ใยรักสีรุ้ง
...เป็นเค้าใช่ไหม หรือ ใครอีกคน
...ที่ช่วยฉุด ให้หลุดพ้น ความหม่นหมอง
...ให้คืนมัว ฟ้ามืดดำ น้ำตานอง
...มีดาวส่อง ครองราตรี ชี้เส้นทาง
หนึ่งในสองฝาแฝด ใครกันนะที่ช่วยชีวิตเธอไว้ รุ้งทองจึงเริ่มปฏิบัติการทดแทนคุณ
แต่หารู้ไม่แผนการครั้งนี้คือที่มาของ...หายนะ
...ที่ช่วยฉุด ให้หลุดพ้น ความหม่นหมอง
...ให้คืนมัว ฟ้ามืดดำ น้ำตานอง
...มีดาวส่อง ครองราตรี ชี้เส้นทาง
หนึ่งในสองฝาแฝด ใครกันนะที่ช่วยชีวิตเธอไว้ รุ้งทองจึงเริ่มปฏิบัติการทดแทนคุณ
แต่หารู้ไม่แผนการครั้งนี้คือที่มาของ...หายนะ
Tags: รัก หง โรแมนติก
ตอน: ตอนที่ ๑ แฝงตัว
พอมาถึงร้านอาหารข้างบริษัทตามที่ได้นัดหมายไว้กับเพื่อน ร่างโปร่งบางแว่นตาหนาในชุดเสื้อเชิ้ตสีนวลแขนยาวติดกระดุมข้อมือแบบเรียบๆชายเสื้อที่อยู่กระโปรงดำยาวกรอบเท้าถูกคาดทับด้วยเข็มขัดเส้นเล็ก ก็กวาดตามองมองไปรอบร้านที่เสริมบรรยากาศด้วยดอกไม้สดหอมกรุ่น พอทำให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทในเครือธีรเวทา กรุ๊ป ที่ออกมาหาอะไรกินเพื่อเปลี่ยนบรรยาศอันจำเจบนแคนทีนที่อยู่บนชั้นสามให้รู้สึกสดใสขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นเป้าหมายที่เป็นสาวสวยร่างเล็กนั่งจิบน้ำอัดลมอย่างสบายอารมณ์ตรงมุมส่วนด้านในสุดของร้านสุดของร้านที่ติดกับกระจกใส สามารถมองออกไปเห็นผู้คนเดินขวักไขว่อยู่ภายนอก เธอก็ดิ่งไปหาทรุดตัวลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ตรงกันข้าม ก่อนฟุบหน้านิ่งลงกับโต๊ะอาหารอย่างหมดสภาพ “โอ้ย เหนื่อย”
“จะถอดใจแล้วเหรอ อุตส่าห์ฝ่าด่านอรหันต์จากคุณหญิงพวกผกามาได้”ชะเอมหรือทิพย์นทีเอ่ยพลางเลื่อนแก้วน้ำเย็นไปให้คนตรงหน้าอย่างรู้ใจ ใครก็รู้คุณหญิงพวงผกาห่วงลูกชายฝาแฝดมากแค่ไหน การคัดเลือกผู้จะเข้ามาทำหน้าที่เลขาหน้าห้องให้ลูกชายของนาง จึงต้องผ่านด่านการทดสอบมหาโหด นอกจากวัดความสามารถในการทำงานแล้วยังต้องมีการทดสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ใช้งามบังหน้าเพื่อเข้าใกล้ลูกชายของนาง แต่ดันมาจุดใต้ตำตอเอาอย่างจังเมื่อคนที่คุณหญิงเลือกดันเป็นเพื่อนสาวของเธอ
“ท่องเอาไว้สิ ความกตัญญูกตเวที คือเครื่องหมายของคนดี”
เจ้าของร่างแค่ผงกศีรษะขึ้นมาเถียงอย่างอดไม่ได้ อย่างคนที่ไม่ค่อยยอมใคร
“ ท่องแล้ว” หงหรือรุ้งทองเค้นเสียงตอบ เลขานุการสาวยอมรับว่าถ้าไม่เพราะอยากรู้และอยากตอบแทนบุญคุณ รามกับรักษ์ ธีรเวทากุล หนึ่งในสองสองฝาแฝด ใครคนใดคนหนึ่งที่เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้จากการจมน้ำเมื่อสิบปีสามก่อนละก็ หญิงสาวไม่มีวันยอมเข้ามาเป็นพนักงานบริษัทธีรเวทา กรุ๊ป ที่แสนวุ่นวายนี้เป็นอันขาด เพราะนอกจากยุ่งกับงานหลักของตัวเองแล้ว หญิงสาวยังต้องวุ่นวายกับจัดการกับสาวๆที่มาขอเข้าพบกับเจ้านายสุดหล่อไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งยังต้องรายงานทุกอย่างให้คุณหญิงพวงผกาแม่ที่รักลูกยิ่งกว่า ‘จงอางหวงไข่’ ทราบอีกด้วย และที่สำคัญ รักษ์ แฝดผู้น้องเจ้านายหนุ่มของเธอ ยังทำทีท่า ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจและมองเธอแปลกๆ อีกตะหาก “แต่พอเห็นสายตากับท่าทางแหยงๆเหมือนฉันเป็นพวกปีศาจหรือตัวประหลาดทีไร ฉันก็อดท้อไม่ได้สักที”
“ ถ้าฉันเป็นคุณรักษ์ก็อดแหยงไม่ได้หรอก ดูแกสิ” ทิพย์นทีกวาดตามองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่เกรงใจ แล้วตัดสินได้ทันทีว่าทำไมเจ้านายสุดหล่อของเพื่อนสาว ต้องทำสีหน้าแปลกๆทุกครั้งที่เธอเข้าใกล้ ก็แม่เจ้าประคุณดูแล้ว‘หลอน’ สุดๆแบบนี้นะสิ เคยเป็นสาวมาดเท่ทอมบอยผมซอยสั้นท่าทางห้าวนิดๆสะกิดบาทาหน่อยๆ บัดนี้ถูกคลุมด้วยวิกผมดำยาวถึงกลางหลังกับชุดแสนเฉิ่ม จัดซะเหมือนอาจารย์ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ ผู้สอนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ในแฮรี่ พอตเตอร์ ขนาดนี้ อย่าว่าแต่จะให้เข้าถามว่า ‘คุณใช่ไหมที่ช่วยฉันเมื่อสิบปีก่อน’ เล้ย แค่เฉียดเข้าใกล้เขายังกลัว ก็มันขัดตายังไงพิกล “เชยสะบัดเลยอ่ะ”
พอได้ยินคำกล่าวหาร่างที่ดูเหมือนหมดอาลัยตายอยากในตอนแรกกระเด้งตัวขึ้นมาราวกับซอมบี้คืนชีพพลางขยับวิกผมดำยาวให้เข้าที่เข้าทาง แล้วกล่าวอย่างเหลืออด
“ก็ใครกันละที่เป็นคนบอกฉันว่า ถ้าอยากได้งานนี้ต้องแต่งตัวเรียบร้อย ไม่ให้เด่น ไม่ให้เป็นจุดสนใจ เพราะคุณหญิงพวงผกาไม่ชอบให้ผู้หญิงสวยๆมาเข้าใกล้ลูกชายท่านไม่ใช่เหรอ ดีไม่ดีอาจจะโดนเด้งกลางอากาศเหมือนแม่เลขาคนก่อนก็ได้”
เลขาณุการคนก่อนของรักษ์ คือ กานดามณีสาวโสดอายุประมาณสามสิบกว่าเรียบร้อยนิสัยดี ได้รับความไว้วางใจจากคุณหญิงพวงผกาให้เป็นเลขาฯตั้งแต่ รักษ์เข้ามาทำงานใหม่ๆ จนกระทั้งเมื่อสองเดือนก่อนเธอก็ถูกไล่ออกโดยไม่ทราบสาเหตุ พร้อมกับเสียงเล่าลือเป็นทำนองว่าเจ้าหล่อนหวังสูงเกินกว่าจะเป็นแค่เลขาฯหน้าห้องธรรมดา แต่รุ้งทองไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
“ ก็คุณท่านให้ข้อมูลฉันมาอย่างงั้นนิน่า” คนตอบทำหน้าราวกับสำนึกผิดแต่ยังโบ้ยไปให้คุณหญิงวรางศรี ภรรยาหม้ายของนายพลเดโช ผู้ยังอยู่ในแวดวงไฮโซ และเป็นผู้ปกครองของเจ้าตัวอีกต่อหนึ่ง “แล้วฉันก็แค่บอกว่าเรียบร้อย ไม่ใช่เชยสุดซอยขนาดนี้”
รุ้งทองได้แต่กัดฟันกรอด จับไม่เคยได้ไล่ไม่เคยทัน สำหรับผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทที่เปรียบเสมือนพี่น้องคลานตามกันมาและผู้ร่วมงานคนนี้
“เอาน่าแก บางทีเขาอาจยังระแวงเรื่องที่ยายเลขาฯคนก่อนทำเอาไว้ก็ได้” มือเรียวตบเบาๆที่ไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน เมื่อได้อาหารที่สั่งทั้งสองก็ลงมือรับประทานอยากเร่งรีบ
“ ว่าแต่ แก่ถามคุณรักษ์รึยังว่าใช่เค้ารึป่าวที่ช่วยแกตอนจมน้ำอ่ะ”
“ยังไม่มีโอกาสเลย”
“ หาโอกาสได้แล้ว พี่เทียนให้เวลาแค่สามเดือนเอง”ชะเอมกล่าวอย่างกังวลแทน “ นี่มันผ่านมาได้ตั้งเดือนหนึ่งแล้วนา”
“เออ รู้แล้วน่า”รุ้งทองเอ่ยอย่างขอไปที แต่ในใจก็อดคิดกังวลถึงคนที่กำลังกล่าวถึงไม่ได้ เทียนหรือนภนต์ เลิศมนตรีศักดิ์ พี่ชายคนเดียวที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับกิจการหลายอย่างของครอบครัว อีกทั้งโชว์รูมรถที่พึ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานนั้นยังไม่เข้ารูปเข้ารอย แต่ยังอุตส่าห์ ‘กัดฟัน’ อนุญาตให้น้องสาวคนเดียว
เร่งสะสางสิ่งที่ยังค้างคาใจมาหลายปี เพราะเหตุผลร้อยแปดที่เธอยกมาอ้าง
‘ ทำไมต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากนะ’ ขณะพูดหน้าคมยังคงเครียดเคร่งอยู่กับเอกสารตรงหน้า ‘ เข้าไปถามตรงๆเลยก็สิ้นเรื่อง’
‘ หงไม่ใช่พวกฮาร์ดคอร์อย่างพี่เทียนนิ ที่จู่ๆจะให้เดินเข้าไปถาม เฮ้นาย นายใช่ไหมที่ช่วยฉันเมื่อสิบปีก่อน ’ หญิงสาวแสร้งทำเสียงล้อเลียน ‘ มันเขินๆยังไงไม่รู้อ่ะ ’
คนเป็นพี่ยอมละสายตาจากกองเอกสาร จ้องมาทางน้องสาวคนเดียวด้วยสายตาจริงจัง คล้ายจะบอกว่า ‘หน้าอย่างแกอายเป็นด้วยเหรอ’
แล้วก้มหน้าทำงานต่อ ไม่สนใจรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากคนข้างตัว.. ’ไม่อยากมีเรื่อง’ ท่องเอาไว้รุ้งทอง
หญิงสาวรู้ว่าเขาไม่ชอบใจกับความคิดแผลงๆของเธอเท่าใดนัก เขาคงกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเมื่อสิบสามปีก่อน เพราะหลังจากพ่อแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุคราวนั้น ไม่ถึงสองเดือนดีรุ้งทองก็โดนผลักตกน้ำ
แต่ดีที่ฝาแฝดธีรเวทากุลช่วยไว้ทัน....จนกระทั้งบัดนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้...
“ถ้าไม่มีพวกเค้า ก็คงไม่มีหงในวันนี้” เธอให้เหตุผลกับเขา
.....ความกตัญญูกตเวที......เป็นหลักยึดถือในครอบครัว เลิศมนตรีศักดิ์มาตั้งแต่บรรพบุรุษ คนเป็นลูกหลานอย่างเขาจะละเลยอย่างไรได้
เมื่อรุ้งทองมุ่งมั่นที่จะทำ คนเป็นพี่รึจะกล้าห้าม
‘ แล้วงานเราละ ใครจะทำ ’เทียนหมายถึงงานที่เธอต้องรับผิดชอบในการส่วนของการเก็บค่าเช่าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์และ รวมไปถึงเก็บค่าเช่าแผงในตลาด และเข้าไปช่วยจัดการอู่ซ่อมรถครบวงจรที่อยู่ตัวแล้วให้เทียนได้มีเวลาเต็มที่กับโชว์รูมใหม่ การเป็นกองหลังที่มีประสิทธิภาพทำให้กองหน้าอย่างเทียนไม่เคยพะวงหลัง
‘ ยายเอมจัดการ’ ยายชะเอมเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีของบริษัท รวมทั้งงานจับซ่ายจึงถูกยกมาเป็นยันต์กันตายไปซะทุกเรื่อง
“ แกห้ามลืมนะเว้ย งานวันเกิดยายแพรวเริ่มสามทุ่มคืนนี้ที่ผับ.....แล้วนั้นเสื้อผ้า” ชะเอมปลุกเพื่อนจากพะวังด้วยน้ำเสียงสดใส พลางชี้ไปยังกระเป๋าผ้าสีดำใบย่อมที่ติดตัวมา“จะได้ไม่ต้องย้อนกลับบ้านสวนให้มันยุ่งยาก ฉันจะนั่งแท็กซี่มา ขากลับจะได้กลับด้วยกัน...เข้าใจนะ ”
ชะเอมสั่งผู้เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนเสร็จ ซึ่งช่วงนี้สติสตังไม่ค่อยจะสมประกอบ แถมยังทำหน้าเอ๋อเหมือนพวกวิญญาณไม่รวมกับร่างก่อนแยกกลับไปทำงานของตัวเองต่อที่โชวฺรูมใหม่ รุ้งทองได้แต่มองตามหลังเพื่อนปริบๆ แม้ไม่ค่อยแปลกใจในความรอบคอบราว ‘หยั่งรู้’ ด้วยญาณของอีกฝ่ายเพราะได้พิสูจน์มานักต่อนักแล้ว หรือเพียงแค่คิดว่าต้องการสิ่งใด สิ่งนั้นก็มักจะมาวางลงตรงหน้าด้วยฝีมือทิพย์นทีเสมอ แต่เรื่องหนึ่งที่ยังประหลาดใจ......ใครเป็นเจ้านายใครกันแน่เนี่ย
รุ้งทองเดินดุ่มผ่านลานจอดรถเข้าสู่อาคารสูงยี่สิบชั้นทันสมัยกลางกรุง สมกับเป็นบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตลาดทั้งในประเทศและประเทศในแถบเอเชียเป็นหลัก ฐานของบริษัทค่อนข้างมั่นคง แม้จะโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานไปช่วงหนึ่ง หากด้วยความหลากหลายของสินค้าทำให้ธุรกิจหยัดยืนอยู่ได้ ทั้งยังพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจใหม่ทางด้านความงามและบุกเบิกบริษัททัวร์ในต่างประเทศ ผู้ที่เป็นเรี่ยวแรงในการต่อยอดธุรกิจของตระกูลก็คือบุตรชายฝาแฝดทั้งสองของครอบครัวธีรเวทากุล
ราม แฝดผู้พี่ที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง จึงมีหน้าที่ติดต่อประสานงานบินไปบินมาระหว่างประเทศไม่ค่อยได้อยู่ในบริษัท ทำให้รักษ์ ต้องอยู่โยงดูแลทุกอย่างแทนบิดาที่เตรียมตัวปลดเกษียณตัวเอง
เหลือบมองนาฬิกาเรือนเล็กบางเฉียบที่ข้อมือเหลือเวลาสิบห้านาทีก่อนหมดเวลาพักเที่ยง ถึงยังมีเวลาเหลือพอจะได้หายใจหายคออยู่บ้าง แต่หญิงสาวเลือกที่กดลิฟท์ขึ้นไปสู่ชั้นสิบเก้าเพื่อเริ่มทำงานของตนทันที แต่ก็ต้องตาเหลือก เมื่อเหลือบไปเห็นผู้ที่ก้าวตามเข้ามาในลิฟท์ซึ่งมีเพียงคนเดียว ร่างสูงของชายวัยกลางคนแต่งการภูมิฐานสมกับเป็นนักธุรกิจนั้นแนวหน้ากดที่หมายเลขยี่สิบ นั้นเป็นห้องทำงานของนายเกียรติ และ คุณหญิงพวงผกา ประธานและรองประธานบริษัท ตาคมกริบของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นผู้ที่ยืนซุกตัวอยู่ด้านใน ก่อนคลี่ยิ้มอย่างยินดี
ให้ตายดิ้นไปต่อหน้า หญิงสาวอยากสบถออกมาดังๆแทบอยากแทรกตัวตามกำแพงสีมันวาวของลิฟท์
“ อ้าว ยายหง” ชายวัยกลางคน เอือมมือลูบหัวทุยอย่างรักใคร่“ไม่เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยนะแล้วมาทำไมที่นี่เนี่ย”
“อาหมิง” หญิงสาวยิ้มรับเหวอๆ พลางประนมมือไหว้อย่างนอบน้อม มันก็น่ายินดีมิใช่น้อยที่พบ อาหมิง หรือทรงยศ เลิศมนตรีศักดิ์ น้องชายคนเดียวของบิดาผู้ที่เธอเคารพรักในเวลาอื่น ไม่ใช่ที่นี่
“แล้วอาหมิงมาทำไมละคะ”เธอเลี่ยงที่จะตอบ แต่ยิงคำถามใส่อีกฝ่ายแทน
“แวะมารับอารัชของเราน่ะสิ”รัชนีกร ภรรยาของทรงยศเป็นเพื่อนรักสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ของคุณหญิงพวงผกา ที่แม้จะแยกย้ายกันไปมีครอบครัวแล้วแต่ทั้งคู่ยังติดต่อกันไม่ได้ขาด “ไปลองสปาที่ร้านใหม่ของคุณหญิงมา สั่งอามารับที่นี่”
นี่ก็อีกปัญหาที่เธอไม่อยากเจอ รัชนีกร หญิงวัยกลางคนแต่ดูดีมีสง่าราศีสมเป็นภรรยานักธุรกิจใหญ่และผู้ที่มีชื่อเสียงอยู่ในสังคมชั้นสูง ...ผิดเพียงว่าผู้หญิงคนนี้ เกลียดคุณนิศารัตน์มารดาของเธอ ทั้งที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่เพราะแม่เป็นแค่ลูกชาวสวนธรรมดา หากกลับได้รับความสนใจจากลูกชายเจ้าสัวซง ธงชัย เลิศมนตรีศักดิ์ ผู้ยิ่งใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ถึงสองคน และหนึ่งในนั้นคือผู้ชายที่เธอหมายตา นั่นคือทรงยศ ผู้ที่เทียวไล้เทียวขือตั้งแต่นิศารัตน์เป็นนิสิตฝึกงานที่บริษัท แต่คนที่แม่เลือกกับเป็นผู้ชายเงียบๆเอางานเอาการ คนนั้นคือหลง หรือ ทรนง เลิศมนตรีศักดิ์
การตัดสินใจในครั้งนั้นของพ่อกับแม่เปรียบได้ดั่งการจุดระเบิดครั้งใหญ่ในครอบครัว ผลของมันทำให้พ่อต้องออกจากบ้านของปู่ ส่วนทรงยศเสียผู้เสียคนอยู่สามปี ก่อนที่จะแต่งงานกับคุณรัชนีกร แม้ระยะหลังพี่น้องทั้งสองจะความเข้าใจกันได้ แต่รัชนีกรยังรักษาความเกลียดชังได้อย่างมั่งคง
คนที่เคยเป็นหนึ่งในทุกๆเรื่องก็อยากเป็นเพียงหนึ่งในใจของคนที่ตนรัก หาใช่ได้ครอบครองเพียงร่างกาย แต่ในใจของเขา ยังมีเงาของใคร ซ่อนอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ.. เช่นนี้
ความเกลียดนี้ย่อมส่ผลมาถึงลูกของแม่ด้วย นั้นคือเธอ.......
หญิงสาวลอบระบายลมออกช้าๆด้วยความอึดอัด เห็นทีปฏิบัตการตอบแทนคุณของเธอในครั้งนี้คงเต็มไปด้วยอุปสรรคแน่แท้.. รู้งี้ทำตามที่พี่เทียนแนะนำก็ดี
“เราละมาทำอะไร” ตาคมตวัดไปดูหมายเลข “ที่ชั้นสิบเก้า ติดต่องานเหรอ”
“ค่ะอา”เธอฉีกยิ้มได้ไอเดียจากคนถามโดยบังเอิญ “ห้ามบอกใครนะคะอา”
คนเป็นอานิ่วหน้า แค่ติดต่องานนี่ต้องห้ามบอกใครด้วยเหรอ
ก่อนที่จะตั้งคำถามใดอีก ลิฟท์ก็ส่งเสียงเตือนและเปิดอ้าพร้อมกับคำกล่าวขอลาและแทรกร่างหายไปอย่างรวดเร็วราวกับลมพัดของคนเป็นหลาน
ผ่านด่านทรงยศมาได้อย่างฉิวเฉียดรุ้งทองรีบซุกกระเป๋าที่ได้รับจากทิพย์นทีไว้ใต้โต๊ะทำงานของตนเอง
ก่อนจะเดินยังหน้าห้องรองประธานบริหาร แล้วแอบมองลอดผ่านบานเกล็ด ไปสู่โต๊ะทำงานขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้ม ‘เจ้านาย’ ยังคงนั่งทำงานอยู่ด้านใน เขาเป็นผู้บริหารที่เก่งคนหนึ่ง ทุ่มเท กล้าหาญ มองการณ์ไกลและฉลาดรอบคอบ ซึ่งมันก็คงไม่แปลกที่เค้ายังคงไม่ได้ให้ความไว้วางใจในตัวเธอ หญิงสาวยักไหล่กับตัวเอง พินิจใบหน้าอันเคร่งขรึมของเขาที่ยังคงจดจ่ออยู่กับเอกสารตรงหน้าแล้วระบายยิ้มอ่อนๆที่ริมฝีปากแดงย้อย
ต้องยอมรับว่า รักษ์ ธีรเวทากุล เป็นผู้ชายดูดีมากคนหนึ่ง รูปร่างของเขาสูงตรง ผิวค่อนข้างขาว ใบหน้าคมคายมีไรเคราครึ้มจางๆใต้ริมฝีปากบาง คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมติดจะเย็นชานั้นมีรอยแผลเป็นด้านซ้ายตัดเฉียงประมาณสองนิ้ว เวลาเผลอไผลเจ้าตัวมักจะลูบเล่นอย่างลืมตัว ความยโสและถือดีที่แสดงออกก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้สาวๆต่างก็วิ่งเข้าใส่ หมาย ‘ล่า’ หัวใจอันแสนเย่อหยิ่งของเขา แต่สุดท้ายคนล่านั่นแหละที่กลายเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว....
เฮ้อ....นี้เขาเรียกว่า อาการปลื้มรึป่าวนะ
‘เพ้อละ’ ได้แต่บอกตัวเอง
ตึดดดดดด ตึดดดดดดด
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานปลุกให้รุ้งทองตื่นจากมายาทางอารมณ์ทั้งมวล เธอยกหูขึ้นรับยังไม่ทันได้เอ่ยคำใด เสียงทุ่มต่ำของคนที่อยู่ในห้องก็แทรกเข้ามา
“รุ้งทองอย่าเอาแต่จ้องได้ไหม” เขาเอ่ยอย่างเนื่อยๆก่อนสะบัดเสียงอย่างหงุดหงิดในตอนท้าย
“หาอะไรให้กินหน่อย ผมหิว”
เธอแก้มร้อนชู่อย่างละอาย
คราวนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีละรุ้งทอง
...............................
“จะถอดใจแล้วเหรอ อุตส่าห์ฝ่าด่านอรหันต์จากคุณหญิงพวกผกามาได้”ชะเอมหรือทิพย์นทีเอ่ยพลางเลื่อนแก้วน้ำเย็นไปให้คนตรงหน้าอย่างรู้ใจ ใครก็รู้คุณหญิงพวงผกาห่วงลูกชายฝาแฝดมากแค่ไหน การคัดเลือกผู้จะเข้ามาทำหน้าที่เลขาหน้าห้องให้ลูกชายของนาง จึงต้องผ่านด่านการทดสอบมหาโหด นอกจากวัดความสามารถในการทำงานแล้วยังต้องมีการทดสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ใช้งามบังหน้าเพื่อเข้าใกล้ลูกชายของนาง แต่ดันมาจุดใต้ตำตอเอาอย่างจังเมื่อคนที่คุณหญิงเลือกดันเป็นเพื่อนสาวของเธอ
“ท่องเอาไว้สิ ความกตัญญูกตเวที คือเครื่องหมายของคนดี”
เจ้าของร่างแค่ผงกศีรษะขึ้นมาเถียงอย่างอดไม่ได้ อย่างคนที่ไม่ค่อยยอมใคร
“ ท่องแล้ว” หงหรือรุ้งทองเค้นเสียงตอบ เลขานุการสาวยอมรับว่าถ้าไม่เพราะอยากรู้และอยากตอบแทนบุญคุณ รามกับรักษ์ ธีรเวทากุล หนึ่งในสองสองฝาแฝด ใครคนใดคนหนึ่งที่เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้จากการจมน้ำเมื่อสิบปีสามก่อนละก็ หญิงสาวไม่มีวันยอมเข้ามาเป็นพนักงานบริษัทธีรเวทา กรุ๊ป ที่แสนวุ่นวายนี้เป็นอันขาด เพราะนอกจากยุ่งกับงานหลักของตัวเองแล้ว หญิงสาวยังต้องวุ่นวายกับจัดการกับสาวๆที่มาขอเข้าพบกับเจ้านายสุดหล่อไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งยังต้องรายงานทุกอย่างให้คุณหญิงพวงผกาแม่ที่รักลูกยิ่งกว่า ‘จงอางหวงไข่’ ทราบอีกด้วย และที่สำคัญ รักษ์ แฝดผู้น้องเจ้านายหนุ่มของเธอ ยังทำทีท่า ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจและมองเธอแปลกๆ อีกตะหาก “แต่พอเห็นสายตากับท่าทางแหยงๆเหมือนฉันเป็นพวกปีศาจหรือตัวประหลาดทีไร ฉันก็อดท้อไม่ได้สักที”
“ ถ้าฉันเป็นคุณรักษ์ก็อดแหยงไม่ได้หรอก ดูแกสิ” ทิพย์นทีกวาดตามองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่เกรงใจ แล้วตัดสินได้ทันทีว่าทำไมเจ้านายสุดหล่อของเพื่อนสาว ต้องทำสีหน้าแปลกๆทุกครั้งที่เธอเข้าใกล้ ก็แม่เจ้าประคุณดูแล้ว‘หลอน’ สุดๆแบบนี้นะสิ เคยเป็นสาวมาดเท่ทอมบอยผมซอยสั้นท่าทางห้าวนิดๆสะกิดบาทาหน่อยๆ บัดนี้ถูกคลุมด้วยวิกผมดำยาวถึงกลางหลังกับชุดแสนเฉิ่ม จัดซะเหมือนอาจารย์ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ ผู้สอนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ในแฮรี่ พอตเตอร์ ขนาดนี้ อย่าว่าแต่จะให้เข้าถามว่า ‘คุณใช่ไหมที่ช่วยฉันเมื่อสิบปีก่อน’ เล้ย แค่เฉียดเข้าใกล้เขายังกลัว ก็มันขัดตายังไงพิกล “เชยสะบัดเลยอ่ะ”
พอได้ยินคำกล่าวหาร่างที่ดูเหมือนหมดอาลัยตายอยากในตอนแรกกระเด้งตัวขึ้นมาราวกับซอมบี้คืนชีพพลางขยับวิกผมดำยาวให้เข้าที่เข้าทาง แล้วกล่าวอย่างเหลืออด
“ก็ใครกันละที่เป็นคนบอกฉันว่า ถ้าอยากได้งานนี้ต้องแต่งตัวเรียบร้อย ไม่ให้เด่น ไม่ให้เป็นจุดสนใจ เพราะคุณหญิงพวงผกาไม่ชอบให้ผู้หญิงสวยๆมาเข้าใกล้ลูกชายท่านไม่ใช่เหรอ ดีไม่ดีอาจจะโดนเด้งกลางอากาศเหมือนแม่เลขาคนก่อนก็ได้”
เลขาณุการคนก่อนของรักษ์ คือ กานดามณีสาวโสดอายุประมาณสามสิบกว่าเรียบร้อยนิสัยดี ได้รับความไว้วางใจจากคุณหญิงพวงผกาให้เป็นเลขาฯตั้งแต่ รักษ์เข้ามาทำงานใหม่ๆ จนกระทั้งเมื่อสองเดือนก่อนเธอก็ถูกไล่ออกโดยไม่ทราบสาเหตุ พร้อมกับเสียงเล่าลือเป็นทำนองว่าเจ้าหล่อนหวังสูงเกินกว่าจะเป็นแค่เลขาฯหน้าห้องธรรมดา แต่รุ้งทองไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
“ ก็คุณท่านให้ข้อมูลฉันมาอย่างงั้นนิน่า” คนตอบทำหน้าราวกับสำนึกผิดแต่ยังโบ้ยไปให้คุณหญิงวรางศรี ภรรยาหม้ายของนายพลเดโช ผู้ยังอยู่ในแวดวงไฮโซ และเป็นผู้ปกครองของเจ้าตัวอีกต่อหนึ่ง “แล้วฉันก็แค่บอกว่าเรียบร้อย ไม่ใช่เชยสุดซอยขนาดนี้”
รุ้งทองได้แต่กัดฟันกรอด จับไม่เคยได้ไล่ไม่เคยทัน สำหรับผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทที่เปรียบเสมือนพี่น้องคลานตามกันมาและผู้ร่วมงานคนนี้
“เอาน่าแก บางทีเขาอาจยังระแวงเรื่องที่ยายเลขาฯคนก่อนทำเอาไว้ก็ได้” มือเรียวตบเบาๆที่ไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน เมื่อได้อาหารที่สั่งทั้งสองก็ลงมือรับประทานอยากเร่งรีบ
“ ว่าแต่ แก่ถามคุณรักษ์รึยังว่าใช่เค้ารึป่าวที่ช่วยแกตอนจมน้ำอ่ะ”
“ยังไม่มีโอกาสเลย”
“ หาโอกาสได้แล้ว พี่เทียนให้เวลาแค่สามเดือนเอง”ชะเอมกล่าวอย่างกังวลแทน “ นี่มันผ่านมาได้ตั้งเดือนหนึ่งแล้วนา”
“เออ รู้แล้วน่า”รุ้งทองเอ่ยอย่างขอไปที แต่ในใจก็อดคิดกังวลถึงคนที่กำลังกล่าวถึงไม่ได้ เทียนหรือนภนต์ เลิศมนตรีศักดิ์ พี่ชายคนเดียวที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับกิจการหลายอย่างของครอบครัว อีกทั้งโชว์รูมรถที่พึ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานนั้นยังไม่เข้ารูปเข้ารอย แต่ยังอุตส่าห์ ‘กัดฟัน’ อนุญาตให้น้องสาวคนเดียว
เร่งสะสางสิ่งที่ยังค้างคาใจมาหลายปี เพราะเหตุผลร้อยแปดที่เธอยกมาอ้าง
‘ ทำไมต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากนะ’ ขณะพูดหน้าคมยังคงเครียดเคร่งอยู่กับเอกสารตรงหน้า ‘ เข้าไปถามตรงๆเลยก็สิ้นเรื่อง’
‘ หงไม่ใช่พวกฮาร์ดคอร์อย่างพี่เทียนนิ ที่จู่ๆจะให้เดินเข้าไปถาม เฮ้นาย นายใช่ไหมที่ช่วยฉันเมื่อสิบปีก่อน ’ หญิงสาวแสร้งทำเสียงล้อเลียน ‘ มันเขินๆยังไงไม่รู้อ่ะ ’
คนเป็นพี่ยอมละสายตาจากกองเอกสาร จ้องมาทางน้องสาวคนเดียวด้วยสายตาจริงจัง คล้ายจะบอกว่า ‘หน้าอย่างแกอายเป็นด้วยเหรอ’
แล้วก้มหน้าทำงานต่อ ไม่สนใจรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากคนข้างตัว.. ’ไม่อยากมีเรื่อง’ ท่องเอาไว้รุ้งทอง
หญิงสาวรู้ว่าเขาไม่ชอบใจกับความคิดแผลงๆของเธอเท่าใดนัก เขาคงกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเมื่อสิบสามปีก่อน เพราะหลังจากพ่อแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุคราวนั้น ไม่ถึงสองเดือนดีรุ้งทองก็โดนผลักตกน้ำ
แต่ดีที่ฝาแฝดธีรเวทากุลช่วยไว้ทัน....จนกระทั้งบัดนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้...
“ถ้าไม่มีพวกเค้า ก็คงไม่มีหงในวันนี้” เธอให้เหตุผลกับเขา
.....ความกตัญญูกตเวที......เป็นหลักยึดถือในครอบครัว เลิศมนตรีศักดิ์มาตั้งแต่บรรพบุรุษ คนเป็นลูกหลานอย่างเขาจะละเลยอย่างไรได้
เมื่อรุ้งทองมุ่งมั่นที่จะทำ คนเป็นพี่รึจะกล้าห้าม
‘ แล้วงานเราละ ใครจะทำ ’เทียนหมายถึงงานที่เธอต้องรับผิดชอบในการส่วนของการเก็บค่าเช่าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์และ รวมไปถึงเก็บค่าเช่าแผงในตลาด และเข้าไปช่วยจัดการอู่ซ่อมรถครบวงจรที่อยู่ตัวแล้วให้เทียนได้มีเวลาเต็มที่กับโชว์รูมใหม่ การเป็นกองหลังที่มีประสิทธิภาพทำให้กองหน้าอย่างเทียนไม่เคยพะวงหลัง
‘ ยายเอมจัดการ’ ยายชะเอมเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีของบริษัท รวมทั้งงานจับซ่ายจึงถูกยกมาเป็นยันต์กันตายไปซะทุกเรื่อง
“ แกห้ามลืมนะเว้ย งานวันเกิดยายแพรวเริ่มสามทุ่มคืนนี้ที่ผับ.....แล้วนั้นเสื้อผ้า” ชะเอมปลุกเพื่อนจากพะวังด้วยน้ำเสียงสดใส พลางชี้ไปยังกระเป๋าผ้าสีดำใบย่อมที่ติดตัวมา“จะได้ไม่ต้องย้อนกลับบ้านสวนให้มันยุ่งยาก ฉันจะนั่งแท็กซี่มา ขากลับจะได้กลับด้วยกัน...เข้าใจนะ ”
ชะเอมสั่งผู้เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนเสร็จ ซึ่งช่วงนี้สติสตังไม่ค่อยจะสมประกอบ แถมยังทำหน้าเอ๋อเหมือนพวกวิญญาณไม่รวมกับร่างก่อนแยกกลับไปทำงานของตัวเองต่อที่โชวฺรูมใหม่ รุ้งทองได้แต่มองตามหลังเพื่อนปริบๆ แม้ไม่ค่อยแปลกใจในความรอบคอบราว ‘หยั่งรู้’ ด้วยญาณของอีกฝ่ายเพราะได้พิสูจน์มานักต่อนักแล้ว หรือเพียงแค่คิดว่าต้องการสิ่งใด สิ่งนั้นก็มักจะมาวางลงตรงหน้าด้วยฝีมือทิพย์นทีเสมอ แต่เรื่องหนึ่งที่ยังประหลาดใจ......ใครเป็นเจ้านายใครกันแน่เนี่ย
รุ้งทองเดินดุ่มผ่านลานจอดรถเข้าสู่อาคารสูงยี่สิบชั้นทันสมัยกลางกรุง สมกับเป็นบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตลาดทั้งในประเทศและประเทศในแถบเอเชียเป็นหลัก ฐานของบริษัทค่อนข้างมั่นคง แม้จะโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานไปช่วงหนึ่ง หากด้วยความหลากหลายของสินค้าทำให้ธุรกิจหยัดยืนอยู่ได้ ทั้งยังพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจใหม่ทางด้านความงามและบุกเบิกบริษัททัวร์ในต่างประเทศ ผู้ที่เป็นเรี่ยวแรงในการต่อยอดธุรกิจของตระกูลก็คือบุตรชายฝาแฝดทั้งสองของครอบครัวธีรเวทากุล
ราม แฝดผู้พี่ที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง จึงมีหน้าที่ติดต่อประสานงานบินไปบินมาระหว่างประเทศไม่ค่อยได้อยู่ในบริษัท ทำให้รักษ์ ต้องอยู่โยงดูแลทุกอย่างแทนบิดาที่เตรียมตัวปลดเกษียณตัวเอง
เหลือบมองนาฬิกาเรือนเล็กบางเฉียบที่ข้อมือเหลือเวลาสิบห้านาทีก่อนหมดเวลาพักเที่ยง ถึงยังมีเวลาเหลือพอจะได้หายใจหายคออยู่บ้าง แต่หญิงสาวเลือกที่กดลิฟท์ขึ้นไปสู่ชั้นสิบเก้าเพื่อเริ่มทำงานของตนทันที แต่ก็ต้องตาเหลือก เมื่อเหลือบไปเห็นผู้ที่ก้าวตามเข้ามาในลิฟท์ซึ่งมีเพียงคนเดียว ร่างสูงของชายวัยกลางคนแต่งการภูมิฐานสมกับเป็นนักธุรกิจนั้นแนวหน้ากดที่หมายเลขยี่สิบ นั้นเป็นห้องทำงานของนายเกียรติ และ คุณหญิงพวงผกา ประธานและรองประธานบริษัท ตาคมกริบของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นผู้ที่ยืนซุกตัวอยู่ด้านใน ก่อนคลี่ยิ้มอย่างยินดี
ให้ตายดิ้นไปต่อหน้า หญิงสาวอยากสบถออกมาดังๆแทบอยากแทรกตัวตามกำแพงสีมันวาวของลิฟท์
“ อ้าว ยายหง” ชายวัยกลางคน เอือมมือลูบหัวทุยอย่างรักใคร่“ไม่เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยนะแล้วมาทำไมที่นี่เนี่ย”
“อาหมิง” หญิงสาวยิ้มรับเหวอๆ พลางประนมมือไหว้อย่างนอบน้อม มันก็น่ายินดีมิใช่น้อยที่พบ อาหมิง หรือทรงยศ เลิศมนตรีศักดิ์ น้องชายคนเดียวของบิดาผู้ที่เธอเคารพรักในเวลาอื่น ไม่ใช่ที่นี่
“แล้วอาหมิงมาทำไมละคะ”เธอเลี่ยงที่จะตอบ แต่ยิงคำถามใส่อีกฝ่ายแทน
“แวะมารับอารัชของเราน่ะสิ”รัชนีกร ภรรยาของทรงยศเป็นเพื่อนรักสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ของคุณหญิงพวงผกา ที่แม้จะแยกย้ายกันไปมีครอบครัวแล้วแต่ทั้งคู่ยังติดต่อกันไม่ได้ขาด “ไปลองสปาที่ร้านใหม่ของคุณหญิงมา สั่งอามารับที่นี่”
นี่ก็อีกปัญหาที่เธอไม่อยากเจอ รัชนีกร หญิงวัยกลางคนแต่ดูดีมีสง่าราศีสมเป็นภรรยานักธุรกิจใหญ่และผู้ที่มีชื่อเสียงอยู่ในสังคมชั้นสูง ...ผิดเพียงว่าผู้หญิงคนนี้ เกลียดคุณนิศารัตน์มารดาของเธอ ทั้งที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่เพราะแม่เป็นแค่ลูกชาวสวนธรรมดา หากกลับได้รับความสนใจจากลูกชายเจ้าสัวซง ธงชัย เลิศมนตรีศักดิ์ ผู้ยิ่งใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ถึงสองคน และหนึ่งในนั้นคือผู้ชายที่เธอหมายตา นั่นคือทรงยศ ผู้ที่เทียวไล้เทียวขือตั้งแต่นิศารัตน์เป็นนิสิตฝึกงานที่บริษัท แต่คนที่แม่เลือกกับเป็นผู้ชายเงียบๆเอางานเอาการ คนนั้นคือหลง หรือ ทรนง เลิศมนตรีศักดิ์
การตัดสินใจในครั้งนั้นของพ่อกับแม่เปรียบได้ดั่งการจุดระเบิดครั้งใหญ่ในครอบครัว ผลของมันทำให้พ่อต้องออกจากบ้านของปู่ ส่วนทรงยศเสียผู้เสียคนอยู่สามปี ก่อนที่จะแต่งงานกับคุณรัชนีกร แม้ระยะหลังพี่น้องทั้งสองจะความเข้าใจกันได้ แต่รัชนีกรยังรักษาความเกลียดชังได้อย่างมั่งคง
คนที่เคยเป็นหนึ่งในทุกๆเรื่องก็อยากเป็นเพียงหนึ่งในใจของคนที่ตนรัก หาใช่ได้ครอบครองเพียงร่างกาย แต่ในใจของเขา ยังมีเงาของใคร ซ่อนอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ.. เช่นนี้
ความเกลียดนี้ย่อมส่ผลมาถึงลูกของแม่ด้วย นั้นคือเธอ.......
หญิงสาวลอบระบายลมออกช้าๆด้วยความอึดอัด เห็นทีปฏิบัตการตอบแทนคุณของเธอในครั้งนี้คงเต็มไปด้วยอุปสรรคแน่แท้.. รู้งี้ทำตามที่พี่เทียนแนะนำก็ดี
“เราละมาทำอะไร” ตาคมตวัดไปดูหมายเลข “ที่ชั้นสิบเก้า ติดต่องานเหรอ”
“ค่ะอา”เธอฉีกยิ้มได้ไอเดียจากคนถามโดยบังเอิญ “ห้ามบอกใครนะคะอา”
คนเป็นอานิ่วหน้า แค่ติดต่องานนี่ต้องห้ามบอกใครด้วยเหรอ
ก่อนที่จะตั้งคำถามใดอีก ลิฟท์ก็ส่งเสียงเตือนและเปิดอ้าพร้อมกับคำกล่าวขอลาและแทรกร่างหายไปอย่างรวดเร็วราวกับลมพัดของคนเป็นหลาน
ผ่านด่านทรงยศมาได้อย่างฉิวเฉียดรุ้งทองรีบซุกกระเป๋าที่ได้รับจากทิพย์นทีไว้ใต้โต๊ะทำงานของตนเอง
ก่อนจะเดินยังหน้าห้องรองประธานบริหาร แล้วแอบมองลอดผ่านบานเกล็ด ไปสู่โต๊ะทำงานขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้ม ‘เจ้านาย’ ยังคงนั่งทำงานอยู่ด้านใน เขาเป็นผู้บริหารที่เก่งคนหนึ่ง ทุ่มเท กล้าหาญ มองการณ์ไกลและฉลาดรอบคอบ ซึ่งมันก็คงไม่แปลกที่เค้ายังคงไม่ได้ให้ความไว้วางใจในตัวเธอ หญิงสาวยักไหล่กับตัวเอง พินิจใบหน้าอันเคร่งขรึมของเขาที่ยังคงจดจ่ออยู่กับเอกสารตรงหน้าแล้วระบายยิ้มอ่อนๆที่ริมฝีปากแดงย้อย
ต้องยอมรับว่า รักษ์ ธีรเวทากุล เป็นผู้ชายดูดีมากคนหนึ่ง รูปร่างของเขาสูงตรง ผิวค่อนข้างขาว ใบหน้าคมคายมีไรเคราครึ้มจางๆใต้ริมฝีปากบาง คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมติดจะเย็นชานั้นมีรอยแผลเป็นด้านซ้ายตัดเฉียงประมาณสองนิ้ว เวลาเผลอไผลเจ้าตัวมักจะลูบเล่นอย่างลืมตัว ความยโสและถือดีที่แสดงออกก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้สาวๆต่างก็วิ่งเข้าใส่ หมาย ‘ล่า’ หัวใจอันแสนเย่อหยิ่งของเขา แต่สุดท้ายคนล่านั่นแหละที่กลายเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว....
เฮ้อ....นี้เขาเรียกว่า อาการปลื้มรึป่าวนะ
‘เพ้อละ’ ได้แต่บอกตัวเอง
ตึดดดดดด ตึดดดดดดด
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานปลุกให้รุ้งทองตื่นจากมายาทางอารมณ์ทั้งมวล เธอยกหูขึ้นรับยังไม่ทันได้เอ่ยคำใด เสียงทุ่มต่ำของคนที่อยู่ในห้องก็แทรกเข้ามา
“รุ้งทองอย่าเอาแต่จ้องได้ไหม” เขาเอ่ยอย่างเนื่อยๆก่อนสะบัดเสียงอย่างหงุดหงิดในตอนท้าย
“หาอะไรให้กินหน่อย ผมหิว”
เธอแก้มร้อนชู่อย่างละอาย
คราวนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีละรุ้งทอง
...............................
เดือนมีนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2558, 01:40:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2558, 01:09:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 971
เจ้าชายผู้ไม่ได้ขี่ม้าขาว >> |