สาปหฤหรรษ์
แนะนำเรื่องแบบย่อๆ
เสียงเล่าลือกล่าวขานถึงนางอัปลักษณ์ในตำนานผู้แสนเหี้ยมโหดชั่วร้ายเกินใครแต่อำนาจทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับนางเช่นกัน เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ต้องยอมมอบกายถวายชีวันแลกความอยู่รอดของแผ่นดินด้วยการเป็นสามีของนาง

หมายเหตุ.- เปลี่ยนชื่อเรื่องจาก 'นางเงา' เป็น 'สาปหฤหรรษ์' นะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 4-5

ตอนที่ 4

บุญรักษาพยายามเรียกหาบุญมารักษาชีวิตของตนเองไม่หยุดในตอนนี้ ความมืดของค่ำคืนและอากาศเย็นยามดึกสงัดยิ่งทำให้เหน็บหนาว

แสงไฟจากคบเพลิงไม่กี่จุดส่องสว่างพอให้เห็น ทว่าแสงนี้ยิ่งทำให้หนาวจับใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญ

คนพวกนี้ไม่ทำการเอิกเกริก หญิงสาวสังเกตมาตลอดทาง ทุกคนที่ร่วมชะตากรรมล้วนถูกแยกย้ายทันทีหลังออกจากกระโจม ถูกนำขึ้นเกวียนมีหลังคาปิดมิดชิดรอบด้าน ข้าวปลาอาหารนั้นมีให้กินอิ่มหนำแม้อยู่ในเกวียน ทว่าบุญรักษากินแทบไม่ลง ยิ่งตอนนี้ที่มีแสงไฟจากคบเพลิง มองเห็นสำรับอาหารหน้าตาน่ารับประทานตรงหน้าก็ไม่อยากกินทั้งที่ท้องหิว รู้สึกเหมือนมีอะไรมากระจุกอยู่ที่ลำคอเสียมากกว่า ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาจะไหลให้ได้

เหตุการณ์ในความมืดและมองเห็นวับแวมขณะนี้ยิ่งน่าสะพรึงนัก บรรยากาศชวนหลอนเป็นที่สุด เธออยู่ตรงปากหลุมของเสาหลักเมืองกลาง เสานี้อยู่ตำแหน่งกลางเมืองตามที่รู้มาอีกแปดเสาอยู่ประจำทั้งแปดทิศรอบนอก เท่ากับว่าเสาหลักเมืองของที่นี่มีทั้งหมดเก้าเสา

บรรดาพราหมณ์ผู้ประกอบพิธีทั้งหลายอยู่ฝั่งตรงข้ามของปากหลุม ปะรำพิธีมีเครื่องบวงสรวงเป็นจำนวนมาก พวกนั้นสวดคาถาร่ายมนตร์ไม่หยุด และนั่นยิ่งทำให้หนาวจับใจ เสียงกระหึ่มจากการสวดเคล้าลมเย็นๆ ที่พัดมายิ่งทำให้ขนหัวลุกไม่หยุดหย่อน ขนลุกเกรียวทั้งตัวเมื่อเห็นทุกอย่าง

พราหมณ์คนหนึ่งก้าวมายืนอยู่บนไม้กระดานที่พาดไว้ระหว่างปากหลุม มีไม้อีกแผ่นที่มีขนาดสั้นกว่ามัดเชือกหัวท้ายวางซ้อนกับไม้แผ่นที่วางพาดปากหลุมนั้น พอเขาขึ้นเหยียบ เชือกสองด้านของแผ่นไม้ที่สั้นกว่าก็ตึงทันที แน่นอนว่าคงจะใช้ลงไปข้างล่างไม่ผิดแน่

คนพวกนี้ใจร้ายมาก ไม่ทิ้งเพื่อนร่วมหลุมให้เธอสักคนหนึ่ง จนกลายเป็นว่านั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวท่ามกลางเหล่าผู้ทำพิธี จะมีที่คุ้นหน้าก็คือผู้ดูแลหญิงสองคน ซึ่งคอยจัดแจงอาหารและดูแลรักษาความสะอาดเมื่อต้องขับถ่ายตั้งแต่ค่ายพักมาจนถึงตรงนี้

สิ่งของที่จะถูกฝังลงก้นหลุมชุดแรกอยู่ในมือพราหมณ์ผู้รับหน้าที่และยืนอยู่บนไม้กระดานนั้น บุญรักษาเห็นผ้ายันต์ผืนใหญ่สองผืนประกบกันและลงอาคมก่อนนี้ไม่นานได้ถูกนำลงไปก่อนเป็นชิ้นแรก ส่วนไม้มงคลและสารพัดของขลังอีกชุดหนึ่งได้ถูกมัดรวมกันไว้ในห่อผ้าชาวที่พราหมณ์อีกคนกำลังถือไว้ ยืนรอตรงปากหลุมเพื่อนำส่งหากคนที่ลงไปได้ขึ้นมา

บุญรักษาได้แต่มองด้วยความกดดัน เห็นเชือกขยับ ได้ยินเสียงสวดที่ยิ่งชวนให้หลอน หนาวสุดจะหนาวกับอากาศและบรรยากาศรอบด้าน

พวกเขาทำทุกอย่างอย่างระมัดระวัง ดูละเอียดอ่อนประณีตนักเมื่อพราหมณ์ผู้รับหน้าที่วางของลงก้นหลุมค่อยๆ ลงไป ทว่าในความรู้สึกของเธอกลับแฝงมาด้วยความโหดร้ายอำมหิตเมื่อรู้แก่ใจว่าตัวเธอนี่แหละที่ต้องลงไปอยู่เป็นเพื่อนของขลังพวกนั้น

‘หน้าตาฉันเหมือนของขลังที่ไหนกัน!’ บุญรักษานึกโอดครวญ น้ำตาอาบแก้ม มองการกระทำทั้งหมดด้วยอารมณ์หลากหลาย

ร่างกายของเธอสั่นหนักขึ้นเมื่อผู้ดูแลหญิงเดินเข้ามาหลังจากพราหมณ์คนนั้นขึ้นๆ ลงๆ สองรอบ ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังจะโดนอะไร และเมื่อพราหมณ์ผู้ทำหน้าที่วางของไว้ก้นหลุมโผล่ศีรษะขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่รอรับอะไรอีกแล้ว เพราะเดินบนไม้กระดานที่พาดปากหลุมไปยืนกุมมือสงบนิ่งอยู่อีกฝั่งปะรำพิธีและอยู่ตรงข้ามกับเธอ

บุญรักษาก็ถูกพาตัวไป อยากขัดขืนแทบตายแต่กลับก้าวตามเหมือนคนไร้สติ ผู้ดูแลคนหนึ่งประคองเธอให้ขึ้นไปเหยียบแผ่นกระดานที่จะลงก้นหลุมนั้น

หญิงสาวกลั้นหายใจ อยากกลั้นใจตายไปเลยแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อร่างกายนี้ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของตนเอง

ไม้กระดานที่จะพาเธอลงสู่ก้นหลุมเริ่มขยับ รู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนชิงช้าที่มีแรงแกว่งเบาๆ ผู้ดูแลคนหนึ่งที่พาเธอเดินมายังประคองเอวเธอเอาไว้ และใช้อีกมือหนึ่งกำเชือกเพื่อทรงตัว

ความมืดเริ่มคืบคลานเข้าสู่สายตา รู้เพียงว่าไฟสีส้มๆ วับแวมอยู่ด้านบนเริ่มห่างออกไป มืดสนิทและหนาวเย็นนัก ในหลุมมีกลิ่นอับชื้นของดิน ไม่นานก็ถึงจุดหมาย

ผู้ดูแลพาเธอก้าวออกไป บุญรักษาสะดุ้งเมื่อเท้าเหยียบลงดิน พื้นนี่เย็นและนุ่มหนืด ตัวสั่นระริกเพราะความหนาวที่เหมือนจะหนาวไม่หยุดหย่อน อีกฝ่ายจัดแจงให้เธอนั่งพับเพียบ

ก้นหลุมมืดมาก มืด...และเย็นจัดจนหนาวสะท้านจับใจ กลิ่นความตายลอยอบอวลให้ยิ่งผวา น้ำตาอาบแก้มมากขึ้นเมื่อรู้ว่าผู้ดูแลห่างออกไปแล้ว เสียงกึกๆ เหนือศีรษะบ่งบอกว่าพวกเขาใกล้จะจัดการกับเธอในอีกไม่นาน

บุญรักษาได้แต่คิดถึงความดีที่เคยทำมาทั้งหมด น้อยที่สุดคือความกตัญญูที่ได้ดูแลยาย คิดถึงบุญที่ได้ใส่บาตร เข้าวัด ปฏิบัติธรรม ทุกภาพยังแจ่มชัดและยิ่งชัดเจนเมื่อเธอหวาดกลัวสุดขีด คิดถึงแต่องค์พระใสๆ ให้ปกปักรักษา บอกตัวเองว่าให้คิดถึงแต่บุญเท่านั้น เพราะแต่ไหนแต่ไรเธอก็อยู่ได้ด้วยการทำบุญมาตลอด

ยายบอกว่าเลี้ยงเธอมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเพราะพ่อกับแม่ตายด้วยอุบัติเหตุ จึงรู้ว่าเธอเป็นโรคประหลาดตั้งแต่เกิด คือไม่สบาย เคยป่วยจนหมอบอกให้ทำใจและรอเวลาเท่านั้น เดิมทีเธอมีชื่ออีกชื่อหนึ่ง เมื่อยายรู้เรื่องจึงให้ชื่อใหม่ว่าบุญรักษา อาการจะตายแหล่มิตายแหล่จึงไม่มีอีก ทว่าอาการป่วยยังอยู่เป็นครั้งคราว มาเยี่ยมเธอทุกเดือน ไปหาหมอก็รักษาไม่หาย จะว่าภูมิแพ้ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว บางทีตรวจไปกลับไม่พบความผิดปกติเสียอย่างนั้น

ส่วนอาการของโรคคือวันดีคืนดีเธอมักจะปวดเนื้อปวดตัว เจ็บเหมือนมีเข็มน้ำแข็งนับล้านๆ เล่มทิ่มใส่อย่างไม่ปรานี เจ็บไปทั้งร่างกาย เจ็บไปพร้อมกับหนาวสั่นโดยไม่มีสาเหตุ หนาวสั่นสะท้านจนฟันกระทบกันกึกๆ หนาวเหมือนถูกความเย็นโอบล้อมแทงให้เจ็บปวดทรมาน กระดูกนั้นประหนึ่งถูกป่นเป็นผง เจ็บและเป็นแบบนี้มาโดยตลอด ความเจ็บปวดของเธอไม่เคยเลือกเวลา เอาแต่ใจยิ่งกว่าคนที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจ เคยทานยาแก้แพ้หรือฉีดยาก็ไม่หาย สุดท้ายลองเข้าวัด ทำบุญ อาการจึงทุเลา

ความทรงจำเรื่องเหล่านี้ผ่านไปรวดเร็ว

เธอกำลังคิดถึงภาพขณะที่ตนเองปฏิบัติธรรม ระลึกถึงเช่นเวลาจิตใจสงบนิ่งดีแล้ว ไม่ฟุ้งซ่าน และตอนนี้กำลังบอกให้ตัวเองทำแบบนั้นอีกครั้ง

ไม่นานนักความขลาดกลัวเริ่มจางหาย สติที่มียังพึงระลึกได้ว่าอย่างไรก็ต้องไม่ปัสสาวะหรืออุจจาระราดไปเชียวละ เธอจะไม่ยอมเสียหน้าเสียศักดิ์ศรีเพราะเรื่องนี้เป็นอันเด็ดขาด ถึงใครไม่รู้แต่เธอรู้ดี ทั้งที่ความเย็นของอากาศรอบๆ ยังปะทะผิวกาย เสียงสวดยังดังให้อยากสติแตกไปพร้อมๆ กันก็ตาม

หญิงสาวพยายามหลับตาเอาไว้ คิดถึงแต่สิ่งดีงาม คิดถึงความดีทุกอย่างเท่านั้น และโชคดีที่เธอนึกได้แจ่มชัดมากๆ น่าดีใจที่สุดที่ยังระลึกได้ เป็นเช่นนั้นจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร รู้เพียงนั่งอยู่ในหลุมนี้นานเหลือเกิน

“ตัด”

บุญรักษาหลับตาแน่นทันที เกร็งตัวสุดขีดเพื่อรอรับสิ่งที่จะทับลงมา อาการจุกเกิดขึ้นฉับพลัน ทุกอย่างดับวูบในวินาทีนั้นพร้อมกับสติที่เคยมี

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -



ตอนที่ 5


.........“ทุกข์ซัดกรรมชั่วช้า.......ใดสาป

สาปดั่งสนองสาป....................ใดพ้น

พ้นสาปพ่ายพ่ายสาป...............ใดตาย

ตายดับทุกข์ บ่ พ้น...................ใดม้วย กงเกวียน”



โคลงกลบทวัวพันหลักดังก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา บุญรักษาชอบอ่านหนังสือแต่ไม่ชอบคิดหรือลงมือทำอะไร โดยเฉพาะสิ่งที่ยากจะตีความเหมือนประโยคที่ได้ยิน ยิ่งกาพย์กลอนซ่อนคำซ่อนความทั้งหลายยิ่งไม่ต้องพูดถึง รู้สึกว่ายากเกินความสามารถ

‘โอย’ บุญรักษาครวญแล้วก็พลิกตะแคงงอตัว ทว่ากลับนอนนิ่งๆ เท่านั้น ความเจ็บปวดเหมือนโรคประจำตัวกำเริบมีขึ้นอีกครั้ง

เนื้อหนังของเธอเหมือนถูกทิ่มด้วยเข็มน้ำแข็งและโอบล้อมไปด้วยอากาศเย็นจัดให้เหน็บหนาว กระดูกเหมือนถูกบีบบดให้แตกละเอียด เจ็บแบบนี้ แล้วเธอจะไปทำบุญที่ไหนได้กันละนี่ ถ้าไม่พ้นโลกนี้ก็ไม่เท่ากับว่าต้องทนเจ็บไปตลอดหรอกหรือ

“สาป”

บุญรักษายกมือขึ้นปิดหูแต่ก็ได้แค่นอนท่าเดิม เนื้อตัวของเธอหนักอึ้ง ไร้เรี่ยวแรง ประโยคที่รู้ว่าจะต้องมาสาป สาป สาป และสารพัดสาปกำลังดังขึ้นอีกครั้ง วนเวียนจนแทบจะจำได้ทุกบาท ทุกบท ทุกวรรคตอนกับบรรดา ‘สาป’ นี่

แต่...

‘ยังไม่ตาย!’

ความดีใจมากล้นถาโถมเข้ามา เธอรีบลืมตา ลืมหมดอาการเจ็บปวดที่เนื้อตัว ลืมแม้กระทั่งว่าก่อนนี้กำลังรำคาญอะไร

แสงสว่างจ้าทำให้บุญรักษาต้องหลับตาลงอีกครั้ง หลับตาหนักๆ เพราะกระบอกตาร้อนวูบปวดแปลบไปถึงสมอง พยายามบอกตัวเองว่าอย่าตื่นเต้นจริงๆ เชียวนะ กลัวเส้นเลือดในสมองจะระเบิดเพราะดีใจเกินไป

คิดได้ดังนั้นก็ยิ่งหลับตา ยิ้มกริ่มอย่างลิงโลด ทนเจ็บได้สบายมากๆ ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น จนเมื่อพอจะปรับสภาพแสงได้แน่แล้ว จึงค่อยๆ ลืมตา

กระท่อมไม้ไผ่หลังน้อยปรากฏในคลองจักษุ บุญรักษามองสำรวจ แน่ชัดว่าตนเองยังนอนอยู่กับพื้นกระท่อมโดยไม่มีอะไรปูรอง สัมผัสเหมือนนอนบนแคร่ไม่ไผ่เธอรู้จักดี เพราะที่บ้านก็มีไว้อันหนึ่งใต้ต้นไม้ เธอชอบเอาไว้นอนเล่นตอนอ่านหนังสือ ได้บรรยากาศดีชะมัด

‘ไม่ตายจริงๆ แล้วนะรัก’ บอกตัวเองแล้วปลื้มปริ่มน้ำตาจะไหล

แต่นั่น... ดูเหมือนจะไหลออกมาจริงๆ เสียแล้ว

บุญรักษาขยับมือไปที่ศีรษะ ทว่ามือก็ยังยกไม่ขึ้น

‘อาจจะไม่สบาย เลยฝันร้าย หมดละ...หมดทุกข์ หมดโศกเสียทีนะเรา ฝันโคตรน่ากลัวเลย’ บุญรักษายิ้มกว้างออกมาทันที

ทว่าขณะที่ยิ้มกับตัวเอง แรงขยับยุบยวบบางอย่างก็มีมา กระท่อมไม้ไผ่ขยับไหว บุญรักษาเหลือบแลไปยังทิศที่มีเงาวับแวมซึ่งเป็นทางปลายเท้า

‘เห็นทีว่าคงไม่ฝันแล้วล่ะ’ บอกตัวเองเช่นนั้นก็แทบจะเกร็งรับสถานการณ์

‘น่าจะรู้ตั้งแต่เห็นกระท่อมไม้ไผ่แล้ว แกไม่มีโปรแกรมเที่ยวนะรัก’ ตัวเองยังจะมาซ้ำเดิมตัวเองให้ได้เจ็บใจอีก

คนตัวสูงใหญ่ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิงกำลังเดินเข้ามา คนคนนี้คลุมผ้าสีดำไว้ทั้งตัว ปกปิดมิดชิดตั้งแต่ศีรษะลงไป

‘เกร็งจริงจังได้แล้วคราวนี้’ คิดเช่นนั้นก็แทบกลั้นหายใจ

บุญรักษาเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายแน่นอน จะมีผู้หญิงคนไหนไว้หนวดเครารกรุงรังจนไม่รู้ว่ามีหน้าตาแท้จริงอย่างไร แม้เขาจะสวมหมวกผ้าหรือฮูทปิดลงมาเกือบครึ่งหน้าก็ตาม แต่กลิ่นอายสังหารคุกคามละลายความเจ็บปวดของเธอจนเกลี้ยงสนิท จะพูดให้ถูกก็คือกลัวเขาจนลืมเจ็บ

เขาคนนี้ย่อกายลง นั่งข้างๆ เธอโดยไม่พูดอะไร บุญรักษาเกร็งจนแทบเป็นตะคริวเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจ้องมอง เขาเหมือนหมาป่าภายใต้ผ้าคลุมของหนูน้อยหมวกแดงที่ถูกย้อมสีจนกลายเป็นสีดำ

“ยินดีต้อนรับกลับมาสานงาน สิ่งใดที่คั่งค้าง จงสัมฤทธิ์ผลโดยไวเถิด”

อวยพรกันเลยทีเดียว บุญรักษากะพริบตาปริบๆ ยิ้มแหยๆ ให้อีกฝ่าย โดยหารู้ไม่ว่ารอยยิ้มเช่นนี้ทำให้คนที่นั่งอยู่ถึงกับชะงัก

“ข้าพเจ้ามีนามว่าราช เป็นผู้ต้องลักษณะคำทำนาย นางอมรรตัยต้องการตัวพวกเรา แลแม่หญิง...คือคนหนึ่งในนั้น ที่นางต้องการ” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง ให้ความรู้สึกสงบ ทำให้บุญรักษาพอจะผ่อนลมหายใจได้สะดวกขึ้น

แต่อะไรนะ... ลืมหายใจไปแล้ว เหวอไปเลยทีเดียว เมื่อเข้าใจความหมายที่ชายหนุ่มบอก

“ฉันไม่ใช่คนในโลกนี้นะคะ” พูดไปแต่กลับไม่มีเสียง

ปากของชายคนนี้ขยับนิดหนึ่ง เหมือนจะยิ้มเล็กน้อย “แม่หญิงต้องมนตร์ หนึ่งของปัทมราชครู สองของเฒ่าทับทิม ยากนักจักเปล่งเสียง แลขยับตัว”

บุญรักษาพยักหน้าหงึกหงัก ยิ้มกว้างออกมา เขาเก่งมากจนรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นใบ้และโดนมนตร์ของสองคนนั้น ทว่ากลับหุบยิ้มทันควัน ช้าไปเสียแล้วที่เพิ่งรู้ตัวว่าไม่ควรแสดงอะไรออกไป เธอยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน

“หากเป็นเช่นนี้ ยากนักจักเดินทางไปกมุทนคร ดินแดนปลอดภัยแห่งผองชนผู้มีกำเนิดตรงตามคำนาย จักทำลายมนตร์ได้ คือหนึ่งจูบล้ำลึก สองกอดแนบแน่น”

เอิ่ม... ไม่ต้องเสียตัวกันไปเลยหรือนั่น

บุญรักษาเหมือนใบ้จะรับประทานแม้ไม่สามารถเปล่งเสียง กะพริบตาปริบๆ เพราะคิดหนัก เหตุการณ์ทุกอย่างเข้ามาหาเธอรวดเร็วเหลือเกิน ตั้งรับแทบไม่ทัน ขอเวลาเรียบเรียงนิดหนึ่งจะได้ไหม นั่งจึงทำให้อยู่เฉยๆ โดยไม่ตอบรับอะไรไป

ว่าแต่...ขอเห็นหน้าสักหน่อยไม่ได้หรือ อยากรู้ว่าหล่อหรือเปล่า คือถ้าหล่อก็ยังทำใจได้ง่ายนะ แต่มามาดพระเอกในนิยายทะเลทรายแบบที่เน้นชัดแค่หนวดเคราไม่เห็นหน้าตา เขาพูดทีก็เห็นแค่เคราดำๆ ขยับเคลื่อนไหว ดวงตายิ่งไม่ต้องถาม เธอมองไม่เห็น ฮูทนั่นปิดไว้เกือบมิด ทักทายกันแบบนี้แล้วมาขอจูบมันก็ยากจะทำใจนี่นา จูบแรกของเธอเชียวนะ

“ยินดีฤๅไม่...เจ้าข้า” เขาถาม หางเสียงนั้นดูอ่อนโยนผิดหนวดเคราดุๆ ที่เห็นไม่น้อย

บุญรักษาส่ายหน้า ทว่าก็เป็นการกรอกตาไปซ้ายขวา

“ว่าง่ายจริงเทียว” พูดเท่านั้นเขาก็ก้มหน้าลงมา

เฮ้ย! เธอปฏิเสธ ไม่ได้ตกลงเสียหน่อย ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน



- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -



สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ธ.ค. 2557, 01:41:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ธ.ค. 2557, 16:17:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1691





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 6 >>
ใบบัวน่ารัก 27 ธ.ค. 2557, 08:30:08 น.
น่าน่า ไม่ตาย ได้เป็นนางเอกน้าเรื่องนี้ คุ้มนะเนี่ย
บุญรักษาน้า


mhengjhy 27 ธ.ค. 2557, 09:23:45 น.
อั่ยย่ะ


แว่นใส 27 ธ.ค. 2557, 15:20:15 น.
เป็นอินเดียเหรอ ส่ายหน้าเท่ากับตกลงเนี่ย


omelate 27 ธ.ค. 2557, 21:47:55 น.
ว้ายๆๆ จูบล้ำลึก ฮิ้ววว.....


สุชาคริยา 27 ธ.ค. 2557, 23:42:02 น.
@คุณใบบัวน่ารัก = 55555 นางบอกว่า "ไม่อยากเป็นนางเอกของสุชาคริยาเลยค้าาาา"
@คุณmhengihy = อิอิ
@คุณแว่นใส = 555555 เดี๋ยวมีเฉลยค่ะ กริ๊กกริ้ว
@คุณomelate = ฮิ้ววววว!! 5555555


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 ธ.ค. 2557, 03:48:32 น.
กรี้ดดดดด จะอิจดี หรือ สงสารดีละ 555


Zephyr 4 ม.ค. 2558, 00:08:25 น.
อ้าว เอ๊ะ อะไรลงมาทับนาง
ยังรอดรึนี่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account