Messenger คนส่งความสุข (Short Story)
กินรี ไร้ซึ่งความกล้า แม้แต่การตัดใจจากผู้ชายคนหนึ่งที่ทิ้งเธอไป
สณฑ์ คนส่งสารประจำเกาะ เขาเห็นเธอทุกข์ก็อยากจะส่งความสุขให้เธอ
สณฑ์ คนส่งสารประจำเกาะ เขาเห็นเธอทุกข์ก็อยากจะส่งความสุขให้เธอ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 1-2 (จบ)
เป็นดังที่สณฑ์ว่าไว้จริงๆ
กินรีรู้สึกว่ากลุ่มคนย่อมๆ กำลังโอบล้อมตัวของสณฑ์ และกล่าวคำมากมายที่เธอได้แต่ช่วยเขาจดจำไปโดยไม่รู้ตัว เด็กชายตัวเล็กไม่เกินสิบขวบ ผิวสีแทน สวมเสื้อยืดตัวเก่าคนหนึ่งเขย่าแขนเธอ ขณะวางซองจดหมายสีขาวลงบนมือ ยิ้มยิงฟันมาให้
“พี่สาวครับ พี่ต้องส่งจดหมายนี้ไปให้ถึงผู้มีพระคุณของผมนะครับ”
“ผู้มีพระคุณ?” กินรีทวนคำนึกแปลกใจ ประกายดวงตาระยับยามที่อีกฝ่ายพูดถึงผู้มีพระคุณทำให้เธอหวนนึกถึงแววตาของลูกที่นึกถึงพ่อแม่ ไม่ผิดแผกกับแววตาแบบนั้นเลย
สณฑ์เดินมาชิดร่างเล็ก ก้มตัวกระซิบข้างหูรัวเร็ว “ทะเลเป็นเด็กทุนในเกาะนี้ มีผู้ใหญ่ใจดีบนฝั่งอุปการะค่าเรียน ค่ากินให้มาตั้งแต่เขาอายุแค่เจ็ดขวบ ทุกเดือนเขาจะส่งจดหมายเขียนเล่าชีวิตที่นี่ให้ฟัง”
กินรีพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจ เธอจึงก้มตัวลงอีกนิดเพื่อให้ศีรษะตัวเองอยู่ระดับเดียวกับเด็กชาย เธอวางมือไปบนศีรษะเล็ก ตอบรับให้อีกฝ่ายหายกังวล
“พี่จะไปส่งให้ แล้วก็จะมีคนใจดีอีกหลายๆ คนช่วยส่งจดหมายนี้ไปจนถึงมือผู้มีพระคุณของทะเลนะครับ”
เด็กชายโถมตัวมากอดกินรีไว้แทนคำขอบคุณ หญิงสาวรู้สึกตื้นตันที่ใจแปลกๆ เธอเงยขึ้นสบสายตาคมเข้มของสณฑ์ ราวกับจะถามผ่านทางสายตาไปว่า ‘นี่ใช่ไหม...ความสุขที่คุณพูดถึง’
หัวใจคล้ายพองฟูคับอก และปากของเธอก็เรียนรู้วิธีการยิ้มออกมาได้เป็นธรรมชาติโดยที่เธอไม่ต้องปั้นแต่งออกมาแต่อย่างใด
ทะเลถอยออกไปให้ผู้หญิงวัยยี่สิบเข้ามาบ้าง กินรีเห็นอีกฝ่ายมีท่าทางที่เอียงอาย ลังเลว่าจะส่งจดหมายในมือไว้ให้สณฑ์ หรือเธอแทน กระทั่งอีกฝ่ายมาหยุดยังเบื้องหน้ากินรี และส่งจดหมายสีชมพู มีรูปหัวใจอยู่ตรงชื่อผู้รับ กินรีคาดว่าหากเธอยกจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาดมกลิ่นคงสัมผัสถึงกลิ่นหอมฟุ้งในตัวจดหมายนี้ด้วยแน่
“ฝากด้วยนะคะพี่” หญิงสาวเจ้าของจดหมายบอกเสียงแผ่ว ก้มหน้าอายแดงก่ำ
“แฟนพี่ปลาไปเป็นทหารรับใช้ชาติครับ พี่ปลาเขาคิดถึง” เด็กชายทะเลออกปากบรรยายเสียงดัง ปลาหันไปหยิกหมับที่เนื้อเด็กพูดมาก ก่อนจะหลบฉากไปยืนอายม้วนให้ห่างจากสายตาคนอื่น
กินรียืนอึ้ง คำว่าคิดถึงของปลากับเธอช่างดูแตกต่างกัน ปลาคิดถึงคนรักที่อยู่ห่างไกล แต่กับเธอ คิดถึงคนเคยรักที่ร้างลากันไปนาน ประโยชน์ของการคิดถึงของปลาทำให้ความรักถูกระลึกถึงเสมอ ในขณะที่เธอ การคิดถึงมีแต่นำพาความเจ็บปวด และยากจะปล่อยวางให้เกิดกับตนเอง ส่วนคนที่ถูกคิดถึงนั้นกำลังมีใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับใครอื่น
สณฑ์ทอดสายตามองผู้หญิงที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอย่างเข้าใจ ก่อนจะใช้ศอกแตะแขนเรียว พยักหน้าให้เมื่อทั้งสองแขนของเขา มีของอยู่เต็ม
“เราไปที่สุดท้ายกันเถอะ”
เสียงส่งเสียงถามในคออย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เดินตามเขาไปขึ้นจักรยาน เธอมองกลับไปยังกลุ่มคนที่มีประกายตาแห่งความหวังยืนส่งพวกเขาด้วยหัวใจที่เต้นครึกโครม มีเสียงของสณฑ์ถามมากับสายลม ซึ่งเธอก็กำลังหาคำตอบให้ตัวเองเช่นกัน
“คุณสัมผัสถึงความสุขจากการให้ขึ้นมาบ้างไหม”
นิดหนึ่ง...เธอคิดว่าพอสัมผัสได้นิดหนึ่งแล้วล่ะ
“รู้จักให้ ก็ต้องรู้จักปล่อยวาง”
“แล้วสุดท้ายเราจะเหลืออะไร” กินรีกำลังคิดว่าคนพูดเป็นนักทำทานชั้นยอดเชียวล่ะ นอกจากให้ เขายังไม่รู้จักยึดติด
“คุณมาตอบผมทีหลังแล้วกัน ว่ามนุษย์เราเมื่อให้ เมื่อปล่อยวาง เรายังหลงเหลืออะไรในชีวิตอยู่บ้าง”
“ยายก้วนเหรอคะ”
บ้านหลังย่อมซึ่งตั้งอยู่เชิงเขา มีรั้วรอบขอบชิดอาณาบริเวณแบ่งชัด คนในเกาะที่มาอยู่ล้วนรู้จักคุณยายใจดีท่านนี้กันอย่างดี คนกล่าวกันว่าคุณยายเคยเป็นเศรษฐีเก่าที่แยกชีวิตออกมาพัฒนาเกาะห่างไกลเสื่อมโทรมเกาะหนึ่ง ท่านเปลี่ยนแปลงที่นี่ไปทีละนิด กว่าครึ่งชีวิตตัวเอง จนเกาะเสื่อมโทรมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามา แต่ก็ยังถูกกฎจำกัดจำนวนคนเข้ามาไว้อยู่อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกาะกลับไปเสื่อมโทรมดังแต่ก่อนอีก กฎสำคัญของเกาะนี้คือ ‘มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ไม่ใช่ทำลายธรรมชาติ’
ภาพคุณยายที่เธอเคยนึกคือสุภาพสตรีที่แต่งตัวดูดี หรูหรา เป็นเศรษฐีใจดี จึงค่อนข้างแตกต่างเมื่อเธอพบหญิงชราคนหนึ่งสวมเสื้อคอกระเช้า มือจับไม้เท้า หลับตาฮัมเพลงลูกกรุงอยู่บนแคร่ที่ตั้งหันหน้าออกทะเล
“ท่านจะไม่ค่อยไปไหนไกลหรอกครับ” สณฑ์เดินนำเข้าไปในบ้าน เสียงกระดิ่งล้อลมที่อยู่ทั่วบ้านดังประสานเสียงคลื่น ลม และเสียงฮัมเพลงในคอของยายก้วน กินรีรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย
“มาแล้วเรอะพ่อสณฑ์”
“ครับยาย” หนุ่มรุ่นหลานเดินไปนั่งอยู่บนแคร่ข้างยาย “ผมพาเพื่อนมาด้วยนะครับ”
กินรีรับสัญญาณจากสณฑ์ก็เข้าใจ พนมมือไหว้ยายก้วน ทั้งที่ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะรับไหว้เธอ “สวัสดีค่ะยาย หนูชื่อกินรี หนูได้ยินเรื่องของยายมาตลอดที่อยู่ที่นี่ เพิ่งได้พบยายก็วันนี้เอง”
“แฟนพ่อสณฑ์เหรอ”
สองหนุ่มสาวมีสีหน้าเก้อกระดาก เป็นกินรีที่ปฏิเสธเสียงเบา และมองสณฑ์ที่หัวเราะเบาๆ หยิบกระดาษที่พับขนาดเล็กออกจากกระเป๋ากางเกง เขายกมือทาบปากส่งสัญญาณให้กินรีอย่าเพิ่งถามใดๆ
“วันนี้เจ้าตุ้ยเขียนอะไรมาให้ยายอ่านอีกเรอะ”
สณฑ์ยืดหลังตรง เขามองร่างที่ยืนห่างออกไปก็พบว่ากินรีกำลังรอฟัง เขาก้มหน้าลงอ่านแผ่นกระดาษในมือ
“ถึงยายที่รักของผม ยายครับ ยายยังยังคิดถึงผมอยู่แน่ๆ ใช่ไหม เฮ้อ ถ้ายายยังคิดถึงผมอยู่แบบนี้ ผมจะกล้าไปเกิดเหรอครับ”
เสียงแหบเครือหัวเราะเบาๆ ยายก้วนรำพึงกับตัวเอง “ถ้ายายไม่คิดถึงเจ้า แล้วจะให้คิดถึงใครฮึ เจ้าตุ้ย”
กินรีไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าระหว่างหญิงชรากับหนุ่มรุ่นหลานนี้นัก แต่ก็ยังฟังสิ่งที่ ‘ผู้ส่งความสุข’ ตัวโตก้มหน้าอ่านอีกครั้ง
“ผมคงกำลังไปว่ายน้ำ ดำน้ำอยู่ในทะเลบนสวรรค์กับสาวสวยๆ แต่พอมองกลับมาเห็นยาย ที่กำลังฮัมเพลงสนุก ผมก็จะลืมพวกหล่อน แล้วก็กระโดดมาหายายทันทีนะครับ” อีกหลายๆ และประโยคจากนั้นเหมือนหลานชายที่คุยกับยาย
หญิงสาวสัมผัสได้ถึงตัวตนของบุคคลในจดหมาย เหมือนเธอเห็นเขาลงมาคุยเล่นกับยายจริงๆ ดังพูด กระทั่งสณฑ์อ่านจบ คุณยายจึงเอ่ยปากบอกว่าหิวน้ำ เมื่อลับร่างคนส่งสารเข้าไปในบ้าน คุณยายจึงพูดอีกครั้ง
“หนู มานั่งกับยายสิ”
เมื่อสัมผัสถึงที่นั่งที่ไม่ห่างกันนัก ยายก้วนจึงพูดต่อ “พ่อสณฑ์เป็นเพื่อนกับตุ้ย หลานชายฉันตั้งแต่เด็กๆ แล้ว สองคนนั้นเกิดบนเกาะนี้ อยู่ที่นี่มาตลอด” คนฟังสัมผัสได้ว่าสายตาที่เหม่อมองไกลนั้นไร้ซึ่งแวว คงเพราะยายก้วนมองไม่เห็น
“หลานฉันป่วยเป็นมะเร็ง แล้วก็เสียเขาไปเมื่อสามปีที่แล้ว” ยายพูดเสียงเรียบเรื่อย ก่อนจะลดเสียงเบาลงราวกับกลัวคนในบ้านได้ยิน “ตาตุ้ยเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้ฉัน แล้วฝากสณฑ์มาอ่านให้ฟัง เพราะรู้ว่าฉันมองอะไรไม่เห็น อาทิตย์หนึ่งสณฑ์จะอ่านจดหมายให้ฉันฟัง แต่ที่จริงเขาก็มาหาฉันเกือบทุกวันนะ” ยายก้วนแค่นเสียงหัวเราะ “แต่เขาก็ยังทำอย่างนั้น แม้ว่าตุ้ยจะเสียไปแล้ว”
“เพราะว่าเขารักยายมากไงคะ ยายของเพื่อนก็เหมือนยายของเขา” กินรีแตะหลังมือเหี่ยวย่นของผู้สูงวัย เธอรู้สึกถึงอาการกระตุกของมือยายก้วนเล็กน้อย แต่เมื่อเธอกุมไว้อย่างนุ่มนวลยายก้วนก็สงบ และยิ้มเห็นด้วย
“เขายังคิดหลอกยายไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะ ยายรู้ว่าจดหมายพวกนั้นเขาเขียนเองทั้งนั้น”
กินรีเริ่มรับรู้เรื่องราวแปลกเหล่านี้ คนส่งความสุขเห็นท่าจะหลอกลวงคนเก่ง สวมหน้ากากเป็นคนดี แต่ก็มีมุมไม่บริสุทธิ์ ปิดบังเหล่านี้อยู่
“ยายครับน้ำมาแล้ว”
บทสนทนาระหว่างกินรีกับยายก้วนจบลง หญิงสาวพบว่าหญิงชราที่แม้จะดวงตามืดบอดก็ยังคงยิ้มแย้ม และผ่อนคลายเมื่ออยู่กับสณฑ์ ถึงปากจะบ่นว่าไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ที่สณฑ์จะเลิกหลอกลวง แต่คุณยายกลับดูรอคอยการมาของเขา ในที่สุดหญิงสาวก็เข้าใจ เธอยิ้มเต็มหน้าตอบรอยขมวดคิ้วมุ่นของสณฑ์ เมื่อลาคุณยายออกมา สณฑ์ก็ถามสิ่งที่สงสัยทันที
“คุณยิ้มอะไร ยิ้มไม่หุบด้วย”
มือบางยกแตะแก้ม ทำหน้าเลิ่ก ก่อนจะหัวเราะขันตัวเอง นั่นสิถึงว่าเธอเมื่อยแก้มไปหมด “ฉันก็แค่คิดว่าคุณกับยายก้วนน่ารักดี”
“น่ารัก?”
“คุณคิดจะหลอกยายก้วนไปอีกนานแค่ไหน”
สณฑ์ไม่ได้แปลกใจที่กินรีรู้เขากลับใช้น้ำเสียงผ่อนคลายถามกลับมา “ยายก้วนบอกคุณเหรอ”
“มันสำคัญด้วยเหรอว่าฉันรู้มาจากใคร” กินรีใช้สายตารู้ทัน เธอรู้ว่าสณฑ์รู้มาตลอดว่ายายก้วนรู้ว่าเขาโกหกเรื่องจดหมาย
“สิ่งที่ผมทำมาตลอด เป็นหน้าที่ที่ทำแล้วไม่มีวันหมดอายุ ผมอยากจะส่งความสุขให้ยายก้วนเขาตลอดชีวิต เพราะผมรู้ว่ายายเขาก็รอ”
“ยายเขาไม่ได้รอหลานชายเขาหรอกนะคะ” กินรีแตะเอวคนปั่นจักรยาน หน้าตายิ้มออกมา เธอรู้สึกอิ่มที่หัวใจกับการกระทำของเขา เขาส่งความสุขได้จริงๆ “ยายเขารอคุณมาหา”
“ผมเองก็รู้” น้ำเสียงโอ่นิดๆ ของสณฑ์ทำให้คนฟังนึกย่นจมูกตาม เมื่อเขาปั่นมาถึงหน้าร้านโปสการ์ดของตัวเอง โปสการ์ดที่เธอเกือบหลงลืมไปก็ถูกคืนมาให้ตรงหน้า ด้านหลังโปสการ์ดมีคำว่าคิดถึง และรูปหัวใจอยู่เช่นเดิม
“คุณหลอกฉัน”
สณฑ์ยกมือลูบผมเก้อๆ สายตาต่อว่าแต่ไม่จริงจัง คล้ายมองค้อนเสียมากกว่าทำให้เขาสบายใจที่ได้มอง น้ำเสียงน้อยใจนั้นก็ดูน่าฟัง รื่นหู
“คุณไม่อยากจะส่งโปสการ์ดนี้แล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมก็คืนให้คุณตามสัญญา”
กินรีกอดอก เธอจ้องหน้าเขา สลับกับโปสการ์ดที่เธอยื่นมือไปก็จะคว้ากลับเข้าหาตัวได้ แต่มือของเธอกลับไม่ยื่นออกไป ยังหดกลับเข้ามาแนบลำตัว สิ่งที่สณฑ์ประหลาดใจ แต่ก็พอเข้าใจความต้องการของกินรีได้เลาๆ
“ฉันจะส่งโปสการ์ดใบนี้ค่ะ ฉันจะส่งให้เขา”
สีหน้าตกตะลึงของเจ้าบ่าวเป็นภาพตลกที่สุดของวันในสายตากินรี หญิงสาวนับถือในความกล้าหาญของตัวเองที่ยังกล้ามาเผชิญหน้ากับอดีตคนรักเก่า เขาทำหน้าราวกับว่าเธอเป็นผี ใส่ชุดโศกมาร่วมงานเขา
การ์ดเชิญที่กินรีปริ๊นซ์มาจากอินเตอร์เน็ทแสดงหน้างานตอกย้ำให้เจ้าบ่าวแทบเอาปี๊บคลุมหัว หญิงสาวยิ้มหวานให้ทุกคน เธอมาคนเดียวแล้วอย่างไร การมาของเธอคือการพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเธอ
“เธอมาทำไม” เป็นเจ้าสาวของเขาที่แสดงอาการระแวงกินรีชัดเจน หญิงสาวซึ่งมาเป็นแขกสวมชุดสีเหลืองสว่าง ใบหน้าแต่งไม่เข้มไม่อ่อน ดวงหน้าสดใส ไม่ใส่ใจว่าการมาของเธอจะทำให้เจ้าสาวที่เธอจำได้ว่าเป็นรุ่นน้องสมัยเรียนเกิดอาการหวงก้างเจ้าบ่าวขึ้นมา
“เขาชวนฉันค่ะ” กินรีตอบพาซื่อ ยังจงใจอวดการ์ดหยาบๆ ให้เจ้าสาวหันไปถลึงตาใส่เจ้าบ่าวอย่างแค้นเคือง
“หน้าไม่อาย เขาไม่ได้ตั้งใจจะชวน ก็แค่ตามมารยาทยังจะมาอีก” เจ้าสาวลดเสียง เน้นย้ำต่อว่าด้วยความขุ่นเคือง
กินรียิ้มรับ เธอสบตาเจ้าบ่าว เจ้าสาว ก้มศีรษะให้น้อยๆ อย่างนับถือ ที่จริงถึงเธอจะไม่ใช่คนชอบทะเลาะกับใคร แต่สิ่งหนึ่งที่คงถือเป็นวิสัยพื้นฐานของมนุษย์ที่มีในตัวเกือบทุกคนอย่างการไม่ชอบให้ใครดูถูก ถากถาง ก็ยังมีอยู่
“ฉันก็มาตามมารยาทค่ะ”
“อย่าใจร้อน วันนี้วันมงคลของเรานะ” เจ้าบ่าวทำเสียงอ้อนเสียงออดกับเจ้าสาว กินรีแทบเห็นเขาเหงื่อตก วันนี้ผู้ชายตรงหน้าที่แต่ก่อนข่มเธอ ทำตัวอยู่เหนือมาตลอดกำลังเจอบุคคลที่เหนือกว่าเสียแล้ว
“ฉันเข้างานนะคะ”
หญิงสาวไม่สนสายตาของเจ้าบ่าวที่มองเธอเหมือนคนกินยาลืมเขย่าขวด ก็คงจริงอย่างที่สายตาคนรักเก่าเธอว่า เธอทานยาแล้ว และทานมันถึงสองขนาน ยาชนิดหนึ่งเรียกว่ายาแห่งการปล่อยวาง มันเป็นความกล้าที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน กับอีกขนานคือยาแห่งความสุข เพียงแค่ยิ้มรับมัน ไม่ว่าเรื่องเลวร้ายตรงหน้าจะหนักหนาอย่างไร ความเลวร้ายของมันก็จะลดลงไปกว่าครึ่ง
...ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความคิดของตัวผู้เผชิญเอง และวันนี้เธอรู้จักจัดการให้ตัวเองมีความสุขแล้ว จะกลับไปจมจ่อมกับความทุกข์อีกทำไม
“ไม่เจอกันเท่าไหร่ คุณดูเปลี่ยนไปนะ”
แขกที่วันนี้ดูสดใส งดงามอย่างธรรมชาตินั่งปลีกออกมาจากคนอื่นเงยหน้ามองเจ้าบ่าวที่ยืนห่างออกไปสามก้าว เธอเหลียวมองรอบตัวที่ไร้คนอยู่จึงมั่นใจว่าเขามาเพื่อคุยกับเธอ “ผมได้รับโปสการ์ดนั้นแล้ว”
“ค่ะ”
เจ้าบ่าวใช้แววตาแสนเสียดายยามทอดมองความห่างเหินที่อีกฝ่ายแสดงออกมา เป็นเขาที่โง่เอง โง่ที่ทิ้งผู้หญิงหัวอ่อนคนหนึ่งไปเลือกผู้หญิงอีกคนที่คงจะข่มเขาไปตลอดชีวิต “ที่จริงหากเราสอง...”
“อย่าเข้าใจผิดค่ะ” กินรีตัดบท ลุกขึ้นยืนอย่างสงบ เธอเห็นแล้วเจ้าสาวจอมดุกำลังเดินหน้ายักษ์เข้ามาหา “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว”
คนที่ครั้งหนึ่งเคยบอกเลิกหน้าหงาย เขายังไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงหัวอ่อนแปรเป็นคนที่มีสติ สงบนิ่ง และไม่มีร่องรอยลังเลอย่างนี้ได้อย่างไร เขากำลังอ้าปากคัดค้าน เพื่อนกลุ่มใหญ่สมัยเรียนก็พร้อมใจกันเดินเข้ามาทักทายเธอ พร้อมด้วยประโยคยืนยันที่ทำให้เจ้าบ่าวรู้สึกหน้าชาหนึบ
“โปสการ์ดสวยมากนะ ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน”
ความสุขก็ควรแจกจ่ายให้ทั่วถึง กินรียิ้มรับหน้าบานแฉ่ง เธอตัดสินใจถูกจริงๆ ที่ไม่เพียงส่งการ์ดให้เจ้าบ่าว ยังเผื่อแผ่ไปให้เพื่อนของเธอทุกคน
...เพราะทุกคนล้วนเป็นเพื่อน ฐานะพิเศษอะไรที่เคยมีมาแต่ก่อนนั้น จบลงไปในเวลาอดีตแล้ว นี่คือความเท่าเทียม และการแสดงออกถึงการไร้เยื่อใยให้ผู้ชายคนหนึ่งรู้ ไม่ว่าเขาจะรับรู้หรือไม่ เธอไม่สนใจเขาอีกต่อไป
เขาไม่รู้ว่าท้ายที่สุดกินรีจะตัดสินใจอย่างไรกับชีวิตตัวเอง
สณฑ์มองบรรยากาศเรียบสงบที่มีนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปประปรายด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในอก ได้รู้จักกินรีมาแค่หนึ่งอาทิตย์ มีกินรีคอยช่วยทำหน้าที่รับสารจากทุกคนไปส่ง หรือจะมีกินรีไปหายายก้วนเป็นเพื่อนด้วยเสมอ พอวันนี้เป็นวันที่สามที่เขาไม่เจอกินรี เขาก็เริ่ม...คิดถึง
กาแฟยกล้อกลิ่นหอมรสไม่เข้มมากวางอยู่เบื้องหน้า ชายหนุ่มจิบไปได้เพียงครึ่งแก้ว ใครบางคนก็เดินเข้ามาอยู่ในสายตาเขา ร่างเล็กนั้นมาพร้อมเป้บนหลัง ดวงหน้าสว่างสดใสยิ้มให้เขาอย่างเป็นกันเอง และทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามกับเขาในโต๊ะเดียวกัน
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรทักทายคำแรกกับกินรีด้วยคำว่าอะไร หรือถามไถ่ถึงคนรักเก่า แต่การที่เขาไม่เห็นร่องรอยเศร้าในดวงตาคู่นี้คือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอดไม่ใช่เหรอ หน้าที่ของเขาสำเร็จแล้ว
กินรีกระแอมไอนิดหนึ่ง ผิวแก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อเธอก้มมองพื้นโต๊ะ แต่มือกลับเลื่อนกระดาษโปสการ์ดซึ่งเป็นภาพความวุ่นวายของเมืองใหญ่ที่เธอเพิ่งจากมา
ชายหนุ่มที่หัวใจไม่เคยเต้นแรงเพราะผู้หญิงเริ่มรู้สึกควบคุมหัวใจตัวเองไม่อยู่ มือใหญ่สั่นนิดหนึ่ง ถึงเขาจะพยายามควบคุมอย่างสุดความสามารถเมื่อเปิดด้านหลังขึ้นมาอ่าน เขาเงยหน้ายิ้มตอบรับอย่างสว่างไสว หัวใจเขากำลังรัวแรง โดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าคนที่เขียนข้อความนี้จะกำลังหน้าร้อนผ่าว และทำได้แค่ยิ้มรับให้กับพื้นโต๊ะ
มันไม่ใช่คำบอกรัก แต่เป็นคำสารภาพที่บอกให้ผู้รับมีความสุขยิ่งยวด เมื่อล่วงรู้ถึงความสำคัญของตัวเอง
สิ่งเดียวที่เหลือหลังจากการปล่อยวาง และให้ความสุขกับใครต่อใคร...คือคุณ กินรีบิดตัวด้วยความขัดเขิน ไม่กล้าตอบสิ่งที่อยู่ในหัว ปล่อยให้ข้อความสั้นๆ ในโปสการ์ดทำงานของมันต่อไป
‘ฉันกลับมา ก็เพราะ...คุณ’
........................................................
คุณ โอชิน ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันนะคะ ยังจำวาดตะวันได้ด้วย เร็วๆ นี้จะกลับมาอัพแน่นอนค่ะ ^_^ รออ่านนะคะ
กินรีรู้สึกว่ากลุ่มคนย่อมๆ กำลังโอบล้อมตัวของสณฑ์ และกล่าวคำมากมายที่เธอได้แต่ช่วยเขาจดจำไปโดยไม่รู้ตัว เด็กชายตัวเล็กไม่เกินสิบขวบ ผิวสีแทน สวมเสื้อยืดตัวเก่าคนหนึ่งเขย่าแขนเธอ ขณะวางซองจดหมายสีขาวลงบนมือ ยิ้มยิงฟันมาให้
“พี่สาวครับ พี่ต้องส่งจดหมายนี้ไปให้ถึงผู้มีพระคุณของผมนะครับ”
“ผู้มีพระคุณ?” กินรีทวนคำนึกแปลกใจ ประกายดวงตาระยับยามที่อีกฝ่ายพูดถึงผู้มีพระคุณทำให้เธอหวนนึกถึงแววตาของลูกที่นึกถึงพ่อแม่ ไม่ผิดแผกกับแววตาแบบนั้นเลย
สณฑ์เดินมาชิดร่างเล็ก ก้มตัวกระซิบข้างหูรัวเร็ว “ทะเลเป็นเด็กทุนในเกาะนี้ มีผู้ใหญ่ใจดีบนฝั่งอุปการะค่าเรียน ค่ากินให้มาตั้งแต่เขาอายุแค่เจ็ดขวบ ทุกเดือนเขาจะส่งจดหมายเขียนเล่าชีวิตที่นี่ให้ฟัง”
กินรีพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจ เธอจึงก้มตัวลงอีกนิดเพื่อให้ศีรษะตัวเองอยู่ระดับเดียวกับเด็กชาย เธอวางมือไปบนศีรษะเล็ก ตอบรับให้อีกฝ่ายหายกังวล
“พี่จะไปส่งให้ แล้วก็จะมีคนใจดีอีกหลายๆ คนช่วยส่งจดหมายนี้ไปจนถึงมือผู้มีพระคุณของทะเลนะครับ”
เด็กชายโถมตัวมากอดกินรีไว้แทนคำขอบคุณ หญิงสาวรู้สึกตื้นตันที่ใจแปลกๆ เธอเงยขึ้นสบสายตาคมเข้มของสณฑ์ ราวกับจะถามผ่านทางสายตาไปว่า ‘นี่ใช่ไหม...ความสุขที่คุณพูดถึง’
หัวใจคล้ายพองฟูคับอก และปากของเธอก็เรียนรู้วิธีการยิ้มออกมาได้เป็นธรรมชาติโดยที่เธอไม่ต้องปั้นแต่งออกมาแต่อย่างใด
ทะเลถอยออกไปให้ผู้หญิงวัยยี่สิบเข้ามาบ้าง กินรีเห็นอีกฝ่ายมีท่าทางที่เอียงอาย ลังเลว่าจะส่งจดหมายในมือไว้ให้สณฑ์ หรือเธอแทน กระทั่งอีกฝ่ายมาหยุดยังเบื้องหน้ากินรี และส่งจดหมายสีชมพู มีรูปหัวใจอยู่ตรงชื่อผู้รับ กินรีคาดว่าหากเธอยกจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาดมกลิ่นคงสัมผัสถึงกลิ่นหอมฟุ้งในตัวจดหมายนี้ด้วยแน่
“ฝากด้วยนะคะพี่” หญิงสาวเจ้าของจดหมายบอกเสียงแผ่ว ก้มหน้าอายแดงก่ำ
“แฟนพี่ปลาไปเป็นทหารรับใช้ชาติครับ พี่ปลาเขาคิดถึง” เด็กชายทะเลออกปากบรรยายเสียงดัง ปลาหันไปหยิกหมับที่เนื้อเด็กพูดมาก ก่อนจะหลบฉากไปยืนอายม้วนให้ห่างจากสายตาคนอื่น
กินรียืนอึ้ง คำว่าคิดถึงของปลากับเธอช่างดูแตกต่างกัน ปลาคิดถึงคนรักที่อยู่ห่างไกล แต่กับเธอ คิดถึงคนเคยรักที่ร้างลากันไปนาน ประโยชน์ของการคิดถึงของปลาทำให้ความรักถูกระลึกถึงเสมอ ในขณะที่เธอ การคิดถึงมีแต่นำพาความเจ็บปวด และยากจะปล่อยวางให้เกิดกับตนเอง ส่วนคนที่ถูกคิดถึงนั้นกำลังมีใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับใครอื่น
สณฑ์ทอดสายตามองผู้หญิงที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอย่างเข้าใจ ก่อนจะใช้ศอกแตะแขนเรียว พยักหน้าให้เมื่อทั้งสองแขนของเขา มีของอยู่เต็ม
“เราไปที่สุดท้ายกันเถอะ”
เสียงส่งเสียงถามในคออย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เดินตามเขาไปขึ้นจักรยาน เธอมองกลับไปยังกลุ่มคนที่มีประกายตาแห่งความหวังยืนส่งพวกเขาด้วยหัวใจที่เต้นครึกโครม มีเสียงของสณฑ์ถามมากับสายลม ซึ่งเธอก็กำลังหาคำตอบให้ตัวเองเช่นกัน
“คุณสัมผัสถึงความสุขจากการให้ขึ้นมาบ้างไหม”
นิดหนึ่ง...เธอคิดว่าพอสัมผัสได้นิดหนึ่งแล้วล่ะ
“รู้จักให้ ก็ต้องรู้จักปล่อยวาง”
“แล้วสุดท้ายเราจะเหลืออะไร” กินรีกำลังคิดว่าคนพูดเป็นนักทำทานชั้นยอดเชียวล่ะ นอกจากให้ เขายังไม่รู้จักยึดติด
“คุณมาตอบผมทีหลังแล้วกัน ว่ามนุษย์เราเมื่อให้ เมื่อปล่อยวาง เรายังหลงเหลืออะไรในชีวิตอยู่บ้าง”
“ยายก้วนเหรอคะ”
บ้านหลังย่อมซึ่งตั้งอยู่เชิงเขา มีรั้วรอบขอบชิดอาณาบริเวณแบ่งชัด คนในเกาะที่มาอยู่ล้วนรู้จักคุณยายใจดีท่านนี้กันอย่างดี คนกล่าวกันว่าคุณยายเคยเป็นเศรษฐีเก่าที่แยกชีวิตออกมาพัฒนาเกาะห่างไกลเสื่อมโทรมเกาะหนึ่ง ท่านเปลี่ยนแปลงที่นี่ไปทีละนิด กว่าครึ่งชีวิตตัวเอง จนเกาะเสื่อมโทรมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามา แต่ก็ยังถูกกฎจำกัดจำนวนคนเข้ามาไว้อยู่อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกาะกลับไปเสื่อมโทรมดังแต่ก่อนอีก กฎสำคัญของเกาะนี้คือ ‘มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ไม่ใช่ทำลายธรรมชาติ’
ภาพคุณยายที่เธอเคยนึกคือสุภาพสตรีที่แต่งตัวดูดี หรูหรา เป็นเศรษฐีใจดี จึงค่อนข้างแตกต่างเมื่อเธอพบหญิงชราคนหนึ่งสวมเสื้อคอกระเช้า มือจับไม้เท้า หลับตาฮัมเพลงลูกกรุงอยู่บนแคร่ที่ตั้งหันหน้าออกทะเล
“ท่านจะไม่ค่อยไปไหนไกลหรอกครับ” สณฑ์เดินนำเข้าไปในบ้าน เสียงกระดิ่งล้อลมที่อยู่ทั่วบ้านดังประสานเสียงคลื่น ลม และเสียงฮัมเพลงในคอของยายก้วน กินรีรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย
“มาแล้วเรอะพ่อสณฑ์”
“ครับยาย” หนุ่มรุ่นหลานเดินไปนั่งอยู่บนแคร่ข้างยาย “ผมพาเพื่อนมาด้วยนะครับ”
กินรีรับสัญญาณจากสณฑ์ก็เข้าใจ พนมมือไหว้ยายก้วน ทั้งที่ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะรับไหว้เธอ “สวัสดีค่ะยาย หนูชื่อกินรี หนูได้ยินเรื่องของยายมาตลอดที่อยู่ที่นี่ เพิ่งได้พบยายก็วันนี้เอง”
“แฟนพ่อสณฑ์เหรอ”
สองหนุ่มสาวมีสีหน้าเก้อกระดาก เป็นกินรีที่ปฏิเสธเสียงเบา และมองสณฑ์ที่หัวเราะเบาๆ หยิบกระดาษที่พับขนาดเล็กออกจากกระเป๋ากางเกง เขายกมือทาบปากส่งสัญญาณให้กินรีอย่าเพิ่งถามใดๆ
“วันนี้เจ้าตุ้ยเขียนอะไรมาให้ยายอ่านอีกเรอะ”
สณฑ์ยืดหลังตรง เขามองร่างที่ยืนห่างออกไปก็พบว่ากินรีกำลังรอฟัง เขาก้มหน้าลงอ่านแผ่นกระดาษในมือ
“ถึงยายที่รักของผม ยายครับ ยายยังยังคิดถึงผมอยู่แน่ๆ ใช่ไหม เฮ้อ ถ้ายายยังคิดถึงผมอยู่แบบนี้ ผมจะกล้าไปเกิดเหรอครับ”
เสียงแหบเครือหัวเราะเบาๆ ยายก้วนรำพึงกับตัวเอง “ถ้ายายไม่คิดถึงเจ้า แล้วจะให้คิดถึงใครฮึ เจ้าตุ้ย”
กินรีไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าระหว่างหญิงชรากับหนุ่มรุ่นหลานนี้นัก แต่ก็ยังฟังสิ่งที่ ‘ผู้ส่งความสุข’ ตัวโตก้มหน้าอ่านอีกครั้ง
“ผมคงกำลังไปว่ายน้ำ ดำน้ำอยู่ในทะเลบนสวรรค์กับสาวสวยๆ แต่พอมองกลับมาเห็นยาย ที่กำลังฮัมเพลงสนุก ผมก็จะลืมพวกหล่อน แล้วก็กระโดดมาหายายทันทีนะครับ” อีกหลายๆ และประโยคจากนั้นเหมือนหลานชายที่คุยกับยาย
หญิงสาวสัมผัสได้ถึงตัวตนของบุคคลในจดหมาย เหมือนเธอเห็นเขาลงมาคุยเล่นกับยายจริงๆ ดังพูด กระทั่งสณฑ์อ่านจบ คุณยายจึงเอ่ยปากบอกว่าหิวน้ำ เมื่อลับร่างคนส่งสารเข้าไปในบ้าน คุณยายจึงพูดอีกครั้ง
“หนู มานั่งกับยายสิ”
เมื่อสัมผัสถึงที่นั่งที่ไม่ห่างกันนัก ยายก้วนจึงพูดต่อ “พ่อสณฑ์เป็นเพื่อนกับตุ้ย หลานชายฉันตั้งแต่เด็กๆ แล้ว สองคนนั้นเกิดบนเกาะนี้ อยู่ที่นี่มาตลอด” คนฟังสัมผัสได้ว่าสายตาที่เหม่อมองไกลนั้นไร้ซึ่งแวว คงเพราะยายก้วนมองไม่เห็น
“หลานฉันป่วยเป็นมะเร็ง แล้วก็เสียเขาไปเมื่อสามปีที่แล้ว” ยายพูดเสียงเรียบเรื่อย ก่อนจะลดเสียงเบาลงราวกับกลัวคนในบ้านได้ยิน “ตาตุ้ยเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้ฉัน แล้วฝากสณฑ์มาอ่านให้ฟัง เพราะรู้ว่าฉันมองอะไรไม่เห็น อาทิตย์หนึ่งสณฑ์จะอ่านจดหมายให้ฉันฟัง แต่ที่จริงเขาก็มาหาฉันเกือบทุกวันนะ” ยายก้วนแค่นเสียงหัวเราะ “แต่เขาก็ยังทำอย่างนั้น แม้ว่าตุ้ยจะเสียไปแล้ว”
“เพราะว่าเขารักยายมากไงคะ ยายของเพื่อนก็เหมือนยายของเขา” กินรีแตะหลังมือเหี่ยวย่นของผู้สูงวัย เธอรู้สึกถึงอาการกระตุกของมือยายก้วนเล็กน้อย แต่เมื่อเธอกุมไว้อย่างนุ่มนวลยายก้วนก็สงบ และยิ้มเห็นด้วย
“เขายังคิดหลอกยายไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะ ยายรู้ว่าจดหมายพวกนั้นเขาเขียนเองทั้งนั้น”
กินรีเริ่มรับรู้เรื่องราวแปลกเหล่านี้ คนส่งความสุขเห็นท่าจะหลอกลวงคนเก่ง สวมหน้ากากเป็นคนดี แต่ก็มีมุมไม่บริสุทธิ์ ปิดบังเหล่านี้อยู่
“ยายครับน้ำมาแล้ว”
บทสนทนาระหว่างกินรีกับยายก้วนจบลง หญิงสาวพบว่าหญิงชราที่แม้จะดวงตามืดบอดก็ยังคงยิ้มแย้ม และผ่อนคลายเมื่ออยู่กับสณฑ์ ถึงปากจะบ่นว่าไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ที่สณฑ์จะเลิกหลอกลวง แต่คุณยายกลับดูรอคอยการมาของเขา ในที่สุดหญิงสาวก็เข้าใจ เธอยิ้มเต็มหน้าตอบรอยขมวดคิ้วมุ่นของสณฑ์ เมื่อลาคุณยายออกมา สณฑ์ก็ถามสิ่งที่สงสัยทันที
“คุณยิ้มอะไร ยิ้มไม่หุบด้วย”
มือบางยกแตะแก้ม ทำหน้าเลิ่ก ก่อนจะหัวเราะขันตัวเอง นั่นสิถึงว่าเธอเมื่อยแก้มไปหมด “ฉันก็แค่คิดว่าคุณกับยายก้วนน่ารักดี”
“น่ารัก?”
“คุณคิดจะหลอกยายก้วนไปอีกนานแค่ไหน”
สณฑ์ไม่ได้แปลกใจที่กินรีรู้เขากลับใช้น้ำเสียงผ่อนคลายถามกลับมา “ยายก้วนบอกคุณเหรอ”
“มันสำคัญด้วยเหรอว่าฉันรู้มาจากใคร” กินรีใช้สายตารู้ทัน เธอรู้ว่าสณฑ์รู้มาตลอดว่ายายก้วนรู้ว่าเขาโกหกเรื่องจดหมาย
“สิ่งที่ผมทำมาตลอด เป็นหน้าที่ที่ทำแล้วไม่มีวันหมดอายุ ผมอยากจะส่งความสุขให้ยายก้วนเขาตลอดชีวิต เพราะผมรู้ว่ายายเขาก็รอ”
“ยายเขาไม่ได้รอหลานชายเขาหรอกนะคะ” กินรีแตะเอวคนปั่นจักรยาน หน้าตายิ้มออกมา เธอรู้สึกอิ่มที่หัวใจกับการกระทำของเขา เขาส่งความสุขได้จริงๆ “ยายเขารอคุณมาหา”
“ผมเองก็รู้” น้ำเสียงโอ่นิดๆ ของสณฑ์ทำให้คนฟังนึกย่นจมูกตาม เมื่อเขาปั่นมาถึงหน้าร้านโปสการ์ดของตัวเอง โปสการ์ดที่เธอเกือบหลงลืมไปก็ถูกคืนมาให้ตรงหน้า ด้านหลังโปสการ์ดมีคำว่าคิดถึง และรูปหัวใจอยู่เช่นเดิม
“คุณหลอกฉัน”
สณฑ์ยกมือลูบผมเก้อๆ สายตาต่อว่าแต่ไม่จริงจัง คล้ายมองค้อนเสียมากกว่าทำให้เขาสบายใจที่ได้มอง น้ำเสียงน้อยใจนั้นก็ดูน่าฟัง รื่นหู
“คุณไม่อยากจะส่งโปสการ์ดนี้แล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมก็คืนให้คุณตามสัญญา”
กินรีกอดอก เธอจ้องหน้าเขา สลับกับโปสการ์ดที่เธอยื่นมือไปก็จะคว้ากลับเข้าหาตัวได้ แต่มือของเธอกลับไม่ยื่นออกไป ยังหดกลับเข้ามาแนบลำตัว สิ่งที่สณฑ์ประหลาดใจ แต่ก็พอเข้าใจความต้องการของกินรีได้เลาๆ
“ฉันจะส่งโปสการ์ดใบนี้ค่ะ ฉันจะส่งให้เขา”
สีหน้าตกตะลึงของเจ้าบ่าวเป็นภาพตลกที่สุดของวันในสายตากินรี หญิงสาวนับถือในความกล้าหาญของตัวเองที่ยังกล้ามาเผชิญหน้ากับอดีตคนรักเก่า เขาทำหน้าราวกับว่าเธอเป็นผี ใส่ชุดโศกมาร่วมงานเขา
การ์ดเชิญที่กินรีปริ๊นซ์มาจากอินเตอร์เน็ทแสดงหน้างานตอกย้ำให้เจ้าบ่าวแทบเอาปี๊บคลุมหัว หญิงสาวยิ้มหวานให้ทุกคน เธอมาคนเดียวแล้วอย่างไร การมาของเธอคือการพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเธอ
“เธอมาทำไม” เป็นเจ้าสาวของเขาที่แสดงอาการระแวงกินรีชัดเจน หญิงสาวซึ่งมาเป็นแขกสวมชุดสีเหลืองสว่าง ใบหน้าแต่งไม่เข้มไม่อ่อน ดวงหน้าสดใส ไม่ใส่ใจว่าการมาของเธอจะทำให้เจ้าสาวที่เธอจำได้ว่าเป็นรุ่นน้องสมัยเรียนเกิดอาการหวงก้างเจ้าบ่าวขึ้นมา
“เขาชวนฉันค่ะ” กินรีตอบพาซื่อ ยังจงใจอวดการ์ดหยาบๆ ให้เจ้าสาวหันไปถลึงตาใส่เจ้าบ่าวอย่างแค้นเคือง
“หน้าไม่อาย เขาไม่ได้ตั้งใจจะชวน ก็แค่ตามมารยาทยังจะมาอีก” เจ้าสาวลดเสียง เน้นย้ำต่อว่าด้วยความขุ่นเคือง
กินรียิ้มรับ เธอสบตาเจ้าบ่าว เจ้าสาว ก้มศีรษะให้น้อยๆ อย่างนับถือ ที่จริงถึงเธอจะไม่ใช่คนชอบทะเลาะกับใคร แต่สิ่งหนึ่งที่คงถือเป็นวิสัยพื้นฐานของมนุษย์ที่มีในตัวเกือบทุกคนอย่างการไม่ชอบให้ใครดูถูก ถากถาง ก็ยังมีอยู่
“ฉันก็มาตามมารยาทค่ะ”
“อย่าใจร้อน วันนี้วันมงคลของเรานะ” เจ้าบ่าวทำเสียงอ้อนเสียงออดกับเจ้าสาว กินรีแทบเห็นเขาเหงื่อตก วันนี้ผู้ชายตรงหน้าที่แต่ก่อนข่มเธอ ทำตัวอยู่เหนือมาตลอดกำลังเจอบุคคลที่เหนือกว่าเสียแล้ว
“ฉันเข้างานนะคะ”
หญิงสาวไม่สนสายตาของเจ้าบ่าวที่มองเธอเหมือนคนกินยาลืมเขย่าขวด ก็คงจริงอย่างที่สายตาคนรักเก่าเธอว่า เธอทานยาแล้ว และทานมันถึงสองขนาน ยาชนิดหนึ่งเรียกว่ายาแห่งการปล่อยวาง มันเป็นความกล้าที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน กับอีกขนานคือยาแห่งความสุข เพียงแค่ยิ้มรับมัน ไม่ว่าเรื่องเลวร้ายตรงหน้าจะหนักหนาอย่างไร ความเลวร้ายของมันก็จะลดลงไปกว่าครึ่ง
...ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความคิดของตัวผู้เผชิญเอง และวันนี้เธอรู้จักจัดการให้ตัวเองมีความสุขแล้ว จะกลับไปจมจ่อมกับความทุกข์อีกทำไม
“ไม่เจอกันเท่าไหร่ คุณดูเปลี่ยนไปนะ”
แขกที่วันนี้ดูสดใส งดงามอย่างธรรมชาตินั่งปลีกออกมาจากคนอื่นเงยหน้ามองเจ้าบ่าวที่ยืนห่างออกไปสามก้าว เธอเหลียวมองรอบตัวที่ไร้คนอยู่จึงมั่นใจว่าเขามาเพื่อคุยกับเธอ “ผมได้รับโปสการ์ดนั้นแล้ว”
“ค่ะ”
เจ้าบ่าวใช้แววตาแสนเสียดายยามทอดมองความห่างเหินที่อีกฝ่ายแสดงออกมา เป็นเขาที่โง่เอง โง่ที่ทิ้งผู้หญิงหัวอ่อนคนหนึ่งไปเลือกผู้หญิงอีกคนที่คงจะข่มเขาไปตลอดชีวิต “ที่จริงหากเราสอง...”
“อย่าเข้าใจผิดค่ะ” กินรีตัดบท ลุกขึ้นยืนอย่างสงบ เธอเห็นแล้วเจ้าสาวจอมดุกำลังเดินหน้ายักษ์เข้ามาหา “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว”
คนที่ครั้งหนึ่งเคยบอกเลิกหน้าหงาย เขายังไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงหัวอ่อนแปรเป็นคนที่มีสติ สงบนิ่ง และไม่มีร่องรอยลังเลอย่างนี้ได้อย่างไร เขากำลังอ้าปากคัดค้าน เพื่อนกลุ่มใหญ่สมัยเรียนก็พร้อมใจกันเดินเข้ามาทักทายเธอ พร้อมด้วยประโยคยืนยันที่ทำให้เจ้าบ่าวรู้สึกหน้าชาหนึบ
“โปสการ์ดสวยมากนะ ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน”
ความสุขก็ควรแจกจ่ายให้ทั่วถึง กินรียิ้มรับหน้าบานแฉ่ง เธอตัดสินใจถูกจริงๆ ที่ไม่เพียงส่งการ์ดให้เจ้าบ่าว ยังเผื่อแผ่ไปให้เพื่อนของเธอทุกคน
...เพราะทุกคนล้วนเป็นเพื่อน ฐานะพิเศษอะไรที่เคยมีมาแต่ก่อนนั้น จบลงไปในเวลาอดีตแล้ว นี่คือความเท่าเทียม และการแสดงออกถึงการไร้เยื่อใยให้ผู้ชายคนหนึ่งรู้ ไม่ว่าเขาจะรับรู้หรือไม่ เธอไม่สนใจเขาอีกต่อไป
เขาไม่รู้ว่าท้ายที่สุดกินรีจะตัดสินใจอย่างไรกับชีวิตตัวเอง
สณฑ์มองบรรยากาศเรียบสงบที่มีนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปประปรายด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในอก ได้รู้จักกินรีมาแค่หนึ่งอาทิตย์ มีกินรีคอยช่วยทำหน้าที่รับสารจากทุกคนไปส่ง หรือจะมีกินรีไปหายายก้วนเป็นเพื่อนด้วยเสมอ พอวันนี้เป็นวันที่สามที่เขาไม่เจอกินรี เขาก็เริ่ม...คิดถึง
กาแฟยกล้อกลิ่นหอมรสไม่เข้มมากวางอยู่เบื้องหน้า ชายหนุ่มจิบไปได้เพียงครึ่งแก้ว ใครบางคนก็เดินเข้ามาอยู่ในสายตาเขา ร่างเล็กนั้นมาพร้อมเป้บนหลัง ดวงหน้าสว่างสดใสยิ้มให้เขาอย่างเป็นกันเอง และทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามกับเขาในโต๊ะเดียวกัน
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรทักทายคำแรกกับกินรีด้วยคำว่าอะไร หรือถามไถ่ถึงคนรักเก่า แต่การที่เขาไม่เห็นร่องรอยเศร้าในดวงตาคู่นี้คือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอดไม่ใช่เหรอ หน้าที่ของเขาสำเร็จแล้ว
กินรีกระแอมไอนิดหนึ่ง ผิวแก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อเธอก้มมองพื้นโต๊ะ แต่มือกลับเลื่อนกระดาษโปสการ์ดซึ่งเป็นภาพความวุ่นวายของเมืองใหญ่ที่เธอเพิ่งจากมา
ชายหนุ่มที่หัวใจไม่เคยเต้นแรงเพราะผู้หญิงเริ่มรู้สึกควบคุมหัวใจตัวเองไม่อยู่ มือใหญ่สั่นนิดหนึ่ง ถึงเขาจะพยายามควบคุมอย่างสุดความสามารถเมื่อเปิดด้านหลังขึ้นมาอ่าน เขาเงยหน้ายิ้มตอบรับอย่างสว่างไสว หัวใจเขากำลังรัวแรง โดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าคนที่เขียนข้อความนี้จะกำลังหน้าร้อนผ่าว และทำได้แค่ยิ้มรับให้กับพื้นโต๊ะ
มันไม่ใช่คำบอกรัก แต่เป็นคำสารภาพที่บอกให้ผู้รับมีความสุขยิ่งยวด เมื่อล่วงรู้ถึงความสำคัญของตัวเอง
สิ่งเดียวที่เหลือหลังจากการปล่อยวาง และให้ความสุขกับใครต่อใคร...คือคุณ กินรีบิดตัวด้วยความขัดเขิน ไม่กล้าตอบสิ่งที่อยู่ในหัว ปล่อยให้ข้อความสั้นๆ ในโปสการ์ดทำงานของมันต่อไป
‘ฉันกลับมา ก็เพราะ...คุณ’
........................................................
คุณ โอชิน ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันนะคะ ยังจำวาดตะวันได้ด้วย เร็วๆ นี้จะกลับมาอัพแน่นอนค่ะ ^_^ รออ่านนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2557, 22:40:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2557, 22:49:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 1133
<< 1-1 |

โอชิน 19 ธ.ค. 2557, 23:39:17 น.
เย้ๆจะตั้งตารอนะคะ^_^
เย้ๆจะตั้งตารอนะคะ^_^

konhin 20 ธ.ค. 2557, 02:46:33 น.
สนุกอ่ะ
สนุกอ่ะ