ตะวันต้องลม
เขาคิดมาเสมอว่าทุกอย่างที่เกิดกับน้องชายเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น!
และเธอต้องรับผิดชอบ เขาจะทำให้คาสโนวี่อย่างเธอรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น
เธอคือเป้าหมายที่เขาต้องพิชิต
แม้ว่าตะวันดวงนี้จะเป็นตะวันที่ร้อนแผดเผา และไม่ได้ความรักมาง่ายๆ
แต่ลมอย่างเขาก็ไม่หวั่น เขาจะเป็นลมพายุที่พัดกลุ่มเมฆมาบดบังแสงตะวันของเธอให้ได้!
เมื่อดึงตะวันคล้อยต่ำลงได้เมื่อไหร่ เขาจะปล่อยเธอทิ้งร่วงลงสู่พื้นดิน
และเธอต้องรับผิดชอบ เขาจะทำให้คาสโนวี่อย่างเธอรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น
เธอคือเป้าหมายที่เขาต้องพิชิต
แม้ว่าตะวันดวงนี้จะเป็นตะวันที่ร้อนแผดเผา และไม่ได้ความรักมาง่ายๆ
แต่ลมอย่างเขาก็ไม่หวั่น เขาจะเป็นลมพายุที่พัดกลุ่มเมฆมาบดบังแสงตะวันของเธอให้ได้!
เมื่อดึงตะวันคล้อยต่ำลงได้เมื่อไหร่ เขาจะปล่อยเธอทิ้งร่วงลงสู่พื้นดิน
Tags: อนิล วาดตะวัน วิฬุร ดราม่าโรแมนติก
ตอน: บทที่ 9
สัมผัสตรงแขน อบอุ่นแผ่วเบา ตรงข้ามกับอากาศเย็นในห้องค่อยๆ ปลุกให้วาดตะวันรู้สึกตัว เมื่อคืนนี้เธอไม่ทันทานข้าวต้มที่อนิลไปต้ม ก็ผล็อยหลับไปเสียก่อน ทานยาไปทั้งที่ท้องยังว่าง
ฝ่ามืออุ่นนวดคลึงผิวเนื้อตามตัวเธอ แรกเริ่มหญิงสาวคิดจะชักมือกลับ และเปิงคนที่แตะต้องผิวกายเธอ แต่เมื่อเห็น ‘เจ้าของบ้าน’ นั่งอยู่ตรงขอบเตียง กำลังใช้นิ้วแตะเจลใสในกระปุกเล็ก ที่มีเนื้อเย็นๆ มานวดตามผิวให้ คำด่าจำต้องกลืนหายไปในคอ วาดตะวันนิ่งไม่ไหวติง บรรยากาศอบอุ่นแปลกๆ นี้กำลังซึมเข้าหัวใจเย็นชืดของเธอ
เป็นความรู้สึกแปลก และยังไม่คิดอยากจะทำลาย
เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ วาดตะวันก่นด่าตัวเองในใจ กำลังครุ่นคิดว่าจะหลีกหนีจากสภาพอันน่ากระอ่วนใจ แต่ก็น่าตื่นเต้น ไหวในใจนี้อย่างไรดี การเคลื่อนไหวของอนิลที่กำลังเงยหน้าขึ้นมา ทำให้หญิงสาวรีบปิดเปลือกตานิ่ง แสร้งทำเป็นหลับ
และร่างของเธอก็แข็งเป็นหิน เพราะสัมผัสแผ่วเบาที่กำลังคลึงตรงแผลแก้มใต้ดวงตา เจลเย็นๆ กำลังอุ่นซ่าน และไล่เพิ่มอุณหภูมิจนหน้าขึ้นสี หัวใจเต้นแรง วาดตะวันไม่กล้าคิดว่าตอนนี้เธอกำลัง...เขิน
คนอย่างเธอเนี่ยนะเขิน?
ความพิศวงอยู่ในใจได้ไม่นาน ความหยิ่งในตัวก็กลับมา เปลือกตาที่ปิดลงจึงลืมขึ้น ภาพผู้ชายตัวโตที่ใช้แขนข้างหนึ่งเท้ากับขอบเตียง ก้มตัวลงมาใกล้ เพื่อพินิจบาดแผลบนหน้าของเธอ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาปัดผ่านข้างแก้ม สองตาสบกัน ไม่รู้จะหลบเลี่ยงอย่างไร เป็นวาดตะวัน ที่กระแอมในคอทำลายบรรยากาศหวานปะแล่มนี้
อนิลหยัดกายตรง มือหมุนฝาปิดกระปุก ก้มหน้าอธิบาย “พี่มาทายาลบแผลเป็นให้ เห็นว่าวางทิ้งไว้ตรงห้องนั่งเล่น”
“วันหลังปลุกกันก็ได้นะคะ” อุกอาจเข้ามาอย่างนี้ อันตรายกับ...ใจ วาดตะวันฉวยโอกาสในช่วงที่อนิลไม่ทันมอง ยกมือสัมผัสตรงอกด้านซ้าย สัมผัสเร็วแรงเมื่อครู่กลับสู่จังหวะปกติแล้ว
“จะให้พี่ทาให้อีกเหรอ” อนิลพูดทีเล่นทีจริง ดวงตายิ้มเมื่อมีโอกาสได้เห็นผู้หญิงแสนมั่นหน้าแดง จะว่าไปถ้าวาดตะวันเต็มใจให้เขาทายาให้...เขาก็ยินดี
อนิลชะงักกับความคิดของตัวเอง ชายหนุ่มไม่อยากปล่อยให้ตัวเองถลำลึกสู่วังวนลึกที่หาจุดสิ้นสุดนี้ไมได้ วาดตะวันไม่ใช่คนที่จะรักใครง่ายๆ และเขาเองก็เป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่มีความคิดแง่ลบกับความรัก คนๆ หนึ่งเคยทิ้งเขาไปเพราะเขาหมดตัว จะแปลกอะไรถ้าเขายังระแวงกับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามา
หน้าตาอ่อนโยนพลันเย็นชาขึ้น วาดตะวันมองด้วยความไม่เข้าใจ ฟ้าภายนอกหน้าต่างเริ่มมีแสงสีส้มไล่เฉดตามผืนกำมะหยี่ก็ลืมใส่ใจความผิดปกติของอนิลไป ร่างบางลุกพรวดพราด หน้าตาตื่นเต้น
“พี่ลมคะ วันนี้พี่ลมห้ามทำพิรุธให้แม่พี่ลมจับได้เด็ดขาดนะคะ”
“วาดจะไปยังไง รถเข็นเสียอย่างนั้น” อนิลนึกหงุดหงิดที่วาดตะวันเปลี่ยนเรื่องง่ายๆ
“พี่ลมก็อุ้มไปสิคะ ฉันไม่ถือหรอก” ริมฝีปากแดงเป็นธรรมชาติเม้มหากันเล็กน้อย “หรือพี่ลมจะให้ฉันทุ่มทุนสร้างด้วยการคลานไปก็ได้ แต่กลัวแม่พี่ลมจะคิดว่าฉันหลุดมาจากหนังผีเรื่องจูออน ไม่ก็เดอะริงน่ะสิ”
“ไม่ถือ?” หรือว่ามีใครหลายคนเขาอุ้มบ่อยแล้ว อนิลสะกดกลั้นความรู้สึกร้อนในอก ความรู้สึกนั้นกำลังแผดเผาเขาช้าๆ โดยไม่รู้ที่ไปที่มา
“เพื่อแผนการที่สมบูรณ์ค่ะพี่ลม” วาดตะวันไม่สังเกตสีหน้าคนฟังว่ากำลังเขียวคล้ำ หรือกำลังขุ่นเคืองอย่างไร ความคิดย้อนไปในวันนั้นที่อู่ซ่อมรถที่เธอบอกเล่าแผนการกับเขาไว้
‘จะหลอกแม่พี่!’
คนฟังพยักหน้ารับไม่ยินดียินร้าย แผนการนี้เธอกับกบินทร์คิดกันมาอย่างรอบคอบแล้ว ‘ฉันก็แค่หลอกว่าตัวเองป่วย จะป่วยด้วยอะไรสักอย่างก็ได้ค่ะ แต่ว่าขอแค่ให้หมอที่มาตรวจฝนเป็นคนที่ฉันจะไว้ใจได้ ฉันมีคุณชายหมอที่รู้จักอยู่คนหนึ่ง เขาช่วยพวกเราได้แน่ๆ ค่ะ’
‘ทำไมไม่ไว้ใจหมอที่นี่ หมอที่กรุงเทพฯ ก็วินิจฉัยว่าฝน...’ อนิลกลืนคำว่า ‘เป็นเจ้าชายนิทรา’ ด้วยไม่อยากตอกย้ำ
วาดตะวันเบือนหน้าหนี เรื่องในครั้งนี้นอกจากลางสังหรณ์ที่ว่าวิฬุรไม่ตื่นมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากอาการเจ็บป่วย ก็ยังมีตัวอันตรายอย่างเคียงฟ้าที่ครอบครองทั้งจังหวัดนี้อยู่ เห็นจะมีแค่ลมฝนที่อยู่รอดมาได้ จะไม่ให้เธอกังวลได้อย่างไร
‘ถ้าหมอที่ฉันพามา บอกแบบเดียวกัน ฉันจะเลิกดื้อด้านค่ะ ขอแค่ พี่ลมต้องช่วยฉัน’
“ทำไมไม่บอกแม่พี่ว่าเคียงฟ้าเป็นคนผลักรถเข็นของวาด” อนิลมองบาดแผลที่วาดตะวันได้รับในเวลาไม่ถึงสัปดาห์รวมกัน แสงในตาก็หม่นลง ผู้หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่หญิงหรือยังไงกัน
“พี่ลมรู้?”
“วาดไม่ใช่ให้คุณฉันทยาตามพี่มาเหรอ”
หญิงสาวร้องอ้อเบาๆ ฉันทยาคงจะวิ่งรอกไปทั่วในยามนั้น และคงสาธยายทุกสิ่งอย่างจนหมดเปลือกตอนพบหน้าอนิล
“เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ฉันดูดีขึ้นมาในสายตาแม่พี่ลมหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันเป็นคนโกหก ความผิดนี้จะตามติดฉันไปจนกว่าความจริงจะเปิดเผย” วาดตะวันแตะขาที่เดินเหินปกติด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด หากเธอไม่ทำอย่างนี้ เธอจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาอยู่ที่นี่ เรียกร้องหาความรับผิดชอบจากพวกเขา ทั้งที่จริงแล้ว เธอแทบไม่ได้รับผลกระทบระยะยาว หรือการที่เลือกไม่บอกว่าเคียงฟ้าเป็นคนทำ เธอก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง “ฉันไม่อยากทำให้เคียงฟ้าระวังตัวแจ ยิ่งเขาย่ามใจ เขาจะยิ่งเผยหางออกมาได้ง่ายๆ”
“เสี่ยงเกินไป” อนิลส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
มือบางคว้ามือหนามาประคอง กุมไว้ไม่แน่นไม่หลวมเกินไป รอยชะงักในดวงตาของอนิลหยุดมองดวงตาเจ้าเสน่ห์ที่บัดนี้กำลังก่อคลื่นในใจเขาทีละนิด
“วาดมีพี่ลมทั้งคน จะกลัวอะไรอีกคะ”
อนิลจ้องคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา เขาแทบจะคิด ไม่เขากำลังคิด คิดว่าวาดตะวันกำลังหว่านเมล็ดบางอย่างลงใจเขา เมล็ดที่เขาเพียรปฏิเสธ
“วาดจำที่วาดพูดเมื่อวานนี้ได้ไหม”
“ฉันพูดว่าอะไรคะ”
หน้าตาไม่รับรู้นั้นทำให้อนิลรู้สึกผิดหวังแปลกๆ “ช่างมันเถอะ วันนี้อยากทานอะไรไหม เดี๋ยวพี่ทำให้”
“ขอนมร้อนๆ สักแก้วก็พอค่ะ”
“กินข้าวต้มแล้วกัน” อนิลตัดสินใจให้เสร็จสรรพ แล้วรีบหมุนตัวออกไปจากห้อง
วาดตะวันพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใครว่าเธอจำเรื่องเมื่อวานไม่ได้ ตอนนั้นเพื่อแผนการขอดาวขอตะวัน เธอยอมทุกอย่าง แต่มาถึงตอนนี้ การที่แกล้งลืมเลือนไปบ้างน่าจะเป็นประโยชน์กับเธอมากกว่า ตราบใดที่อนิลไม่ยกขึ้นมาทวง เธอก็จะใช้ชีวิตอย่างคนไร้สัจจะ ทำไม่รู้ไม่ชี้
อนิลไม่น่าจะเป็นเจ้าหนี้จอมโหด อีกอย่างคนอย่างอนิลคงไม่คิดมาพิศวาสอะไรเธอหรอก
คงจะไม่...วาดตะวันยกมือแตะผิวหน้าที่เคยมีมือหนามาทายาลบรอยแผลเป็นให้อย่างเหม่อลอย ความรู้สึกของเธอตอนรู้ว่าวิฬุรอาจเป็นเจ้าชายนิทรา ทำให้เธอเจ็บปวด รู้สึกราวกับสูญเสียคนที่รู้ใจที่สุดในโลกนี้ไป เธอคิดว่านั่นคือ...ความรัก แต่ ตอนนี้เธอเริ่มไม่มั่นใจ
ความรู้สึกตอนเธออยู่กับวิฬุร ไม่เหมือนกัน...สักนิด
เพชรีต้องบังคับไม่ให้ตัวเองทำหน้าบึ้ง มึนตึงใส่ ยามที่ลูกชายคนโตโอบอุ้มวาดตะวันเข้ามาภายในบ้าน และพามานั่งยังที่นั่งว่างที่อยู่ติดกับนาง
“สวัสดีค่ะ คุณป้า”
“เก็บไว้ไหว้คนอื่นเถอะ” เพชรีตอบกลับอย่างเย็นชา ถึงจะเห็นใจเรื่องเดินไม่ได้ ไหนจะรถเข็นไถลตกเนิน แต่ก็ไม่ได้ใจดีขนาดคุยดีด้วยได้
“คุณคือ...” เสียงหวานอีกเสียงเรียกความสนใจของวาดตะวัน ผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่บนโซฟาเดียวกับเพชรี หน้าตาจิ้มลิ้มน่ามองทอดสายตาถามมาอย่างอยากรู้
“ฉันวาดตะวันค่ะ เป็นเพื่อนของฝน”
“ไม่ใช่แฟนเหรอคะ ก็ไหนพี่ฝนชอบพูดถึงพี่วาดบ่อยๆ” ปาฏลีโพล่งถาม ทำหน้าขมวดมุ่น ก่อนหันไปหาอนิล “หรือพี่วาดเป็นแฟนพี่ลมคะ”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง” เพชรีทนฟังเฉยไม่ไหวต้องออกปากค้าน
“ค่ะ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก คุณ...”
“ปาฏลี เรียกว่าแคก็ได้ค่ะ”
“คุณแคไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ พี่ลมเขาหัวใจยังว่าง” วาดตะวันยิ้มเออออ ไม่สนว่าคนถูกพูดถึงจะกำลังก่อคลื่นลมพายุไม่พอใจอยู่ไม่ไกลกัน
“แคค่อยสบายใจหน่อย” ปาฏลีสังเกตอาการของอนิลที่ไม่ได้ยินดีกับการออกปากของเธอเลย ตรงกันข้ามกับวาดตะวัน ที่ไม่ถือสาในหัวข้อนี้เท่าไหร่
สมกับเป็นคาสโนวี่เลื่องชื่อ คงไม่เคยฝากหัวใจไว้ที่ใครจริงๆ จังๆ
“ขาพี่วาดเป็นอะไรคะ”
วาดตะวันทิ้งสายตาไปยังบานประตูห้องของวิฬุร เพราะไม่กล้าสบสายตาของใครสักคน โกหก...ใครว่าพูดออกมาได้ง่ายดาย
“ขาเดินไม่ได้ค่ะ”
“เสียใจด้วยนะคะ แต่แคว่าถ้าพี่วาดฝึกทำกายภาพบำบัด ต้องหายแน่ๆ ค่ะ” ปาฏลีเอื้อมมือมาแตะหลังมือวาดตะวัน ยิ้มให้กำลังใจ แทนตัว เรียกชื่อคู่สนทนาอย่างสนิทสนม โดยไม่คิดปรึกษาใคร
“ฉันต้องกลับมาเดินได้แน่ค่ะ” วาดตะวันบอกอย่างมั่นใจ ในเมื่อขาของเธอ...ปกติดี
ปาฏลีเลิกคิ้วมองท่าทีมั่นใจนั้นเงียบๆ ตั้งสมมติฐานในใจถึงความเป็นไปได้ว่าบางที เรื่องราวในครั้งนี้อาจมีอะไรที่เธอไม่รู้
“กำลังใจดีจังเลยนะคะ อย่างนี้พี่ลมคงหายห่วง” ปาฏลียกมือปิดปาก ทำตาใส “ขอโทษค่ะ พูดผิดไปหน่อย พี่ลมจะห่วงพี่วาดทำไมจริงไหมคะ เพื่อนน้อง ไม่ใช่แฟนตัวเอง”
อนิลถลึงตาดุจัดใส่ปาฏลีที่กำลังทำหน้าซุกซนใส่ วาดตะวันยิ้มเจื่อน ไม่รู้ว่าควรวางปาฏลีผู้นี้ไว้ตรงไหน ผู้มาดี ผู้มาร้าย หรือผู้มาป่วน หรือทั้งสามรวมในตัวคนเดียว
จากท่าทางที่สนิทกับคนบ้านนี้ ก็บอกได้อย่างว่าปาฏลีเข้าออกที่นี่เป็นประจำ
ก่อนที่ปาฏลีจะหยั่งเชิงแขกสาวของอนิลไปมากกว่านี้ ลิลิตก็ปั่นจักรยานมาจอดหน้าบ้าน พาแขกอีกคนมาร่วมวง แขกคนนี้สวมชุดกาวน์แขนกุด สวมแว่นดูทรงภูมิ มือถือกล่องเครื่องมือแพทย์ติดตัวมาด้วย
“คุณชายคะ” วาดตะวันเรียกเขาอย่างตื่นเต้น เสียดายที่เธอกระโตกกระตากด้วยการเดินไปหาบดินทร์ภัทรไม่ได้
คุณหมอหนุ่มใช้มือดันกรอบแว่นสีน้ำตาลของตัวเองให้เข้าที่ ผมที่ยุ่งนิดๆ จากการซ้อนจักรยานเด็กหนุ่มซิ่งพามาส่งทำให้เขามึนฝุ่นเล็กน้อย ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนที่นี่มีการรับแขกด้วยการสัญจรทางจักรยาน ไร่นี้ก็ออกจะใหญ่ ประกายพรึกเป็นคนไปรับเขามาจากที่สนามบิน แล้วมาส่งถึงที่นี่
เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาได้รับโทรศัพท์จากวาดตะวันที่ขอร้องให้มาช่วยรักษาเพื่อนรักให้หน่อย อย่างน้อยขึ้นมาตรวจอาการถึงที่พักก็ยังดี เพราะหญิงสาวไม่เชื่อใครทั้งสิ้น บดินทร์ภัทรจึงรีบสะสางงานและดั้นด้นขึ้นมาถึงที่นี่ เขาเองก็รู้จักวาดตะวันมาหลายสิบปี ครอบครัวรู้จักกันดี จะให้เขาใจดำไม่ช่วย ก็ไม่ได้
“เธอพาใครมา” เพชรีถามวาดตะวันอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณชายจะมารักษาขาฉันให้ค่ะ” วาดตะวันมองบดินทร์ภัทรที่ยกมือไหว้เจ้าของบ้านอย่างมีมารยาท ไม่ให้หลุดพิรุธออกมา
บดินทร์ภัทรยิ้มอ่อนโยน เข้าใจเรื่องราวอย่างรวดเร็ว “ให้พี่รักษาที่นี่เหรอคะ”
“ค่ะ”
อนิลจ้องบดินทร์ภัทรอย่างเฉยชา นึกขัดหูที่ผู้ชายพูดคะขากับผู้หญิง เขาเคยได้ยินมาว่าคนส่วนใหญ่ที่พูดคะขานี่จะเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน ตั้งใจให้ลิลิตพาปั่นจักรยานมาส่งที่นี่ ทั้งที่จริงก็มีรถ แต่เขาอยากรู้ว่าผู้ชายที่วาดตะวันเชื่อใจ จะหัวสูง ทนลำบากไม่ได้จนรีบกลับไปหรือเปล่า
“พี่ลมคะ” วาดตะวันเรียกเสียงเบา รู้สึกเกรงใจที่ต้องใช้เขาเป็นเครื่องมือในครั้งนี้
“แม่ครับ ออกไปข้างนอกเถอะครับ แคก็ด้วยนะ” อนิลจำต้องพาผู้เกี่ยวข้องออกอย่างจำใจ เขาอยากอยู่ด้วยทุกขั้นตอน แต่...วาดตะวันเคยสั่งไว้ว่าถ้าไม่ใช่เขา เพชรีจะไม่มีวันออกจากบ้านนี้แน่
“ทำไมไม่ไปรักษาที่บ้านโน้น” เพชรียังดื้อดึง
“แม่ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องในครั้งนี้นะครับ ที่นี่มีอุปกรณ์หยูกยาครบกว่า ที่นี่แหละครับ”
“ไปเถอะค่ะป้าเพชร วันนี้แคจะอยู่เป็นเพื่อนป้าทั้งวันเลยนะคะ” ปาฏลีรีบยื่นมือช่วย เกี่ยวแขนเพชรีที่ขืนร่างไว้ไม่ยอมลุกง่ายๆ นางจ้องหน้าวาดตะวันอย่างไม่ถูกชะตา อีกครั้งที่ต้องถามตัวเอง ว่าครั้งหนึ่งเคยชอบวาดตะวันมากๆ ได้อย่างไร
“ป้าขอล็อกห้องฝนก่อน ใครแถวนี้จะได้ไม่ไปรบกวนฝน”
เพชรีจัดการตามที่พูด ส่งเสียงเหอะหยันก่อนเดินเกี่ยวแขนปาฏลีออกไป อนิลเดินมาช้อนร่างผอมที่ไม่ทันตั้งตัวจนต้องรีบเกี่ยวคอของอนิลไว้แน่นกันตก หน้าตาเหรอหราไม่เข้าใจ
“อุ้มฉันทำไมคะ”
“นั่งตรงเตียงเล็กดีกว่า วางขาสบายกว่าโซฟา” คนพูดอธิบายเหลือบมองหน้าบดินทร์ภัทรที่ยืนมองยิ้มๆ ไม่พูดว่าอะไร “คนนี้กิ๊กคนไหนอีกล่ะ”
“เอ๊ะ?”
“เรียกปุ๊บ มาปั๊บ” อนิลบรรจงวางร่างบอบบางลงที่หมายที่หันหน้าตรงกับประตูห้องของวิฬุร จงใจเขยิบตัวเข้าไปใกล้แก้มของวาดตะวัน เขารู้สึกได้ว่าร่างที่อยู่ในอ้อมแขนเขานี้กำลังเกร็งตัว “กุญแจห้องของฝน อยู่ใต้กระถางต้นไม้หน้าห้องฝน ใช้แล้วเก็บคืนที่เดิมด้วยนะ”
อนิลยืดตัวตรง และเดินออกไป ปล่อยให้วาดตะวันนั่งนิ่งอยู่กับที่ ผิวแก้มร้อนผ่าวเพราะสัมผัสใกล้ชิด และลมหายใจอุ่นร้อนของเขาปัดผ่านแก้มเธอไปมา อาการของอนิลเริ่มทำให้วาดตะวันหวาดๆ เธอเกรงว่าเขา...กำลังชอบเธอ
บดินทร์ภัทรมองมาอย่างให้กำลังใจ “พี่ไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอกนะคะ”
วาดตะวันกัดริมฝีปากกลั้นเสียงกรีดร้อง อนิลต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ทำอะไรอย่างนั้นต่อหน้าบดินทร์ภัทร!
ผู้หญิงคนนี้ต้องบ้าไปแล้ว!
อนิลกลับมาที่บ้านของแม่อีกครั้งเพื่อพบความจริงที่ว่า วิฬุรหายออกไปจากห้อง และคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ในตอนนี้ คือ...นายดาว
มือหนาทุบลงไปบนสวิตซ์ไฟให้ห้องพักของวิฬุรมืดสนิท กลิ่นยาที่ใช้มาหลายสัปดาห์ยังติดค้างอยู่ในห้อง แม้แต่ถุงขับถ่ายที่ต้องติดไว้ข้างเตียงก็ยังอยู่ครบ ยกเว้นน้องของเขา
“ลมปิดไฟทำไม แม่จะนวดให้น้อง”
“แม่ไม่ต้องนวดแล้วครับ น้องเขามีหมอมานวดให้แล้ว วันนี้ไม่ต้องแล้วครับ”
“แต่แม่ว่า...”
เพชรีถูกดึงออกมาจากห้อง อนิลรีบงับประตูห้องของวิฬุรปิด เพื่อจะได้มองดูวาดตะวันเอนตัวดูโทรทัศน์อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาเข้าใจว่าวาดตะวันจะให้หมอมารักษาวิฬุร และมีแนวโน้มว่าจะพาวิฬุรไปโรงพยาบาลหลังจากนั้น แต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดจัดการเรียบร้อยในวันเดียว
“ผมเห็นว่าเพื่อนแม่เขากำลังจะรวมกลุ่มกันไปเที่ยวฮ่องกง” อนิลพูดออกมาได้เร็วปรื๋อ ไม่เสียเวลาคิดอีก “ผมว่าแม่น่าจะไปนะครับ”
“แม่ไม่ไปหรอก น้องเป็นอย่างนี้จะให้แม่ไปได้ยังไง”
“แม่เป็นอย่างนี้ผมก็ไม่สบายใจนะครับ ผมอยากให้แม่พักบ้าง อาทิตย์เดียวก็พอ ที่นั่นมีพระ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้แม่ไปไหว้ขอพรเยอะเลยล่ะครับ แม่ไปขอพรให้ฝนทีนะครับ”
คนเป็นแม่มองดวงตาห่วงใยของบุตรชายนึกใจอ่อน นางเองก็ไม่ได้ห่วงตัวเอง นอนไม่เคยพอ หลับไม่เคยสนิท หัวใจของคนเป็นแม่มีแต่ห่วงลูกชายคนเล็ก และโกรธแค้นวาดตะวัน
“ก็ได้ แล้วน้องล่ะ ใครจะดูแล”
“ผมจะจ้างพยาบาลมาดูแลให้ครับ แม่สบายใจได้” อนิลสบตากับ ‘พยาบาล’ ที่นั่งสบาย ราวกับอยู่คนละโลกกับเขา “ไปพรุ่งนี้เลยนะครับ”
“พรุ่งนี้!”
“ครับ” อนิลเก็บกุญแจห้องของน้องชายไว้กับตัว ไม่อยากให้มารดาเข้าไปแตกตื่นกับคนแปลกหน้าในห้อง
“ไม่เร็วไปเหรอ”
“ผมห่วงแม่นะครับ”
เสียงหัวเราะเบาๆ จากคนที่สามในบ้านแทบจะทำให้อนิลพุ่งออกไปตีอย่างเหลืออด เขารู้ว่าการ์ตูนขาวดำไร้เสียงไม่ได้น่าสนุกเท่ากับการรับรู้ว่าเขากำลังโกหกแม่ตัวเองจนมือเย็นเฉียบ
“ระวังผู้หญิงคนนี้ให้ดีนะลม แม่ไม่ไว้ใจเขา”
“ผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนแม่แล้วล่ะครับ”
ท่าทีว่าไงว่าตามกันของอนิลทำให้เพชรียิ้มอย่างถูกใจ ส่งสายตาเยาะใส่วาดตะวัน ที่ยิ้มกลับใส่ตาจนนางต้องกำหมัดแน่น ไม่รู้จะตอบโต้คนแบบนี้อย่างไรแล้ว
ตลอดทางที่อนิลอุ้มหญิงสาวกลับบ้านนั้นชายหนุ่มเงียบ และไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เขาจัดการโทรไปสั่งคนสนิทให้จองตั๋วเครื่องบินให้แม่เขาและเพื่อนๆ ไปพม่าโดยด่วน แล้วกำชับว่าไม่ให้บอกว่าแผนการเที่ยวครั้งนี้ เป็นเขาที่วางแผนให้
วาดตะวันที่กำลังคิดจะเดินหนีเข้าห้อง ไม่ข้องเกี่ยวกับระเบิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในเวลาอันใกล้ แต่เธอคงคิดช้าไป เมื่ออนิลเกี่ยวเอวของเธอไปล็อกไว้กับตัว ให้เธอยืนฟังเสียงหัวใจอันมั่นคงของเขา ยืนรอกระทั่งเขาคุยกับลูกน้องเสร็จ...เธอจึงเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา
อนิลช้อนร่างบางที่พยายามขืนตัวออกไว้กระชับแนบอก สองวันมานี้เขาอุ้มวาดตะวันบ่อยจนเคยชินเสียแล้ว เขาเดินพาวาดตะวันเข้ามาในห้องนอน โยนร่างเล็กลงบนเตียงอย่างแรงจนเธอถึงกับมึนไปชั่วครู่ หน้าเหยเก กำลังจะอ้าปากร้องหาความเป็นธรรม เสียงกัมปนาทก็ดังมาอีกระลอก
“วาดตะวัน!”
“มาเต็มยศเชียว” รอยยิ้มสงบศึกของเธอ ดูจะใช้ไม่ได้ผลเท่าไหร่ คนโกรธกำลังหายใจรัวแรง และสายตานั้นก็เหมือนพร้อมขย้ำเธอให้ตาย
“ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษากันบ้าง ที่นี่มันบ้านใคร หรือคิดว่าเป็นบ้านวาด คนที่อยู่บ้านนั้นก็ไม่ใช่แม่พี่ แต่เป็นแม่ของวาดหรือไงฮะ!”
“คุณชายเขาบอกว่าอาการของฝนควรอยู่รักษาที่โรงพยาบาลนี่คะ อีกอย่างตัวยาที่กบินทร์ไปตรวจสอบมา ก็เจือยานอนหลับรุนแรง กับยาพิษอ่อนๆ ไว้อยู่”
“ยานอนหลับ ยาพิษ!” ประเด็นใหม่นี้ทำให้อนิลยากจะเชื่อ
“ค่ะ ฉันแอบให้กบินทร์ไปขโมยยาตอนวันที่ฉันไปเหยียบเศษกระเบื้อง เพื่อตรวจสอบ”
อนิลกัดฟันเค้นออกมาทีละคำ “ทุกอย่าง เป็นแผนการของวาดทั้งหมด”
วาดตะวันรู้สึกว่าตัวเองกำลังตัวหดเล็กลง และขนาดตัวของอนิลขยายขนาดโตคับห้อง
“ฉันถือว่านี่คือการช่วยเหลือฝน พี่ลมน่าจะเข้าใจนะคะ ยิ่งฝนได้รับการรักษาที่ถูก ที่ดีเร็วเท่าไหร่ เขาก็จะปลอดภัย และมีสิทธิ์ฟื้นได้เร็วมากเท่านั้น”
“แก้ตัว แล้วพี่จะหายโกรธไหม”
“มีหลายคนนะคะที่ช่วยพาฝนไปขึ้นรถ หมอบดินทร์คอยดู คอยช่วยตลอด ตอนนี้ก็ขึ้นฮอลล์ไปแล้วล่ะค่ะ”
“ฮอลล์?”
อนิลไม่อยากจะเชื่อว่าวาดตะวันจะรู้จักคนเยอะแยะ และยังใหญ่ขนาดพาน้องชายเขาขึ้นฮอลล์
“คราวนี้ใครอีกล่ะที่ช่วยเหลือ”
“น้องเขยฉันเองค่ะ” หญิงสาวยิ้มภูมิใจ เพียงแค่ขอความช่วยเหลือจากรักษ์ชาติ น้องเขยของเธอก็สั่งลูกน้องคนสนิทมาช่วยเหลือถึงที่ ในเวลาอันรวดเร็ว ระดับคนที่เป็นทั้งเจ้าของเกาะกาสิโนที่ใหญ่ พ่วงด้วยคนมีอำนาจล้นมือ ช่วยคนๆ เดียวของแค่นี้ไม่เกินกำลังเขาหรอก
“ฝนไปรักษาตัวอย่างนี้ วาดก็คงจะกลับไปด้วยใช่ไหม”
ท่าทีที่สงบ และมีสติมากขึ้นของอนิลบอกว่าเขาพร้อมพอที่จะรับรู้ทุกความจริงที่เหลืออยู่ วาดตะวันหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปจับมือหนามากุม และบีบไว้ให้เขาคลายใจ
“ฉันสร้างปัญหาให้พี่ลมตั้งเยอะนะคะ จะปล่อยให้พี่ลมเช็ดล้างคนเดียวได้ยังไง ฉันจะไปได้ ก็จนกว่าจะมั่นใจว่าฝนจะปลอดภัย อาการดีขึ้น ตอนนี้ฉันต้องอยู่ช่วยพี่ลมจับคนร้ายก่อนสิคะ”
แทนที่เขาจะดีใจ อนิลก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมาอีกรอบ น้ำใจงามๆ ที่วาดตะวันหยิบยื่นมาให้ ทำให้เขาระแวง ว่าเธอจะจริงใจหรือเปล่า หลายคนที่ยอมช่วยเหลือวาดตะวัน ล้วนพบวาดตะวันที่ทุ่มเททุกอย่างให้อย่างนี้ไหม
“พี่ลมยังโกรธอยู่อีกหรือเปล่าคะ”
“โกรธ” อนิลพลิกมือเป็นฝ่ายกุมมือนุ่มที่บำรุงผิวมาอย่างดีตลอด ดวงตาเป็นประกายแปลกยามที่ก้มตัวลงมาหน้าเกือบชิด น้ำเสียงอันตรายข่มขู่ให้คนฟังตาเบิกกว้าง
“อย่าหว่านเสน่ห์ใส่ใครอีก อย่าใส่ใจใครมากขนาดนี้อีก” ลมหายใจกำลังสัมผัสรูขุนขนละเอียดของวาดตะวัน หญิงสาวขนลุกซู่ หดคอหนี “วาดติดค้างพี่หลายครั้งแล้ว รู้ตัวไหม”
เปลือกตาข้างหนึ่งลืมขึ้น เพื่อสบกับนัยน์ตาลึกยากเกินหยั่งของอนิล หญิงสาวหลับตา และส่ายหน้า เธอควรปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
“เรื่องเมื่อวาน วาดอาจจะจำไม่ได้ พี่คิดว่า...” วาดตะวันพุ่งตัวไปประกบปาก เพื่อปิดสิ่งที่อนิลคิดจะกล่าวออกมา จะให้เขามาทวงหนี้ในเวลาที่เธอไม่พร้อมใช้ได้อย่างไร ตลอดชีวิต...เธอไม่พร้อมจะหยุดที่ใครทั้งนั้น
ริมฝีปากสีแดงถอนหน้าออกมา เธอพบว่าอนิลกำลังหรี่ตาดุมองเธอ ในช่วงที่เธอคิดว่าเขาหลงลืมสิ่งที่จะพูด เธอกลับเพิ่งรู้ ว่าบางสิ่งก็ไม่ได้เดินตามแผนการที่เธอร่างไว้
“วาดถอนตัวจากพี่ไม่ทันแล้วล่ะ” ริมฝีปากอนิลกระตุกเป็นรอยยิ้มร้าย มือหนาจับรั้งหลังศีรษะของวาดตะวันไว้แน่น แล้วจู่โจมริมฝีปากชุ่มฉ่ำอย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง ความลึกล้ำก็เริ่มจู่โจมจิตใจ
หัวสมองของเธอขาวโพลน มีเพียงสิ่งเดียวที่นึกออกในตอนนี้
อนิลเป็นเจ้าหนี้จอมโหด ที่ทวงคืนลูกหนี้ทุกดอกทุกเม็ด!
...................................
หายไปหลายวัน กลับมายังพาพ่อลมเพชรหึงกลับมาอีก ฮา
คุณ โอชิน บทนี้มีคำตอบแล้วว่าใครตกหลุมรักก่อนนะคะ อิอิ วาดหลังจากตอนนี้จะหวั่นไหวไหมก็ไม่รู้ค่ะ
คุณ konhin เสน่ห์เป็นเหรียญสองด้านแล้วค่ะ ถ้าไปเจอคนที่ไม่ปล่อย ระดับวาดจะหนีรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ทุกคนที่กดถูกใจ รวมทั้งนักอ่านเงาด้วยนะคะ ^^
ฝ่ามืออุ่นนวดคลึงผิวเนื้อตามตัวเธอ แรกเริ่มหญิงสาวคิดจะชักมือกลับ และเปิงคนที่แตะต้องผิวกายเธอ แต่เมื่อเห็น ‘เจ้าของบ้าน’ นั่งอยู่ตรงขอบเตียง กำลังใช้นิ้วแตะเจลใสในกระปุกเล็ก ที่มีเนื้อเย็นๆ มานวดตามผิวให้ คำด่าจำต้องกลืนหายไปในคอ วาดตะวันนิ่งไม่ไหวติง บรรยากาศอบอุ่นแปลกๆ นี้กำลังซึมเข้าหัวใจเย็นชืดของเธอ
เป็นความรู้สึกแปลก และยังไม่คิดอยากจะทำลาย
เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ วาดตะวันก่นด่าตัวเองในใจ กำลังครุ่นคิดว่าจะหลีกหนีจากสภาพอันน่ากระอ่วนใจ แต่ก็น่าตื่นเต้น ไหวในใจนี้อย่างไรดี การเคลื่อนไหวของอนิลที่กำลังเงยหน้าขึ้นมา ทำให้หญิงสาวรีบปิดเปลือกตานิ่ง แสร้งทำเป็นหลับ
และร่างของเธอก็แข็งเป็นหิน เพราะสัมผัสแผ่วเบาที่กำลังคลึงตรงแผลแก้มใต้ดวงตา เจลเย็นๆ กำลังอุ่นซ่าน และไล่เพิ่มอุณหภูมิจนหน้าขึ้นสี หัวใจเต้นแรง วาดตะวันไม่กล้าคิดว่าตอนนี้เธอกำลัง...เขิน
คนอย่างเธอเนี่ยนะเขิน?
ความพิศวงอยู่ในใจได้ไม่นาน ความหยิ่งในตัวก็กลับมา เปลือกตาที่ปิดลงจึงลืมขึ้น ภาพผู้ชายตัวโตที่ใช้แขนข้างหนึ่งเท้ากับขอบเตียง ก้มตัวลงมาใกล้ เพื่อพินิจบาดแผลบนหน้าของเธอ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาปัดผ่านข้างแก้ม สองตาสบกัน ไม่รู้จะหลบเลี่ยงอย่างไร เป็นวาดตะวัน ที่กระแอมในคอทำลายบรรยากาศหวานปะแล่มนี้
อนิลหยัดกายตรง มือหมุนฝาปิดกระปุก ก้มหน้าอธิบาย “พี่มาทายาลบแผลเป็นให้ เห็นว่าวางทิ้งไว้ตรงห้องนั่งเล่น”
“วันหลังปลุกกันก็ได้นะคะ” อุกอาจเข้ามาอย่างนี้ อันตรายกับ...ใจ วาดตะวันฉวยโอกาสในช่วงที่อนิลไม่ทันมอง ยกมือสัมผัสตรงอกด้านซ้าย สัมผัสเร็วแรงเมื่อครู่กลับสู่จังหวะปกติแล้ว
“จะให้พี่ทาให้อีกเหรอ” อนิลพูดทีเล่นทีจริง ดวงตายิ้มเมื่อมีโอกาสได้เห็นผู้หญิงแสนมั่นหน้าแดง จะว่าไปถ้าวาดตะวันเต็มใจให้เขาทายาให้...เขาก็ยินดี
อนิลชะงักกับความคิดของตัวเอง ชายหนุ่มไม่อยากปล่อยให้ตัวเองถลำลึกสู่วังวนลึกที่หาจุดสิ้นสุดนี้ไมได้ วาดตะวันไม่ใช่คนที่จะรักใครง่ายๆ และเขาเองก็เป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่มีความคิดแง่ลบกับความรัก คนๆ หนึ่งเคยทิ้งเขาไปเพราะเขาหมดตัว จะแปลกอะไรถ้าเขายังระแวงกับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามา
หน้าตาอ่อนโยนพลันเย็นชาขึ้น วาดตะวันมองด้วยความไม่เข้าใจ ฟ้าภายนอกหน้าต่างเริ่มมีแสงสีส้มไล่เฉดตามผืนกำมะหยี่ก็ลืมใส่ใจความผิดปกติของอนิลไป ร่างบางลุกพรวดพราด หน้าตาตื่นเต้น
“พี่ลมคะ วันนี้พี่ลมห้ามทำพิรุธให้แม่พี่ลมจับได้เด็ดขาดนะคะ”
“วาดจะไปยังไง รถเข็นเสียอย่างนั้น” อนิลนึกหงุดหงิดที่วาดตะวันเปลี่ยนเรื่องง่ายๆ
“พี่ลมก็อุ้มไปสิคะ ฉันไม่ถือหรอก” ริมฝีปากแดงเป็นธรรมชาติเม้มหากันเล็กน้อย “หรือพี่ลมจะให้ฉันทุ่มทุนสร้างด้วยการคลานไปก็ได้ แต่กลัวแม่พี่ลมจะคิดว่าฉันหลุดมาจากหนังผีเรื่องจูออน ไม่ก็เดอะริงน่ะสิ”
“ไม่ถือ?” หรือว่ามีใครหลายคนเขาอุ้มบ่อยแล้ว อนิลสะกดกลั้นความรู้สึกร้อนในอก ความรู้สึกนั้นกำลังแผดเผาเขาช้าๆ โดยไม่รู้ที่ไปที่มา
“เพื่อแผนการที่สมบูรณ์ค่ะพี่ลม” วาดตะวันไม่สังเกตสีหน้าคนฟังว่ากำลังเขียวคล้ำ หรือกำลังขุ่นเคืองอย่างไร ความคิดย้อนไปในวันนั้นที่อู่ซ่อมรถที่เธอบอกเล่าแผนการกับเขาไว้
‘จะหลอกแม่พี่!’
คนฟังพยักหน้ารับไม่ยินดียินร้าย แผนการนี้เธอกับกบินทร์คิดกันมาอย่างรอบคอบแล้ว ‘ฉันก็แค่หลอกว่าตัวเองป่วย จะป่วยด้วยอะไรสักอย่างก็ได้ค่ะ แต่ว่าขอแค่ให้หมอที่มาตรวจฝนเป็นคนที่ฉันจะไว้ใจได้ ฉันมีคุณชายหมอที่รู้จักอยู่คนหนึ่ง เขาช่วยพวกเราได้แน่ๆ ค่ะ’
‘ทำไมไม่ไว้ใจหมอที่นี่ หมอที่กรุงเทพฯ ก็วินิจฉัยว่าฝน...’ อนิลกลืนคำว่า ‘เป็นเจ้าชายนิทรา’ ด้วยไม่อยากตอกย้ำ
วาดตะวันเบือนหน้าหนี เรื่องในครั้งนี้นอกจากลางสังหรณ์ที่ว่าวิฬุรไม่ตื่นมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากอาการเจ็บป่วย ก็ยังมีตัวอันตรายอย่างเคียงฟ้าที่ครอบครองทั้งจังหวัดนี้อยู่ เห็นจะมีแค่ลมฝนที่อยู่รอดมาได้ จะไม่ให้เธอกังวลได้อย่างไร
‘ถ้าหมอที่ฉันพามา บอกแบบเดียวกัน ฉันจะเลิกดื้อด้านค่ะ ขอแค่ พี่ลมต้องช่วยฉัน’
“ทำไมไม่บอกแม่พี่ว่าเคียงฟ้าเป็นคนผลักรถเข็นของวาด” อนิลมองบาดแผลที่วาดตะวันได้รับในเวลาไม่ถึงสัปดาห์รวมกัน แสงในตาก็หม่นลง ผู้หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่หญิงหรือยังไงกัน
“พี่ลมรู้?”
“วาดไม่ใช่ให้คุณฉันทยาตามพี่มาเหรอ”
หญิงสาวร้องอ้อเบาๆ ฉันทยาคงจะวิ่งรอกไปทั่วในยามนั้น และคงสาธยายทุกสิ่งอย่างจนหมดเปลือกตอนพบหน้าอนิล
“เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ฉันดูดีขึ้นมาในสายตาแม่พี่ลมหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันเป็นคนโกหก ความผิดนี้จะตามติดฉันไปจนกว่าความจริงจะเปิดเผย” วาดตะวันแตะขาที่เดินเหินปกติด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด หากเธอไม่ทำอย่างนี้ เธอจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาอยู่ที่นี่ เรียกร้องหาความรับผิดชอบจากพวกเขา ทั้งที่จริงแล้ว เธอแทบไม่ได้รับผลกระทบระยะยาว หรือการที่เลือกไม่บอกว่าเคียงฟ้าเป็นคนทำ เธอก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง “ฉันไม่อยากทำให้เคียงฟ้าระวังตัวแจ ยิ่งเขาย่ามใจ เขาจะยิ่งเผยหางออกมาได้ง่ายๆ”
“เสี่ยงเกินไป” อนิลส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
มือบางคว้ามือหนามาประคอง กุมไว้ไม่แน่นไม่หลวมเกินไป รอยชะงักในดวงตาของอนิลหยุดมองดวงตาเจ้าเสน่ห์ที่บัดนี้กำลังก่อคลื่นในใจเขาทีละนิด
“วาดมีพี่ลมทั้งคน จะกลัวอะไรอีกคะ”
อนิลจ้องคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา เขาแทบจะคิด ไม่เขากำลังคิด คิดว่าวาดตะวันกำลังหว่านเมล็ดบางอย่างลงใจเขา เมล็ดที่เขาเพียรปฏิเสธ
“วาดจำที่วาดพูดเมื่อวานนี้ได้ไหม”
“ฉันพูดว่าอะไรคะ”
หน้าตาไม่รับรู้นั้นทำให้อนิลรู้สึกผิดหวังแปลกๆ “ช่างมันเถอะ วันนี้อยากทานอะไรไหม เดี๋ยวพี่ทำให้”
“ขอนมร้อนๆ สักแก้วก็พอค่ะ”
“กินข้าวต้มแล้วกัน” อนิลตัดสินใจให้เสร็จสรรพ แล้วรีบหมุนตัวออกไปจากห้อง
วาดตะวันพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใครว่าเธอจำเรื่องเมื่อวานไม่ได้ ตอนนั้นเพื่อแผนการขอดาวขอตะวัน เธอยอมทุกอย่าง แต่มาถึงตอนนี้ การที่แกล้งลืมเลือนไปบ้างน่าจะเป็นประโยชน์กับเธอมากกว่า ตราบใดที่อนิลไม่ยกขึ้นมาทวง เธอก็จะใช้ชีวิตอย่างคนไร้สัจจะ ทำไม่รู้ไม่ชี้
อนิลไม่น่าจะเป็นเจ้าหนี้จอมโหด อีกอย่างคนอย่างอนิลคงไม่คิดมาพิศวาสอะไรเธอหรอก
คงจะไม่...วาดตะวันยกมือแตะผิวหน้าที่เคยมีมือหนามาทายาลบรอยแผลเป็นให้อย่างเหม่อลอย ความรู้สึกของเธอตอนรู้ว่าวิฬุรอาจเป็นเจ้าชายนิทรา ทำให้เธอเจ็บปวด รู้สึกราวกับสูญเสียคนที่รู้ใจที่สุดในโลกนี้ไป เธอคิดว่านั่นคือ...ความรัก แต่ ตอนนี้เธอเริ่มไม่มั่นใจ
ความรู้สึกตอนเธออยู่กับวิฬุร ไม่เหมือนกัน...สักนิด
เพชรีต้องบังคับไม่ให้ตัวเองทำหน้าบึ้ง มึนตึงใส่ ยามที่ลูกชายคนโตโอบอุ้มวาดตะวันเข้ามาภายในบ้าน และพามานั่งยังที่นั่งว่างที่อยู่ติดกับนาง
“สวัสดีค่ะ คุณป้า”
“เก็บไว้ไหว้คนอื่นเถอะ” เพชรีตอบกลับอย่างเย็นชา ถึงจะเห็นใจเรื่องเดินไม่ได้ ไหนจะรถเข็นไถลตกเนิน แต่ก็ไม่ได้ใจดีขนาดคุยดีด้วยได้
“คุณคือ...” เสียงหวานอีกเสียงเรียกความสนใจของวาดตะวัน ผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่บนโซฟาเดียวกับเพชรี หน้าตาจิ้มลิ้มน่ามองทอดสายตาถามมาอย่างอยากรู้
“ฉันวาดตะวันค่ะ เป็นเพื่อนของฝน”
“ไม่ใช่แฟนเหรอคะ ก็ไหนพี่ฝนชอบพูดถึงพี่วาดบ่อยๆ” ปาฏลีโพล่งถาม ทำหน้าขมวดมุ่น ก่อนหันไปหาอนิล “หรือพี่วาดเป็นแฟนพี่ลมคะ”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง” เพชรีทนฟังเฉยไม่ไหวต้องออกปากค้าน
“ค่ะ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก คุณ...”
“ปาฏลี เรียกว่าแคก็ได้ค่ะ”
“คุณแคไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ พี่ลมเขาหัวใจยังว่าง” วาดตะวันยิ้มเออออ ไม่สนว่าคนถูกพูดถึงจะกำลังก่อคลื่นลมพายุไม่พอใจอยู่ไม่ไกลกัน
“แคค่อยสบายใจหน่อย” ปาฏลีสังเกตอาการของอนิลที่ไม่ได้ยินดีกับการออกปากของเธอเลย ตรงกันข้ามกับวาดตะวัน ที่ไม่ถือสาในหัวข้อนี้เท่าไหร่
สมกับเป็นคาสโนวี่เลื่องชื่อ คงไม่เคยฝากหัวใจไว้ที่ใครจริงๆ จังๆ
“ขาพี่วาดเป็นอะไรคะ”
วาดตะวันทิ้งสายตาไปยังบานประตูห้องของวิฬุร เพราะไม่กล้าสบสายตาของใครสักคน โกหก...ใครว่าพูดออกมาได้ง่ายดาย
“ขาเดินไม่ได้ค่ะ”
“เสียใจด้วยนะคะ แต่แคว่าถ้าพี่วาดฝึกทำกายภาพบำบัด ต้องหายแน่ๆ ค่ะ” ปาฏลีเอื้อมมือมาแตะหลังมือวาดตะวัน ยิ้มให้กำลังใจ แทนตัว เรียกชื่อคู่สนทนาอย่างสนิทสนม โดยไม่คิดปรึกษาใคร
“ฉันต้องกลับมาเดินได้แน่ค่ะ” วาดตะวันบอกอย่างมั่นใจ ในเมื่อขาของเธอ...ปกติดี
ปาฏลีเลิกคิ้วมองท่าทีมั่นใจนั้นเงียบๆ ตั้งสมมติฐานในใจถึงความเป็นไปได้ว่าบางที เรื่องราวในครั้งนี้อาจมีอะไรที่เธอไม่รู้
“กำลังใจดีจังเลยนะคะ อย่างนี้พี่ลมคงหายห่วง” ปาฏลียกมือปิดปาก ทำตาใส “ขอโทษค่ะ พูดผิดไปหน่อย พี่ลมจะห่วงพี่วาดทำไมจริงไหมคะ เพื่อนน้อง ไม่ใช่แฟนตัวเอง”
อนิลถลึงตาดุจัดใส่ปาฏลีที่กำลังทำหน้าซุกซนใส่ วาดตะวันยิ้มเจื่อน ไม่รู้ว่าควรวางปาฏลีผู้นี้ไว้ตรงไหน ผู้มาดี ผู้มาร้าย หรือผู้มาป่วน หรือทั้งสามรวมในตัวคนเดียว
จากท่าทางที่สนิทกับคนบ้านนี้ ก็บอกได้อย่างว่าปาฏลีเข้าออกที่นี่เป็นประจำ
ก่อนที่ปาฏลีจะหยั่งเชิงแขกสาวของอนิลไปมากกว่านี้ ลิลิตก็ปั่นจักรยานมาจอดหน้าบ้าน พาแขกอีกคนมาร่วมวง แขกคนนี้สวมชุดกาวน์แขนกุด สวมแว่นดูทรงภูมิ มือถือกล่องเครื่องมือแพทย์ติดตัวมาด้วย
“คุณชายคะ” วาดตะวันเรียกเขาอย่างตื่นเต้น เสียดายที่เธอกระโตกกระตากด้วยการเดินไปหาบดินทร์ภัทรไม่ได้
คุณหมอหนุ่มใช้มือดันกรอบแว่นสีน้ำตาลของตัวเองให้เข้าที่ ผมที่ยุ่งนิดๆ จากการซ้อนจักรยานเด็กหนุ่มซิ่งพามาส่งทำให้เขามึนฝุ่นเล็กน้อย ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนที่นี่มีการรับแขกด้วยการสัญจรทางจักรยาน ไร่นี้ก็ออกจะใหญ่ ประกายพรึกเป็นคนไปรับเขามาจากที่สนามบิน แล้วมาส่งถึงที่นี่
เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาได้รับโทรศัพท์จากวาดตะวันที่ขอร้องให้มาช่วยรักษาเพื่อนรักให้หน่อย อย่างน้อยขึ้นมาตรวจอาการถึงที่พักก็ยังดี เพราะหญิงสาวไม่เชื่อใครทั้งสิ้น บดินทร์ภัทรจึงรีบสะสางงานและดั้นด้นขึ้นมาถึงที่นี่ เขาเองก็รู้จักวาดตะวันมาหลายสิบปี ครอบครัวรู้จักกันดี จะให้เขาใจดำไม่ช่วย ก็ไม่ได้
“เธอพาใครมา” เพชรีถามวาดตะวันอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณชายจะมารักษาขาฉันให้ค่ะ” วาดตะวันมองบดินทร์ภัทรที่ยกมือไหว้เจ้าของบ้านอย่างมีมารยาท ไม่ให้หลุดพิรุธออกมา
บดินทร์ภัทรยิ้มอ่อนโยน เข้าใจเรื่องราวอย่างรวดเร็ว “ให้พี่รักษาที่นี่เหรอคะ”
“ค่ะ”
อนิลจ้องบดินทร์ภัทรอย่างเฉยชา นึกขัดหูที่ผู้ชายพูดคะขากับผู้หญิง เขาเคยได้ยินมาว่าคนส่วนใหญ่ที่พูดคะขานี่จะเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน ตั้งใจให้ลิลิตพาปั่นจักรยานมาส่งที่นี่ ทั้งที่จริงก็มีรถ แต่เขาอยากรู้ว่าผู้ชายที่วาดตะวันเชื่อใจ จะหัวสูง ทนลำบากไม่ได้จนรีบกลับไปหรือเปล่า
“พี่ลมคะ” วาดตะวันเรียกเสียงเบา รู้สึกเกรงใจที่ต้องใช้เขาเป็นเครื่องมือในครั้งนี้
“แม่ครับ ออกไปข้างนอกเถอะครับ แคก็ด้วยนะ” อนิลจำต้องพาผู้เกี่ยวข้องออกอย่างจำใจ เขาอยากอยู่ด้วยทุกขั้นตอน แต่...วาดตะวันเคยสั่งไว้ว่าถ้าไม่ใช่เขา เพชรีจะไม่มีวันออกจากบ้านนี้แน่
“ทำไมไม่ไปรักษาที่บ้านโน้น” เพชรียังดื้อดึง
“แม่ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องในครั้งนี้นะครับ ที่นี่มีอุปกรณ์หยูกยาครบกว่า ที่นี่แหละครับ”
“ไปเถอะค่ะป้าเพชร วันนี้แคจะอยู่เป็นเพื่อนป้าทั้งวันเลยนะคะ” ปาฏลีรีบยื่นมือช่วย เกี่ยวแขนเพชรีที่ขืนร่างไว้ไม่ยอมลุกง่ายๆ นางจ้องหน้าวาดตะวันอย่างไม่ถูกชะตา อีกครั้งที่ต้องถามตัวเอง ว่าครั้งหนึ่งเคยชอบวาดตะวันมากๆ ได้อย่างไร
“ป้าขอล็อกห้องฝนก่อน ใครแถวนี้จะได้ไม่ไปรบกวนฝน”
เพชรีจัดการตามที่พูด ส่งเสียงเหอะหยันก่อนเดินเกี่ยวแขนปาฏลีออกไป อนิลเดินมาช้อนร่างผอมที่ไม่ทันตั้งตัวจนต้องรีบเกี่ยวคอของอนิลไว้แน่นกันตก หน้าตาเหรอหราไม่เข้าใจ
“อุ้มฉันทำไมคะ”
“นั่งตรงเตียงเล็กดีกว่า วางขาสบายกว่าโซฟา” คนพูดอธิบายเหลือบมองหน้าบดินทร์ภัทรที่ยืนมองยิ้มๆ ไม่พูดว่าอะไร “คนนี้กิ๊กคนไหนอีกล่ะ”
“เอ๊ะ?”
“เรียกปุ๊บ มาปั๊บ” อนิลบรรจงวางร่างบอบบางลงที่หมายที่หันหน้าตรงกับประตูห้องของวิฬุร จงใจเขยิบตัวเข้าไปใกล้แก้มของวาดตะวัน เขารู้สึกได้ว่าร่างที่อยู่ในอ้อมแขนเขานี้กำลังเกร็งตัว “กุญแจห้องของฝน อยู่ใต้กระถางต้นไม้หน้าห้องฝน ใช้แล้วเก็บคืนที่เดิมด้วยนะ”
อนิลยืดตัวตรง และเดินออกไป ปล่อยให้วาดตะวันนั่งนิ่งอยู่กับที่ ผิวแก้มร้อนผ่าวเพราะสัมผัสใกล้ชิด และลมหายใจอุ่นร้อนของเขาปัดผ่านแก้มเธอไปมา อาการของอนิลเริ่มทำให้วาดตะวันหวาดๆ เธอเกรงว่าเขา...กำลังชอบเธอ
บดินทร์ภัทรมองมาอย่างให้กำลังใจ “พี่ไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอกนะคะ”
วาดตะวันกัดริมฝีปากกลั้นเสียงกรีดร้อง อนิลต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ทำอะไรอย่างนั้นต่อหน้าบดินทร์ภัทร!
ผู้หญิงคนนี้ต้องบ้าไปแล้ว!
อนิลกลับมาที่บ้านของแม่อีกครั้งเพื่อพบความจริงที่ว่า วิฬุรหายออกไปจากห้อง และคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ในตอนนี้ คือ...นายดาว
มือหนาทุบลงไปบนสวิตซ์ไฟให้ห้องพักของวิฬุรมืดสนิท กลิ่นยาที่ใช้มาหลายสัปดาห์ยังติดค้างอยู่ในห้อง แม้แต่ถุงขับถ่ายที่ต้องติดไว้ข้างเตียงก็ยังอยู่ครบ ยกเว้นน้องของเขา
“ลมปิดไฟทำไม แม่จะนวดให้น้อง”
“แม่ไม่ต้องนวดแล้วครับ น้องเขามีหมอมานวดให้แล้ว วันนี้ไม่ต้องแล้วครับ”
“แต่แม่ว่า...”
เพชรีถูกดึงออกมาจากห้อง อนิลรีบงับประตูห้องของวิฬุรปิด เพื่อจะได้มองดูวาดตะวันเอนตัวดูโทรทัศน์อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาเข้าใจว่าวาดตะวันจะให้หมอมารักษาวิฬุร และมีแนวโน้มว่าจะพาวิฬุรไปโรงพยาบาลหลังจากนั้น แต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดจัดการเรียบร้อยในวันเดียว
“ผมเห็นว่าเพื่อนแม่เขากำลังจะรวมกลุ่มกันไปเที่ยวฮ่องกง” อนิลพูดออกมาได้เร็วปรื๋อ ไม่เสียเวลาคิดอีก “ผมว่าแม่น่าจะไปนะครับ”
“แม่ไม่ไปหรอก น้องเป็นอย่างนี้จะให้แม่ไปได้ยังไง”
“แม่เป็นอย่างนี้ผมก็ไม่สบายใจนะครับ ผมอยากให้แม่พักบ้าง อาทิตย์เดียวก็พอ ที่นั่นมีพระ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้แม่ไปไหว้ขอพรเยอะเลยล่ะครับ แม่ไปขอพรให้ฝนทีนะครับ”
คนเป็นแม่มองดวงตาห่วงใยของบุตรชายนึกใจอ่อน นางเองก็ไม่ได้ห่วงตัวเอง นอนไม่เคยพอ หลับไม่เคยสนิท หัวใจของคนเป็นแม่มีแต่ห่วงลูกชายคนเล็ก และโกรธแค้นวาดตะวัน
“ก็ได้ แล้วน้องล่ะ ใครจะดูแล”
“ผมจะจ้างพยาบาลมาดูแลให้ครับ แม่สบายใจได้” อนิลสบตากับ ‘พยาบาล’ ที่นั่งสบาย ราวกับอยู่คนละโลกกับเขา “ไปพรุ่งนี้เลยนะครับ”
“พรุ่งนี้!”
“ครับ” อนิลเก็บกุญแจห้องของน้องชายไว้กับตัว ไม่อยากให้มารดาเข้าไปแตกตื่นกับคนแปลกหน้าในห้อง
“ไม่เร็วไปเหรอ”
“ผมห่วงแม่นะครับ”
เสียงหัวเราะเบาๆ จากคนที่สามในบ้านแทบจะทำให้อนิลพุ่งออกไปตีอย่างเหลืออด เขารู้ว่าการ์ตูนขาวดำไร้เสียงไม่ได้น่าสนุกเท่ากับการรับรู้ว่าเขากำลังโกหกแม่ตัวเองจนมือเย็นเฉียบ
“ระวังผู้หญิงคนนี้ให้ดีนะลม แม่ไม่ไว้ใจเขา”
“ผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนแม่แล้วล่ะครับ”
ท่าทีว่าไงว่าตามกันของอนิลทำให้เพชรียิ้มอย่างถูกใจ ส่งสายตาเยาะใส่วาดตะวัน ที่ยิ้มกลับใส่ตาจนนางต้องกำหมัดแน่น ไม่รู้จะตอบโต้คนแบบนี้อย่างไรแล้ว
ตลอดทางที่อนิลอุ้มหญิงสาวกลับบ้านนั้นชายหนุ่มเงียบ และไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เขาจัดการโทรไปสั่งคนสนิทให้จองตั๋วเครื่องบินให้แม่เขาและเพื่อนๆ ไปพม่าโดยด่วน แล้วกำชับว่าไม่ให้บอกว่าแผนการเที่ยวครั้งนี้ เป็นเขาที่วางแผนให้
วาดตะวันที่กำลังคิดจะเดินหนีเข้าห้อง ไม่ข้องเกี่ยวกับระเบิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในเวลาอันใกล้ แต่เธอคงคิดช้าไป เมื่ออนิลเกี่ยวเอวของเธอไปล็อกไว้กับตัว ให้เธอยืนฟังเสียงหัวใจอันมั่นคงของเขา ยืนรอกระทั่งเขาคุยกับลูกน้องเสร็จ...เธอจึงเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา
อนิลช้อนร่างบางที่พยายามขืนตัวออกไว้กระชับแนบอก สองวันมานี้เขาอุ้มวาดตะวันบ่อยจนเคยชินเสียแล้ว เขาเดินพาวาดตะวันเข้ามาในห้องนอน โยนร่างเล็กลงบนเตียงอย่างแรงจนเธอถึงกับมึนไปชั่วครู่ หน้าเหยเก กำลังจะอ้าปากร้องหาความเป็นธรรม เสียงกัมปนาทก็ดังมาอีกระลอก
“วาดตะวัน!”
“มาเต็มยศเชียว” รอยยิ้มสงบศึกของเธอ ดูจะใช้ไม่ได้ผลเท่าไหร่ คนโกรธกำลังหายใจรัวแรง และสายตานั้นก็เหมือนพร้อมขย้ำเธอให้ตาย
“ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษากันบ้าง ที่นี่มันบ้านใคร หรือคิดว่าเป็นบ้านวาด คนที่อยู่บ้านนั้นก็ไม่ใช่แม่พี่ แต่เป็นแม่ของวาดหรือไงฮะ!”
“คุณชายเขาบอกว่าอาการของฝนควรอยู่รักษาที่โรงพยาบาลนี่คะ อีกอย่างตัวยาที่กบินทร์ไปตรวจสอบมา ก็เจือยานอนหลับรุนแรง กับยาพิษอ่อนๆ ไว้อยู่”
“ยานอนหลับ ยาพิษ!” ประเด็นใหม่นี้ทำให้อนิลยากจะเชื่อ
“ค่ะ ฉันแอบให้กบินทร์ไปขโมยยาตอนวันที่ฉันไปเหยียบเศษกระเบื้อง เพื่อตรวจสอบ”
อนิลกัดฟันเค้นออกมาทีละคำ “ทุกอย่าง เป็นแผนการของวาดทั้งหมด”
วาดตะวันรู้สึกว่าตัวเองกำลังตัวหดเล็กลง และขนาดตัวของอนิลขยายขนาดโตคับห้อง
“ฉันถือว่านี่คือการช่วยเหลือฝน พี่ลมน่าจะเข้าใจนะคะ ยิ่งฝนได้รับการรักษาที่ถูก ที่ดีเร็วเท่าไหร่ เขาก็จะปลอดภัย และมีสิทธิ์ฟื้นได้เร็วมากเท่านั้น”
“แก้ตัว แล้วพี่จะหายโกรธไหม”
“มีหลายคนนะคะที่ช่วยพาฝนไปขึ้นรถ หมอบดินทร์คอยดู คอยช่วยตลอด ตอนนี้ก็ขึ้นฮอลล์ไปแล้วล่ะค่ะ”
“ฮอลล์?”
อนิลไม่อยากจะเชื่อว่าวาดตะวันจะรู้จักคนเยอะแยะ และยังใหญ่ขนาดพาน้องชายเขาขึ้นฮอลล์
“คราวนี้ใครอีกล่ะที่ช่วยเหลือ”
“น้องเขยฉันเองค่ะ” หญิงสาวยิ้มภูมิใจ เพียงแค่ขอความช่วยเหลือจากรักษ์ชาติ น้องเขยของเธอก็สั่งลูกน้องคนสนิทมาช่วยเหลือถึงที่ ในเวลาอันรวดเร็ว ระดับคนที่เป็นทั้งเจ้าของเกาะกาสิโนที่ใหญ่ พ่วงด้วยคนมีอำนาจล้นมือ ช่วยคนๆ เดียวของแค่นี้ไม่เกินกำลังเขาหรอก
“ฝนไปรักษาตัวอย่างนี้ วาดก็คงจะกลับไปด้วยใช่ไหม”
ท่าทีที่สงบ และมีสติมากขึ้นของอนิลบอกว่าเขาพร้อมพอที่จะรับรู้ทุกความจริงที่เหลืออยู่ วาดตะวันหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปจับมือหนามากุม และบีบไว้ให้เขาคลายใจ
“ฉันสร้างปัญหาให้พี่ลมตั้งเยอะนะคะ จะปล่อยให้พี่ลมเช็ดล้างคนเดียวได้ยังไง ฉันจะไปได้ ก็จนกว่าจะมั่นใจว่าฝนจะปลอดภัย อาการดีขึ้น ตอนนี้ฉันต้องอยู่ช่วยพี่ลมจับคนร้ายก่อนสิคะ”
แทนที่เขาจะดีใจ อนิลก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมาอีกรอบ น้ำใจงามๆ ที่วาดตะวันหยิบยื่นมาให้ ทำให้เขาระแวง ว่าเธอจะจริงใจหรือเปล่า หลายคนที่ยอมช่วยเหลือวาดตะวัน ล้วนพบวาดตะวันที่ทุ่มเททุกอย่างให้อย่างนี้ไหม
“พี่ลมยังโกรธอยู่อีกหรือเปล่าคะ”
“โกรธ” อนิลพลิกมือเป็นฝ่ายกุมมือนุ่มที่บำรุงผิวมาอย่างดีตลอด ดวงตาเป็นประกายแปลกยามที่ก้มตัวลงมาหน้าเกือบชิด น้ำเสียงอันตรายข่มขู่ให้คนฟังตาเบิกกว้าง
“อย่าหว่านเสน่ห์ใส่ใครอีก อย่าใส่ใจใครมากขนาดนี้อีก” ลมหายใจกำลังสัมผัสรูขุนขนละเอียดของวาดตะวัน หญิงสาวขนลุกซู่ หดคอหนี “วาดติดค้างพี่หลายครั้งแล้ว รู้ตัวไหม”
เปลือกตาข้างหนึ่งลืมขึ้น เพื่อสบกับนัยน์ตาลึกยากเกินหยั่งของอนิล หญิงสาวหลับตา และส่ายหน้า เธอควรปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
“เรื่องเมื่อวาน วาดอาจจะจำไม่ได้ พี่คิดว่า...” วาดตะวันพุ่งตัวไปประกบปาก เพื่อปิดสิ่งที่อนิลคิดจะกล่าวออกมา จะให้เขามาทวงหนี้ในเวลาที่เธอไม่พร้อมใช้ได้อย่างไร ตลอดชีวิต...เธอไม่พร้อมจะหยุดที่ใครทั้งนั้น
ริมฝีปากสีแดงถอนหน้าออกมา เธอพบว่าอนิลกำลังหรี่ตาดุมองเธอ ในช่วงที่เธอคิดว่าเขาหลงลืมสิ่งที่จะพูด เธอกลับเพิ่งรู้ ว่าบางสิ่งก็ไม่ได้เดินตามแผนการที่เธอร่างไว้
“วาดถอนตัวจากพี่ไม่ทันแล้วล่ะ” ริมฝีปากอนิลกระตุกเป็นรอยยิ้มร้าย มือหนาจับรั้งหลังศีรษะของวาดตะวันไว้แน่น แล้วจู่โจมริมฝีปากชุ่มฉ่ำอย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง ความลึกล้ำก็เริ่มจู่โจมจิตใจ
หัวสมองของเธอขาวโพลน มีเพียงสิ่งเดียวที่นึกออกในตอนนี้
อนิลเป็นเจ้าหนี้จอมโหด ที่ทวงคืนลูกหนี้ทุกดอกทุกเม็ด!
...................................
หายไปหลายวัน กลับมายังพาพ่อลมเพชรหึงกลับมาอีก ฮา
คุณ โอชิน บทนี้มีคำตอบแล้วว่าใครตกหลุมรักก่อนนะคะ อิอิ วาดหลังจากตอนนี้จะหวั่นไหวไหมก็ไม่รู้ค่ะ
คุณ konhin เสน่ห์เป็นเหรียญสองด้านแล้วค่ะ ถ้าไปเจอคนที่ไม่ปล่อย ระดับวาดจะหนีรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ทุกคนที่กดถูกใจ รวมทั้งนักอ่านเงาด้วยนะคะ ^^
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2558, 00:19:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ม.ค. 2558, 00:19:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 1285
<< บทที่ 8 |
konhin 24 ม.ค. 2558, 01:21:36 น.
ไม่ต้องไปไหนไกล เสน่ห์หนูวาดทำเอาพี่ลมกัดไม่ปล่อยแน่ๆ คราวก่อนยกน้องสาวให้นายขุนเลยรอด คราวนี้ท่าจะไม่รอด
ไม่ต้องไปไหนไกล เสน่ห์หนูวาดทำเอาพี่ลมกัดไม่ปล่อยแน่ๆ คราวก่อนยกน้องสาวให้นายขุนเลยรอด คราวนี้ท่าจะไม่รอด
ร้อยวจี 24 ม.ค. 2558, 20:27:20 น.
นายลม นายเจ๋งมาก
นายลม นายเจ๋งมาก
Furzan 25 ม.ค. 2558, 00:39:45 น.
พระเอกเรื่องนี้ เริ่ดอะ
พระเอกเรื่องนี้ เริ่ดอะ