เมียเก็บ e-book
หล่อนคือหนามยอกยอกน้องสาวที่สมควรกำจัดให้พ้นทาง แต่กลับย้อนมาทิ่มแทงใจเขาให้ปวดร้าว แสนชิงชัง แต่กลับหลงใหลในวังวนเสน่หนา ใต้คำครหาหยามเหยียด...กืนน้ำใต้ศอกเพื่อนสนิท!

**หมายเหตุ**
งานเขียนนี้เคยตีพิมพ์ในนามปากกา ทิตภากร ปัจจุบันเนื้อหาได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความสมบูร์ของเนือเรื่อง

(เปิดให้อ่านบางส่วนเท่านั้น!!)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 10

“ฉันกลับก่อนนะคะ หวังว่าโอกาสหน้าคงได้พบกันอีก”

รสายื่นมือไปตรงหน้าวิลเลี่ยม ตั้งใจจะล่ำลาเขาตามมารยาท แต่ตฤณที่นึกหมั่นไส้ท่าทางอาลัยอาวรณ์นั้นกลับกระชากแขนหล่อนแล้วลากตัวออกจากผับ วิลเลี่ยมเห็นดังนั้นก็ทำท่าจะก้าวตาม แต่เสียงหนึ่งก็ท้วงขึ้น

“จะไปไหนเหรอ?”

“จะไปตามคุณรสา มีคนมาอ้างตัวว่าเป็นสามีเธอ แต่ฉันไม่ไว้ใจหมอนั่นก็เลยคิดว่าจะตามออกไปดู” วิลเลี่ยมหันมองกวีที่เดินเข้ามาสมทบ

“สามี...?” กวีนึกฉงนขึ้นมาครามครัน สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดจนอดที่เอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้

“แล้วนี่หมอนั่นพารสาไปไหนแล้ว”

“นั่นไง...เดินออกประตูไปนั่นแล้ว เร็วเข้าเถอะ...รีบตามไปดีกว่า” วิลเลี่ยมชี้นิ้วบอกทิศทางพลางรั้งแขนกวี แต่เขาฝืนตัวไว้ เมื่อเห็นตฤณพารสาก้าวออกประตูไป

“ไม่ต้องตามไปหรอก ผมรู้จักผู้ชายคนนั้นดี หมอนั่นเป็นเพื่อนผมเอง”

“เขาเป็นสามีของคุณรสาเหรอ”

“ไม่ใช่หรอก รสายังไม่ได้แต่งงาน เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับไอ้ตฤณ”

“อ้าว...แล้วทำไมเพื่อนคุณถึงได้อ้างอย่างนั้น”

“หมอนั่นคงนึกสนุกอยากจะแกล้งรสามั้ง เพราะเธอเป็นบัตเลอร์ของมัน”

“มิน่าล่ะ...คุณรสาถึงไม่กล้าโวยวาย บอกแต่ว่าจะจัดการเอง”

“รสาเป็นก็อย่างนี้ เธอไม่ชอบพึ่งใคร คิดว่าตัวเองจัดการปัญหาได้ทุกเรื่อง” กวีพูดเชิงปรารภ ทำให้วิลเลี่ยมที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องหรี่ตามอง

“คุณพูดเหมือนรู้จักเธอดี”

“มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว” กวีพลั้งปากพูดออกไป ครั้นเห็นสายตาของวิลเลี่ยมมองมาด้วยความสงสัยก็รู้ตัวว่าพลาดไปถนัด เขาก็เลยกลบเกลื่อนอาการด้วยการเอ่ยแก้ออกไป

“เอ่อ...ผมหมายความว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้านายต้องศึกษานิสัยใจคอของลูกน้อง จะได้ร่วมงานกันด้วยความสบายใจ ไปเถอะ...ขึ้นข้างบนกันดีกว่า เราจะได้ไปดื่มต่อ” กวีพูดจบก็เดินนำขึ้นบันได โดยปล่อยให้วิลเลี่ยมส่งสายตามองไล่หลัง...



ฝ่ายรสาที่ถูกลากตัวออกจากผับนั้นรู้สึกหมดความอดทนขึ้นทุกขณะ ทันทีที่ตฤณพามาหยุดหน้ารถคันหรู หล่อนก็สะบัดแขนหลุดจากการจับกุมแล้วระเบิดอารมณ์ออกมา

“นี่ฉันเจ็บนะ คุณเป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย!”

“ก็ถามตัวเองดูสิว่าเมื่อไหร่จะเลิกให้ท่าผู้ชาย เดี๋ยวไทยเดี๋ยวเทศ สนุกนักหรือไง” สายตาของตฤณแลหยามหยันจนรสานึกโมโห เขากล้าดียังไงมาสบประมาทหล่อน หยามมาก็จะเย้ยกลับให้เจ็บแสบไม่แพ้กัน

“ถ้าฉันตอบว่าสนุกแล้วมันไปหนักส่วนไหนของคุณมิทราบ”

“ก็ไม่ได้หนักหรอก แต่เห็นแล้วมันทุเรศ ผู้หญิงอาไร๊...สำส่อนยิ่งกว่าโสเภณี!”

(((เพียะ!!)))

“จำไว้! อย่ามาพูดจาดูถูกฉันอย่างนี้อีก เพราะคุณเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันสักเท่าไหร่” รสาระเบิดอารมณ์ออกมาโดยไม่สนใจว่าฝ่ามือนิ่มๆ ที่บันดาลโทสะลงบนใบหน้าตฤณจะสร้างความเจ็บแปลบและทำให้หน้าเขาชาไปทั้งแถบ แต่ตฤณไม่ยอมถูกตบฟรี ในจังหวะหล่อนจะเดินหนี เขาก็คว้าหมับจับข้อมือไว้

“จะไปไหน!”

“นี่ปล่อยนะ จะมาจับฉันไว้ทำไม ปล่อยสิ!” รสาถลึงตาพลางสะบัดมือเร่าๆ แต่ตฤณไม่ยอมปล่อย

“เก่งนักแล้วจะมาร้องขอทำไม”

“ใครบอกว่าฉันร้องขอ ฉันแค่ไม่อยากจะยุ่งกับผู้ชายเลวๆ อย่างคุณต่างหาก”

“ปากดีนักใช่ไหม!”

ตฤณคำราม วูบหนึ่งของอารมณ์โกรธ เขาโน้มหน้าลงหมายจะเอาคืนด้วยการบดจูบสั่งสอนคนปากเก่ง แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสกลีบปากนวลนุ่มก็ต้องหลุดเสียงโอดโอยออกมา เมื่อคู่กรณีสาวยกเท้าขึ้นแล้วกระทืบลงบนหลังเท้าเขา ซ้ำเจ้าหล่อนยังกระแทกเข่าอัดกล่องดวงใจของเขาเต็มรัก ส่งผลให้ร่างใหญ่โตของตฤณทรุดฮวบลงไปนั่งกุมของรักของหวง ทั้งจุกทั้งเจ็บจนร้องไม่ออก

“คิดจะลวนลามฉันเหรอ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขารู้แกวกันหมดแล้ว ไอ้ประเภทตบจูบน่ะ มันมีแต่ในละครน้ำเน่าเท่านั้นแหละ” รสายิ้มหยัน ครั้นเห็นตฤณตวัดสายตากร้าวมองมาอย่างเอาเรื่องก็วิ่งตื๋อไปโบกแท็กซี่กลับโรงแรม ปล่อยให้คนนั่งหน้าเขียวได้แต่ส่งสายตาขุ่นเคืองมองไล่หลัง...



ตฤณพกความหงุดหงิดกลับโรงแรม กว่าอาการจุกและเจ็บจะบรรเทา คนที่ทำให้ห้องเครื่องเขาแทบพังก็อันตรธานไปเสียแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขาประเมินหล่อนต่ำไป ก็ใครจะคิด...ผู้หญิงที่ชอบหลอกล่อผู้ชายไปวันๆ จะมีพิษสงรอบตัว นอกจากหล่อนจะไม่กลัวเกรงยังตอกกลับอย่างเจ็บแสบ ทำให้เขาเสียเชิงชายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ตฤณนั้นค่อนข้างหัวเสียกับเรื่องนี้ ตลอดทางเห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด ทันทีที่กลับมาถึงห้องพักก็คิดว่าจะลดดีกรีความโกรธลงด้วยการนอนแช่น้ำสักพัก ทว่า...ยังไม่ทันผลักประตูเข้าไปในห้องนอนก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งแปะอยู่ที่หน้าห้อง

มีน้ำใบบัวบกกับกระชายดำอยู่บนโต๊ะ ฉันซื้อมาฝาก ดื่มซะ...น้องชายคุณจะได้เป็นปกติ
รสา...

“ยัยตัวแสบ!”

ตฤณสบถลอดไรฟันพลางขยำกระดาษในมือทิ้ง สายตากร้าวตวัดมองบานประตูห้องฝั่งตรงข้ามแล้วสาวเท้าไปทุบประตูเสียงดังสนั่น

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้! ได้ยินไหม...ผมบอกให้เปิดประตู รีบออกมาก่อนที่ผมจะพังเข้าไป”

“เสียใจค่ะ พอดีว่าตอนนี้หมดเวลาทำงานของฉันแล้ว” เสียงตอบกลับที่เล็ดลอดผ่านประตูไม่มีความกลัวเกรงเลยสักนิด แต่ติดว่าจะเย้ยหยันเสียมากกว่า

“แต่คุณเป็นบัตเลอร์ของผม ผมสั่ง...คุณก็ต้องทำ!”

“เรื่องนั้นฉันทราบค่ะ แต่บัตเลอร์ก็เป็นคน...จะให้ทำงานงกๆ โดยไม่ต้องพัก ฉันไม่ใช่เครื่องจักรนะ อีกอย่าง...วันนี้ฉันก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ถ้าคุณมีอะไรจะเรียกใช้ก็ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

“พูดอย่างนี้อยากลองดีใช่ไหม หรือคิดว่าผมไม่กล้าพังประตูเข้าไป”

“ฉันรู้ค่ะว่าคุณกล้า ก็เลยกดเบอร์ 191 เตรียมไว้ ถ้าคุณอยากขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าละก็ เชิญบุกเข้ามาได้เลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ” รสายุส่ง ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำขู่นั้น หากแต่ยืนเหยียดยิ้มอยู่ในห้อง

“แสบ...แสบมาก แสบจริงๆ ยัยตัวแสบ” ตฤณพูดลอดไรฟัน

“ขอบคุณค่ะที่ชม ทางที่ดี...ฉันแนะนำว่าคุณควรจะสงบสติอารมณ์แล้วไปดื่มน้ำใบบัวบกกับกระชายดำที่ฉันเตรียมไว้จะดีกว่า อย่างน้อย...ก็แก้ช้ำในและกันเสียศูนย์ได้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยพบกันนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

ตฤณจ้องบานประตูห้องรสาเขม็ง นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะเข้าไปหักคอเจ้าของห้องให้ตายคามือนัก แต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจเลยเดินกระแทกส้นเท้ากลับห้อง ทว่าระหว่างทางเหลือบเห็นน้ำสมุนไพรบนโต๊ะก็เดินไปหยิบขึ้นมาอ่านสรรพคุณที่ข้างขวด

“แก้ช้ำในกันเสียศูนย์อย่างนั้นเหรอ จะเชื่อได้ไหมเนี่ย” ตฤณพึมพำ พลางหันมองประตูห้องรสา แม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เขาก็เปิดฝาขวดแล้วยกขึ้นดื่ม พร้อมทั้งคิดไปว่า...

ไว้รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนเถอะน่า เขาจะเอาคืนแม่ตัวแสบนั่นบ้าง!




อีกด้านหนึ่ง วิยะดาที่นั่งรอตฤณอยู่ในผับชะเง้อชะแง้คอยาว สลับกับมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่กลับมาเสียที ครั้นเวลาผ่านไปสักพักก็ฉุกคิดขึ้นมา นี่หล่อนคงถูกทิ้งเสียแล้วกระมัง วูบหนึ่งของความโมโห วิยะดาฉวยโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า ตั้งใจจะโทรไปต่อว่าตฤณ แต่ติดต่อไม่ได้

“ให้ตายสิ! ทำไมถึงได้เป็นผู้ชายแบบนี้นะ”

วิยะดาบ่นอุบ หัวเสียอย่างที่สุด หย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋าก็คว้าแก้วบรั่นดีมาดื่ม ไล่ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วอดที่จะนึกถึงระรินขึ้นมาไม่ได้ นี่อาจจะเป็นแผนการของน้องสาวตฤณที่คิดจะกันท่าหล่อน ระรินถึงได้ส่งรสามาคุมตฤณ เพราะถ้าจะว่าไปแล้วหล่อนกับระรินก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

“นังระริน! แกคิดว่าจะกีดกันฉันกับตฤณได้อย่างนั้นเหรอ ไว้รอให้เขากลับไปที่โรงแรมทางใต้ก่อนเถอะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” วิยะดาสาดบรั่นดีลงลำคอ ดวงตาใต้เปลือกตาที่ฉาบด้วยอายแชโดว์ฉายแววมาดมั่น เมื่อคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่แล้วก้าวออกจากผับ...




ช่วงเวลาเดียวกัน ระรินนั่งกึ่งนอนอ่านนิตยสารฆ่าเวลาระหว่างรอสามี ครั้นเห็นร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนก็ตวัดสายตามองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง ก็พบว่าเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาตีหนึ่งเศษ

“มัวแต่กกอีนังนั่นอยู่หรือไง ถึงได้กลับมาป่านนี้ ทำไมไม่ค้างกับมันเลยล่ะ จะกลับมาทำไม!”

“โธ่...ริน ทำไมถึงชอบหาเรื่องผมอยู่เรื่อยเลยนะ ผมก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร เชื่อใจกันบ้างไม่ได้หรือไง” กวีพ่นลมหายใจยาว พลางเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนที่นอนข้างภรรยาที่ทำหน้าเป็นม้าหมากรุก

“คุณจะให้ฉันเชื่อ ทั้งที่คุณอี๋อ๋อและก็ให้ท้ายนังนั่นเนี่ยนะ”

“ผมไม่ได้ให้ท้าย แต่ผมไม่อยากให้คุณลดตัวไปมีเรื่องกับผู้หญิงคนนั้น คนอื่นเขาจะมองไม่ดี”

“ไม่ต้องมาพูดเลย นึกว่าฉันไม่รู้หรือไง ทุกวันนี้ที่คุณทำไม่ได้รักษาหน้าฉัน แต่ต้องการจะเอาใจนังนั่น ก็ใช่สิ...มันเด็กกว่า สวยกว่า หุ่นก็ดีกว่าฉัน คุณถึงได้หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น” ระรินตวัดสายตาค้อน นึกน้อยใจสามีที่เห็นผู้หญิงอื่นดีกว่าหล่อน อีกทั้งยังอิจฉารสา เพราะไม่มีอะไรเทียบได้สักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา หรือความสามารถในการทำงาน

“คุณเอาอะไรมาพูด คนอย่างนายกวีคนนี้ไม่หลงผู้หญิงคนไหนง่ายๆ หรอก นอกจากคุณ” กวีหยอดคำหวาน พลางรั้งร่างภรรยาเข้ามากอด เขาจับความน้อยใจได้จากน้ำเสียงของหล่อน ก็หวังจะปลอบประโลมให้คลายกังวล

“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก ผู้ชายกะล่อน! ออกไปห่างๆ ฉันเลย...เหม็นเหล้า” ระรินย่นจมูกพลางผลักอกสามี แต่กวีฝืนตัวไว้ ซ้ำยังแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้กดจมูกโด่งๆ ลงบนแก้มนวล

กลิ่นหอมๆ ที่ติดปลายจมูกปลุกอารมณ์หนุ่มให้เตลิด จากที่คิดจะยั่วเย้าเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เวลานี้กวีกลับปล่อยให้อารมณ์นั้นพาไป มือไม้ซุกซนเริ่มเคลื่อนไหวสะเปะสะปะ สอดประสานกับไอร้อนที่ลากไล้ จนระรินต้องประท้วงออกมา

“นี่ปล่อยฉันนะคนสำส่อน! ไปนอนกับผู้หญิงอื่นมาแล้วยัง...”

ระรินดิ้นขลุกขลัก แต่กวีก็รุกหนัก เก็บเสียงต่อว่าต่อขานนั้นให้หายไปในลำคอด้วยริมฝีปากอุ่นๆ พลางดันร่างหล่อนลงแล้วใช้น้ำหนักตัวทาบทับ เปิดเกมรักต่อเนื่องอย่างมีชั้นเชิงเหนือกว่า จนคนที่คิดจะขัดขืนอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว

“ผมต้องการคุณ...” กวีกระซิบเสียงพร่า พลางบดจุมพิตลงบนกลีบปากนวลนุ่มอย่างโหยหา ไม่เปิดโอกาสให้ภรรยาประท้วงสิ่งใดอีก นอกจากเสียงเรียกขานอย่างหวานนัก

แม้การง้อภรรยาจะจบลงด้วยการอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน แต่กวีก็ยังนอนลืมตาโพลงมองเพดานกว้าง ครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เขาไม่อยากโทษรสาว่าเป็นต้นเหตุแห่งความร้าวฉาน เพราะหล่อนไม่ใช่มือที่สาม แต่เป็นตัวเขาเองต่างหากที่ลากหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งผลของการกระทำนั้นก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภรรยาเลวร้ายลงทุกวัน

กวีพ่นลมหายใจออกมา พลางหันมองดวงหน้าผุดผาดของภรรยาที่เวลานี้นอนหลับตาพริ้ม เขาผิดเองที่อ่อนแอและอ่อนไหวจนเกินไป แม้จะอึดอัดใจ แต่ก็จำต้องเก็บงำเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดขาดจากรสา ไม่กล้าปริปากบอกใครเพราะศักดิ์ศรีค้ำคอ อีกทั้งสัจจะที่ให้ไว้กับคนตายก็เป็นสัญญาที่ผูกมัด

“ผมรักคุณนะริน ผมขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ แต่มันจำเป็นจริงๆ”

กวีรั้งร่างภรรยามากอดแนบอก พลางจูบเบาๆ บนเรือนผมสลวย แม้เวลานี้หล่อนจะหลับไม่รับรู้ถ้อยคำนั้น แต่การได้สารภาพผิดกับหล่อนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้น...



สามารถโหลดอ่านได้แล้วที่...
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjA4NDciO30





กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2558, 11:10:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2558, 11:11:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1446





<< ตอนที่ 9   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account