รักยุ่งๆในรั่วมหาลัย
ไม่อยากจะเชื่อว่าการเข้ามหาลัยปีแรกของฉันมันวุ่นวายขนาดนี้ โดยเฉพราะเรื่องราวความรัก ฉันดันมาเจอกับคนอย่างบีมหนุ่มหน้าหล่อ แต่นิสัยกวนโอ้ย แถมยังมามีเรื่องรักสี่เศร้าเข้ามาอีก
เรื่องราวทั้งหมดจะงเอยยัง ต้องคอยติดตามกันนะคะ ^^
เรื่องราวทั้งหมดจะงเอยยัง ต้องคอยติดตามกันนะคะ ^^
Tags: วันรุ่น
ตอน: บทที่2 (เราจะจีบเธอ)
บทที่2
ห๋าวววววววววววววว เช้าไปไหมคะอาจารย์ เปลี่ยนตารางเรียนมาเรียนคาบเช้าแบบนี้ ขนาดเรียนบ่ายหนูยังมาสาย
“ฟาง แกไหวมั้ย” เสียงแหลมๆของยัยปอยยังทำอะไรหนังตาที่ย่อนของฉันไม่ได้
“ฉันง่วงมาเลยแก ไปล้างหน้ากันเถอะ”
“โอเคๆ”
ตายจริงเพราะตื่นเช้ากว่าปกติฉันเลยลืมไส่คอนเทคเลนมา มิน่าล่ะ มองอะไรเลือนๆไปหมดเลยทำให้ง่วงกว่าปกติ
“เธอๆๆๆๆ” เสียงนั้น คุ้นจัง
“ปอย แกช่วยดูให้หน่อยสิ ว่าคนที่กำลังเดินมาเป็นใคร”
“อ่อ บิมหน่ะ ดูเหมือนกำลังเรียกแกด้วยนะ”
“ห่ะ” ยังไม่ทันที่ฉันจะถามเพื่อน จู่ๆตาบิมก็มาคว้าแขนฉันแล้วลากฉันให้เดินตามเขาไป
“เห้ย! นี่นายจะพาฉันไปไหน”
“ตามมาเถอะ เราฆ่าเธอหรอกหน่า”
“แต่ฉันมีชั่วโมงเรียนนะ แล้วเพื่อนฉันล่ะ”
“เพื่อนเธอหรอก เดี๋ยวเรามานะ”
ฉันมองเห็นลางว่าบิมเดินไปหาปอยแล้วพูดได้ยินแว่วๆว่า ขอยืมเพื่อนเธอหน่อยนะ แล้วฝากลาอาจารย์ให้ด้วย
“ไม่มีปัญหาล่ะ ป่ะ”
“นี่! บิม นายจะพาฉันไปไหน”
“เดินตามมาเถอะหน่า” บีมก้าวเท้ายาวๆ แล้วเดินออกไปทิ้งฉันที่ยืนงงอยู่ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามเขาไป
“นายเดินช้าๆหน่อยได้มั้ย ฉันมองไม่ค่อยถนัด ไม่ได้ไส่คอนเทคมา”
“เธอสายตาสั้นหรอ มาๆ จับมือเรา” พูดจบบีมก็คว้ามือฉันไปจับ นุ่มจัง เห้ยยยยยย นี่นายจับมือฉันหรอ กล้ามากไปแล้วนะ
“ปล่อยมือฉันนะ!”
“อะไรของเธออีกล่ะ เดี๋ยวก็ไม่ทันพอดี”
“ไม่ทันอะไรของนาย” ฉันยังพูดไม่จบตานี่ก็ลากฉันเดินไปที่ลานจอดรถ
จะพาไปไหนก็ไปบอกแปลกจริงๆตานี่ ฉันเช็คอินเฟสบุ๊คไว้เลยดีกว่า เผื่อเกิดอะไรขึ้นกับฉัน เพื่อนฉันจะได้มาช่วยทัน ว่าแล้วฉันก็เปิดเช็คอินทุกๆครึ่งชั่วโมง จนเพื่อนทั้งที่โรงเรียนเก่าและที่มหาลัย รุ่นพี่ต่างก็มาเม้นใต้โพสกันอย่างสนุกสนาน
“นายจะบอกฉันได้รึยังว่าจะพาฉันไปไหน”
“ดูหนัง”
“ห่ะ” นี่ที่ลากฉันออกจากคาบเรียน แล้วฉุดฉันต่อหน้าเพื่อน เพื่อให้มาดูหนังกับนายเนี้ยะนะ มันไช่เรื่องมั้ยเนี้ยะ
“เธอนี่ชอบทำหน้าเอ๋อตลอดเลยนะ”
“นายใร้สาระมากเลยนะ รู้ตัวมั้ย แล้วจะดูเรื่องอะไร”
"tattoo"
หึ้ยยยยย เรื่องนี้ฉันอยากดูพอดีเลย พึ่งโพสเมื่อคืน ไม่คิดว่าจะได้ดูเร็วขนาดนี้ แต่เก็บอาการหน่อยดีกว่า ออกนอกหน้าไปตานี่จะได้ใจ
"แล้วทำไมนายไม่ชวนข้าวล่ะ"
"เธอความจำเสื่อมรึป่าว เธอเป็นคนบอกไม่ให้เรายุ่งกับเพื่อนเธอหนิ"
จริงด้วยสิ แต่อยากมาแอ๊บหน่อยเลยเหอะ คนอย่างตานี่นะดูยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ต่อให้เพื่อนฉันทั้งกลุ่มห้าม นายก็ไม่ฟังหร๊อกกกกก
"แล้วนายก็เชื่อเหรอ"
"ไม่หรอก แต่ดักรอเพื่อนเธอนานล่ะไม่ออกมาสักที เจอเธอพอดีเลยพามา เดี๋ยวไม่ทันรอบ"
"พามา? ใช้คำฉุดจะดีกว่าป่ะ"
"แต่เธอก็ยอมเดินตามเรามานะ แล้วขึ้นรถเองด้วย อย่างนี่เรียกฉุดป่ะ"
"แหม่ ก็นายทำท่าอย่างกะมีใครตาย ฉันตกใจเลยเผลอขึ้นหรอก แน่จริง จอดดิ"
ยัยบ้าาาา ไปท้าตานี่แบบนี้ทำไม ถ้าเขาจอดจริงมีหวังได้เดินกลับขาลากแน่ อย่าจอดนะๆ
"ไม่จอดดดดดดดด"
เห้อออออออ ขอบคุณสวรรค
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ สนุกอ่ะ หนังดูทุ่มทุนมาก ภาพสวย
"เป็นไง"
"ก็งั้นๆแหละ" ใครว่าล่ะ ฉันอยากเม้าหนังเรื่องนี้จะแย่ แต่ไม่ได้ๆ เก็บอาการ
"เหรอ แต่เธอตั้งใจดูมาเลยนะ"
"ก็กลัวไม่คุ้มเงินนายไง"
"ใครบอกเธอว่าเราจะเลี้ยง"
กรรม นั้นสิ เขายังไม่ได้พูดสักคำเลยหนิ มีแต่เราคิดไปเอง
"เท่าไรล่ะค่าตั๋ว"
"เราไม่เอาเป็นเงินหรอก เราอยากได้อย่างอื่น"
อย่างอื่น!!! อะไรคืออย่างอื่น คงไม่ไช่ตัวฉันหรอกไช่มั้ย ไม่นะ
"นะ นายหมายถึง อะ อะไร"
"ถึงกับติดอ่างเลยหรอ ไม่ไช่เธอหรอหน่าาาาา"
"วู้วววววววแล้วไป"
"ไปกินข้าวเถอะ เราหิวแล้ว"
"หิวอะไรอีก ในโรงหนังนายก็กินขนมอยู่คนเดียว ฉันยังแย่งไม่ทันนายเลย"
"เธอขี้บ่นจัง ไปกินข้าวดีกว่า ขี้เกียดฟังคุณป้าขี้บ่น"
หน๋อยยยยย บังอาจเรียกฉันว่าป้าขี้บ่นหรออออ ตาบ้า คนอย่างนายนี่หล่อแต่รูปจูบไม่หอมจริงๆเล๊ยยยยยย~
ครืดดด~ ครืดดด~ ครืดดด~
เสียงโทรศัพท์ที่ฉันตั้งเป็นระบบสั้นไว้ในกระเป๋าสั้นขึ้น จะว่าไปมันสั้นมาตั้งแต่ฉันเริ่มดูหนังได้เกือบๆครึ่งเรื่องแล้วนะ แต่ถ้ารับนี่คงเสียมารยาทมาก
(ฮาโหลฟาง นี่แกอยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง) เสียงยัยปอยดังออกมาทั้นทีที่ฉันกดรับ ก่อนฉันจะได้พูดอะไรอีกนะ
"ฉันอยู่โรงหนัง สบายดีไม่มีอะไร"
(งั้นก็ดีแล้ว แกจะกลับตอนไหน)
"อีกสักพักแหละแก แล้วอาจารย์สอนเป็นไงมั้ง" ร้อยวันพันปีฉันไม่เคยคิดจะสนใจเรียนขนาดนี้เลยนะเนี้ยะ
(ก็เหมือนเดิมแหละแก สอนตามสไลด์)
"อ่อ โอเคๆ เดี๋ยวฉันก็กลับแล้วล่ะนะ"
(จ้าาาาา ขอให้มีความสุขกับการเดทในครั้งนี้นะ บ๊ายยยยยย)
ตืดๆๆๆ~
ยัยเพื่อนบ้า พูดจบก็ตัดสายไม่ได้มีโอกาสให้ฉันสวนกลับเลย เดทเหรอ? ไม่ไช่หรอก เดทมันต้องยินยอมทั้งสองฝ่าย นี่ฉันโดนตานี่บังคับให้มาต่างหาก
"เธอดูตั้งใจเรียนอย่างไม่น่าเชื่อเลย"
"ทำไมย่ะ ใครจะเหมือนนายโดดเรียนมาคนเดียวไม่พอ ยังฉุดกระชากลากถูกฉันมาอีก"
"เถียงกับเธอยังไงก็ไร้ประโยชน์ เอาเวลาไปกินอะไรอร่อยๆดีกว่า"
หลังจากที่ฉันกลับจากไปดูหนังกับบีม ข่าวนี้ก็เผยแผ่ไปเกือบทั้งคณะของฉัน แล้วก็คณะอื่นบางคณะ โถ อย่างที่ทุกคนรู้ๆกันอยู่ว่า ตานี่หน้าตาเข้าขั้นสาวๆเกือบทั้งมหาลัยหลงไหลในความหล่อของเขา รวมทั้งฉัน (เมื่อก่อน)
“แกๆ ยัยคนนี้แหละที่ฉันเห็นไปดูหนังกับน้องบีม”
“เหรอๆ หน้าตาก็งั้นๆแหละ ไม่เห็นมีอะไรโดดเด่น”
“นั้นสิ เล่นของเปล่า”
หน๋อยยยยยยยยย นี่ถ้าพวกหล่อนจะนินทาฉันดังขนาดนี้ ไม่มานั่งคุยโต๊ะเดียวกันกับฉันเลยล่ะ
“แกๆ เรื่องที่แกไปดูหนังวันนั้นดังใหญ่เลย ดุดิ คนเขาพากันพูดถึงแกกันเพียบ” จู่ๆเสียงยัยปอยก็ดังขึ้นมากลางวง
“เธออย่าไปสนใจคนพวกนี้เลยจ๊ะ มีปากก็ให้เขาพูดไปเถอะ เดี๋ยวข่าวก็หายไปเองถ้าเราไม่ตอยโต้เนาะ” แตงพูดปลอบใจฉัน แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนอยากจะร้องทุกทีที่แตงปลอบใจเลยนะ
“ฉันไม่คิดมากหรอกหน่า พวกแกสบายใจได้”
“ดีแล้วแก ไม่ต้องสนหรอก ยัยพวกนั้นก็คงอิจฉาแหละ ฉันว่า”
“ช่างเถอะๆ แล้วนี่ยัยข้าวหายไปไหนล่ะ ฉันยังไม่เจอตั้งเช้าแล้วนะ”
จริงๆนะพักนี้ฉันไม่ค่อยเจอเพื่อนคนนี้เลย ตั้งแต่วันงานมิตติ้ชมรมวันนี้ ยัยข้าวก้เริ่มไม่มาสุงสิงรวกลุ่มกับพวกฉันเท่าไร
“ไม่รู้สิจ๊ะ หมู่นี้ข้าวอาจจะเก็บตัวล่ะมั้ง เพราะพี่แก้มบอกจะส่งข้าวประกวดดาวหน่ะจ๊ะ”
“จริงหรอ ดีสิ เราจะได้มีเพื่อนเป็นดาวมหาลัยกับเขาบ้าง เนาะๆยัยปอย”
“แกจะตื่นเต้นทำไมเนี้ยะฟาง ยัยข้าวก็ได้เป็นดาวตั้งแต่ประถมยันมัธยมแต่ไหนแต่ไรล่ะ เป็นดาวมหาลัยอีกคงไม่แปลก สวยขนาดนั้น”
ก็จริงนะ ก็อย่างที่บอก เพื่อนฉันคนนี้สวย ทั้งหุ่นก็ดีผิวก็ขาวผ่อง ผมยาวตรงสวย บางทีฉันมองหน้ายัยนี่นานๆยังหลงไหลในความงามเลยนะ
“พวกเธอ ทำอะไรกัน”
“อ้าว มาพอดีเลย ยัยฟางกำลังบ่นถึงแกพอดี”
“นี่ข้าว! แกจะได้ลงประกวดดาวแล้วเหรอ ดีใจด้วยนะ แกต้องได้เป็นดาวอยู่แล้วแหละ” ฉันถามข้าวอย่าตื่นเต้นทันทีที่ยัยนี่เดินเข้ามาในกลุ่ม
“ไช่ๆ แต่ได้รึเปล่าฉันไม่รู้นะ วันนี้ฉันไปถ่ายรูปติดบอร์ด เห็นแต่ละคนสวยๆทั้งนั้นเลย ฉันเองก็อดมองไม่ได้เลยล่ะ”
“ยังจะมีใครสวยกว่าเพื่อนฉันอีกเหรอ”
“เยอะไปแก เอ่อฟาง พี่อาร์มฝากน่าให้เธอหน่ะ”
“เมมโมรี่การ์ด 1 GB พอดีเลยฉันว่าจะไปซื้อพอดี ขอบใจแกมากนะ”
“แกต้องไปขอบคุณพี่อาร์มโน้น ไม่ไช่ฉัน”
นั้นสิ ฉันนี่ก็บ้าเนาะ สงสัยพี่อาร์มคงจะรำคาญที่เวลาฉันถ่ายภาพแล้วชอบบอกว่าเมมรี่เต็มล่ะมั้ง อีกอย่างพี่เขาก็เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพอยู่แล้ว หาซื้อเมมโมรี่ในราคาประหยัดๆคงไม่อยาก
“หิวยังแก ไปหาอะไรกินกันเถอะ ฉันหิวมากเลย”
“แกหิวอีกแล้วหรอ เมื่อกี๊แกกินขนมไปตั้งเยอะเลยนะ”
“โถปอย ก็มันไม่ไช่ข้าวหนิแก” จริงๆนะ ฉันคนนึ่งแหละที่ไม่ว่าจะกินอะไรมากมายแค่ไหน แต่ถ้ามันไม่ไช่ข้าวยัวไงก็ไม่อิ่ม
ครืดดดดด~ ครืดดดดดด~
“เบอร์ใครกัน ไม่คุ้นเลย” ฉันพูดพร้อมกดรับสายที่เรียกเข้ามายังโทรศัพท์ของฉัน
“สวัสดีค่ะ”
(ฟาง เธออยู่ไหน?)
เอ๊ะ! เสียงนี้มัน ไช่เลย! เสียงตาบีม
“นาย! มีเบอร์ฉันได้ยังไง!?”
(ข้างถุงกล้วยมั้ง เธอรีบตอบมาเถอะ อยู่ไหน)
“ไม่บอก ทำไมฉันต้องบอก ทีนายยังกวนประสาทอยู่เลย”
ตืดๆๆๆ
พูดจบฉันก็กดวางสายทันที ตานี่แปลกคนจริงๆ ไปเอาเบอร์ฉันมาจากไหนกัน แถมยังจะมากวนประสาทฉันอีก เชอะ ทำไมนายไม่เหมือนคนที่ฉันเจอเมือนวันปิดเทอมเลยนะ คนนั้นช่างดูน่าหลงไหล สุภาพ อ่อนโยน ผิดกับตานี่อย่างกับคนล่ะคน
“แหม่ๆๆ คู่รักข้าวใหม่ปลามัน”
“คู่รักอะไรกันปอย ตานี่กวนประสาทมากๆๆ ผิดกับตอนที่ฉันเจอวันรับน้องมากๆ”
“วันรับน้อง แกยังชมเขาให้ฉันฟังอยู่เลยหนิ ทำไมตอนนี้แกดูหยี้ๆ”
“โถ ข้าววว แกต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตานี่แบบฉัน แล้วแกจะรู้ว่าเพราะอะไรทำฉันหยี้ บอกตามตรงนะ ตานี่มีดีแค่หน้าตาแค่นั้นแหละ”
“บีมมมมมมมมม!”
“ปอย แกจะพูดถึงตานี่ทำไมอีกล่ะ เดี๋ยวตานี่ก็โผล่มาหรอก ยิ่งตายยากๆอยู่”
“ว่าเราตายยากเลยเหรอ”
“เห้ยยยย! นี่นายมาได้ไงเนี้ยะ แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ฉันก็เช็คเฟสบุ๊คเธอไงล่ะ เธอเช็คอินบ่อยขนาดนี้ใครก็หาตัวเธอได้ไม่อยากหรอก”
“อุ๊ย แตง ข้าว ฉันว่าเราไปซื้อข้าวกันเถอะแก อยู่ตรงนี้จะเป็นก้างเปล่าๆ”
“จ๊ะๆ” ขนาดเธอยังเป็นไปกับยัยปอยด้วยหรอแตง เพื่อนสาวที่แสนดีของฉัน
เดี๋ยวนะ ก้างหรอ หมายความว่าไง อย่างบอกนะว่ายัยพวกเพื่อนฉันคิดว่าฉันกะตานี่คบกัน ไม่ไช่นะ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
“นี่พวกเธอ รอฉันด้วยสิฉันไปด้วย”
ขณะที่ฉันกำลังลุกจากโต๊ะแล้วตามเพื่อนๆไปซื้อข้าว อันที่จริงอยากหนีไปจากตานี่เร็วๆ จู่ๆมือของบีมก็จับแขนฉันไว้ แล้วฉุดให้ฉันนั่งลงกับโต๊ะดังเดิม
“นายทำไรของนายเนี้ยะ มีอะไร”
“เปล่า ฉันแค่จะถามเธอว่า เพื่อนเธอมีแฟนยัง”
“เพื่อน? อ่อ ยังข้าวหน่ะหรอ ยังหรอก”
“.....”
ไช่แล้ว ตานี่ชอบยัยข้าวหนิ ลืมไปเลย รอดล่ะฉัน ฮ่าๆๆ แต่มันดูลวๆยังไงไม่รู้เนาะ เหมือนกำลังโยนขี้ให้เพื่อนสะงั้น
“นาย นายชอบเพื่อนฉันจริงรึเปล่า”
“ทำไม เธอหึงเราเหรอ”
“นี่ นายตอนแรฉันก็กะว่าจะช่วยนะให้สมหวังกะเพื่อนฉันนะ แต่พูดงี้ก็ อดเถอะ!”
“อะไรของเธอ ตอนแรกเธอยังห้ามห็เรายุ่งกับเพื่อนเธอ ตอนนี้จะมาช่วย ป่วยรึเปล่า”
บีมพูดพร้องเอาหลังมือมาแตะที่หน้าผากฉัน
“อะไรของนาย!” ฉันสะดุ้ง พร้อมปัดมือเขาออก เพราะตอนนี้เหล่าสาวในโรงอาหารเริ่มหันมามองฉันกับตานี่มากขึ้นแล้ว
“ก็เช็คว่าตัวร้อนมั้ยไง” บีมยังไม่เลิกความพยายามเอาหลังมาแตะหน้าผากฉัน
“นายหยุดเดี๋ยวนั้เลยนะ ไม่งั้นฉันจะไม่ช่วยนายเรื่องยัยข้าว”
“โอเคๆๆ เธอจะช่วยเรายังไง”
“เอาเถอหน่า ฉันมีแผนหรอกหน่า แต่ก่อนอื่นนะ นายต้องเลิกทำแบบนี้ได้แล้ว”
“แบบนี้? แบบไหน?”
“ก็แบบนี้ไง ที่นายมาตามติดชีวิตฉัน แถมยังทำท่าเหมือนเราเป็นแฟนกัยแบบนี้ไง”
“เป็นแฟนกัน? เธอนี่มั่วจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“O.O”
นั้นสิ ฉันนี่มั่วซั่วมากฑุดไรออกไปนะ เขาไม่เคยพูดเลยสกนิด แถมการกระทำก็ไม่ได้ออกแนวแฟนเลย มีแต่ฉันกับกลุ่มเพื่อนเท่านั้นแหละที่พากันพูดเล่นกันเอง
“หรือเธออยากเป็นแฟนเราจริงๆล่ะ”
"ไม่ย่ะ ต่อให้นายมาคุกเข่าขอร้องให้ฉันเป็นแฟน ฉันก็ไม่สน"
ตานี่บ้าจริง เราหวังดีอยากจะช่วยแท้ๆ ยังจะมากวนประสาทอีก ยังนี้ไม่ชวนดีมั้ยนะ
"เราเปลี่ยนใจแล้วดีกว่า"
"เปลี่ยนใจเรื่อง?"
“ก็เปลี่ยนใจไม่ชอบเพื่อนเธอแล้วไง แล้วหันมาชอบเธอแทน”
“O///O”
อ๊ายยยยยยยยยยย อะไรนะ นี่หูฉันฝาด หรือตานนี่เพี้ยน ไม่หรอก ตานนี่คงอาจจะแกล้งฉันมากกว่า อย่าหลงกลเขานะฟาง
“หน้าแดงเลย ว๊ายยยยยยยย”
“บ้า อะไรของนาย ก็มันร้อน ดูอากาศสิ”
“อ่ะๆๆ ไม่เขินก็ไม่เขิน แต่เราพูดจริงๆนะ ต่อไปนี้เราจะจีบเธอ”
“O.O”
พูดจบบีมก้เดินออกไปจากจุดเกินเหตุทันที ทิ้งให้ฉันนั่งหน้าแดงเพราะความเขินอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
“อ้าว บีมไปไหนแล้วล่ะจ๊ะฟาง”
“นั้นดิ ซื้อขนมมาสะเยอะเลย” ข้าวพูดพร้อมวางถุงขนมมากมายลงบนโต๊ะ แล้วก็เหลือบมามองฉันที่นั้งหน้าแดงไม่พูดไม่จาอยู่
“แกเป็นไรรึเปล่าฟาง ทำไมหน้าแดงจัง”
“นั้นสิ ไม่สบายรึเปล่าจ๊ะ”
พวกแกจะมาสังเกตุฉันทำไมนักหนาเนี้ยะ อารมณ์ฉันตอนนี้ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น อย่าว่าฉันเวอร์เลยนะ ก็ตลอดทั้งชีวิตฉันไม่เคยมีผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้มาบอกตรงๆต่อหน้าว่าจะจีบฉัน พอเจอกับตัวมันรู้สึกเขินอย่างบอกถูกเลยล่ะ (ส่วนใหญ่เจอแต่หน้าแย่ๆ)
“จะมีอะไรได้เล่าพวกแก ก็มีแฟนหน้าตาดีขนาดนั้น แถมยังเช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้ ใครจะไม่รู้สึกบ้างเล่า”
“แกหนิ ชอบพูดอะไรไร้สาระตลอกเลยนะยัยปอย ฉันกลับแล้วดีกว่า”
“อ้าว ฟางจะรีบกลับทำไมล่ะ อยู่กินขนมกับพวกเราก่อนสิ”
“มะ ไม่ ไม่ๆ ดีกว่าจ๊ะขะ ข้าว” โอ้ยยยย อยากจะบ้า นี่ฉันติดอ่างเพราะเรื่องของตานี่อีกแล้วหรอ
ฉันรีบหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วรีบลุกจากโต๊ะ กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่รถให้เร็วที่สุด ใครจะอยากอยู่ล่ะนาทีนี้ ยิ่งฉันพูดติดอ่างอีก ยัยพวกนี้ยิ่งรู้ใหญ่ว่าฉันผิดปกติ ทำไมวันนี้ฉันจอดรถไกลจังนะ ฉันรีบวิ่งให้ถึงรถเร็วๆ แล้วรีบเข้ารถ จากนั้นก็ขับรถออกจากมหาลัยให้เร็วที่สุด
ห๋าวววววววววววววว เช้าไปไหมคะอาจารย์ เปลี่ยนตารางเรียนมาเรียนคาบเช้าแบบนี้ ขนาดเรียนบ่ายหนูยังมาสาย
“ฟาง แกไหวมั้ย” เสียงแหลมๆของยัยปอยยังทำอะไรหนังตาที่ย่อนของฉันไม่ได้
“ฉันง่วงมาเลยแก ไปล้างหน้ากันเถอะ”
“โอเคๆ”
ตายจริงเพราะตื่นเช้ากว่าปกติฉันเลยลืมไส่คอนเทคเลนมา มิน่าล่ะ มองอะไรเลือนๆไปหมดเลยทำให้ง่วงกว่าปกติ
“เธอๆๆๆๆ” เสียงนั้น คุ้นจัง
“ปอย แกช่วยดูให้หน่อยสิ ว่าคนที่กำลังเดินมาเป็นใคร”
“อ่อ บิมหน่ะ ดูเหมือนกำลังเรียกแกด้วยนะ”
“ห่ะ” ยังไม่ทันที่ฉันจะถามเพื่อน จู่ๆตาบิมก็มาคว้าแขนฉันแล้วลากฉันให้เดินตามเขาไป
“เห้ย! นี่นายจะพาฉันไปไหน”
“ตามมาเถอะ เราฆ่าเธอหรอกหน่า”
“แต่ฉันมีชั่วโมงเรียนนะ แล้วเพื่อนฉันล่ะ”
“เพื่อนเธอหรอก เดี๋ยวเรามานะ”
ฉันมองเห็นลางว่าบิมเดินไปหาปอยแล้วพูดได้ยินแว่วๆว่า ขอยืมเพื่อนเธอหน่อยนะ แล้วฝากลาอาจารย์ให้ด้วย
“ไม่มีปัญหาล่ะ ป่ะ”
“นี่! บิม นายจะพาฉันไปไหน”
“เดินตามมาเถอะหน่า” บีมก้าวเท้ายาวๆ แล้วเดินออกไปทิ้งฉันที่ยืนงงอยู่ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามเขาไป
“นายเดินช้าๆหน่อยได้มั้ย ฉันมองไม่ค่อยถนัด ไม่ได้ไส่คอนเทคมา”
“เธอสายตาสั้นหรอ มาๆ จับมือเรา” พูดจบบีมก็คว้ามือฉันไปจับ นุ่มจัง เห้ยยยยยย นี่นายจับมือฉันหรอ กล้ามากไปแล้วนะ
“ปล่อยมือฉันนะ!”
“อะไรของเธออีกล่ะ เดี๋ยวก็ไม่ทันพอดี”
“ไม่ทันอะไรของนาย” ฉันยังพูดไม่จบตานี่ก็ลากฉันเดินไปที่ลานจอดรถ
จะพาไปไหนก็ไปบอกแปลกจริงๆตานี่ ฉันเช็คอินเฟสบุ๊คไว้เลยดีกว่า เผื่อเกิดอะไรขึ้นกับฉัน เพื่อนฉันจะได้มาช่วยทัน ว่าแล้วฉันก็เปิดเช็คอินทุกๆครึ่งชั่วโมง จนเพื่อนทั้งที่โรงเรียนเก่าและที่มหาลัย รุ่นพี่ต่างก็มาเม้นใต้โพสกันอย่างสนุกสนาน
“นายจะบอกฉันได้รึยังว่าจะพาฉันไปไหน”
“ดูหนัง”
“ห่ะ” นี่ที่ลากฉันออกจากคาบเรียน แล้วฉุดฉันต่อหน้าเพื่อน เพื่อให้มาดูหนังกับนายเนี้ยะนะ มันไช่เรื่องมั้ยเนี้ยะ
“เธอนี่ชอบทำหน้าเอ๋อตลอดเลยนะ”
“นายใร้สาระมากเลยนะ รู้ตัวมั้ย แล้วจะดูเรื่องอะไร”
"tattoo"
หึ้ยยยยย เรื่องนี้ฉันอยากดูพอดีเลย พึ่งโพสเมื่อคืน ไม่คิดว่าจะได้ดูเร็วขนาดนี้ แต่เก็บอาการหน่อยดีกว่า ออกนอกหน้าไปตานี่จะได้ใจ
"แล้วทำไมนายไม่ชวนข้าวล่ะ"
"เธอความจำเสื่อมรึป่าว เธอเป็นคนบอกไม่ให้เรายุ่งกับเพื่อนเธอหนิ"
จริงด้วยสิ แต่อยากมาแอ๊บหน่อยเลยเหอะ คนอย่างตานี่นะดูยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ต่อให้เพื่อนฉันทั้งกลุ่มห้าม นายก็ไม่ฟังหร๊อกกกกก
"แล้วนายก็เชื่อเหรอ"
"ไม่หรอก แต่ดักรอเพื่อนเธอนานล่ะไม่ออกมาสักที เจอเธอพอดีเลยพามา เดี๋ยวไม่ทันรอบ"
"พามา? ใช้คำฉุดจะดีกว่าป่ะ"
"แต่เธอก็ยอมเดินตามเรามานะ แล้วขึ้นรถเองด้วย อย่างนี่เรียกฉุดป่ะ"
"แหม่ ก็นายทำท่าอย่างกะมีใครตาย ฉันตกใจเลยเผลอขึ้นหรอก แน่จริง จอดดิ"
ยัยบ้าาาา ไปท้าตานี่แบบนี้ทำไม ถ้าเขาจอดจริงมีหวังได้เดินกลับขาลากแน่ อย่าจอดนะๆ
"ไม่จอดดดดดดดด"
เห้อออออออ ขอบคุณสวรรค
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ สนุกอ่ะ หนังดูทุ่มทุนมาก ภาพสวย
"เป็นไง"
"ก็งั้นๆแหละ" ใครว่าล่ะ ฉันอยากเม้าหนังเรื่องนี้จะแย่ แต่ไม่ได้ๆ เก็บอาการ
"เหรอ แต่เธอตั้งใจดูมาเลยนะ"
"ก็กลัวไม่คุ้มเงินนายไง"
"ใครบอกเธอว่าเราจะเลี้ยง"
กรรม นั้นสิ เขายังไม่ได้พูดสักคำเลยหนิ มีแต่เราคิดไปเอง
"เท่าไรล่ะค่าตั๋ว"
"เราไม่เอาเป็นเงินหรอก เราอยากได้อย่างอื่น"
อย่างอื่น!!! อะไรคืออย่างอื่น คงไม่ไช่ตัวฉันหรอกไช่มั้ย ไม่นะ
"นะ นายหมายถึง อะ อะไร"
"ถึงกับติดอ่างเลยหรอ ไม่ไช่เธอหรอหน่าาาาา"
"วู้วววววววแล้วไป"
"ไปกินข้าวเถอะ เราหิวแล้ว"
"หิวอะไรอีก ในโรงหนังนายก็กินขนมอยู่คนเดียว ฉันยังแย่งไม่ทันนายเลย"
"เธอขี้บ่นจัง ไปกินข้าวดีกว่า ขี้เกียดฟังคุณป้าขี้บ่น"
หน๋อยยยยย บังอาจเรียกฉันว่าป้าขี้บ่นหรออออ ตาบ้า คนอย่างนายนี่หล่อแต่รูปจูบไม่หอมจริงๆเล๊ยยยยยย~
ครืดดด~ ครืดดด~ ครืดดด~
เสียงโทรศัพท์ที่ฉันตั้งเป็นระบบสั้นไว้ในกระเป๋าสั้นขึ้น จะว่าไปมันสั้นมาตั้งแต่ฉันเริ่มดูหนังได้เกือบๆครึ่งเรื่องแล้วนะ แต่ถ้ารับนี่คงเสียมารยาทมาก
(ฮาโหลฟาง นี่แกอยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง) เสียงยัยปอยดังออกมาทั้นทีที่ฉันกดรับ ก่อนฉันจะได้พูดอะไรอีกนะ
"ฉันอยู่โรงหนัง สบายดีไม่มีอะไร"
(งั้นก็ดีแล้ว แกจะกลับตอนไหน)
"อีกสักพักแหละแก แล้วอาจารย์สอนเป็นไงมั้ง" ร้อยวันพันปีฉันไม่เคยคิดจะสนใจเรียนขนาดนี้เลยนะเนี้ยะ
(ก็เหมือนเดิมแหละแก สอนตามสไลด์)
"อ่อ โอเคๆ เดี๋ยวฉันก็กลับแล้วล่ะนะ"
(จ้าาาาา ขอให้มีความสุขกับการเดทในครั้งนี้นะ บ๊ายยยยยย)
ตืดๆๆๆ~
ยัยเพื่อนบ้า พูดจบก็ตัดสายไม่ได้มีโอกาสให้ฉันสวนกลับเลย เดทเหรอ? ไม่ไช่หรอก เดทมันต้องยินยอมทั้งสองฝ่าย นี่ฉันโดนตานี่บังคับให้มาต่างหาก
"เธอดูตั้งใจเรียนอย่างไม่น่าเชื่อเลย"
"ทำไมย่ะ ใครจะเหมือนนายโดดเรียนมาคนเดียวไม่พอ ยังฉุดกระชากลากถูกฉันมาอีก"
"เถียงกับเธอยังไงก็ไร้ประโยชน์ เอาเวลาไปกินอะไรอร่อยๆดีกว่า"
หลังจากที่ฉันกลับจากไปดูหนังกับบีม ข่าวนี้ก็เผยแผ่ไปเกือบทั้งคณะของฉัน แล้วก็คณะอื่นบางคณะ โถ อย่างที่ทุกคนรู้ๆกันอยู่ว่า ตานี่หน้าตาเข้าขั้นสาวๆเกือบทั้งมหาลัยหลงไหลในความหล่อของเขา รวมทั้งฉัน (เมื่อก่อน)
“แกๆ ยัยคนนี้แหละที่ฉันเห็นไปดูหนังกับน้องบีม”
“เหรอๆ หน้าตาก็งั้นๆแหละ ไม่เห็นมีอะไรโดดเด่น”
“นั้นสิ เล่นของเปล่า”
หน๋อยยยยยยยยย นี่ถ้าพวกหล่อนจะนินทาฉันดังขนาดนี้ ไม่มานั่งคุยโต๊ะเดียวกันกับฉันเลยล่ะ
“แกๆ เรื่องที่แกไปดูหนังวันนั้นดังใหญ่เลย ดุดิ คนเขาพากันพูดถึงแกกันเพียบ” จู่ๆเสียงยัยปอยก็ดังขึ้นมากลางวง
“เธออย่าไปสนใจคนพวกนี้เลยจ๊ะ มีปากก็ให้เขาพูดไปเถอะ เดี๋ยวข่าวก็หายไปเองถ้าเราไม่ตอยโต้เนาะ” แตงพูดปลอบใจฉัน แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนอยากจะร้องทุกทีที่แตงปลอบใจเลยนะ
“ฉันไม่คิดมากหรอกหน่า พวกแกสบายใจได้”
“ดีแล้วแก ไม่ต้องสนหรอก ยัยพวกนั้นก็คงอิจฉาแหละ ฉันว่า”
“ช่างเถอะๆ แล้วนี่ยัยข้าวหายไปไหนล่ะ ฉันยังไม่เจอตั้งเช้าแล้วนะ”
จริงๆนะพักนี้ฉันไม่ค่อยเจอเพื่อนคนนี้เลย ตั้งแต่วันงานมิตติ้ชมรมวันนี้ ยัยข้าวก้เริ่มไม่มาสุงสิงรวกลุ่มกับพวกฉันเท่าไร
“ไม่รู้สิจ๊ะ หมู่นี้ข้าวอาจจะเก็บตัวล่ะมั้ง เพราะพี่แก้มบอกจะส่งข้าวประกวดดาวหน่ะจ๊ะ”
“จริงหรอ ดีสิ เราจะได้มีเพื่อนเป็นดาวมหาลัยกับเขาบ้าง เนาะๆยัยปอย”
“แกจะตื่นเต้นทำไมเนี้ยะฟาง ยัยข้าวก็ได้เป็นดาวตั้งแต่ประถมยันมัธยมแต่ไหนแต่ไรล่ะ เป็นดาวมหาลัยอีกคงไม่แปลก สวยขนาดนั้น”
ก็จริงนะ ก็อย่างที่บอก เพื่อนฉันคนนี้สวย ทั้งหุ่นก็ดีผิวก็ขาวผ่อง ผมยาวตรงสวย บางทีฉันมองหน้ายัยนี่นานๆยังหลงไหลในความงามเลยนะ
“พวกเธอ ทำอะไรกัน”
“อ้าว มาพอดีเลย ยัยฟางกำลังบ่นถึงแกพอดี”
“นี่ข้าว! แกจะได้ลงประกวดดาวแล้วเหรอ ดีใจด้วยนะ แกต้องได้เป็นดาวอยู่แล้วแหละ” ฉันถามข้าวอย่าตื่นเต้นทันทีที่ยัยนี่เดินเข้ามาในกลุ่ม
“ไช่ๆ แต่ได้รึเปล่าฉันไม่รู้นะ วันนี้ฉันไปถ่ายรูปติดบอร์ด เห็นแต่ละคนสวยๆทั้งนั้นเลย ฉันเองก็อดมองไม่ได้เลยล่ะ”
“ยังจะมีใครสวยกว่าเพื่อนฉันอีกเหรอ”
“เยอะไปแก เอ่อฟาง พี่อาร์มฝากน่าให้เธอหน่ะ”
“เมมโมรี่การ์ด 1 GB พอดีเลยฉันว่าจะไปซื้อพอดี ขอบใจแกมากนะ”
“แกต้องไปขอบคุณพี่อาร์มโน้น ไม่ไช่ฉัน”
นั้นสิ ฉันนี่ก็บ้าเนาะ สงสัยพี่อาร์มคงจะรำคาญที่เวลาฉันถ่ายภาพแล้วชอบบอกว่าเมมรี่เต็มล่ะมั้ง อีกอย่างพี่เขาก็เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพอยู่แล้ว หาซื้อเมมโมรี่ในราคาประหยัดๆคงไม่อยาก
“หิวยังแก ไปหาอะไรกินกันเถอะ ฉันหิวมากเลย”
“แกหิวอีกแล้วหรอ เมื่อกี๊แกกินขนมไปตั้งเยอะเลยนะ”
“โถปอย ก็มันไม่ไช่ข้าวหนิแก” จริงๆนะ ฉันคนนึ่งแหละที่ไม่ว่าจะกินอะไรมากมายแค่ไหน แต่ถ้ามันไม่ไช่ข้าวยัวไงก็ไม่อิ่ม
ครืดดดดด~ ครืดดดดดด~
“เบอร์ใครกัน ไม่คุ้นเลย” ฉันพูดพร้อมกดรับสายที่เรียกเข้ามายังโทรศัพท์ของฉัน
“สวัสดีค่ะ”
(ฟาง เธออยู่ไหน?)
เอ๊ะ! เสียงนี้มัน ไช่เลย! เสียงตาบีม
“นาย! มีเบอร์ฉันได้ยังไง!?”
(ข้างถุงกล้วยมั้ง เธอรีบตอบมาเถอะ อยู่ไหน)
“ไม่บอก ทำไมฉันต้องบอก ทีนายยังกวนประสาทอยู่เลย”
ตืดๆๆๆ
พูดจบฉันก็กดวางสายทันที ตานี่แปลกคนจริงๆ ไปเอาเบอร์ฉันมาจากไหนกัน แถมยังจะมากวนประสาทฉันอีก เชอะ ทำไมนายไม่เหมือนคนที่ฉันเจอเมือนวันปิดเทอมเลยนะ คนนั้นช่างดูน่าหลงไหล สุภาพ อ่อนโยน ผิดกับตานี่อย่างกับคนล่ะคน
“แหม่ๆๆ คู่รักข้าวใหม่ปลามัน”
“คู่รักอะไรกันปอย ตานี่กวนประสาทมากๆๆ ผิดกับตอนที่ฉันเจอวันรับน้องมากๆ”
“วันรับน้อง แกยังชมเขาให้ฉันฟังอยู่เลยหนิ ทำไมตอนนี้แกดูหยี้ๆ”
“โถ ข้าววว แกต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตานี่แบบฉัน แล้วแกจะรู้ว่าเพราะอะไรทำฉันหยี้ บอกตามตรงนะ ตานี่มีดีแค่หน้าตาแค่นั้นแหละ”
“บีมมมมมมมมม!”
“ปอย แกจะพูดถึงตานี่ทำไมอีกล่ะ เดี๋ยวตานี่ก็โผล่มาหรอก ยิ่งตายยากๆอยู่”
“ว่าเราตายยากเลยเหรอ”
“เห้ยยยย! นี่นายมาได้ไงเนี้ยะ แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ฉันก็เช็คเฟสบุ๊คเธอไงล่ะ เธอเช็คอินบ่อยขนาดนี้ใครก็หาตัวเธอได้ไม่อยากหรอก”
“อุ๊ย แตง ข้าว ฉันว่าเราไปซื้อข้าวกันเถอะแก อยู่ตรงนี้จะเป็นก้างเปล่าๆ”
“จ๊ะๆ” ขนาดเธอยังเป็นไปกับยัยปอยด้วยหรอแตง เพื่อนสาวที่แสนดีของฉัน
เดี๋ยวนะ ก้างหรอ หมายความว่าไง อย่างบอกนะว่ายัยพวกเพื่อนฉันคิดว่าฉันกะตานี่คบกัน ไม่ไช่นะ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
“นี่พวกเธอ รอฉันด้วยสิฉันไปด้วย”
ขณะที่ฉันกำลังลุกจากโต๊ะแล้วตามเพื่อนๆไปซื้อข้าว อันที่จริงอยากหนีไปจากตานี่เร็วๆ จู่ๆมือของบีมก็จับแขนฉันไว้ แล้วฉุดให้ฉันนั่งลงกับโต๊ะดังเดิม
“นายทำไรของนายเนี้ยะ มีอะไร”
“เปล่า ฉันแค่จะถามเธอว่า เพื่อนเธอมีแฟนยัง”
“เพื่อน? อ่อ ยังข้าวหน่ะหรอ ยังหรอก”
“.....”
ไช่แล้ว ตานี่ชอบยัยข้าวหนิ ลืมไปเลย รอดล่ะฉัน ฮ่าๆๆ แต่มันดูลวๆยังไงไม่รู้เนาะ เหมือนกำลังโยนขี้ให้เพื่อนสะงั้น
“นาย นายชอบเพื่อนฉันจริงรึเปล่า”
“ทำไม เธอหึงเราเหรอ”
“นี่ นายตอนแรฉันก็กะว่าจะช่วยนะให้สมหวังกะเพื่อนฉันนะ แต่พูดงี้ก็ อดเถอะ!”
“อะไรของเธอ ตอนแรกเธอยังห้ามห็เรายุ่งกับเพื่อนเธอ ตอนนี้จะมาช่วย ป่วยรึเปล่า”
บีมพูดพร้องเอาหลังมือมาแตะที่หน้าผากฉัน
“อะไรของนาย!” ฉันสะดุ้ง พร้อมปัดมือเขาออก เพราะตอนนี้เหล่าสาวในโรงอาหารเริ่มหันมามองฉันกับตานี่มากขึ้นแล้ว
“ก็เช็คว่าตัวร้อนมั้ยไง” บีมยังไม่เลิกความพยายามเอาหลังมาแตะหน้าผากฉัน
“นายหยุดเดี๋ยวนั้เลยนะ ไม่งั้นฉันจะไม่ช่วยนายเรื่องยัยข้าว”
“โอเคๆๆ เธอจะช่วยเรายังไง”
“เอาเถอหน่า ฉันมีแผนหรอกหน่า แต่ก่อนอื่นนะ นายต้องเลิกทำแบบนี้ได้แล้ว”
“แบบนี้? แบบไหน?”
“ก็แบบนี้ไง ที่นายมาตามติดชีวิตฉัน แถมยังทำท่าเหมือนเราเป็นแฟนกัยแบบนี้ไง”
“เป็นแฟนกัน? เธอนี่มั่วจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“O.O”
นั้นสิ ฉันนี่มั่วซั่วมากฑุดไรออกไปนะ เขาไม่เคยพูดเลยสกนิด แถมการกระทำก็ไม่ได้ออกแนวแฟนเลย มีแต่ฉันกับกลุ่มเพื่อนเท่านั้นแหละที่พากันพูดเล่นกันเอง
“หรือเธออยากเป็นแฟนเราจริงๆล่ะ”
"ไม่ย่ะ ต่อให้นายมาคุกเข่าขอร้องให้ฉันเป็นแฟน ฉันก็ไม่สน"
ตานี่บ้าจริง เราหวังดีอยากจะช่วยแท้ๆ ยังจะมากวนประสาทอีก ยังนี้ไม่ชวนดีมั้ยนะ
"เราเปลี่ยนใจแล้วดีกว่า"
"เปลี่ยนใจเรื่อง?"
“ก็เปลี่ยนใจไม่ชอบเพื่อนเธอแล้วไง แล้วหันมาชอบเธอแทน”
“O///O”
อ๊ายยยยยยยยยยย อะไรนะ นี่หูฉันฝาด หรือตานนี่เพี้ยน ไม่หรอก ตานนี่คงอาจจะแกล้งฉันมากกว่า อย่าหลงกลเขานะฟาง
“หน้าแดงเลย ว๊ายยยยยยยย”
“บ้า อะไรของนาย ก็มันร้อน ดูอากาศสิ”
“อ่ะๆๆ ไม่เขินก็ไม่เขิน แต่เราพูดจริงๆนะ ต่อไปนี้เราจะจีบเธอ”
“O.O”
พูดจบบีมก้เดินออกไปจากจุดเกินเหตุทันที ทิ้งให้ฉันนั่งหน้าแดงเพราะความเขินอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
“อ้าว บีมไปไหนแล้วล่ะจ๊ะฟาง”
“นั้นดิ ซื้อขนมมาสะเยอะเลย” ข้าวพูดพร้อมวางถุงขนมมากมายลงบนโต๊ะ แล้วก็เหลือบมามองฉันที่นั้งหน้าแดงไม่พูดไม่จาอยู่
“แกเป็นไรรึเปล่าฟาง ทำไมหน้าแดงจัง”
“นั้นสิ ไม่สบายรึเปล่าจ๊ะ”
พวกแกจะมาสังเกตุฉันทำไมนักหนาเนี้ยะ อารมณ์ฉันตอนนี้ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น อย่าว่าฉันเวอร์เลยนะ ก็ตลอดทั้งชีวิตฉันไม่เคยมีผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้มาบอกตรงๆต่อหน้าว่าจะจีบฉัน พอเจอกับตัวมันรู้สึกเขินอย่างบอกถูกเลยล่ะ (ส่วนใหญ่เจอแต่หน้าแย่ๆ)
“จะมีอะไรได้เล่าพวกแก ก็มีแฟนหน้าตาดีขนาดนั้น แถมยังเช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้ ใครจะไม่รู้สึกบ้างเล่า”
“แกหนิ ชอบพูดอะไรไร้สาระตลอกเลยนะยัยปอย ฉันกลับแล้วดีกว่า”
“อ้าว ฟางจะรีบกลับทำไมล่ะ อยู่กินขนมกับพวกเราก่อนสิ”
“มะ ไม่ ไม่ๆ ดีกว่าจ๊ะขะ ข้าว” โอ้ยยยย อยากจะบ้า นี่ฉันติดอ่างเพราะเรื่องของตานี่อีกแล้วหรอ
ฉันรีบหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วรีบลุกจากโต๊ะ กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่รถให้เร็วที่สุด ใครจะอยากอยู่ล่ะนาทีนี้ ยิ่งฉันพูดติดอ่างอีก ยัยพวกนี้ยิ่งรู้ใหญ่ว่าฉันผิดปกติ ทำไมวันนี้ฉันจอดรถไกลจังนะ ฉันรีบวิ่งให้ถึงรถเร็วๆ แล้วรีบเข้ารถ จากนั้นก็ขับรถออกจากมหาลัยให้เร็วที่สุด
ฝ้ายฟู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2558, 21:54:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2558, 21:54:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 849
<< ชมรมกิจกรรม | บทที่3 (หวั่นไหวหรอ?) >> |