ชุลมุนวุ่นวาย เมื่อนายกลายเป็นเธอ (YURI)
เรื่องราวความรักระหว่าง
นาฬิกาทราย
กับ สายลมแห่งความหวัง
ชุลมุนไปกับความน่ารักของกามเทพตัวน้อย

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่หนึ่ง กามเทพแสนซน

ตอนที่หนึ่ง
กามเทพแสนซน

ฮารุกะมองตามแผ่นหลังของพิชชาในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงผ้าแบบมัดรอบเอว ร่างนั้นบอบบาง แต่ก็แทบไม่ต่างจากผู้ชายในประเทศญี่ปุ่นที่มักดูแลตัวเองให้ผอม

“ชิ ผู้ชายอะไรชื่อพิชชา ฮึ” เธอแอบบ่นพึมพำกับตัวเอง

“เรานี่นะฮารุทำไมไปว่าคุณพีชแบบนั้นได้” ฟ้าใสต่อว่าฮารุกะหลังจากที่พิชชากลับห้องของเธอไปแล้ว และฮารุกะกำลังจะจัดของเข้าตู้เสื้อผ้า

“ผู้ชายคนนั้นจับหน้าอกฮารุก่อนนะ แต๊ะอั๋งฮารุ” ฮารุกะแย้งกลับ อย่างไรก็ตามเธอยังเธอใจว่าพิชชาเป็นผู้ชายอยู่ดี ดวงตาแสนซนของเธอมองหน้าฟ้าใส

“แล้วไปทำยังไงให้เค้าจับหน้าอกได้ล่ะจ้ะ”

แม้จะรู้ว่าฮารุกะเข้าใจผิดว่าพิชชาเป็นผู้ชาย เธอก็ไม่ได้คิดจะบอกความจริงเรื่องนี้กับฮารุกะแต่อย่างไร แอบนึกขันอยู่ในใจว่าฮารุกะเข้าใจว่าพิชชาเป็นผู้ชายนั่นเองถึงได้อาละวาดเสียแบบนั้น

“ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหน่อย” ฮารุกะหน้ามุ่ย ตอบเสียงอ่อย

“เอ...ฮารุมีอะไรให้คุณพิชชาอยากจับน้า”

“ก็...”

ฮารุกะเกือบหลุดคำพูดที่บอกว่าเธอโผเข้าไปกอดพิชชาเอง จนพากันล้มลงไปนอนกลิ้งที่พื้นด้วยกัน จากนั้นเธอต้องการดันร่างเขาออกไป แต่เพราะลื่นเลยทำให้มือของพิชชามาจับโดนหน้าอกของเธอเสียแทน คราวนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย

“ฮารุไปเคาะผิดห้องนะจ้ะ แล้วนี่ดีแค่ไหนที่เป็นคุณพีช ถ้าเป็นคนอื่น เราอาจจะถูกดุด้วยที่ไปทำร้ายร่างกายเค้าแบบนั้น”

“แต่...”

“แล้วคุณพีชก็คงไม่ตั้งใจจะลวนลามฮารุหรอกพี่ฟ้าว่านะจ้ะ เรื่องอะไรอยู่ดีดี คุณพีชจะเอามือไปจับหน้าอกเล็กๆ ของฮารุเล่นล่ะ” ฟ้าใสแกล้งพูดล้อฮารุกะ เธอยิ้มกว้างให้กับน้องสาวแสนแก่นแก้ว

“อ่า...พี่ฟ้า ใจร้าย ถึงไม่มี...ฮารุก็ไม่ได้อยากให้ใครมาจับเสียหน่อย” ฮารุกะหน้าแดงที่ถูกฟ้าใสหยอกเล่น เพราะรู้ตัวดีว่าหน้าอกไข่ดาวของเธอนั้นไม่ได้มีเสน่ห์ยั่วยวนใจแต่อย่างไร อีกทั้งเธอนั้นตัวเล็กเหมือนเด็กกะโปโลเสียมากกว่าหญิงสาวอย่างฟ้าใส ซึ่งรูปร่างดี สูงโปร่ง หน้าตาสละสลวย ผมยาว เรียกได้ว่าดูดีไปเสียหมด หากเธอเป็นผู้ชายก็คงอดหลงใหลในตัวของฟ้าใสไม่ได้

“จ้ะ รู้แล้วจ้า แล้วฮารุทานไรมาหรือยังจ้ะ” เธอเปลี่ยนประเด็นการสนทนาไปยังเรื่องอาหารเย็นแทน

ฮารุกะซึ่งกำลังจัดของอยู่เมื่อได้ยินฟ้าใสพูดเรื่องอาหาร เธอนึกหิวขึ้นมาทันที เพราะฟ้าใสไม่เพียงแต่หน้าตาสวย แต่เรื่องการบ้านการเรือนนั้นพร้อมทุกอย่าง ไม่แปลกที่ณรงค์พี่เขยดอกเตอร์หนุ่มสุดหล่ออนาคตไกลจะหลงรักเสียมากมาย

“ฮารุหิว หิวข้าวฝีมือพี่ฟ้าจังเลย” ฮารุกะทำตาใสซื่อ อ้อนขอจะให้ฟ้าใสทำกับข้าวให้ ก่อนจะยิ้มร่าแบบเด็กไม่รู้จักโตเสียที “พี่ฟ้าทำกับข้าวอร่อยมากมาย พอฮารุนึกถึงกับข้าวฝีมือพี่ฟ้านะ ท้องก็ร้องขึ้นมาทันทีเลย”

“อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยยัยตัวแสบ เรานี่นะ เดี๋ยวเอาข้าวคลุกน้ำปลาให้ทานแล้วจะว่าอร่อยอยู่หรือเปล่านะ”

“พี่ฟ้าจะใจร้ายกับน้องสาวคนนี้ได้ลงคอเหรอคะ เด็กน้อยตาดำๆ คนนี้อยากหม่ำข้าวฝีมือพี่ฟ้าจังเลย ได้ไหมหนอ หิวจนท้องกิ่วไปหมดแล้วนะคะ” ฮารุกะอ้อนฟ้าใส เธอแกล้งเอามือลูบท้องและทำท่าทางเหมือนจะลงไปนอนชักดิ้นชักงอเพราะหิวเสียให้ได้

“ก็อยากจะใจร้ายอยู่เหมือนกันนะ แต่พอเห็นตากลมโตของเราทีไร พี่ก็ใจอ่อนเสียทุกที อยากทานอะไรละจ้ะยัยตัวแสบ”

“อะไรก็ได้ฝีมือพี่ฟ้า อร่อยหมดสำหรับฮารุแล้วค่ะ” ฮารุกะหัวเราะ ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมาราวกับดวงตาของตุ๊กตา เธอเอียงคอเล็กน้อยซึ่งเป็นนิสัยประจำตัวที่เธอมักชอบทำเวลามีความสุขหรือกำลังหยอกล้อเล่นกับคนที่เธอรู้สึกดีด้วย

ฟ้าใสทิ้งให้ฮารุกะจัดของอยู่ตามลำพัง สำหรับเธอนั้นไปเตรียมอาหารเย็นให้กับฮารุกะ ณรงค์และกามเทพลูกชายตัวยุ่งซึ่งกำลังจะกลับมาในอีกไม่ช้า

..........................................................

ฮารุกะใช้เวลาจัดเสื้อผ้าของเธอเข้าตู้ไม่นานมากนัก เพราะเธอทิ้งเสื้อผ้าที่เคยใช้ไว้ที่บ้านของแม่แทน ฟ้าใสบอกว่าให้เธอมาหาซื้อที่นี่น่าจะง่ายกว่าการต้องขนเข้าของพะรุงพะรังขึ้นเครื่องบินมา ซึ่งแม่ของเธอก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้

จากนั้นฮารุกะจึงจัดวางพวกครีมทาผิว เครื่องสำอางต่างๆ ไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งอย่างเป็นระเบียบ ท้ายสุดเธอวางคอมพิวเตอร์แบบพกพาไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะบิดขี้เกียจไปมาเมื่อเห็นว่าข้าวของเครื่องใช้ของเธอถูกจัดวางเอาไว้เรียบร้อยในระดับหนึ่งแล้ว

ฮารุกะก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือเมื่อเห็นว่าเกือบห้าโมงเย็นแล้ว เธอต้องการไปช่วยจัดเตรียมพวกจานชามให้ฟ้าใสที่ห้องครัว หากเพียงแค่เปิดประตูห้องนอน กลิ่นหอมชวนเรียกน้ำย่อยกลับลอยมาแตะจมูก

“ว้าว! น่าทานจังเลยคะพี่ฟ้า” ฮารุกะทำท่าทางทะเล้น เธอยิ้มจนแก้มปริ เหมือนเด็กที่เพิ่งจะได้ของเล่นถูกใจ เพราะตรงหน้าของเธอนั้น ฟ้าใสจัดเตรียมอาหารเอาไว้เรียบร้อย

“หิวแล้วสิจ้ะฮารุ เรามาทานก่อนได้นะจ้ะ”

“อุ้ย! ไม่เป็นไรหรอกคะพี่ฟ้า เดี๋ยวฮารุรอทานพร้อมพี่นัดกับน้องกัสดีกว่านะคะ” ฮารุกะตอบรับพร้อมรอยยิ้มกว้างน่าเอ็นดู

“ฮารุทานก่อนดีแล้วจ้ะ ไหนบอกพี่ว่าหิวนะ เราก็เพิ่งลงจากเครื่องบินมาไม่ใช่หรือคะ อยู่บนนั้นคงไม่ยอมทานอะไรแน่ใช่ไหมจ้ะ” ฟ้าใสพูดแซว ด้วยเพราะเธอรู้นิสัยของฮารุกะว่าเวลาเดินทาง น้องสาวของเธอมักไม่ชอบทานอะไร ฮารุกะมักกลัวมีปัญหาในเรื่องการเข้าห้องน้ำ และอะไรอีกจิปาถะมากมาย เพราะอย่างนั้นในเวลานี้ฮารุกะซึ่งปกติชอบทาน น่าจะหิวมาก

“กลัวจะท้องเสียนะคะ ยิ่งฮารุเป็นพวกชอบตื่นเต้นมากกว่าปกติอีกนะคะพี่ฟ้า”

“ก็ฮารุนะไฮเปอร์น้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะจ้ะ อยู่นิ่งเป็นไม่ได้ หรือถ้าได้ทำอะไรนะ ไม่ห้าม ไม่ยอมหยุดอีก”

ฟ้าใสพูดพลางนึกถึงฮารุกะตอนเป็นเด็ก ฮารุกะชอบมาเล่นกับเธอ ด้วยอายุที่ห่างกันสิบกว่าปี เธอจึงรักและเอ็นดูหญิงสาวตัวอ้วนกลมอย่างฮารุกะมาก ตอนเป็นเด็กฮารุกะทานเก่งมาก จนตัวอ้วนกลม จับตรงไหนก็นุ่มนิ่มมือไปเสียหมด

ฮารุกะชอบทานอาหารฝีมือเธอ ชอบเล่นวาดรูป ระบายสี แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะค่อนข้างอยู่นิ่งได้ไม่นาน เพราะถ้าเธอทิ้งให้ฮารุกะนั่งนิ่งวาดรูปอยู่นานเกินไป ฮารุกะจะเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับแสดงบาดแผลในที่ต่างๆ ซึ่งเธอไปก่อวีรกรรมเอาไว้ อาทิ ปีนต้นไม้ วิ่งเร็วเกินไปจนหยุดไม่อยู่จนชนกับกำแพงบ้าง ชนต้นไม้บ้าง สะดุดหินล้มหน้าทิ่ม คางแตก หัวแตก ไปเย็บเสียก็หลายครั้ง

ฟ้าใสโล่งใจเอาก็ต่อเมื่อฮารุกะย่างเข้าชั้นมัธยม ฮารุกะเริ่มแก่นแก้วน้อยลง บาดแผลก็เริ่มไม่ค่อยมีมากเหมือนตอนเด็ก และนับเป็นความโชคดีที่รอยแผลเป็นจากความซนของฮารุกะซึ่งหลงเหลือทิ้งไว้ มีเพียงที่เดียวที่เห็นชัดเจน คือตรงหางคิ้วซ้าย รอยแผลเป็นจากการเล่นซนเอาหน้าไปชนกับกระจกหน้าต่างจนแตกทั้งแผ่น เธอยังนึกขอบคุณต่อโชคชะตาเพราะดีแค่ไหนที่ฮารุถูกบาดแค่ตรงหางคิ้วซ้าย

แต่จากการเล่นซนครั้งนั้นก็ทำให้ฮารุกะเข็ดขยาดไปนานพอสมควร และนับว่าวีรกรรมในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นให้น้องสาวเธอรู้จักคิดเล่นอะไรแผลงๆ น้อยลง เริ่มหันมาสนใจการเรียนมากขึ้น

“ฮารุเปล่านะพี่ฟ้า ฮารุออกจะเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้”

“จ้ะ เหมือนผ้ายับที่พับไว้” ฟ้าใสพูดพร้อมกับลูบผมของฮารุกะด้วยความเอ็นดู เธอรู้สึกว่าฮารุกะน่ารักมากขึ้น ดวงตากลมโตของหญิงสาวนั้นใสกระจ่าง และเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว

“ทานข้าวได้แล้วยัยตัวแสบ” เธอขยี้ผมของฮารุกะ ก่อนจะเดินไปตักข้าวใส่จานให้

“เลือกทานได้ตามสบายนะจ้ะ ไม่ต้องรอพี่นัดหรอก รายนั้นนะกลับไม่ค่อยตรงเวลา งานวิจัยช่วงนี้กำลังยุ่งจ้ะ ส่วนน้องกัสก็พอกับเราตอนเด็กเลยนะ เดี๋ยวฮารุจะแย่งนายจอมซนทานไม่ทันเสียล่ะ” ฟ้าใสพูดถึงณรงค์ ก่อนจะปิดท้ายประโยคที่กามเทพลูกชายจอมซนซึ่งทานเก่งเหมือนฮารุกะตอนเด็ก เพราะอย่างนั้นลูกชายวัยเกือบห้าขวบของเธอจึงตัวอ้วนกลม

ฮารุกะยิ้มร่า แม้เธอจะเรียนอยู่ต่างประเทศ หากสมัยนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปเยอะ เธอกับฟ้าใสจึงได้คุยกันข้ามประเทศผ่านโปรแกรมการสนทนาที่ได้เห็นทั้งหน้าและได้ยินเสียงกันเกือบทุกวัน เธอได้พูดคุยและเห็นกามเทพจนสนิทคุ้นเคย เรียกได้ว่าไม่แปลกที่ฟ้าใสจะกล้าฝากกามเทพให้เธอดูแล

“ขอบคุณค่ะ” ฮารุกะรับจานข้าว ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร และเริ่มทานอย่างเอร็ดอร่อย เธอเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย “อร่อยจังเลยค่ะพี่ฟ้า”

“อร่อย ก็ต้องทานเยอะๆ นะจ้ะ”

“รับทราบครับผม อิอิ” ฮารุกะหัวเราะร่าเริง


เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ฟ้าใสยิ้มก่อนจะเดินไปเปิดรับ เสียงแหลมเล็กดังขึ้นทันทีที่ประตูห้องถูกเปิด พร้อมกับร่างอ้วนกลม ผมหยักศกเล็กน้อยซึ่งได้มาจากณรงค์ผู้เป็นพ่อ

“สวัสดีฮะ” กามเทพสวัสดีฟ้าใส จากนั้นจึงวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะหนังสือ ก่อนจะวิ่งร่าเข้ามาในห้องพักเมื่อฟ้าใสบอกว่าฮารุกะมาถึงแล้ว

“น้าฮารุ” กามเทพร้องเรียกชื่อฮารุกะดังลั่น ก่อนจะถลาเข้ากอดฮารุกะซึ่งนั่งทานข้าวอยู่

“สวัสดีฮะ” กามเทพซบหน้าลงบนตักของฮารุกะ

“นี่แน่ะ! เจ้าตัวกลม ตัวโตจังนะเรา” ฮารุกะขยี้ผมหยักศกของกามเทพเล่น เธอรู้สึกหมั่นเขี้ยว จนต้องบีบแก้มของหลานชาย

กามเทพมีผิวขาวใส ใบหน้าอูม ดวงตากลมโต บวกกับผมหยักศก ฮารุกะรู้สึกว่าเด็กน้อยดูเหมือนกามเทพตัวน้อยในเทพนิยายจริง หากติดปีกเข้าที่หลังและให้ถือคันธนู หลานชายตัวดีของเธอต้องเป็นกามเทพได้อย่างแน่นอน

“น้องกัสอย่ากวนน้าฮารุสิจ้ะ”

“น้องกัสเปล่ากวนนะฮะคุณแม่ น้องกัสแค่กอดน้าฮารุ” กามเทพรีบพูดแย้งฟ้าใส ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมา ดูใสซื่อ บริสุทธิ์

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ฟ้า” ฮารุกะตอบเสียงใส ในเวลานี้ที่ตักของเธอมีร่างอ้วนกลมของกามเทพนั่งทับอยู่

“ดูสิ แล้วนั่นไปแย่งน้าฮารุทานอีกนะน้องกัส”

“น้องกัสเปล่าแย่งน้าฮารุนะฮะ” กามเทพบอกปัด หากในปากของเธอเต็มไปด้วยอาหารฝีมือฟ้าใส แต่ตักมาจากจานของฮารุกะ ซึ่งก็ตรงตามที่ฟ้าใสพูดคือไปแย่งฮารุกะทานเท่านั้น

“เคี้ยวเต็มปากแบบนั้นยังบอกว่าไม่ได้แย่งอีก พ่อตัวดีนี่นะ” ฟ้าใสเดินมาขยี้ผมลูกชายตัวแสบเบาๆ กามเทพแทบไม่ต่างจากฮารุกะตอนเด็กเลย ซนและชอบเถียงข้างๆ คูๆ

กามเทพลงจากตักของฮารุกะและไปเดินไปล้างมือตามคำสั่งของฟ้าใส ก่อนจะวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ตัวอ้วนกลมในชุดนักเรียนสีขาว กางเกงสีน้ำเงิน ขับให้ผิวขาวอมชมพูของเด็กน้อยเปล่งปลั่งเพิ่มขึ้น กามเทพเดินมานั่งที่เก้าอี้ประจำตัว ก่อนจะเริ่มตักอาหารใส่จานข้าว

ฟ้าใสมองดูลูกชายจอมซนนั่งทานข้าวพร้อมกับน้องสาวตัวแสบ เธอส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเอ็นดู พลางนึกถึงวันเวลาต่อจากนี้ที่สองน้าหลานตัวแสบยกกำลังสองจะอยู่ด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่งานนี้คงไม่มีใครหนักใจมากเท่าพิชชาที่เธอแอบฝากฝังให้พิชชาดูแลเป็นหูเป็นตาให้อีกต่อหนึ่งแน่นอน

“น่าสงสารคุณพีชนะ” ฟ้าใสพูดขึ้นเปรยๆ

เธอคิดถึงใบหน้าใสซื่อของพิชชา และหน้าตาแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกตอนที่พิชชาถูกฮารุกะกล่าวหาว่าไปลวนลาม นึกแล้วเธอยิ่งสงสารพิชชาอีกเท่าตัว ซึ่งต่อจากนี้ไปชีวิตแสนสงบของพิชชาจะต้องถูกตัวแสบสองตัวเข้าไปก่อกวน แต่จะให้ปล่อยปละละเลยฮารุกะกับกามเทพเอาไว้เพียงลำพังเธอก็ไม่ไว้ใจ เพราะอย่างนั้นเธอต้องหาของไปสมนาคุณพิชชาล่วงหน้าเพื่อให้พิชชาเตรียมตัวรับศึกหนักต่อจากนี้เสียละ

“พี่ฟ้าว่าอะไรนะคะ” ฮารุกะเงยหน้าขึ้นถาม เมื่อได้ยินฟ้าใสพูดขึ้นมาลอยๆ เธอไม่ทันได้ฟังว่าอะไร แต่รู้สึกว่าคงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอด้วยอย่างแน่นอน

“เปล่าจ้ะ พี่ก็แค่พูดว่าน่าสงสารนะ ตัวแสบสองคนมารวมกัน” ฟ้าใสยิ้มเมื่อพูดคำว่าตัวแสบสองคนมารวมกัน ก่อนจะเสมองไปนอกหน้าต่าง เธอกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นแววตาของฮารุกะที่แสดงชัดเจนว่าไม่ได้แสบเสียหน่อย แต่นั่นแหละเธอรู้เลยว่าต่อจากนี้พิชชาต้องเจอศึกหนักประเภทไหน

“เค้าเปล่านะ ฮารุออกจะเป็นเด็กดี น้องกัสก็เป็นเด็กดีใช่ไหมจ้ะ”

ฮารุกะหาแนวร่วมด้วยการหันไปหาคำยืนยันจากกามเทพ หากพ่อตัวดีกับกำลังสนใจเรื่องอาหารตรงหน้า เคี้ยวแก้มตุ่ย แววตาเต็มไปด้วยความสุข ก่อนจะหัวเราะร่าที่ได้ทานของอร่อยถูกใจ เสียมากกว่าจะคิดถึงเรื่องอื่น

“อ้าว เรานี่นะ น้องกัส ไม่เออออกับน้าเลยนะ ไหนล่ะเราพวกเดียวกัน”

“อิอิ นายตัวดีนั่นนะ พอมีเรื่องกินเข้ามาเกี่ยวข้องก็ลืมทุกอย่างแล้วจ้ะ เอาเถอะนะ พี่จะพยายามไว้ใจฮารุกับน้องกัสก็แล้วกัน ดูสิว่าครานี้ใครกันจะหัวหมุน”

ฟ้าใสคิดถึงใบหน้าของพิชชาแล้วรู้สึกถึงความสนุกที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เธอเชื่อแน่ว่าฮารุกะจะต้องไปคอยยุ่มย่ามกวนประสาทพิชชาแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์

แม้ฮารุกะจะดูเหมือนไม่ชอบหน้าพิชชาครั้งแรกที่เจอกัน แต่ทว่ากามเทพนั้นชอบพิชชามาก และเมื่อกามเทพไปหาพิชชาที่ห้องมีเหรอที่แม่ตัวแสบอย่างฮารุกะจะนิ่งเฉยไม่ขอตามไปกวนด้วย

………………………………………………………

พิชชากลับไปที่ห้อง เธอนึกอยากนอนเต็มที่ ทว่าภาพใบหน้าของฮารุกะกลับลอยเด่นชัดขึ้นมา ยิ่งนึกยิ่งรู้สึกขันปนเศร้าที่หญิงสาวนึกว่าเธอเป็นผู้ชาย และเกิดอาการไม่ชอบใจเธอตั้งแต่แรกพบ

“เธอเหมือนผู้ชายมากแบบนี้เลยเหรอยัยพิชชา” พิชชาพูดขึ้นลอยๆ แม้จะรู้ถึงคำตอบของคำถามนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชาย ทว่าครั้งนี้เมื่อถูกฮารุกะเข้าใจผิด เธอกลับรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก

พิชชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอมองสภาพของตัวเองในกระจก ผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง ไว้ผมซอยสั้น ยุ่งเหยิงแบบคนเพิ่งตื่นนอนใหม่ ดวงตาลึกโหลเพราะอดตาหลับขับตานอนเขียนนิยายให้เสร็จ เสื้อยืดสีขาวยับยู่ยี่กับกางเกงผ้าแบบผูกรอบเอว เมื่อมองดูตัวเองเช่นนี้ก็นึกระอาใจอยู่ไม่น้อย

“ไม่มีหน้าอก ผมซอยสั้น หน้าตาโคตรโทรม ไม่แปลกเลยที่จะถูกคิดว่าเป็นผู้ชาย แถมพ่วงท้ายลามกอีกด้วย” เธอถอนหายใจเล็กน้อย พยายามลูบผมที่ยุ่งเหยิงให้เป็นระเบียบ แต่ดูเหมือนไม่ช่วยให้หน้าตาที่โทรมจัดดูดีขึ้นมาเลย

“เฮ้อ แต่งตัวหรือก็ดูไม่ได้เลย ไม่แปลกเลยที่จะถูกเข้าใจผิด” จริงอยู่ที่เธอไม่ได้รูปร่างหน้าตาขี้เหร่ ทว่าทั้งหล่อ เท่ห์และเซอร์ในแบบฉบับของผู้ชาย พิชชาไม่ได้นึกอยากให้เป็นแบบนี้ ทว่าตั้งแต่จำความได้ เธอก็มักจะถูกชมว่าหล่อมากกว่าสวยหรือน่ารักเสียแล้ว

เมื่อรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้ตัวเองเป็นผู้หญิงขึ้นได้กว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ พิชชาจึงเลือกที่จะอาบน้ำแล้วเข้านอนเสียน่าจะเป็นการดีที่สุด

............................................



ลิลลี่สีเลือด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2554, 15:48:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2554, 15:48:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1369





<< เกริ่น   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account