอะไรขึ้นครับ” เทวัญนั่งลงประคองร่างบางเอาไว้ หญิงสาวยกมือขึ้นกอดตัวเองด้วยเนื้อตัวสั่นเทา

“มันเหมือนมีกำแพงอยู่ตรงนี้ค่ะ แต่มันเย็นมาก เย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งอีก”

เทวัญเอื้อมมือออกไปทดสอบช้าๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะสัมผัสถึงกำแพงสูญญากาศนั้น ชายหนุ่มก็ส่ายหน้า

“มนตร์กำแพงหมอกป่าอาถรรพ์” แล้วทอดถอนใจ สายตาฉายแสงกล้า “ตกลงไม่ยอมจบใช่มั้ย!”

“มันคืออะไรน่ะคุณ”

“คนที่ส่งผีมาทำลายรีสอร์ทเมื่อครู่ ขังเราเอาไว้ในกำแพงหมอกป่าอาถรรพ์”

“อะไรนะคะ” กรรณิการ์มีสีหน้าตระหนก เพราะเธอเพิ่งได้รับรู้ฤทธาของมันเมื่อครู่ ก่อนเหลียวมองรอบกาย พบหมอกสีขาวจำนวนมากปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณจริง “แล้วเราจะออกไปได้ยังไงคะ”

“ผมพอมีวิธี เราต้องเขียนยัณห์ทลายกำแพงนี้ออกไป” พูดจบเทวัญก็หลับตา ยกมือขึ้นพนมทันควัน พลันเสียงฝีเท้าหนักๆของสัตว์ตัวใหญ่ก็ดังขึ้น กรรณิการ์หันไปตามเสียงนั้น พบควายสีเทาดำตัวเขื่อง วิ่งออกมาจากชายป่า มันก้มหัวลงตั้งท่าจะใช้เขาทั้งสองข้างขวิดเหยื่อที่อยู่เบื้องหน้าอย่างดุดัน

“คุณเทวัญ ระวัง!” หญิงสาวดึงร่างสูงของชายหนุ่มซึ่งกำลังหลับตานิ่งให้ล้มลงมาทางฝั่งของเธอได้ก่อนที่ควายธนูตัวนั้นจะเข้าทำร้าย เจ้าควายปิศาจหายวับออกไปทางกำแพงตรงจุดที่กรรณิการ์เพิ่งชนเมื่อครู่

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” เจ้าของร่างสูงถามหญิงสาวที่นอนอยู่เบื้องล่างด้วยความเป็นกังวล กรรณิการ์ส่ายหน้า จริงๆก็รู้สึกจุกไม่ต่างไปจากถูกก้อนหินทับนักหรอก พลางค่อยลุกขึ้นไอโขลกๆ

“ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน คุณจะทำอะไรก็รีบๆเข้าเถอะค่ะ เดี๋ยวควายตัวนั้นมันก็กลับมาอีกหรอก”

ชายหนุ่มพยักหน้า ยกสายสร้อยขึ้นพนมมืออีกครั้ง แล้วขีดพื้นดินเป็นรูปแปดเหลี่ยมคล้ายยัณห์ แต่ยังไม่ทันจะสำเร็จดีกรรณิการ์มองเห็นเขาควายโผล่เข้ามาที่แนวกำแพงอีกครั้ง

“มันกลับมาแล้ว!” หญิงสาวร้องบอก

ชายหนุ่มพยายามเร่งมือให้เร็วขึ้น ควายธนูหลุดพรวดเข้ามาด้วยดวงตาแดงก่ำ มันพุ่งเข้าใส่เหยื่อทั้งสองคนทันทีที่พบหน้า กรรณิการ์ตัดสินใจในเสี้ยววินาทีนั้น หยิบก้อนหินบนพื้นขึ้นปาเข้าใส่หัวของมัน ควายปิศาจหันมายังเธอทันที หญิงสาวถือโอกาสนี้วิ่งล่อมันออกจากเทวัญเข้าไปในดงหมอกซึ่งเพิ่งกลับออกมาเมื่อครู่ เจ้าควายปิศาจไม่รอช้า วิ่งตามติดคู่อริไปอย่างกราดเกรี้ยว

“คุณกรรณ อย่าไป!” เทวัญร้องลั่น

“ฉันจะล่อมันไปอีกทาง” หญิงสาวกระหืดกระหอบ “คุณรีบทลายกำแพงหมอกให้ได้ ไม่ต้องห่วงฉัน”

เทวัญละล้าละลัง หันมองยันห์ที่เขียนค้างไว้บนพื้นดิน สลับกับภาพของหญิงสาวที่กำลังวิ่งนำหน้าควายธนูไป แล้วตัดสินใจวิ่งติดตามไปช่วยเธอตามคำสั่งของหัวใจ มากว่าเหตุผลมากมายซึ่งถูกประมวลด้วยสมอง

ควายธนูรุดไล่หลังหญิงสาวมาอย่างอุ้ยอ้าย เพราะความที่มันตัวใหญ่มาก การเคลื่อนที่ในดงต้นไม้ซึ่งขึ้นระเกะระกะริมชายป่าจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก กรรณิการ์ถือโอกาสนี้วิ่งลัดเลาะไปตามสุมทุมพุมไม้ แล้วปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เมื่อควายธนูวิ่งตามมาทัน เธอก็หัวเราะเยาะลั่น

“สมน้ำหน้า จ้างให้ก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ไอ้ควาย!”

เจ้าควายยักษ์คำรามลั่น พุ่งพรวดผ่านพุ่มไม้ใหญ่มาด้วยความดุดัน ก่อนใช้เขาพุ่งชนต้นไม้จนสั่นสะเทือน กรรณิการ์นึกได้ในนาทีนั้นทันที
แย่แล้ว ควายผีมันไม่มีวันเจ็บ ไม่มีเลือดออก แบบนี้มันก็คงจะชนจนกว่าต้นไม้จะล้มสินะ

หญิงสาวจับกิ่งไม้ที่สั่นไหวตามแรงสะเทือนแน่น อีกไม่นานเธอคงต้องหล่นลงไปแน่ๆ พลันสายตาคู่สวยเหลือบเห็นเทวัญย่องเข้ามายังเบื้องหลังควายธนูตัวนั้น ชายหนุ่มยกมือขึ้นจุ๊ปากไม่ให้เธอส่งเสียง ก่อนปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ๆมันอย่างระมัดระวัง

จังหวะที่ควายธนูถอยหลังออกมาเพื่อจะกลับเข้าไปพุ่งชนต้นไม้อีกครั้ง เทวัญกระโดดพรวดขึ้นไปอยู่บนหลังของมันได้สำเร็จ มือสองข้างกำเขาของมันเอาไว้แน่น พยายามจะแปะผ้ายัณห์เข้าที่กลางกระดูกหน้าผากของมันให้ได้

ควายธนูสะบัดหัวไล่สิ่งแปลกปลอมบนหลังอยู่สองสามที ชายหนุ่มก็สามารถทาบผ้ายัณต์กับหน้าผากของมัน แล้วบริกรรมคาถาจนกระดาษแผ่นเล็กนั้นหานวับลงไปในกระโหลกของควายปิศาจภายในพริบตา

ทว่าเฮือกสุดท้ายก่อนล้มลง เจ้าเทาทิ้งทวนด้วยการสะบัดร่างของเทวัญลอยละล่องไปชนกับต้นไม้โครมใหญ่ ทั้งควายธนูและชายหนุ่มแน่นิ่งลงไปพร้อมๆกัน

“คุณเทวัญ!” กรรณิการ์ปีนลงมาจากต้นไม้อย่างทุลักทุเล หญิงสาวแทบไม่สนใจว่าจะถูกครูดด้วยสิ่งใดบ้าง ก่อนประคองศีรษะของชายหนุ่มเอาไว้ เลือดอุ่นๆของเขาไหลรินมาจากหน้าผาก เปรอะมือของเธอ “คุณเป็นยังไงบ้าง ได้ยินฉันมั้ย”

ชายหนุ่มปรือตาขึ้นมอง เอ่ยเสียงพร่า “คุณกรรณ...” แล้วหมดสติลงไปอีกครั้ง




ปสพและกิ่งแก้วถูกตามตัวให้เข้ามายังภูไพรหมอกรีสอร์ทในเวลาเกือบตีห้า ทั้งสองคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนักที่รับรู้ว่าลูกสาวคนเดียวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนลูกน้องนับสิบคนกำลังนอนเป็นไข้หัวโกร๋นรวมกันอยู่ในห้องจัดเลี้ยง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้” กิ่งแก้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่ม

“ทะ ทั้งสิบคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นผี ผีออกมาจากป่าค่ะ” งามตารายงานตะกุกตะกัก

“แล้วยายกรรณล่ะ ยายกรรณไปไหน” ปสพขมวดคิ้วมุ่น

“ยะยังไม่กลับมาค่ะ ไม่รู้หายไปไหน”

“หากันดีหรือยัง” กิ่งแก้วซักไซ้

“ไม่มีใคร กะกล้าออกไปตามหาค่ะ” ผู้ช่วยผู้จัดการสาวก้มหน้างุด

“ว่าไงนะ...” ปสพขึ้นเสียงดังลั่น ก่อนเดินดุ่มออกไปยังรถจี๊ปของรีสอร์ทที่จอดอยู่หน้าอาคารต้อนรับด้วยความร้อนใจ

“พี่กำนัน รอฉันด้วย” กิ่งแก้วรีบวิ่งติดตามออกไป โดยมีงามตาและพนักงานวิ่งตามหลังไปอีกสองคน




เทวัญรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งท่ามกลางผืนป่ามืดทึบ หมอกสีขาวยังคงปกคลุมไปทั่วบริเวณ แสดงว่ามนตร์กำแพงหมอกป่าอาถรรพ์ยังคงไม่สลายไป เขายกมือขึ้นคลำบาดแผลบริเวณศีรษะ พบเศษผ้าพันอยู่รอบหน้าผากเพื่อปิดปากแผลและห้ามเลือดเอาไว้ บนร่างของเขามีผ้าพันคอผืนใหญ่ห่มคลุมอยู่ พลางสอดส่ายสายตามองหาหญิงสาวผู้ร่วมชะตากรรม

กรรณิการ์นั่งกอดอกพิงหลังกับต้นไม้ หลับตานิ่งอยู่เหนือศีรษะของเขานั่นเอง ชายหนุ่มค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง คลี่ผ้าพันคอผืนใหญ่ออก เตรียมจะห่มกลับคืนให้หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งนั่งตัวคู้ด้วยความเหน็บหนาวอยู่ตรงนั้น

เจ้าของใบหน้าคมคาย ระบายยิ้มอ่อนโยน ยามจับจ้องดวงหน้าหวานที่กำลังหลับใหล เพียงแค่เขาขยับกายเข้าไปใกล้ หญิงสาวซึ่งระวังตัวอยู่แล้วเป็นอย่างดีก็ลืมตาขึ้นทันที

ครั้นเห็นภาพของชายหนุ่มผู้กล้าหาญ กำลังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ กรรณิการ์ก็เบาใจลง “คุณเทวัญ... รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแทบแย่”

“ค่อยยังชั่วแล้วครับ ผม...จะเอาผ้าพันคอมาคืนให้” ชายหนุ่มเหลือบเห็นผ้าผืนนั้นมีรอยฉีกขาดที่ส่วนปลาย ก็ยิ้มเจื่อน “แต่คงคืนให้ไม่ครบ ขอยืมเศษผ้าผูกหัวเอาไว้แบบนี้ก่อนนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวกลั้วหัวเราะ “ไม่ต้องคืนให้ฉันหรอก แค่คุณไม่เป็นไรฉันก็ดีใจมากแล้ว”

“ผมไม่ยอมเป็นอะไรไปง่ายๆหรอกครับ” สองสายตาสบประสานกันมั่น “จนกว่าคุณจะปลอดภัย”

กรรณิการ์หลุบตาลงต่ำด้วยความรู้สึกแปลกๆ ก่อนแสร้งเฉไฉ “เราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงคะ”

“ถ้าพระอาทิตย์ขึ้น มนตร์นี้ก็จะสลายไปเองครับ แต่ทางที่ดีผมว่าเรากลับไปทำพิธีถอนมนตร์ตรงที่ผมเขียนยัณห์ค้างไว้ดีกว่า ขืนรอให้พระอาทิตย์ขึ้นมีหวังคุณเป็นปอดบวมก่อนแน่”

หญิงสาวเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะฟันกรามทั้งสองข้างของเธอกำลังกระทบกันกรุบกรับจนน่าละอาย

เทวัญเองก็คงรับรู้ได้จึงคลี่ผ้าพันคอออกคลุมรอบบ่าของหญิงสาวเอาไว้ให้ เขาประคองเธอลุกขึ้นยืนด้วยความเอาใจใส่ กรรณิการ์หันมองเจ้าของร่างสูงที่โอบรอบตัวเธอด้วยความรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย ทว่าปราการอบอุ่นที่ได้รับจากสัมผัสนี้ ช่วยขับไล่ไอเย็นยะเยือกของผืนป่าจนเธอไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาดีนี้ได้ลงคอ

เพียงไม่ถึงห้านาที สองหนุ่มสาวก็สามารถเดินทางกลับมาถึงจุดที่เทวัญเขียนยัณห์ทิ้งเอาไว้ได้

“ระวังนะครับ อย่าเคลื่อนที่ออกจากจุดนี้มาก เดี๋ยวจะชนกำแพงเข้าอีก”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย พลางกระชับผ้าพันคอรอบกาย นั่งเป็นกำลังใจให้ชายหนุ่มทำพิธีถอนมนตร์ดำนี้อย่างสงบ

“กรรณ ยายกรรณ” เสียงร้องเรียกของบุพการี ทำให้กรรณิการ์หูผึ่ง หญิงสาวลุกขึ้นยืน หันมองรอบกาย แต่ไม่พบแม้เงาเจ้าของเสียง ใช่แน่ ต้องเป็นเสียงพ่อกับแม่ของเธอแน่นอน

“พ่อขา แม่ขา กรรณอยู่นี่” หญิงสาวร้องหาบิดามารดาราวกับเด็กเล็ก

“ไม่มีใครได้ยินเราหรอกครับ” เทวัญจำต้องหันกลับมาปลอบใจ “รอสักครู่นะครับ ทางนี้ใกล้จะเรียบร้อยแล้ว”

กรรณิการ์จึงกลับลงไปนั่งสมาธิ ระลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ คุณครูบาอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยปกปักรักษา ส่งพลังให้กับเทวัญเพิ่มอีกแรง

ไม่นานเทวัญก็นั่งขัดสมาธิลงบนผืนดินที่ปรากฏเป็นลำแสงสีทองรูปยัณห์แปดเหลี่ยม ลำแสงนั้นลุกไล่หมอกสีขาวให้จางไปทีละนิด ก่อนที่ปราการน้ำแข็งจะหดหายราวกับถูกกลืนกิน

ปสพและกิ่งแก้ว หันกลับมาตามลำแสงนั้น พลันภาพของเทวัญกับกรรณิการ์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทีมค้นหา หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นซึ่งกำลังเคลื่อนที่มาแทนความเหน็บหนาว

“พ่อ! แม่!”

“กรรณ!” ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกวิ่งเข้าไปสวมกอดกันอย่างแนบแน่น

“ไม่เป็นไรใช่มั้ย ไม่เป็นไรนะ” กิ่งแก้วเขี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าลูกรักออก แล้วลูบไล้สำรวจตามแขนขา พบเพียงแค่ร่องรอยถลอกเล็กน้อยเท่านั้น

“กรรณไม่เป็นไรค่ะ โชคดีที่ได้คุณเทวัญช่วยเอาไว้”

“คุณเทวัญ?” สองสามีภรรยาหันมองตามตำแหน่งที่ลูกสาวชี้มือ พบชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาคมคาย ท่าทางสุภาพเรียบร้อย แม้จะมีสีหน้าอิดโรยแต่เขากลับส่งยิ้มอันเปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรีมาให้ ทั้งกำนันหนุ่มใหญ่และภรรยาสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกจริงใจนั้นได้ทันที

แล้วคำนายของท่านชีปะขาวที่มีต่อตระกูลบุปผาวงศาก็โลดแล่นมาวิ่งวนอยู่ในหัวของทั้งสองคน

‘พลังแห่งเทวาจะปกป้องให้พ้นภัย’

ฤาชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นเทวดา...ในคำทำนายนั้น




“เจ้าเทาลูกพ่อ!” อาจารย์อ่วมทุบหมัดลงบนโต๊ะเสียงดังสนั่น พลางจับจ้องรูปปั้นความยทองที่มีรอยไหม้เหนือหน้าผาก ดวงตาวาวโรจน์สีแดงดับแสงสนิท วิญญาณที่สิงสถิตย์อยู่ในรูปปั้นนั้นแหลกสลายลงอย่างไม่มีวันหวนคืน

“เจ้าเทาไม่เคยแพ้ใคร ทำไมถึงเป็นอย่างงนี้ได้ครับอาจารย์”

“ข้าประเมินมันผิดไปหน่อย ทั้งมนตร์หมอก ทั้งควายธนูทำอะไรมันไม่ได้สักอย่าง”

“ถ้าเราทำงานไม่สำเร็จ กำนันเพชรจะมาเอาเงินคืนมั้ยครับ”

“ไม่มีทาง!” ดวงตาคมกริบฉายแววอาฆาต “ข้าไม่มีทางยอมแพ้พวกมัน”

“แล้วอาจารย์จะทำยังไงต่อไปครับ”

“มนตร์ของพวกมันช่างคล้ายกับ...พระเวทย์ไสยขาวที่หายสาบสูญไปเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ไม่นึกว่าพวกมันจะยังมีทายาทสืบทอดวิชานี้อยู่”
“ร้อยกว่าปี...” ลูกศิษย์หนุ่มขมวดคิ้วใคร่รู้

“ใช่!” อาจารย์หนุ่มใหญ่ลูบเคราใช้ความคิด “อาจารย์ปู่ของข้านามว่าอ่ำ เคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนมีชีปะขาวผู้มากด้วยพลังวิเศษ ถือศีลอยู่ในอาศรมกลางป่า อาจารย์ปู่และสหายรักอีกสองคน นามว่าเฟื่องและฤทธิ์ ต่างเป็นลูกศิษย์เอกที่คอยปรนนิบัติดูแลอาจารย์ แลกกับวิชาอาคมที่ท่านถ่ายทอดให้ แต่ชีปะขาวผู้นี้กลับไม่ไว้วางใจลูกศิษย์คนไหน จนถึงขั้นที่จะถ่ายทอดเคล็ดลับสุดยอดวิชาให้ เพราะเกรงว่าจะเป็นภัยแก่มวลมนุษย์ ครั้นอาจารย์อ่ำเผลอใช้อาคมในทางที่ผิด ทำเสน่ห์ใส่หญิงสาวที่หมายปอง จึงถูกขับไล่ออกจากสำนักไปอย่างไม่ใยดี อาจารย์ปู่จึงหันไปศึกษาไสยดำอย่างเต็มตัวและแยกเส้นทางชีวิตออกจากคนพวกนั้นอย่างเด็ดขาด”

“แล้วสหายของอาจารย์ปู่ที่ชื่อเฟื่องกับฤทธิ์ มีใครได้รับการถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาหรือเปล่าครับ”

“อาจารย์ของข้าเองก็สุดรู้ รู้เพียงว่าทั้งสองคนได้เข้ารับราชการมียศเป็นขุนเสมอกัน แต่กลับมีเรื่องบาดหมางเพราะสตรี เหตุการณ์ลุกลามใหญ่โตจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันด้วยอาคม แต่เพราะขุนฤทธิ์ใช้อาคมในทางที่ผิด วิชาเหล่านั้นจึงย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองจนเสียชีวิต เมื่อกลายเป็นผีก็ยังไม่วายอาฆาตขุนเฟื่องและครอบครัว ท่านชีปะขาวจึงจับวิญญานนั้นขังในขวดแก้วอาคม แล้วถ่วงลงแม่น้ำนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา”

“แบบนี้ก็แสดงว่ายังมีทายาทท่านชีปะขาวที่อาจจะรู้เคล็ดลับวิชาหลงเหลืออยู่”

“ข้าก็คิดแบบนั้น”

“ไอ้หมึกผ่านมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ไม่เคยเห็นผู้ใดเสมอด้วยอาจารย์อ่วมคนนี้สักคน หมึกเชื่อว่าท่านต้องมีหนทางชนะพวกมันได้แน่”

“เอ็งพูดไม่ผิดหรอก ข้าต้องมีวิธีรับมือกับพวกมันแน่” อาจารย์หนุ่มใหญ่หรี่ตาลงครุ่นคิด แสยะยิ้มเย้ยหยัน “มันอาจจะถึงเวลาที่ข้าต้องปลุกวิญญาณขุนฤทธิ์ ผีในตำนานขึ้นมารับใช้รองมือรองเท้าข้าสักที”

“ปลุกวิญญาณขุนฤทธิ์?”

“ถูกแล้ว เพราะวิญญาณที่ส่งไปวันนี้ธรรมดาเกินไปถึงทำอะไรพวกมันไม่ได้ แต่ถ้าเป็นวิญญาณศิษย์สำนักเดียวกันกับมัน งานนี้สนุกแน่”

อาจารย์อ่วมส่งเสียงหัวเราะลั่นด้วยความพึงใจ พร้อมกับสั่งการให้ลูกศิษย์เตรียมเครื่องสังเวยบูชามากมาย พิธีกรรมนี้จะดำเนินการในคืนพระจันทร์สีเลือดที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้า

คราวนี้จะได้รู้กันว่ามนตร์ของใครเหนือกว่ากัน!


**************************


จบตอนจ้า หาเรื่องแล้วไหมล่ะอาจารย์อ่วม เป็นแกนี่เองที่ปลุกขุนฤทธ์ขึ้นมา ชะเอิงเอิ่งเอ้ย...

ตอนนี้มาแบบจินตนิยายสักหน่อย ไม่ค่อยได้ฮาเนาะ ตอนหน้าค่อยมาฮากันใหม่

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน คอมเม้นท์ และจิ้มชอบให้คะแนนน้า เยิฟซาเหมอ



พันธุ์แตงกวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ย. 2557, 07:12:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ย. 2557, 07:12:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 2514





<< บทที่ 4 : เทวดาผู้วิเศษ   
พันธุ์แตงกวา 20 พ.ย. 2557, 07:22:27 น.
ตอบคอมเม้นท์

คุณติ๊ก : หม่อมฉันออกจากวังมาเพื่อท่านโดยตรงเลยมังคะ ^^

น้องหนอน : คุณเทยังทำคะแนนอย่างต่อเนื่องตายแน่ตีตี๋ ตาย...

คุณแว่นใส : หลบหน่อยพระเอกมา จะเป็นตัวจริงมั้ยน้า ต้องรอดูกันยาวๆเน้อ ^^

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ : แหม้ ชี้ทางให้กันนี่แบบนี้ ลึกๆชีก็คงอยากเหมาอยู่ร้อก ไม่บอกก็รู้ แต่พอดีต้องรับบทนางเอก เลยควบไม่ได้อ่ะจิ นางเซ็ง

น้องหมี : คิดถึงคอเมดี้ของบลทเหมือนกันนะ เดี๋ยวรออ่าน แต่ให้รวิสมหวังก่อนนะเธอ ห้ามทิ้งขว้าง ว่าแต่แอบเดาว่าอัลไลรึ

คุณ Sukhumvit66 : เย้ๆๆๆ ค่อยเป็นค่อยไปนะค้า อย่าหักโหม ^^

คุณ Zephyr : ก๊ากกกกกกก พี่แกมาดูสถานที่ แต่พอดีผีมันเฮี้ยน แล้วอดคันไม้คันมือไม่ได้อ่ะนะ เลยต้องจัดให้โหน่ย ว่าแต่ใครจะเป็นเทวดาตัวจริงนี่ ต้องปล่อยให้พวกเขาเลือกกันเอาเองแล้วกาน คนเขียนไม่เกี่ยวเน้อ ซะงั้น^^


แว่นใส 20 พ.ย. 2557, 08:03:14 น.
เข้าเค้าที่จะเป็นพระเอกของเราเหลือเกิน


ดังปัณณ์ 20 พ.ย. 2557, 10:38:35 น.
โอ๊ะโอ เทวี่ หล่อนจิมาแย่งบทตีตี๋ไม่ได้นะยะ ตบตีๆๆๆ ลากเข้าห้อง เปิดทางให้ตีตี๋ 555+

หนอน-งอน-แล้ว! อัลไลอ่า ให้แต่บทเทวี่ ชริ! ตีตี๋ลูกแม้ รีบออกมานะลูก เทวี่โกยคะแนนนำไปนู่นแล้ว กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก เอาล่ะจิ อิผีขุนฤทธิ์จะคัมแบ็คแล้ว ว้าวๆๆๆๆ รอๆๆๆๆๆ โหยเจ้าเทาของอาจารย์ฤทธิ์หมดแรง สู้เทวี่ไม่ด้าย เทวี่เก่งจุงเบย อุแหม่...ว่าแต่ว่า

พ่อแม่ยายกรรณ มองเห็นแววลูกเขยในตัวเทวี่แล้วอ่ะจิ กร๊ากกกกกกกกกกกก

เจ่เจ้อ่า เจ่เจ้แกล้งตีตี๋ จำไว้!


กาซะลองพลัดถิ่น 20 พ.ย. 2557, 15:47:30 น.
อ่านไปลุ้นไป มีครบทุกรสเลย มีผีขุนฤทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อู้ววว...เทวา เอ้ย เทวัญจะบอบช้ำมากไหมเนี่ยะ เป็นห่วงพระเอกมาก ๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 20 พ.ย. 2557, 15:53:58 น.
อ่าวๆๆๆ ตกลง เทวดาประจำตัวคือพี่พรานไพรคนนี้เหรอเนี่ยยยย


tik 21 พ.ย. 2557, 10:56:09 น.
5555ชอบคาถาอ่ะค่ะไรเตอร์ เอ้ ยังไงค่ะ กรรณ ดูจะรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้เทวัญ แถมเข้าทางคำทำนายอีก แล้วจะเลือกใคร คุณธี ก็ดี รูปหล่อพ่อรวย มารยาท ชาติตระกูลดี เทวัญก็อบอุ่น ปลอดภัย น่าเลือกทั้งคู่ อิอิ


บุลินทร 21 พ.ย. 2557, 18:15:41 น.
ดูคนเขียนมีการชี้นำมากว่าเทวัญจะเป็นเทวดา แต่ว่าไม่เชื่อหรอก ฮ่าๆๆๆ ส่วนเรื่องที่เดาเดี๋ยวจะแอบไปบอกหลังไมค์นะ (รวิยังไม่ทิ้งแน่นอนครับ แต่ว่าเดือนนี้แทบไม่ได้เขียนเพิ่มเลย งานเยอะมาก TT)


Zephyr 1 ธ.ค. 2557, 20:39:37 น.
อะโห อีตาลุงอ่วมนี่เองปลุกผีร้าย
แต่นะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลุงจะโดนไม่ใช่น้อย
แค่ชื่อ นะ ชื่ออื่นมีเยอะแยะไม่เลือก เลือกอ่วม ก็
รออ่วมสมชื่อนะลุงนะ


ปลายสี 26 ธ.ค. 2557, 15:47:11 น.
ใช้เวลาอ่านคาถานานมากกกก อาจารย์ฝึกท่องนานไหมเนี่ย 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account