Messenger คนส่งความสุข (Short Story)
กินรี ไร้ซึ่งความกล้า แม้แต่การตัดใจจากผู้ชายคนหนึ่งที่ทิ้งเธอไป

สณฑ์ คนส่งสารประจำเกาะ เขาเห็นเธอทุกข์ก็อยากจะส่งความสุขให้เธอ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 1-1


Messenger


บรรยากาศในร้านขายของที่ระลึกริมทะเลต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่เนืองๆ หญิงสาวในชุดกระโปรงคลุมเข่า ชายปลิวพลิ้วไปด้านหลังตามกระแสลม ดวงหน้าเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มเหลือบมองชั้นวางโปสการ์ดขนาดเท่าฝ่ามืออย่างลังเล เธอเดินผ่านไปห้าหกรอบ ท้ายที่สุดก็ต้องถอยหลังกลับมา

กาแฟในร้านกาแฟโบราณที่อยู่ติดร้านขายของที่ระลึกส่งกลิ่นหอมอ่อนมาเข้าจมูก ชายสูงวัยกลุ่มย่อมๆ นั่งล้อมวงคุยสนทนาประจำวันอย่างออกรส มือเคลื่อนหมากรุกบนกระดานอย่างใจเย็น ไม่รู้ว่าบรรยากาศอันน่าผ่อนคลาย กอปรกับภาพถ่ายสวยบนชั้นวางที่มองแล้วสดชื่นดึงดูดให้เธอเดินผ่านเลยไปเฉยๆ ไม่ได้

แรงผลักดันลึกๆ ในใจ ผสานความโหยหาใครบางคนทำให้มือขาวเอื้อมไปหยิบโปสการ์ดรูปทะเลน้ำใส มีแสงอาทิตย์สว่างไสวขึ้นมารูปหนึ่ง รูปเรือที่ลอยนิ่งอยู่กลางทะเลไม่ต่างอะไรกับความเหงาในใจที่เกาะกินเธอมานานกว่าหลายเดือน

ชายสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงสั้นเท่าเข่ายืนเท้าแขนกับชั้นวางโปสการ์ด ดวงตาดำสนิทมองใบหน้าลูกค้าที่ยืนหน้าละห้อยมองภาพในโปสการ์ดอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาเห็นเจ้าหล่อนเดินไป แล้วก็วนกลับมา เดินไปมาจนเขามั่นใจว่าท้ายที่สุดเธอก็คงมาซื้อโปสการ์ดสักใบนี้แน่

“อย่าร้องไห้นะคุณ ร้านผมมีแต่ผ้าขี้ริ้ว”

ลูกค้าร่างบางสะดุ้ง สายตาลอกแลกกวาดมองหาคนทักอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าใครทักเธอก็ก้มหน้าก้มตาค้นหาเงินมาจ่ายค่าโปสการ์ดในมือ ก่อนจะสาวเท้าออกจากร้านไปเร็วๆ

ชายหนุ่มเกาหัวแกรกๆ สายตายังคงมองตามลูกค้ารายล่าสุดด้วยความสนใจ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ให้ตัวเอง

...ลูกค้าอีกรายที่หนีมาพักใจ


หกเดือนก่อน มีผู้ชายคนหนึ่งบอกกับเธอว่าเธอเป็นผู้หญิงที่จืดชืด และน่าเบื่อที่สุดในโลก ในวันนั้นเขาทิ้งกันไปอย่างไม่แยแส ซ้ำร้ายยังไม่แม้แต่เหลียวมามองว่าเธออึ้ง และร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอย่างไรหลังเขาจากไป ร้องทั้งที่ไม่มีเสียงจะร้อง มือที่อยากจะเอื้อมไปรั้งเขาไว้ไม่ให้ไปก็คล้ายอ่อนแรง

สามปีที่เธอคบกับ ‘ผู้ชายคนนั้น’ จบลงในวันเดียว ไม่มีสัญญาณใดๆ เตือนล่วงหน้า ราวกับว่าเธอตื่นมาในเช้าวันหนึ่งพบว่าโลกทั้งใบถล่ม และเหลือเธอทิ้งไว้ท่ามกลางกองซากปรักหักพัง ทิ้งไว้ให้ผจญกับความหนาวเหน็บ

ผู้ชายเย็นชาออกปานนั้น แต่หกเดือนที่ผ่านมาเธอก็ยังโง่งมคิดถึง ปากกาลูกลื่นสีดำจดชื่อและที่อยู่ของผู้รับที่หญิงสาวจำได้ขึ้นใจลงไปตรงมุมกระดาษ เนื้อที่ตรงกลางแผ่นหลังโปสการ์ดยังว่างเปล่าโดยปราศจากข้อความ

กินรีถอนหายใจ มือกำด้ามปากกาไว้แน่น เมื่อความต้องการลึกๆ ผลักให้เธอเขียนคำหนึ่งคำลงไป อย่างไรเธอก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว หกเดือนที่เธอหนีจากความจริง ควรถึงเวลาสิ้นสุดเสียที

‘คิดถึง’ มีรูปหัวใจเล็กๆ วาดไว้หลังคำ กินรีตัดสินใจส่งโปสการ์ดในตู้รับส่งโปสการ์ดที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากร้านขาย หลังหย่อนส่งไปเธอก็ได้แต่ถามตัวเอง

...เธอคาดหวังอะไรกับผู้ชายที่ทิ้งไป หวังให้เขากลับมา หรือสมน้ำหน้าที่เธอโง่เง่า ยังไม่ลืมเขาดีล่ะ

หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะหยันตัวเองเบาๆ ขอแค่เขายังไม่มีใคร โอกาสมีเพียงศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เธอก็ยังหวังให้เขาไม่ลืมกัน...อย่างน้อยๆ ก็ยังรู้ว่ามีใครคนหนึ่ง รอเขาอยู่เสมอ


กินรีออกมาจากครัว มือถือขนมปังปิ้งอาหารเช้าอย่างง่ายหลังจัดการธุระเสร็จในตอนเช้า ทุกวันเธอต้องออกไปเปิดร้านเช่าอุปกรณ์ดำน้ำของญาติที่เธอมาช่วยดูแลกว่าครึ่งปี ก่อนที่เธอจะออกจากบ้านเสียงข้อความที่ดังในโทรศัพท์ดึงความสนใจเธอไว้ได้ คนชอบลืมเครื่องมือสื่อสารเดินไปหยิบโทรศัพท์มากดอ่าน ปากเคี้ยวขนมปังตุ้ยๆ จนแก้มป่อง ยังไม่ทันกลืนหญิงสาวก็สำลักขนมปังที่กลืนไปได้เพียงครึ่งคอ หน้าตาแดงก่ำ

อีเมล์ของกินรีมีข้อความจาก ‘คนๆ นั้น’ ส่งมา แค่หัวข้อสติของเธอก็ปลิดปลิวหายไป หัวใจที่เคยอยู่ตรงอกซ้ายตกฮวบไปกองแถวตาตุ่ม ภาพการ์ดแต่งงาน และเวลาอันชัดเจนในหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าของบ่าวสาวเหมือนระเบิดลูกเกลี้ยงกลิ้งลงมากลางสมอง ที่สำคัญคือเขาไม่ได้ตั้งใจส่งมาให้เธอเพียงคนเดียว ในรายชื่อผู้รับยังมีอีกหลายอีเมล์บอกชัดว่าเธอไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย

หญิงสาวพยายามเรียกสติคืนมา ดื่มน้ำเย็นให้กลืนขนมปังลงคอคล่อง หายใจเข้าลึกๆ ขับไล่รสขมปร่าในอก แต่น่าแปลกที่คราวนี้เธอไม่ฟูมฟาย ไม่มีน้ำตาสักหยดมาตอกย้ำความจริง กินรีกำลังปรับความรู้สึก และทบทวนว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ภาพโปสการ์ดที่เธอเพิ่งส่งไปเมื่อวานก็ทำให้ดวงตาเล็กเบิกโตขึ้นอย่างวิตก มือเย็นเฉียบ

ไม่ได้การ เธอจะปล่อยให้โปสการ์ดใบนั้นไปถึงมือเขาไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!


ร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากที่พัก เพราะอากาศเย็นรับอรุณยามเช้า เธอจึงไม่ได้มีเหงื่อไหลไคลย้อย เบื้องหลังบุรุษเสื้อยืดสีขาว สวมหมวกแก๊ปสีแดงที่เพิ่งไขกุญแจตู้ส่งโปสการ์ดสีแดงเร่งให้สองขาของเธอซอยเร็วรี่ ลมหายใจหอบ กับร่างกายที่ไม่ได้แข็งแรงนักหยุดหอบเบื้องหน้าคนบนจักรยาน หญิงสาวดึงแฮนด์รถของเขาไว้ กว่าจะเรียบเรียงคำพูดได้ก็ตอนที่คนบนรถจักรยานลงยืนบนพื้นแล้ว

“มีอะไรกับผมหรือเปล่า”

“ฉันขอโปสการ์ดที่ฉันส่งเมื่อวานนี้คืน...ได้ไหมคะ”

เจ้าของร้านโปสการ์ดหรี่ตามองผู้หญิงเบื้องหน้าตนอย่างจับสังเกต เขาจำหล่อนได้ก็ตอนนี้ ภาพผู้หญิงสีหน้าลังเล เดินกลับไปกลับมาหน้าร้านเขาตอนเมื่อวานนี้เอง สีหน้าทุกข์ร้อนของเจ้าหล่อนดูอย่างไรก็เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ

“มันสำคัญมากเหรอ ก็แค่โปสการ์ดใบหนึ่ง”

กินรีมีร่องรอยเจ็บปวดในแววตา สณฑ์มองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงที่ไม่กล้าแม้แต่สบตาเขา เอาแต่มองพื้นถนน กับมือของตัวเองจะมีความกล้าพอบอกให้เขารู้ไหม

“คือ...ฉันเขียนชื่อผู้รับผิด”

“คุณกำลังโกหก” ร่างสูงบอกอย่างรู้ทัน

ร่างเล็กสั่นน้อยๆ หญิงสาวงึมงำในคออย่างอัดอั้น แต่ไม่กล้าแสดงออกว่าขุ่นเคือง สณฑ์หัวเราะเบาๆ รู้สึกตลกกับผู้หญิงที่ปิดกั้นความรู้สึกตัวเอง

“ผมส่งไปแล้ว”

ครั้งนี้เขาโกหก...สณฑ์บอกหน้าตาย เขาเห็นอาการตาเล็กเงยขึ้นมามองอย่างตกตะลึง ปากอ้ากว้างแต่ไร้เสียงเล็ดลอด ก็ต้องกลั้นขำสุดชีวิต เธอแสดงสีหน้าออกมาได้เป็นธรรมชาติจริงๆ ที่จริงโปสการ์ดที่เจ้าหล่อนตามหาก็ยังนอนแน่นิ่งอยู่ในกระเป๋าที่เขาเอามาใส่นั่นแหละ

“แต่ผมไปตามเรื่องให้คุณได้นะ ไปขอให้เพื่อนอย่าเพิ่งส่ง” หน้าตาของกินรีกลับมามีความหวังอีกครั้ง

“แน่ใจนะคะว่าทัน ฉันกลัวว่า...”

“ทันครับ คุณก็มาพร้อมผมสิ ผมต้องไปรับของจากคนในเกาะมารวบรวมไว้อีก คุณก็รู้ใช่ไหมว่าที่นี่เป็นเกาะไม่ใหญ่มาก ยังไม่มีไปรษณีย์ มีแค่ผมนี่แหละที่ต้องคอยรวบรวมของจากเกาะไปส่งที่ไปรษณีย์บนฝั่ง แล้วก็รับของบนฝั่งมาส่งที่เกาะ” สณฑ์อธิบายด้วยรอยยิ้ม โดยละว่าเขาจะทำหน้าที่นี้ก็เพียงสองครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น ไม่มีทางเลยที่โปสการ์ดของเจ้าหล่อนจะถูกส่งไปก่อน

“ฉันไม่รบกวนคุณมากไปใช่ไหมคะ” กินรีมีสีหน้าเกรงใจ

“ไม่หรอกครับ ดีเสียอีกจะได้มีเพื่อน คนที่ส่งของเขาชอบพูด ชอบคุย มีคุณมาร่วมฟังด้วยอีกสักคนจะเป็นไร เผื่อผมฟังพวกเขาจนหลับคุณจะได้ปลุก”

สณฑ์ตบเบาะซ้อนจักรยานแม่บ้านที่เขายืมแม่มาใช้ดังป้าบๆ เอ่ยปากชวน “ขึ้นมาเลยครับ มาช่วยผมถือของด้วย”


กินรีโทรไปลางานกับญาติตัวเองหนึ่งวัน อย่างไรหากวันนี้เธอไม่ได้เอาโปสการ์ดใบนั้นคืนมา เธอก็คงนอนไม่หลับ ภาพการ์ดหวานที่เจ้าบ่าวตระกองกอดเจ้าสาวในการ์ดเชิญที่เขาส่งมาให้ยังตอกย้ำให้เธอรู้ว่าวันนี้ เธอไม่แม้แต่ได้อยู่ในเศษเสี้ยวที่ควรค่าในการจดจำของเขาคนนั้น

แค่เขาจะพิมพ์อีเมล์แยกมา หรือโทรมาเชิญก็ได้ เขากลับส่งมาอย่างกับอีเมล์ลูกโซ่ หญิงสาวคิดอย่างสิ้นหวัง หดหู่อย่างที่สุด เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่าการ ‘ยิ้ม’ ต้องเหยียดปากออกอย่างไร

“คุณทำหน้าเหมือนคนอกหัก”

เสียงห้าวเอ่ยถามไม่ให้บรรยากาศระหว่างกันเงียบเกินไป เขาเหลียวมองเจ้าหล่อนบ้างประปรายก็พบสีหน้าเหม่อลอย ดูซึมเศร้า บางครั้งถึงกับถอนหายใจเฮือกๆ

“ถอนหายใจมากๆ ระวังแก่เร็วนะครับ”

เฮ้อ...นั่นปะไร พูดจบก็มีอีกเฮือกมาให้ได้ยิน เจ้าหล่อนไม่เกรงกลัวต่อความแก่เลยล่ะมั้ง สณฑ์นึกว่ากินรีจะปล่อยให้ความเงียบทำงานต่อไป เกือบจะคิดว่าหูฝาดตอนที่เจ้าหล่อนใช้เสียงอันเบาพูดเนิบกลับมา

“คนที่ทิ้งฉันไปเมื่อหกเดือนก่อน กำลังจะแต่งงานค่ะ”

“เขาคือคนที่คุณส่งโปสการ์ดไปให้”

กินรีพยักหน้ารับ ลืมไปว่าคนปั่นจักรยานไม่มีตาหลัง จึงอธิบายเสริม “ฉันไม่อยากให้เขาหัวเราะเยาะฉันค่ะ” ถึงเธอจะโง่ขนาดไหน ก็ไม่ต้องการให้ใครดูแคลน

“คุณเขียนไปบอกว่ายังรักเขาอยู่เหรอ” สณฑ์ถามอย่างสนใจ ก่อนเขาจะได้คำตอบ เจ้าหล่อนก็ถอนหายใจมาอีกเฮือก

“ฉันดูโง่ขนาดเขียนไปบอกว่ารักคนที่ทิ้งฉันไปเหรอคะ”

สณฑ์อึ้งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะหัวเราะลั่น “คุณไม่ได้โง่เลย จริงๆ นะ คนที่ทิ้งคุณไปต่างหากที่โง่” ชายหนุ่มเผลอปากพูดออกไปก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อน รู้สึกถึงมือเล็กที่เกาะเอวเขาไว้เพื่อความปลอดภัยปล่อยออกจากเอวเขาทันควัน

“ฉันก็อยากได้รับความกล้าอย่างนั้นไปบอกเขากลับเหมือนกันนะคะ” กินรีหัวเราะเจื่อน เธอยังจดจำความทรงจำเลวร้ายในวันที่ถูกเขาทิ้งได้ดี เขาคนนั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวเองไร้ค่ายิ่งกว่าก้อนกรวด

“ผมจะมอบความกล้านั้นให้คุณเอง” สณฑ์บอกอย่างมั่นใจ เขาอยากให้ผู้หญิงคนหนึ่งหลุดพ้นจากเงาเก่าๆ เงานั้น

ไม่รู้ว่าทำไมเขาอยากช่วยเหลือ บางทีนิสัยคนส่งสารอย่างเขาคงเข้าสิง หวังว่าวันนี้เขาคงจะส่งความสุขให้ผู้หญิงอมทุกข์คนหนึ่งได้สำเร็จบ้างก็ดี ขืนเสียงถอนหายใจที่ดังอยู่ข้างหลังยังดังต่อเนื่องไม่หยุด เขาจะต้องถอนหายใจตามไปด้วยแน่

“ถอนหายใจหนึ่งครั้ง ความสุขก็จะปลิวหายไปหนึ่งครั้งนะครับ”

กินรีรับฟังคำพูดลอยๆ ที่ลอยมาเข้าหู ก่อนจะระงับลมหายใจไว้ และหายใจเข้าลึกๆ มือเกาะกุมเอวเขาแน่นเมื่อจักรยานเบรกเอี๊ยดหน้าตลาดแพปลาของชาวบ้าน กลุ่มคนย่อมๆ ยืนรออย่างเป็นระเบียบ หลายคนโบกมือต้อนรับ Messenger ประจำเกาะ เด็กบางคนก็ส่งเสียงเรียกชื่อพี่สณฑ์ออกมาอย่างคุ้นเคย

“คุณป็อบจังนะคะ”

สณฑ์ยิ้มจนเห็นฟัน ดวงตามาประกายสดใสยามหันมามองกินรี ยืดอกพูดด้วยท่าทางโอ่ตัวเอง “ผมเป็นผู้ส่งสารของเกาะนี้ เด็กบางคนเรียกผมว่าคนส่งความสุขนะครับ”

กินรีขมวดคิ้วทำสีหน้าไม่เชื่อ สณฑ์ลงยืนเคียงข้างกินรี หยิบหมวกแก๊ปบนหัวมาสวมให้เธอ

“แล้วคุณจะรู้ว่าคนส่งความสุข แค่เห็นเขามีความสุขจากสิ่งที่เราทำให้ เราก็มีความสุขแล้ว”

.............................

Talk:เป็นเรื่องสั้นนะคะ แต่ยังเขียนไม่จบ รู้ตัวว่าหายไปนานมากกก ฮา ขอกลับมาด้วยเรื่องสั้นก่อน ^^ อ่านแล้วเป็นยังไงบอกได้ค่ะ อ้อ ตอนนี้กำลังรื้อ Sweet Taste มาเขียนใหม่ มีใครอยากอ่านไหมคะ เพราะรื้อพล็อตเก่าทิ้งทั้งหมด เปลี่ยนชื่อด้วย เอาเป็นว่าอ่านเรื่องนี้ก่อนเนอะ :)




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ธ.ค. 2557, 17:35:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ธ.ค. 2557, 17:35:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1015





   1-2 (จบ) >>
โอชิน 18 ธ.ค. 2557, 18:15:32 น.
รออ่านตะวันต้องลมอยู่นะคะ พร้อมเสริฟ์รึยังเอ่ย ?


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account