ชุลมุนวุ่นวาย เมื่อนายกลายเป็นเธอ (YURI)
เรื่องราวความรักระหว่าง
นาฬิกาทราย
กับ สายลมแห่งความหวัง
ชุลมุนไปกับความน่ารักของกามเทพตัวน้อย

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เกริ่น

เกริ่น

‘นายต้องเป็นก้อนหินนะนนท์’

‘ทำไมเราต้องเป็นก้อนหินล่ะนุ่น’

‘เพราะนายจะได้หนักแน่นและคอยปกป้องคุ้มครองเราได้ยังไง’

‘เราไม่อยากเป็นแค่ก้อนหินหรอกนะนุ่น เพราะเราอยากเป็นผืนฟ้าสำหรับเธอมากกว่า’

‘ทำไมนายถึงอยากเป็นผืนฟ้าล่ะ’

‘ก็ผืนฟ้าอย่างนนท์จะได้โอบอุ้มปุยนุ่นเอาไว้ได้ ยามใดที่นุ่นอ่อนล้า นุ่นจะมองเห็นนนท์อยู่บนนั้น อยู่เคียงข้างนุ่นทุกที่และตลอดเวลา นนท์สัญญานะครับ’


พิชชานั่งนิ่ง สายตาของเธอมองจับจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ เรื่องราวความรักระหว่างชานนท์กับปุยนุ่นนั้นเบ่งบานราวดอกไม้แรกแย้ม เธอยิ้มเมื่อมองเห็นความรักพาดผ่านตัวละครสองตัวที่เธอสร้างขึ้นมา

เธอขยับแว่นตากรอบบางสีเงินเล็กน้อย ภายใต้แว่นตามีดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอเปล่งประกายความสุขอยู่ในนั้น

พิชชารักการเขียนนิยาย เธอชอบเรียงร้อยตัวอักษรให้ออกมาทีละประโยค เติมแต่งให้ทุกประโยคนั้นกลายเป็นเรื่องราวสักเรื่องหนึ่ง อบอุ่นราวกับถูกโอบอุ้มเอาไว้ด้วยพลังแห่งความรักที่เธอยังไม่เคยได้เจอกับตัวเองในโลกของความจริง

พิชชาเอื้อมมือไปหยิบกาแฟร้อนที่ปล่อยให้มันเย็นจนเกือบจะชืดเพราะติดอยู่กับอารมณ์สุนทรีในการเขียนนิยายเรื่องนี้ให้จบอย่างดงาม เธอยกขึ้นดื่มทีเดียวจนหมดแก้ว รสชาติขมปร่าของกาแฟสดยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น

ค่อยๆ บิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดคอมพิวเตอร์ นาฬิกาบนโต๊ะทำงานบ่งบอกเวลาเกือบบ่ายสามโมงแล้ว เธอทำงานไม่ได้พักผ่อนจนล้าเต็มที่แล้ว หากตอนนี้หัวถึงหมอน พิชชารู้ดีว่าเธอคงหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องอะไรเลย

เสียงเคาะประตูหน้าห้องพักของเธอดังขึ้น รู้สึกประหลาดใจ ด้วยเพราะไม่ได้นัดใครมาหาที่ห้องในวันนี้ หากเป็นเพื่อนหรือคนของกองบรรณาธิการจะใช้วิธีติดต่อกับเธอทางโทรศัพท์มือถือเสียมากกว่า

ร่างกายแสนอ่อนล้า เพราะอดตาหลับขับตานอนมาถึงสองคืน เวลาที่พิชชาจมดิ่งในภวังค์กับนิยาย เธอจะไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบกายเลยแม้แต้น้อย แต่เพราะเธอมีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจึงทำให้มีเรี่ยวแรงที่จะทำสิ่งเหล่านั้น พิชชาค่อยๆ พา ร่างสูงโปร่ง ผิวขาวซีด ไปที่ประตูห้อง

เธอซอยผมสั้นเหมือนผู้ชายบวกกับรูปร่างที่สูงกว่ามาตรฐานของผู้หญิงทำให้คนที่เห็นเธอแบบเผินๆ ครั้งแรกหรือมองจากด้านหลังมักคิดว่าเธอเป็นผู้ชายที่รูปร่างผอมมาก

พิชชาค่อยขยับแว่นกรอบบางสีเงินให้เข้ารูป ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน ส่งให้เธอดูอ่อนโยน ดวงตาลึกโหลถูกซ่อนเอาไว้ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองสามารถหลับได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งในเวลานี้ที่เธอกำลังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง

ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กของหญิงสาวโผเข้ากอดเธออย่างแรง เพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้พิชชาล้มกลิ้งลงไปนอนกับพื้นห้อง พร้อมกับร่างเล็กของหญิงสาวทับอยู่บนตัวเธอ

“อุ๊บ!!” พิชชาครางออกมาเกือบจะทัน เพราะรู้สึกจุกที่จู่ๆ โดนล้มทับในสภาพที่ร่างกายเธออ่อนแรงเหลือเกิน หากเป็นในยามปกติเธอคงไม่ล้มกลิ้งลงไปนอนเล่นกับพื้นแข็งๆ ให้เจ็บตัวเล่นแบบนี้หรอก

หากจะว่าหนักก็คงไม่เลย เพราะหญิงสาวตัวเบามาก แต่เพราะตกใจทำให้เธอเผลอผลักร่างเล็กนั้นออก แต่มือเจ้ากรรมก็ดันเลือกตำแหน่งที่เหมาะเหม็งจนน่าเตะตัวเองเหลือเกิน เมื่อพิชชาเผลอไปแตะเอาที่หน้าอกเล็กๆ แต่นุ่มนิ่มของหญิงสาวแทนที่จะเป็นหัวไหล่ หรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หน้าอก

“อ่า...” พิชชาครางเบาๆ รู้สึกตกใจเพิ่มขึ้นอีกเท่าทวี เพราะเผลอทำตัวรุ่มร่ามออกไป เธอมักเป็นเช่นนี้ประจำเวลาที่ตกใจหรือเจอเรื่องไม่คาดฝัน

“เอ๋” ฮารุกะเงยหน้าขึ้นมองพิชชา ก่อนจะแสดงท่าทางเหลอหลา เมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก อีกทั้งผู้ชายคนนี้กำลังทำมิดีมิร้ายกับเธอด้วยการจับของรักของหวงอย่างหน้าอกที่แม้จะมีไม่มากก็ตาม


กรี๊ด!!


ฮารุกะกรีดร้องก่อนจะรีบดันตัวเองออกจากร่างของพิชชา ทว่าเพราะความตกใจกลับทำให้เธอเผลอลื่นทับลงไปบนตัวของพิชชาอีกรอบหนึ่ง ทว่าคราวนี้รุนแรงจนเรียกว่าพิชชาคงจุกโดยไม่ต้องทานข้าว และคงหายง่วงแทบเป็นปลิดทิ้ง เมื่อศอกของเธอกระแทกไปที่ท้องของพิชชาอย่างจัง

พิชชาล้มลุกคลุกคลานอยู่นาน เธอรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าเรื่องทุกอย่างเริ่มต้นอย่างไร ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เหตุการณ์ที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ เธอไม่รู้เลยว่าหญิงสาวตรงหน้าเธอ เป็นใครมาจากไหน

“อ่า...” พิชชาทำได้เพียงครางออกมาเบาๆ เธอไม่รู้จักหญิงสาวคนนี้ที่เข้ามาเคาะประตูห้องและโผเข้ากอดเธอจากนั้นทั้งเธอกับหญิงสาวหน้าตาน่ารักก็พากันชุลมุนวุ่นวายไปมาอยู่กับพื้นห้อง ราวกับกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน

ฮารุกะเริ่มตั้งสติได้ก่อน เธอค่อยดันตัวเองออกจากร่างของพิชชา ลุกขึ้นยืนนิ่ง ก่อนจะมองคนตรงหน้าที่พยายามดันตัวเองลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ด้วยความรู้สึกผิดเมื่อเห็นร่างโปร่งของผู้ชายผมสั้นตรงหน้า ใบหน้าซีดจางภายใต้แว่นตากรอบบาง ดูเจ็บปวด เขาคงตกใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกเธอทำเช่นนั้นลงไป

“ฮารุ”

ฮารุกะหันหน้าไปตามเสียงเรียกชื่อของเธอซึ่งดังมาจากห้องฝั่งตรงข้าม คนข้างในห้องนั้นคงได้ยินเสียงเธอกรีดร้องจึงเปิดประตูออกมาดู เธอยิ้มกว้างก่อนจะรีบโผเข้าหาเจ้าของเสียงหวานใสที่เรียกชื่อเธอ

“พี่ฟ้าใส” ฮารุกะร้องทัก รู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อเจอคนที่เจอคนที่เธอต้องการมาหา

“นี่แน่ะยัยตัวแสบ” ฟ้าใสเขกหัวของฮารุกะเบา เมื่อมองผ่านร่างเล็กของลูกพี่ลูกน้องเธอแล้วเห็นพิชชานั่งอยู่กับพื้นห้อง และเสียงกรีดร้องเมื่อสักครู่คงบ่งบอกได้ชัดเจนว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นจากความผิดพลาดที่ฮารุกะก่อขึ้น

“ฮารุทำอะไรคุณพีชนะ”

“อ่า ฮารุเปล่านะคะพี่ฟ้าใส” ฮารุกะปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นฟ้าใสจ้องเธอเขม็ง รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอเริ่มเจื่อนลง

“คุณพีชเป็นยังไงบ้างคะ” ฟ้าใสเดินเข้าไปหาพิชชา

ในเวลานั้นพิชชาลุกขึ้นยืนได้แล้ว เหลือเพียงอาการเจ็บจุกเล็กน้อยที่ท้องและอาการงุนงงจากการถูกจู่โจมอย่างรวดเร็วของฮารุกะหญิงสาวตัวเล็กซึ่งเธอได้ยินฟ้าใสเพื่อนร่วมแมนชั่นเดียวกันเรียกเสียงดัง

“ขอโทษแทนน้องสาวตัวแสบของฟ้าด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” พิชชาตอบกลับเสียงแหบพร่าเล็กน้อย เพราะยังคงเจ็บที่ท้องอยู่ ทว่าท่าทางของเธอนั้นแสนอ่อนโยน

เธอระบายยิ้มให้ฟ้าใส ก่อนจะใช้มือดันแว่นตาเพื่อแก้เขิน เพราะเป็นคนค่อนข้างอาย พูดน้อย และไม่ค่อยสุงสิงกับใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากโชคดีหน่อยที่ห้องตรงหน้าของเธอเป็นคู่สามีภรรยาที่แสนดี ทว่าทั้งสองพ่วงเอาลูกชายจอมซนอย่างน้องกามเทพวัยห้าขวบเข้ามาด้วยเช่นกัน

“ฮารุ รีบมาขอโทษคุณพีชเร็วสิ เรานะไปทำอะไรคุณพีชเข้านะ ดูสิล้มกลิ้งไปนอนกับพื้นห้องแบบนั้น” ฟ้าใสหันไปเรียกให้ฮารุกะ เพื่อให้มาขอโทษพิชชา

“ฮารุเปล่านะ ผู้ชายคนนี้ต่างหากที่ลวนลามฮารุก่อน” ฮารุกะไม่ยอมขอโทษพิชชา แม้จะรู้ว่าเธอผิดที่เข้าไปกระโดดกอดเขาก่อน หากผู้ชายตรงหน้าก็ลวนลามโดยการจับหน้าอกของเธอจริง แม้เขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เธอก็เหมารวมเอาว่าเขาผิดเสียก่อน

“ลวนลาม คุณพีชไปลวนลามอะไรเรานะฮารุ ไหนบอกพี่ฟ้ามาสิ” ฟ้าใสหันไปคาดคั้นเอาความจริงกับฮารุกะ

“พี่ฟ้าก็ถามผู้ชายคนนั้นเองสิคะ” ฮารุกะบ่ายเบี่ยงไปให้พิชชาเป็นคนตอบคำถามของฟ้าใสแทน ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมา เธอเม้มริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มซึ่งได้รูปกับจมูก และนิสัยซึ่งรั้นและค่อนข้างเอาแต่ใจชัดเจน

“พีชไม่ได้ทำอะไรนะคะคุณฟ้า” พิชชารีบตอบอย่างรวดเร็ว เมื่อพบว่าเธอกำลังตกเป็นจำเลย เรื่องที่เผลอไปจับโดนหน้าอกของหญิงสาวตรงหน้าเพราะความตกใจ ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดสีขาวถูมือไปมาที่ข้างลำตัว รู้สึกว่าเหงื่อเปียกชุ่มมือเต็มไปหมด เรื่องของเรื่องเพราะเผลอนึกถึงสัมผัสนุ่มนวลเมื่อสักครู่

พิชชานั้นไม่ค่อยจะถูกโรคกับคนแปลกหน้าสักเท่าไรยิ่งโดยเฉพาะผู้หญิงแล้ว เธอมักจะเขินอายมากกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาอย่างเธอที่มองดูอย่างไรก็หล่อเท่ห์มากกว่าสวยหรือน่ารัก

เธอยังคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นโรคกลัวผู้หญิงเสียแล้ว เพราะตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นเธอถูกพวกผู้หญิงด้วยกันตามจีบเยอะแยะไปหมด ทว่าฮารุกะน่ารักและดูสดใส ประกายจากตัวฮารุกะกลับทำให้พิชชารู้สึกแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เธอเคยเจอมา

“โกหก นายนะลามกแอบจับหน้าอกฮารุ” ฮารุกะพูดโพล่งออกไปเมื่อได้ยินพิชชาปฏิเสธ ก่อนจะนึกอคติเล็กน้อยเมื่อได้ยินผู้ชายคนตรงหน้าพูดคะ เธอไม่แปลกใจหรอกเพราะผู้ชายหลายคนที่เธอเคยเจอก็มักจะชอบพูดคะ ขา กับผู้หญิง “อย่าคิดว่าพูดจาคะ ขา แล้วจะพ้นผิดนะ” เธอบ่นพึมพำอยู่ในลำคอ

“พีชไม่ได้ตั้งใจทำนะคะคุณฟ้า พีชเพียงแค่จะดันน้องสาวของคุณฟ้าออกจากตัวพีชเท่านั้น”

พิชชาตอบตามความเป็นจริง เธอรู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำเช่นนั้นลงไป แต่เพราะไม่ได้ตั้งใจที่จะเอามือไปจับที่หน้าอกของฮารุกะ

เธอไม่ได้นึกโกรธที่หญิงสาวตรงหน้าพูดเหมือนให้ร้ายเธอแบบนี้ออกมา เพราะความจริงเธอทำเช่นนั้นลงไปจริง ฮารุกะไม่ได้ปั้นเรื่องมาเพื่อใส่ร้ายเธอแต่อย่างไรเพียงแต่เองที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุหาใช่ความจงใจ

“ค่ะ เรื่องของเรื่องคือฮารุล้มลงไปทับตัวคุณพีช แล้วคุณพีชต้องการดันตัวฮารุออกไป แต่บังเอิญมือเจ้ากรรมไปจับโดนที่ไม่สมควรเอา เรื่องเป็นแบบนี้ใช่ไหมจ้ะฮารุ”
ฟ้าใสสรุปเรื่องทุกอย่างจากที่ตาเธอเห็นและจากคำพูดของพิชชา ก่อนจะปิดท้ายด้วยประโยคคำถามที่ต้องการคำยืนยันจากปากของฮารุกะ

“....” ฮารุกะนิ่ง หน้าตาบึ้งตึงเล็กน้อย ยังนึกเคืองพิชชาอยู่ไม่น้อย

“ว่ายังไงจ้ะฮารุ” เธอถามซ้ำเมื่อเห็นฮารุกะนิ่งไป ฟ้าใสระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าฮารุกะก้มหน้านิ่ง ซึ่งหมายความว่าที่เธอพูดสรุปมานั้นเป็นเรื่องจริง “พี่ฟ้าจะถือว่าพี่ฮารุไม่พูดเพราะพี่ฟ้าสรุปเรื่องถูกต้องใช่ไหมจ้ะ”

“ชิ” อารุกะแอบทำปกขมุบขมิบ เธอไม่ได้ไม่พึงพอใจในคำพูดของฟ้าใส แต่เพราะรู้ดีว่าเธอเป็นคนผิดจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตายอมรับผิด อีกทั้งรู้สึกเสียหน้าให้กับผู้ชายคนนี้ที่มาจับหน้าอกของเธอตั้งแต่เริ่มเห็นหน้ากันครั้งแรกเสียอีก

“ขอโทษคุณพีชด้วยนะคะที่น้องสาวตัวแสบของฟ้าไปก่อเรื่องวุ่นวายให้ แล้วมีหน้าไปโทษว่าเป็นความผิดของคุณอีก”

“ไม่เป็นไรค่ะ” พิชชาดันแว่นตาขึ้นเล็กน้อย เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อเห็นฮารุกะจ้องหน้าเธอแบบจะเอาเรื่องเสียให้ได้

พิชชาได้แต่ยิ้มแหยๆ ก่อนจะก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อขอโทษฮารุกะ ทว่าดูเหมือนฮารุกะไม่เพียงไม่ยกโทษให้เธอ แต่กลับแอบแลบลิ้นให้เธอเสียแทน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าฮารุกะเรียกเธอว่านาย นั่นแสดงว่าหญิงสาวตรงหน้าเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้ชายสินะ ถึงได้ดูโกรธมากถึงเพียงนี้

เธอนึกอยากหัวเราะกลับความแก่นแก้วของหญิงสาวตรงหน้า แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ และนึกเสียวสันหลังเมื่อได้ยินคำพูดประโยคถัดมาจากฟ้าใส ที่หันไปพูดกับฮารุกะอย่างรักใคร่

“แล้วแบบนี้พี่ฟ้าจะวางใจให้ฮารุมาดูแลน้องกัสแทนพี่ได้ไหมนี่คะ”

“อ่า ได้สิคะ ฮารุดูแลน้องกัสได้ พี่ฟ้าอย่าห่วงเลยนะคะ ฮารุรับประกันว่าจะดูแลน้องกัสอย่างดี” ฮารุกะตอบอย่างรวดเร็วเมื่อฟ้าใสแสดงท่าทางเหมือนกับจะไม่ไว้ใจเธอในเรื่องให้ช่วยดูแลกามเทพลูกชายแสนซน

“อ่า...” พิชชาเผลอครางออกมาเบาๆ ก่อนจะลูบผมซอยสั้นที่ยุ่งเพราะไม่ได้หวีจัดทรงให้ดูดี ทว่าเรื่องที่ฟ้าใสพูดต่อจากนี้เธอได้ยินถูกต้องชัดเจน โดยไม่ได้คิดขึ้นเองแต่อย่างไร

“คือฟ้ากับพี่นัดถูกส่งไปดูงานที่ต่างประเทศหนึ่งเดือนนะคะ เราสองคนเห็นว่าถ้าเอาน้องกัสไปคงไม่มีใครดูแล ดีนะที่ฮารุกะเธอเรียนจบแล้วเพิ่งกลับมาเมืองไทย”

ฟ้าใสหยุดพูดเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของพิชชาซึ่งดูซีดจางลง เป็นที่แน่ชัดว่าคงกังวลเรื่องฮารุกะน้องสาวของเธอแน่ เพราะเพียงพบกันครั้งแรกก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเสียแล้ว

“ฟ้าเลยปรึกษากับพี่นัดว่าจะให้ฮารุกะมาดูแลแทน”

“ค่ะ”

“ถ้ายังไงฟ้ารบกวนฝากคุณพีชช่วยดูแลสองคนนี้ด้วยนะคะ” ฟ้าใสรีบชิงพูดประโยคถัดมา เพราะเธอไว้วางใจในตัวของพิชชาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

แม้ฟ้าใสจะวางใจในตัวฮารุกะสักเท่าไร แต่น้องของเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งจะกลับมาจากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ถึงเมื่อก่อนฮารุกะจะเคยอยู่ที่เมืองไทย ทว่าผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว อะไรต่างๆ นานาพากันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะอย่างนั้นฮารุกะในเวลานี้นั้นยังไม่คุ้นเคยกับที่ทางสักเท่าไร การมีคนดีดีอย่างพิชชาเป็นหูเป็นตาให้แทนเธอ เธอก็จะได้หมดห่วงเพิ่มมากขึ้น

“อ่า...ค่ะ” พิชชาตอบรับ แม้อยากปฏิเสธแต่เธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เธอดีเกินกว่าที่จะบอกปัดการฝากฝังจากฟ้าใสได้

ฮารุกะตั้งท่าจะโต้แย้ง แต่แล้วเธอก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรขัดฟ้าใส เพราะถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะดูท่าทางแล้วฟ้าใสไว้ใจผู้ชายตรงหน้าเธอนี้มาก อาจจะมากกว่าน้องสาวจอมแก่นอย่างเธอเสียอีก

“เชอะ” ฮารุกะเลือกที่จะเบือนหน้าหนีจากพิชชาแทน รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย ยามเมื่อต้องมองหน้าของเขาตรงๆ เธอมองเห็นความอบอุ่นและอ่อนโยนภายใต้แว่นตากรอบบางสีเงินนั้น แต่ยิ่งรู้สึกเช่นนั้นเธอยิ่งรู้สึกขัดใจยิ่งนัก

“ฮารุเอากระเป๋าเข้าห้องก่อนนะคะพี่ฟ้า” เธอเลือกที่จะเลี่ยงจากพิชชา โดยการเข้าห้องพักของฟ้าใสแทน อยากจะหลีกให้พ้นเธอเสียที เพราะยิ่งเห็นแววตาแสนใสซื่อใต้กรอบแว่นตาสีเงินนั้น เธอยิ่งรู้สึกว่าเธอเป็นคนผิดมากขึ้น แต่เพราะความดื้อรั้นและทิฐิเธอจึงปัดทุกเรื่องไปให้กับเธอ

“พีชช่วยนะคะ” พิชชาหยิบกระเป๋าใบโตของฮารุกะที่วางอยู่หน้าห้องของเธอขึ้น พร้อมกับหยิบกระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์แบบพกพาของหญิงสาวด้วยอีกมือหนึ่ง เธอขันอาสาจะช่วยหิ้วกระเป๋าเดินทางของฮารุกะด้วยความมีน้ำใจ

“ไม่” ฮารุกะซึ่งตั้งใจจะพูดบอกปัดพิชชา หากสายตาของฟ้าใสที่มองเธอ ทำให้เธอกลืนคำพูดที่เหลือลงไปหมด และเลือกที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าใบเล็กอีกหนึ่งใบที่เหลือแทน

ฟ้าใสยิ้มที่เห็นอาการดื้อรั้นของฮารุกะ ตั้งแต่เด็กแล้วที่ฮารุกะมักแสดงอาการแบบนี้ออกมา ดื้อรั้น ไม่ยอมใคร แต่ความจริงแล้วน้องสาวของเธอเป็นเด็กดี และอ่อนโยน เพราะอย่างนั้นเธอจึงไว้วางใจที่จะให้มาดูแลลูกชายจอมซนแทนในช่วงเวลาที่เธอและสามีต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ

พิชชาเดินตามฟ้าใสกับฮารุกะเข้าไป เธอรู้สึกว่าสิ่งที่เจอราวกับความฝัน ราวกับกำลังย่างเท้าเดินบนปุยของเมฆ นุ่มนวลแต่ก็เบาโหวง ตรงหน้าของเธอมีหญิงสาวหน้าตาน่ารักที่เพียงเจอกันครั้งแรกก็เกิดเรื่องวุ่นวายและดูจะเข้าใจผิดกันเสียยกใหญ่


ฮารุกะเหมือนดั่งชื่อ เธอผลิความงดงามให้มองเห็น ฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมาเยือนถึงห้องอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ


“ฤดูใบไม้ผลิ” พิชชาครางออกมาเบาๆ ก่อนจะวางกระเป๋าของฮารุกะไว้ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของหญิงสาว ซึ่งฟ้าใสจัดเตรียมไว้ให้แล้ว

ฮารุกะซึ่งได้ยินพิชชาพูดถึงความหมายของชื่อเธอที่แปลเป็นไทย เธอจ้องเธอเขม็งก่อนจะเบะปากเล็กน้อย ดวงตากลมโตจ้องมองหน้าพิชชาราวกับจะมองให้ทะลุผ่านตัวตนที่แท้จริงของเขา

ผู้ชายตรงหน้าเธอ เขาอ่อนโยนหรือเพียงสร้างหน้ากากเป็นเกราะกำบัง เขาน่าจะนึกโกรธที่เธอทำเมื่อสักครู่ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาดูไม่ทุกข์ร้อนหรือแทบจะเรียกว่าลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปเสียแล้ว

“อ่านะ” ฮารุกะครางเมื่อเห็นพิชชายิ้มให้อย่างอ่อนโยน เขาคงรู้ว่าเธอจ้องมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อนั้นต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ แต่พิชชากลับยิ้มอย่างจริงใจให้เธอ จนเธอเองต้องเผลอก้มหน้านิ่งมองที่พื้นห้องเสียแทน

“ขอบคุณมากนะคะคุณพีช” ฟ้าใสกล่าวขอบคุณพิชชา ก่อนหันไปมองฮารุกะ ฟ้าใสใช้สายตาบอกให้น้องสาวของเธอกล่าวคำขอบคุณให้กับพิชชาในความมีน้ำใจของเธอ แต่ดูเหมือนฮารุกะจะไม่ทำแบบนั้นแน่ เมื่อหญิงสาวแกล้งเบือนหน้าหนีมองไปนอกหน้าต่างห้องนอนเสียแทน

“ไม่เป็นไรค่ะ” พิชชาตอบสั้นๆ

“พีชขอตัวก่อนนะคะ” พิชชายิ้มให้กับฟ้าใส ก่อนจะขอตัวกลับห้องของธอเอง รู้สึกมึนงง และง่วงนอนเต็มที่

พิชชารู้สึกราวกับสิ่งที่เจอในเวลานี้คือความฝัน และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จะได้พบกับความจริงที่ว่าฮารุกะไม่มีตัวตน และเรื่องระหว่างเธอกับหญิงสาวเป็นเพียงความฝัน

....................................................



ลิลลี่สีเลือด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2554, 09:33:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2554, 09:33:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1401





   ตอนที่หนึ่ง กามเทพแสนซน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account