ปฏิญญาปฏิพัทธ์
บางคน...ทำทุกสิ่งเพียงเพื่อลบ ‘ใครสักคน’ ออกจากความทรงจำ
บางคน...ทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อเป็น ‘บางสิ่ง’ ในความทรงจำของใครสักคน
ทว่าเมื่อนางกลายเป็นเพียงความว่างเปล่าในสายตาของบุรุษผู้นั้น
วิถีทางใดเล่าที่จะทำให้นางได้มีตัวตนในดวงตาคู่นั้นอีกครา...

‘ทุกอย่าง’ ที่พร้อมยอมกระทำเพียงให้เขาหันกลับมาอีกครั้ง รวมไปถึงการหลอกลวง หักหลัง หรือแม้แต่กำจัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางอยู่หรือไม่?
‘ทุกอย่าง’ ที่พร้อมจะเสียสละ รวมไปถึงการละทิ้งทุกความดี ละทิ้งมิตรสหาย หรือละทิ้งได้กระทั่งตัวตนที่แท้จริง?

เมื่อรักคือนิยามของทุกสิ่ง เช่นนั้น...การที่นางยอมทิ้งทุกอย่าง
ใช่เป็นการทิ้งความรักของนางไปด้วยหรือไม่หนอ...

Tags: จีนโบราณ,แฟนตาซี,เทพเซียน,สวรรค์,โลกมนุษย์,รัก, คน, เทพ, เวทย์มนต์

ตอน: เทวทัณฑ์

องก์ที่ ๑
ปฐมบท





สิ้นไร้ผู้จารจำ ดั่งหนึ่งปราศจากตัวตน



เบื้องบนคือสรวงสวรรค์ เบื้องล่างคือโลกมนุษย์ ใต้แผ่นพิภพคือนรกภูมิ

ตัวนางยามนี้เล่า? อยู่ ณ ที่แห่งใด?

มืดสนิทราวอันธกาล ไร้จุดเริ่มต้น ไร้จุดสิ้นสุด

มีเพียงสีดำที่กลืนกินทุกสิ่ง

นางก้มตัวลง แตะปลายนิ้วไปที่พื้น มีเพียงความราบลื่นเย็นเยียบตอบสนองกลับมา

ทำไมนางถึงมาอยู่ที่แห่งนี้ได้นะ

นางพยายามนิ่งคิด ทว่ายิ่งดิ่งลึกลงไปในความทรงจำของตนเองเท่าไหรก็ยิ่งมีแต่ความดำมืด มืดหม่นยิ่งกว่าสีดำรอบตัวนางยามนี้เสียอีก

ที่นี่ที่ไหน?

แล้วตัวนางยามนี้เล่า...เป็นใคร?

จู่ๆ ความคิดทั้งหมดทั้งมวลก็หยุดชะงักเมื่อรำลึกมาถึงตัวตนของตนเอง แต่เหมือนถึงทางตัน ความทรงจำนางปิดทึบยิ่งกว่าอุโมงค์ใดทั้งสิ้น

คิดสิ! นี่ชื่อของข้าเองนะ!

ยามนี้นางเริ่มร้อนรนขึ้นบ้างแล้ว ความกระวนกระวายแผ่ซ่านเสียจนต้องออกเดินอีกครั้ง เดินย่ำไปจนกระทั่งเหน็ดเหนื่อยต้องล้มตัวลงนั่ง กระทั่งจิตใจหวั่นไหวจนร่ำไห้ออกมาอย่างเสียขวัญ

น้ำตาหยาดหยดลงต้องแก้มนวล ความเย็นของมันคล้ายปลุกความทรงจำบางอย่างให้ตื่นขึ้น

น้ำ...ฝน...

ชื่อของนาง...

...จิ่นอวี่

“จิ่นอวี่...”

ชื่อของตนเองเลื่อนหลุดออกจากริมฝีปาก ง่ายดายเสียจนไม่ต้องเสียเวลาคำนึง เลื่อนไหลประหนึ่งนางเคยเอ่ยคำแล้วคำเล่า...หรือได้ฟังมาครั้งแล้วครั้งเล่า

“จิ่นอวี่...ชื่อของเจ้าคือจิ่นอวี่...”

นางทวนซ้ำไปซ้ำมา คล้ายต้องการให้ถ้อยคำจารึกลงไปในเนื้อหัวใจ

‘เจ้าต้องจำให้ได้ แม้จะต้องดื่มน้ำแกงลืมหลงกี่ชาติภพ เจ้าก็ต้องจดจำเอาไว้ให้มั่น!’

แว่วเสียงกำสรดเสียงหนึ่งเอ่ยเช่นนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประหนึ่งต้องการให้นางท่องจำเอาไว้ว่าตนเองคือผู้ใด

‘แล้วข้าจะตามหาเจ้า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่พันกี่หมื่นปี กี่ภพกี่ชาติ ข้าก็จะตามหาเจ้า...’

เขา...ผู้เอ่ยประโยคนี้จะตามหานางจริงหรือ?

ตามหานาง...หรือจิ่นอวี่

หรือนางและจิ่นอวี่เป็นคนเดียวกัน?

ใช่...นางคือจิ่นอวี่

และเขา...จะตามหานาง...

“จะตามหาข้า...ในความมืดหมื่นกัลป์เช่นนี้น่ะหรือ?”

น่าขัน ใครจะมาตามนางในความมืดเช่นนี้ ต่อให้มาตามจริง...แล้วจะเจอกันได้อย่างไร

‘จิ่นอวี่! ข้า...รัก...’

นางใจหายวาบพร้อมกับที่ประโยคนั้นหลุดลอยขาดหาย

เมื่อครู่ เขาบอกว่าอย่างไรนะ?

เพราะเหตุใด นางจึงหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง เจ็บร้าวทรมานและเป็นสุขเหลือคณาได้ในคราเดียวกัน

ประโยคนั้นขาดหาย เสียงเขากำลังร่ำไห้...

ทรวงอกนางเจ็บหนึบ

นางเริ่มค้นหาทางออกอย่างร้อนรน เดินเคว้งคว้างสะเปะสะปะ ตะโกนก้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อที่จะหาทางออกไปจากความมืดนี้

นางต้องไปหาเขา...ไปหาเขา...

รู้เพียงว่าหากนางยังอยู่ที่นี่ต่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดทรมานเจียนขาดใจอย่างแน่นอน

นางไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น

เดินมาไกลเหลือเกิน จนในที่สุดนางก็มองเห็นแสงสว่าง ลอดส่องมาจากรูเล็กๆ เท่าปลายเข็ม หัวใจนางโลดขึ้นด้วยความปิติ รีบสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว

แต่แปลก...นางเริ่มรู้สึกแสบร้อน ผิวกายคล้ายกำลังลอกล่อน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้แสงสว่างมากเพียงใด ก็คล้ายกับว่าตัวนางถูกเข็มที่ลนไฟจนร้อนฉ่าทิ่มแทง ความร้อนลุกลามแผดเผาไปทั่วร่างกาย เนื้อหนังเริ่มลอกล่อนเป็นแผ่นสีดำ เลือดในกายไหลซึมออกมาแล้วก็ระเหยหายไปอย่างรวดเร็ว นางเจ็บปวดเสียจนต้องกรีดร้องโหยหวนด้วยความทรมาน

‘ไม่!!!’

ท่ามกลางเสียงกรีดก้องของตนเอง นางได้ยินเสียงของเขาดังแทรกขึ้น เจ็บร้าวทรมานไม่ต่างจากนางเช่นกัน

นางกัดฟันทน พยายามลืมความเจ็บปวดของตนเสีย แล้วย่างเข้าไปใกล้แสงสว่างที่ยามนี้ส่องประกายเจิดจ้าอยู่ตรงหน้านางทีละก้าว

อนุสติสุดท้ายเตือนนางว่าให้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ นางไม่ควรที่จะก้าวเข้าไปสู่แสงสว่างนั้น

แต่เสียงเรียกร้องของเขาทำให้นางปัดความรู้สึกสุดท้ายออกไปเสีย แล้วก้าวเดินต่อไป

แล้วนางก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

เพียงเสี้ยวพริบตา...

และแล้วมันก็เกิดขึ้น

ความเจ็บปวดที่นางกำลังได้รับเป็นของจริง ตัวนางที่อยู่บนแท่นหินอ่อนสีขาว กำลังโปร่งบางจนเกือบจะเลือนหายไปกับอากาศเป็นของจริง และเสียงกรีดร้องที่ก้ำกึ่งระหว่างการโหยหวนและสาปแช่งที่ดังออกจากปากของนางเป็นของจริง

เสียงขมขื่นของเขาก็เป็นของจริง

“จิ่นอวี่ จิ่นอวี่...ฟังข้า จำข้าเอาไว้ จำข้าให้ได้นะ...แต่ไม่ว่าเจ้าจะจำข้าได้หรือไม่ ข้าก็จะตามหาเจ้า...”

แม้สติของนางกำลังพร่าเลือน นางก็ยังยิ้มออกมาได้ ริมฝีปากแห้งผากค่อยๆ เอ่ย “ข้าจำท่านได้เสมอ ซิ่นหลิน ข้าจำท่านได้เสมอ”

ทหารสวรรค์ทั้งเก้าที่ตรึงร่างในชุดขาวของเขาเอาไว้ต่างเกร็งร่าง สองมือช่วยกันจับเขาแน่นหนา ชายเสื้อคลุมสีขาวของเขาสะบัดพลิ้วทุกครั้งที่ดิ้นรน ใบหน้าที่อยู่ในห้วงคำนึงของนางทั้งยามหลับและยามตื่นตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา

“ซิ่นหลิน...” นางเอ่ยเสียงแผ่ว ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะกรีดร้องให้กับความทรมานที่ได้รับ “ท่านช่วยบอกข้าอีกครั้งได้ไหม? ประโยคที่ท่านเอ่ยไม่จบ...”

เขาคงไม่ได้ยินที่นางพูด เพราะเสียงสาปแช่งที่ดังอยู่รอบตัวนางกึกก้องเสียจนกลบเสียงเขาได้สนิท นางเหลียวมองผู้คนที่รายล้อมอยู่ ทุกดวงหน้าถมึงทึงอย่างเคียดแค้น

พวกเขาแค้นนาง

ไม่ทันที่นางจะเอ่ยสิ่งใดต่อไป ดวงตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างในอาภรณ์สีแดงเข้ม คุ้นตาอย่างประหลาดพลิ้วกายขึ้นบนอากาศ อยู่สูงเหนือผู้ใด บุรุษผู้หนึ่งทะยานจากบัลลังก์ขึ้นไปเคียงคู่ร่างนั้นบนฟากฟ้า ก่อนที่เงาร่างทั้งสองจะเอ่ยคำสลับซับซ้อน ทุกถ้อยคำกลายเป็นตัวอักษรสีทอง แทนที่มันจะโปรยปรายลงบนร่างนางที่อยู่ด้านใต้ กลับปลิวกระจัดกระจายไปกับสายลมกรรโชกที่พัดแรงขึ้นทุกขณะ ร่วงหล่นใส่ผู้คนเบื้องล่าง สีทองเจิดจ้าวูบหนึ่งพาดผ่าน สว่างเสียจนนางต้องหลับตาลงอย่างไม่อาจต้านทาน

ดวงใจอาดูรโหยไห้

ยามที่นางลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาเหล่านี้คงเป็นเพียงคนแปลกหน้า นางคงไม่อาจจดจำใครได้อีก

ผลของอาคมลบความทรงจำ ที่จะล้างทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากจิตใจนาง

เพียงนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง...ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทว่า...

“ซิ่นหลิน...ข้ารักท่าน”

ขอเพียงนางได้เอ่ยประโยคนี้อีกสักครั้ง

ขอให้นางได้ย้ำกับตนเองอีกสักครา

และให้นางได้มีความหวังกับคำสัญญาสุดท้ายของเขา

เขาบอกว่าเขาจะตามหานาง ไม่ว่าผ่านไปนานเท่าใด ไม่ว่าชาติภพไหน...

ไม่ว่านางจะเกิดเป็นมนุษย์ เทพ หรือมาร

นางลืมตาขึ้นอีกครา เตรียมพร้อมรับความทรงจำใหม่ที่ว่างเปล่า

ทว่า...

นางจำคนตรงหน้าได้

บุรุษในชุดขาว สูงส่งเกินที่จะแตะต้อง ใบหน้านั้น ดวงตานั้น...เป็นใบหน้าและดวงตาที่นางเฝ้าคำนึงถึงทั้งยามหลับและยามตื่น

หรือมีอะไรผิดพลาด?

นางเผยอริมฝีปากเล็กน้อย เสียงแผ่วเบายิ่งกว่าสายลมเอื้อนเอ่ย พร้อมกับที่รู้สึกได้ว่าร่างของนางกำลังลอยขึ้นไปเรื่อยๆ

“ซิ่น...หลิน...”

ดวงตาแจ่มใสทว่าสงบนิ่งอยู่เป็นนิจเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

“เจ้าคือใคร? รู้จักข้าด้วยหรือ?”

จิ่นอวี่อ้าปากค้าง

ร่างของนางลอยละลิ่ว เคว้งคว้างอยู่ในอากาศเพียงครู่เดียว ก่อนจะตกลงไปสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว


หล่นร่วงลงไปพร้อมกับเสียงโหยหวน ทรมานปานจะขาดใจของนาง...



ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ม.ค. 2558, 00:25:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ม.ค. 2558, 13:03:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1181





   บทที่ 1 : แรกพบ [1/2] >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account