ร่มไม้ สายน้ำ ความรัก (หัวใจ...แอบรัก)
ภารกิจรักกลับมาใหม่ ครั้งนี้นอกจากคุณนายจันทราจะพาพี่บอมกับพี่บันบันมาป่วนแล้วยังพ่วงเจ้าดัลเมเชี่ยนลายจุด เข้ามาสกัดจุดหัวใจให้พี่ใหญ่ได้สมหวัง
หัวใจ...แอบรัก รักลุ้นๆของมดแดงที่เอาแต่แฝงตัวอยู่หลังใบมะม่วง งานนี้นอกจากลุ้นยังต้องวุ่นปนป่วนฮากับวาจาจิกกัด ผสมกับท่านพี่ที่ขนดีกรีเกินพี่หมามาช่วยกัน
หัวใจ...แอบรัก รักลุ้นๆของมดแดงที่เอาแต่แฝงตัวอยู่หลังใบมะม่วง งานนี้นอกจากลุ้นยังต้องวุ่นปนป่วนฮากับวาจาจิกกัด ผสมกับท่านพี่ที่ขนดีกรีเกินพี่หมามาช่วยกัน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ ๙
ตอนที่ ๙
มีใครเคยฝันว่าถูกช้างนั่งทับบ้างไหมหรือว่าเขาเป็นคนแรกที่ฝันแบบนี้...
ปริตร ครางออกมาเบาๆไม่เข้าใจว่าทำไมความฝันถึงได้หนักจริงๆ ทั้งหัว ทั้งตัว ทั้งขา ขยับไปทางไหนก็ไม่ได้ชายหนุ่มยกมือขึ้นหวังดันสิ่งที่ทับอยู่บนหน้าอกออก แต่พอลืมตาขึ้นเพราะผิวสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยเขาก็ได้เห็นปลายจมูกดำๆที่ยื่น มาแทบจะชิดจมูกของตนเอง
“ตัวเล็ก เฮ้ย...”
ปริตร เรียกเจ้าตัวเล็กเสียงหลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกถึง น้ำหนักบนศีรษะนี่ตกลงหัวเขาเป็นที่นอนของพี่บอมไปแล้วใช่ไหมส่วนเจ้าตัว เล็กนั่งอยู่ที่พื้นแต่เอาตัวก่ายขึ้นมาบนตัวเขา ถ้าอย่างนั้น...
“บันบัน”
ปริตร เรียกพี่หมาอีกตัวแล้วดันเจ้าตัวเล็กออกจากหน้าตัวเองก่อนจะพบว่าจุด ยุทธศาสตร์ของตนถูกครอบครองอยู่พอเขาขยับบันบันก็ยกหัวขึ้นมองแล้วเอาคางวาง พาดไว้ที่เดิมสายตาจ้องตอบปริตรเหมือนท้าทาย
“เรื่องอะไรมานอนทับกันแบบนี้”
ชาย หนุ่มโวยวาย แต่ไม่มีโอกาสขยับตัวเพราะเจ้าตัวเล็กกระโจนเข้ามานอนทับอกเขาเหมือนเดิมพี่ บอมขยับตัวลุกขึ้นแล้วกระโดดลงจากบนศีรษะของเขามายืนที่พื้นก่อนจะทำท่าบิด ขี้เกียจด้วยอาการน่าหมั่นไส้เจ้าตัวเล็กพอเห็นลูกพี่เดินนวยนาดไปอยู่หน้า ประตูห้องก็รีบวิ่งตามไปอยู่ข้างๆทันที
พอ พี่บอมกับเจ้าตัวเล็กไปยืนรออยู่หน้าประตูบันบันก็ขยับตัวบ้างเจ้าหมาน้อย เงยหน้าขึ้นหาว ลิ้นสีชมพูยื่นออกมายาวเหยียด ก่อนจะขยับนั่งตัวตรงแล้วยกขาหน้าขึ้นแปะตรงจุดอ่อนไหวของคนที่นอนเป็นเบี้ย ล่างชนิดที่เจ้าตัวถึงกับรีบเอ่ยปาก...
“อย่าเชียวนะ”
คำ ห้ามของปริตรไม่จำเป็นเลยเพราะพอบันบันยกขาหน้าขึ้นแตะเหมือนต้องการจะบอก ว่า...พวกพี่ๆต้องการออกไปทำธุระส่วนตัวแล้วบันบันก็กระโดดลงไปที่พื้นแล้ว วิ่งไปยืนที่หน้าประตูอีกตัว
แต่ ปริตรไม่เข้าใจความหมายเพราะไม่เคยเลี้ยงสุนัขมาก่อนจึงหลับตาลงตั้งใจจะนอน ต่อและแล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นราวกับว่ามีมหกรรมดนตรีจากวงประสานเสียงชั้น นำระดับประเทศมาเปิดการแสดงในห้อง
พี่ บอมนำหอนขึ้นมาด้วยเสียงแหลมเล็กที่ไม่ค่อยระคายหูสักเท่าไหร่บันบันก็ยังพอ ทนได้ แต่พอปริตรได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กหอนขึ้นมาอีกตัวเขาพาลนึกไปถึงเสียงหวูด รถไฟที่ใกล้ปลดระวาง มันทั้งแหบทั้งโหยหวนเหมือนว่ามีใครสักคนกำลังจะเอามีดเชือดคอมันอยู่
“โอเค...โอเค พอแล้ว เข้าใจแล้วจะออกข้างนอกใช่ไหมครับพี่ เชิญครับท่านๆทุกตัว”
ชาย หนุ่มลุกพรวดขึ้นมาแล้วก้าวยาวๆไปเปิดประตูให้แต่พอจะดันประตูปิดพี่บอมกลับ ยืนเฉยขวางประตูเอาไว้แล้วมองหน้าเจ้าของบ้านสลับกับประตูหน้าบ้าน
“พี่เขาให้ไปเปิดประตูหน้าบ้านด้วยเขาไปทำธุระไม่ได้”
เสียง ของคุณจันทราดังมาจากในครัวเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองด้วย ซ้ำชายหนุ่มจึงเดินไปเปิดประตูบ้านให้กว้างที่สุดแล้วทำท่าโค้งตัวให้ตอนที่ พี่ๆเดินผ่านออกไป
เสียง หัวเราะดังขึ้นเบาๆทำให้คนที่กำลังโค้งงามๆให้พี่หมาขยับตัวขึ้นยืนตรงแล้ว หันไปมองต้นเสียง ก่อนจะทำหน้าเคร่งเพื่อปิดบังอาการขัดเขินที่เกิดขึ้นมา
ปูน แป้งยิ้มเมื่อเห็นการกระทำที่เธอไม่เคยคิดว่าปริตรจะทำได้พี่ใหญ่จอมเฮี้ยบ ชอบทำหน้าเคร่งขรึมทำท่าประชดประชันก็เป็นด้วย แก้มนวลปรากฏสีเลือดขึ้นมาเล็กน้อยดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าคนเพิ่งตื่นนอน เหมือนจะลืมตัว
ผม ที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงใบหน้าที่ไร้แว่นตากรอบดำหนาๆดูอ่อนวัยและน่ามองเขา คือพี่ปริตรในมุมที่เธอไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักและมันทำให้หัวใจสั่นไหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“เข้าเวรกี่โมง”
ปริตรเห็นว่าปูนแป้งอาบน้ำแล้วแต่ยังใส่ชุดอยู่บ้านเลยแปลกใจ เพราะจำได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุดของหญิงสาว
“แป้งขอแลกเวรกับเพื่อนค่ะคิดว่าวันนี้จะไปเดินงานหนังสือที่ศูนย์ประชุมค่ะ”
“ไปงานหนังสือ แล้วไอ้ที่กองเต็มบ้านนี่ล่ะเราอ่านหมดหรือยัง”
ปริตรถามเสียงดุมองคนตรงหน้าทำเป็นยิ้มประจบแล้วหันไปมองทางอื่นเพราะกลัวว่าตนเองจะเผลอใจอ่อน
“แล้วจะไปยังไง”
ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายแพ้และเอ่ยถามออกไปจนได้...ปริตรบ่นตัวเองในใจเมื่อหลุดปากออกไป
“รถไฟฟ้าค่ะ”
“แล้วจะซื้อเยอะมั้ย”
ชาย หนุ่มยกมือขึ้นกอดอก จับจ้องดวงตากลมโตของหญิงสาวเพื่อจับอาการโกหกและมันก็เป็นไปตามที่คิดเพราะ ปูนแป้งหลบตาแล้วพูดเบาๆว่า...น่าจะไม่เยอะ ตามนิสัยของคนที่โกหกไม่เก่ง
“งานเปิดกี่โมง”
“สิบโมงค่ะ”
หญิง สาวตอบเสียงใสเมื่อเห็นว่าปริตรไม่ได้ทำหน้าเคร่งเหมือนตอนแรกชายหนุ่มหันไป มองนาฬิกาแล้วคำนวณเวลาที่ตนเองจะใช้ในการเดินทางเพราะจำได้ว่าตอนที่ตนเอง ไปหาซื้อหนังสือกับน้องๆต้องวนหาที่จอดตั้งนานกว่าจะได้แถมยังได้ที่จอดไกล มากจนบอกกับตัวเองว่าจะไม่ขอไปอีก
“พี่อาบน้ำก่อน แล้วจะพาไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งไปเองได้”
“บอกว่าพาไปก็พาไปสิ อยากได้อะไรจดไว้แล้วกันวันนี้พี่จ่ายให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งมีเงิน”
ปูน แป้งรีบบอกก่อนจะทำคอย่นเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของคนตรงหน้าไม่มีคำพูดใดๆหลุด ออกมาจากปากของปริตรนอกจากการมองนิ่งๆแล้วเดินขึ้นไปด้านบนเท่านั้นเล่นเอา น้ำตาของหญิงสาวแทบจะไหลออกมาถ้าไม่ได้ยินเสียงของคุณจันทราเสียก่อน
“โชคดีวันนี้ได้เจ้ามือโกยมาเยอะๆนะลูกขนหน้าแข้งร่วงหมดก็ยังเหลือที่อื่นให้ร่วงอีก”
ปูนแป้งหัวเราะออกมาทั้งๆที่น้ำตาคลอเธออยากจะถามว่าขนที่ไหนบ้างแต่ไม่กล้าจนกระทั่งเดินเข้าไปในครัว
“ผมเขาออกดกดำยังร่วงได้อีกเยอะ”
คุณจันทราหันมายิ้ม แกล้งเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นแก้มของหญิงสาวแดงระเรื่อ
“คิดอะไร”
นาง แกล้งถามทั้งๆที่รู้ว่าหญิงสาวคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเพราะมีลูกสาว กับหลานสาวชอบอ่านนิยาย และทำงานมาในกลุ่มผู้หญิงล้วนๆ เลยรู้ดีว่าถ้าคิดถึงเรื่องประเภทสองแง่สามง่ามล่ะก็...ไม่ใช่ย่อยเลยสักคน
“เปล่าค่ะ แป้งแค่...”
ปูน แป้งหยุดพูดแล้วหัวเราะออกมาเพราะเธอเองก็คิดลึกจริงๆพาลนึกไปถึงตอนที่ถูก หัวหน้าพยาบาลสั่งให้จัดการกับขนในส่วนสำคัญก่อนการผ่าตัด ครั้งแรกที่ทำมือสั่นไปหมดจนรุ่นพี่ต้องทำให้ดู
แก้ม นวลที่มีสีเลือดยิ่งแดงหนักขึ้นกว่าเก่าเมื่อนึกไปถึงตอนที่รุ่นพี่จับส่วน นั้นพลิกไปพลิกมาเพื่อทำให้สะอาดและเกลี้ยงเกลาที่สุดทำไปก็หันไปพูดคุยกัน ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงานเลยสักคน
“คุณป้าไปด้วยกันนะคะ”
หญิง สาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีคุณจันทรายิ้มแล้วส่ายหน้าบอกแค่ว่าจะอยู่บ้านเป็น เพื่อนพี่ๆ พูดยังไม่ทันจบประโยคพี่บอมก็เดินเข้ามาในครัวแล้วนั่งลงข้างๆคุณจันทราเอา ขาหน้าสะกิดเบาๆเหมือนต้องการบอกอะไรบางอย่าง
“แป้งป้าวานหนูเอาหนังสือพิมพ์ไปปูที่หน้าบ้านให้หน่อยนะพี่เขาจะทำธุระ”
คุณ จันทราหันมาบอกปูนแป้งแล้วกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อหญิงสาวมองเห็นวิธีสื่อ ความต้องการแล้วนึกแปลกใจเพราะว่าตัวเองไม่เคยสื่ออะไรกับเจ้าตัวเล็กได้เลย
“เลี้ยงหมาก็เหมือนเลี้ยงลูก เราเข้าใจเขาเขาก็เข้าใจเรา”
หญิง สาวหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่เพิ่งวิ่งตามเข้ามาแล้วอยากจะร้องกรี้ดออกมาดังๆ ในปากของเจ้าตัวเล็กคือกิ้งก่าสีดำตัวใหญ่ มันดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดแต่...ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กยังอยากสนุกกับการเล่น ในครั้งนี้อยู่
“เอามันออกไปเดี๋ยวนี้”
ปูน แป้งสั่งก่อนจะกระโดดหนีเมื่อเจ้าตัวเล็กคาบกิ้งก่าวิ่งรี่เข้ามาหาหญิงสาว วิ่งไปรอบๆห้องเจ้าตัวเล็กก็วิ่งตามอย่างสนุกจนกระทั่ง...
“ออกไปเดี๋ยวนี้”
เสียง ของปริตรที่ดังขึ้นมาทำให้ทุกอย่างภายในบ้านเหมือนถูกกดปุ่มให้หยุดเจ้าตัว เล็กทำท่าจะปล่อยสิ่งที่ยังดิ้นเร่าๆในปากของตนแต่พอชายหนุ่มยกมือขึ้นชี้ หน้ามันก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปพร้อมกับสิ่งที่คาบมาทันที
“ใช่เป็นแต่อำนาจ พูดกับมันดีๆก็ได้”
คุณ จันทราพูดเปรยๆตอนที่ยกหม้อข้าวต้มออกมาวางปริตรหันไปสบตาคนพุดแล้วเดินเข้า ไปในครัวเพื่อหยิบชามกับช้อนในตู้โดยไม่ได้พูดอะไรร่างสูงยืนนิ่งอยู่ตรง นั้นเมื่อได้ยินเสียงน้องชายทักทายกับปูนแป้งและดูเหมือนว่าเสียงของหญิง สาวจะฟังดูสดใสผิดกับยามที่คุยกับเขาราวกับเป็นคนละคน
“ไม่ไปทำงานหรือไงล่ะพ่อ”
คุณ จันทราเอ่ยปากถามเมื่อรับไหว้ปราชญ์สายตาเลื่อนไปทางปูนแป้งที่กำลังยิ้ม ทั้งปากและตาจนดูน่าหมั่นไส้กับอาการดีใจจนออกนอกหน้าที่แสดงออกมา
“แป้งไปเอาชามกับช้อนมาให้พี่เขาสิ”
คุณ จันทราบอก แต่ปราชญ์กลับเอ่ยปากปฏิเสธแล้วบอกว่าตนเองแค่ต้องการเอาเอกสารที่มฆวัน แฟกซ์มาจากสงขลามาให้ปริตรเท่านั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะยกมือไหว้ลาแล้วเดินออก ไปโดยไม่ได้แสดงอาการใดๆให้เห็นว่ามีความต้องการอื่นนอกจากเอาเอกสารมาให้ พี่ชายจริงๆ
แค่ นี้คุณจันทราก็แน่ใจแล้วว่าปราชญ์ไม่ได้สนใจปูนแป้งเป็นพิเศษแต่ปูนแป้งเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เพียงแต่ตอนนี้ปราชญ์ยังไม่มีใครหญิงสาวจึงพอมีความหวัง ส่วนคนที่ยืนบื้อเป็นท่อนไม้นั่นน่ะ...
คุณจันทราถอนหายใจออกมาเบาๆ...ดูท่าจะต้องลุ้นกันนาน
โชค ดีที่ปูนแป้งเลือกมางานหนังสือในช่วงวันธรรมดาทำให้ไม่ค่อยมีคนมาเดินซื้อ หนังสือปริตรเองก็ถือว่าตัวเองโชคดีที่มาก่อนเวลาเปิดทำให้หาที่จอดได้ใกล้ๆ ทางเข้า
แต่...
ดู เหมือนการมางานหนังสือครั้งนี้จะมีปัญหาหนักเพราะตอนที่ขับรถมากลางทางเขาก็ ได้รับสายตรงจากอาพงศ์ให้จัดการซื้อหนังสือให้ด้วยและรายชื่อหนังสือที่ส่ง มาทางไลน์ก็ยาวเหยียดเสียจนเขาแทบจะหันรถกลับ
และ หลังจากนั้นไม่นานข้อความจากเมฆาก็เด้งขึ้นมาเป็นประโยคสั้นๆว่า...ทุก เรื่องขอสองก่อนที่จะมีข้อความส่งมาสองครั้งว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีของเขาจาก พงศธรกับเมฆา
“เดี๋ยวแป้งจัดการให้ค่ะ”
ปูน แป้งรับอาสาด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าเต็มใจจนปริตรนึกสงสัยว่าทำไม ถึงต้องแยกกันซื้อในเมื่ออยู่ในเขตรั้วเดียวกันซื้อเล่มเดียวมาแบ่งกันอ่าน ก็ได้และปูนแป้งก็ดูจะอ่านความคิดของคนข้างๆออก
“เพราะมันเป็นความสุขเวลาที่เห็นพวกมันวางเรียงอยู่บนชั้นของเราเองไงคะ”
ปูน แป้งพูดเหมือนนั่งอยู่ในใจของคนข้างๆพร้อมกับรอยยิ้มที่น้อยครั้งนักเขาจะ ได้เห็นเพราะส่วนใหญ่จะเป็นยิ้มฝืนๆหรือใบหน้าแหยเกเหมือนจะร้องไห้ และปริตรก็อยากจะเห็นเธอยิ้มมากกว่าร้องไห้แต่ไม่รู้เป็นอะไรพอเห็นหน้าทีไร ก็เผลอหาเรื่องดุหญิงสาวเสียทุกที
ปริตร กำลังนึกอะไรอยู่เพลินๆ พอหันมาเห็นกองหนังสือที่ปูนแป้งเลือกไว้ก็แทบล้มทั้งยืนนี่แค่ร้านเดียว หญิงสาวยังซื้อเกือบสามสิบเล่มแล้วกว่าจะเดินทั่วงานเขาไม่ต้องหารถบรรทุกมา ขนหนังสือพวกนี้กลับหรือไงกัน
แต่ เขาก็ทำได้แค่คิดเพราะพอถึงเวลาก็ต้องเดินเข้าไปจ่ายเงินอยู่ดี เขารอให้พนักงานแยกหนังสือออกเป็นสามส่วนตามที่ปูนแป้งบอกก่อนจะมองหญิงสาว กางถุงผ้าแล้วเรียงหนังสือลงไปเหมือนเป็นเรื่องธรรมดากับการจับจ่ายหนังสือ ในครั้งนี้
“ซื้ออย่างนี้ทุกครั้งหรือเปล่า”
ปริตร ถามเมื่อรับถุงหนังสือหนักอึ้งที่พงศธรกับเมฆาฝากซื้อมาถือไว้เขามองปูนแป้ง เอาหนังสือส่วนของตัวเองใส่ถุงผ้าแล้วสะพายบ่าเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ ผู้หญิงตัวเล็กๆจะแบกหนังสือเดินไปไหนมาไหนได้สบายๆ
แต่ ข้อสงสัยของปริตรก็ต้องพับเก็บไปเมื่อเห็นผู้หญิงหลายคนหอบหิ้วหนังสือนิยาย มากมายเดินผ่านไปมาแถมบางคนยังแวะเข้าไปดูเสียทุกร้านโดยไม่มีท่าทางว่าจะพอ กับสิ่งที่ซื้อมา
“วันนี้เยอะหน่อยนะคะเดี๋ยวพี่ปริตรเอาหนังสือพวกนี้ไปเก็บที่รถจะได้ไม่ต้องแบกหนักไงคะส่วนแป้งก็จะรอพี่ตรงนี้เราจะได้ไปลุยต่อ”
ปริตร มองบรรดาถุงมากมายที่ตนเองหอบหิ้วอยู่ก็แทบถอนใจออกมาดังๆยิ่งได้ยินคำว่า ลุยต่อก็นึกอยากจะเอาหญิงสาวยัดลงถุงผ้าแล้วหิ้วกลับบ้านตอนนี้เลยแต่สิ่ง ที่ทำได้คือหอบทุกอย่างกลับไปที่รถก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง
แต่...คราว นี้ปูนแป้งไม่ได้ยืนมือเปล่าเหมือนตอนที่เขาไปหญิงสาวถือกระเป๋าล้อลากสองใบ รออยู่ด้วยสีหน้าประหนึ่งอัศวินที่เตรียมพร้อมจะออกรบและทันทีที่เขามาถึง หน้าที่อัศวินก็ถูกเปลี่ยนมือทันที
“ไปซื้อมาตอนไหน”
“เมื่อกี้ค่ะ แป้งกลัวพี่ปริตรเหนื่อย”
ช่าง เป็นความปรารถนาดีเสียเหลือเกิน...ปริตรนึกในใจเขามองกระเป๋าแล้วอยากจะ บอกว่าสำหรับผู้ชายตัวสูงแล้วกระเป๋าพวกนี้น่าจะเป็นภาระให้เสียมากกว่า แต่เขาจะทำอะไรได้นอกจากรับมันมาแล้ว...เดินตามเธอไป
กว่า การตะลุยงานหนังสือจะเสร็จสิ้นปริตรก็แทบจะสิ้นใจเขาได้หนังสือตัวเองมาสี่ เล่มแต่ของคนที่นั่งยิ้มอารมณ์ดีมีความสุขอย่างล้นเหลืออย่างปูนแป้งคงไม่ ต้องนับจำนวนเล่มหรอกเพราะมันกองจนเต็มพื้นที่หลังรถ ทั้งหนังสือ ทั้งของแถมของแจกแล้วยังมีอุปกรณ์ทำขนมที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงได้มีมา ขายในงานหนังสือได้
“กระทะใบละเป็นพัน ซื้อมาทำไม”
ปริตร นึกบ่นในใจเมื่อคิดถึงหนังสือสูตรทำขนมไทยกับกระทะทองเหลืองที่ปูนแป้งยืนทำ ตาละห้อยเพราะอยากได้แต่ไม่กล้าซื้อเพราะคุณวิภาสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ลูก สาวคนเล็กเข้าครัว
เหตุผลนะเหรอ...ก็เพราะปูนแป้งเคยทำไฟไหม้ห้องครัวมาแล้วกับการลองทำอาหารครั้งแรก...ไข่เจียว
“ห้ามทำไฟไหม้บ้านพี่นะ”
ปริตร ซื้อให้โดยที่หญิงสาวไม่ได้ร้องขอแต่พอได้เห็นแววตาสุกใสเต้นระริกด้วยความ ดีใจเขาก็คิดว่ามันคุ้ม แต่ก็คงจะไม่คุ้มถ้าบ้านเขาถูกวางเพลิง
“พี่ปริตรคะ”
อยู่ๆ คนที่เอาแต่นั่งยิ้มก็หันมามองหน้าแล้วยิ้มให้ชนิดที่คนมองถึงกับเผลอยิ้ม ตอบและมันก็ทำให้คำพูดที่ปูนแป้งอยากจะเอ่ยถูกกลืนหายไปทันทีแก้มนวลแดงระ เรื่อเพราะดันคิดไปว่าอยากเก็บรอยยิ้มนี้ไว้คนเดียวไม่อยากให้พี่ปิดของเธอ ยิ้มแบบนี้ให้กับผู้หญิงคนอื่น
“เรียกแล้วทำไมไม่พูด”
น้ำ เสียงนุ่มไม่ดุเหมือนทุกครั้งทำให้หญิงสาวเผลอมองเสี้ยวหน้าได้รูปที่ยังคง มองตรงไปข้างหน้าแล้วก้มลงมองมือตัวเองมีหลายอย่างที่ทำให้สับสนและนึกสงสัย แต่...เธอควรจะถามใครดี
“แป้งแค่อยากจะบอกพี่ปริตรว่า...ขอบคุณนะคะที่มาเป็นเพื่อนแป้งแล้วยังซื้อหนังสือให้แป้งตั้งเยอะ”
“พี่ไม่ได้ให้ฟรีนะ”
“อ้าว...”
ปูนแป้งทำหน้าแปลกแล้วเผลอค้อนคนข้างๆเมื่อเขาหัวเราะออกมา
“แล้วพี่จะบอกว่าจะขออะไรแป้ง”
ปริตลบ อก ทั้งๆที่ในใจเขากำลังคิดว่า...ขอเพียงเธอหันมามองเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งจะ ได้ไหมแต่มันก็เป็นได้แค่เพียงคำขอในใจเท่านั้น คำขอที่เขาไม่อาจเอ่ยออกมา
“คุณป้าขา แป้งมีเรื่องอยากจะถามค่ะ”
หลัง จากวุ่นวายกับการขนหนังสือเข้าบ้านแล้วแยกใส่ลังให้คนที่ฝากซื้อแล้วปูนแป้ง ก็แทบจะไม่ได้พูดกับปริตรเลยหญิงสาวรอจนทานอาหารเย็นเสร็จทุกคนแยกย้ายกัน เข้าห้องถึงได้ย่องลงมาแล้วแอบมาเคาะประตูห้องคุณจันทรา
เพราะ ตอนที่แต่งงานภรรยาของอาพงศ์กับพัชรพรรณบอกกับเธอว่าถ้าหากมีปัญหาอะไรให้ ลองปรึกษาคุณจันทรา แล้วเธอจะได้มุมมองใหม่ๆที่คิดไม่ถึงซึ่งเธอเองก็คิดมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำว่า จะถามดีไหมแต่จะให้ไปปรึกษาคนอื่นก็ไมเห็นมีใครแล้วโดยเฉพาะคุณวิภาถ้าขืนไป ถามคงได้คำตอบที่ชวนออกไปนอกทะเลไม่ต้องรู้เรื่องกันเลย
“ว่าไง กลุ้มใจกับความรู้สึกของตัวเองล่ะสิ”
ปูนแป้งพยักหน้ารับอายๆ เธอเดินเข้าไปในห้องตามคำเชิญของผู้เป็นเจ้าของแล้วนั่งลงตรงขอบเตียงก้มหน้าลงมองมือตัวเองด้วยความสับสน
“อาแอนบอกว่าถ้ามีอะไรให้มาปรึกษาคุณป้าได้แป้งเลย...”
คำพูดถูกกลืนหายไปในชั่ววินาทีหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่กลับมานั่งตรงหน้าแล้วถอนใจออกมาเบาๆ
“เคยถามตัวเองไหมว่าทำไมถึงชอบปราชญ์”
“พี่ปราชญ์ใจดีค่ะ”
ปูนแป้งตอบได้ทันทีโดยไม่ลังเล
“แล้วปริตรล่ะ รู้สึกยังไง”
“พี่ปริตรดุ ชอบทำเสียงดุ ทำหน้าเคร่งใส่แป้ง”
“แล้วเวลาที่มีปัญหาทำไมหนูถึงคิดถึงปริตรก่อนคนอื่น”
เป็นคำถามที่ปูนแป้งเองก็ตอบไม่ได้หญิงสาวขมวดคิ้วพยายามถามตัวเองว่าทำไม
“แล้วถ้าปริตรมีแฟน เขาคงมาช่วยอะไรหนูไม่ได้”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ พี่ปริตรยังไม่เคยมีแฟนเลย”
หญิงสาวตอบด้วยความมั่นใจ เพราะขนาดนิอรที่ขึ้นชื่อว่าทั้งสวยและมีเสน่ห์กว่าเพื่อนๆในกลุ่มยังทำให้ปริตรสนใจไม่ได้เลย
“แต่สักวันก็ต้องมี”
ปูนแป้งเงียบไป เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนหัวใจของหญิงสาวเหมือนถูกกระชากออกจากอก
“ที่จริงนะ ป้าว่าหนูไม่ต้องถามใครหรอก ถามตรงนี้ถามในสิ่งที่สงสัยแล้วค่อยๆปล่อยให้คำตอบมันออกมาเอง”
คุณจันทรายกมือขึ้นแตะหน้าอกของปูนแป้งแล้วยิ้มก่อนจะเปลี่ยนมาจับมือบางเอาไว้
“ได้คำตอบเมื่อไหร่ เราจะมาคุยกันอีกครั้ง”
เช้า วันใหม่เริ่มต้นด้วยการตื่นมาในสภาพที่ไม่ได้แตกต่างจากวันแรกเลยสักนิดแต่ วันนี้ดูเหมือนพี่ๆจะยังไม่อยากไปทำธุระเลยนอนนิ่งไม่สนใจแต่คนที่มีปัญหา กลับเป็นตัวปริตรเองเพราะเขากำลังอยากเข้าห้องน้ำ
ปัญหา คือบันบันนอนนิ่งไม่ยอมขยับ คางที่วางพาดตรงหน้าขาทำให้ชายหนุ่มกลัวว่าบันบันจะฝันเห็นอาหารเช้าแล้วตน เองจะเดือดร้อนเลยจัดการกับเจ้าตัวที่นอนเอาคางเกยอกเขาออกไปตัวเล็ก
“เจ้าตัวเล็ก ลุก”
ปริตรจับหัวเจ้าตัวเล็กเขย่าแล้วดันออกก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งบันบันเงยหน้าขึ้นมองทำเป็นอ้าปากหาวแต่ยังไม่ยอมขยับ
“ลุกเถอะพี่ ผมไม่ไหวแล้ว”
ปริตร ยอมเอ่ยปากขอร้องแต่กว่าบันบันจะยอมขยับลุกออกไปชายหนุ่มก็แทบจะวิ่งเข้า ห้องน้ำไม่ทันพอร่างสูงหายออกไปจากห้อง ร่างที่นอนขดตัวเหมือนไม่รับรู้อะไรก็ขยับตัวแล้ววิ่งตามออกไปทันที
ถ้า หากใครเคยรู้จักฤทธิ์พี่หมาทั้งหลายแล้วคงเข้าใจหัวอกของปริตรในเวลานี้ เพราะความสุขในการปลดปล่อยน้ำในเขื่อนถูกเสียงเห่า เสียงขาหน้าตะกุยประตูห้องน้ำผสานเสียงหอนโหยหวนทำให้เขาหมดความสุขไปในชั่ว พริบตา
“ชีวิตของพี่ปิด...”
ปริตรรำพึงรำพันออกมาเบาๆ แล้วรีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะเปิดประตูออกมาแล้วพบว่ามีหมาสามตัวนั่งเรียงลำดับรออยู่
“เอ้าปวดหนักปวดเบาก็ว่ามา จะพาไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ปริตรพูดแล้วเดินนำไปเปิดประตูบ้านปล่อยให้พี่ๆออกไปทำธุระกันแต่ก็ยังเดินตามไปเพราะเป็นห่วงว่าพี่ๆจะถ่ายเรี่ยราดเดี๋ยวคนสวนจะลำบาก
“ไม่ต้องตามไปหรอกพี่เขารู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ต่อธรรมชาติ ถึงไม่ได้เรียนมาแต่ก็มีจิตสำนึกนะจ๊ะ”
คำ พูดของคุณจันทราฟังอ่อนหวานแต่ชายหนุ่มอดนึกถึงใบมีดเคลือบน้ำผึ้งขึ้นมาไม่ ได้เพราะถ้าเผลอกับคำหวานก็ได้ถูกปาดคอตายแบบไม่รู้ตัวเขาหันไปมองพี่บอ มเดินเข้าไปในดงพลับพลึงตามด้วยบันบันแต่พอถึงตาเจ้าตัวเล็กเขาก็แทบจะปล่อย เสียงหัวเราะออกมา
ดง พลับพลึงแหวกออกเป็นช่องว่างเมื่อเจ้าตัวเล็กพยายามจะเข้าไปทำธุระส่วนตัว เหมือนพวกพี่ๆพอมันพ้นไปได้กิ่งไม้ที่ถูกแหวกก็ดีดกลับมาตีก้นขาวลายจุด เสียงดัง...เพลี๊ยะจนเจ้าตัวเล็กสะดุ้งร้อง...เอ๋ง ออกมาแต่ก็ยังพยายามเดินเข้าไปจนได้
ปริตร เดินกลับเข้าบ้านตั้งใจจะอาบน้ำแต่งตัวโดยใช้วิธีรองน้ำใส่อ่างล้างหน้าแล้ว ตักอาบเหมือนเมื่อคืนพอดีคุณจันทราเดินออกจากครัวแล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะถาม ด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ
“อ้าว...ไม่คิดจะเป็นมิตรกับธรรมชาติเหมือนพวกพี่ๆเขาบ้างหรือพ่อ”
...ไม่ มีคำตอบใดๆจากคนที่ยืนนิ่งหน้าห้องน้ำเขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำถามแล้ว รีบก้าวเข้าห้องน้ำก่อนจะถอนหายใจดังเฮือกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจาก ด้านนอกอะไรก็ไม่แย่เท่ากับ...มีเสียงหัวเราะของยายแป้งขี้แยด้วยน่ะสิมัน น่าเจ็บใจน้อยเสียเมื่อไหร่นี่เขาจะเอาชนะแม่ยายอาพงศ์ได้สักครั้ง ไหม...ปริตรถามกับตัวเองแล้วมองกระจก
...คงไม่มีทาง
คำตอบที่ได้ราวกลับว่ามันปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของเขาเอง
มีใครเคยฝันว่าถูกช้างนั่งทับบ้างไหมหรือว่าเขาเป็นคนแรกที่ฝันแบบนี้...
ปริตร ครางออกมาเบาๆไม่เข้าใจว่าทำไมความฝันถึงได้หนักจริงๆ ทั้งหัว ทั้งตัว ทั้งขา ขยับไปทางไหนก็ไม่ได้ชายหนุ่มยกมือขึ้นหวังดันสิ่งที่ทับอยู่บนหน้าอกออก แต่พอลืมตาขึ้นเพราะผิวสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยเขาก็ได้เห็นปลายจมูกดำๆที่ยื่น มาแทบจะชิดจมูกของตนเอง
“ตัวเล็ก เฮ้ย...”
ปริตร เรียกเจ้าตัวเล็กเสียงหลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกถึง น้ำหนักบนศีรษะนี่ตกลงหัวเขาเป็นที่นอนของพี่บอมไปแล้วใช่ไหมส่วนเจ้าตัว เล็กนั่งอยู่ที่พื้นแต่เอาตัวก่ายขึ้นมาบนตัวเขา ถ้าอย่างนั้น...
“บันบัน”
ปริตร เรียกพี่หมาอีกตัวแล้วดันเจ้าตัวเล็กออกจากหน้าตัวเองก่อนจะพบว่าจุด ยุทธศาสตร์ของตนถูกครอบครองอยู่พอเขาขยับบันบันก็ยกหัวขึ้นมองแล้วเอาคางวาง พาดไว้ที่เดิมสายตาจ้องตอบปริตรเหมือนท้าทาย
“เรื่องอะไรมานอนทับกันแบบนี้”
ชาย หนุ่มโวยวาย แต่ไม่มีโอกาสขยับตัวเพราะเจ้าตัวเล็กกระโจนเข้ามานอนทับอกเขาเหมือนเดิมพี่ บอมขยับตัวลุกขึ้นแล้วกระโดดลงจากบนศีรษะของเขามายืนที่พื้นก่อนจะทำท่าบิด ขี้เกียจด้วยอาการน่าหมั่นไส้เจ้าตัวเล็กพอเห็นลูกพี่เดินนวยนาดไปอยู่หน้า ประตูห้องก็รีบวิ่งตามไปอยู่ข้างๆทันที
พอ พี่บอมกับเจ้าตัวเล็กไปยืนรออยู่หน้าประตูบันบันก็ขยับตัวบ้างเจ้าหมาน้อย เงยหน้าขึ้นหาว ลิ้นสีชมพูยื่นออกมายาวเหยียด ก่อนจะขยับนั่งตัวตรงแล้วยกขาหน้าขึ้นแปะตรงจุดอ่อนไหวของคนที่นอนเป็นเบี้ย ล่างชนิดที่เจ้าตัวถึงกับรีบเอ่ยปาก...
“อย่าเชียวนะ”
คำ ห้ามของปริตรไม่จำเป็นเลยเพราะพอบันบันยกขาหน้าขึ้นแตะเหมือนต้องการจะบอก ว่า...พวกพี่ๆต้องการออกไปทำธุระส่วนตัวแล้วบันบันก็กระโดดลงไปที่พื้นแล้ว วิ่งไปยืนที่หน้าประตูอีกตัว
แต่ ปริตรไม่เข้าใจความหมายเพราะไม่เคยเลี้ยงสุนัขมาก่อนจึงหลับตาลงตั้งใจจะนอน ต่อและแล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นราวกับว่ามีมหกรรมดนตรีจากวงประสานเสียงชั้น นำระดับประเทศมาเปิดการแสดงในห้อง
พี่ บอมนำหอนขึ้นมาด้วยเสียงแหลมเล็กที่ไม่ค่อยระคายหูสักเท่าไหร่บันบันก็ยังพอ ทนได้ แต่พอปริตรได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กหอนขึ้นมาอีกตัวเขาพาลนึกไปถึงเสียงหวูด รถไฟที่ใกล้ปลดระวาง มันทั้งแหบทั้งโหยหวนเหมือนว่ามีใครสักคนกำลังจะเอามีดเชือดคอมันอยู่
“โอเค...โอเค พอแล้ว เข้าใจแล้วจะออกข้างนอกใช่ไหมครับพี่ เชิญครับท่านๆทุกตัว”
ชาย หนุ่มลุกพรวดขึ้นมาแล้วก้าวยาวๆไปเปิดประตูให้แต่พอจะดันประตูปิดพี่บอมกลับ ยืนเฉยขวางประตูเอาไว้แล้วมองหน้าเจ้าของบ้านสลับกับประตูหน้าบ้าน
“พี่เขาให้ไปเปิดประตูหน้าบ้านด้วยเขาไปทำธุระไม่ได้”
เสียง ของคุณจันทราดังมาจากในครัวเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองด้วย ซ้ำชายหนุ่มจึงเดินไปเปิดประตูบ้านให้กว้างที่สุดแล้วทำท่าโค้งตัวให้ตอนที่ พี่ๆเดินผ่านออกไป
เสียง หัวเราะดังขึ้นเบาๆทำให้คนที่กำลังโค้งงามๆให้พี่หมาขยับตัวขึ้นยืนตรงแล้ว หันไปมองต้นเสียง ก่อนจะทำหน้าเคร่งเพื่อปิดบังอาการขัดเขินที่เกิดขึ้นมา
ปูน แป้งยิ้มเมื่อเห็นการกระทำที่เธอไม่เคยคิดว่าปริตรจะทำได้พี่ใหญ่จอมเฮี้ยบ ชอบทำหน้าเคร่งขรึมทำท่าประชดประชันก็เป็นด้วย แก้มนวลปรากฏสีเลือดขึ้นมาเล็กน้อยดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าคนเพิ่งตื่นนอน เหมือนจะลืมตัว
ผม ที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงใบหน้าที่ไร้แว่นตากรอบดำหนาๆดูอ่อนวัยและน่ามองเขา คือพี่ปริตรในมุมที่เธอไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักและมันทำให้หัวใจสั่นไหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“เข้าเวรกี่โมง”
ปริตรเห็นว่าปูนแป้งอาบน้ำแล้วแต่ยังใส่ชุดอยู่บ้านเลยแปลกใจ เพราะจำได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุดของหญิงสาว
“แป้งขอแลกเวรกับเพื่อนค่ะคิดว่าวันนี้จะไปเดินงานหนังสือที่ศูนย์ประชุมค่ะ”
“ไปงานหนังสือ แล้วไอ้ที่กองเต็มบ้านนี่ล่ะเราอ่านหมดหรือยัง”
ปริตรถามเสียงดุมองคนตรงหน้าทำเป็นยิ้มประจบแล้วหันไปมองทางอื่นเพราะกลัวว่าตนเองจะเผลอใจอ่อน
“แล้วจะไปยังไง”
ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายแพ้และเอ่ยถามออกไปจนได้...ปริตรบ่นตัวเองในใจเมื่อหลุดปากออกไป
“รถไฟฟ้าค่ะ”
“แล้วจะซื้อเยอะมั้ย”
ชาย หนุ่มยกมือขึ้นกอดอก จับจ้องดวงตากลมโตของหญิงสาวเพื่อจับอาการโกหกและมันก็เป็นไปตามที่คิดเพราะ ปูนแป้งหลบตาแล้วพูดเบาๆว่า...น่าจะไม่เยอะ ตามนิสัยของคนที่โกหกไม่เก่ง
“งานเปิดกี่โมง”
“สิบโมงค่ะ”
หญิง สาวตอบเสียงใสเมื่อเห็นว่าปริตรไม่ได้ทำหน้าเคร่งเหมือนตอนแรกชายหนุ่มหันไป มองนาฬิกาแล้วคำนวณเวลาที่ตนเองจะใช้ในการเดินทางเพราะจำได้ว่าตอนที่ตนเอง ไปหาซื้อหนังสือกับน้องๆต้องวนหาที่จอดตั้งนานกว่าจะได้แถมยังได้ที่จอดไกล มากจนบอกกับตัวเองว่าจะไม่ขอไปอีก
“พี่อาบน้ำก่อน แล้วจะพาไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งไปเองได้”
“บอกว่าพาไปก็พาไปสิ อยากได้อะไรจดไว้แล้วกันวันนี้พี่จ่ายให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งมีเงิน”
ปูน แป้งรีบบอกก่อนจะทำคอย่นเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของคนตรงหน้าไม่มีคำพูดใดๆหลุด ออกมาจากปากของปริตรนอกจากการมองนิ่งๆแล้วเดินขึ้นไปด้านบนเท่านั้นเล่นเอา น้ำตาของหญิงสาวแทบจะไหลออกมาถ้าไม่ได้ยินเสียงของคุณจันทราเสียก่อน
“โชคดีวันนี้ได้เจ้ามือโกยมาเยอะๆนะลูกขนหน้าแข้งร่วงหมดก็ยังเหลือที่อื่นให้ร่วงอีก”
ปูนแป้งหัวเราะออกมาทั้งๆที่น้ำตาคลอเธออยากจะถามว่าขนที่ไหนบ้างแต่ไม่กล้าจนกระทั่งเดินเข้าไปในครัว
“ผมเขาออกดกดำยังร่วงได้อีกเยอะ”
คุณจันทราหันมายิ้ม แกล้งเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นแก้มของหญิงสาวแดงระเรื่อ
“คิดอะไร”
นาง แกล้งถามทั้งๆที่รู้ว่าหญิงสาวคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเพราะมีลูกสาว กับหลานสาวชอบอ่านนิยาย และทำงานมาในกลุ่มผู้หญิงล้วนๆ เลยรู้ดีว่าถ้าคิดถึงเรื่องประเภทสองแง่สามง่ามล่ะก็...ไม่ใช่ย่อยเลยสักคน
“เปล่าค่ะ แป้งแค่...”
ปูน แป้งหยุดพูดแล้วหัวเราะออกมาเพราะเธอเองก็คิดลึกจริงๆพาลนึกไปถึงตอนที่ถูก หัวหน้าพยาบาลสั่งให้จัดการกับขนในส่วนสำคัญก่อนการผ่าตัด ครั้งแรกที่ทำมือสั่นไปหมดจนรุ่นพี่ต้องทำให้ดู
แก้ม นวลที่มีสีเลือดยิ่งแดงหนักขึ้นกว่าเก่าเมื่อนึกไปถึงตอนที่รุ่นพี่จับส่วน นั้นพลิกไปพลิกมาเพื่อทำให้สะอาดและเกลี้ยงเกลาที่สุดทำไปก็หันไปพูดคุยกัน ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงานเลยสักคน
“คุณป้าไปด้วยกันนะคะ”
หญิง สาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีคุณจันทรายิ้มแล้วส่ายหน้าบอกแค่ว่าจะอยู่บ้านเป็น เพื่อนพี่ๆ พูดยังไม่ทันจบประโยคพี่บอมก็เดินเข้ามาในครัวแล้วนั่งลงข้างๆคุณจันทราเอา ขาหน้าสะกิดเบาๆเหมือนต้องการบอกอะไรบางอย่าง
“แป้งป้าวานหนูเอาหนังสือพิมพ์ไปปูที่หน้าบ้านให้หน่อยนะพี่เขาจะทำธุระ”
คุณ จันทราหันมาบอกปูนแป้งแล้วกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อหญิงสาวมองเห็นวิธีสื่อ ความต้องการแล้วนึกแปลกใจเพราะว่าตัวเองไม่เคยสื่ออะไรกับเจ้าตัวเล็กได้เลย
“เลี้ยงหมาก็เหมือนเลี้ยงลูก เราเข้าใจเขาเขาก็เข้าใจเรา”
หญิง สาวหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่เพิ่งวิ่งตามเข้ามาแล้วอยากจะร้องกรี้ดออกมาดังๆ ในปากของเจ้าตัวเล็กคือกิ้งก่าสีดำตัวใหญ่ มันดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดแต่...ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กยังอยากสนุกกับการเล่น ในครั้งนี้อยู่
“เอามันออกไปเดี๋ยวนี้”
ปูน แป้งสั่งก่อนจะกระโดดหนีเมื่อเจ้าตัวเล็กคาบกิ้งก่าวิ่งรี่เข้ามาหาหญิงสาว วิ่งไปรอบๆห้องเจ้าตัวเล็กก็วิ่งตามอย่างสนุกจนกระทั่ง...
“ออกไปเดี๋ยวนี้”
เสียง ของปริตรที่ดังขึ้นมาทำให้ทุกอย่างภายในบ้านเหมือนถูกกดปุ่มให้หยุดเจ้าตัว เล็กทำท่าจะปล่อยสิ่งที่ยังดิ้นเร่าๆในปากของตนแต่พอชายหนุ่มยกมือขึ้นชี้ หน้ามันก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปพร้อมกับสิ่งที่คาบมาทันที
“ใช่เป็นแต่อำนาจ พูดกับมันดีๆก็ได้”
คุณ จันทราพูดเปรยๆตอนที่ยกหม้อข้าวต้มออกมาวางปริตรหันไปสบตาคนพุดแล้วเดินเข้า ไปในครัวเพื่อหยิบชามกับช้อนในตู้โดยไม่ได้พูดอะไรร่างสูงยืนนิ่งอยู่ตรง นั้นเมื่อได้ยินเสียงน้องชายทักทายกับปูนแป้งและดูเหมือนว่าเสียงของหญิง สาวจะฟังดูสดใสผิดกับยามที่คุยกับเขาราวกับเป็นคนละคน
“ไม่ไปทำงานหรือไงล่ะพ่อ”
คุณ จันทราเอ่ยปากถามเมื่อรับไหว้ปราชญ์สายตาเลื่อนไปทางปูนแป้งที่กำลังยิ้ม ทั้งปากและตาจนดูน่าหมั่นไส้กับอาการดีใจจนออกนอกหน้าที่แสดงออกมา
“แป้งไปเอาชามกับช้อนมาให้พี่เขาสิ”
คุณ จันทราบอก แต่ปราชญ์กลับเอ่ยปากปฏิเสธแล้วบอกว่าตนเองแค่ต้องการเอาเอกสารที่มฆวัน แฟกซ์มาจากสงขลามาให้ปริตรเท่านั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะยกมือไหว้ลาแล้วเดินออก ไปโดยไม่ได้แสดงอาการใดๆให้เห็นว่ามีความต้องการอื่นนอกจากเอาเอกสารมาให้ พี่ชายจริงๆ
แค่ นี้คุณจันทราก็แน่ใจแล้วว่าปราชญ์ไม่ได้สนใจปูนแป้งเป็นพิเศษแต่ปูนแป้งเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เพียงแต่ตอนนี้ปราชญ์ยังไม่มีใครหญิงสาวจึงพอมีความหวัง ส่วนคนที่ยืนบื้อเป็นท่อนไม้นั่นน่ะ...
คุณจันทราถอนหายใจออกมาเบาๆ...ดูท่าจะต้องลุ้นกันนาน
โชค ดีที่ปูนแป้งเลือกมางานหนังสือในช่วงวันธรรมดาทำให้ไม่ค่อยมีคนมาเดินซื้อ หนังสือปริตรเองก็ถือว่าตัวเองโชคดีที่มาก่อนเวลาเปิดทำให้หาที่จอดได้ใกล้ๆ ทางเข้า
แต่...
ดู เหมือนการมางานหนังสือครั้งนี้จะมีปัญหาหนักเพราะตอนที่ขับรถมากลางทางเขาก็ ได้รับสายตรงจากอาพงศ์ให้จัดการซื้อหนังสือให้ด้วยและรายชื่อหนังสือที่ส่ง มาทางไลน์ก็ยาวเหยียดเสียจนเขาแทบจะหันรถกลับ
และ หลังจากนั้นไม่นานข้อความจากเมฆาก็เด้งขึ้นมาเป็นประโยคสั้นๆว่า...ทุก เรื่องขอสองก่อนที่จะมีข้อความส่งมาสองครั้งว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีของเขาจาก พงศธรกับเมฆา
“เดี๋ยวแป้งจัดการให้ค่ะ”
ปูน แป้งรับอาสาด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าเต็มใจจนปริตรนึกสงสัยว่าทำไม ถึงต้องแยกกันซื้อในเมื่ออยู่ในเขตรั้วเดียวกันซื้อเล่มเดียวมาแบ่งกันอ่าน ก็ได้และปูนแป้งก็ดูจะอ่านความคิดของคนข้างๆออก
“เพราะมันเป็นความสุขเวลาที่เห็นพวกมันวางเรียงอยู่บนชั้นของเราเองไงคะ”
ปูน แป้งพูดเหมือนนั่งอยู่ในใจของคนข้างๆพร้อมกับรอยยิ้มที่น้อยครั้งนักเขาจะ ได้เห็นเพราะส่วนใหญ่จะเป็นยิ้มฝืนๆหรือใบหน้าแหยเกเหมือนจะร้องไห้ และปริตรก็อยากจะเห็นเธอยิ้มมากกว่าร้องไห้แต่ไม่รู้เป็นอะไรพอเห็นหน้าทีไร ก็เผลอหาเรื่องดุหญิงสาวเสียทุกที
ปริตร กำลังนึกอะไรอยู่เพลินๆ พอหันมาเห็นกองหนังสือที่ปูนแป้งเลือกไว้ก็แทบล้มทั้งยืนนี่แค่ร้านเดียว หญิงสาวยังซื้อเกือบสามสิบเล่มแล้วกว่าจะเดินทั่วงานเขาไม่ต้องหารถบรรทุกมา ขนหนังสือพวกนี้กลับหรือไงกัน
แต่ เขาก็ทำได้แค่คิดเพราะพอถึงเวลาก็ต้องเดินเข้าไปจ่ายเงินอยู่ดี เขารอให้พนักงานแยกหนังสือออกเป็นสามส่วนตามที่ปูนแป้งบอกก่อนจะมองหญิงสาว กางถุงผ้าแล้วเรียงหนังสือลงไปเหมือนเป็นเรื่องธรรมดากับการจับจ่ายหนังสือ ในครั้งนี้
“ซื้ออย่างนี้ทุกครั้งหรือเปล่า”
ปริตร ถามเมื่อรับถุงหนังสือหนักอึ้งที่พงศธรกับเมฆาฝากซื้อมาถือไว้เขามองปูนแป้ง เอาหนังสือส่วนของตัวเองใส่ถุงผ้าแล้วสะพายบ่าเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ ผู้หญิงตัวเล็กๆจะแบกหนังสือเดินไปไหนมาไหนได้สบายๆ
แต่ ข้อสงสัยของปริตรก็ต้องพับเก็บไปเมื่อเห็นผู้หญิงหลายคนหอบหิ้วหนังสือนิยาย มากมายเดินผ่านไปมาแถมบางคนยังแวะเข้าไปดูเสียทุกร้านโดยไม่มีท่าทางว่าจะพอ กับสิ่งที่ซื้อมา
“วันนี้เยอะหน่อยนะคะเดี๋ยวพี่ปริตรเอาหนังสือพวกนี้ไปเก็บที่รถจะได้ไม่ต้องแบกหนักไงคะส่วนแป้งก็จะรอพี่ตรงนี้เราจะได้ไปลุยต่อ”
ปริตร มองบรรดาถุงมากมายที่ตนเองหอบหิ้วอยู่ก็แทบถอนใจออกมาดังๆยิ่งได้ยินคำว่า ลุยต่อก็นึกอยากจะเอาหญิงสาวยัดลงถุงผ้าแล้วหิ้วกลับบ้านตอนนี้เลยแต่สิ่ง ที่ทำได้คือหอบทุกอย่างกลับไปที่รถก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง
แต่...คราว นี้ปูนแป้งไม่ได้ยืนมือเปล่าเหมือนตอนที่เขาไปหญิงสาวถือกระเป๋าล้อลากสองใบ รออยู่ด้วยสีหน้าประหนึ่งอัศวินที่เตรียมพร้อมจะออกรบและทันทีที่เขามาถึง หน้าที่อัศวินก็ถูกเปลี่ยนมือทันที
“ไปซื้อมาตอนไหน”
“เมื่อกี้ค่ะ แป้งกลัวพี่ปริตรเหนื่อย”
ช่าง เป็นความปรารถนาดีเสียเหลือเกิน...ปริตรนึกในใจเขามองกระเป๋าแล้วอยากจะ บอกว่าสำหรับผู้ชายตัวสูงแล้วกระเป๋าพวกนี้น่าจะเป็นภาระให้เสียมากกว่า แต่เขาจะทำอะไรได้นอกจากรับมันมาแล้ว...เดินตามเธอไป
กว่า การตะลุยงานหนังสือจะเสร็จสิ้นปริตรก็แทบจะสิ้นใจเขาได้หนังสือตัวเองมาสี่ เล่มแต่ของคนที่นั่งยิ้มอารมณ์ดีมีความสุขอย่างล้นเหลืออย่างปูนแป้งคงไม่ ต้องนับจำนวนเล่มหรอกเพราะมันกองจนเต็มพื้นที่หลังรถ ทั้งหนังสือ ทั้งของแถมของแจกแล้วยังมีอุปกรณ์ทำขนมที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงได้มีมา ขายในงานหนังสือได้
“กระทะใบละเป็นพัน ซื้อมาทำไม”
ปริตร นึกบ่นในใจเมื่อคิดถึงหนังสือสูตรทำขนมไทยกับกระทะทองเหลืองที่ปูนแป้งยืนทำ ตาละห้อยเพราะอยากได้แต่ไม่กล้าซื้อเพราะคุณวิภาสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ลูก สาวคนเล็กเข้าครัว
เหตุผลนะเหรอ...ก็เพราะปูนแป้งเคยทำไฟไหม้ห้องครัวมาแล้วกับการลองทำอาหารครั้งแรก...ไข่เจียว
“ห้ามทำไฟไหม้บ้านพี่นะ”
ปริตร ซื้อให้โดยที่หญิงสาวไม่ได้ร้องขอแต่พอได้เห็นแววตาสุกใสเต้นระริกด้วยความ ดีใจเขาก็คิดว่ามันคุ้ม แต่ก็คงจะไม่คุ้มถ้าบ้านเขาถูกวางเพลิง
“พี่ปริตรคะ”
อยู่ๆ คนที่เอาแต่นั่งยิ้มก็หันมามองหน้าแล้วยิ้มให้ชนิดที่คนมองถึงกับเผลอยิ้ม ตอบและมันก็ทำให้คำพูดที่ปูนแป้งอยากจะเอ่ยถูกกลืนหายไปทันทีแก้มนวลแดงระ เรื่อเพราะดันคิดไปว่าอยากเก็บรอยยิ้มนี้ไว้คนเดียวไม่อยากให้พี่ปิดของเธอ ยิ้มแบบนี้ให้กับผู้หญิงคนอื่น
“เรียกแล้วทำไมไม่พูด”
น้ำ เสียงนุ่มไม่ดุเหมือนทุกครั้งทำให้หญิงสาวเผลอมองเสี้ยวหน้าได้รูปที่ยังคง มองตรงไปข้างหน้าแล้วก้มลงมองมือตัวเองมีหลายอย่างที่ทำให้สับสนและนึกสงสัย แต่...เธอควรจะถามใครดี
“แป้งแค่อยากจะบอกพี่ปริตรว่า...ขอบคุณนะคะที่มาเป็นเพื่อนแป้งแล้วยังซื้อหนังสือให้แป้งตั้งเยอะ”
“พี่ไม่ได้ให้ฟรีนะ”
“อ้าว...”
ปูนแป้งทำหน้าแปลกแล้วเผลอค้อนคนข้างๆเมื่อเขาหัวเราะออกมา
“แล้วพี่จะบอกว่าจะขออะไรแป้ง”
ปริตลบ อก ทั้งๆที่ในใจเขากำลังคิดว่า...ขอเพียงเธอหันมามองเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งจะ ได้ไหมแต่มันก็เป็นได้แค่เพียงคำขอในใจเท่านั้น คำขอที่เขาไม่อาจเอ่ยออกมา
“คุณป้าขา แป้งมีเรื่องอยากจะถามค่ะ”
หลัง จากวุ่นวายกับการขนหนังสือเข้าบ้านแล้วแยกใส่ลังให้คนที่ฝากซื้อแล้วปูนแป้ง ก็แทบจะไม่ได้พูดกับปริตรเลยหญิงสาวรอจนทานอาหารเย็นเสร็จทุกคนแยกย้ายกัน เข้าห้องถึงได้ย่องลงมาแล้วแอบมาเคาะประตูห้องคุณจันทรา
เพราะ ตอนที่แต่งงานภรรยาของอาพงศ์กับพัชรพรรณบอกกับเธอว่าถ้าหากมีปัญหาอะไรให้ ลองปรึกษาคุณจันทรา แล้วเธอจะได้มุมมองใหม่ๆที่คิดไม่ถึงซึ่งเธอเองก็คิดมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำว่า จะถามดีไหมแต่จะให้ไปปรึกษาคนอื่นก็ไมเห็นมีใครแล้วโดยเฉพาะคุณวิภาถ้าขืนไป ถามคงได้คำตอบที่ชวนออกไปนอกทะเลไม่ต้องรู้เรื่องกันเลย
“ว่าไง กลุ้มใจกับความรู้สึกของตัวเองล่ะสิ”
ปูนแป้งพยักหน้ารับอายๆ เธอเดินเข้าไปในห้องตามคำเชิญของผู้เป็นเจ้าของแล้วนั่งลงตรงขอบเตียงก้มหน้าลงมองมือตัวเองด้วยความสับสน
“อาแอนบอกว่าถ้ามีอะไรให้มาปรึกษาคุณป้าได้แป้งเลย...”
คำพูดถูกกลืนหายไปในชั่ววินาทีหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่กลับมานั่งตรงหน้าแล้วถอนใจออกมาเบาๆ
“เคยถามตัวเองไหมว่าทำไมถึงชอบปราชญ์”
“พี่ปราชญ์ใจดีค่ะ”
ปูนแป้งตอบได้ทันทีโดยไม่ลังเล
“แล้วปริตรล่ะ รู้สึกยังไง”
“พี่ปริตรดุ ชอบทำเสียงดุ ทำหน้าเคร่งใส่แป้ง”
“แล้วเวลาที่มีปัญหาทำไมหนูถึงคิดถึงปริตรก่อนคนอื่น”
เป็นคำถามที่ปูนแป้งเองก็ตอบไม่ได้หญิงสาวขมวดคิ้วพยายามถามตัวเองว่าทำไม
“แล้วถ้าปริตรมีแฟน เขาคงมาช่วยอะไรหนูไม่ได้”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ พี่ปริตรยังไม่เคยมีแฟนเลย”
หญิงสาวตอบด้วยความมั่นใจ เพราะขนาดนิอรที่ขึ้นชื่อว่าทั้งสวยและมีเสน่ห์กว่าเพื่อนๆในกลุ่มยังทำให้ปริตรสนใจไม่ได้เลย
“แต่สักวันก็ต้องมี”
ปูนแป้งเงียบไป เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนหัวใจของหญิงสาวเหมือนถูกกระชากออกจากอก
“ที่จริงนะ ป้าว่าหนูไม่ต้องถามใครหรอก ถามตรงนี้ถามในสิ่งที่สงสัยแล้วค่อยๆปล่อยให้คำตอบมันออกมาเอง”
คุณจันทรายกมือขึ้นแตะหน้าอกของปูนแป้งแล้วยิ้มก่อนจะเปลี่ยนมาจับมือบางเอาไว้
“ได้คำตอบเมื่อไหร่ เราจะมาคุยกันอีกครั้ง”
เช้า วันใหม่เริ่มต้นด้วยการตื่นมาในสภาพที่ไม่ได้แตกต่างจากวันแรกเลยสักนิดแต่ วันนี้ดูเหมือนพี่ๆจะยังไม่อยากไปทำธุระเลยนอนนิ่งไม่สนใจแต่คนที่มีปัญหา กลับเป็นตัวปริตรเองเพราะเขากำลังอยากเข้าห้องน้ำ
ปัญหา คือบันบันนอนนิ่งไม่ยอมขยับ คางที่วางพาดตรงหน้าขาทำให้ชายหนุ่มกลัวว่าบันบันจะฝันเห็นอาหารเช้าแล้วตน เองจะเดือดร้อนเลยจัดการกับเจ้าตัวที่นอนเอาคางเกยอกเขาออกไปตัวเล็ก
“เจ้าตัวเล็ก ลุก”
ปริตรจับหัวเจ้าตัวเล็กเขย่าแล้วดันออกก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งบันบันเงยหน้าขึ้นมองทำเป็นอ้าปากหาวแต่ยังไม่ยอมขยับ
“ลุกเถอะพี่ ผมไม่ไหวแล้ว”
ปริตร ยอมเอ่ยปากขอร้องแต่กว่าบันบันจะยอมขยับลุกออกไปชายหนุ่มก็แทบจะวิ่งเข้า ห้องน้ำไม่ทันพอร่างสูงหายออกไปจากห้อง ร่างที่นอนขดตัวเหมือนไม่รับรู้อะไรก็ขยับตัวแล้ววิ่งตามออกไปทันที
ถ้า หากใครเคยรู้จักฤทธิ์พี่หมาทั้งหลายแล้วคงเข้าใจหัวอกของปริตรในเวลานี้ เพราะความสุขในการปลดปล่อยน้ำในเขื่อนถูกเสียงเห่า เสียงขาหน้าตะกุยประตูห้องน้ำผสานเสียงหอนโหยหวนทำให้เขาหมดความสุขไปในชั่ว พริบตา
“ชีวิตของพี่ปิด...”
ปริตรรำพึงรำพันออกมาเบาๆ แล้วรีบล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะเปิดประตูออกมาแล้วพบว่ามีหมาสามตัวนั่งเรียงลำดับรออยู่
“เอ้าปวดหนักปวดเบาก็ว่ามา จะพาไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ปริตรพูดแล้วเดินนำไปเปิดประตูบ้านปล่อยให้พี่ๆออกไปทำธุระกันแต่ก็ยังเดินตามไปเพราะเป็นห่วงว่าพี่ๆจะถ่ายเรี่ยราดเดี๋ยวคนสวนจะลำบาก
“ไม่ต้องตามไปหรอกพี่เขารู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ต่อธรรมชาติ ถึงไม่ได้เรียนมาแต่ก็มีจิตสำนึกนะจ๊ะ”
คำ พูดของคุณจันทราฟังอ่อนหวานแต่ชายหนุ่มอดนึกถึงใบมีดเคลือบน้ำผึ้งขึ้นมาไม่ ได้เพราะถ้าเผลอกับคำหวานก็ได้ถูกปาดคอตายแบบไม่รู้ตัวเขาหันไปมองพี่บอ มเดินเข้าไปในดงพลับพลึงตามด้วยบันบันแต่พอถึงตาเจ้าตัวเล็กเขาก็แทบจะปล่อย เสียงหัวเราะออกมา
ดง พลับพลึงแหวกออกเป็นช่องว่างเมื่อเจ้าตัวเล็กพยายามจะเข้าไปทำธุระส่วนตัว เหมือนพวกพี่ๆพอมันพ้นไปได้กิ่งไม้ที่ถูกแหวกก็ดีดกลับมาตีก้นขาวลายจุด เสียงดัง...เพลี๊ยะจนเจ้าตัวเล็กสะดุ้งร้อง...เอ๋ง ออกมาแต่ก็ยังพยายามเดินเข้าไปจนได้
ปริตร เดินกลับเข้าบ้านตั้งใจจะอาบน้ำแต่งตัวโดยใช้วิธีรองน้ำใส่อ่างล้างหน้าแล้ว ตักอาบเหมือนเมื่อคืนพอดีคุณจันทราเดินออกจากครัวแล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะถาม ด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ
“อ้าว...ไม่คิดจะเป็นมิตรกับธรรมชาติเหมือนพวกพี่ๆเขาบ้างหรือพ่อ”
...ไม่ มีคำตอบใดๆจากคนที่ยืนนิ่งหน้าห้องน้ำเขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำถามแล้ว รีบก้าวเข้าห้องน้ำก่อนจะถอนหายใจดังเฮือกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจาก ด้านนอกอะไรก็ไม่แย่เท่ากับ...มีเสียงหัวเราะของยายแป้งขี้แยด้วยน่ะสิมัน น่าเจ็บใจน้อยเสียเมื่อไหร่นี่เขาจะเอาชนะแม่ยายอาพงศ์ได้สักครั้ง ไหม...ปริตรถามกับตัวเองแล้วมองกระจก
...คงไม่มีทาง
คำตอบที่ได้ราวกลับว่ามันปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของเขาเอง
tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ย. 2557, 19:37:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ย. 2557, 19:37:36 น.
จำนวนการเข้าชม : 1820
<< หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๘ | ตอนที่ ๑๐ >> |
ใบบัวน่ารัก 22 พ.ย. 2557, 20:14:38 น.
น่าอิจฉาน้องแป้งมาก
ซื้อหนังสือมากมาย มีคนจ่ายให้
เค้าขอแล้วกัน ถ้าแป้งไม่รับ ไม่รัก
น่าอิจฉาน้องแป้งมาก
ซื้อหนังสือมากมาย มีคนจ่ายให้
เค้าขอแล้วกัน ถ้าแป้งไม่รับ ไม่รัก
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 22 พ.ย. 2557, 22:29:15 น.
ชอบพี่บอม พี่บัน บัน จังมีวินัย แสนรู้ แต่แอบขำเจ้าตัวเล็ก..... เมื่อไหร่น้องแป้งจะรู้ใจตัวเองนะ
ชอบพี่บอม พี่บัน บัน จังมีวินัย แสนรู้ แต่แอบขำเจ้าตัวเล็ก..... เมื่อไหร่น้องแป้งจะรู้ใจตัวเองนะ
konhin 23 พ.ย. 2557, 00:17:24 น.
น้องแป้งเริ่มคิดแระ
น้องแป้งเริ่มคิดแระ
ribbin 23 พ.ย. 2557, 17:36:39 น.
สงสัย หนอนหนังสือจะเป็นเหมือนกันทุกคนเลย 555
เป็นกำลังใจให้พี่ปิดนะคะ
สงสัย หนอนหนังสือจะเป็นเหมือนกันทุกคนเลย 555
เป็นกำลังใจให้พี่ปิดนะคะ
Zephyr 24 พ.ย. 2557, 01:18:45 น.
อยากถอยหนังสือเยอะ แต่ตังค์ครบแบบนี้บ้างจัง
เหม่ พี่ปิดโดนพี่หมาแกล้งตลอดเลย
อยากถอยหนังสือเยอะ แต่ตังค์ครบแบบนี้บ้างจัง
เหม่ พี่ปิดโดนพี่หมาแกล้งตลอดเลย
PiNVE 24 พ.ย. 2557, 16:05:49 น.
อยากได้หนังสือแบบน้องแป้ง (มีคนจ่ายให้ ถือให้อีกด้วย)
อยากได้หนังสือแบบน้องแป้ง (มีคนจ่ายให้ ถือให้อีกด้วย)
innam 29 พ.ย. 2557, 11:18:18 น.
ตามเป็นกำลังใจให้เธอ
ตามเป็นกำลังใจให้เธอ
ผักหวาน 15 ธ.ค. 2557, 21:05:16 น.
เอ็นดูเจ้าตัวเล็กมากๆ เลยค่ะ ขี้เล่นดี
เอ็นดูเจ้าตัวเล็กมากๆ เลยค่ะ ขี้เล่นดี