A part of stories
เรื่องสั้นจบในตอน กับตอนสั้นๆ จากนิยายบางเรื่องที่เขียนเพื่อความบันเทิงค่ะ
Tags: เรื่องสั้น

ตอน: เฮียพาย...02(จบ)


รอยยิ้มต้อนรับติดอยู่ที่ริมฝีปากผู้เป็นเจ้าของบ้านธีโอฟาสเต้ ทว่าภรรยาเจ้าของบ้านไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก เมื่อเห็นหน้าลูกสะใภ้ของลูกชายคนที่สาม

“ดีใจที่มากันได้นะ ฉันอยากให้ระวังความปลอดภัยหน่อย ถึงตอนนี้จะมีบอดี้การ์ดใหม่อีกคนก็เถอะ แต่ยังไงก็ควรป้องกันเอาไว้ก่อนจริงไหม พาย” ธีโอดอร์พูดกับลูกสะใภ้ห้าวด้วยรอยยิ้มจริงใจ

“ค่ะ เห็นด้วยค่ะ อ๋อ นี่แจ็คลีนห้าขวบกว่า แล้วก็เหมือนเดิมค่ะ มิคาเอล ทักทายคุณปู่คุณย่าเสียสิ” พายหันไปกระทุ้งเจ้าตัวแสบกับลูกสาวแสนน่ารักของเธอ

แจ็คลีนดึงชายกระโปรงแล้วย่อตัว ก่อนจะพูดคำทักทายเป็นภาษาฝรั่งเศส ตามมาด้วยมิคาเอลที่ยกมือขึ้นแตะที่อก ก่อนจะโค้งแล้วทักทายในแบบเดียวกันอย่างอึดอัด เพราะเคยชินกับการทำตัวตามสบายมากกว่า

บอนแนร์ทำคอแข็งมองหลานทั้งสองคน แล้วเฉยๆ ออกจะไว้ตัวเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก เพราะเธอมีหลานนับสิบคนรวมสองคนนี้ไปด้วยจึงไม่ประทับใจอะไรมาก

ธีโอดอร์มองไปยังมิคาเอลกับแจ็คลีนคนละที ก่อนจะติดใจที่แจ็คลีนมากกว่า เพราะมีหน้าตาคล้ายลูกชายเอามาก ก่อนจะก้มลงมองให้ชัดๆ “เหมือนกาเบรียลตอนเด็กๆ เลยนะเนี่ย ผิดที่เป็นเด็กผู้หญิง ไงจ๊ะ หลานรัก”

มิคาเอลขมวดคิ้วเห็นคุณปู่สนใจน้องสาวก็เพียงยิ้ม แล้วหันไปมองแม่กับพ่อเป็นเชิงถาม เพราะถึงเขาเกิดก่อนน้อง แต่ไม่เคยมาค้างที่นี่เท่าไรนัก จึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับปู่ ทั้งยังบ้านเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ เพราะครอบครัวในส่วนของเขามีงานของตัวเอง ที่แทบไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทน้ำหอมแต่อย่างใด

“มีอะไรลูก” กาเบรียลออกจะสงสารลูกชาย ที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากพ่อแม่เขามากนัก

“เปล่าฮะ พ่อฮะ ที่นี่มีอะไรให้เล่นบ้างฮะ” มิคาเอลถามตามประสาเด็กชอบเล่นกลางแจ้ง

“อืม ท่านพ่อครับ สนามคริกเก็ตว่างไหมครับ มิคาเอลคงอยากออกไปเล่นนอกบ้านน่ะครับ” กาเบรียลเลือกกีฬาที่พ่อเขาชอบมากกว่ากีฬาผาดโผนของลูกชาย

“เล่นเป็นด้วยเหรอ” ธีโอดอร์หันไปถามหลานชาย

“ครับ พ่อบอกว่าถ้าชอบเล่นกีฬาก็ต้องเล่นให้ได้หลายๆ อย่าง แล้วแม่ก็บอกว่ากีฬาเงียบๆ ทำให้เราได้ฝึกสมาธิด้วยฮะ” มิคาเอลอธิบายตามประสาเด็กร่าเริงช่างพูด

“งั้นเราก็ลองไปเล่นกัน มาเถอะ แจ็คลีนล่ะ อยากออกไปดูไหม” ธีโอดอร์ถามหลานสาววัยห้าขวบ ก่อนจะมองเด็กหญิงหันไปมองแม่อย่างไม่แน่ใจเท่าไรนัก

“ไปเถอะลูก ทำไมไม่ลองเล่นให้ท่านปู่ดูล่ะ หนูก็หัดเล่นบ้างแล้วไม่ใช่เหรอ” กาเบรียลบอกลูกสาวที่สนใจเล่นเกมใช้สมาธิมากกว่าเกมเสี่ยงตายอย่างลูกชายชอบ

“ค่ะ” แจ็คลีนฟังคำพูดของพ่อ ก่อนจะจับมือที่ยื่นออกมาให้จับคนละข้างกับพี่ชาย

“เธอล่ะ” ธีโอดอร์มองหน้าลูกสะใภ้เป็นเชิงถาม

“ขอดูดีกว่าค่ะ เล่นเป็นแต่ไม่ค่อยชอบเท่าไร อืม ฝากโรเบิร์ตบอกที่ทางแล้วก็ห้องให้เบเนดิกซ์ด้วยนะคะ เขาใหม่น่ะค่ะ คงอยากจะจัดการความเรียบร้อยมั้งคะ” พายพูดกับพ่อสามีอย่างดี โดยพยายามไม่มองแม่สามีเพราะไม่อยากมีเรื่องให้วุ่นวาย ยังไงก็เกรงใจสุดที่รักอยู่ไม่น้อย เมื่อเขาก็ลำบากใจไม่น้อยไปกว่าเธอ

“พ่อจัดไว้ให้สองห้องนะ เด็กๆ ห้องหนึ่งพอไหม หรือว่าแยกกันนอน” ธีโอดอร์ถามแทนภรรยาที่ยืนนิ่งไม่ใส่ใจความเป็นไปของครอบครัวลูกชายคนนี้เท่าไรนัก

“นอนรวมห้องเดียวกันก็ได้ค่ะ ปกติแยกกันนอนมากกว่า กาเบรียลอยากให้ฝึกลูกน่ะค่ะ” พายพูดไปตามเรื่อง ก่อนจะหันไปมองแล้วพยักหน้าให้กับเบเนดิกซ์ เพื่อตามโรเบิร์ตไปยังห้องต่างๆ ขณะที่เธอเดินตามทั้งหมดออกไปนอกบ้าน

“ฉันขอตัวนะคะ คุณ แดดร้อน ฉันไม่ค่อยชอบ” บอนแนร์ขอแยกตัวออกห่าง เมื่อไม่ต้องการอยู่ใกล้กับสะใภ้ที่ไม่ถูกตาเท่าไรนัก

“ตามใจเธอเถอะ โรเบิร์ตจัดด้านนอกหน่อย ฉันไม่ได้ออกกำลังกายการแสงแดดมานานแล้ว อยากจะรู้เหมือนกันว่าหลานชายคนนี้ของฉันเล่นเกมนี้ได้ดีเท่ากับแข่งรถหรือเปล่า” ธีโอดอร์ถอดเสื้อนอกออก ก่อนจะผ่อนเสื้อผ้าให้สบายขึ้น

พายเห็นลูกชายกับลูกสาวตามปู่ไปแล้ว ก็เห็นเสื่อใต้ต้นไม้ก็ได้ยิ้ม เพราะเมื่อคืนเคลียร์งานทั้งคืนแทบไม่ได้นอน ด้วยเหตุที่ต้องย้ายที่อยู่กระทันหันแบบนี้

กาเบรียลหยุดที่เสื่อ ก้มลงมองเธอที่ทำท่าทางว่าจะหลับอย่างง่ายๆ ก่อนจะถาม “ง่วงมากอย่างนั้นเชียว”

“อย่าลืมสิว่าใครทำให้ฉันทำงานไม่เสร็จน่ะ” พายลืมตามองเขา เปื้อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ เพราะหลังจากเล่นกับลูกๆ พาลูกๆ เข้านอน เธอยังโดนเขากวนใจอีกพักใหญ่ ก่อนจะถูกปล่อยตัวไปทำงานที่ค้างเอาไว้จนเสร็จในตอนเช้า และนี่ก็เป็นเพียงช่วงสายของวันเท่านั้น

“จ๊ะ” กาเบรียลยิ้มแห้งๆ เมื่อเขาต้องยอมรับเหตุผลของเธอ “ขึ้นไปนอนข้างบนสิ จะได้หลับสบายกว่าตรงนี้น่ะ”

“พักสายตาก็พอ ไว้นอนทีเดียวตอนตาย” พายตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะพักสายตายาว

กาเบรียลมองเธอแล้วก็ยิ้ม เขาไม่ถือสาคำพูดของเธอ แม้จะกังวลไปบ้าง แต่ก็ต้องปล่อยวาง ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องนั่งกังวลทั้งวันทั้งคืน แล้วก็เครียดอย่างหนักเรื่องความเสี่ยงที่เธอรัก

หากเขาก็ยังต้องมาคอยกังวลเรื่องนิสัยลูกชายเพิ่มอีกคน เพราะเจ้าลูกชายรักแม่เสียจนทำตามแม่แทบจะทุกอย่าง รักในสิ่งเดียวกับที่แม่รัก จนเขาต้องพยายามเตือนตัวเองไม่ให้เครียดเรื่องนี้

***********************************************


เวลาอาหารค่ำเป็นช่วงเวลาโปรดของทั้งบ้าน เมื่อแจ็คลีนยังคงชอบที่จะนั่งอยู่บนตักของแม่ทานอาหารเช่นที่บ้าน ทันทีที่ถึงโต๊ะอาหาร เธอก็ขึ้นไปนั่งบนตักแม่แทบจะทันที

กาเบรียลหันไปเห็นลูกสาวทำแบบนั้นก็เหลียวมองแม่เขาทันที เห็นทำสีหน้าดุก็ต้องเฉยเสีย เพราะคงบอกให้ลูกเลิกยาก เมื่อไม่ค่อยได้อยู่กับแม่เท่าที่ควรนัก

“ยังทานเองไม่ได้อีกเหรอ” ธีโอดอร์ถามขึ้นอย่างสงสัย แม้แจ็คลีนจะเป็นเพียงเด็กห้าขวบ แต่บ้านเขามีระเบียบมารยาททานอาหารอย่างเคร่งครัด

“ทานได้ครับ แต่เฉพาะเวลาที่พายอยู่เท่านั้นครับ คงอยากอ้อนแม่เขาน่ะครับ” กาเบรียลบอกพ่อแล้วไม่คิดที่จะแก้ไขนิสัยนี้ของลูกๆ เมื่อไม่ใช่ความผิด

พายไม่ได้สนใจคำพูดของคนอื่น ค่อยๆ หั่นอาหารในจานป้อนลูกสาวไปเรื่อยๆ ขณะที่มิคาเอลทานอาหาร โดยใช้เครื่องมือบนโต๊ะอาหารได้อย่างไม่ติดขัด เพราะโดนพ่อจับอบรมมารยาทบนโต๊ะอาหารออกบ่อย

“พ่อฮะ เดี๋ยวเสร็จแล้วหนูไปเล่นเกมในห้องได้ไหมฮะ” มิคาเอลถาม เพราะรู้ว่าทุกครั้งที่มาบ้านปู่มักไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมากนัก

“จะได้เล่นรึไง พ่อว่าหัวถึงหมอนก็คงหลับสบายไปแล้วละนะ” กาเบรียลรู้ว่าลูกชายเผาผลาญพลังงานกับการเล่นกลางแจ้งไปมากแค่ไหน

พอพูดถึงง่วง พายก้มลงมองลูกสาวที่นั่งอยู่บนตัก จากนั้นก็หัวเราะออกมา เพราะแจ็คลีนง่วงมากจนเผลอพิงอกเธอหลับไปแล้ว จึงหันไปสั่งเบเนดิกซ์ที่อยู่ไม่ไกลนัก “เอาแจ็คไปนอนเถอะ เห็นทีจะไม่ไหวแล้วมั้ง ปกติไม่ค่อยได้เล่นกีฬาใช้พลังอย่างวันนี้ ง่วงเสียแล้วล่ะ”

ธีโอดอร์มองหลานสาวแล้วก็หัวเราะด้วยอีกคน ขณะที่เจ้าตัวเล็กนั้นไม่สนใจเสียงหัวเราะ เพราะยากจะฝืนลืมตาขึ้นมาได้ ทันทีที่ส่งให้กับเบเนดิกซ์ พายก็หันไปสั่งอาหารมาทาน

“ดูเถอะ หลับไปซะอย่างนั้น เธอน่าจะสอนให้ลูกมีมารยาทมากกว่านี้นะ” บอนแนร์ตำหนิสะใภ้ที่ไม่รู้จักอบรมหลานสาวเธอ

พายกลับไม่สนใจนัก เบื่อจะหาเรื่องเพราะยังต้องค้างที่นี่อีกหลายวันเลยทีเดียว เธอจึงนิ่งเสีย แล้วทานต่อไปโดยไม่สนใจคนในโต๊ะ เพื่อให้อาหารค่ำผ่านไปได้

“ของหวานมาแล้ว” มิคาเอลร้องเมื่อคนรับใช้ยกอาหารจานหลักออกไปพ้นหน้า และมีอาหารหวานวางแทน

กาเบรียลออกจะขำ เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจปนตำหนิของแม่ ทว่าเขาไม่เห็นว่าความร่าเริงของลูกชายจะเป็นผลเสียแต่อย่างใด

“ขอบคุณครับ” มิคาเอลเอ่ยขอบคุณคนรับใช้ทุกครั้ง ที่มีการบริการอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งยังยิ้มให้คนรับใช้อย่างเป็นกันเอง โดยไม่ถือว่าตนเองนั้นเป็นหลานเจ้าของบ้านแต่อย่างใด เขาถูกสอนให้รู้จักพูดขอบคุณในน้ำใจของคนที่เข้ามาดูแลทุกครั้ง แม้แต่ยายทวดพุ่มที่ถือว่าเป็นคนเก่าแก่ เขายังยกมือไหว้อย่างญาติสนิท

“จริงๆ ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องคอยบริการเราอยู่แล้วนะ” บอนแนร์ออกปากสั่งสอนหลานชายให้วางตัวอย่างเหมาะสมกับคนรับใช้

“ไม่เป็นไรน่า มิคาเอลคงเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า จึงพูดขอบคุณ” ธีโอดอร์เข้าข้างหลานชายและยิ้มเอ็นดูในความแตกต่าง เมื่อลูกชายคนที่มีแต่ความแตกต่างจากคนอื่น ก็ย่อมมีลูกชายที่แตกต่างจากหลานชายคนอื่นๆ ด้วย

“แต่จะเสียการปกครองหมดน่ะสิคะ ต้องสอนตั้งแต่ยังเด็ก ไม่อย่างนั้นก็จะไม่รู้จักฐานะของตัวเอง เกิดวันข้างหน้าต้องปกครองคนในบ้านตัวเอง แล้วจะปกครองได้ยังไง” บอนแนร์ให้เหตุผลกับสามี ก่อนจะหันไปมองดุหลานชายที่ทำหน้างงไม่เข้าใจความหมายของคนเป็นย่า

มิคาเอลยกส้อมค้างที่ปากหันไปมองแม่กับพ่ออย่างงงๆ

“นั่นอีก เวลาอยู่บนโต๊ะอาหาร ห้ามอมส้อม” บอนแนร์พูดดุอีกรอบ ทำให้มิคาเอลต้องทำตาม ก่อนจะมองหน้าพ่อแม่อีก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างหงุดหงิด

“หนูทำดีที่สุดแล้ว ถ้าคุณย่าไม่ชอบก็ช่วยไม่ได้ หนูไปนอนดีกว่า” มิคาเอลออกอาการดื้อแพ่งขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ก็โดนแม่จับไหล่ไว้แล้วกดลงนั่งที่เดิม เพราะเขานั่งใกล้แม่

กาเบรียลจึงจะพูดกับแม่เขา เพื่อปกป้องลูกชาย หากพายแตะมือเขาแล้วห้ามไว้ ก่อนจะหันไปทางลูกชายแล้วอบรม “แปดขวบไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำมารยาทไม่ดีแบบนี้นะ จำไว้อยู่ในสังคมต้องรู้จักอดทน ต่อให้ไม่ชอบก็ต้องทน นั่งอยู่ก่อน เพราะยังไงนั่นก็เป็นย่าของลูก ต่อให้เขาไม่ชอบหน้าลูก ลูกก็ต้องทน จำไว้ ผิดถูกอยู่ในใจ เก็บไว้ก่อน”

“นี่เธอ” บอนแนร์ฟังพอจับใจความได้ก็จะแย้ง

“พอเถอะ หลานก็ยังเด็กจะเอาอะไรกับหลานนักหนา เธอก็น่าจะรู้นะ เพราะเราก็มีหลานอยู่ตั้งหลายคน อีกอย่างมิคาเอลก็ไม่ได้ทำผิดอะไรมาก หลานเราเป็นเด็กที่มีน้ำใจก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ ส่วนเรื่องปกครองบ้านน่ะ เอาไว้ค่อยศึกษาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเรียนตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ทานของว่างเถอะมิคาเอล แล้วก็ไปที่ห้องซะ ห้ามยกไปทานที่ห้อง ทานเสียให้เสร็จๆ ที่นี่นั่นแหละ” ธีโอดอร์พอจะรู้ใจหลานชาย จึงกำชับตัดบทไม่ให้พยศขึ้นมาอีก

มิคาเอลทำหน้าไม่ค่อยชอบย่าเท่าไรนัก แต่ก็ต้องยอมให้ปู่ เพราะเกรงใจและความสนิทสนมที่มีให้กันเมื่อบ่าย และเมื่อทานเสร็จอย่างรวดเร็ว เขาก็พูดขึ้นแล้วรีบลุกออกไปแทบจะทันทีที่ปู่อนุญาต “ขอตัวครับ”

กาเบรียลต้องแอบถอนหายใจ เพราะอย่างน้อยลูกก็ยังเชื่อฟังแม่เรื่องเคารพผู้ใหญ่อยู่มาก หากคิดแล้วก็น่าหนักใจ เพราะท่าทางเจ้าลูกชายคงยากจะญาติดีกับย่าแน่นอน

“แล้วนี่ให้เด็กๆ เข้าเรียนหรือยัง” ธีโอดอร์เปลี่ยนเรื่องคุยขณะทานของหวาน

“มิคาเอลเข้าโรงเรียนเอกชนแล้วครับ ก็ตามที่ท่านพ่อแนะนำมา แต่ท่าทางเขาจะไม่ค่อยชอบเท่าไร เรื่องเรียนก็ต้องกวดขันกันหน่อย เพราะต้องเรียนทั้งสามภาษา ดนตรี กีฬา วิชาการป้องกันตัวด้วยครับ ส่วนแจ็คลีนก็เพิ่งเข้าปีแรก คนนี้ไม่ค่อยห่วงเท่าไร ท่าทางจะเรียนเก่งตั้งแต่เล็ก ชอบอ่านหนังสือ ดีที่มีเฮนริคอยู่ด้วย เพราะชักจะเริ่มถามศัพท์ยากๆ มิคาเอลนี่ปวดหัวหน่อยครับ อะไรที่ไม่ชอบก็จะไม่ค่อยเรียนรู้เท่าไร ต้องเคี่ยวเข็นกันหนักทีเดียว ยกเว้นเรื่องกีฬากับดนตรีน่ะครับ” กาเบรียลเล่าความให้พ่อฟัง และเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่เขา

“เป็นไงเข้าใจหรือยัง ว่าพ่อกับแม่ต้องเจออะไรมาบ้าง” ธีโอดอร์หัวเราะ ก่อนจะเรียกกาแฟแล้วชวนไปอีกห้อง “ไปห้องหนังสือเถอะ เธอด้วยนะ”

“ค่ะ” พายรับคำ ก่อนขอน้ำเปล่ามากกว่าจะทานกาแฟ ด้วยกลัวว่าจะนอนไม่หลับ เพราะเธอหลับไปเมื่อเย็นมากแล้ว

“เข้าใจมากๆ ด้วยครับ มิคาเอลเลี้ยงยากมากกว่าแจ็คเยอะ แต่แจ็คนี้ก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน เพียงแต่แจ็คนี่ดูจะสนใจหลายๆ อย่างมากครับ ยังดูไม่ออกว่าชอบอะไรเป็นพิเศษ” กาเบรียลเล่าให้พ่อฟัง แล้วรู้สึกว่าเขาพูดกับพ่อได้มากขึ้น

“ยังเด็กอยู่อาจจะยังไม่รู้ว่าชอบอะไร จริงไหม บอนแนร์” ธีโอดอร์เห็นภรรยาทำท่าจะเป็นคนวงนอกก็หันไปชวนคุย แต่ก็เห็นภรรยาเฉย “เธอไม่มีความเห็นบ้างเลยเหรอ”

“อ๋อ ก็คงอย่างนั้นล่ะค่ะ” บอนแนร์พูดอย่างเสียไม่ได้ เดินไปหยิบหนังสือที่อ่านค้างเอาไว้มาอ่านต่อ

“ท่านแม่ครับ เล่มนั้นแจ็คก็เห็นพลิกๆ อยู่เมื่อวันก่อน บอกอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ เฮนริคก็ไม่อยู่เสียด้วย พรุ่งนี้ท่านแม่ช่วยแจ็คหน่อยสิครับ” กาเบรียลเห็นปกก็รู้ เพราะจำได้ที่เจ้าลูกสาวบ่นๆ

“อ่านหนังสือยากอย่างนั้นเชียว อลิซในแดนมหัศจรรย์เนี่ยนะ หรือว่ามีคนอ่านแล้วเล่าให้ฟังล่ะ” ธีโอดอร์ถาม เพราะไม่น่าจะมีเด็กห้าขวบอ่านหนังสือนิยายเป็นเล่มได้

“อ่านเองครับ เขาบอกว่าเขาจะพยายามอ่าน เหมือนเด็กหัดอ่านมากกว่าครับ อ่านไปถามไป วันละหน้า ถามว่าคำนี้อ่านว่าอะไรแปลว่าอะไร แล้วที่แปลให้ฟังน่ะ แปลว่าอะไร บางวันก็ครึ่งหน้า พอจะเล่าให้ฟังก็ไม่เอา บอกว่าจะอ่านเอง” กาเบรียลอธิบายพฤติกรรมไปเรื่อยๆ

“ทำไมหลานสาวคนนี้ถึงทำอะไรแปลกๆ” บอนแนร์ตั้งข้อสังเกตอย่างสงสัย

“เขาว่าหนังสือในห้องเยอะมาก เขาอ่านสมุดภาพแปบเดียวจนหมด ก็เลยเลือกอ่าน เห็นว่าเฮนริคแนะนำง่ายๆ ให้ก่อนน่ะครับ” กาเบรียลอธิบายให้แม่เขาฟังแล้วก็ค่อยโล่งใจที่แม่เขาทำท่าจะสนใจลูกเขาขึ้นมา

“อ่านไปจะได้ประโยชน์ไหม เป็นเด็กไม่ไปวิ่งเล่นกลับชอบอ่านหนังสือซะอย่างนั้น” บอนแนร์ขมวดคิ้วแล้วมองภาพเด็กหญิงวัยห้าขวบนั่งอ่านหนังสือทั้งวันไม่ออก

“จะเหมือนใครล่ะ ก็เธอนั่นแหละ ชอบอ่านหนังสือไม่ใช่เหรอ เห็นอ่านทั้งวันไม่มีเบื่อ ตั้งแต่วรรณกรรมเด็กจนผู้ใหญ่เลยนี่” ธีโอดอร์หัวเราะความเหมือนข้ามรุ่น ก่อนจะมองภรรยายิ้มแบบเขินๆ แต่ยังสงวนท่าทีเอาไว้ “แปลกเด็กนะ แต่ก็ดีขยันหาความรู้แบบนี้ไอคิวคงสูงนะ”

“ไม่ทราบสิครับ ผมไม่เคยพาไปทดสอบ ชอบตัวหนังสือตั้งแต่สามขวบแล้วครับ ผมไม่ค่อยว่างก็เลยลองให้เฮนริคสอนดู ความจำแจ็คดีมาก ไม่เท่าไรก็อ่านได้ ส่วนมากจะอ่านหนังสือเด็กก่อนครับ หัดทั้งสามภาษา เล่มหนึ่งก็หัดกันเป็นเดือนๆ ทั้งสามภาษา ค่อยๆ ขยับ อลิซนี่ก็เล่มแรกของแจ็คที่เรียกว่ายากมาก ผมให้ฝึกภาษาอังกฤษก่อน อย่างน้อยเวลาไปอเมริกาจะได้ไม่ลำบาก” กาเบรียลยังคงมีความสุขที่ได้เล่าเรื่องของลูกสาว

“แม่ก็อยากรู้แล้วว่า แจ็คลีนทำได้ยังไงกัน เด็กที่รักการอ่านก็ดีแบบนี้น่ะล่ะ” บอนแนร์เริ่มรู้สึกดีกับหลานสาวขึ้นมา

“แล้วมิคาเอลล่ะ แปดขวบกว่าแล้ว เรื่องอ่านหนังสือเป็นยังไงบ้าง” ธีโอดอร์เปลี่ยนมาถามถึงหลานชายบ้าง

“เจ้ามิคาเอลเหรอครับ รายนั้น...” กาเบรียลเล่าขณะที่หันไปมองภรรยาสาวที่กำลังดื่มน้ำอุ่นในแก้ว แล้วมองแสงไฟ “ชอบสนุกนอกบ้านครับ เรื่องกีฬาให้เล่นอะไรก็ทำได้หมด สนใจอะไรใหม่ๆ ไปเสียหมด พลังงานเยอะครับ สงสารก็แต่ปิแอร์วิ่งตามแทบไม่ทัน เรื่องอ่านนี่ไม่ค่อยชอบ แต่ถ้าจะบังคับก็ต้องเอามีข้อแลกเปลี่ยนเป็นพวกกีฬา หรือเรื่องเครื่องดนตรี ชอบเล่นหลายอย่างครับ”

“ชอบปฏิบัติว่างั้นเถอะ แสดงว่าถ้าให้อยู่นิ่งๆ นั่งอ่านหนังสืออย่างน้องคงยากสินะ” ธีโอดอร์คาดการณ์แม่นยำ

“ใช่ครับ ยากหน่อย แต่ก็ไม่ค่อยดื้อนะครับ คุยได้ หัวดีเฉพาะเรื่องที่สนใจล่ะครับ” กาเบรียลไม่อยากเล่าเรื่องที่ลูกชายไปทำเอาไว้ที่โรงเรียนเท่าไรนัก

“แม่ได้ข่าวมาว่าไปทะเลาะกับลูกรัฐมนตรีที่โรงเรียนมาไม่ใช่เหรอ เขาอายุมากกว่าตั้งสามปี ทำเขาเสียจมูกบวมเลยนี่” บอนแนร์ถามขึ้นตามที่รู้ เพราะเรื่องของหลานชายก็ใช่ว่าจะถูกปิดให้เงียบง่ายนัก

พายหัวเราะในลำคอกับความซนของลูกชาย ขณะที่กาเบรียลก็ยิ้มนิดๆ เพราะว่าลูกชายไม่ได้เรื่องนั้น

“อะไรกัน ลูกชายทำงามหน้ากลับเห็นเป็นเรื่องตลกนะ” บอนแนร์ตำหนิทั้งคู่แล้วส่ายหน้า

“เรื่องนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ เด็กผู้ชายก็ต้องมีออกกำลังกันบ้างสิครับแม่ อีกอย่างมิคาเอลก็ไม่ได้เริ่มก่อนด้วยครับ เด็กคนนั้นเข้ามาหาเรื่องมิคก่อนนี่ครับ มิคก็ต้องป้องกันตัว” กาเบรียลอธิบายแทนลูกชาย

“แล้วก็เป็นเรื่องให้ท่านพ่อกับพี่ชายต้องมานั่งแก้ไขอีก” บอนแนร์รู้ว่าสามีกับลูกชายคนโตต้องจ่ายเงินไปเท่าไร จึงจะทำให้ทุกอย่างเงียบลงได้

“ท่านแม่ครับ ผมได้ชี้แจงไปแล้วว่า โยฮันเข้ามาหาเรื่องมิคก่อน ทั้งที่ตัวโตกว่าเยอะ ผมก็อยากจะพูดเรื่องนี้กับท่านพี่เหมือนกัน ว่าทำไมต้องจ่ายเงินให้กับพ่อโยฮันด้วย แต่ช่างเถอะครับ เพราะท่านพี่ก็หักเอาจากเงินส่วนแบ่งค่าหุ้นจากพายไปแล้วนี่ครับ” กาเบรียลอยากจะอธิบายให้มากกว่านี้ แต่ก็รู้ว่าปัญหามันควรจะจบ

“มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ ฌองหักเงินจากส่วนแบ่งประจำปีของผู้ถือหุ้นหรอกเหรอ” ธีโอดอร์ยังเข้าใจว่าลูกชายคนโตใช้เงินกองกลางของครอบครัวจ่ายให้

ขณะที่บอนแนร์ก็เพิ่งรู้ความจริงจากปากลูกชายคนกลาง ก่อนจะถอนหายใจ เพราะตอนแรกติดใจที่อยู่ๆ ทำไมต้องควักเงินส่วนกลางมาจ่ายความเสียหายที่เจ้าหลานชายคนนี้ก่อ

“เรมองค์ไม่ยอมค่ะ ฌองจึงโทรมาแจ้งกับหนูเรื่องค่าเครื่องเพชรกับไวน์หนึ่งลัง หนูก็ตกลงให้หักเอาจากเงินส่วนแบ่งหุ้นที่จะได้ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องอะไรจะให้กองกลางมารับผิดชอบเรื่องของมิคาเอลละคะ” พายอธิบายอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหาย

“ยังไงก็หลาน เรื่องเงินแค่นี้ถึงกับต้องหักจากเงินที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเลย ฉันหมายถึงนั่นเป็นเงินส่วนตัวของเธอไม่ใช่เหรอ เรมองค์นี่ชักเอาใหญ่แล้วนะ ต้องเตือนเสียบ้าง” ธีโอดอร์หันไปมองภรรยาแล้วพยักหน้าให้กัน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าพายก็พูดถูกเรื่องของมิคให้ผมกับพายจัดการน่ะดีแล้ว แม้จะไม่อยากให้ก็เถอะ แสดงว่าพวกเขาดึงเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมายุ่งกันใช่ไหมครับ เนี่ยแหละผมถึงไม่ค่อยชอบเรื่องธุรกิจเท่าไร” กาเบรียลส่ายหน้าช้าๆ แต่ไม่ใช่เพราะเสียดายเงินที่เสียไป หากเพราะผู้ใหญ่ทำเรื่องของเด็กเป็นเรื่องใหญ่

“เขาจะเอาเรื่อง พ่อเห็นว่าเงินแค่นี้ไม่อะไรมาก ดีกว่าทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต ถึงจะมีหลักฐานหลายอย่างว่าทางโน้นผิดก็เถอะ มันน่ารำคาญน่ะ เดี๋ยวคนโน้นพูดที คนนี้พูดที เรื่องราวจะไปกันใหญ่ อีกอย่างเครื่องเพชรชุดนั้นก็ไม่ใช่อะไรนักหนา แต่ฌองทำแบบนี้ไม่ถูก หักเอาจากเงินของลูกๆ ได้ยังไง” ธีโอดอร์ส่ายหน้าช้าๆ ตั้งใจจะพูดกับลูกชายในวันพรุ่งนี้ให้ได้

“ช่างเถอะครับ ท่านพ่อ เรย์มองด์เคยยอมที่ไหน เงินทองแค่นี้ช่างมันเถอะครับ ผมกับพายไม่ว่าอะไรหรอก จริงๆ ตอนแรกที่ไม่ให้ไปก็เพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าลูกเขาทำถูก แต่เมื่อต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ก็ช่างมันเถอะครับ” กาเบรียลรู้ว่าธุรกิจไม่ควรสร้างศัตรูเอาไว้มาก หากเพราะลูกชายเขายังเด็กยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เขาจึงแค่ตักเตือนเฉพาะเรื่องความใจร้อนของลูกชายเท่านั้น

“เงินแค่นี้” ธีโอดอร์ทวนคำลูกชาย ก่อนจะหัวเราะ “หาเงินเก่งกันจริงๆ”

“เปล่าครับ เพื่อนของพายต่างหากที่หาเงินเก่ง เงินของพายเยอะจนมึนเลยทีเดียว ส่วนของผมไม่ได้นำไปลงทุนด้วยหรอกครับ ผมหาได้เท่าไรก็ใช้แค่นั้น อืม ผมมีเรื่องอยากขอร้องท่านพ่อ ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องเงินของพายน่ะครับ หลายปีมานี่ มีแต่เรื่องวุ่นวายน่ะครับยังดีที่พายหลบฉากอยู่เรื่อย ผมก็ต้องหลบด้วยเหมือนกัน” กาเบรียลขอร้องพ่อเขา

“แล้วหลบทำไม” ธีโอดอร์ค่อนข้างงงกับลูกชาย

“ตอนนี้ไปไหนไม่ค่อยสะดวก มีบัตรเชิญแปลกๆ เสียจนเลิกดู ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเฮนริค ไม่รู้ว่าข่าวรั่วได้ยังไง แต่ตอนนี้เห็นชื่อพายเริ่มไปติดอยู่ในกลุ่มนักธุรกิจ ทั้งที่พายทำไม่เป็นสักอย่าง” กาเบรียลเล่าแล้วก็ต้องหยุด เพราะได้ยินภรรยาหัวเราะอย่างเห็นด้วย

“ขอโทษค่ะ มันขำจริงๆ เพราะหนูไม่รู้เรื่องธุรกิจเลย ทั้งหมดเป็นฝีมือเพื่อนหนูทั้งนั้น” พายขำขันกับความวุ่นวายขนาดย่อมที่เธอหาทางหลีกเลี่ยงจนได้

“คงยากแล้วล่ะ เพราะข่าวเริ่มออกไปแล้วคงหยุดยาก จริงๆ ต้นข่าวคงมาจากธุรกิจสนามแข่งเสียมากกว่า จากนั้นก็ต่อไปเป็นลูกโซ่เลยล่ะ โดยเฉพาะเวลาที่พวกลูกๆ ไปเที่ยวในที่ต่างๆ ล่ะนะ เป็นหุ้นส่วนหลายที่ และแต่ล่ะที่ก็มีชื่อเสียงทั้งนั้น จากปากต่อปากให้วุ่นวาย ทำใจเสียเถอะ” ธีโอดอร์ต้องได้ยิ้มเพราะเรื่องวุ่นๆ ของคนไม่ชอบธุรกิจอย่างครอบครัวเล็กๆ ของลูกชายคนนี้

“ท่านพ่อของลูกพูดถูก คงต้องทำตัวให้เคยชินเอาไว้ ได้ยินว่าลูกเองก็ได้ลงทุนเปิดบริษัทในเครือของโจนาสแล้วไม่ใช่เหรอ บริษัทเกี่ยวกับดนตรี กับพวกวงร็อคอะไรสักอย่างที่ท่านพี่ของลูกมาเล่าให้พ่อฟังน่ะ” บอนแนร์รับรู้เรื่องของลูกชายคนนี้จากปากลูกคนอื่นๆ เสมอ

“เรื่องบริหารผมไม่ทราบหรอกครับ ท่านแม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องเพลงล่ะก็ ผมพอตอบได้ ตอนนั้นผมมองว่าวงไซเฟอร์มีประสิทธิภาพในการลงทุน แล้วเขาก็หมดสัญญากับทางต้นสังกัดใหญ่ด้วย โจนาสก็คิดจะขยายงานเพิ่ม เราคิดว่าถ้าใช้เงินส่วนตัวลงทุนน่าจะดีกว่า ถ้าผมขาดทุนจากตรงนี้ เชื่อว่าภรรยาผมคงพอจะดูแลผมต่อไปได้” กาเบรียลพูดติดตลก ก่อนจะต้องหุบยิ้มเมื่อพ่อแม่ต่างก็มองเขาอย่างดุๆ “ผมพูดเล่นครับ โจนาสมีความสามารถมองการณ์ไกล เขาได้ไอเดียการผสมเครื่องดนตรีหลากหลายเมื่อตอนที่ทำคอนเสิร์ต แล้วก็เริ่มร่างโครงการออกมาก่อน พอสบโอกาสเขาก็ทำเท่านั้นเองครับ”

“ลูกติดนิสัยพูดเล่นมาแล้วเหรอเนี่ย ระวังหน่อยก็แล้วกัน” บอนแนร์เตือนลูกชายอย่างไม่จริงจังนัก พอรู้อยู่บ้างว่าลูกสะใภ้นั้นขี้เล่นแค่ไหน

“เอาเถอะๆ พ่อว่าเรื่องธุรกิจน่ะ เป็นอะไรที่แทรกอยู่ในชีวิตเราเสมอนั่นแหละ อย่าไปถือมาก พ่อดูแล้วเฮนริคจัดการทุกอย่างได้อยู่ คอยจัดคนติดตามให้เพิ่มขึ้นคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ว่าแต่มิคาเอลนี่สิมีปัญหาเรื่องควบคุมอารมณ์หรือเปล่า พยายามอบรมบ้างนะ” ธีโอดอร์เป็นห่วงหลานชายอยู่ไม่น้อย

“ไม่ครับ ตอนนั้นถ้ามิคควบคุมตัวเองไม่ได้เห็นจะได้เลือดมากกว่านี้ แต่ทันทีที่ฝ่ายนั้นร้องหยุด เขาก็หยุดมือครับ ผมส่งไปฝึกสมาธิกับความใจเย็นเสมอ ฝึกให้รู้จักระมัดระวังเรื่องอารมณ์ แต่เด็กก็คือเด็กล่ะครับ ยังดีที่ไม่เคยเลือดขึ้นหน้า เพราะฝึกศิลปะป้องกันตัวไปหลายอย่าง ถึงยังไม่เก่งแบบผู้ใหญ่ แต่ผสมๆ กันไปก็กลัวว่าจะเอาไม่อยู่เหมือนกันครับ” กาเบรียลอธิบายให้พ่อเขาสบาย ขณะที่ฟังแม่เขาโล่งใจ เขาก็เชื่อว่าแม่เขาจะค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติกับลูกๆ ของเขาได้

“จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องดีที่ให้ฝึกเอาไว้นะ เอาเถอะ มีเรื่องให้สนใจแล้วก็ดีล่ะ” ธีโอดอร์บอกลูกชายก่อนมองเวลา “ใกล้เวลานอนแล้วล่ะ อ๋อ อีกเรื่อง พ่อกับแม่คิดว่าลูกๆ น่าจะมีเวลาอยู่กันตามลำพังบ้าง ทำไมไม่ไปพักที่บ้านตากอากาศของลูกล่ะ ฝากหลานๆ ไว้ที่นี่ล่ะ แค่สามวันคงไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้บังคับนะ ลองไปคิดดูก็แล้วกัน”

“ครับ จะลองคิดดู” กาเบรียลมองพ่อยื่นมือให้แม่อย่างให้เกียรติ เขาก็ได้แต่มองตาม หากภรรยาเขายืนรออยู่ที่มุมห้อง ก่อนจะเดินตามหลังผู้ใหญ่ แล้วหันมามองเขา

“ไม่ง่วงหรือไง ไปเถอะ” พายถามสามีแล้วก็มองเขาที่มองเธอมาอย่างงงๆ “อะไร มองอะไรล่ะ”

“ไปไหม” กาเบรียลถามเธอโดยไม่ต้องใช้รายละเอียด

“แล้วแต่ ไปก็ได้ กำลังคิดอยู่ว่าเจ้าสองคนนั่นจะยอมไหม” พายคิดถึงลูกชายจอมยุ่งกับลูกสาวแสนน่ารักของเธอ

“ไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง แค่สามวันเอง” กาเบรียลพูดแล้วก็เดินมาโอบเอวเธอ ก่อนจะพาไปยังห้องนอนของเขากับเธอ และปล่อยให้เธอเงียบอยู่อย่างนั้น

“ถ้าไปก็ได้นะ” พายพูดแล้วก็ยิ้มๆ ก่อนจะโน้มเข้ามาใกล้ๆ “รู้นะว่าอยากไปน่ะ เบื่อจะอยู่กับลูกๆ แล้วเหรอ ไหนว่าอยากมีลูกนักไง บอกแล้วให้รอสักสองสามปีค่อยมีก็ไม่เชื่อ”

กาเบรียลหัวเราะ ก่อนช้อนร่างเธออุ้มพาไปที่เตียง “ก็ฉันไม่อยากให้เธอทิ้งฉันนี่ ต้องรีบมีลูก เธอจะได้ไม่นอกใจฉันไปมีหญิงอื่น”

“บ้า ใครนอกใจ ไม่มี” พายทำเสียงสูงตอนท้ายแกล้งเขา ทำให้ทั้งคู่หัวเราะให้กันอย่างขำขัน

“ฉันอยากมีลูกก็เพราะอยากสร้างครอบครัวของเราต่างหาก ถึงจะมีเรื่องให้คิดกังวล แต่ก็คุ้มค่าที่ได้กอดลูกๆ เอาไว้จริงไหม” กาเบรียลพูดพร้อมกับกอดเธอเอาไว้ในอก สูดลมหายใจเข้าไปจนลึก ยิ้มให้ความสุขที่เขามีอยู่ในตอนนี้

“ก็จริง งั้นพรุ่งนี้เราไปกันเลยนะ แต่หวังว่าคงไม่มีเรื่องตื่นเต้นนะ ไม่มีเฮนริคอยู่ด้วย เดี๋ยวเจ้าตัวก็เครียดไปซะอย่างนั้นหรอก” พายคิดละเอียดมากขึ้น เพราะตอนนี้ชีวิตเธอไม่ใช่ของเธอเพียงคนเดียวอีกแล้ว

“คงไม่หรอก ถ้าท่านพ่อว่าอย่างนั้น แสดงว่าต้องเตรียมการต่างๆ เอาไว้แล้วล่ะนะ คนของท่านพ่อคงไม่ปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเราหรอกนะ” กาเบรียลคาดเดาได้จากความคุ้นเคยที่เขาอยู่ในครอบครัวที่มีคู่แข่งทางธุรกิจสูงมาตลอด

“อืม” พายรับคำ ก่อนจะพลิกตัวไปกอดหมอนข้างอีกด้านให้สบาย ปล่อยให้เขากอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง เขาซบหน้าและถ่ายถอดไออุ่นเพื่อผ่านคืนหนาวนี้ไปให้ได้

กาเบรียลจูบเรือนผมเธอเบาๆ ปล่อยให้ความรักล่องลอยอยู่ภายในห้อง ไม่ให้หนีหายไปไหน เกาะกุมหัวใจของกันและกันเอาไว้ด้วยอ้อมแขนของเขาและเธอ

***********************************************


เด็กสองคนกำลังยืนอยู่หน้าห้องพ่อแม่ที่ปิดล็อคอย่างดี ทำให้ปรึกษากันอยู่ตรงทางเดินไม่ยอมไปไหน แทนการรอคอย เพราะปกติสามารถเข้าไปได้ เมื่อเฮนริคอนุญาตหลังจากเช็คเรียบร้อยแล้วว่า ไม่มีฉากไม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ หากวันนี้เบเนดิกซ์ซึ่งมาใหม่ยังไม่รู้ ทำให้ทั้งสองต้องนั่งคุยกันที่หน้าห้องนอนของพ่อแม่อย่างวุ่นวายใจ

หากพอปู่กับย่าออกมาจากห้อ งแล้วเดินผ่านมาก็ต้องมองเด็กทั้งสองอย่างงงๆ และธีโอดอร์ก็ถามหลานๆ ขึ้น “มายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ลงไปข้างล่างล่ะ”

มิคาเอลยืนขึ้น ก่อนยิ้มแห้งๆ เหลียวมองน้องสาว ค่อยตอบ “หนูรอพ่อแม่อยู่ฮะ ยังไม่ออกจากห้องเลย สายแล้วๆ”

แจ็คลีนนั้นยืนตามพี่ชายแล้วก็มองไปที่ประตูเพื่อรอดูว่าพ่อแม่จะตื่นเมื่อไร

“อะไรกัน พ่อแม่เราน่ะคงอยากพักผ่อนมากๆ มาเถอะ ลงไปทานอาหารเช้า ปล่อยให้เขาได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง มานี่กับย่ากับปู่ดีกว่า” บอนแนร์ยื่นมือออกไปให้หลานสาว ที่ยังคงลังเลว่าจะไปด้วยดีไหม ก่อนจะมองพี่ชาย “อะไร ย่านะ ไม่ใช่ใครที่ไหน ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย”

“คงไม่คุ้น เจอกันปีละสองสามครั้ง อย่าไปว่าเลย มิคาเอลลงไปข้างล่างกับปู่กับย่าเถอะ อย่าไปรบกวนพ่อแม่เลย” ธีโอดอร์ดูแล้วคิดอย่างหนักใจ เมื่อเห็นหลานๆ ติดพ่อแม่มากเพียงนี้ ผิดกับเด็กในวัยเดียวกัน ที่ไม่ค่อยอยากอยู่กับพ่อแม่เท่าไรนัก

มิคาเอลจึงต้องถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้ากับน้องสาว แล้วตนเองก็จับมือของปู่เอาไว้ เพื่อลงไปด้านล่างพร้อมๆ กัน ส่วนแจ็คลีนก็ทำตามพี่ชาย โดยจับมือย่าเอาไว้ หากยังไม่ทันได้ไปไกลจากห้อง ประตูห้องก็เปิดออก

“พ่อจ๋า แม่จ๋า” มิคาเอลปล่อยมือปู่แทบจะทันที ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดพ่อเอาไว้ ขณะที่แจ็คลีนก็เช่นกันวิ่งไปกอดแม่เอาไว้ โดยไม่ร้องเรียก

พายมองลูกๆ อย่างงงๆ ก่อนจะมองสามี แล้วตามด้วยพ่อแม่สามี จากนั้นก็ก้มลงถามลูกๆ “มารอนานแล้วเหรอ ทำไมไม่ลงไปข้างล่างเลยล่ะ”

“รอท่านแม่อยู่ค่ะ” แจ็คลีนตอบขณะที่โดนแม่อุ้ม จึงซบที่ไหล่ของแม่อย่างอ้อนๆ

กาเบรียลส่ายหน้าช้าๆ ยังคิดอยู่ว่าจะได้แยกไปอยู่กับภรรยาตามลำพังหรือไม่ ดูอาการลูกๆ แล้วเขาคาดว่าคงต้องล้มเลิกไป เพราะท่าทางจะไม่ค่อยอยากอยู่กับปู่ย่าเท่าไรนัก

“ทีหลังไม่ต้องรอ ลงไปข้างล่างเลย กลัวอะไรบ้านปู่ย่าเอง ทีตอนไปเมืองไทยยังวิ่งขึ้นๆ ลงๆ ไม่เห็นมารอหน้าห้องอย่างนี้นี่” พายลูบผมสีดำของมิคาเอลที่เกาะเอวพ่อเอาไว้อย่างหาที่พึ่ง ขณะที่โดนลูกสาวกอดคอเอาไว้แน่น

“ทำไมลูกๆ ติดพ่อแม่แบบนี้นะ แบบนี้ก็แย่น่ะสิ” บอนแนร์พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะจะทำให้หลานๆ ทำอะไรเองไม่เป็น

“คือปกติไม่ค่อยเป็นหรอกครับ แต่สองสามอาทิตย์นี่คงชิน ได้เข้ามาปลุกผมกับพายทุกเช้าเลย บางทีเจอผมคนเดียวบ้าง บางทีก็ไม่เจอใคร ผมนอนที่ห้องซ้อมบ้าง พายนอนที่ห้องทำงานบ้าง อย่างนี้แหละครับ” กาเบรียลลูบผมลูกชายเบาๆ ก่อนจะจับมือให้เดินตามปกติ

ธีโอดอร์ได้แต่ส่ายหน้า เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องไปๆ มาๆ หลายที่กันบ่อยหนัก เพราะติดกันไปติดกันมาอย่างนี้นี่เอง แต่ก็นึกได้เรื่องที่ถามค้างไว้จึงถามเอาคำตอบ “สรุปวันนี้จะไปไหม ทิ้งลูกๆ ไว้ที่นี่ได้หรือเปล่าล่ะ”

“ไปค่ะ แจ็คกับมิคอยู่กับปู่ย่านะลูก พ่อกับแม่จะนอกเมืองหน่อย ห้ามดื้อกับเบเนดิกซ์นะ ไม่งั้นจะส่งไปอยู่เมืองไทยกับป้าพิมสักสามสี่ปี” พายตอบแทนสามีที่กำลังจะปฏิเสธ ทำเอาเด็กสองคนพูดเสียดัง

“แม่อ่ะ / ท่านแม่ขา” มิคาเอลกับแจ็คลีนโอดครวญกันเสียงดัง

“ไม่รู้ล่ะ แม่จะไปกับพ่อ เราสองคนอยู่ที่นี่ล่ะ ที่เล่นเยอะ แม่รู้มาว่าห้องหนังสือที่บ้านปู่มีหนังสือเยอะพอๆ กับห้องสมุดเลยนะ แล้วก็มีสนามกว้าง มีสระใหญ่ๆ ให้ว่ายด้วย ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน” พายขี้เกียจอธิบาย ปล่อยให้ลูกๆ โอดครวญกันต่อไป แล้วเดินตามพ่อแม่สามีไปยังห้องอาหาร

ต่อให้มีลูกถึงสองคน หากมีอะไรที่เธอคิดว่าทำได้ เธอก็ยังยืนยันว่าจะทำ ในเมื่อมีคนรับอาสาเลี้ยงลูกแทนสามวัน เธอก็ไม่ปฏิเสธ

“ปล่อยหนูลงค่ะ” แจ็คลีนคิดอยู่พัก ก่อนจะตัดสินใจ แล้วเมื่อแม่ปล่อยลงแล้ว ก็เดินไปหาย่า ก่อนจะยื่นมือออกไปจับมือย่าเอาไว้ “ท่านย่าสอนหนูอ่านหนังสือได้ไหมคะ หนูไม่ชอบเล่นข้างนอกเท่าไรค่ะ”

พายยิ้มออกเมื่อลูกสาวที่น่ารักเข้าใจง่ายกว่าลูกชายจอมดื้อ

“ได้สิ ย่ามีเวลาว่างเยอะ” บอนแนร์บอกหลานสาว ที่รักการอ่านไม่ต่างจากตนเท่าไรนัก จะหาเด็กวัยนี้ที่ชอบอยู่นิ่งๆ อ่านหนังสือก็เรียกว่ายากมาก เพราะถ้าอยู่นิ่งได้แสดงว่าเล่นเกมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เสียมากกว่า

“ขอบคุณค่ะ” แจ็คลีนปรับตัวเร็วกว่าพี่ชายมากเพราะความเป็นเด็ก ก่อนจะมองไปทางแม่แล้วยิ้ม “แจ็คจะเป็นเด็กดีอยู่กับท่านปู่ท่านย่าค่ะ”

“ดีจังเลยลูก” พายบอกก่อนหันไปมองเจ้าตัวแสบที่เกาะแขนพ่อแน่น ทำหน้าเซ็งๆ เพราะไม่อยากจะยอมเท่าไรนัก “ว่าไงล่ะมิค น้องเขายอมแล้วนะ”

“มิคก็ต้องยอมสิฮะ ถ้ามิคไม่ยอมแล้วใครจะดูแลน้องล่ะ แต่พ่อกับแม่ต้องรีบกลับมานะฮะ” มิคาเอลไม่ยอมพูดภาษากลางอีก พูดภาษาไทยแทน แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากพ่อเท่าไรนัก

ธีโอดอร์เห็นก็พอเดาได้ว่าหลานชายคงยอมแล้ว หากเมื่อคิดดูคาดว่าหลานๆ คงกลัวใจแม่มากกว่าอะไร เพราะเท่าที่ฟังมา สิ่งไหนที่ลูกสะใภ้คนนี้บอกว่าจะทำ ก็ทำตามที่ปากพูดเสมอไม่มีเปลี่ยน

กาเบรียลลูบผมลูกชาย ก่อนจะบอกให้สบายใจ “พ่อแม่กลับวันมะรืน ไม่นานหรอก อยู่กับปู่ก็อย่าทำข้าวของเสียหาย ถ้ามีพี่คนอื่นหรือน้องคนอื่นมา ก็พยายามหลบเข้าห้องนะลูก อย่าไปต่อปากต่อคำ เสียเวลาเปล่าๆ”

“ฮะ หนูจะไม่ต่อปากต่อคำ ถ้าไม่ปากเสียด่าพ่อแม่หรือรังแกแจ็ค” มิคาเอลรับคำอย่างฉลาดแบบมีเงื่อนไข

กาเบรียลได้แต่ส่ายหน้า เพราะเมื่อปีที่แล้ว มิคาเอลต่อยปากหลานชายเขา ลูกของพี่สาวที่โดนเรย์มองด์สอนให้พูดไม่ดีกับมิคาเอล หากก็ต้องยอมเพราะเขาคิดว่า ลูกที่รู้จักปกป้องศักดิ์ศรีของพ่อแม่ก็ยังดีกว่าลูกที่ไม่สนใจอะไรเลย

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง” พายพูดยิ้มๆ เพราะเชื่อว่าแม่สามีคงไม่เชิญหลานคนไหนมาในช่วงนี้ เพื่อให้มิคาเอลได้มีคู่ซ้อมแน่นอน

กาเบรียลส่ายหน้ายิ้มขำ ก่อนจะโอบไหล่บางของภรรยาพาไปนั่ง เขากลับไม่รู้สึกวุ่นวายใจนัก เมื่อภรรยาคนนี้เขาตั้งใจเลือกมาอย่างดี และลูกๆ ทั้งสองคนก็เป็นลูกที่เขาพึงพอใจ

***********************************************


เสียงทะเลและคลื่นซัดหน้าผาอีกด้านของบ้านหลังเก่าแก่ ทำให้จิตใจสงบได้ เขาสบายใจที่พ่อแม่เข้ากับลูกๆ ได้ดีขึ้น เมื่อเห็นภาพแม่กำลังอ่านหนังสือกับลูกสาวเขา ส่วนพ่อก็หาหนังสือที่ลูกชายเขาสนใจให้อ่านจนได้

พายสวมกอดเขาจากด้านหลัง แล้วถามเขาอย่างอารมณ์ดี “เป็นอะไร ยิ้มแก้มแทบปริ ไม่เห็นยิ้มปลื้มขนาดนี้มานานแล้วนะเนี่ย”

กาเบรียลหัวเราะเบาๆ ก่อนจับมือเธอทั้งสองข้างเอาไว้ แล้วหันหน้าเข้าหากัน พร้อมทั้งกอดเธอเอาไว้หลวมๆ ก่อนจูบหน้าผากเธอเบาๆ “เล่นอะไรน่ะ”

“ก็จัดของเสร็จแล้ว เห็นยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว มีอะไรทำให้อารมณ์ดีล่ะ” พายถามขณะมองสบตาเขา

“แต่งงานกันมาสิบปีแล้วนะ เราก็ยังรักกันดี ก็ต้องมีความสุขสิ อีกอย่างวันนี้ได้เห็นพ่อแม่ฉันเอ็นดูลูกเรา ฉันก็พอใจแล้ว” กาเบรียลพูดอย่างสบายใจ เมื่อเห็นแม่มีท่าทีอ่อนลงกับลูกๆ เขา

“ก็บอกแล้วว่าอย่าไปคิดมาก เดี๋ยวแก่แล้วไม่สวยนะ” พายแกล้งหยอกเขาแบบยิ้มๆ

“ฉันอยากร่าเริงได้สักครึ่งของเธอจริงๆ” กาเบรียลเอ็นดูเธอที่ยังคงร่าเริงได้ทุกครั้ง

“เข้าไปในห้องสิ จะสอน” พายทำท่าทางกรุ่มกริ่มใส่เขา ก่อนจะจูงมือเขาเข้าไปในห้อง

กาเบรียลยกมือข้างที่ว่างขึ้นปิดหน้า แล้วปล่อยให้เธอจูงเข้าไปภายในห้อง พร้อมทั้งหัวเราะอย่างตลกขบขัน เมื่อกลายเป็นเรื่องตลกไปโดยไม่รู้ตัว

“มามะ จะสอนให้หมดทุกท่าเลย จะได้เป็นคนร่าเริงไง” พายแกล้งพูดให้เขาขำ รู้ว่ายิ่งเขาหัวเราะก็คงไม่มีอารมณ์เท่าไรนัก

“พอๆ เถอะ อยากพักสายตามากกว่า เมื่อคืนก็นอนเสียดึก โจนาสโทรมาเรื่องบริษัทย่อยนั่นแหละ ตอนนี้ชักรู้สึกเหมือนหาเหาใส่หัวยงไงไม่รู้สิ” กาเบรียลขยับตัวไปมาบนเตียง แล้วนึกอยากนอนให้หลับสนิท

“ตื่นเดี๋ยวนี้นะ เราจะต้องไปกันแล้วล่ะ เสร็จแล้วค่อยไปนอนที่บ้านย่าคุณก็ได้ ไปเร็ว เดี๋ยวฉันขับเอง” พายพูดขณะสะพายกระเป๋าไว้ทั้งสองข้าง และพยายามลากเขาลงจากเตียง

กาเบรียลหัวเราะ ก่อนยอมแพ้และลุกตามเธอ “รู้สึกเหมือนตอนเช้าวันที่จะไปตั้งแคมป์กันเลยนะเนี่ย”

“ก็ใครให้คุณพ่อทำตัวขี้เกียจกันล่ะ เร็วๆ ก่อนลูกจะรู้ตัวแล้วเปลี่ยนใจวิ่งตามไปทั้งโขยง” พายแกล้งพูดทั้งที่รู้ว่า ถึงลูกตามไปก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอ แต่หลายปีมานี่ เขาและเธอแทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง ทั้งหมดเพราะทั้งคู่ปล่อยให้ลูกๆ ทำตัวขี้อ้อนตลอดเวลา

“โอเค รีบไป ก่อนจะหมดสัญญา” กาเบรียลลุกขึ้นทันที ก่อนจะช่วยถือกระเป๋า แต่เห็นคนรับใช้ก็ส่งให้ก่อน เดินตามไป และเมื่อเดินผ่านห้องหนังสือ ก็มีคนเปิดประตูออกมา

“พ่อจ๋าจะไปไหน” มิคาเอลวิ่งมากอดเอวพ่อแน่น

“ดูเหมือนลูกะลืมไปแล้วว่าจะต้องอยู่กับปู่ย่านะเนี่ย” กาเบรียลหันไปบอกภรรยาที่กำลังหัวเราะ

พายยักไหล่ เพราะเธอเตือนเขาแล้วว่าอย่าช้า ไม่งั้นต้องโดนแบบนี้ เมื่อเขาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เธอก็ช่วยแกะลูกชายที่พยายามเกาะขาพ่อเอาไว้แน่นออก “พอแล้วเจ้าลิงภูเขา ต้องให้แม่ถามไหมว่าอยากให้พ่อแม่อยู่ด้วยกันตลอดไป หรืออยากให้แยกทางกันน่ะ”

มิคาเอลฟังแล้วขมวดคิ้ว ก่อนถาม “ทำไมต้องแยกทางกันด้วยฮะ”

“ก็เพราะไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวน่ะสิ ถ้าลูกเอาแต่เกาะพ่อแบบนี้ก็ไม่มีวันที่พ่อแม่จะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ เพราะงั้นไปอยู่กับปู่ซะ” พายแกะมือลูกชายส่งให้โรเบิร์ต พ่อบ้านประจำคฤหาสน์แห่งนี้

“ไม่เอา จะไปด้วยฮะ” มิคาเอลพยายามจะขอไปด้วย

“เรามีลูกที่ไม่รู้จักรักษาคำพูดตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย” พายหันไปถามสามี ก่อนจะหันมาถามลูกชาย “คนที่ไม่รักษาคำพูดไม่สมควรได้รับอะไรทั้งสิ้น แม้แต่พ่อแม่”

มิคาเอลหุบปากทันทีและหยุดดิ้น ก่อนจะถอนหายใจยาว “งั้นหนูไปอยู่กับน้องก็ได้ฮะ”

“ทำไมยอมง่ายๆ ละลูก” ธีโอดอร์ถามหลานชายอย่างสงสัย

“แม่เคยบอกว่าถ้าคนเราไม่รู้จักทำตามสิ่งที่พูดออกไป ก็ถือว่าเป็นคนไม่ดี ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ควรต้องการอะไร และไม่ควรได้อะไร หรือขออะไร หนูพยายามบอกแม่ว่าหนูยังเด็ก แต่แม่บอกว่าไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่กับเด็กที่เป็นลูกฮะ แปลว่าผมจะไม่ได้อะไรอีกเลยถ้าผมไม่ทำตามที่พูด” มิคาเอลอธิบาย

แม้จะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างในสิ่งที่พูดก็ตาม แต่เขาเข้าใจกับประโยคที่ว่าจะไม่ได้อะไร และถ้าแม่บอกว่าจะไม่ได้อะไรก็แปลว่าถ้าเขาไม่ยอม เขาก็จะไม่อะไรไปอีกนานแสนนาน ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนเรียกร้องความสนใจแค่ไหนก็ตาม และพ่อก็จะไม่มีวันซื้ออะไรให้ด้วย ถ้าแม่ยังไม่อนุญาต เพราะเขาดื้อเกินไป

เด็กชายทำคอตกเดินกลับไปในห้องหนังสือ ก่อนน้องสาวเดินออกมาเยี่ยมๆ มองๆ พ่อแม่อีกคน แต่ไม่ได้ตามมาเกาะ แต่วิ่งเข้ามากอดลาทีละคน และได้รับรอยหอมแก้มจากทั้งพ่อแม่

“กลับมาช้าๆ ก็ได้นะคะ หนูจะได้อ่านหนังสือเยอะๆ” แจ็คลีนเจอสิ่งที่ชอบแล้ว

“ไม่ฮะ กลับมาเร็วๆ นะฮะ หนูจะได้ไปสนามแข่งรถอ่ะฮะ” มิคาเอลเดินมาเกาะประตูอีกรอบเพราะได้ยินสิ่งที่น้องสาวบอกพ่อแม่

“รีบเดินทางเถอะ ก่อนที่เจ้าหนูนี่จะเปลี่ยนใจ” ธีโอดอร์ส่ายหน้ากับหลานชาย ก่อนจะพูดขึ้น เมื่อเดินเข้าไปในห้องนังสือ “ไปที่โรงรถกับปู่เถอะ ปู่มีรถเก่าๆ ที่ยังซ่อมค้างเอาไว้ อาจดีไม่เท่ากับดูรถจักรยานยนต์ แต่คงดีกว่าจับหลานมาอยู่นิ่งๆ ในห้องหนังสือนะ”

“ไปฮะ เย้ๆ” มิคาเอลกระโดดโลดเต้นเสียงดัง และทำให้ย่ามองเขาอย่างดุๆ

กาเบรียลโอบเอวภรรยา พาเดินออกไปจากบ้าน โดยไม่ต้องห่วงว่าเจ้าลูกชายจะวิ่งมาเกาะอีกรอบ เพราะดูจะตื่นเต้นกับการซ่อมเครื่องยนต์ของพ่อเขาไปเสียแล้ว

“ล่อลวงง่ายเหมือนใครก็ไม่รู้นะ เจ้าลิงภูเขาเนี่ย” พายพูดขึ้นมาลอยๆ ก่อนจะหัวเราะเมื่อเขาดึงเธอไปจูบอย่างดูดดื่ม ก่อนปล่อยให้เธอไปนั่งประจำที่นั่งคนขับ เมื่อเขาพักผ่อนไม่เพียงพอ

เขาปล่อยให้เธอขับรถและยอมเป็นเพียงตุ๊กตาหน้ารถให้เธอ เมื่อเขารู้ว่าตัวเองขับอาจพาเธอไปพบอันตราย ซึ่งเขาไม่มีวันจะทำอย่างนั้นกับเขาที่เขารักสุดหัวใจ...

***********************************************


เสียงคลื่นกระทบฝั่งของยามค่ำคืนก็ทำให้ทุกอย่างโรแมนติกได้ โดยเฉพาะเขากับเธอกำลังนั่งอยู่ที่ริมหาด และมีเพียงแสงตะเกียงเป็นเพื่อน กับอาหารเลิศรส

เขาและเธอต่างก็นั่งกึ่งนอนเอนตัวพิงหมอนสามเหลี่ยม ที่พายเอามาจากเมืองไทย พวกเขาต่างก็นั่งสบายบนหาดทรายส่วนตัวของบ้านเก่าแก่

กาเบรียลมองภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบปี ยังไม่ร่วมช่วงเวลาก่อนหน้านั้นที่ได้พบกัน ก่อนเขาจะยิ้มและถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างมีความสุข

“อะไรของนายน่ะ” พายมองสามีอย่างงงๆ

“แค่ไม่คิดว่าจะได้อยู่กันตามลำพังบ้างในวันวาเลนไทน์แบบนี้ ทุกปีจะต้องหอบลูกไว้คนละข้าง พยายามไม่ให้ลากเธอไปเล่นอะไรต่อมิอะไรที่ลูกต้องการ ช่วงคริสมาสต์ก็ต้องพยายามลากลูกๆ ไปโบสถ์ รู้ไหมว่า...” เขายังพูดไม่จบก็โดนเธอจูบอย่างหนักหน่วงเพื่อปิดปากคุณพ่อจอมเครียดอย่างเขา

พายยิ้มนิดๆ หลังจากถอนจูบ ก่อนจะพูดกับเขา “ตอนนี้มีเราแค่สองคน วางลูกไว้ที่บ้านเถอะน่า อย่ากังวลเรื่องลูกมากนักได้ไหม เดี๋ยวหน้าแก่หรอก”

กาเบรียลพยักหน้าช้าๆ ถอนหายใจยาวๆ และรู้สึกนับถือเธอที่ปล่อยวางเรื่องต่างๆ ลงได้อย่างรวดเร็ว หากเพราะแผลใจในอดีตของเธอนั้นมากเหลือเกิน ถ้าไม่ปล่อยวางลงบ้าง เขาเชื่อว่าเธอคงอยู่ไม่ได้จนถึงเดี๋ยวนี้

“ขอพูดให้จบก่อนนะ มิคอยากนับถือศาสนาพุทธ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปโบสถ์บ่อยๆ แต่ที่สำคัญ เขาสงสัยว่าทำไมแม่ไปวัดแทนที่จะไปโบสถ์คริสต์น่ะ” กาเบรียลยังคงกลับมาเรื่องลูกจนได้

“ก็ให้นับถือพุทธไป ก็ดีนะ เพราะจะได้จับนั่งสมาธิได้ ให้ฝึกควบคุมพลังงานที่ล้นเหลือ ดีๆ” พายเห็นดีด้วย

“ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องคอยลากไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ แล้วต้องคอยห้ามไม่ให้วิ่งตลอดเวลาที่หลวงพ่อเทศน์ ให้ตายเถอะ คนที่จะทำให้มิคอยู่นิ่งๆ ได้นานๆ มีแต่เธอจริงๆ” กาเบรียลคิดถึงเรื่องๆ ลูกๆ แบบหยุดไม่อยู่

“พอได้แล้ว ตอนนี้มีแต่เรา ก็คิดถึงแต่เราสองคนก็พอ ลูกๆ อยู่ในการดูแลของมืออาชีพแล้วล่ะนะ ลองนึกภาพพ่อแม่คุณส่งลูกเข้านอนสิ” พายพยายามทำให้เขาหัวเราะ

“จะมีวันนั้นไหมเนี่ย” กาเบรียลพูดแล้วก็หัวเราะ เพราะเท่าที่เขาจำได้ มีแต่พี่เลี้ยงเท่านั้นที่ส่งพวกเขาเข้านอน ก่อนจะนึกได้ว่าเฮนริคเข้ามาในชีวิตเขาเมื่อไร และมีชีวิตอยู่เป็นเพื่อนเขาตั้งแต่เด็กจนโต

พายหัวเราะ เพราะรู้ว่าคนที่จะส่งทั้งคู่เข้านอนน่าจะเป็นเบเนดิกซ์มากกว่า ก่อนจะมองเขาที่กำลังครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่ เธอยื่นไปจูบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าเขาจะรู้สึกตัวถึงเธอบ้าง

กาเบรียลได้แต่ยิ้ม เมื่อนึกได้ว่าเธอพยายามเตือนให้เขาคึดถึงแต่เธอคนเดียว ก่อนจะแก้ตัว “ก็เธอชอบทิ้งลูกๆ เอาไว้กับฉันนี่ ฉันก็เลยคิดถึงลูกๆ เยอะมากน่ะ ติดเป็นนิสัยเลยเชียวล่ะ”

“ใครว่าฉันทิ้งลูกๆ ไว้ นายต่างหากไม่ยอมให้ฉํนพาลูกๆ ไปกับฉัน” พายพูดแล้วก็หัวเราะ ก่อนหยิบขวดไวน์แดงมาเติมให้ทั้งสองคน

“ให้เธอพาลูกเข้าป่าด้วยน่ะเหรอ ดูมิคสิ ได้ตกเขาก่อนแน่” กาเบรียลส่ายหน้า ก่อนจะฟังเธอหัวเราะ ก่อนจะโน้มไปจูบเธอและเปลี่ยนจากที่อยู่คนละด้าน มาอยู่ด้านเดียวกัน

เขาทำให้เธอหัวเราะอีกครั้ง เพราะคราวนี้เขาเลื่อนมาอยู่บนตัวเธอ และกำลังทำมากกว่าแค่จูบเธออย่างหนักหน่วง เพราะเขากำลังปลดเสื้อเธอออกจากตัว

พายหัวเราะก่อนพูดอย่างสนุกสนาน “ไม่ได้ทำอะไรกลางแจงแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย”

กาเบรียลค่อยนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังอยู่กลางแจ้งและเป็นที่โล่งจริงๆ เพราะเห็นทั้งแสงดาวและแสงเดือน โดยเฉพาะพวกเขากำลังรู้สึกหนาว แต่ลืมไปสักพัก เพราะร่างกายกำลังร้อนเพราะอย่างอื่น

“เธอหนาวเหรอ” เขาถามขึ้น แล้วพลิกตัวลงบนพื้นทราย

“แน่สิ เพราะฉันเป็นคนที่โดนถอดเสื้อนอกนะ แล้วนี่มันก็ยังหนาว ถึงจะใกล้หมดฤดูแล้วก็เถอะ ถ้าจะทำอะไรมากกว่าทานอาหารนอกบ้านละก็ เราไปต่อกันในบ้านดีกว่านะ” พายแนะนำ และเขาก็พยักหน้าก่อนจะยื่นมือให้เธอช่วยเขาลุก

พายต้องลากเขาเมื่อเขาทำท่าทางอย่างนั้น ก่อนจะพูดล้อเขานิดๆ “วันนี้ต้องลากสามีขี้เกียจทั้งวัน แล้วนี้ถ้าขึ้นเตียงแล้วจะขี้เกียจไหมเนี่ย”

กาเบรียลแทบจะกระโดดจากท่าเดิมที่เป็นของตนเอง แล้วเปลี่ยนจากสามีขี้เกียจเป็นสามียอดขยันขึ้นมา ด้วยการช้อนร่างเธอขึ้น

“ใครว่านักดนตรีไม่แข็งแรงเนี่ย” พายหัวเราะกับกำลังวังชาของเขา

“ฉันออกกำลังตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ไม่งั้นก็คงต้องตายตั้งแต่โดนลักพาตัวครั้งแรกแล้ว” กาเบรียลพูดขณะอุ้มเธอเดินเข้าบ้านแล้วขึ้นไปชั้นบน ที่ห้องนอนเขากับเธอ เมื่อวางเธอลง เขาก็กระซิบที่ข้างหูเธอ “ข้างในนี่อบอุ่นกว่าที่คิดไว้เยอะนะ สักพักคงร้อนเหมือนเมืองไทยเลยล่ะ”

“ร้อนกว่าแน่นะ” พายพูดแล้วหัวเราะก่อนช่วยกันจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง

“ร้อนกว่าวันไหนๆ เลยชียวล่ะ ถ้าไม่นับครั้งแรกของเราที่บ้านเธอละนะ” กาเบรียลจูบเธอหนักหน่วงปล่อยให้ความต้องการล่องลอยไป

บางครั้งคนเราก็ต้องเติมเชื้อไฟรักด้วยหัวใจและความเงียบ...

หัวใจทุกดวงต่างก็ต้องการเวลาหยุดพัก ทว่าความรักไม่เคยพักผ่อน ยังคงต้องการจะเติมเต็มลงไปในหัวใจของมนุษย์ที่ต้องการเสมอ

***********************************************

Say Hi!!!!!
ขอโทษนะคะ ที่หายไปนานพอควร
พอดีแต่งภาคที่ 3 ยังไม่ลงตัว แค่รู้สึกสนุก แต่พล็อตสะดุดไปหน่อยค่ะ
กำลังพยายามทำอีกเรื่องให้มีความแตกต่างจากภาคที่ 2 กับภาคแรกอยู่ค่ะ
เพราะแจ็คลีนมีบุคลิกแตกต่างจากพ่อและแม่นะคะ
แต่สุดท้ายเธอก็เป็นผลิตผลจากเผ่าเฮียพายอยู่ดีค่ะ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณที่ยังคงอ่านนิยายของเพลิงวารีต่อไปนะคะ

คุณ maplezaa --- คิดฮอดเหมือนกันค่ะ แต่เขียนไปทรมานหัวใจ

คุณ Auuuu --- วันหลังจะมาจัดเต็มให้นะคะ ^^

คุณ ทะเลหวาน --- >,< คิดถึงเช่นกันค่ะ

คุณ sai --- ด้วยความยินดีค่า

คุณ Noka --- อ่ะแน่นอนจ้าาาาาาาาาาาาาา

คุณ ตุ๊งแช่ --- นางเอกชื่อกาเบรียล พระเอกชื่อพายค่ะ ฮ่าๆๆ จะยิ่งสับสนไหมหนอ

คุณ kaeka --- ^^ ขอบคุณที่รอคอยค่ะ โฮะๆๆๆ

หนอนฮับ --- จัดเล็กให้ก่อนค่ะ ไว้ค่อยจัดหนัก อิอิ

pattisa --- พายผู้หญิงค่ะ แต่เป็นผู้หญิงที่เป็นพระเอก ฮ่าๆ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ค. 2554, 00:18:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2554, 00:18:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 2860





<< เฮียพาย01   
หนอนฮับ 9 ก.ค. 2554, 00:40:00 น.
เย้..นานแค่ไหนก็จะรอ ตาปริบๆ อยู่นี่แหละค่าาาาา


maplezaa 9 ก.ค. 2554, 02:01:45 น.
เย้ๆๆๆมาแร้วววว

นายมิคติดเฮียพายเยอะไปน่ะ ถึงเป็นลูกแต่รีดเดอร์ก็อิจฉาน่ะขอบอก


Auuuu 9 ก.ค. 2554, 12:08:04 น.
น่ารักจัง :)


kaeka 9 ก.ค. 2554, 14:41:22 น.
อ่านแล้วอิ่มใจมาก อิอิ แต่มาน้อยจัง 2ตอนเอง
เฮียพายยังพากาเบรียลและเราร้อนแล้วalertอยู่เสมอ อิอิ


ใบบัวน่ารัก 9 ก.ค. 2554, 17:15:18 น.
น่ารักจริง


FonFonnie 10 ก.ค. 2554, 04:02:51 น.
คิดถึงจังค่ะ


ตุ๊งแช่ 10 ก.ค. 2554, 09:53:19 น.
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account