รักยุ่งๆในรั่วมหาลัย
ไม่อยากจะเชื่อว่าการเข้ามหาลัยปีแรกของฉันมันวุ่นวายขนาดนี้ โดยเฉพราะเรื่องราวความรัก ฉันดันมาเจอกับคนอย่างบีมหนุ่มหน้าหล่อ แต่นิสัยกวนโอ้ย แถมยังมามีเรื่องรักสี่เศร้าเข้ามาอีก
เรื่องราวทั้งหมดจะงเอยยัง ต้องคอยติดตามกันนะคะ ^^
Tags: วันรุ่น

ตอน: บทที่3 (หวั่นไหวหรอ?)

บทที่3
บ้านฟาง
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในห้องนอนส่วนตัวคนเดียวพร้อมกับความคิดในหัวมากมายว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน สิ่งที่เขาพูดมันเป็นประโยคธรรมดาๆ ที่ฉันเคยได้ยินมาหลายครั้งแล้ว (จากผู้ชายหน้าแย่-ธรรมดา) แต่ทำไมกับตานี่ฉันถึงได้รู้สึกมากขนาดนี้นะ
ก็อกๆ ก็อกๆ
“ฟาง ลงมากินข้าวได้แล้วลูก”
“หนูยังไม่หิวเลยค่ะแม่”
“โอเคๆ หิวเมื่อไรก็ค่อยลงมากินนะ แม่จะเก็บกับข้าวใว้ให้”
“ค่ะ”
ครืดดดดดด ครืดดดดดดดดดด
เห้ยยยยยย เบอร์บีมโทรมา ไม่ๆๆ ไม่รับ ไม่อยากรับ นายนี่ต้องการจะปั่นหันฉัน นายต้องการทำให้ฉันสับสนไปมากกว่านี้ นายต้องการเห็นฉันเสียหน้า แล้วก็ผายแพ้คนอย่างนาย
ครืดดดดดดด ครืดดดดดดดด
หยุดๆๆๆๆ หยุดโทรมาสักทีสิตาบ้า แค่นี้หัวใจฉันก็จะระเบิดอยู่แล้วนะฉันหันไปมองโทรศัพท์ แล้วพรึมพรำกัยตัวเอง
“อ้าวไม่ไช่ ยัยปอยโทรมา”
“ฮาโหลแก ว่าไง มีไรรึเปล่า”
(แกอยู่ไหน)
“ฉันอยู่บ้าน แกมีอะไรรึเปล่า”
(เปล่า ฉันแค่จะถามแกแค่นี้ เห็นตอนเย็นดูแกรีบๆ เป็นอะไรรึเปล่า เฟสบุ๊คก็ไม่ออน)
“เปล่าแก ฉันไม่ได้เป็นไร แค่รู้สึกเหมือนจะไม่สบายหน่ะ แค่นี้ก่อนนะแกปวดหัว”
(โอเคๆ อย่าลืมกินยาล่ะ)
“จ๊ะ”
ฉันกดวางสาย แล้วเลื่อนโทรศัพท์ดูเบอร์ที่ไม่ได้รับ ก็เห็นเบอร์เขาในบัญชีสายไม่ได้รับ ตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ มือที่ถือโทรศัพ์ก็เริ่มสั้น ความรู้สึกฉันตอนนี้เหมือนกันความรู้สึกที่ฉันเจอเขาตอนอยู่หน้าเวทีวันรับน้อง
“นี่เราเป็นอะไรไป ไหนเราจะไม่รู้สึกแบบนี้กะคนอย่างเขาแล้วไง”
ฉันนั่งพรึมพรำกับตัวเองคนเดียวในห้อง ในหัวนึกถึงแต่เรื่องเขา มีเรื่องราวมากมายที่ฉันยังตอบตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมฉันรู้สึกหวั่นไหวได้ขนาดนี้ หรือเป็นเพราะฉันเริ่มชอบเขา ไม่นะฟาง เธออย่าคิดสั้นๆแบบนี้สิ ตานี่ไม่ได้มีดีอะไรที่จะทำให้เธอต้องหวั่นไหวได้เลยนะ

อ๋าววววววววววววววววว ฉันนั่งหาวคนเดียวอยู่หน้าห้องเรียน วันนี้ฉันมาเช้ามากว่าปกติและเช้ากกว่าเพื่อนสะอีก แน่นอนว่าเมื่อคืนฉันไม่ได้นอนคะ นั่งคิดนอนคิดเรื่องตาบ้านั้นทั้งคืน ขนาดตอนขับรถมาเรียนฉันต้องขับผ่านสาขาเขาทุกวัน แต่วันนี้ฉันยอมขับอ้อมเพื่อที่จะไม่ได้เจอหน้าเขา
“ฟาง เดี๋ยวนี้เธอมาเช้าจังเลยนะ”
“กาย วันนี้นายมาเรียนด้วยหรอ เป็นบุญตาฉันจริงๆที่ได้เจอนายตัวเป็นๆ”
กายเพื่อนผู้ชายในห้องของฉันที่นานๆทีจะเจอเขา เพราะตานี่ไม่ค่อยเข้าเรียนแถมยังไม่ค่อยส่งงาน จนฉันคิดว่าเขาคงเลิกเรียนไปแล้ว
“เธอพูดเหมือนเราเป็นเทวดางั้นแหละ”
“แหม่ นายนี่เข้าข้างตัวเองได้น่ารักดีนะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ เรานะทั้งน่ารัก ทั้งดูดี แถมมีเวลาให้”
“เหรอออออออออออ”
ปกติฉันไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทเป็นเพื่อยผู้ชายเท่าไรนะ ไม่ไช่ฉันถือตัวหรืออะไร แต่พวกเพื่อนผู้ชาย พอเลิกเรียนแล้วพวกนั้นก็พากันกลับบ้าน บางคนก็หายเข้ากลีบเมฆ เจอหน้าบ่อยๆก็น่าจะเป็นช่วงปั่นงานแหละ
“นี่ๆๆ กาย เวลานายชอบใคร นายจะเข้าหาเขายังไงหรอ”
“ไม่รู้สิ ปกติผู้หญิงเข้าหาเรามากกว่า”
ก็ไช่หน่ะสิ ก็ตานี่บ้านรวยมากกกกกกกก ผู้หญิงก็ต้องเข้าหามากกว่าเขาเข้าหาผู้หญิงเป็นธรรมดา
“แล้วนายไม่เคยชอบใครบางเหรอ”
“เคยสิ”
“แล้วนายจีบเขายังไงล่ะ”
“ไม่จีบ ก็แค่ชอบเฉยๆ”
ฉันปรึกษาถูกคนมั้ยเนี้ยะ ตานี่ทำไมดูจืดชืดกว่าที่ฉันคิดอีกนะ นายไม่เคยมีอารมณ์แอบกิ๊กแอบชอบอยากจีบใครบ้างรึไงกันนะ
“เธอไปแอบชอบใครมาล่ะ”
“บ้าหน่า ฉันจะไปแอบชอบใครได้ วันๆเจอใครที่ไหน”
“หรือมีใครมาแอบจีบเธอ”
ฟ่างงงงงงงงงงง ตรงเต็มๆๆๆ แต่ของฉันไม่เรียกว่าแอบจีบหรอกมั้ง เพราะเมื่อวานเจ้าตัวพึ่งบอกกับฉันมาตรงๆว่าจะจีบฉันนนนนนนนนนนน
“ฉันเข้าห้องเรียนดีกว่า เบื่อนายล่ะ”
“โอเคๆๆ เราว่าจะเข้าไปหลับพอดี”
ฉันว่าที่ตานี่ได้มาเรียนเช้าอาจเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนเหมือนฉันแน่ๆ ว่าแล้วฉันก็อยากแอบงีบเหมือนกันนะ แต่พอมองนาฬิกาเรือนโตหน้าห้องแล้ว อีกแค่ 5 นาทีเองก็จะเริ่มเรียนแล้ว เดี๋ยวพวกเพื่อนในห้อง เพื่อนฉัน อาจารย์ก็คงจะเริ่มตามๆกันมาแล้วล่ะ
“ฟาง เมื่อวานไม่สบายเป็นไงบ้างจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรแล้วแตง ขอบใจมาก”
“แกยังตัวร้อนอยู่รึเปล่า” ข้าวพูดพร้อมกันเอาหลังมือมาแตะที่หน้าผากฉัน ทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ที่ตานั้นทำแบบนี้กับฉัน หน้าฉันก็เริ่มแดงล่ะสิ
“-///- ฉันโอเคแล้วแก ไม่ได้เป็นไรแล้ว”
“แล้วนี่ปอยยังไม่มาอีกหรอจ๊ะ”
เห้ย!บ้าที่สุดฉันลืมเพื่อนได้ไงเนี้ยะปกติยัยปอยจะยืนรอฉันอยู่ที่ตึกรวมคณะแล้วมาเรียนพร้อมกันหนิ
“พวกแก เดี๋ยวฉันมานะ”
“จ๊ะๆๆ”
ฉันรีบลงมาที่รถที่จอดอยู่ใต้ตึกเรียนแล้วรีบขับรถไปรับปอยที่ตอนนี้คงจะยืนหัวเสียรอฉันอยู่ที่หน้าคณะแล้วล่ะมั้ง
ตู๊ดดดดดด ตุ๊ดดดดดดดดด ตุ๊ดดดดดดด ตุ๊ดดดดดดดดดด
“ฮาโหล ปอยอยู่ไหน”
(ฉันเดินมาอยู่แถวตึกนิเทศศิลป์แล้ว แกอยู่ไหน)
บ้าชิบ เดินไปทำไมที่ตึกนั้นเล่า ฉันยิ่งไม่อยากเจอคนที่เรียนสาขานั้นอยู่
“แกเดินกลับมาที่คณะเดี๋ยวนี้เลย”
(ฉันเดินมาไกลแล้วแก แกขับมารับฉันตรงนี้ได้มั้ย)
โอ้ยยยยยยยยย สวรรคแกล้งฉันหรืออะไร เอาว่ะ ฉันคงไม่ซวยเจอตานั้นหรอก ดูท่าทางตานั้นคงไม่มาเรียนเช้าหรอก ไม่เจอหรอก เอาหน่า ลุยยยยยยย
“ได้ๆ”

ฉันขับรถมาจอดหน้าตึกสาขานิเทศศิลป์ ตอนนี้ทั้งตึกมีนักศึกษามากมายเต็มไปหมด ทั้งเป็นรุ่นพี่รุ่นเดียวกับฉัน แล้วไหนยัยปอยล่ะ ยัยปอยยยยยยย เธออยู่หนายยยยยยยย
ก็อกๆ ก็อกๆๆ
“ค่ะ”
“จอดตรงนี้ไม่ได้นะหนู ตรงนี้รถเข้าออก”
“ค่ะๆ”
ฉันต้องเลื่อนรถมาจอดที่ที่เขาให้จอดของตึก แล้วหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเพื่อที่จะโทรหายัยเพื่อนสาว แต่เดี๋ยวนะโทรศัพท์ฉันล่ะ เมื่อกี๋ฉันยังโทรอยู่เลย หายไปไหนแล้ว ฉันก้มๆเงยๆหาโทรศัพท์แล้วก็เห็นเคสสีเหลืองอร่ามอยู่ใต้เท้าฉัน ตกอยู่นี่เอง
ตุ๊ดดดดดดดดดด ตุ๊ดดดดดดดดดด
(ฮาโหล)
“แกอยู่ไหน”
(ฉันอยู่หลังรถแกแล้ว)
“เจอแล้วๆ” ฉันหันไปมองพร้อมกดวางสาย
ขณะที่ปอยกำลังเปิดประตูรถเพื่อเข้ามาในรถ สายตาฉันก็ดันเหลือบไปเห็นบีมเข้าอย่างจัง อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ล่ะ ตอนนี้หัวใจฉันเริ่มกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง มือไม่ก็เริ่มสั้น
“ปอยๆ แกรีบเข้ามาเลยเดี๋ยวเราเรียนสายนะ”
“แก นี่เราก็สายอยู่แล้วแหละ มันเลยเวลามาตั้ง 10 นาทีแล้ว”
“เอาเถอะหน่า แกจะมันสายไปมากกว่านี้รึไง”
“โอเคๆๆ ปกติแกไม่น่าจะเป็นคนซีเรียสเรื่องเวลาขนาดนี้นะ หรือแกต้องการจะหลบหน้าใคร”
“เปล่า แกเร็วๆเถอะ”
ฉันรีบขับรถออกจากตึกสาขานิเทศศิลป์อย่างเร็ว หวังว่าตานั้นคงจะยังไม่ทันเห็นทั้งฉันแล้วก็รถฉันหรอกนะ เฮ้อออออออออออออออ ฉันไม่ค่อยชอบอารมณ์ฉันตอนนี้เลย


โรงยิม
“ชั่วโมงนี้นะครับ ผมมีข่าวจะแจ้งให้นักศึกษาทราบว่า อาทิตย์หน้าเราจะมีการแข่งขันกีฬากระชับมิตร ซึ่งจะเป็นการแข่งขันกีฬาภายในคณะของเรา วันนี้ผมเลยจะขอตัวแทนของห้องพวกคุณมาเป็นตัวแทนเพื่อนๆในการแข่งขันครับ”
“ อาจารย์ค่ะ ต้องการอาสาสมัครกี่คนค่ะ”
“ผมขอ 20 คนครับ ผู้ชาย 10 คน ผู้หญิง 10 คน”
“ได้ค่ะ” ยัยส้มหัวหน้าห้องฉันพอพูดกับอาจารย์จบก็หันหน้ามามองกลุ่มฉัน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“กลุ่มที่ไม่ได้ออกมาทำอะไรเลยวันงานเปิดกิจกรรมก็ทำบ้างนะ” พร้อมสายตาจิกๆ
เอาเถอะงานนี้ฉันจะไม่ปรี๊ด เพราะงานเปิดกิจกรรมพวกฉันก็ไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ เพราะมั่วแต่วุ่นวายหาชมรมอยู่
“แล้วเธอจะให้พวกเราทำอะไรล่ะจ๊ะ”
“คิดเอาบ้างสิแตง จะให้ฉันมาคอยบอกทุกอย่างเลยเหรอ”
หน๋อยยยยย ยัยนี่ เพื่อนฉันถามหล่อนดีๆนะ ทำไมต้องมาพูดแบบนี้ด้วย ตอนนี้ฉันรู้สึกโกรธแทนแตง แต่พอหันไปมองหน้าแตงกลับเห็นรอยยิ้มจากแตงที่กำลังยิ้มให้ส้ม เห้ยยย ทำไมเธอไม่ตอบโต้ไปบ้างเล่า เช่น แล้วใครมันจะไปรู้ทุกสิ่งเท่าเธอล่ะ อะไรแบบนี้
“จ๊ะ” นั้นคือเสียงแตงผู้ไม่เคยมีความโกรธ
“งั้นพวกฉันจะเป็นอาสาสมัครนะ กลุ่มพวกฉันก็มี 4 คน ขาดอีก 6 คน” ข้าวยืนขึ้นพูดก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเขียนใบรายชื่อ ส่วนฉัน แตง และปอย ก็เดินตามมาที่โต๊ะ
“เธอเป็นไรรึเปล่าจ๊ะข้าว”
“เปล่า ฉันแค่เบื่อๆคนพวกนั้น”
จริงๆนะ เอาจริงๆฉันก็เบื่อคนพวกนี้มากๆ คนที่ชอบพูดเน็บแนม พูดสอดเสียดเนี้ยะ
“เราไปหาอะไรเย็นๆกินกันดีกว่าเนาะ จะได้ใจเย็นๆ ดีมั้ย”
“ดีเลยฟาง ฉันมีร้านนึงแนะนำ”
“ร้านไหนปอย”
“ร้านมิลค์มิก”
“ห่ะ ร้านมิลค์มิกข้างตึกนิเทศเนี้ยะนะแนะนำ อร่อยตรงไหน แพงด้วย”
“เอ้าแกแต่เขาทำเค้กอร่อยนะ”
เออก็จริงนะ ถึงรสชาติน้ำนมปั่นร้านนี้จะถึงขั้นแย่ แต่เค้กนี่อร่อยสุดยอดเลยล่ะ ฉันนี่เซียนเค้กยังต้องสยบ
“เราก็ไม่ได้ไปนั่งเล่นที่นั้นนานแล้วเนาะ ป่ะๆ ไปก็ไป”
“เธอเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมากข้าว” ปอยพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงกับข้าว ก่อนที่สองคนนี้จะเดินจับมือกันไปยังที่จอดรถหน้าโรงยิม
แต่เดี๋ยวก่อน เหมือนฉันลืมอะไรบางอย่างไปนะ แต่ยังนึกไม่ออก ช่างมันไปก่อนล่ะกัน เพราะตอนนี้ฉันจะไปกินเค้กแสนอร่อย

ร้านมิลค์มิก
แล้วร้านนี้ก็ไม่ทำให้ฉันผิดหวังในรสชาติเค้ก แต่ถึงแม้ว่ารสชาตินมจะหวานมากไปก็ตามนะ
“แก ฉันว่าเราน่าจะเรียนสาขานิเทศเนาะ”
“ทำไมล่ะปอย”
“ก็แกดูหนุ่มๆนิเทศแต่ล่ะคนดิ ไม่เห็นเหมือนที่ฉันเคยได้ยินมาเลย แต่ละคนนะหน้าใส ขาวตี๋ อย่างกับนักศึกษาแพทย์แน่ะ”
“ไหนๆๆ” ฉันหันไปดูตามเสียงที่ยัยปอยพูด
“O.O”
ฉันรีบหันหน้ากลับเกือบไม่ทัน ก็คนที่ยัยปอยพูดถึงจะใครที่ไหนล่ะ ก็บีมนะสิ แต่จะว่าไปกลุ่มตานี่มีแต่คนหล่อๆแหะ ชั่งเลือกคบกันดีจริงๆ
“นี่ปอย แกขยับมาทางฉันหน่อยสิ แอร์ที่นี้หน๊าวหนาว”
“แกจะบ้าเหรอ แกนั่งใต้แอร์นะ”
“นั้นแหละๆๆ ฉันหนาว”
“รึแกเจอใครที่ไม่อยากเจอที่นี่เหรอ”
โอ้ยยยยยย ยัยนี่ ปกติไม่ได้เป็นขี้สงสัยแบบนี้นะ ทำไมวันนี้ยัยนี้สงสัยมากจัง หรือว่ายัยนี่สมรู้รวมคิดกะตานั้น
“แกๆ ที่แกชวนฉันมาที่นี่เพราะมีอะไร หรือใครให้สินบนอะไรแกรึเปล่า” ฉันถามยัยปอย แล้วทำท่าจ่องจับผิดยัยนี่เต็มที่
“นี่แก สินบนอะไรกัน คนอย่างฉันไม่ไช่ว่าใครจะเอาอะไรมาฝาดหัวง่ายๆนะ”
นั้นดิ ยัยนี่เห็นบ้าผู้ชายแบบนี้นะ แต่เรื่องศักดิ์ศรีล่ะก็นะ ยิ่งใหญ่มาก ไม่น่าที่ใครจะหลอกใช้ได้ง่ายๆ หรือฉันคงคิดมากไปเอง
“กินเสร็จยังพวกแก กลับเถอะ”
“เดี๋ยวสิจ๊ะฟาง เราพึ่งมานั่งเองนะ”
“ไช่ฟาง แกเป็นไรเนี้ยะ หลบใคร” ข้าวถามฉันด้วยความสงสัย พร้อมกับมองหาคนที่ฉันกำลังหลบ
“เปล่าๆๆ พวกแกจะสงสัยอะไรฉันนักหนา”
“อ่อๆๆๆ ฉันรู้ล่ะ แกหลบบีมไช่มั้ย” นี่ยัยปอยพูดตรงใจฉันเต็มๆ แต่ถ้าบอกว่าใช่ ยัยพวกนี้ต้องถามอีกแน่ๆว่าเพราะอะไร
ก็อกๆๆ ก็อกๆๆ
ฉันหันไปตามเสียงเคาะกระจก ว่าใครกันนะมาเคาะเล่นอะไรตอนนี้ดี๋ยวตานั้นก็รู้กันพอดีสิว่าฉันกำลังหลบเขาอยู่
“เห้ยยยยยยย!” ตายยากจริงๆตาบ้า
“เธอๆๆๆๆๆ”
“อะไรของนายฉันฟังไม่รู้เรื่อง”
กริ้งๆๆ
เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านนมดังขึ้น เป็นสัญญานเตือนว่ามีคนเข้ามาในร้าน และคนนั้นก็ไม่ไช่ใครที่ไหนเป็นตาบีมบ้านั้นเอง
“เธอๆ เธอหายไปไหน เราติดต่อเธอไม่ได้เลย”
“เดี๋ยว ไปคุยกันข้างนอก”
ตาบ้าเอ๊ยยยยยยยยยย เดี๋ยวพวกเพื่อนฉันก็รู้หมดหรอก ว่านายกำลังจะจีบฉัน ฉันเดินมาจับมือบีมแล้วลากเขาออกจากร้านนมท่ามกลางสายตางงๆของกลุ่มเพื่อน
“นายมีอะไร รีบๆพูด ฉันมีธุระต่อ”
“เปล่า ไม่มีและ แค่คิดถึง”
“หือ? O///O”
“ฮ่าๆๆๆ เราคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องหน้าแดง”
“ไอบ้า นี่นายแกล้งฉันเหรอ >///<”
“ทำไมต้องด่าด้วยล่ะที่รัก”
เห้ยยยยย >///< ไปใหญ่แล้ว ที่รงที่รักอะไรกัน
“นายหยุดพูดเล่นแบบนี้ได้แล้ว -///-!”
“เราไม่ได้พูดเล่นนะ พูดจริง”
พูดจริง นี่ฉันเริ่มไม่สนุกด้วยแล้วนะ มาเล่นตลกกับหัวใจฉันแบบนี้มันไม่เป็นผลดีต่อฉันเลยนะ
“นายเลิกเล่นแบบนี้เถอะ ฉันไม่ชอบ”
“เราบอกเธออยู่นี้ไง ว่าเราไม่ได้เล่นๆ เราตั้งใจจะจีบเธอจริงๆ”
“O///O”
เอาแล้วววววว ตอนนี้ตัวฉันหยุดอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ใจเต้นแรง มือเริ่มสั้น เหงื่อออก มองหน้าเขาอย่างไม่ละสายตา แต่เขาเองก็ไม่ละสายตาไปจากฉันเหมือนกัน เรายืมมองตากันอยู่สักพัก จนกระทั่ง
“ฟางงงงงงงงงงงงงงงง”
“หือ? ห่ะ? แก? มีไร?” จนกระทั่งยัยปอยต้องเดินออกมาเรียก
“แกออกมานาน ฉันเลยตามมาดู เอ๊ะ แกเป็นไร หน้าแดงอีกแล้ว”
“เปล่า >///<”
“ปอย ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเราไปส่งเพื่อนเธอเอง”
“โอเคๆ” เห้ยยย นี่แกทำไมยอมง่ายจัง นี่อย่าทิ้งฉันไปนะ ม่ายยยยยยยยย
“แกๆๆๆๆ เดี๋ยว”
“จะไปเรียนเพื่อนเธอทำไมเล่า เดินไปไกลขนาดนั้นไม่ได้ยินแล้วแหละ”
“นี่! นายถามฉันสักคำมั้ยว่าฉันอยากกลับกับนายรึเปล่า”
“ไม่ถาม”
“นายนี่ เฮ้อออออออออ”
ฉันถอนหายใจยาวววววววว ตอนนี้ฉันรวนไปหมดทั้งสมอง ร่างกาย แม้กระทั่งหัวใจ ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังช็อด ไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ แล้วยิ่งตอนนี้ฉันเองไม่ค่อยจะมั่นใจกันหัวใจฉันเท่าไร
“เธอๆๆๆ”
“ว่าไง”
“เป็นไร ถอนหายใจยาวเลย”
“ฉันสบายดี ไปส่งฉันสักทีสิ อยากกลับแล้ว”
“ที่บ้านเลยดีมั้ยจ๊ะ ที่รัก”
ตุ๊บ!
“โอ้ยยยยยยย”
สม! พูดอะไรไม่รู้เรื่องต้องโดนแบบนี้แหละ เชอะ



ฝ้ายฟู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ม.ค. 2558, 12:54:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ม.ค. 2558, 12:54:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 745





<< บทที่2 (เราจะจีบเธอ)   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account