ร่มไม้ สายน้ำ ความรัก (หัวใจ...แอบรัก)
ภารกิจรักกลับมาใหม่ ครั้งนี้นอกจากคุณนายจันทราจะพาพี่บอมกับพี่บันบันมาป่วนแล้วยังพ่วงเจ้าดัลเมเชี่ยนลายจุด เข้ามาสกัดจุดหัวใจให้พี่ใหญ่ได้สมหวัง
หัวใจ...แอบรัก รักลุ้นๆของมดแดงที่เอาแต่แฝงตัวอยู่หลังใบมะม่วง งานนี้นอกจากลุ้นยังต้องวุ่นปนป่วนฮากับวาจาจิกกัด ผสมกับท่านพี่ที่ขนดีกรีเกินพี่หมามาช่วยกัน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๐

ตอนที่ ๑๐

คนที่กำลังนั่งคุยงานกับปราชญ์อยู่หันไปมองเมื่อแขนถูกสะกิดเบาๆก่อนจะก้มลงมองเวลาที่ข้อมืออีกสิบนาทีเที่ยง...ปริตรลืมไปเลยว่าตนเองได้รับคำสั่งให้ดูแลพี่บอมกับบันบันเพราะเมื่อเช้าหลังจากส่งปูนแป้งที่โรงพยาบาลแล้วเขาก็แวะไปส่งคุณจันทราที่บ้านญาติ

“ดูพี่ๆเขาให้กินข้าวตรงเวลาด้วยเดี๋ยวพี่เขาจะไม่สบาย”

คุณจันทราย้ำตอนที่ลงจากรถแล้วหลังจากนั้นไม่นานก็โทรมาบอกว่าจะค้างบ้านญาติสักคืน

“ไม่ด้องห่วงหรอก พี่เขากินง่าย ไม่ต้องหรูไม่ต้องแพง คาวงคาเวียร์ไม่ต้องหามานะลูก ลิ้นพี่เขารับไม่ได้”

ปริตรเผลอยิ้มออกมาพอปราชญ์เห็นก็แทบจะยกมือขึ้นขยี้ตาเหมือนได้เห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ

“พี่จะกินอะไร ปลาทอด ตับพะโล้ เอาเมนูไหม”

นี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่ปราชญ์ได้เห็นพี่ชายตัวเองคุยเล่นกับหมาตัวเล็กๆที่กำลังนั่งทำตาโตลิ้นห้อยไม่ใช่กับเขาหรือพี่น้องคนอื่นๆเหมือนทุกที

“พี่ปริตรเปลี่ยนไปนะ”

ปราชญ์เอ่ยปากทัก เขาหันไปเรียกน้องนาที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยเลขาคอยช่วยงานจีรายุได้เกือบสามเดือนแล้วและกำลังจะแต่งงานกับสนุกคนสนิทของอาพงศ์ เขาบอกให้หญิงสาวลงไปขอเมนูอาหารที่ร้านด้านล่างมาให้แล้วหันกลับมายิ้มให้พี่ชายที่นั่งทำคิ้วขมวดอยู่ตรงข้าม

“เปลี่ยนยังไง”

ปริตรถามกลับสั้นๆตามนิสัยแล้วก้มลงมองมือที่เต็มไปด้วยขนบนต้นแขนตัวเอง ก่อนจะมองหน้าเจ้าของมือ

“ใจเย็นสิพี่ เดี๋ยวเขาเอาเมนูมาให้”

เขาบอกแล้วหันไปตามเสียงหัวเราะปราชญ์เลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะบอกว่านี่ไงล่ะที่เขาว่าเปลี่ยน ตอนแรกก็นึกแปลกใจที่ได้เห็นพี่หมาทั้งสองเดินนวยนาดตามพี่ชายเข้ามาในห้องทำงานแล้วภาพพี่หมาผูกโบว์ที่คอเดินหน้าเชิดดูน่ารักปนน่าขันแต่การมาพร้อมกับคนที่ได้ชื่อว่าคุณชายอนามัยและไม่ถูกกับสัตว์ทุกชนิดอย่างปริตรนี่สิ...มันแปลก

พี่บอมกับบันบันมองประตูห้องทำงานเมื่อเห็นว่าน้องนาหายไปนานเสียงเห่าดังขึ้นอีกครั้งเหมือนจะถามว่าไปเอารายการอาหารกันถึงไหนน้องนาก็ผลักประตูเข้ามาพอดี

“เดี๋ยวผมฝากรายการอาหารไปคุณก็ไปพักได้เลยนะอ้อ...อาพงศ์บอกว่าช่วงบ่ายอนุญาตให้สนุกพาคุณไปงานหนังสือได้แล้วฝากซื้อหนังสือให้อาแอนด้วย”

“ค่ะ”

น้องนาตอบรับนัยน์ตาใสแจ๋วแต่คนที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับตกใจ

“เมื่อวานพี่เพิ่งไปซื้อให้อาแอนมาเดินกันขาแทบหลุด”

“ไปกับใคร คุณป้าเหรอ”

ปราชญ์ขมวดคิ้ว

“เปล่า ไปกับแป้ง”

ปริตรตอบแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองผู้ช่วยของอาสะใภ้

“วันนี้มีนิยายชุดใหม่ออกค่ะ มีของวาดฝันด้วย”

น้องนาตอบเพราะเมื่อเช้าได้รับสายตรงจากพี่แอนถามถึงรายชื่อนิยายที่สำนักพิมพ์ต่างๆประกาศว่าจะนำออกวางจำหน่ายในวันนี้และจบการสนทนาด้วยคำสัญญาว่าจะทำให้ท่านประธานอนุญาตให้หญิงสาวสามารถไปซื้อหนังสือได้โดยไม่ถูกหักเงินเดือน

“สนุกไหม”

ปริตรถามด้วยความสนใจเพราะอดคิดถึงปูนแป้งขึ้นมาไม่ได้

“สนุกมากค่ะเป็นเรื่องของพี่ชายข้างบ้านแอบรักน้องสาวตัวน้อยเฝ้าดูแลห่วงใยแต่ไม่กล้าบอกรักค่ะ”

คนฟังถึงกับสะอึกเขามองหน้าน้องชายแต่ไม่มีอะไรที่จะแสดงให้เห็นว่ามีใครรู้ว่านิยายเรื่องนี้เหมือนกับคนใกล้ตัวนี่เองแต่...พี่บอมรู้เพราะมือที่วางอยู่บนต้นแขนเมื่อครู่เลื่อนขึ้นมาวางแปะบนบ่าเหมือนให้กำลังใจ

“ถ้าอย่างนั้นผมฝากซื้อเล่มนึง”

ปริตรบอกก่อนจะหยิบธนบัตรใบละพันส่งให้พร้อมกับพูดเบาๆว่าไม่ต้องทอน

“อ่านด้วยเหรอพี่”

ปราชญ์ถามงงๆ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้เมื่อพี่ชายบอกว่าซื้อให้ปูนแป้งเพราะรู้นิสัยพี่ชายดีว่าจะให้ดุหญิงสาวสักแค่ไหนก็มักจะอดซื้อของหรือทำอะไรต่อมิอะไรให้ไม่ได้

ปริตรไม่อยากจะคุยต่อเลยเอารายการอาหารมาวางบนตักค่อยๆเปิดไปทีละหน้าเพื่อมองหาสิ่งที่พี่ๆจะกินได้และพอเขาจะเปลี่ยนหน้าต่อไปขาหน้าของพี่บอมก็วางลงมาบนรูปปลาทอดตัวใหญ่ทันที

“ตกลงเอาปลาทอด”

ชายหนุ่มถามและได้เสียงเห่าสั้นๆเป็นคำตอบในที่สุดก็จบลงด้วยรายการอาหารที่พี่หมาเลือกทั้งสิ้นโดยไม่มีรายการอื่นที่ปราชญ์กับปริตรเลือกเลยนอกจาก...ข้าวเปล่าสองจาน

“มีงานเลี้ยงทำไมไม่ชวน”

คนที่โผล่เข้ามาในห้องทำงานของปราชญ์เป็นคนแรกคือกมลตามมาด้วยมหิศรทั้งคู่มองอาหารบนโต๊ะแล้วกระโดดลงมานั่งร่วมวงด้วยทันทีแต่เห็นว่าทั้งปริตรและปราชญ์ยังนั่งเฉยเลยไม่กล้าเริ่มก่อน

“ไม่ได้เลี้ยง”

ปราชญ์ส่ายหน้ากมลเลยทำหน้าแปลกๆก่อนจะชี้อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ

“อ้าวแล้วพวกนี้ล่ะ”

“พี่เขาสั่ง”

ปริตรชี้พี่บอมกับบันบัน แล้วก้มหน้าก้มตาแกะเนื้อปลาออกมาใส่จานต่อสามหนุ่มมองพี่ใหญ่ของบ้านแล้วหันมามองหน้ากัน ไม่นานหลังจากนั้นประตูก็ถูกผลักเข้ามาก่อนที่พนักงานจากร้านอาหารชั้นบนสุดของโรงแรมจะเข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารขึ้นชื่อของโรงแรม

“เล่นสั่งแบบนี้เลยเหรอพี่ ตามใจมากไปหรือเปล่า”

กมลพูดขึ้นทำท่าจะยื่นมือออกไปหยิบเนื้อเป็นที่แล่มาอย่างดีแต่...เสียงขู่จากผู้มีอำนาจก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ขอพี่เขาหรือยัง”

มหิศรตีมือกมลแล้วพยักหน้าไปทางพี่หมาทั้งสองตัว

“อย่าหือเชียวนะ อาพงศ์บอกว่าพี่เขาพิเศษห้ามขัดใจไม่งั้นมีเคือง”

ปราชญ์พูดแล้วหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของกมล

“เอาน่า ยังไงอาพงศ์ก็เป็นคนจ่ายพี่เขากินไม่เยอะหรอก นายจะได้ไม่ต้องควักกระเป๋าไง”

มหิศรพูดดักคอเพราะรู้นิสัยของกมลดีว่าที่ทนายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองพนักงานสาวจากร้านอาหารที่เพิ่งเข็นรถใส่อาหารเดินเข้ามาเขายิ้มน้อยๆแต่ก็เล่นเอาสาวเจ้าหน้าแดงระเรื่อก้มหน้าก้มตาจัดวางอาหารจนครบแล้วรีบเข็นรถออกไปทันที

“เอาอีกแล้วเจ้าศร”

ปริตรส่ายหน้ามองหน้าลูกผู้น้องคล้ายตำหนิแต่มหิศรกลับไม่ได้รู้สึกผิดอะไร

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยพี่ปริตร แค่ยิ้มเฉยๆ”

คนตอบยักไหล่แล้วหันมาเล่าเรื่องที่อาสะใภ้เอาอาหารแมวมาทำไส้แซนวิซให้ปราชญ์ฟังปริตรได้แต่ถอนใจเพราะคิดว่าถ้าไม่ชอบก็ไม่ควรทำให้ผู้หญิงรู้สึกไขว้เขวเพราะผู้หญิงบางคนอาจคิดไปได้ว่ามหิศรชอบตัวเองแล้วจะเกิดเรื่องเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสมัยที่ชายหนุ่มเรียนมัธยม

“พี่ปริตร ผมสงสัยมานานแล้วว่าจะถามอาพงศ์ก็ลืม”

อยู่กมลก็สะสายตาจากโทรศัพท์ที่กำลังอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมาเพื่อถามในสิ่งที่นึกสงสัย

“ว่า...”

“ทำไมถึงไม่ซื้ออาหารหมาแบบซองล่ะพี่แค่ไม่กี่บาทฉีกซองเทใส่จานก็เสร็จ”

ปริตรถอนหายใจดังเฮือก ก็เพราะอาหารสุนัขแบบซองจำพวกอาหารเปียกอาหารเม็ดนี่ล่ะที่ทำให้เขาถูกคุณจันทราพูดแขวะมาแล้ว

“ทำไมต้องซื้อให้เปลืองเงิน กินด้วยกันจะเป็นอะไรไปหรือว่ารังเกียจพี่เขา”

ปริตรพูดตามคุณจันทราแล้วก้มหน้าก้มตาแกะเนื้อปลาต่อ

“พี่ปริตรคิดอย่างนั้นจริงๆเหลือ”

กมลถามเพราะรู้ดีว่าปริตรไม่มีทางคิดแบบที่พูดแน่

“เปล่า คุณป้าพูด”

มหิศรหัวเราะเพราะในใจคิดไว้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นคำพูดของคุณป้ามหาภัยมากกว่าปราชญ์เองก็พลอยหัวเราะตามไปด้วยก่อนจะปิดปากเมื่อสายตาคมดุของปริตรมองกวาดมาที่ใบหน้าของน้องทุกคนแล้วกลับไปสนใจงานในมือต่อ

“แต่ตอนนี้ผมว่าผมกำลังงงนะเราเรียกลูกว่าอาเพราะมีศักดิ์เป็นอาสะใภ้ แต่ทำไมเราเรียกคุณจันทราว่าคุณป้าล่ะแล้วทำไมเราไม่เรียกคุณย่าหรือคุณยาย”

กมลตั้งข้อสงสัยใหม่ขึ้นมาให้ขบคิดพลางไล่ลำดับญาติให้ทุกคนฟังจนปริตรเริ่มรำคาญ

“ทำไมนายไม่ไปเรียนทนายนะเจ้ามล ท่าทางจะรุ่งกว่าที่เรียนอยู่อีก”

ปราชญ์ส่ายหน้าก่อนจะหันมาตักข้าวในโถใส่จานส่งให้มหิศร

“ผมไม่ชอบท่องเห็นพี่มัคกับนายศรนั่งท่องตำราแล้วพาลให้ปวดหัว”

กมลบอกพลางเอื้อมมือออกมารับจานข้าวจากปราชญ์

“ที่เรียกท่านว่าคุณป้าเพราะอาแอนอายุน้อยกว่าพี่ส่วนคุณป้าอายุมากกว่าพ่อพี่ไม่กี่ปี แล้วจะให้เรียกว่ายังไง”

พี่ใหญ่ตอบแล้วหันไปมองเจ้าของมือปุกปุยที่ยื่นมาแตะต้นแขนตนดวงตากลมๆจ้องหน้าเขานิ่งแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆปริตรเลิกคิ้วแล้วนึกสงสัยว่าตกลงเป็นความผิดใช่ไหมที่ช้า แล้วไอ้อาการถอนหายใจนี่หมาทุกตัวมันทำได้เหมือนกันหรือเปล่าหรือเป็นเฉพาะพี่หมาสองตัวนี่เท่านั้น

“เสร็จแล้ว เดี๋ยวใส่จานให้”

พี่ใหญ่สุดบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมกับจานกระดาษที่เขาซื้อในมินิมาร์ทตอนแวะส่งปูนแป้งที่โรงพยาบาลชายหนุ่มแยกอาหารให้พี่บอมกับบันบันคนละจาน แต่กว่าอาหารของพี่หมาจะเตรียมเสร็จสายตาของคนที่เฝ้ารอมองหน้าราวกับต่อว่า...ว่าทำไมถึงช้าขนาดนี้

“รอแค่นี้ไม่ต้องด่าทางสายตาหรอก ได้แล้วๆ”

ปริตรบอกพี่บอมถึงก้มหน้าลงงับตับเป็ดก้อนใหญ่แล้วค่อยๆเคี้ยวผิดกับสุนัขที่มหิศรเคยเห็นที่ออกจะกินมูมมามเลอะเทอะ

“รู้ได้ยังไงว่าเขาด่าทางสายตา”

มหิศรถามด้วยความสงสัยในขณะที่กมลหันไปสนใจอาหารตรงหน้ามากกว่าจะถามอะไรอีก

“ไม่รู้สิรู้สึกว่ากำลังถูกด่าก็เลยพูดไปอย่างนั้นเอง”

ปริตรยักไหล่ แล้วบอกให้มหิศรเลิกสนใจเขาเสียที ชายหนุ่มชำเลืองสายตาไปทางพี่หมาทั้งสองตัวนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้นทำไม...เขาถึงรู้สึกเหมือนตนเองเข้าใจว่าพี่หมาคิดอะไร

สี่หนุ่มนั่งทานอาหารกันไปก็คุยเรื่องโรงแรมที่กำลังสร้างอยู่ไปเรื่อยๆพี่บอมที่เพิ่งเล็มเนื้อปลาชิ้นสุดท้ายใส่ปากเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆพอเห็นว่าชายหนุ่มหันมามองก็ทำเป็นมองจานข้าวของตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะกระโดดลงจากโซฟาเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนฟูกที่พงศธรมีติดห้องไว้เวลาทีแม่ยายฝากพี่หมาไว้ในวันรวมญาติ

“ทำช้าก็ด่า กินเสร็จก็ด่า ควักตาทิ้งซะดีมั้ย”

ปริตรพูดพึมพำแล้วหันไปตอบปราชญ์เรื่องขยายห้องพยาบาลในโรงแรมให้ใหญ่ขึ้นซื้ออุปกรณ์แล้วหาแพทย์กับพยาบาลมาอยู่ประจำเผื่อลูกค้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยเหลือเบื้องต้นได้

ซึ่งความคิดนี้ปริตรเคยเสนอให้พงศธรพิจารณาตอนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆแต่ตอนนั้นบรรดาผู้ถือหุ้นซึ่งก็คือพ่อกับอาทุกคนเห็นว่ามันยังไม่มีความจำเป็นเลยพับโครงการนี้ไปก่อน

จนกระทั่งมีลูกค้าระดับวีไอพีมีอาการเหมือนหัวใจเต้นผิดปกติแต่ไม่ยอมให้พาไปโรงพยาบาลเพราะกลัวเป็นข่าวเนื่องจากแอบหิ้วนางแบบสาวชื่อดังมาเปิดห้องทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันในยามที่ภรรยาไปทัวร์ต่างประเทศกับกลุ่มก๊วนไฮโซ

แล้วตัวภรรยาก็ขึ้นชื่อว่าโหดใช่ย่อยเพราะเคยมีข่าวใช้คนไปทำร้ายผู้หญิงที่สามีไปติดพันอยู่เสมอทั้งๆที่หลายคนออกมาพูดว่าน่าจะจัดการกับตัวสามีมากกว่า

ข้อเสนอของหลานชายคนโตถึงได้ถูกยกขึ้นมาพิจารณาใหม่อีกครั้งและกลายเป็นว่าทั้งโรงแรมเพียงฟ้าและโรงแรมในเครือจะต้องปรับปรุงห้องพยาบาลที่มีให้ดีกว่าเก่า

“อาพงศ์บอกว่าจะให้น้องแป้งมาเป็นพยาบาลประจำที่เชียงใหม่จำได้ว่ามีเพื่อนไปด้วยนะแต่ผมจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร”

มหิศรฉีกเนื้อไก่ใส่ปากแล้วหันไปสะกิดกมลให้มองดูอาการของพี่ใหญ่ที่ดูจะนิ่งไปทันทีแต่ก็เพียงครู่เดียวทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติสีหน้าของนักวิจัยหนุ่มกลับราบเรียบดุจเดิม

“เกยูร เพื่อนแป้งชื่อเกยูร”

“ชื่อแปลก”

กมลทักขึ้นมาแล้วหันมาสบตาปราชญ์

“พี่ปราชญ์อยากได้แฟนเป็นพยาบาลมั้ย”

ชายหนุ่มแกล้งถามเพื่อจี้ใจใครบางคนตามคำสั่งของท่านผู้นำสูงสุดในเวลานี้แต่ปราชญ์ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยก็พาลนึกไปว่าน้องชายพูดถึงเพื่อนปูนแป้งที่ชื่อเกยูร

“ก็ดีนะ มีคนดูแลตอนป่วย ป้อนข้าว ป้อนยาเช็ดตัวให้ มือนุ่มๆ หน้าหวานๆ ชื่นใจดี”

ปราชญ์พูดออกมาโดยไม่รู้เลยว่ามันไปกระแทกใจพี่ชายตัวเองเข้ากมลกับมหิศรมองอาการปริตรแล้วหันมาสบตากันหนึ่งหนุ่มยักคิ้วเหมือนจะบอกว่าเห็นไหมล่ะส่วนอีกหนึ่งหนุ่มทำแค่เพียงกระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แฝงนัยเอาไว้ตามแบบฉบับของว่าที่ทนายความที่ไม่เผื่อความรู้สึกทางสีหน้าให้ใครจับได้

กว่าปริตรจะเคลียร์งานกับปราชญ์เสร็จก็ใกล้เวลาเลิกงานของปูนแป้งแล้วแต่พอเตรียมจะกลับพยาบาลสาวก็โทรมาหาแล้วบอกว่าต้องทำงานต่ออีกสี่ชั่วโมงเพราะนิอรติดธุระให้ปราชญ์กลับบ้านก่อนก็ได้เดี๋ยวเธอจะกลับเอง

พอได้ยินเช่นนั้นกมลกับมหิศรเลยถือโอกาสชวนไปซื้อของกินที่ตลาดแล้วไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะใกล้บ้านพี่บอมกับบันบันจะได้ไปวิ่งเล่นด้วย

พอได้ยินว่าจะได้ไปวิ่งเล่นพี่บอมรีบลุกขึ้นแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าปริตรทันทีพี่หมาส่งสายตาเป็นคำสั่งว่าให้ตอบรับ แต่ปริตรแกล้งทำเป็นไม่รู้

“ในบ้านก็ที่เยอะแยะ ไปนั่งทำไมที่สวน”

ปริตรส่ายหน้าแสร้งมองหน้าลูกผู้น้องโดยไม่ยอมสบตาพี่บอม

“แต่ที่บ้านไม่มีสาวๆให้ชื่นใจนี่พี่ไปเถอะซื้ออะไรอร่อยๆไปนั่งกินกัน”

กมลทำท่าอ้อนวอนจนดูน่าขำก่อนจะอุ้มพี่บอมขึ้นจนสายตาของพี่หมาสบตากับพี่ชายพอดี

“พี่บอมบอกทีว่าอยากไปเที่ยว”

กมลบอกพี่หมาซึ่งพี่บอมก็ตอบรับด้วยเสียงเห่าพร้อมกับกระดิกห่างจนก้นส่ายไปมา ในที่สุดปริตรก็ทำได้แค่เพียงถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับแกนๆ

“นายมาด้วยเจ้าปราชญ์”

ปริตรสั่งทำให้คนที่นั่งทำงานอยู่ถึงกับวางปากกาแล้วส่ายหน้า

“ไม่ไปหรอกพี่ ขี้เกียจ”

“แต่นายต้องไป”

ปริตรออกคำสั่งเขาลุกขึ้นยืนสอดมือทั้งสองข้างในกระเป๋ากางเกงแล้วทำหน้าเคร่ง

“เพราะถ้านายไม่ไป ทุกคนก็ไม่ต้องไปกลับบ้านไปนอนเล่นที่แพแทน”

คราวนี้จุดหมายเปลี่ยนไปเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานแทนกมลรู้ดีว่าจะทำอย่างไรถึงจะสำเร็จเขาจึงอำนวยความสะดวกด้วยการอุ้มพี่บอมไปไว้บนโต๊ะทำงานท่านประธานเสียเลย

และพี่บอมก็รู้หน้าที่เพราะพอเท้าแตะพื้นโต๊ะพี่หมาก็เดินไปนั่งบนแฟ้มที่กางอยู่แล้วจ้องหน้าปราชญ์นิ่งไม่มีเสียงเห่า ไม่มีการแสดงท่าทางอะไรนอกจาก จ้องหน้า จ้องหน้า และ...จ้องหน้า

“พี่บอมกำลังสะกิดจิตพี่ปราชญ์”

กมลหันมายักคิ้วกับมหิศรแล้วหันกลับไปมองเหตุการณ์ต่อไป

“พี่บอมถ้าไปที่สวนนะพี่เอาอะไรเดี๋ยวผมจัดให้”

กมลกลั้นยิ้มเขามองท่านั่งกอดอกไม่พูดอะไรของปราชญ์ก็เริ่มพูดต่อ

“พี่บอม หมูย่างมั้ย”

พี่บอมได้ยิน...เห่ารับหนึ่งครั้งตายังจ้องตาของปราชญ์ไม่กระพริบ

“พี่บอม มีแคบหมูด้วยนะ”

พี่บอม...เห่ารับแต่มีเสียงเห่าผสานขึ้นมาแล้วบันบันก็เดินมาสะกิดขากมลเหมือนจะบอกว่า ‘อุ้มเค้าขึ้นไปด้วยสิ’

กมลเลยจัดการอุ้มพี่หมาขึ้นไปนั่งคู่กันเสียเลยแล้วยักคิ้วใส่ปราชญ์

“พี่ๆคร้าบ มีไส้กรอกย่างหอมๆด้วยนะ”

กมลพูดต่อและมีเสียงเห่ารับจากพี่หมาทั้งสองตัวอย่างพร้อมเพียง

“มีหมาสาวๆมาวิ่งเล่นในสวนด้วย”

กมลพยายามสร้างความกดดันให้แต่เหมือนคราวนี้เขาคิดผิดเพราะแทนที่พี่หมาจะเห่ารับกลับได้เห็นพี่หมาหันกลับมามองด้วยสายตาแปลกๆแทน

“อ้าว ไม่ชอบสาวๆเหรอหรือว่าเป็น...”

กมลยังพูดไม่ทันจบมหิศรก็ลุกขึ้นมาปิดปากญาติหนุ่มเอาไว้ก่อน

“เงียบเลยเจ้ามล เดี๋ยวพี่เขาได้ขบหัวแกแทนไส้กรอกหรอก”

มหิศรกระซิบบอกแล้วหันไปยิ้มกับปริตร

“พี่ปริตร พี่เขาด่าทางสายตาอีกแล้ว”

“ใช่”

ปริตรตอบสั้นๆแล้วเดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานเพื่ออุ้มพี่หมาลงมาบนพื้น ก่อนจะจับแฟ้มบนโต๊ะพับปิด

“ไป ลุก”

และคราวนี้ปราชญ์เองก็ยอมแพ้จริงๆ เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินหายไปในห้องน้ำก่อนจะกลับออกมาเมื่อเปลี่ยนเสื้อสูทเป็นเสื้อยืดธรรมดาแล้ว

“เอ้า ไปก็ไปตกลงไปกินหรือไปเหล่สาวจะได้เตรียมตัวถูก”

ปราชญ์ยกมือขึ้นขยี้ผมบนศีรษะที่เรียบเป็นทรงให้ดูยุ่งนิดๆแล้วยิ้มเมื่อท่าทางของนักธุรกิจหนุ่มผู้เคร่งขรึมดูผ่อนคลายขึ้น

“ทั้งสองอย่าง”

กมลยิ้มกว้างแล้วแบมือออกมาตรงหน้าปริตรซึ่งชายหนุ่มก็ทำได้แค่ส่ายหน้าก่อนจะหยิบเงินวางใส่มือของญาติผู้น้องอย่างรู้งาน

ทั้งสี่หนุ่มกับพี่หมาสองตัวพากันเดินลงมาด้านล่างต่างกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องที่ผู้ใหญ่หนีไปเที่ยวโดยไม่ได้สนใจรอบข้างแต่ไม่รู้เลยว่าพวกเขากลับกลายเป็นจุดสนใจและทำให้การสนทนากันในโซนรับรองหยุดลงแทบจะทันทีซึ่งหนึ่งในนั้นมีเพื่อนของปูนแป้งนั่งอยู่ด้วย

นิอรเหมือนจะลืมไปว่าตนมากับใครและกำลังคุยเรื่องอะไรอยู่หญิงสาวมองตามปริตรไปจนเห็นว่าชายหนุ่มหยุดคุยกับพนักงานคนหนึ่งก็ทำท่าจะลุกขึ้นแต่ชายสูงวัยที่นั่งอยู่ด้วยกันไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ทำตามที่คิด

“จะไปไหน เรายังคุยกันไม่จบ”

เสี่ยวินัยคว้าข้อมือบางเอาไว้แล้วเอามือตบบนกระดาษแผ่นสีขาวบนโต๊ะ

“ก็อรบอกแล้วไงคะว่าอรยอมแต่อรยังลาออกจากงานไม่ได้”

นิอรเก็บความไม่พอใจเอาไว้ หญิงสาวมองหน้าเสี่ยหน้าหนวดที่เธอแอบจิกเรียกในใจแล้วยิ้มหวาน

“แต่เหมือนที่อรบอก อรขอให้เสี่ยยกหนี้ให้ขอคอนโดสักห้อง รถสักคัน เงินอีกก้อน แล้วอรจะยอมกิ๊กกับเสี่ย”

มือเรียวเลื่อนมาวางทับบนหลังมือหนาลากปลายนิ้วไต่ขึ้นไปตามแขนจนถึงหัวไหล่แล้วเอียงแก้มซบพลางหลบตาลงมองพื้นเพื่อบดบังความรู้สึกเอาไว้ในใจ

“ได้ แต่ยังไงวันนี้อรก็ต้องให้ดอกเสี่ย”

เสี่ยวินัยวางคีย์การ์ดห้องที่จองไว้ลงบนสัญญาแล้วแบมือออกมา

“แล้วแต่ว่าจะเป็นวิธีไหน อรเลือกได้เลย”

นิอรแอบกัดริมฝีปากหญิงสาวหันไปมองจุดที่ปริตรเคยยืนอยู่ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มหายไปแล้วเลยขยับลุกขึ้นยืนพร้อมกับคว้าคีย์การ์ดมาถือไว้

“อรมีเวลาแค่สามชั่วโมง คงพอค่าดอกนะคะ”

หญิงสาวบอกแล้วเดินนำไปทางลิฟต์ก่อนที่เสี่ยวินัยจะลุกขึ้นแล้วพยักหน้าเรียกให้ผู้ติดตามมาเก็บสัญญาไปโดยที่ตัวเองรีบเดินตามหลังพยาบาลสาวไปอย่างรวดเร็ว

และทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลงคนที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งเพื่อรอน้องชายกลับขึ้นไปเซ็นเอกสารด่วนก็ก้าวออกมาสายตาคมจับจ้องตัวเองบนลิฟต์แล้วคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเพราะไฟกระพริบหยุดลงที่ชั้นที่เป็นห้องพักไม่ใช่ชั้นที่เป็นร้านอาหารอย่างที่เขาคิดไว้

“มีอะไรหรือเปล่าพี่”

มหิศรยกมือขึ้นวางบนบ่าพี่ใหญ่พลางเงยหน้าขึ้นมองไฟที่ยังค้างอยู่แล้วหันมาสบตาเข้มเพราะตอนแรกเขาก็คิดว่าเพื่อนของปูนแป้งน่าจะมีนัดทานอาหารกับญาติผู้ใหญ่ที่ชั้นบนของโรงแรมแต่ที่เห็นมันไม่ใช่เสียแล้ว

“วานไปบอกคุณขจรทีว่าให้ดูหน่อยว่าเขากลับลงมาตอนกี่โมงแล้วถ้านิอรก้าวพ้นจากโรงแรมให้เขาโทรบอกพี่ทันที”

ปริตรบอกมหิศรก่อนจะเดินไปอีกทางเพื่อพาพี่บอมกับบันบันไปหาที่นั่งจะได้ไม่รบกวนแขกในโรงแรมแต่ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นเสียแล้วเพราะตอนนี้พี่บอมกับบันบันจะทำหน้าที่เรียกความสนใจของลูกค้าสาวๆและคนที่ดูจะได้รับผลพลอยได้ก็คือกมลนั่นเองที่นั่งอยู่กลางวงล้อมของสาวๆอยู่ในตอนนี้

“ให้มันได้อย่างนี้สิเจ้ามล”

ปริตรส่ายหน้า แต่ก็นึกดีใจเพราะเท่ากับว่าเขาสามารถนั่งเงียบๆโดยไม่มีใครรบกวนเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา



tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2557, 07:43:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2557, 07:43:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2098





<< ตอนที่ ๙   
ใบบัวน่ารัก 30 พ.ย. 2557, 08:30:19 น.
ดีจายจัง มีหนุ่มๆๆมากันหลายคน ค่อยมีกำลังจายอ่านต่อ
สรุปพี่หมาทั้ง2 พี่เค้าเป็น......... กอไก่. กันช่ายปะ
เฮ้อ. น้องแป้งก็น่าห่วง คบเพื่อนไม่ดี ระวังๆตัวด้วยนะค้า


konhin 30 พ.ย. 2557, 12:12:50 น.
โอ๊ะ เพื่อนน้องแป้งเป็น... ซะงั้น ขออย่างเดียวอย่าหลอกเพื่อนไปขายก็แล้วกันไม่งั้นคงโดนหนัก


ribbin 30 พ.ย. 2557, 12:33:12 น.
นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเพื่อนปูนแป้งจะเป็นไปได้ขนาดนี้ เฮ้ย
แต่ตอนนี้ มีหนุ่มหล่อมาให้ฟินหลายคนเลย อิอิ


Zephyr 30 พ.ย. 2557, 16:11:02 น.
หนุ่มหล่อหลายคนฟินที่สุด
นิอรน่าเกลียดมาก


แว่นใส 30 พ.ย. 2557, 16:33:03 น.
พี่หมาน่ารักที่สุด


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 1 ธ.ค. 2557, 12:25:39 น.


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 1 ธ.ค. 2557, 12:26:19 น.
เรื่องกำลังสนุก.... มีพล๊อตใหม่ เข้ามาอีกแล้ว ... นิอรจะทำยังไงต่อไป คอยติดตามอยู่ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account