กรุ่นกลิ่นหอม...ของความรัก (YURI)
ฉันไม่ใช่แค่คนที่รักเธอ
และเธอก็ไม่ใช่แค่คนที่รักฉัน
แต่ระหว่างสองเรา คือ...คนที่รักกัน

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เพราะ ( เพาะ) รัก


เพราะ ( เพาะ) รัก

ร้านกาแฟขนาดกลาง กว้างราว 5 เมตร ลึกเข้าไปอีก 6 เมตร ซึ่งถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามจากฝีมือของมีนา บรรยากาศภายในร้านให้ความรู้สึกอบอุ่น กลิ่นหอมจางๆ จากดอกไม้ที่เธอนำเข้ามาจัดไว้ตามแต่ละมุมร้านช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย

ร้านกาแฟของมีนา เป็นร้านขนาดกลาง มีโต๊ะสำหรับนั่งทานกาแฟอยู่ในร้าน 3 ชุด และมีมุมสำหรับนั่งอ่านหนังสือเป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่งอยู่ติดกับมุมทางเข้า เธอจัดมุมหนังสือไว้ที่สำหรับลูกค้าที่ชอบการอ่านหนังสือพร้อมกับจิบกาแฟรสชาติหอมหวานไปด้วย

มีโต๊ะกาแฟอยู่ตรงกลางร้าน 1 ริมหน้าต่างถัดจากเคาน์เตอร์ออกมา ด้านซ้ายมือของเคาน์เตอร์อีก 1 และตรงมุมริมห้องอีกด้านหนึ่งของมุมหนังสืออีกหนึ่ง ประตูทางเข้าเป็นบานเลื่อน

ภายนอกร้านจัดโต๊ะสำหรับลูกค้าซึ่งชอบบรรยากาศแบบสวนหย่อมขนาดเล็กของร้านกาแฟ มีการจัดสถานที่สำหรับจอดรถของลูกค้าอย่างเป็นระเบียบภายใต้ที่จอดรถซึ่งทำหลังคาเอาไว้อย่างสวยงาม

ร้านกาแฟแห่งนี้เกิดขึ้นจากความชอบในกาแฟของสิงหาพี่ชายของเธอ และอาจเพราะร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงของเธอสักเท่าไร หลังจากที่เธอเรียนจบ
มหาวิทยาลัยด้านคอมพิวเตอร์ สิงหาจึงจัดแจงเปิดร้านกาแฟแห่งนี้เพื่อให้เธอดูแล แทนการให้เธอต้องไปทำงานในสายอาชีพที่เรียนมานั่นเอง

แต่ใช่ว่ามีนาจะไม่ได้ใช้วิชาที่เรียนมา เพราะเธอก็มักจะช่วยทำงานด้านคอมพิวเตอร์ให้กับน้าสาว และสิงหาบ้าง อีกทั้งมีงานฟรีแลนซ์ที่เธอรับมาเขียนโปรแกรมให้ด้วย

มีนามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวซีด เธอไว้ผมยาวจนถึงกลางหลัง แต่มักรวบไว้อย่างเป็นระเบียบ ดวงตากลมโต จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางสีชมพูจางๆ เธอใส่แว่นตากรอบบางสีเงิน

“หอมจังเลยนะครับ กาแฟแก้วนี้” เสียงทุ้มต่ำของสิงหาดังขึ้นมาทันทีที่เขาเดินเข้ามาในร้านกาแฟ เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงขาสั้น

ร้านกาแฟแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในบริเวณบ้านของเขา ซึ่งหากเดินอ้อมหลังร้านกาแฟแห่งนี้เขาไป จะพบบ้านหลังขนาดกลางซึ่งเขาและมีนาอาศัยอยู่กับผู้เป็นน้าสาว ซึ่งเลี้ยงเขากับมีนาแทนพ่อกับแม่ที่ต้องไปทำงานต่างประเทศ

สิงหาค่อนข้างห่วงจนถึงขั้นหวงมีนามาก อาจเป็นเพราะสิงหานั้นอายุห่างจากมีนาเกือบสิบปี จึงทำให้เขาเป็นทั้งพี่ชายและเป็นเหมือนพ่อที่คอยปกป้องลูก และดูเหมือนมีนาจะติดเขาแจเช่นเดียวกัน

“วันนี้พี่สิงห์ไม่ทำงานเหรอคะ” เสียงหวานใสถามผู้เป็นพี่ชาย เมื่อเห็นสิงหาอยู่ในชุดลำลอง เธอมองใบหน้าคมเข้มแสนคุ้นเคยของเขา

สิงหายิ้มกว้าง ดวงตาคมดุจเหยี่ยวของเขาดูอ่อนโยนเสมอเมื่อมองหน้ามีนา จมูกโด่งได้รูป ปลายจมูกรั้นเล็กน้อย บ่งบอกถึงนิสัยค่อนข้างมุทะลุของสิงหา ผิวสีแทนซึ่งต่างจากมีนาที่ขาวจนซีด

“ทำสิครับน้องมีน” เขาพูดพลางเอามือขยี้ผมคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู สิงหามักทำเช่นนี้จนเคยชินมาตั้งแต่มีนายังเด็ก จนใครต่อใครพากันพูดหยอกว่าเขานั้นทะนุถนอมมีนาราวกับไข่ในหิน

ร้อยตำรวจโทสิงหา สวัสดิ์ หรือหมวดสิงโตเป็นฉายาที่เขาถูกเรียกในที่ทำงาน อาจเพราะนิสัยที่เขามักชอบเข้าไปใกล้ชิดกับฆาตกรหรือคนที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย และจะตะครุบตัวทันทีที่ได้ข้อมูลชัดเจนซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่สิงโตชอบทำ

“วันนี้พี่จะไปสอบถามพยานบุคคลนะ ไม่ต้องแต่งเครื่องแบบ”

“เอ...แต่มีนก็ไม่ค่อยเห็นพี่สิงห์แต่งชุดเครื่องแบบสักเท่าไรนี่นา” มีนาเอียงคอเล็กน้อย เธอหัวเราะขันเบาๆ ที่ได้แกล้งหยอกสิงหาเล่น ก่อนจะเอียงตัวหลบแทบไม่ทันเมื่อสิงหาเตรียมยื่นมือมาเขกหัวของเธอ

“เดี๋ยวนี้ร้ายไม่เบานะยัยมีน มีแซวพี่อีกเหรอ”

“ใครร้าย มีนเปล่านะ ก็รักดอกจึงหยอกเล่นไง อิอิ” มีนาพูดไปยิ้มไป น้ำเสียงหวานใส เธอชอบเห็นเวลาสิงหายิ้ม เพราะแสดงให้เห็นว่าเขากำลังมีความสุข “พี่สิงห์รีบกินข้าวเลย เดี๋ยวไม่ร้อนแล้วไม่อร่อยนะ” ก่อนเธอจะรีบบอกให้เขาทานข้าวต้ม เพราะกลัวเขาจะอิ่มเพราะกาแฟเสียก่อน

“จ๋า กินแล้วครับ แหม บังคับพี่เสียจริงนะ” สิงหาตักข้าวต้มเข้าปากทันที ก่อนจะเคี้ยวตุ่ยๆ เขาแอบอมยิ้มขันคนตรงหน้า

“มีนเปล่าบังคับนะ ก็เป็นห่วงนี่นาพี่สิงห์นะไม่ค่อยชอบทานข้าว ยิ่งวันไหนงานเข้าเยอะ พี่สิงห์ก็เล่นทานแต่กาแฟทั้งวัน” มีนาค้อนให้สิงหา ก่อนจะเตรียมไปที่เคาน์เตอร์เพราะมีลูกค้าเข้ามาในร้าน

“เชอะ มีนไปดีกว่าพี่สิงห์กินข้าวให้หมดเลยนะ”

“ครับผม” สิงหามองตามร่างบอบบางของมีนาไป โชคดีที่น้องสาวของเขาแข็งแรงขึ้นมากว่าตอนเด็ก หากเป็นเมื่อก่อนสมัยมีนาเรียนอยู่ชั้นประถม เขาจะต้องลุกขึ้นมาเช็ดตัวให้มีนาตอนดึกบ่อยๆ เพราะถ้าวันไหนเธอถูกฝน เธอจะไม่สบายหนักเบาแล้วแต่สภาพร่างกายในเวลานั้น

ทว่าพอขึ้นมัธยมมีนาเริ่มแข็งแรงขึ้น เขาสอนให้เธอเล่นกีฬาพวกป้องกันตัวเอง เพราะในเวลานั้นเขาเรียนนายร้อยตำรวจ และใกล้จะจบแล้ว มีนาเริ่มแข็งแรงและไม่ทำให้เขาต้องห่วงมากเหมือนตอนเด็ก แต่เขาก็ไม่อาจจะปล่อยมือนี้ไปจากเธอได้

สิงหาลุกขึ้นก่อนจะนำชามข้าวต้มและแก้วกาแฟไปไว้ที่ล้างจาน จัดแจงล้างเสียเรียบร้อย ก่อนจะคิดถึงเรื่องงานที่ต้องไปจัดการในวันนี้ เขาต้องเข้าไปสืบเกี่ยวกับเรื่องการฆาตกรรมซ่อนเงื่อนของครอบครัวหนึ่ง ดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่พอเขาได้สัมผัสตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องในครอบครัวนั้น ทำให้เขาได้พบสิ่งผิดปกติหลายอย่าง

สิ่งที่ผิดปกติไม่ใช่เรื่องภายนอก หากเป็นพฤติกรรมที่อยู่ในตัวของแต่ละคนเสียมากกว่า ผู้ที่ถูกฆ่าตายคือหัวหน้าครอบครัวซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน สาเหตุการตายมาจากการดื่มยาพิษในแก้วกาแฟ ซึ่งในวันนั้นคนในครอบครัวอยู่ในบ้านเกือบหมดทุกคน ยกเว้นลูกชายอายุเพียงสิบปีซึ่งเกิดจากภรรยาน้อยที่ไปพักแรมกับกิจกรรมทางโรงเรียนจึงพ้นข้อกล่าวหาไปชัดเจน

บุคคลที่เหลืออยู่คือภรรยาหลวงรูปร่างอวบหน้าตาธรรมดาแต่มีสง่าราศีแบบลูกผู้ดี ลูกชายคนโตรูปร่างภูมิฐานถอดแบบกิริยาท่าทางจากผู้เป็นแม่มาเกือบจะครบ

ลูกสาวคนเล็กซึ่งดูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเพราะแต่งตัวราวกับหลุดจากหนังสือแฟชั่นชั้นนำของต่างประเทศเสียอย่างนั้น

อีกด้านหนึ่งเป็นภรรยาน้อยคนที่หนึ่ง รูปร่างผอมบอบบางแลดูเหมือนคนขี้โรค แต่แววตาเด็ดเดี่ยวจนเขารู้สึกกลัว ภรรยาคนนี้ไม่มีบุตรให้กับผู้ตาย

ภรรยาน้อยอีกคนหนึ่งอายุ 34 ปี หน้าตาสวยมาก หากจะเทียบดูแล้วเธออายุพอกับลูกชายคนโตของผู้ตายเลย หรืออาจจะอายุน้อยเสียกว่าปีถึงสองปี เธอมีลูกชายหนึ่งคนซึ่งในวันนั้นไปเข้าค่ายกับทางโรงเรียนพอดี

นอกนั้นภายในบ้านหลังใหญ่มีแม่บ้านหนึ่งคน สาวใช้หนึ่ง คนสวนหนึ่งคน และคนขับรถอีกหนึ่งคน ซึ่งทั้งหมดมีพยานที่อยู่ชัดเจน หากไม่เป็นการปกป้องกันเอง ก็คงเป็นการวางแผนร่วมกันของเหล่าคนงานในบ้าน

สิงหาไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นแผนการจากเหล่าคนงานพวกนี้ หากพวกที่น่าสงสัยหรืออยู่ในข่ายต้องสงสัยควรจะเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างภรรยาทั้งสาม และลูกอีกสองคนของผู้ตายเสียมากกว่า

มีนาเดินมาหาสิงหาหลังจากที่ลูกค้าออกไปหมดแล้ว “ทำคิ้วผูกโบอีกแล้วพี่สิงห์” ก่อนจะแกล้งแตะมือไประหว่างคิ้วคนตรงหน้า “เดี๋ยวแก่เร็วนะคะ”

“อ่า...ใครบอกพี่แก่เร็วล่ะ ดูสิยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว สาวๆ ตามติดพี่เต็มไปหมดเลยนะ” สิงหายิ้มกว้างให้มีนา

“หมวดสิงหาจอมเจ้าชู้”

“เกินไปครับ ไม่ได้เจ้าชู้ แค่มีรักเผื่อแผ่ให้ทั่วทุกคน” สิงหารับมุขของมีนาทันที เขายิ้มกว้าง รู้สึกผ่อนคลายลงมาก

“มีนว่า...อันนี้นะเป็นข้อแก้ตัวของผู้ชายเจ้าชู้นี่นา อิอิ” เธอหัวเราะเบาๆ รู้สึกสบายใจขึ้นบ้างเมื่อเห็นสิงหาผ่อนคลายความเครียดลงบ้าง

เสียงประตูร้านกาแฟถูกเลื่อนเปิดออกอีกครั้ง มีนาหันไปดู เมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาดีถึงขั้นจัดว่าสวยเลยทีเดียว เธอแต่งชุดสีดำ แต่คงความเซ็กซี่ไว้เต็มที่ รูปร่างสูงโปร่ง

สิงหาประหลาดใจในการมาของผู้หญิงคนนี้ ทว่าเขาไม่ไดแสดงอาการตื่นตระหนกแต่อย่างไร ตรงกันข้ามเขากลับยิ้มและกล่าวต้อนรับเธออย่างดี

“สวัสดีครับคุณเนตรนภา” น้ำเสียงทุ้มต่ำ เขากล่าวทักทายเธอแต่ไม่ได้แสดงท่าทางแบบเป็นทางการมากจนเกินไป “นั่งก่อนสิครับ” ก่อนจะเชิญเธอนั่งที่เก้าอี้ตรงมุมด้านในสุดของร้านกาแฟ เพราะคิดว่าเธอคงต้องการความเป็นส่วนตัว

“ขอบคุณค่ะหมวดสิงหา” น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย เธอหันไปมองหน้ามีนา แต่เพียงชั่วขณะ ก่อนจะหันมาจ้องหน้าของสิงหา แววตาอ่อนระโหยโรยแรงนั้นแสดงเด่นชัดโดยไม่ได้ปิดบังแต่อย่างไร

สิงหารู้สึกได้ว่าเธอยังดูสวยแม้ใบหน้าจะไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางจัดเช่นครั้งก่อนที่เขาได้พบเธอ เมื่อสามีเสียชีวิตเนื่องจากยาพิษ เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย เนตรนภาหรือภรรยาน้อยคนที่สองของนายพินิจผู้เสียชีวิต

มีนาเดินไปจัดแจงเตรียมน้ำดื่มมาให้หญิงสาวกับสิงหา ก่อนจะเลี่ยงเดินไปประจำที่เคาน์เตอร์หน้าร้านเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองคุยกันได้อย่างสะดวก เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวของผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจ

มีนาพยายามบอกกับตัวเองว่าอย่าได้มองใครในแง่ร้าย แต่เธอรู้ตัวดีว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น เธอมองโลกในแง่ดีจนบางครั้งสิงหาต้องคอยกำชับเธออยู่ร่ำไป

“บ้านะยัยมีน ไม่มีอะไรหรอก อาจจะเพราะเธอคนนี้ใส่ชุดสีดำแบบนี้จึงทำให้ดูไม่น่าไว้ใจ” เธอเตือนตัวเอง ก่อนจะหันไปสนใจลูกค้าที่เพิ่งเข้ามา

...............................................................

ร่างเล็กของไข่มุกถูกโอบกอดเอาไว้จากใครอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของเธอ บนเตียงนอนแสนคุ้นเคย แต่บรรยากาศในเวลานี้แตกต่างจากทุกครั้ง ไออุ่นจากอีกร่างหนึ่งแผ่กระจายให้เธอยิ้มอย่างมีความสุข สัมผัสเมื่อครู่ราวกับความฝัน แต่สิ่งยังตราตรึงอยู่ทำให้เธอรู้ว่ามันคือความจริง

น้ำค้างกอดไข่มุกไว้แน่น กลิ่นกายของคนตรงหน้าช่างหอมหวาน เธอยั้งใจไว้ทันก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปกว่าที่ควรจะเป็น

“อากิรักพี่น้ำ รักพี่น้ำมากที่สุด”

น้ำค้างซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของไข่มุก แม้เธอและร่างเล็กตรงหน้าจะไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทว่าเธอกลับรู้สึกอิ่มเอมกับสิ่งที่ได้รับ สัมผัสเรือนกายขาวผุดผ่องไปทั่วตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้า กลิ่นกายหอมหวานของไข่มุกให้ความรู้สึกราวกับเธอถูกโอบกอดด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้

ยิ่งได้รับความรู้สึกดีดีจากน้ำค้าง ความรู้สึกรักที่เธอมีต่อน้ำค้างยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าทวีคูณ อ้อมแขนของน้ำค้างที่กอดเธอเอาไว้ในเวลานี้ช่างอบอุ่น ริมฝีปากอ่อนนุ่มของน้ำค้างพรมจูบไปทั่วร่างของเธอ ซาบซ่านจนเกินจะใช้คำใดใดมาอธิบายความรู้สึกนั้นได้

“แล้วพี่น้ำล่ะคะ” เธอถามเสียงแผ่วเบา อยากรู้ถึงความรู้สึกของน้ำค้าง เพราะไม่อยากคิดไปเองว่าเป็นเพียงความสงสารที่มอบให้มาเมื่อเห็นเธอร้องไห้ เธออยากได้ยินคำว่า...รักจากปากของน้ำค้าง

น้ำค้างแสดงสีหน้าเป็นกังวล แววตาฉายชัดถึงความไม่เข้าใจ โชคดีที่เธออยู่ด้านหลังของไข่มุก อ้อมกอดของเธอยังคงเดิม แต่ความรู้สึกในนั้นเริ่มไม่มั่นคง เธอไม่อยากตอบคำถามของไข่มุก ไม่ใช่เพราะเธอไม่ได้รักไข่มุกแต่อย่างไร หากตรงกันข้ามเธอรักมากจนไม่อาจจะทนได้ถ้าเห็นไข่มุกต้องเสียใจ

เสียงโทรศัพท์มือถือดังด้วยเสียงเพลงแสนคุ้นเคย น้ำค้างรู้สึกโล่งใจ เธอค่อยๆ ขยับตัวจากไข่มุก เพื่อจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือ ซึ่งคนตรงหน้าดูเหมือนอิดออดเล็กน้อยแต่ก็จำยอมให้เธอไปรับสาย

“ค่ะคุณพ่อ” น้ำค้างกดรับสาย เมื่อเห็นว่าคนที่โทร.มาคือผู้เป็นพ่อ พันตำรวจเอกนภดลท่านเป็นรองผู้กำกับอยู่ในหน่วยสืบสวนพิเศษซึ่งจัดการเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม

โชคดีที่เธอเป็นคนเก็บอารมณ์ได้เก่ง จึงไม่หลุดแสดงอาการใดใดออกไปให้ผู้เป็นพ่อจับได้ถึงสิ่งที่เธอและไข่มุกเพิ่งได้ทำลงไป น้ำค้างคิดว่าผู้เป็นพ่อดูเหมือนจะรับรู้เรื่องระหว่างเธอกับน้ำค้างอยู่เลาๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางกีดกันหรือห้ามไม่ให้พวกเธอทำแบบนั้น

เมื่อวางสายจากผู้เป็นพ่อ น้ำค้างหันกลับมามองคนบนเตียง ไข่มุกจ้องหน้าเธอนิ่ง ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมา ดูน่าเอ็นดู ผิวขาวใสอมชมพูเปล่งประกาย

“คุณพ่อโทร.มา มีอะไรหรือเปล่าคะพี่น้ำ”

“อากิลองเดาดูสิจ้ะ” น้ำค้างพูดเสียงหวานใส แต่เจือความเซ็กซี่อยู่ในนั้น เธอจ้องดูดวงตากลมโตที่มีแววซุกซนของไข่มุก ก่อนจะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“อ่า...พี่น้ำชอบแกล้งอากิอยู่เรื่อยเลย”

น้ำค้างก้มลงจูบที่หน้าผากของไข่มุกเบาๆ กลิ่นหมอจางๆ จากตัวของเด็กสาวช่างเย้ายวนและยั่วใจเธอเหลือเกิน เธอเลื่อนริมฝีปากไปที่หูของไข่มุกก่อนจะกระซิบเบาๆ

“สงสัยคุณพ่อจะรู้เรื่องระหว่างเราแล้วจ้ะ” จากนั้นจึงเป่าลมหายใจราดรดเข้าไปในหูของไข่มุก “คุณพ่อเลยโทร.มายินดีด้วยยังไงจ้ะ” เธอยังแกล้งหยอกเล่น โดยค่อยกัดเม้มปากที่หูของไข่มุก

“บ้าๆ พี่น้ำชอบแกล้งอากิ”

“ใครเอ่ย...หน้าแดงเหมือนผลลูกตำลึงสุกเลย” น้ำค้างยังแกล้งหยอกไข่มุกอยู่ เธอรู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้ามาก ยิ่งเมื่อผ่านเรื่องราวเมื่อสักครู่ สัมผัสจากร่างกายอ่อนนุ่ม กลิ่นหอมจางๆ ที่ยังติดอยู่ที่ปลายจมูก เธอหลงใหลและหวงแหนไม่อยากมอบให้ใคร

“เค้าเปล่าหน้าแดงนะ” ไข่มุกแสดงท่าทางเขินอาย เธอบิดม้วนไปหมดเมื่อถูกน้ำค้างจ้อง แววตาเหมือนจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว

น้ำค้างยื่นมือมาแตะที่แก้มของไข่มุก ก่อนจะไล้ไปมาเบาๆ สัมผัสแสนอ่อนโยน แก้มใสอมชมพูของคนตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกวาบหวิว นึกอยากผลักร่างเล็กตรงหน้าให้นอนลงไป และลิ้มรสชาติหอมหวานจากเรือนร่างนั้นอีกครั้ง

ไข่มุกรู้สึกได้ถึงความรักจากสัมผัสที่น้ำค้างมอบให้ แม้ไม่ต้องมีคำพูดใด แต่สิ่งที่เธอได้รับก็ย้ำชัดว่าน้ำค้างมีความรู้สึกดีดีให้เธอเช่นกัน แม้จะไม่เด่นชัดว่าเป็นความรักแบบไหน จะใช่อย่างที่เธอต้องการทั้งหมดหรือไม่ แต่ชั่วเวลานี้เธอนั้นสุขใจมากพอแล้ว

“รู้ไหม อากิโกหกไม่เก่งหรอกนะจ้ะ” น้ำค้างพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“อ่า...ก็อากิเป็นเด็กดีและน่ารักนี่คะ”

“น่ารักตรงไหนจ้ะ” น้ำค้างยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ดูเหมือนระยะห่างระหว่างใบหน้าของเธอกับไข่มุกไม่ถึงห้าเซนติเมตร

เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ไข่มุกจึงเลือกที่จะหอมแก้มน้ำค้างแทน “ก็น่ารักตรงนี้ยังไงล่ะคะ อิอิ”

น้ำค้างยื่นมือมาเขกหัวของไข่มุกเบา อยากทุบอยากถองคนตรงหน้าเล่นๆ ดวงตากลมโตบวกท่าทางยียวนเหมือนเด็กๆ ของไข่มุกยิ่งทำให้เธอรู้สึกเอ็นดู

“เก่งจริงนะตัวแค่นี้”

“อากิเก่งอยู่แล้ว” ไข่มุกรีบสานต่อคำพูดของน้ำค้างทันที

“คุณพ่อบอกว่าวันนี้ท่านติดงานนะคะ และกำชับให้พี่ไปช่วยเลือกซื้อเสื้อผ้าให้ยัยตัวแสบ” น้ำค้างบอกถึงเรื่องที่คุยกับพ่อเมื่อสักครู่ ก่อนจะมองคนตรงหน้าที่แสดงท่าทางค้อนให้กับเธอเล็กน้อย

“อากิเปล่าเป็นยัยตัวแสบนะ”

“นี่ไม่แสบแล้วเหรอจ้ะ” น้ำค้างยังหยอกไข่มุกไม่เลิก ก่อนจะลูบผมของคนตรงหน้าเบาๆ “ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดี๋ยวพี่พาไปเลือกซื้อของนะจ้ะ”

“อาบด้วยกันไหมคะพี่น้ำ อิอิ”

“ขืนอาบน้ำด้วยกัน วันนี้คงไม่ได้ไปเลือกซื้อของแล้ว”

น้ำค้างพูดพลางยิ้มให้กับไข่มุก ดวงตาของเธอดูเซ็กซี่ยิ่งบวกกับรูปร่างที่เหลือล้นด้วยเสน่ห์ของผู้หญิงยิ่งทำให้เธอดูเย้ายวนใจอีกหลายเท่าตัว ซึ่งต่างจากท่าทางแบบเด็กๆ ชวนให้ทะนุถนอมของไข่มุกเหลือเกิน

เธอมองตามร่างเล็กของไข่มุก แผ่นหลังขาวสะอาดชวนให้สัมผัส ผมสีดำหยักศกเคลียอยู่ตรงไหล่เนียน เธอรู้สึกเหมือนว่าไข่มุกเป็นตุ๊กตาแก้วตัวเล็กที่เธออยากถนอมไว้ให้นานที่สุด จากนั้นเธอจึงกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเช่นเดียวกัน

.............................................................

ไข่มุกรู้สึกสะท้านยามที่น้ำจากฝักบัวไหลผ่านร่างของเธอ เหมือนสัมผัสจากมือและริมฝีปากของน้ำค้างที่ยังตราตรึงอยู่ในความรู้สึกของเธอ กลิ่นหอมจางๆ จากร่างของน้ำค้างยังติดอยู่ที่จมูกของเธอ นัยน์ตารูปแขกยามที่มองดูเธอเมื่อสักครู่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกไหวหวั่น ราวกับน้ำค้างต้องการกลืนกินเธอทั้งร่างกายและหัวใจ

เธอคิดว่าทางพ่อคงพอจะรับรู้เรื่องระหว่างเธอกับน้ำค้าง ทว่าท่านไม่ได้ต่อว่าอะไร ซึ่งเธอไม่อาจจะแน่ใจได้ว่าท่านเห็นด้วยหรือไม่พูดอะไรเพื่อให้เธอกับน้ำค้างได้คิดเอาเองว่าควรจะต้องทำเช่นไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวใจของทั้งสอง

สำหรับทางด้านแม่ไข่มุกคิดว่าท่านคงไม่นึกสงสัยว่าระหว่างเธอกับน้ำค้างไม่ได้รักกันแบบพี่น้อง ด้วยเพราะคุณแม่เป็นคนมองโลกในแง่ดี จึงคิดว่าทั้งเธอและน้ำค้างรักกันแบบพี่น้อง หากเรื่องจริงระหว่างเธอกับน้ำค้างถูกเปิดเผยไป เธอไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ไข่มุกไม่ได้หวังให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น ทว่าเพียงแค่คนในครอบครัวเข้าใจ เธอก็พร้อมจะฝ่าฟันต่อไป ในเมื่อหัวใจของเธอมอบให้น้ำค้างไปจนหมดแล้ว ทว่าลึกลงในใจเธอกลัวจะมีคนมาแย่งน้ำค้างไป หากเป็นเช่นนั้นหัวใจของเธอคงแหลกสลาย

ไข่มุกเปิดน้ำล้างสบู่ออกจนหมด ก่อนหยิบเสื้อคลุมมาใส่ เมื่อเปิดประตูห้องน้ำ เธอพบน้ำค้างนั่งรออยู่บนเตียงแล้ว น้ำค้างในชุดเสื้อแขนกุดสีดำ กางเกนยีนส์เข้ารูป น้ำค้างปล่อยผมยาวดูเซ็กซี่

ไข่มุกรู้สึกอายเมื่อเห็นคนตรงหน้าจ้องมายังตัวเธอ ราวกับนัยน์ตารูปแขกนั้นมองทะลุไปถึงผิวกายของตัวเอง เป็นแบบนี้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว ความวาบหวิวเกิดขึ้นจนเธอสั่นสะท้าน ยิ่งมองเห็นรอยยิ้มแบบมีเลศนัยของน้ำค้าง เธอยิ่งรู้สึกเหมือนกับกำลังเดินอยู่บนปุยเมฆ

“พี่น้ำมองอากิแบบนั้น เขินนะ” ไข่มุกพูดเสียงเล็ก เธอทำปากยื่นไปข้างหน้าแบบเด็กๆ คนตรงหน้ายังไม่ละสายตาจากเรือนร่างของเธอ และทำให้เธอรู้สึกว่าน้ำค้างกำลังใช้สายตาโลมเลียเธออยู่ “พี่น้ำ ใจร้าย” เธอครางออกมาเบาๆ

แทนคำตอบน้ำค้าง กางแขนเธอออก ก่อนใช้สายตาเชิญชวนให้ร่างเล็กตรงหน้าเดินเข้ามาหาเธอ ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่เธอเตรียมเอาไว้ขึ้นมา ทันทีเมื่อร่างเล็กของไข่มุกเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด และนั่งลงบนตักของเธอ

น้ำค้างบรรจงเช็ดผมของไข่มุกเบาๆ ผมหยักศกสีดำสนิทยาวประบ่า “พี่นึกว่าอากิเข้าไปนอนหลับในห้องน้ำเสียแล้ว” ก่อนจะแกล้งหยอกเล่น เธอกระซิบเบาๆ ที่หูของไข่มุก จากนั้นจึงเลื่อนมาหอมแก้มเสียฟอดใหญ่

“ลงโทษที่ให้พี่รอนาน”

“อ่า...อากิยอมให้พี่น้ำลงโทษอีกข้างหนึ่งด้วย จะได้เจ็บเท่าๆ กัน อิอิ” ไข่มุกพูดพร้อมเอียงแก้มอีกข้างหนึ่งของเธอให้น้ำค้าง

“ไปแต่งตัวเลยยัยเด็กแสบ เจ้าเล่ห์ดีนักนะ” น้ำค้างดันร่างของไข่มุกขึ้นเล็กน้อย

“พี่เตรียมชุดเอาไว้ให้อากิแล้ว” ก่อนจะชี้ไปที่ชุดเดรสสีฟ้า มีระบายลูกไม้ตรงคอ ดูน่ารักเหมาะกับไข่มุก ซึ่งน้ำค้างเป็นคนเลือกซื้อชุดนี้ให้กับไข่มุกเอง

“พี่น้ำใจร้าย ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย แล้วอากิก็ไม่ใช่ยัยเด็กแสบด้วย” ไข่มุกลุกขึ้นจากตักของน้ำค้าง ก่อนจะแสดงอาการงอนใส่ เธอสะบัดหน้าเล็กน้อยเมื่อถูกขัดใจ

น้ำค้างรู้สึกขันกับท่าทางของคนตรงหน้า ยิ่งแสดงท่าทางงอนยิ่งรู้สึกน่าเอ็นดู “โอ๋ๆ คนเก่งของพี่” พูดพลางยื่นมือไปดึงแขนของไข่มุกไว้ เธอรั้งร่างเล็กเข้ามาใกล้ ก่อนจะจูบเบาๆ ไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูนั้น

“ยกโทษให้พี่ได้ไหมเอ่ย”

ไข่มุกพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะหันหลังเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้า น้ำค้างมักทำให้เธอรู้สึกรักมากขึ้นทุกวินาที และในทางกลับกันก็รู้สึกไหวหวั่นกลัวการถูกทิ้งมากขึ้นเช่นกัน แต่เธอพยายามบอกตัวเองว่าสิ่งนั้นยังไม่เกิดขึ้น และย้ำเสมอว่ามันจะไม่เกิดขึ้น

ในกระจกเธอมองเห็นน้ำค้าง ใบหน้าสวยเซ็กซี่นั้นยังมองมายังเธอ ไข่มุกหยิบครีมขึ้นทาหน้า ก่อนจะลูบไล้ผิวกาย เธอรู้สึกเขินอายเมื่อทุกการกระทำของเธอนั้นอยู่ในสายตาของน้ำค้าง จนเธอเผลอจินตนาการไปว่าน้ำค้างเป็นคนทาครีมไปทั่วเรือนร่างของเธอ ความคิดเช่นนั้นทำให้เธอหน้าแดงและเผลอเอามือไปชนถูกหลอดครีมกันแดดหล่น

“อ่า...” ไข่มุกครางออกมาเบา ก่อนจะก้มลงเพื่อหยิบครีมกันแดดที่ตก ทว่ากับสัมผัสถูกมือของน้ำค้างที่เข้ามาช่วยเก็บให้แทน เธอไม่รู้ว่าน้ำค้างเดินเข้ามาตอนไหน อาจจะเพราะเสียงหัวใจที่เต้นแรงเกินกว่าปกติ จึงทำให้เธอไม่ทันได้ยินเสียงของน้ำค้างที่เดินมาเกือบประชิดตัวเธอแล้ว

“เด็กน้อยจริงนะเรา มานี่พี่ช่วยทาให้” น้ำค้างพูดพร้อมกับบีบครีมกันแดดใส่มือของเธอ ก่อนจะทาไปที่ใบหน้าของไข่มุก สัมผัสผิวกายสีขาวอมชมพูด้วยความอ่อนโยน น้ำค้างไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าเธอชอบทำแบบนี้กับไข่มุกมาก โดยไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันระหว่างความรักหรือเพียงแค่นึกเอ็นดู

จากนั้นเธอจึงเดินไปหยิบครีมกันแดดที่ใช้สำหรับผิวกายาจัดแจงทาไปทั่วแขนของไข่มุก ค่อยๆ ไล้มือไปมาเบาๆ รู้สึกถึงกิล่นกายหอมจางๆ ของคนตรงหน้าโชยมาเป็นระยะ เป็นกลิ่นของสบู่บวกกับกลิ่นหอมหวานของไข่มุกที่เธอเคยสัมผัสมาตลอดนับจากวันแรกที่เธอกับไข่มุกเริ่มที่จะคิดกันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง

น้ำค้างจัดแจงแต่งหน้าให้ไข่มุกอ่อนๆ จัดทรงผมให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปหยิบชุดที่เลือกไว้มาให้ไข่มุก เธอมักทำเช่นนี้กับไข่มุกเสมอจนกายเป็นความเคยชิน อาจเพราะเธอคอยดูแลเด็กสาวมาตั้งแต่เริ่มแรกที่รู้จักกัน

น้ำค้างมองดูไข่มุกในชุดเดรสสีฟ้า มีระบายที่คอดูน่ารักสดใสสมวัย บวกกับใบหน้าและทรงผมที่เข้ากันดียิ่งทำให้เธอดูเปล่งประกายความน่ารักมากขึ้น “พี่คิดแล้วว่าอากิต้องน่ารัก”

“น่ารักก็รักอากิเยอะๆ นะคะ” เสียงหวานใสพูดเสริม เธอยิ้มอายๆ เมื่อถูกสายตาของน้ำค้างมอง

“แค่นี้ก็รักมากจนไม่เหลือจะรักใครอีกแล้วจ้ะ”

“จริงเหรอคะ”

“อากิไม่เชื่อว่าพี่น้ำรักอากิมากเหรอจ้ะ” น้ำค้างถามเสียงเศร้า ไม่ใช่เพราะคำพูดของไข่มุก หากแต่เป็นเพราะเธอรู้สึกว่าตัวเธอเองดีไม่พอที่จะทำให้ไข่มุกเชื่อใจ

“เปล่านะคะ” ไข่มุกโผเข้ากอดน้ำค้างเมื่อได้ยินคำถาม น้ำเสียงของน้ำค้างเศร้า เธอรู้สึกเจ็บลึกไปในหัวใจ “อากิเชื่อว่าพี่น้ำรักอากิ และอากิก็รักพี่น้ำมากเหมือนกัน”

น้ำค้างกอดร่างเล็กนั้นไว้ ลูบผมเบาๆ ก่อนจะพยายามยิ้มร่าเริงให้กับไข่มุก เธอจะต้องเข้มแข็งเพื่อไม่ให้ฟ้าในหวั่นไหว และในทางกลับกันเธอจะต้องอ่อนโยนเมื่อยามที่ไข่มุกต้องการความรักและเอาใจใส่จากใครสักคน

“อย่าเผลอรักใครมากกว่าอากินะคะพี่น้ำ”

“จ้ะ พี่สัญญา”

คำสัญญาอาจจะใช้เพื่อแสดงความมั่นคง แต่ในทางกลับกันมันเปรียบเสมือนข้อผูกมัดที่เจ็บปวดหากรักษาไม่ได้

.....................................................



ลิลลี่สีเลือด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ค. 2554, 22:29:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2554, 22:29:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1338





<< เกริ่น   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account