ซีรี่ส์บุปผาสันนิวาส <กรรณิการ์มนตรารัก>
รักร้ายในความคิดทำให้เธอวิ่งหนี แต่รักแท้จากเขากลับตามติด ทว่ามันมาพร้อมกับกลมนตรา ที่เขาต้องช่วยเธอสะสาง
Tags: ซีรี่ส์บุปผาสันนิวาส กรรณิการ์ ทานตะวัน จิรัสยา

ตอน: บทที่ 4 : เทวดาผู้วิเศษ



ในเวลาดึกสงัด ลึกเข้าไปในซอยเปลี่ยว มีเพียงหมู่แมกไม้ใหญ่สองข้างทางท่ามกลางความมืดมิด ตรงท้ายสุดของซอยนั้นเป็นบ้านทรงไทยสองชั้น ด้านล่างเป็นลานโล่ง ส่วนชั้นบนมีระเบียงกว้างทางปีกขวา เชื่อมต่อกับตัวเรือนอันเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศชั้นดี บานประตูและหน้าต่างปิดมิดชิด

ถ้าหากเป็นตอนกลางวันละก็ เรือนแห่งนี้จะคราคร่ำไปด้วยมีชาวบ้านทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่นั่งรวมตัวรอกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ถุนเรือนนับยี่สิบกว่าชีวิต รถกระบะโทรมๆซึ่งรับเหมาลูกค้ามาส่ง จอดเรียงรายเป็นแถวยาวไปจนถึงปากซอย เพราะที่นี่คือ ‘สำนักอาจารย์อ่วม’

เจ้าพ่อไสยดำท่านนี้ขึ้นชื่อว่าขมังเวทนัก ไม่ว่าจะเป็นการไล่ผีออกจากร่างมนุษย์ หาของหาย การทำนายทายทักอันแสนแม่นยำราวกับมีดวงตาที่สาม และยังสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่การแพทย์สมัยใหม่หาสาเหตุไม่ได้ให้หายลงอย่างอัศจรรย์

ใช่แล้ว ถ้าเป็นกลางวัน กำนันเพชรคงไม่กล้าเหยียบย่างมาที่นี่ เพราะหนุ่มใหญ่เคยมีความเห็นแย้งกับความเชื่องมงายของชาวบ้าน จนกระทั่งเข้าตาจน เกลียดใครสักคนจนไม่รู้จะทำเช่นไร ครั้นจะฆ่ามันให้ตายเสีย ใครๆก็รู้กันทั่วว่าเขาเป็นอริกับมันอยู่ ไม่แคล้วที่จะต้องถูกตำรวจจับตัวไปดำเนินคดีได้ในที่สุด

กระทั่งลูกน้องคนสนิทลองแนะนำหนทางนี้ และมันก็ได้ผลเกินคาดเหลือเกิน ศัตรูของเขากำลังมีอันเป็นไป โดยที่ตำรวจจะไม่มีหลักฐานแม้เท่าเส้นขนแมวมาดำเนินคดีกับเขาได้

“ฮู้ ฮ่าๆๆ เป็นยังไงล่ะกำนัน” ชายร่างท่วมวัยห้าสิบปลาย ที่นั่งหันหน้าไปทางหิ้งบูชา ค่อยๆหันกลับมาหลังจากเพิ่งปักธูปกลุ่มใหญ่ลงสู่กระถาง เผยให้เห็นหนวดเครารกรุงรัง ดวงตาคู่โตแดงก่ำ ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นอย่างพึงใจ “ว่ายังไง...”

“ผมยอมรับในตัวท่านแล้วครับ จะไม่โยกโย้ให้มากความอีกต่อไป” กำนันเพชรนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาศรัทธาเปี่ยมล้น

“เห็นฝีมือข้าแล้วสิ แจ้งแก่ใจแล้วใช่มั้ย”

“เต็มสองตาเลยครับ”

“เจ้าเห็นผีพวกนั้นด้วยรึ”

“เปล่าครับ ธูป...ธูปที่ท่านเพิ่งจุดเมื่อกี้ เต็มสองตาผมเลยครับ ถ้าท่านจะจุดธูป กรุณาช่วยปิดแอร์ แล้วเปิดหน้าต่างจะดีกว่านะครับ”

“จริงสิ ปกติไม่ค่อยมีคนมาหาตอนกลางคืน ข้าเลยไม่ชิน” หมอผีหนุ่มใหญ่ส่งสัญญาณให้ลูกศิษย์ทำตามคำร้องขอของลูกค้า

“ไอ้กำนันปสพมันเริ่มไม่สบายแล้ว ท่านทำยังไงครับ”

“นี่อย่างไรเล่า” อาจารย์อ่วมยกห่อตะปูลงอาคมขึ้นโชว์ “ข้าก็แค่นั่งอยู่ที่สำนัก แล้วส่งตะปูให้เข้าไปอยู่ในท้องมัน ส่วนเรื่องที่เจ้าว่ารีสอร์ทมันแย่งลูกค้าของเจ้าไป ข้าก็ส่งผีให้ไปหลอกลูกค้ามันเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เจ้าก็หมดคู่แข่งทั้งเรื่องการเมือง และเรื่องธุรกิจ เป็นไปตามข้อตกลงของเรา”

กำนันหนุ่มใหญ่รู้ได้ทันทีว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร จึงส่งซองสีขาวใส่พาน แล้วมอบให้ลูกศิษย์เอกก้นสำนัก “นี่ครับ เงินสดสองแสนบาทถ้วน”

อาจารย์อ่วมหูผึ่ง ตาโตขึ้นทันควัน “จริงๆเรื่องเงินมันเรื่องเล็กน่า แค่กำนันมีน้ำใจต่อฉันเล็กน้อยๆบ้างก็พอแล้ว ไอ้หมึกนับดูให้ดีๆซิว่าครบมั้ย” ก่อนหันมาส่งยิ้มประจบนักการเมืองท้องถิ่น

“แล้วเมื่อไหร่ไอ้ปสพมันจะตายครับ”

“ใจเย็นๆ ใครๆก็รู้ว่ากำนันกับกำนันปสพเป็นคู่อริกัน ถ้าปุ๊บปั๊บหมอนั่นเป็นอะไรไป ตำรวจจะสงสัยเอาได้ว่าเป็นฝีมือของคู่อริ กำนันจะวุ่นวายเสียเวลาเปล่าๆ ปล่อยให้มันป่วยออดๆแอดๆ จนญาติพี่น้องเริ่มทำใจได้ แล้วค่อยให้มันตายจะดีกว่า”

อาจารย์อ่วมกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เรื่องอะไรจะให้ตัวทำเงินทำทองตายไปง่ายๆ สู้เลี้ยงไข้เอาไว้หาเงินซื้อขนมเล่นอีกหน่อยจะดีกว่า

“แต่ถ้ามันตายช้า มันก็จะเป็นตัวขัดขวางไม่ให้โรงงานมาตั้งได้ ความเจริญที่จะเข้ามาในชุมชนของเราก็จะช้าตามไปด้วยนะครับ”

“เอาน่า ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตะปูอาคมที่อยู่ในท้อง จะทำให้มันจะป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีแรงไปสู้รบปรบมือกับใครได้หรอก กำนันสบายใจเถอะ”

“แล้วเรื่องรีสอร์ทของมันล่ะครับ”

“คืนนี้ข้าจะส่งผีตายโหงไปหลอกแขกของมันอีก”

กำนันเพชรยิ้มกระหยิ่มอย่างมาดหมาย ที่ได้รู้ว่าศัตรูคนสำคัญกำลังจะพบจุดจบในอีกไม่ช้า ทั้งสองคนขัดแย้งกันในเรื่องแย่งลูกค้าให้มาพักยังรีสอร์ทของตนมานาน ถึงแม้รีสอร์ททั้งสองจะตั้งอยู่คนละตำบล แต่กลับไม่ได้ห่างกันมากนัก เพราะต่างก็ตั้งอยู่บริเวณเส้นกั้นแบ่งระหว่างสองตำบลพอดิบพอดี

ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการเมืองท้องถิ่น กำนันปสพก็มักจะคอยขัดแข้งขัดขา ยามที่เขาจะอวดอ้างเอาหน้ากับนายอำเภออยู่เสมอ แถมยังพยายามเปิดโปงเรื่องที่เขาเป็นหัวคะแนนให้กับนักการเมืองคนสำคัญ และรับสินบนจากผู้มีอิทธิพลให้แสร้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ในการขนสินค้าผิดกฎหมายผ่านทางตำบลแว้งดาวอีกด้วย

ยิ่งในตอนนี้มีโรงงานผลิตเครื่องดื่มเกลือแร่และน้ำผลไม้บรรจุกล่อง กำลังทำโครงการสำรวจที่จะขยายธุรกิจมาตั้งตรงพื้นที่ระหว่างภูไพรหมอกและตำบลแว้งดาว โดยจะใช้ที่ดินถึง ๑๕๐ ไร่

แค่มีข่าวแว่วมา ราคาที่ดินก็ขึ้นพรวดพราดรอถึงสองเท่า กำนันเพชรมีที่ดินซึ่งรับจำนองมาจากชาวบ้านอยู่ในมือมากโข หากแสร้งทำให้มันหลุดจำนองเอาไว้มาเป็นของเขาเองโดยไม่มีใครมาขัดขวาง เงินจำนวนมหาศาลจากการขายที่ดินให้นักธุรกิจซึ่งจะมาก่อสร้างหอพักคนงาน และกิจการร้านค้ารอบๆโรงงานอุตสาหกรรม ก็จะไปไหนเสีย




กรรณิการ์ขับรถมาถึงภูไพรหมอกรีสอร์ทในตอนเย็น หลังจากเมื่อเช้าหญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดศีรษะอย่างมาก จนต้องกินยา แล้วนอนหลับต่อจนถึงเที่ยง จึงค่อยลุกขึ้นมาได้ ส่วนทานตะวันออกไปทำงานแล้วตั้งแต่เช้า

ในตอนบ่ายหญิงสาวแวะซื้อขนมกระหรี่พั๊พเจ้าโปรดของจิรัสยา แล้วเอาไปส่งให้ที่บ้านสวนพิกุลสาขาสอง อยู่พูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขกันครู่ใหญ่ ถึงได้รู้ข่าวรีสอร์ทของตนเองถูกลูกค้าขอเงินเพราะมีผีอาละวาด ข่าวนี้พิกุลเป็นคนกระจายไปสู่หมู่ญาติตั้งแต่เช้าตรู่ กรรณิการ์จึงรีบขอตัวกลับออกมา

กรรณิการ์เดินตรงเข้าไปยังห้องล็อบบี้ของรีสอร์ท เห็นบิดามีสีหน้าหมองคล้ำนั่งกุมท้องอยู่บนเก้าอี้ ส่วนมารดากำลังสั่งการบางอย่างอยู่กับงามตาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“พ่อ แม่ กรรณกลับมาแล้วค่ะ”

ปสพมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นทันควัน ก่อนหัวเราะเยาะลูกสาวอย่างอารมณ์ดี “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”

“หนูวันคงรายงานหมดแล้วสิคะเนี่ย” หญิงสาวออกอาการกระเง้ากระงอด แต่จู่ๆหนุ่มใหญ่ก็ไอโขลกๆ เกาะกุมท้องแน่น “พ่อยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอคะ”

“มันเป็นๆหายๆน่ะ”

“ใช่จ้ะ ไปหาหมอทีไร อาการพวกนี้ก็หายไปทุกที” กิ่งแก้วเสริมขึ้น

“แปลกจังเลยค่ะ” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น “แล้วเรื่องเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นคะ มีใครเล่นตลกอะไรกับเราหรือเปล่า เห็นจาวเล่าให้ฟังว่ามีลูกค้ามาขอเงินคืน”

“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ” กิ่งแก้วทอดถอนใจ “คืนนี้เราจะเฝ้าระวังกันอีกครั้ง ถ้ามีใครคิดไม่ดีกับเราละก็ แม่จะจับส่งตำรวจให้หมดเลย ลูกค้าจะได้เข้าใจว่าไม่ใช่ผี แต่มีคนแกล้ง”

“มันจะต้องเป็นคนของไอ้กำนันเพชรแน่ๆ” ปสพกำหมัดแน่น “หน็อย ทำอะไรพ่อไม่ได้ ส่งคนมาทำผีหลอกซะอย่างนั้น จับได้เมื่อไหร่ละน่าดู”

“พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวเรื่องนี้กรรณจัดการเอง พ่อกำลังไม่สบายอยู่พักผ่อนให้เยอะๆดีกว่า อีกย่างถ้าพ่อพัก แม่ก็จะได้พักด้วยไงคะ”

“คร้าบ” ปสพรับคำอย่างเสียไม่ได้ ทว่ากลับหันไปสบตากับภรรยาด้วยแววตาเปี่ยมสุข หัวอกของพ่อกับแม่่จะมีความสุขใดเท่ามีลูกหลานมาอยู่ใกล้ๆให้คลายเหงา

“โถ ลูกรักของแม่” กิ่งแก้วจุ๊บลงบนกระหม่อมลูกสาวอย่างแสนรัก “แน่ใจเหรอว่าไหว”

“แน่ใจสิคะ มืออาชีพอย่างกรรณิการ์จัดการได้ทั้งนั้น เชื่อเถอะค่ะ เรามีคนงานตั้งเยอะตั้งแยะ ไอ้เรื่องจับผีกำมะลอนี่ ถ้าไม่ใช่หน้าที่ของกรรณผู้เห็นผี ก็ไม่รู้จะเป็นหน้าที่ของใครแล้วค่ะ”

หญิงสาวใช้นิ้วโป้งปาดจมูก ทำท่าคุยโว จนลืมสังเกตเห็นว่า กำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาคู่หนึ่งที่หลบอยู่หลังหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ เป็นสายตาของชายหนุ่มหน้าตาคมคาย สวมเสื้อเชิ้ตสีครีมทับกับกางยีนสีเข้ม เขานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารฝั่งตรงข้ามกับล็อบบี้

ตั้งแต่ที่เธอปรากฎกายลงมาจากรถสีดำคันนั้น ด้วยชุดกางเกงยีนเข้ารูปและเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพอดีตัว คล้องผ้าพันคอผืนบางสีน้ำตาลเอาไว้หลวมๆ สวมรองเท้าบู๊ทสีน้ำตาลเข้ม ก้าวเดินเข้ามาอย่างวามสง่าบนพื้นอิฐตัวหนอน ก็ทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากเธอลงได้

เจ้าของริมฝีปากแดงเป็นกระจับยกยิ้ม ใบหน้าขาวจัดแดงระเรื่อเพราะความขบขันยามได้ยินหญิงสาวสนทนากับบุพการี เขายกกาแฟหอมกรุ่นขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสุขุมเยือกเย็น ดวงตาสีนิลภายใต้คิ้วหนาทอดมองภาพตรงหน้าอย่างชื่นชม ยิ่งเธอออกตัวว่ามีความสามารถมองเห็นผีด้วยแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่

เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเขารู้ดีว่าอาการที่เกิดขึ้นกับปสพนั้น เกิดจากสาเหตุอะไร และชายหนุ่มสามารถถอนคุณไสยนั้นออกให้ได้ ถ้าเจ้าตัวยินยอมให้ความร่วมมือ

ทว่าจู่ๆจะเดินเข้าไปบอกตรงๆอย่างนั้น ก็เกรงจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเสียสติ เขาจึงต้องคอยดูสถานการณ์ไปก่อน

“คุณเทวัญครับ” หนึ่งในลูกน้องของทีมสำรวจ เพื่อทำรายงานเสนอข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมต่อกรรมการบริหารโรงงาน เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจเลือกทำเลก่อตั้งโรงงานใหม่ โดยพวกเขาแฝงตัวมาเก็บข้อมูลอย่างลับๆในวันนี้เป็นวันแรก ภายใต้การนำของเทวัญ
บริษัทที่เขาเลือกทำงานอยู่แห่งนี้เป็นองค์กรผลิตน้ำผลไม้ ซึ่งดำเนินกิจการบนพื้นฐานของความชอบธรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีวิสัยทัศน์ที่จะนำสุขภาวะที่ดีสู่สังคม ดั่งผลิตภันฑ์เพื่อสุขภาพซึ่งผลิตออกมาจำหน่ายในท้องตลาด

ทำเลที่ตั้งระหว่างตำบลแว้งดาวและภูไพรหมอก อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำจากธรรมชาติ และอยู่ท่ามกลางพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งจะสามารถจัดส่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพเข้าสู่กระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถรักษาคุณค่าทางโภชนาการได้มาก สถานที่นี้จึงเป็นจุดหมายตาอันดับต้นๆในการขยายกิจการครั้งนี้

ผู้ช่วยหนุ่มทั้งสองคนกำลังยืนส่งยิ้มประจบ “วันนี้เสร็จงานแล้ว แฮ่ๆ พวกเราขอตัวไปพักก่อนนะครับ”

“ไปเถอะ” ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี เพราะเข้าใจหัวอกของลูกน้องได้เป็นอย่างดี กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นหัวทีมได้ ก็เคยผ่านการเป็นลูกน้องมาก่อน “ไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเถอะ เดี๋ยวผมนั่งกินลมอีกสักพักก็จะกลับเข้าไปแล้วละ”

“ขอบคุณครับ” สิ้นคำสองหนุ่มน้อยก็วิ่งแจ้นออกไปอย่างรวดเร็ว กรรณิการ์หันมองเสียงโครมครามนั้นด้วยความสนใจ พลันสายตาของเธอสบประสานเข้ากับสายตาของเทวัญพอดี ชายหนุ่มพยักหน้าทักทายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น หญิงสาวยิ้มตอบกลับเล็กน้อยตามมารยาท ก่อนหันไปสนทนากับบุพการีเช่นเดิม ไม่ได้ติดตาต้องใจอะไรนัก ก็แค่แขกที่มาพักคนหนึ่ง มากับลูกเมียด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้...




ค่ำคืนแห่งการปิดประตูตีแมว กรรณิการ์และลูกทีมนับสิบชีวิตลงทุนใช้ก้นหม้อทาหน้าอำพรางตัว กระจายกำลังพล ก้มๆเงยๆอยู่แถวพุ่มไม้หลังบ้านพักโซนซี ซึ่งอยู่ติดกับริมชายป่ามากที่สุด

‘วิชาญ’ ผู้จัดการหนุ่มร่างใหญ่ มีกล้ามแขนเป็นมัดแข็งแรง สวมเสื้อคอโปโลสะอาดสะอ้าน นุ่งกางเกงสแลคแลดูภูมิฐานชวนให้หันหลังมอง แต่พนักงานทุกคนต่างรู้ดีว่าถ้ามองทะลุรูปทองของ ‘เฮียชาญ’ จะพบเงาเงาะของ ‘เจ้วิ’ ระริกระรี้อยู่ในนั้น สลับขั้วกันกับเรื่องเงาะป่าอย่างสิ้นเชิง ผู้จัดการหนุ่มถามขึ้นในระหว่างนั่งคุกเข่าหนีบขา ตบยุงเปาะแปะ

“คุณกรรณแน่ใจเหรอครับว่าวิธีนี้จะได้ผล”

หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยยามหันไปประสบใบหน้าเปื้อนเขม่า และดวงตากลมโตคู่นั้นในความมืด ก่อนพยักหน้าแข็งขัน

“วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์ใหญ่มาลง ฉันมั่นใจว่าพวกมันต้องย่ามใจเข้ามาสร้างสถานการณ์อีกแน่ๆ ทุกคนรอดูสัญญาณจากฉันให้ดีนะ ถ้าพวกมันโผล่ออกมาเมื่อไหร่ เราจะยิงแบบไม่ยั้ง แล้วเข้าไปตะครุบจับตัวมันมาให้ได้ คราวนี้ละจะได้รู้ซะทีว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้ทั้งหมด”

“ถึงกับต้องยิงกันเลยเหรอครับ”

“ใช่สิ ใครอยากร้ายมาก่อน เราก็ต้องตอบสนองความร้ายกาจนั้นให้สาสม” กรรณิการ์ยกหนังสติ๊กขึ้นทำท่าเล็ง ทดสอบฝีมือแบบเบาะๆ
ลูกทีมทุกคนต่างพยักพเยิดด้วยความเชื่อมั่น ตอนนี้ก็แค่รอ...รอเวลาที่จะจัดการกับพวกมันให้เด็ดขาด!

ทว่าจากสี่ทุ่มล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน เสี้ยวเล็กๆของดวงจันทร์ที่ปรากฏอยู่เหนือท้องฟ้าเคลื่อนคล้อยย้อยไปยังอีกด้านหนึ่งพร้อมๆกับเข็มนาฬิกาล่วงเข้าสู่เวลาตีสอง กองทัพผู้ล่าวิญญาณเถื่อนต่างนอนกองทับกันอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ต่างจากดงเห็ดที่ขึ้นเกยซ้อนทับกันในหน้าฝน
กรรณิการ์ได้สติอีกครั้ง ก็เมื่อเสียงของแมลงที่เคยร้องระงมอยู่ในป่าเงียบสงัดลงอย่างพร้อมเพรียง ราวกับจะส่งสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาสู่บริเวณนี้

ความหนาวเย็นยะเยือกค่อยๆแผ่ปกคลุมพื้นที่โดยรอบ สายลมเย็นสบายเมื่อครู่สงบนิ่งจนใบไม้แทบไม่กระดิก หมอกสีขาวจางๆกำลังขยายวงกว้างออกมาจากริมชายป่า เสียงฝีเท้าเหยียบใบไม้ดังแห้งดังสวบสาบค่อยๆชัดเจนมากขึ้นทุกที

หญิงสาวสะกิดผู้ช่วยหนุ่มอย่างรวดเร็ว การกระตุ้นให้ฟื้นจากนิทราส่งต่อกันไปเป็นทอดๆด้วยความตื่นเต้นของผู้ที่ลืมตาขึ้นมาเห็นสถานการณ์สดๆในเวลานี้อย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น ร่างคล้ายๆมนุษย์นับสิบชีวิต ที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น บ้างมีสีหน้าเผือดซีด บ้างมีแผลเหวอะหวะตามใบหน้าและเนื้อตัว กำลังทยอยเดินโคลงเคลงออกมาจากชายป่า ถ้าหากว่าพวกมันเป็นมนุษย์ปลอมตัวมา ก็นับได้ว่าคอสตูมของมันสมจริงและเหนือชั้นมากเลยทีเดียว
มิหนำซ้ำหญิงสาวคลับคล้ายว่าจะได้กลิ่นสาบ และกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายกับมีซากสัตว์ตายอยู่บริเวณนั้นจำนวนมาก ความรู้สึกบางอย่างพุ่งขึ้นมาสะกิดใจด้วยสัญชาตญาณ แต่เธอก็ไม่แน่ใจนัก ว่าใช่ หรือไม่ใช่

เพราะถึงแม้กรรณิการ์จะมีความสามารถในการมองเห็นผี แต่ถ้ามีคนปลอมเป็นผี หรือผีตั้งใจมาหลอกคน ทุกคนก็จะมองเห็นเหมือนกันหมด ทฤษฎีมองเห็นผีจึงต้องตกไป

หญิงสาวยกแขนที่มีเส้นขนอ่อนตั้งชูชันให้สัญญาณมือ แทนความหมายของการเตรียมพร้อม หนังสติ๊กทั้งสิบอันถูกง้างออกสุดแขน เล็งเข้าใส่เป้าหมายที่กำลังเดินงุ่มง่ามออกมาจากชายป่าอย่างพร้อมเพรียง เมื่อได้ระยะหวังผล

“ยิง!” ลูกกระสุนดินเหนียวทั้งสิบลูกพุ่งเข้าสู่เหยื่ออย่างแม่นยำ ลูกแล้วลูกเล่า

พลันสิ่งที่ทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตา กลับไม่ใช่เสียงร้องโอดโอย ล้มคว่ำ เพื่อให้ทีมงานสามารถเข้าไปตะครุบจับตัวเอาไว้ดังแผนการณ์
แต่ก้อนหินเหล่านั้นบ้างทะลุผ่านเนื้อตัวอันเปื่อยยุ่ยไปข้างหลัง ส่วนอันที่โดนต้นเขน ก็ทำให้แขนหลุดออกจากร่างกาย ตกลงไปสู่พื้น และที่หนักกว่านั้นเป้าหมายบางราย ศีรษะหลุดออกจากคอ กลิ้งหลุนๆไปกับพื้นหน้าตาเฉย เมื่อชัดเจนทั้งเสียงและภาพจนแน่แก่ใจเช่นนี้

“ผี! ผีหลอก” ผู้จัดการหนุ่มร้องกรี๊ด สะบัดแขนขาเล่าๆด้วยความสยดสยอง ก่อนออกวิ่งนำหน้าลูกน้องไปจากบริเวณนั้นทันที

เด็กหนุ่มนับสิบชีวิตไม่รอช้า สวมวิญญาณนักวิ่งลมกรดทีมชาติ ทุบสติความเร็วการแข่งขันโอลิมปิกครั้งล่าสุดแบบไม่รู้ตัว ทยานออกจากจุดเกิดเหตุไปอย่างจ้าละหวั่น

กรรณิการ์ยืนมองภาพกองทัพผีตายโหงที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาในรีสอร์ทด้วยความขนผองสยองเกล้า ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยเห็นผีแปลกประหลาด ฝ่าด่านคุณตากับคุณยายเจ้าที่ผู้อยู่ในศาลเรือนไทยสี่เสา และท่านพระภูมิผู้ปกปักรักษาภูไพรหมอกรีสอร์ทที่สถิตอยู่ในศาลพระภูมิบุกเข้ามาในนี้ได้มาก่อน

เห็นทีว่าท่านเจ้าที่และพระภูมิคงจะตกที่นั่งลำบากแล้วสิ ผีพวกนี้ถึงเข้ามาได้ กรรณิการ์ก้าวถอยหลังช้าๆ คิดใคร่ครวญหาทางออก ขนาดท่านเป็นเทวดาและผีซึ่งมีฤทธิ์ยังสู้ไม่ได้ แล้วเราล่ะเป็นใครกัน

คิดได้ดังนั้น หญิงสาวกลับหลังหันทันที จะช้าอยู่ใย ถ้าไม่ชอบตรงนี้ก็ไปหาที่ชอบใหม่จะดีกว่า

โครม! ร่างบางปะทะเข้ากับร่างแข็งแกร่งของชายคนหนึ่ง จนเกือบเสียหลักล้มลงไป เขารีบคว้าตัวเธอไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรง ร่างสูงโน้มลงตามแรงโน้มถ่วง จนปลายจมูกโด่งสัมผัสกับปลายจมูกของเธอ ดวงตาสีนิลทอดมองลงมาอย่างอ่อนโยนราวกับมีคำปลุกปลอบมากมายซ่อนอยู่ในนั้น ลมหายใจอุ่นๆของเขารินรดลมหายใจของเธอจนดวงหน้าสะสวยร้อนผ่าว

“คุณ...” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่ว ริมฝีปากแห้งผาก ชายหนุ่มรีบหยัดกายยืดตรง ค่อยๆปล่อยเธอออกจากวงแขนรัดรึง “ฉันเคยเห็นคุณมาก่อนใช่มั้ยคะ”

“ครับ ที่ล็อบบี้เมื่อตอนบ่ายนี้เอง” เทวัญตอบเสียงนุ่ม

“อ๋อ” กรรณิการ์พยักหน้ารับรู้ ก่อนละล่ำละลักบอกลูกค้าหนุ่ม “รีบหนีไปจากตรงนี้ก่อนเถอะค่ะ ที่นี่มันอันตราย”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

“หา” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น “อะไรนะคะ คุณจะจัดการกับ...”

ชายหนุ่มไม่พูดมาก เขาส่งยิ้มอบอุ่นตอบกลับ แล้วยกมือขึ้นพนม หลับตาลงรวบรวมสมาธิอย่างสุขุม พลันกรรณิการ์สังเกตเห็นประกายบางเบาของลำแสงสีขาวค่อยๆก่อตัวขึ้นตรงปลายนิ้วทั้งสิบของเทวัญ แล้วทอแสงเป็นวงกว้างตรงไปยังผีตายโหงกลุ่มนั้นอย่างช้าๆ

ความเย็นชุ่มฉ่ำของลำแสงทำให้พวกมันหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ลำแสงสีขาวค่อยๆชะโลมลงสู่เรือนร่างของผีตายโหงจากศีรษะลงสู่ปลายเท้า ทว่าจู่ๆกลับมีลำแสงสีแดงเข้มจากหน้าผากของผีร้ายพุ่งออกมาทำลายลำแสงสีขาวให้เหือดหายไป ผีกลุ่มนั้นเหมือนถูกสะกดให้เดินดุ่มกลับเข้ามาหาเป้าหมายอีกครั้งหนึ่ง

“พวกนี้ไม่ใช่ผีป่าธรรมดา แต่เป็นผีที่โดนใบสั่งให้มาทำลายที่นี่ การแผ่เมตตาของผมจึงไม่ได้ผล” เทวัญเอ่ยเสียงทุ้ม กรรณิการ์หันมองผีตายโหงที่เข้ามาใกล้มากขึ้นทุกขณะ แล้วออกความเห็น

“งั้นเรารีบหนีกันเถอะค่ะ”

“หนียังไงก็ไม่พ้น ทางเดียวที่ทุกคนจะปลอดภัย คือต้องทำให้ผีพวกนี้ถอนทัพออกไปให้ได้”

“คุณมีวิธีเหรอคะ”

“จริงๆผมไม่อยากเบียดเบียนพวกเขา แต่ถ้าเขารุกรานความเป็นอยู่ของมนุษย์” ชายหนุ่มสบประสานดวงตาหวานที่กำลังฉายแววประหวั่นพรั่นพรึง “และเข้ามาเพื่อจะทำร้ายคุณกับครอบครัว ผมคงวางเฉยในเรื่องนี้ไม่ได้”

“คุณ...” หญิงสาวทอดสายตามองชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งทึ่ง ซาบซึ้งในน้ำใจไมตรีของเขาที่มีให้กับคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นความประทับใจ

เทวัญถอดสายสร้อยที่แขวนคออยู่มาพนมไว้ในอุ้งมือและหลับตาลงอีกครั้ง หนนี้ปรากฏเป็นลำแสงสีทองพวยพุ่งออกจากกระพุ่มมือนั้น ตรงไปยังเหล่าผีร้าย พวกมันชักดิ้นทุรนทุรายทันทีที่ลำแสงสัมผัสเรือนกาย ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนชวนสยองเกล้า ก่อนจะค่อยๆถอยหลังกลับเข้าไปในชายป่าด้วยอาการล้มลุกคลุกคลาน กระทั่งไม่เหลือร่องรอยของผีร้ายให้เห็นอีกต่อไป

“คุณทำได้แล้ว คุณทำได้ ไปให้หมดเลยนะ ไป! ชิ้วๆ” กรรณิการ์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอย่างลืมตัว พลางหันมาพบรอยยิ้มละไม
ของฮีโร่คนเก่ง ที่กำลังมองมาด้วยความขบขัน “เอ่อ...ขอโทษค่ะฉันดีใจมากไปหน่อย ขอบคุณมากนะคะที่...ช่วยภูไพรหมอกรีสอร์ทเอาไว้”

“ด้วยความยินดีครับ ผม...เทวัญ” ชายหนุ่มส่งมือรอรับสัมผัส “ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...กรรณอย่างเป็นทางการนะครับ”

“คุณรู้จักฉันแล้วเหรอคะ”

“ไม่มีใครในรีสอร์ทนี้ไม่รู้จักคุณครับ”

หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนเขาจะรู้จักเธอดีเกินกว่าเหตุหรือเปล่า หากส่งมือกลับไปสัมผัสกับฝ่ามืออบอุ่นและแข็งแรงของฮีโร่ด้วยรอยยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณ...เทวัญ”



*************************

จบตอนจ้ายังไม่ทันได้ออกจากวังเลย แต่แวะมาส่งนิยายซะก่อน

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน กดไลค์ และคอมเม้นท์นะคะ เยิฟๆคร้า



พันธุ์แตงกวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2557, 08:36:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ย. 2557, 08:36:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1913





<< บทที่ 3 : ซินเดอร์เรลลา   บทที่ 5 : มนตร์หมอกพรางป่า >>
พันธุ์แตงกวา 17 พ.ย. 2557, 08:47:15 น.
ตอบคอมเม้นท์

คุณ Tik : มาแย้วๆ มาส่งแย้ว ^^ เอ่อยังอุตส่าห์จำได้น้อ แหมๆมีมาแซว 555555

คุณแว่นใส : ถามหาเทวดา เทวดาก็มาเลยคร้า ปิ๊ง!!!

หนองหนอน : มีเทวดามาอีกคน ตีตี้ของหนอนจะสู้เขาไหวมั้ยเนี่ย

คุณ Zephyr : อ๊ะแน่ะ เก็บกลับมา มาเจอกับอีกคน แล้วจะยังไงกันละพ่อคุณแม่คุณ ชุลมุนกันทั้งผีทั้งคนกันละงานนี้ ส่วนหนูวันมาเต็มๆแบบเวอร์ชั่นปลายสีเมื่อไหร่ รับประกันความฮาแบบกรามค้างแน่นอนค่ะ

น้องหมี : เฉลยแล้วว่ามีผีจริงมั้ย แบบนี้ต้องไปจัดการอาจารย์อ่วมให้อ่วมไปเล้ย ฮู้ฮ่าๆๆๆ

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ : นางซินนนนออกจากปราสาทของเจ้าชาย มาเจอเทวดาเข้าแล้ว ทีนี้นางยังไม่รู้จะเป็นนางเอกเรื่องไหนดีเบย ^^


tik 17 พ.ย. 2557, 10:41:58 น.
555+ ขำ ๆ อยู่ในความมืดต้องพรางหน้ากันด้วย
ตกลงว่าใครเป็นพระเอกอ่ะค่ะไรเตอร์ คุณธีร์ ก็เคมีเข้ากันได้ คุณเท ก็สุขุมนุ่มลึก ฮีโร่ ขนาดนั้นอ่ะ โอ้ย พฤหัสนี้จะได้อ่านเปล่าค่ะ รบกวนออกมาจากวังก่อนนะค่ะ


ดังปัณณ์ 17 พ.ย. 2557, 12:48:25 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ตีตี๋จะสู้ได้เหรอออออออออออออออออ ม่ายทำไมหนุ่มนี้ออกมากระชากใจแถมยังเป็นฮีโร่แบบนี้อีกเนี่ย โน้วววววววววววววววววววววววววววววววววว 555+

เจ่เจ้ หนุ่มใหม่กระชากใจ แถมยังชื่อเทวัญอี้ก แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ตีตี๋สู้เขานะลูก อิตานี่ขโมยซีนหนูไปหมดแย้ววววววววว ให้ตาย เป็นกรรณเลือกไม่ถูกนะนี่ อิๆ


แว่นใส 17 พ.ย. 2557, 17:31:51 น.
พระเอกจริง ๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 17 พ.ย. 2557, 20:10:15 น.
อ๊าวๆๆๆๆ ใครละนั่น เทวดาตัวจริงของกันนี่
แบบนี้ ควบสองเลยม้ายยยยย ฮิ้วๆๆๆๆๆ


บุลินทร 18 พ.ย. 2557, 21:03:58 น.
อาจารย์อ่วม ก๊าก ทำไมชื่ออาจารย์เหมือนลางไม่ดี โดนอ่วมหรือ ช่วงนี้บลท.มีแต่นิยายดราม่า พอมาอ่านเรื่องนี้แล้วขำต่อเนื่องทุกมุกเลย เดี๋ยวถ้าอารมณ์คอมเมดี้กลับมาจะมาเขียนฮาๆบ้าง จ๊าก แต่ฉากท้ายๆนี่ทั้งฮาทั้งสยองนะ โดนยิงแขนหลุด มีพระเอกโผล่มาอีกคนหรือนี่ แอบเดาบางอย่างไว้ในใจก่อนดีกว่า เดี๋ยวรอดูว่าจะถูกมั้ย


Sukhumvit66 18 พ.ย. 2557, 22:11:22 น.
มาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ ต้องไปไล่ตามอ่านก่อนล่ะ..


Zephyr 19 พ.ย. 2557, 16:11:33 น.
อ้าว โห เปิดตัวอย่างพระเอกเลย 555
แหม เทวัญ ธีร์เทพ เทวดาทั้งคู่ ใครดีน้าาาา
แต่ เค้าให้พี่มาดูสถานที่ พี่มาไล่ผีซะงั้น


ปลายสี 26 ธ.ค. 2557, 15:42:13 น.
เอ๊ยยยยย เทวัญแย่งซีนธีร์เทพซะแล้วววว เชียร์ใครดีล่ะ 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account