เหนือ...ตะวัน
อารัมภบท เหนือตะวัน

ความแค้นที่เต็มเปี่ยมของชายหนุ่มที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อทำลายเป้าหมาย เขามีอิทธิพล ที่มาพร้อม
ด้วยเล่ห์เหลี่ยมอันยอกย้อน พร้อมได้รับการสนับสนุนจากยอดกุนซือที่มีความร้ายกาจ ทั้งเสน่ห์อันยวนเย้า
จิตใจที่อำมหิต เจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก อดทนเป็นเลิศ และข้อสำคัญเธอภักดีต่อเขาอย่างยิ่ง พร้อมกวาดล้าง
อุปสรรคทั้งมวลที่ขวางหน้าเขา.....ชายหนุ่มต้องมาเผชิญกับหญิงสาวที่บอบบางแต่จิตใจเข้มแข็ง อย่างที่
เขาไม่เคยพบมาก่อน ไม่เพียงจิตใจที่เข้มแข็งของเธอ แต่ความคิดและการตอบโต้ของเธอก็ย้อนยอก
เหนือชั้นจนเขาเกือบเสียท่ามาหลายครั้ง...และข้อสำคัญเขารักเธอปราศจากเงื่อนไข...ในเวลาต่อมา...
จะทำเช่นไร...เมื่อเป้าหมายของเขาคือทำลายล้างครอบครัวของเธอให้สิ้นซาก...เขาจะทำมัน...ได้หรือไม่
เพราะในใจของเขานั้น ร่ำร้องว่า.....ต้องการเธอผู้นั้นเพียงผู้เดียว...ทางเดียวก็คือ...เขาต้องขึ้นสู่อำนาจ
สูงสุดคือ.....ตำแหน่ง......เหนือตะวัน.....และตำแหน่งนี้ มิใช่เขาเพียงผู้เดียวที่ต้องการ...
Tags: นิยายรัก หักเหลี่ยมเชือดเฉือน

ตอน: สยบพญากุมภีร์ ในหนองน้ำอันเย็นเยียบ

บทที่ 30 พิชิตกุมภีร์ ในหนองน้ำที่เย็นเยียบ

ศิริศรหันมาที่สื่อมวลชนหลายสำนัก หลายคนก็คุ้นเคยกับเธอ
เป็นอย่างดี แล้วหนึ่งในนั้นก็ลุกขึ้นถามเป็นคนแรก

"คุณศิริศร ที่คุณมาในวันนี้ เพื่อนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหาย
ในกรณีการยักยอกทรัพย์
และเพิ่มมูลค่าของใบตราสารหนี้ ใช่หรือไม่ครับ"

ศิริศรกล่าวสวนออกมาอย่างทันควัน

"ไม่ใช่ค่ะ...ที่ดิฉันมาที่นี่ก็เพื่อ...ทำให้ผู้ที่ยักยอกทรัพย์
และอยู่เบื้องหลังการกำหนดมูลค่าใบตราสารหนี้
ของเพาวเวอร์มากเกินกว่าปกติ เปิดเผยตัวตน...ออกมา"

นักข่าวหญิงจากหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งลุกขึ้นถามบ้าง

"แสดงว่าคุณศิริศร มีหลักฐานเพื่อจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วใช่ไหมคะ"

"ใช่ค่ะ...ดิฉัน...มีทั้งหลักฐาน...และพยาน...พร้อม"

ผู้ที่เสียหายจากการค้าตราสารหนี้ ต่างร้องออกมาอย่างอื้ออึง
มีชายวัยหนุ่มฉกรรจ์ตะโกนถามด้วยเสียงอันดัง

"แล้วพวกเราจะได้อะไร พวกเราเสียประโยชน์จากความไว้ใจ
ในการบริหารการค้าของคุณ เมื่อเกิดปัญหา
พวกเราก็เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แล้วเราจะเรียกร้อง
ค่าเสียหายจากใครล่ะ ในเมื่อเป็นชื่อบริษัทของคุณ
พวกเราไม่ยอม...ใช่ไหมพวกเรา...."

เสียงร้องสนับสนุนชายผู้นั้นมากมาย ชายผู้นั้น เป็นคนของนฤมล
ที่แฝงตัวมาพลิกสถานะการณ์ เมื่อเกิดเหตุแปรผัน...ดังเช่นตอนนี้...
ศิริศรแย้มยิ้ม เธอเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว
อีกอย่างศิริศรนั้นมีความสามารถในการวิเคราะห์บุคคล
จากภายนอกได้อย่างแม่นยำ

"คุณคงเป็นลูกค้าที่เสียผลประโยชน์ในการค้าใบตราสารหนี้
ของเพาวเวอร์อินฟินีตี้ใช่ไหมคะ..."

"ใช่!...พวกเราทุกคน ก็คือเหยื่อของการดำเนินธุรกิจของคุณ
พวกเราต้องการเงินของเราคืนเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพวกเราไม่ยอม
พวกเราจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาดใช่ไหม เราไม่ต้องการรับรู้ว่า
ใครผิด ใครถูก เราต้องการเงินเราคืน และปันผลที่พวกเราควรได้...."

ศิริศรเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับชายผู้นั้นอย่างไม่เกรงกลัว
แล้วถามอย่างเยือกเย็น

"ถ้าพวกคุณ...ต้องการเงินของคุณคืน...พวกคุณต้องอยู่อย่างสงบ
มิฉะนั้น คุณอาจไม่ได้อะไรเลย พวกคุณจะยอมอดทนรับฟัง
หรือจะถูกเชิญออกไปจากห้องประชุม
เหมือนชายผู้นี้...ที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง..."

ชายคนนี้มีอาการตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังกระชากเสียง
เพื่อข่มขู่ศิริศรอย่างน่ากลัว

"ทำไมผม..ถึงไม่เกี่ยว ในเมื่อผมลงทุนกับเพาวเวอร์
พูดแบบนี้คุณจะปัดรับผิดชอบใช่ไหม...คุณศิริศร"

หญิงสาวไม่เกรงกลัวชายผู้นี้แม้แต่น้อย แล้วดูเหมือนชายผู้นี้
กลับเป็นฝ่ายเกรงกลัวเธอเสียเอง เธอใช้น้ำเสียง
ที่เรียบร้อยเป็นอย่างยิ่ง แต่มีอำนาจข่มให้ชายผู้นี้หวาดเกรง

"ถ้างั้น ดิฉันขอดูใบตราสารหนี้ของคุณได้ไหม
...แล้วคุณชื่ออะไรคะ..."

"เอ่อ!!!...ผม...ผมไม่ได้เอามา...แต่ผมก็คือผู้เสียหาย...
นี่คุณจะมาไล่ผมแบบนี้ไม่ได้ใช่ไหม?..พวกเรา"

หลายคนเริ่มลังเล แต่ก็มีหลายคนก็ไม่ต้องการเสียผู้นำ
ในการต่อรอง จึงโห่ร้องอย่างไม่พอใจ ชายผู้นั้นยิ้ม
อย่างเป็นต่อ เพราะเขามีคนสนับสนุน...ศิริศรใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ
แม้แต่เยาวเรศที่เป็นคนไม่กลัวคน ยังตื่น
กลัวกับฝูงชนที่กำลังกราดเกรี้ยว และไม่ได้มีเพียงคนเดียว

"ดิฉันขอถามทุกท่าน... ทุกท่านที่เสียหายต่อการยักยอกทรัพย์
ในการค้าตราสารหนี้ พวกคุณนำใบจอง หรือใบหุ้นมาแสดง
ในที่นี้หรือไม่...ขอให้ตอบตามความจริง...
คุณลุงเสื้อฟ้า เอาเอกสารมาหรือเปล่าคะ..."

คุณลุงเสื้อฟ้าหันรีหันขวาง ก่อนตอบออกมาว่า
"เอามาสิ ถ้าไม่เอามาจะแสดงหลักฐานได้ยังไง"
ศิริศรยิ้มเล็กน้อย ก่อนหันไปหาผู้สนับสนุน
เป็นคุณป้าใส่ทองเต็มตัว ท่าทางปากร้ายไม่เบา
แต่เธอก็ตอบออกมาอย่างฉุนเฉียว
"เอามาสิ ไม่เอามาแล้วจะเอาเงินกลับได้ยังไง ถามแปลกๆ..."
แล้วทีนี้ ศิริศรจึงกวาดตามองทุกคนที่เป็นผู้เสียหาย
แล้วร้องถามด้วยเสียงดังขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้ยิน

"แล้วพวกพี่ๆ ป้าๆ ลุงๆ น้าๆ นำเอกสารรับรองสิทธิ์มาหรือเปล่าคะ..."

เสียงร้องทุกคนออกมา อย่างเป็นเสียงเดียวว่า
"เอามาสิ...เราต้องเอามาอย่างแน่นอน"
ศิริศรยิ้มอย่างเยือกเย็นอีกครั้ง จ้องมองชายคนนั้น
ที่เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ก่อนจะตะโกน เพื่อข่มขู่หญิงสาวให้หวาดกลัว
แต่เธอไม่มีความหวาดกลัวเลย...แม้แต่น้อย

"อะไรวะ ก็คนมัน...มันรีบ มันๆๆ
ก็เลยลืม...แล้วแก...จะไล่ข้าแบบๆ นี้ ไม่ได้"

"ถ้าคุณไม่มีเอกสารรักษาสิทธิ์แล้วคุณเข้ามาก่อกวนในที่นี้ทำไม
หรือมีใครบงการคุณ...บอกมา..."

ชายผู้นั้น มองหันซ้ายหันขวา เขาเห็นเจ้าหน้าที่รักษา
ความปลอดภัย กำลังเดินมาหา เขาเหลือบมอง นฤมล
เล็กน้อย ก่อนรีบพลิ้วตัวหายศีรษะออกไปทันที...
ท่ามกลางความตกตะลึงของคนในห้องแถลงข่าว
ศิริศรเดินมาที่ เวทีอีกครั้ง แล้วเธอก็ประกาศออกมา
อย่างมีอำนาจเหนือทุกคนในที่นี้

"ผู้ร่วมลงทุนในกิจการของเพาวเวอร์อินฟินีตี้ ทุกท่าน
ดิฉันศิริศร กาญจนกิจ ขอสัญญาต่อหน้าสื่อมวลชน
และผู้ทรงเกียรติทุกท่านว่า
เงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่ท่านต้องเสียไป
ดิฉันจะนำมาคืน ภายในเจ็ดวัน...
แต่พวกท่านต้องเป็นพยานเอาผิดกับคนที่วางแผน...โค่นล้มกิจการ
เพาวเวอร์ อินฟินีตี้ โดยใช้เงินของพวกท่าน
ทั้งหมดนี้เป็นแผนของคุณ....เดวิด....หยาง...แห่ง...โกลด์ไลอ้อน..."

สื่อมวลชนในห้อง ต่างหันมองหน้ากันไปมา
เสียงหือดังขึ้นอย่างอื้ออึง รวมทั้งผู้ถือหุ้น หรือแม้แต่ตัวแทน
จากโกลด์ไลอ้อนจากประเทศอังกฤษก็สอบถามว่า
ที่ศิริศรประกาศออกมานั้นคืออะไร เดวิดหยางใบหน้า
ไม่แปรเปลี่ยน เขาเพียงยิ้มที่มุมปากเท่านั้น
ธนู หันมามองเดวิดอย่าง ด้วยใบสายตาที่ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่
บุตรสาวกล่าวออกมา....ต่อไปนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่าง
นกยูงที่มีเล็บแหลมคม กับพญากุมภีร์ที่ดุร้ายในพื้นที่
ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี....เดวิดหยางคิดภายในใจ...ว่า

'ฉันประมาทยัยเด็กคนนี้มากเกินไปหน่อย...หึๆๆ
เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ...แต่...ถ้าเธอ...คิดจะมาจับฉัน...ในถิ่นนี้...
เธอก็ประมาท...เดวิดหยาง เดอะเมจิกเชี่ยน
มากเกินไปหน่อย...สาวน้อย...'

เดวิดหยางดวงตาเป็นประกายอำมหิต เพราะตอนนี้
จระเข้ร้ายอย่างเขา กำลังจะลากนกยูงตัวน้อยๆ ลงใน
หนองน้ำที่เย็นเยียบ...แห่งนี้...แล้วฉีกกินมิให้เหลือเศษซาก
หรือเลือดแม้เพียงหยด....
...............................

เอกเดินไปเดินมาด้วยความกระวนกระวาย ด้วยจิตใจไม่ปกติ
ความจริงเขาต้องการให้ เพาวเวอร์ฯ ล่มสลาย
แล้วเขาจะปรากฎตัวขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือหญิงสาว
ต่อจากนั้นเขาคิด จะใช้ไร่กาญจนกิจ ที่ได้จากธนู เป็นเครื่องผูกมัด
และรวบรัดแต่งงานกับศิริศร แน่นอนหญิงสาวคงไม่มีทางเลือก
เอกนั่งลงบนเก้าอี้ ยิ้มหวาน เพราะอีกไม่นาน เขาก็จะสมรัก
กับหญิงที่เขาปรารถนาเพียงหนึ่งเดียว ที่เอกคิดในตอนนี้คือ
ต่อให้แลกกับทุกอย่างในชีวิต เขาก็ยอม...เพราะตอนนี้ เอกคิดว่า
ตนได้ชำระความให้บิดาไปแล้ว เพราะอีกไม่นาน ธนูก็ต้องตาย
ด้วยพิษยาสั่ง ตอนนี้เหลือเพียงความรักที่เขาต้องการ
ต้องการมากขึ้นจนถึงขีดสุด....

"ลูกศร...เธอเป็นคนเดียวที่พี่ จะยอมมอบทุกสิ่ง
พี่ยอมมอบทุกอย่างให้เธอ
ถึงแม้ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดที่พี่หามาได้ มันก็ไม่อาจเทียบได้
แม้แต่เพียงคืนเดียวที่พี่จะสมปรารถนากับเธอ
พี่รักเธอมากนะ...ลูกศร พี่รักเธอที่สุด
ที่พี่ชั่วเหมือนปีศาจ ก็เพื่อจะได้คุ้มครองนางฟ้า
เธอคือนางฟ้าของพี่ นางฟ้าที่คุ้มครองให้พี่มีความสุขตลอดไป
ลูกศร...ลูกศร...ลูกศร...พี่รักลูกศร...พี่ รักลูกศร...ได้ยินไหม พี่รักเธอ..."

เอกที่นับวันจะโหดเหี้ยมอำมหิตขึ้นเรื่อยๆ แต่ความรักที่เขามอบ
ให้แด่ศิริศร นับวันจะรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน เฉกเช่นเดียวกัน
สมิงดำที่ชั่วร้าย มีความรักที่บริสุทธิ์ เหมือนธารน้ำใส ในหุบเขา
สีดำสนิทแต่มันจะพอที่จะชะล้างเขาสีดำนี้ ให้กลายเป็นเขา
เขียวชะอุ่มหรือไม่.... เพราะสีดำของเขาแห่งนี้ มันกินไปถึงเนื้อใน
ลึกจนถึงแก่นกลางใจ....
..........................

เดวิดหยางลุกขึ้นยืน แล้วโค้งไปยังเหล่าสื่อมวลชนรวมทั้ง
คณะผู้บริหาร และผู้เสียผลประโยชน์ทุกคน จากนั้นเขาจึง
เดินออกมายืนเคียงข้างศิริศร เขากล่าวออกมา
ด้วยน้ำเสียงสุภาพ เหมือนนักวิชาการที่เปี่ยมด้วยความรู้
พร้อมด้วยคุณธรรมสูงส่ง

"ก่อนอื่นผมขอกล่าวขอโทษทุกท่าน
ที่ทำให้ทุกท่านต้องมาอยู่ในสถานะการณ์เช่นนี้
ความจริงที่คุณศิริศรกล่าวออกมานั้น
ผมเข้าใจความจำเป็นของเธอดี ทุกท่านลองจินตนาการดูนะครับ
เด็กผู้หญิง อายุเพียง 22 ปีต้องมาบริหาร องค์กรการค้า
ที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ย่อมเกิดความกดดัน
จะทำอย่างไรที่จะก้าวข้ามความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ของคุณธนูที่เป็นผู้ก่อตั้ง เพาวเวอร์อินฟินีตี้ไปได้..."

เดวิดหยางกวาดตาไปยังสื่อมวลชน
และคณะผู้บริหาร แล้วจึงกล่าวต่อ

"คุณศิริศร จึงมาสอบถามผมว่าควรทำอย่างไร
ที่จะทำให้บริษัทในเครือทั้งหมด
มีความมั่นคง เพื่อให้เพาวเวอร์เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
ผมเสนอแนวทางที่สุจริต เพื่อดำเนินธุระกิจอย่างมั่นคง
แต่คุณศิริศรมีความรู้ ลึกซึ้งเกินกว่าเด็กหญิงทั่วไป
เธอบอกผมว่ามันมีอีกทาง ที่มันอาจจะเสี่ยงไปหน่อย
แต่จะส่งผลให้กิจการเติบโตเป็นไปตามเป้า
อย่างมั่นคงนั่นคือ...การใช้แผนหมุนเวียนการลงทุน...
ซึ่งผมเองที่ผิด...ที่ไม่อาจเกลี้ยกล่อมให้คุณศิริศร
ให้เปลี่ยนใจในการใช้แผนแบบนี้ได้...ความจริง
ผมนึกไม่ถึงว่า คุณศิริศร จะกล้าใช้แผนแบบนี้ ผมนึกไม่ถึงจริงๆ..."

ใบหน้าของเดวิดหยาง สลดจนเกือบจะร่ำไห้
ด้วยการแสดงอย่างมืออาชีพ ศิริศรนั้นไม่มีทีท่าตื่นตระหนก
กับคำโกหกที่แนบนียนของเขา นั่นเป็นเพราะศิริศร
คิดไว้ก่อนแล้วว่าจะเจอลูกไม้ของบุคคลที่ได้ชื่อว่า .....
เดอะเมจิกเชี่ยน เพราะนอกจากความแหลมคำทางด้านความคิด
แผนการณ์ที่แทบไร้จุดอ่อน กับการแสดงที่สมบทบาท
ความสามารถของ เดวิดหยางไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
เขาได้จากประสบการณ์ล้วนๆ ศิริศรเข้าใจดีว่า เดวิดหยาง
ต้องการให้เธอโกรธจนเสียศูนย์ นี่เป็นหมัดเด็ดหมัดที่หนึ่ง
ที่ต่อยเข้าใบหน้าของหญิงสาว ที่ไม่ควรมีอะไร
มากกว่าความสวย แต่เดวิดหยางก็ประมาทหญิงสาวเกินไป
...ประมาทเป็นครั้งที่สอง

"ค่ะ...ดิฉันก็เคยได้รับคำแนะนำดีๆ จากคุณหยางเช่นกัน
ว่าทำไมถึงไม่เลือกวิธีอะไรนะคะ...
เอ๋อ!...วิธีหมุนเวียน เพิ่มมูลค่านี่เอง ว่าถ้าดิฉันทำแบบนี้
จะได้ทุนทรัพย์มาหมุนเวียนในระบบของการลงทุนต่ออย่างไม่รู้จบ
แต่ดิฉันก็จึงบอก...คุณหยางไปว่า
...คุณหยาง ดิฉันยังอ่อนประสบการณ์
เรื่องนี้อาจสร้างภาระให้คุณหยาง แต่ถ้าดิฉันจะทำเอง
ดิฉันจะมีสติปัญญาไปทำอะไรที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อนเช่นนั้นได้
ดิฉันจึงตอบปฏิเสธ คุณหยางไป...."

ทุกคนต่างงงงวยว่าใครกันแน่ ที่พูดโกหก เดวิดหยาง
ยิ้มอย่างเคร่งเครียด เพราะเขารู้ตัวอีกครั้ง จะเล่นงานนกยูงน้อยคนนี้
ไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายอย่างที่เขาคำนวณไว้แต่ต้น
คำพูดที่ค่อนข้างนิ่ง เริ่มมีแกว่งเล็กน้อย

"คุณศิริศร...ผมพยายามช่วยคุณนะ
ยอมรับความจริงเถอะครับ
ถึงทุกอย่างก็จะสิ้นสุด แต่กิจการเพาวเวอร์ก็ยังคงอยู่..."

"ดิฉันก็พยายามช่วยคุณ จากกับดักที่คุณสร้างขึ้น
เพื่อแก้แค้นคุณพ่อ ให้ภรรยาคนแรกของท่าน นั่นก็คือคุณแม่ของคุณ
คุณมาเรียหยาง...ใช่ไหมคะ"

"..............."

"ดิฉันดิดอยู่นาน ว่าคุณจะเอาชื่อเสียงที่แสนจะโด่งดัง
มาแลกกับเม็ดเงินจำนวนเล็กน้อยที่คุณจะได้จากการก่อการแบบนี้
เพื่ออะไร...ใช่แล้วคนเรา จะทำอะไรก็ได้ ถ้าบังเกิดความแค้น
ที่ฝังลึก ตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะคุณอาจคิดว่า
คุณวิลเลี่ยมหวังหลอกลวงคุณแม่ของคุณให้ระทมทุกข์
อย่างเดียวดาย...แล้วคุณวิลเลี่ยมหวัง ก็คือ คุณพ่อของดิฉัน
ท่านประธาน ธนู อิสระชน
ใช่ไหมคะ...คุณไมเคิลหยาง แล้วคุณก็เปลี่ยนชื่อเป็น เดวิดหยาง"

เดวิดหยาง ตกตะลึงจนตาค้าง เพราะนึกไม่ถึงว่าในเวลาอันสั้น
ศิริศรไปสืบข้อมูลเชิงลึกของเขา มาจากที่ใด แน่นอนที่เขานึกไม่ถึง
เพราะข้อมูลของเขาได้มาจาก สมาพันธ์ห้ามังกร ที่มีเครือข่าย
กว้างไกลถึง ประเทศสิงคโปร์ จากความช่วยเหลือจาก
มังกรสาวลัดดาวรรณที่ศิริศร โทรไปขอความช่วยเหลือ...นั่นเอง
ศิริศรมิได้มีความคิดนอกกรอบเท่านั้น แต่เธอคิดนอกกรอบ
ออกไปไกลแสนไกล

เธอต้องหาเหตุผลให้คนส่วนใหญ่เชื่อเธอ ดังนั้น ข้อมูลยิ่งมาก
เธอจะเข้าถึงศัตรูมากขึ้นนั่นเอง เดวิดหยางโกรธจนมือสั่นไหว
ที่ถูกจี้จุดอย่างจัง เขาประมาท แม่นกยูงน้อยคนนี้มากเกินไป
ไม่สิ...เธอไม่ใช่นกยูง ที่มีเล็บแหลมคม แต่ศิริศร
เป็นนางพญาอินทรีย์ ที่มาพร้อมด้วยกรงเล็บที่มีพลังมหาศาล
จงอยปากที่คมกริบ สามารถฉีกผิวหนังที่หนาดุจดังจระเข้ยักษ์
อย่างเขา แล้วข้อสำคัญ สายตาของเธอกว้างไกลจนเห็นเหยื่อใน
ระยะห่างออกไป นับสิบกิโลเมตรได้...

ตอนนี้ทางเดียวที่จะรอดพ้นวิบากกรรม ก็คือ เขาต้องดำลงใต้น้ำ
เพื่อรอดพ้นกรงเล็บจากเธอไปก่อน ตอนนี้
เขาทำได้เพียงแค่นี้ เท่านั้น....

"หึๆๆ...ฮาๆๆ... คุณศิริศร คุณคงอ่านนิยาย ประเภทเพ้อฝันเกินไป
จึงเอาเรื่องโน้น มาต่อเรื่องนี้ แล้วมาหาความชอบธรรมให้ตนเอง
มันน่าขันนะ...ที่คุณจะเอาข้อมูล ที่คุณแม่ผม เคยอยู่กินกับคุณธนู
แล้วมาบอกว่า...ผมเป็นคนวางแผนที่ชั่วช้าเช่นนี้...นี่คุณศิริศร
คุณออกจะดูแคลน ความเป็นมืออาชีพแบบผม...
ว่าผมแค่ต้องการเงินเพียงเล็กน้อย..."

ศิริศรตัดบทเดวิดหยาง ที่จะอธิบายต่อ ทันที ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
ชวนให้เคลิบเคลิ้ม แต่เป็นเหมือนการถีบให้ จระเข้ร้ายอย่างเขา...
หงายท้องอีกครั้ง

"เดี๋ยวค่ะ...ที่ดิฉันว่าเป็นเงินเล็กน้อยก็คือ...จำนวนเม็ดเงิน
ที่คุณยักยอกไปจาก เพาวเวอร์อินฟินีตี้ ประมาณแค่ 50 ล้านบาท
บวกกับเงินรายได้ จากการเล่นแปรธาตุ ในตลาดการค้าตราสารหนี้อีก...
140 ล้านบาท รวมทั้งตลาดมืดที่คุณ รับเดิมพัน ในการล่มสลาย
ของ...คดีความของ เพาเวอร์อินฟินีตี้
ดิฉันก็แอบไปร่วมสนุกด้วยเงินส่วนตัว
ในวงเงิน...5 ล้านบาท...ว่าเพาวเวอร์อินฟินีตี้...จะไม่ล้ม...
ขอโทษนะคะ ที่ดิฉันต้องทำผิดกฎหมายบ้านเมือง
ในคดีเล่นการพนันแต่ดิฉัน อดไม่ได้จริงๆ
ที่จะตอดเล็ก ตอดน้อยจากคนที่กำลังคิดร้าย
ในกิจการของ...คุณพ่อ...ดิฉัน..."

เดวิดหยางแทบล้มทั้งยืน นอกจากนางพญาอินทรีย์คนนี้
จะมีที่เขาคิดแล้ว ลูกสะบัดหางของเธอยังรุนแรงยิ่งนัก
เล่นงานได้อย่างแม่นยำยิ่งกว่า แถมเหมือนก้าวล้ำนำหน้า
เขาไปหนึ่งก้าวเสมอ หญิงสาวอ่านเขาออก
เกือบทุกเม็ด ภายในใจของเดวิดหยางยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น

'...มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง...เดอะเมจิกเชี่ยน จะต้องไม่พ่ายแพ้
ให้เด็กผู้หญิงคนนี้...อย่างหมดรูปแบบนี้
...ไม่มีทาง...ไม่มีทาง...ไม่มีทาง...'

ศิริศรยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย กล่าวออกมา อย่างรู้ความคิด
ของเดวิดหยาง เธอกล่าวอย่างเนิบช้า บาดใจผู้ฟัง
จนถึงจิตวิญญาณของชายหนุ่มผูอหังการ์คนนี้

"มีทางซิคะ!...คุณไม่ได้พ่ายแพ้แก่ดิฉัน...
แต่...คุณพ่ายแพ้ให้กับตนเองต่างหาก
คุณถือความแค้นมากเกินไป จึงทำอะไรสิ้นคิดเช่นนั้น
ดิฉันวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นให้คุณเผยโฉม
ดิฉันเฝ้าจับตาคุณมาตลอด
เพื่อให้คุณลงมือ...เพื่อให้คุณเข้ามาสู่กับดัก...ในครั้งนี้
คุณย่ามใจเกินไป...ที่คิดว่า...ดิฉันยังเด็ก ไม่รู้เท่าทัน
เหลี่ยมร้ายลึก ของคุณ
คุณจบสิ้น...เพราะคุณ...ประมาทดิฉัน...เกินไป..."

เดวิดหยาง มองไปรอบๆ สายตานั้นไม่พยายามมอง
นฤมลที่ในยามนี้เธอยังคงยิ้มอย่างเยือกเย็น นฤมลเยือก
เย็นจนจะกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว เพราะนฤมลก็นึกไม่ถึงว่า
ลูกแกะน้อยตัวนี้จะแปลงร่างเป็นนางสิงห์อย่างกระทันหัน
แถมเป้าหมายที่แท้จริงของนางสิงห์น้อย ยังคิดจะ
กระชากหน้ากากของนางพญาจิ้งจอกขาวพันปี อีกด้วย...
นฤมลก็รู้สึกตนว่า...เธอประมาทเด็กน้อยคนนี้...มากเกินไป....
แต่นฤมลคิดออกมาทันทีว่า...เรื่องที่ศิริศร
กล่าวออกมา จริงเพียงส่วน ไม่จริงอีกหลายส่วน

เพราะเธอไม่เชื่อว่าศิริศรจะเอาชื่อเสียงของ เพาวเวอร์ฯ
มาเล่นเกมจับหนู ในองค์กร เพราะมันเสี่ยงเกินไป
เธอกล่าวแบบนั้นเพื่อให้เดวิดหยาง คิดว่าตนพ่ายแพ้อย่างแท้จริง
เพื่อให้เขาสารภาพทั้งหมด ว่าเขาร่วมมือกับคนภายนอกด้วย
นั่นก็คือตัวนฤมลเอง...ตอนนี้เธอได้แต่หวังว่า เดวิดหยาง
จะใช้ความคิดที่ว่า
่ขอเพียงเหลือขุนเขา จะกลัวใย ที่จะไร้ฟืน....เผาป่าแห่งนี้....'
แล้วเดวิดหยางก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา อย่างยาว
นาน เหมือนคนที่กำลังจะบ้า...แน่นอนว่าเขาไม่บ้า
เพราะเรื่องแค่นี้อย่างแน่นอน...

"ฮาๆๆๆๆ.....คุณหนูศิริศร...คุณนี่เก่งมากนะครับ
ที่เอาเรื่องแบบนี้มาหาความชอบธรรม...
ในการเอาตัวรอดตัวแต่เพียงผู้เดียว
แผนการณ์ของคุณก็คือให้คนเชื่อว่า
ผมทำเรื่องพวกนี้แต่เพียงผู้เดียว
ร้ายกาจ...ร้ายกาจจริงๆ...ลูกศิษย์ของผม...ฮาๆๆๆๆๆ...
ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ผมขอประกาศให้ทุกคนในที่นี่ทราบก็ได้
ว่าผมเป็นคนทำเอง...ผมทำเองทั้งหมด...แต่มันเป็นคำสั่งของ
คุณธนู...คุณธนู อิสระชน เพื่อเสริมสภาพคล่องของเพาเวอร์อินฟินีตี้
ที่มันใกล้จะล้มละลาย...บัญชีที่ผมถือไว้....คือหลักฐาน
หลักฐานว่า เพาวเวอร์ มันกำลังจะล้มละลาย จากการวางนโยบาย
ที่ผิดพลาดของคุณ...คุณคิดจะรอดตัวคนเดียว
ผมไม่ยอม...ถ้าจะเจ๊ง...มันต้องเจ๊งด้วยกัน...ทั้งหมด...ฮาๆๆๆๆ..."

ธนูตกตะลึง แล้วก็เดือดดาลจนลุกขึ้นมาอย่างลืมตัว ร้องเสียงดังลั่น

"เฮ้ย!...ผมไปสั่ง ให้คุณทำเรื่องแบบนี้ ตอนไหน...คุณเดวิด"

เดวิดหยาง เพียงชำเลืองมองธนูเพียงเล็กน้อย
เหยียดยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ศิริศรจ้องดวงตานิ่ง เธอเหมือนไม่รู้สึก
ในคำพกลมนั้น แต่ความจริงเธอโกรธแทบจะระเบิดออกมา
เพราะเธอคิดว่า ว่าจระเข้ร้ายตนนี้ ถึงมีแรงเหลืออยู่น้อยนิด
แต่ก็เป็นแรงเฮือกสุดท้าย ที่สามารถจู่โจมศัตรูที่กล้าแข็ง
ให้ตกตายไปพร้อมกัน เป็นการต่อสู้ ระหว่างความเป็น
และความตายอย่างแท้จริง จนเธอรู้สึกนับถือ ในความร้ายกาจ
ของเขาผู้นี้ไม่ได้ ทุกคนในห้องแถลงการณ์ ต่างร้องหือ
อย่างตื่นเต้น กับเกมที่กำลังจะพลิกอีกครั้ง ศิริศรสลายรอยยิ้ม
เปลี่ยนดวงตานั้น ให้ดุดันมากยิ่งขึ้น จับจ้องดวงตาที่มีแต่ความแค้น
ของ เดวิดหยางอย่างไม่กระพริบ หญิงสาวกระซิบด้วยเสียง
อันแผ่วเบา อย่างเหลืออด

"นี่ถึงขนาดจุดไฟเผาตนเองเพื่อตายไปด้วยกันเลยหรือ...เฮียไมเคิล..."

"ใช่แล้วน้องสาว...ถ้าเฮียต้องล้ม...มันต้องล่มจมกันหมดไม่มีเหลือ...
น้องรักของเฮีย...หึๆๆ ฮาๆๆๆๆ..."

สถานะการณ์ตอนนี้คับขันเป็นอย่างยิ่ง มีเกินครึ่งที่เชื่อ
เดวิดหยาง ว่าศิริศรเอาตัวรอดจากการวางแผนในการบริหารผิดพลาด
นั่นเป็นเพราะหลายคนไม่เชื่อว่าผู้หญิงอายุเพียง 22 จะบริหาร
การค้าจนรุ่งเรือง ได้จากความสามารถ เธอต้องใช้วิธีนอกลู่นอกทาง
จึงทำให้กิจการเติบโต เดวิดหยางเพียงต้องการทำลายความน่าเชื่อถือ
ของหญิงสาว เขาคิดว่าถ้าความเชื่อมั่น ของคู่ค้า
หรือคนทั่วไปในเพาวเวอร์ต้องสิ้นสลายไป ก็เท่ากับทำหมัน
ความสำเร็จในอนาคตของกิจการแห่งนี้ เดวิดหยางเหยียดยิ้ม
อย่างผู้ชนะ ทั้งที่ตนเองพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
แล้วทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

"ถ้าคุณหยางหมายถึง บัญชีเล่มนั้น มันใช้การไม่ได้ค่ะ
เพราะมันเป็นบัญชีปลอม
บัญชีที่แท้จริง อยู่ในมือ...ของดิฉัน...คนนี้ ดิฉัน
อติตา อริพ่าย สมุห์บัญชีของเพาเวอร์อินฟินีตี้
ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเต็ม...เกี่ยวกับการทำบัญชี"
..........................

จอมตอนนี้หายจากอาการบาดเจ็บไปห้าสิบเปอร์เซ็น
เขาออกมาจากถังน้ำขนาดใหญ่ เดินกระโผลกกระเผลก
ไปที่เตียงนอน จอมได้เปิดวิทยุเพื่อฟังเพลง
หรืออาจมีคนส่งข่าวเพื่อไห้เขา ได้ทำงานที่ถนัด ด้วยความเคยชิน
สถานีวิทยุเปิดเพลงไปเรื่อยๆ จนถึงจดหมาย
ที่เป็นการระบายอารมณ์จากแฟนเพลง ที่ใช้ชื่อ
'ก. ณ.ท่าจันทร์'

'.....มาถึงจดหมายของคุณ ที่ใช้ชื่อว่า ก. ณ.ท่าจันทร์นะครับ
หายไปนานเลยนะครับ สำหรับคุณ ก. เอ่อ! เชิญรับฟังนะครับ
ในตีสอง ตอนดึก วันอาทิตย์
โปรดจงติด ต่อมา ตามประสงค์
มีงานด่วน ควรค่า น่าปลดปลง
กล้าต่อตรง บ่งชี้ ที่บ้านนา
จาก.... ก. ณ. ท่าจันทร์
ขอเชิญรับฟังเพลง...มอง ของคุณสุรพล สมบัติเจริญ ได้แล้วครับ...'

จอมลุกขึ้นมานั่งรำพึงออกมาอย่างสงสัย

"เฮียกล้ามีงานอะไรให้เราทำนะ...อืม!...
ถามตัวเองแบบนี้จะรู้ได้ยังไงวะไอ้จอม...
ถ้าอยากรู้ เราก็ต้อง โทรไปถาม...หึๆๆๆ
มีงานมาให้แก้เซ็ง ก็ดีเหมือนกัน..."

แล้วจอมก็ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนเพลีย พอรู้ว่าจะได้งานจากกล้า
จอมก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันใด เพราะชีวิตของจอม
ดำรงต่อได้ด้วยการฆ่า ....เท่านั้น.....
......................

อติตาเดินถือเอกสารปึกใหญ่โดยมีลูกน้องอีกสามคน
ช่วยกันหอบนำสมุดบันทึกบัญชี พร้อมด้วยบิลต่างๆ
ที่ใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชีรับจ่าย
ทั้งหมดของเพาวเวอร์ ทั้งของเพาวเวอร์อินฟินีตี้
รวมทั้งบริษัทเครือข่าย ทั้งหมดมามอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
เพื่อดูผลประกอบการ ในปีที่แล้ว เธอตรวจสอบเรียบ
ร้อยแล้ว อติตากล่าวมาอีก

"คุณเดวิดหยาง...คุณใช้จดหมายปลอม
เพื่อให้ดิฉันเดินทางไปฟลอเรนซ์
ในช่วงที่เกิดลมพายุ เพื่อให้ดิฉันกลับมาไม่ทัน
คุณนี่ช่างแยบยล แยบยลมาก
แต่คุณลืมคิดไปนิด ว่าดิฉัน นั่งรถไฟไปที่มิลาน
แล้วต่อเครื่องมาที่กรุงเทพ...
ไม่งั้นดิฉันคงกลับมาไม่ทัน..."

เดวิดหยาง คราวนี้ถึงกลับลงไปนั่งอย่างหมดสภาพ
ตอนนี้เขาดิ้นไม่หลุดแล้ว ดิ้นไม่หลุดอย่างสิ้นเชิง
เขากลายเป็นจระเข้ตัวน้อย ที่ถูกอะไรบางอย่าง
ถีบให้ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ เพื่อให้ นางพญาอินทรีย์จิกขึ้นมาบนท้องฟ้าสูง
แล้วปล่อยลงมากระแทกพื้นจนแหลกสลาย...เจ้าหน้าที่
ของโกลด์ไลอ้อน ที่มาฟังผลการตัดสินเดินมาต่อหน้าเดวิดหยาง
กล่าวออกมาอย่างเย็นชา เป็นภาษาอังกฤษแปลว่า

"พวกเราผิดหวังในตัวคุณมาก
คุณทำให้โกลด์ไลอ้อนต้องเสียชื่อเสียง
เพราะความละโมบของคุณ หรือไม่ว่าเพราะอะไรก็ตาม
คุณเห็นแก่ตัวมาก
ที่นำชื่อเสียงอันยาวนานของพวกเรามาเหยียบย่ำแบบนี้
ผมจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคุณ....เอ่อ!!...แล้วต่อไป
คุณห้ามใช้ฉายา เดอะเมจิกเชี่ยนอีกตลอดชีวิต
เพราะคุณเป็นได้แค่คนขี้โกงเท่านั้น"

จากนั้นตัวแทนของโกลด์ไลอ้อนก็กล่าวขอโทษทั้งศิริศร
กับธนู รวมทั้งผู้ร่วมลงทุนทุกคน พร้อมเอ่ยผ่านล่ามได้ใจความว่า

"เรื่องผู้ที่เสียหายจากเหตุการณ์นี้
ทางโกลด์ไลอ้อนขอจ่ายเองทั้งหมด รวมทั้งดอกเบี้ยที่ท่าน
สมควรจะได้รับจากเราทุกเพนนี...ภายในเวลาที่คุณศิริศรกำหนด
ที่สำนักงานโกลด์ไลอ้อน...แล้วจากนี้ทางบริษัทเรา ขอกลับไปทบทวน
ในการขยายการค้าด้วยตราสารหนี้อีกครั้ง....
ผมในนามของโกลด์ไลอ้อน
ขออภัยในณ.ที่นี้ด้วย...ขออภัยจริงๆครับ...
ที่ทำให้พวกท่านต้องเดือดร้อน"

ศิริศรเดินไปคุกเข่าต่อหน้า เดวิดหยาง เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียง
ที่เป็นมิตร เหมือนน้องสาวคุยกับพี่ชาย เพราะความจริง
ถ้านับกันตามศักดิ์ เดวิดหยาง ก็คือพี่ชายเธอเช่นเดียวกัน
ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องด้วยสายเลือด

"เฮียไมเคิล...บอกลูกศรได้ไหมว่า ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง
เพราะลูกศรไม่คิดว่าเฮียจะทำคนเดียว
โทษหนัก ก็จะลดลง นะคะเฮีย..."

เดวิดหยางไม่เหลือบมอง นฤมล แล้วเดวิดหยาง
ก็แสยะยิ้ม...กล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย

"ถ้าเธอคิดว่าฉันเป็นพี่ชาย...
เฮียก็ขอบอกตามความจริง คนที่ร่วมมือกับเฮีย
ก็มีแค่....คุณ.......ชัยณรงค์ เท่านั้น...หึๆๆๆ..."

แล้วเดวิดหยางก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวไปสอบสวนทันที
ชายหนุ่มเดินจากไปอย่างเงียบงัน เขาเดินผ่าน อติตา
เขาส่งยิ้มให้เธอเล็กน้อย แล้วเดินจากไป อติตารู้สึกเศร้าใจลึกๆ
ว่าเป็นคนส่งให้ผู้ชายที่มีใจให้เธอต้องติดคุก ติดตะราง
ส่วนศิริศรหลังจากแจ้งให้โฆษกกล่าวตามที่เธอบอก
เธอจึงเดินไปยืนต่อหน้า นฤมลที่ตบมือให้ศิริศรอย่างช้าๆ
ดวงตาของทั้งคู่จับจ้องกันอย่างไม่กระพริบ นฤมลลุกขึ้นยืน
เพื่อจะเดินจากไป แต่ศิริศรเอ่ยออกมา

"คุณมาริสา...หว่อง...ขอเชิญคุณไปคุยกับดิฉัน
ในห้องประชุมย่อย...ว่าแต่...คุณมีความกล้าพอไหม...คะ..."

"ได้สิคะ...ดิฉันก็อยากจะคุยกับคุณหนู
สอง...ต่อ...สอง..เหมือนกัน..."

"เชิญทางนี้ค่ะ...คุณมาริสา..."

ศิริศร เดินนำนฤมลไปที่ห้องประชุม ธนูรีบเดินติดตามทั้งสองไป
เพราะเขาเกรงว่า ทั้งสองจะมีเรื่องวิวาทกัน
เขาผ่านทั้งเยาวเรศ และอติตาอย่างร้อนรน
มันทำให้สองสาวเสียใจโดยทันที

ภายในห้อง ประชุมย่อยเมื่อประตูปิด ศิริศรหันมาจ้องตา
ของนฤมล ด้วยสายตาที่มีแต่ความเคียดแค้นเธอเอ่ย
ออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"คุณมาริสา...คุณมีอะไรจะสารภาพกับดิฉันหรือเปล่าคะ
แต่ความจริงดิฉันควรเรียกคุณว่า
...นฤมล เจริญบูรพา...ใช่ไหมคะ.."

"หึๆ...คุณหนู...สมแล้ว ที่เป็นลูกของ น้องนรี
ฉลาดหลักแหลม...แต่ก็นะ...คุณหนูไม่เจ้าปัญญาเหมือนแม่...
นี่คงเพราะ ได้เลือดพ่อมาด้วยละสิ!..
ถึงได้บ้าบิ่น และขาดความยั้งคิด
ไม่รู้ว่าใครควรเผชิญหน้า หรือควรหลบ...หลีก..."

"เผยโฉมออกมาจนได้นะ...คุณนฤมล
ดิฉันแค่อยากรู้ ว่าพวกเราไปทำอะไรให้คุณนักหนา
คุณถึงได้จองเวร จองกรรมไม่รู้จักจบสิ้นแบบนี้"

"ถ้าคุณหนูสืบประวัติของ เดวิดหยางซะละเอียดขนาดนั้น
ทำไมไม่สืบประวัติ....ของพ่อ...คุณด้วยล่ะ
ว่าเขาเคยทำอะไรใครไว้บ้าง เขาถึงได้มีแต่ศัตรู รอบตัวแบบนี้
คุณหนู...คงจะลืมสืบประวัติของเขาล่ะสิ...หึๆๆๆ...
แต่...ก็ช่างเถอะ...ถ้าคุณหนูรู้เรื่องกฎแห่งกรรม
คุณหนูควรรู้จักกฎอีกชนิดหนึ่ง.....กฎที่ดิฉันยึดถือมาตลอด
นั่นคือ...'เวร...ต้องระงับ...ด้วยการ....จองเวร'....
แล้วดิฉันก็มักจองเวรแบบลึกซึ้ง... ถึง....โ-ค-ต-ร- เหง้าศักราชมัน
ทีนี้คุณหนูพอจะเห็นภาพอะไร...หรือยัง..."

"ไม่ค่ะ...ดิฉันไม่คิดเช่นนั้น...ความจริงคุณไม่ได้แค้นคุณพ่อ
คุณนฤมลแอบรักท่าน ถึงได้ใช้ยาเสน่ห์ ประเภทยาสั่ง ที่มีชื่อว่า
ปรารถนาสิ้นวิญญาณ...กับท่าน
เพื่อที่คุณจะสมรัก...สมหวังลึกๆ...
มิเช่นนั้นคุณ...จะไม่เอาตัวเข้ามาเสี่ยง แบบนี้.."

นฤมลโดนจี้...อย่างถูกจุด...เพราะหญิงสาววิเคราะห์
ได้อย่างแม่นยำ ราวกับว่า ศิริศรรู้จักตนเองมายาวนาน
แต่เรื่องแค่นี้ ไม่สามารถทำลายกำแพงจิตใจของเธอได้
นฤมลแย้มยิ้มแล้วเดินเข้าใกล้ศิริศรชนิด ตาจ้องกัน
ในระยะไม่เกินหนึ่งไม่บรรทัด เอ่ยด้วยเสียงที่มีแต่ความยั่วยวน

"ใช่แล้ว...ดิฉันแอบรักเขา...
แต่เป็นความรักของแมงมุมที่มีแต่เหยื่อของมัน
หรือแม้แต่ความรักของตั๊กแตนตำข้าว
ที่เมื่อตัวผู้ผสมพันธ์...มันต้องหนีให้เร็ว เพราะไม่เช่นนั้น
มันต้องโดนตัวเมียตัวนั้น...จับกินอย่างทรมาน..."

"ถ้าอย่างนั้น คุณสมเจตน์...ก็คงถูกคุณจับกินด้วยน่ะสิ
คุณนฤมล....เพราะคุณบอกว่าเป็นเหมือนตั๊กแตนตำข้าว
ใครที่มัน ไปมีอะไรกับคุณ...คงต้องตายหมด...หึๆๆ...แบบนี้เข้าตำราที่ว่า
ผู้หญิง...กิน...สามี...ใช่ไหม...คะ..."

นฤมลไม่เคยรู้สึกโกรธใครเช่นนี้มาก่อน... เธอโดนเด็กผู้หญิงคนนี้
เล่นงานด้วยคำพูดที่แทงเข้าใจทุกคำ...มันแทบจะจริงอย่างที่เธอว่า
...เพราะใครที่มีความสัมพันธ์กับเธอ ล้วนตายสิ้น....แต่นฤมล
ก็ยังคงเป็นนฤมล ต่อให้รู้สึกโกรธมากแค่ไหน เธอก็ยังสลาย
ความโกรธไปได้ ในเหตุเฉพาะหน้า เธอจึงยื่นมือมาลูบที่แก้มนวลของ
ศิริศรอย่างแผ่วเบา เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม ที่เย้ยหยัน

"มันก็เหมือนพ่อของเธอนั่นแหละสาวน้อย
ดวงของพ่อเธอ ก็ไม่ต่างอะไรกับดวงของฉัน...
เธอลองมอง...ดูสิ...ดูไปรอบๆ
มาเรียหยาง ก็ตาย...เพราะดันไปยุ่งกับมัน
แม่ของเธอก็อีกตัวอย่าง ความจริงชีวิตจะต้องยืนยาว
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับคุณท่าน แต่มันไม่รักดี
ไปรักไอ้ผู้ชายอัปมงคลแบบไอ้ภาคี แล้วสุดท้าย...หล่อนก็ตาย...หึๆๆๆ...
ตอนนี้คงต้องวัดดวงกัน ...ว่าระหว่างมัน กับฉัน นฤมลคนนี้
ดวงใครจะแข็งกว่ากัน..."

ทันใด ประตูห้องประชุมเปิดออก แล้วผู้เข้ามาก็คือ ธนูนั่นเอง
ทั้งสองหันมามองเขาเป็นตาเดียว... ความจริง
ธนูยืนอยู่ตรงนั้นมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้ยินทุกคำพูด
ของทั้งบุตรสาว และคนที่เขาคิดว่ารักหมดหัวใจ.....
นฤมลตกใจจนหน้าซีด เพราะคิดว่า ถ้าเขายืนอยู่หลังประตู
เขาก็ควรได้ยินใจความสำคัญ และสำคัญมาก
แต่ทำไมเธอต้องเกรงกลัวว่าธนูจะได้ยิน
เธอก็ไม่รู้ตัวว่า เกรงกลัวเพราะอะไร.....

---------------------------










ภูวีร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2558, 21:26:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2558, 22:30:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1421





<< เผชิญหน้า...ศัตรู   แค้น ซ่อน รัก... >>
หนอนหนังสือ 21 ม.ค. 2558, 22:27:12 น.
สงครามแห่งสติปัญญาครั้งนี้ผู้ชนะได้แก่ น้องลูกศร ศิษย์...อะไรดี อิอิ
แต่คงเหลือสงครามอย่างอื่นอีกที่เธอต้องเผชิญใช่ไหมคะ ศัตรูมีอยู่รอบตัวไปหมด
เห็นแว๊บๆว่าพี่จอมใกล้จะได้เวลาออกมาวาดลวดลายแล้ว (เมื่อไหร่จะครบเก้าชีวิตเนี่ย) รอเลยค่ะ
รออยู่ทุกๆตอนอย่างใจจดใจจ่อ สนุกกว่าละครสายลับสามมิติอีก ฮ่าๆๆ


ภูวีร์ 21 ม.ค. 2558, 22:57:19 น.
ยกที่หนึ่ง (หรือเปล่าน๊าาา) ลูกศร ศิษย์ครูหยาง ถล่มอาจารย์เสียราบคาบ จนอาจารย์ต้องนอนแปลออกไปจากผืนผ้าใบ คาดว่า อาจเสียมวย ไม่อาจต่อยได้อีกตลอดชีวิต (โหดจริงๆ แม่สิงห์สาว) แต่คู่ต่อสู้ของเธอยังมีอีกเพียบ แล้วเธอจะรักษาตำแหน่งแบบนี้ไปตลอดได้หรือ... แน่นอน ก็คือความไม่แน่นอน ส่วนพี่จอมที่จะออกมาสำแดงอิทธิฤทธิ์อีกครั้ง แล้วเขาจะได้คู่หูที่โหดพอๆกัน หรืออาจจะโหดกว่า แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อสมิงกำลังจะติดปีก เพื่อถล่มฝั่งตรงข้าม
ให้ราบพนาสูญ...เพื่อเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว...รับรองว่า ทั้งคุณบูร์ทั้งลูกศร ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้น
อย่างแน่นอน....(^ ^)....


konhin 22 ม.ค. 2558, 01:54:27 น.
สุดยอดจริงๆ ดีนะมีพยานหลักฐาน ไม่งั้นก็ล้มได้ง่ายๆ
หนทางช่างเต็มไปด้วยขวากหนามจริงๆ แล้วเฮียธนูจะลุกขึ้นมาสู้กับความจริงได้หรือเปล่าเนี่ย


ภูวีร์ 22 ม.ค. 2558, 08:33:10 น.
ใช่แล้วครับ...การจะจับจระเข้ยักษ์ถึงในถิ่น ต้องใช้อะไรมากมาย ถ้าอุปกรณ์ไม่พร้อม ก็หมดสิทธิ์
และอาจเป็นเหยื่อเสียเอง แล้วใช้มือเปล่าก็ทำไม่ได้ ต้องอาศัยคอนเน็กชั่นหลายๆทาง แล้วเมื่อชนะ ก็ต้องไม่ทนงตนว่ามีฝีมือเหนือ เพราะยังมีสัตว์ร้ายในตำนานอีกหลายตน ที่เธอต้องจับ และเขาเหล่านั้น ก็จ้องจะจับเธอด้วย เกมการต่อสู้ จึงไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้อย่างแน่นอน....ตอนต่อไปจึงจะทวีความย้อนยอกขึ้นเป็นลำดับ....(^ ^)...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account