จอมนางคู่มังกร
ไม่ว่าเจ้าอยู่ที่ใด ข้าก็จะตามหาเจ้าผู้เป็นเจ้าของหัวใจข้า อวี้เอ๋อร์ ข้าให้สัญญาจะรักเพียงเจ้า และเมื่อมีเจ้าแล้ว ข้าจะปกป้องเจ้าชั่วชีวิตเอง
Tags: ท่านอ๋อง, จีนโบราณ, ย้อนยุค, ความรัก, ผูกพัน, กำลังภายใน
ตอน: บุคคลในทำนายคือใคร
ด้านหนึ่งของวังหลวง วันนี้พวกเหล่าโหรหลวงมารวมตัวกันเพราะหัวหน้าโหรหลวง ผู้ซึ่งทำนายทายทักชะตาบ้านเมืองได้อย่างแม่นยำเรียกประชุม
“ท่านพ่อของข้าเคยทำนายไว้ว่า” เสียงหัวหน้าโหรหลวงดังขึ้นอย่างจริงจัง
“ดาวเมืองถึงการอับแสง แรงแห่งดาวมังกรทะยานลู่ลมหวนผ่าน บัดนั้นดาวแห่งหงส์เพลิงบังเกิด ทั้งสองนั้นเป็นดาวคู่กัน แต่พลันโชคชะตานำพาให้พัดพราก แต่แม้นอยู่ไกลกันนับพันลี้ ดวงหนุนนำค้ำชูให้หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง เมื่อใดแผ่นดินเปลี่ยน ชะตาคนก็เปลี่ยน มังกรฮึกเหิม อำนาจเริ่มขจรไกล มังกรฟ้าหลบลี้ภัย ดวงเมืองอับจน มารเกี้ยวกราด ทำร้ายคนทั้งคู่อีกครั้ง เมื่อมังกรแห่งลมทนไม่ไหว จิตมารบังเกิด ผู้ที่ดับดวงจิตแห่งมารของมังกรผู้นั้นไซร้ ล้วนคือหงส์เพลิงคนเดียวเท่านั้น”
“แล้วท่านคิดว่านี่ถึงเวลาแห่งชะตาบ้านเมืองกำลังปรวนแปรแล้วหรือ”
“แน่นอนท่าน แล้วท่านคิดว่ามังกรแห่งลมคือผู้ใดกัน”
หลังจากตี้ชิงมาอยู่ภายในวังเทียนหลิง อาการของนางเริ่มหนักขึ้น จนพ่อบ้านและข้ารับใช้คนอื่นต้องตามหมอมาตรวจอาการของนาง
“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ได้สองเดือนนะ แม่นาง”
“ท่านหมอมันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ข้าเป็นหญิงพรหมจรรย์นะท่าน ข้าจะตั้งท้องได้อย่างไรกัน” ตี้ชิงรู้สึกอยากจะเป็นลม เพราะไม่เคยทำเรื่องงามหน้า ‘แต่โอ้สวรรค์ช่างกลั้นแกล้งนาง’
‘คิก ๆ ว่าที่แม่ของข้า นางคงตกใจมาก ที่ข้าเลือกเกิดมาเป็นลูกนาง สวรรค์ก็กลั่นแกล้งสาวน้อยอย่างข้าเช่นกัน ที่ให้ข้าเกิดมายุคอดีตเนี่ย’ เสียงของวิญญาณที่ยืนอยู่ข้างๆ นางตี้ชิง นั้นหน้าตานางหมดจด ปากนิดจมูกหน่อย แต่เสื้อผ้าที่นางสวมใส่อยู่นั้นกลับแตกต่างจากผู้คนในแคว้นหนิง เสื้อผ้าของนางเป็นสีขาวแขนสั้น กระดุมผ่าหน้า เสื้อคอกลม กระโปรงของนางก็สีขาว ที่พันทับกันยาวจรด ข้อเท้าของนาง
ผู้ที่มาส่งวิญญาณของนางด้วยตนเอง กลับเป็นถึงเจ้าแม่หนี่ฮวา
‘เจ้านะ ได้เกิดใหม่ก็ดีแล้ว เห็นนางเป็นข้ารับใช้ แต่นางก็รับใช้ท่านอ๋องที่ภายภาคหน้าเป็นอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ และเจ้าผู้มีสติปัญญาแสนล้ำเลิศเช่นเจ้า ได้อยู่ใกล้เด็กหนุ่มผู้รูปหล่อชั่วคราว โอ้ชั่วคราวเท่านั้น...” เสียงรำพึงเป็นปริศนาความนัย ดึงดูดวิญญาณผู้มาเกิดใหม่ได้เป็นอย่างดี
‘ได้เจ้าคะ ข้ายอมเกิดใหม่ก็ได้ ไม่ใช่ว่าเห็นแก่คนรูปหล่อที่เป็นถึงท่านอ๋อง ข้าเพียงหวังว่า เจ้าแม่และองค์เง็กเซียนฮ่องเต้คงจะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับข้าเท่านั้น ชาตินี้ข้าต้องได้พบเขา และอยู่เป็นคู่ของเขาเท่านั้น’ เสียงเศร้าสร้อยดังจะรำพึงถึงอดีตที่ยาวไกล
‘แม้ไม่มีลิขิตฝืนชะตาที่ฟ้าประทานมาได้ แต่เจ้าจงจำเอาไว้ โชคชะตาของเจ้า เจ้าสามารถลิขิตได้ด้วยตนเอง เจ้าจงช่วยเหลือเขาผู้นั้นเท่าที่จะทำได้ แล้วสิ่งใดที่เป็นของเจ้า ไม่ว่าเวลาผ่านไปนับพันปี หรือห่างไกลกันคนละซีกโลก เจ้าก็ได้กลับมาเป็นเจ้าของเหมือนเดิม’
‘ขอบคุณเจ้าแม่มาก’
เจ้าแม่หนี่ฮวาจำต้องเดินทางจากไป เพราะยังมีภารกิจลับ ที่องค์เง็กเซียนฝากให้ทำให้เสร็จลุล่วง ก่อนจะจากโลกนี้ไปเสด็จสู่สวรรค์ดังเดิม
ท่านอ๋องน้อยเดินทางมาถึงจวนหลังใหม่ มองไปรอบๆ ด้วยความชื่นชม เห็นพวกเหล่าข้ารับใช้ต่างขมักเขม้นทำงานขยันขันแข็ง ได้แต่คำนึงถึงอดีตที่ผ่านพ้นไปนานแสนนานเท่านั้น การที่จะยอมทำใจใช้ชีวิตอยู่โดดเดี่ยว ปราศจากท่านแม่ ท่านก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา ตั้งแต่ท่านแม่จากไป โดยที่เขายังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณ วันที่เขามีพร้อมทุกอย่าง ทรัพย์สินเงินทองที่มีมากมาย หวังเพียงท่านแม่ได้มาเห็น แล้วยิ้มให้พระองค์บ้าง
เนื้อที่ประมาณหลายร้อยไร่ กลับแบ่งเป็นสัดเป็นส่วน ท่านอ๋องวางพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อใช้งานด้านการปลูกข้าวสาลี และปลูกผักเป็นส่วนใหญ่ มีโรงเลี้ยงม้า เลี้ยงแพะเพื่อรีดน้ำนมออกขาย มีการขุดลอกลำคลองมาจากแม่น้ำที่ไหลผ่านหุบเขาด้านหลังของวัง พื้นที่ใช้สอยส่วนใหญ่จึงเป็นประโยชน์มากขึ้น ทั้งหมดเกิดจากความคิดของท่านอ๋อง
วันนี้ท่านอ๋องนั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่พร้อมด้วยองครักษ์สองคน คนหนึ่งมีชื่อว่า กวนทีซื่อ มีอายุเพียง 15 ปี มีหน้าตาคมคาย สายตาคมกริช หน้าตาดุดัน แฝงด้วยความดุดัน มีนิสัยมุทะลุ เป็นเพื่อนสนิทกับท่านอ๋องในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยนับถือในน้ำใจ และฝีมือ คนที่สองชื่อว่า ซือเทียะหยง หรือหย่งเล่อ มีอายุ 16 ปี เป็นผู้ที่มีนิสัยขี้เล่น เจ้าคารม เป็นคนที่มีความคิดรอบคอบ เป็นที่ปรึกษาแก่ท่านอ๋องในเรื่องต่างๆ และช่วยประสานงานให้ท่านอ๋องในเรื่องต่างๆ และยังเป็นสายลับชั้นดีที่ท่านอ๋องมี
“หยงเล่อ เจ้าว่าวังของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ท่านอ๋องพูดพลางหยิบป้านน้ำชาขึ้นจิบ
“ท่านอ๋องใช้พื้นที่ได้มีประโยชน์ เงินที่ท่านอ๋องได้มาคงทุ่มเทให้กับการหาเมล็ดพันธ์ดีไว้แน่แท้ อีกทั้งท่านอ๋องมีม้าหลายพันธ์ที่ดี เหมาะแก่การใช้งานหลายอย่าง ทั้งลากของ ทั้งไว้สำหรับการเดินทาง หรือไว้วิ่งกับรถม้าย่อมได้”
บรรยากาศพลันสงบเงียบไปครู่หนึ่ง
ร่างอุ้ยอ้ายของหญิงท้องแก่ที่พยายามยกขนมมาให้ท่านอ๋อง ท่านอ๋องได้หันไปสนใจคนรับใช้ พลันให้นึกถอนใจ นางคนนี้ทำให้นึกถึงท่านแม่ แล้วรู้สึกเห็นใจให้แก่หญิงรับใช้ ที่ต้องมาอุ้มท้องอยู่เพียงตามลำพังขาดสามี คอยดูแล เหมือนท่านแม่ที่ต้องอุ้มท้องพระองค์อยู่ลำพังในเมืองชิงฟู ยุดสมัยยังไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับผู้หญิงที่ตั้งท้องไร้สามี แต่พระองค์ก็ไม่ได้ขับไสไล่สงนาง และให้นางรับใช้แต่เรื่องเล็กๆ น้อย ๆ งานครัวที่นางเคยทำก็ไม่ให้ทำ แต่นางก็ขยันเยี่ยมหน้าไปที่ครัวของวังบ่อยๆ เพื่อคิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆ ให้ท่านอ๋องชิมอยู่เสมอ
“คารวะท่านอ๋อง เชิญทานขนมที่เพิ่งอบมาใหม่จากเตาเจ้าค่ะ” เสียงตี้ชิงยอบกายแล้วคลานทุลักทุเลเข้าไปวางถาดขนมกลางวงสนทนา
“ข้าบอกว่าไม่ต้องลำบากยกมา ก็ไม่เชื่อเลย ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีก็ยังลำบากทำงานในครัว แล้วต้องมาคอยรับใช้ข้าอีก”
“สงสัยลูกในท้องของข้า คงจะชอบและจงรักภักดีต่อท่านอ๋องยิ่งนัก เมื่อใดที่ข้าอยู่เฉยๆ นางกลับไม่เคยดิ้นไปมาในท้องของข้าน้อย แต่เพียงมาพบหน้าท่านอ๋องเท่านั้น นางถีบข้าน้อยเสียจนเจ็บในท้องไปหมด” นางกล่าวพลางแก้ตัว ท้องที่อยู่ใต้เสื้อไหวเล็กๆ ไปมา เหมือนโต้ตอบท่านอ๋อง
“เอาเถอะถ้าอยากออกจากวังไปข้างนอก ยังไงข้าก็ต้องเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกของเจ้าอยู่ดี”
ท่านอ๋องนั้นให้ความเมตตาแก่ข้ารับใช้ทุกคนในวัง จนข้ารับใช้ต่างทำงานให้ท่านอ๋องอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยเช่นเดียวกับนาง เบี้ยเลี้ยงที่ให้ทุกคนก็มิเคยขาด ครอบครัวของข้ารับใช้และนางกำนัลทุกคนนั้นล้วนอยู่สุขสบาย ใครขาดที่อยู่อาศัย ท่านอ๋องก็รับเข้ามาอยู่ในวังด้วยกันทั้งสิ้น นางกำนัลที่หลังจากออกวังหลวงได้มีโอกาสไปตลาดในเมืองหลวง กิริยาเรียบร้อย นำพาให้นางกำนัลในวังนี้ ได้ออกไปมีครอบครัวใหม่กันหลายคน ท่านอ๋องก็ไม่เคยห้าม ที่จะไม่ให้ออกจากวัง
“นึกถึงเด็กน้อยแล้วก็ต้องนึกถึงข่าวลือที่ลือกันหนาหูในวังขณะนี้ นะท่านอ๋อง” เสียงขององครักษ์ทีซื่อดังขึ้นมา
“ข่าวลืออะไรกัน ข้าอยู่แต่นอกวัง เจ้าเล่าให้ข้าฟังที”
“เรื่องที่หัวหน้าโหรหลวงทำนายว่าโชคชะตาของบ้านเมืองจะเปลี่ยนไป มังกรแห่งลมถูกปองร้าย หงส์เพลิงกำลังจะกำเนิดขึ้นนะสิ ท่านโหรหลวงนี้ทำนายแม่นยิ่งนัก ลูกชายของเขาบอกว่ามังกรแห่งลมมีชะตาค้ำจุนบ้างเมือง บ้านเมืองจะรุ่งเรืองเพราะบุคคลผู้นี้อีกมาก หงส์เพลิงที่เกิดมาเป็นคู่กัน ย่อมจะค้ำชูแต่คู่ของนางเหมือนกัน ก่อนที่หัวหน้าโหรหลวงจะบอกคำทำนายให้ฮ่องเต้ฟังนั้น เขาได้ฝันถึงองค์เง็กเซียน และเจ้าแม่หนีฮวาด้วยเมื่อสิบกว่าปีก่อน บอกว่ามังกรแห่งลมกำลังจะมาเกิด โชคชะตาของเขาพลิกพลันเช่นดังหงส์เพลิง ผู้ที่จะเกิดมาเป็นหงส์เพลิงนั้นจะมีปานแดงกลางหลัง เป็นรูปหงส์ นางจะยังไม่กำเนิดมา รอให้มังกรแห่งลมกำเนิดเป็นเวลานาน บัดนี้ลูกชายของท่านหัวหน้าโหรหลวงฝันว่ามีหญิงงามกับเจ้าแม่หนีฮวามาเข้าฝัน พูดเพียงว่า นางคือหงส์เพลิง พวกเจ้าจงค้ำชูมังกรแห่งลม เมื่อใดถึงคราวลิขิต นางจะช่วยค้ำชูราชวงศ์เช่นกัน แต่ตอนนี้นางเพิ่งจะมาภพนี้เพียงเท่านั้น พวกเจ้าจงอย่าลืมคำพูดของข้า”
“แล้วเจ้าคิดว่า มังกรแห่งลมคือใครกัน”
องครักษ์ทั้งสองมองหน้าท่านอ๋องน้อย และคิดเหมือนกันว่า มังกรแห่งลมคงจะเป็นท่านอ๋องของเขาแน่นอน
วังเทียนหลิง จัดงานเทศกาลหยวนเซียว รอบวังเพื่อให้ผู้ตกทุกข์ได้ยากมีข้าวกิน ร่วมงานสร้างสรรค์ มีการประดับโคมไฟสีแดงสาดไปทั่วบริเวณ แต่วันนี้เจ้าของวังกลับไม่ได้อยู่ในงาน เนื่องจากได้รับมอบหมายราชกิจให้ไปประจำที่มณฑลเหนือ เวลาผ่านไปห้าเดือนแล้วตั้งแต่ท่านอ๋องวางรากฐานให้ที่วังมีความกินดีอยู่ดี มีคนหาข้ารับใช้มาคอยดูแลกิจการของท่านอ๋อง คือร้านติดต่อเจรจาค้าขายม้า และขนแพะนมแพะ แล้วมีการนำผักที่ปลูกไปขายให้ในวังหลวง แล้วตามตลาดต่างๆ มีคนช่วยจัดบัญชีไว้ให้ท่านอ๋องให้ดูทุกเดือน
ท่านอ๋องก็ออกไปท่องเที่ยวต่อ พร้อมกับการรับตำแหน่งใหม่ ท่านอ๋องจึงเป็นผู้สำเร็จราชการที่มีอายุเพียงสิบสองชรรษาเท่านั้น ท่ามกลางเสียงคัดค้านของขุนนางแทบทุกคน ด้วยไม่มีใครสามารถล่วงรู้ถึงปัญญาที่แท้จริงของท่านอ๋อง และรวมทั้งวิทยายุทธ์ที่ท่านอ๋อง มีเพียงองครักษ์ทั้งสองคนของท่านอ๋องเท่านั้นที่ทราบว่าพระองค์เรียนมาจากสำนักไหนบ้าง
นางตี้ชิงที่บัดนี้ได้คลอดลูกออกเป็นลูกสาว แต่ด้วยการเลี้ยงลูกคนเดียวนั้นลำบาก เด็กหญิงตัวน้อยได้แต่นอนอยู่กองผ้ากับกองฟางในห้องเก็บของเท่านั้น ถึงเวลากินข้าวของเด็กน้อยมีเพียงน้ำแกงและน้ำนมของนางเท่านั้น ที่ให้น้ำนมได้เพียงตอนกลางคืน เพราะการทำงานในวังนั้นมีมากมาย แต่กระนั้นข้ารับใช้ก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย
แต่บัดนี้นางผงกคอตั้งได้แล้ว เด็กน้อยพยายามขยับแขนขาด้วยความเบื่อหน่าย ได้แต่กลิ่นอับของฟางโชยมา นางอยากคลานออกไปข้างนอกเพราะได้ยินเสียงประโคมแตร ประทัดที่อยู่นอกห้องเก็บของ นางพยายามเท้าศอกข้างตัวแล้วยกแขนขึ้น ยกตัวขึ้น พยายามคลานออกไป เลยได้แต่ยกแขนตั้งฉากที่พื้นเท่านั้น
ท่านอ๋องหลังจากเดินทางท่องเที่ยวเพียงลำพัง ส่วนองครักษ์สองคนนั้นไปฝึกวิชาที่สำนักมังกรฟ้า ที่ท่านอ๋องได้ฝากไว้กับอาจารย์หยวนตี้ ประมุขของสำนักให้ฝึกวิชาให้แก่คนทั้งสอง ส่วนท่านอ๋องหลังจากสำเร็จวิชาลมปราณฟ้าคำรณขั้นสูงแล้ว ก็ยากที่จะมีใครต่อกรได้อีก
คนในยุทธภพต่างก็นับถือน้ำใจของท่านอ๋องน้อย เนื่องจากเมื่อใครที่เป็นคนดีเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ ท่านอ๋องก็ให้ความช่วยเหลือแก่คนเหล่านั้นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ท่านอ๋องคิดกลับไปยังวังเทียนหลิง หลังจากเมื่อคลื่นใต้น้ำในพระราชวังเกิดขึ้น ฮ่องเต้ถูกวางยาพิษยากหายาถอนพิษมารักษาได้ พระวรกายของฮ่องเต้เริ่มทรุดลง พิษนั้นไม่ได้ทำให้พระองค์สิ้นพระชนม์ทันทีก็ตาม
เมื่อมาถึงวังเทียนหลิง เขาก็ส่งจดหมายเรียกตัวทั้งสององครักษ์กลับมาทันที แล้วเดินไปลานหน้ากลางแจ้ง นั่งลงบนแคร่ มองไปหน้าห้องเก็บของห้องหนึ่ง กลับพบเห็นประตูค่อยๆ แง้มออก ห่อผ้าชิ้นใหญ่เป็นก้อน กำลังเขยิบปีนขึ้นมาจากธรณีประตูห้องเก็บของ ท่านอ๋องเลยลุกขึ้นไปที่นั่น เพื่อดูว่ามันคืออะไร
‘ใครกันยกขึ้นมา’ เด็กน้อยในห่อผ้าพยายามชะโงกหน้าออกจากห่อผ้าเพื่อดูใบหน้าผู้ที่อุ้มนาง แล้วนางก็มีสีหน้าตะลึงไปชั่วครู่ พยายามยกแขนเล็กๆขึ้นไขว้คว้าหาใบหน้าคนที่ก้มหน้ามาดูเด็กน้อย แล้วนางก็ถูกพาไปที่อื่น นางกวาดตาไปมองรอบที่นางอยู่ วันแรกของการออกจากห้องเก็บของ กลับถูกลักพาตัว(เต็มใจให้พาไป) จากคนแปลกหน้า
ท่านอ๋องรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นเด็กน้อยที่เข้าอุ้มอยู่ เลยพานางอุ้มไปรอบ ๆ แรกพบให้ความคุ้นเคยประหลาดเข้ามาสู่ใจ รู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยในอ้อมแขน ดูท่าทางนางคงไม่ค่อยมีใครดูแล
“พ่อบ้าน ไปเอานมแพะแล้วนำไปอุ่นให้ข้าที”
“ท่านอ๋อง ท่านจะลำบากไปทำไม ในเมื่อนางเป็นแค่ลูกสาวรับใช้ เดี๋ยวข้าจะอาสาอุ้มเด็กน้อยคนนี้เอง ชุดของท่านอ๋องจะเปื้อนได้พะยะค่ะ” พ่อบ้านที่ถูกเรียกมาให้รับใช้ อาสาเลี้ยงดูเด็กน้อยแทนท่านอ๋อง
“เดี๋ยวข้าเลี้ยงดูนางเอง เจ้าไปจัดการที่หลับที่นอนในห้องให้ข้า เอาผ้าใหม่มาห่อให้นาง แล้วจัดการเบาะปูนอนหนาให้นางด้วยละ เด็กคนนี้คงไม่มีใครค่อยได้ดูแล นางจะหิวตายในจวนข้าเปล่า” ท่านอ๋องเพียงก้มหน้ายิ้มน้อยๆ ให้เด็กน้อยในอ้อมแขนเท่านั้น
“ท่านอ๋อง...” พ่อบ้านได้ส่งเสียงคราง ไม่ค่อยได้เห็นท่านอ๋องยิ้ม แต่เด็กน้อยในอ้อมแขนกลับทำให้ท่านอ๋องยิ้มขึ้นมาได้
‘คนๆนี้เป็นถึงท่านอ๋อง เจ้าแม่หนีฮวาได้บอกข้าไว้แล้วว่า จะได้พบเจอกัน โอ้สวรรค์ช่างเล่นตลกกับข้า ขอให้ข้าได้อยู่กับเขานานขึ้นอีกหน่อยเถอะ เขาหน้าเหมือนคนในชาติก่อนของข้าจริงๆ รู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดถึงความทรงจำในชาติก่อน ถ้าเลือกได้ จะจำเพียงชาตินี้ และได้แต่ภาวนาอย่าได้มีการพลัดพรากจากกันอีกเท่านั้น’
ท่านอ๋องเวลาเดินทางไปที่ไหนในจวนก็อุ้มนางไปด้วย เด็กน้อยในอ้อมแขนยิ้มและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เมื่อหลายครั้งท่านอ๋องก้มลงมาพูดคุยกับนางแทบจะตลอดเวลา เมื่อถึงตอนกลางคืนก็นำเด็กน้อยไปนอนในห้องนอนด้วย ท่านอ๋องเป็นคนกล่อมนางหลับไปทุกคืน
ภายในห้องทำงานของท่านอ๋อง พระองค์ได้ปูเบาะรองนอนไว้ข้างตั่งยาว ที่ให้เด็กรับใช้ยกเข้ามาใหม่ สององครักษ์ที่เพิ่งกลับมาว่างงานอยู่ กลับถูกใช้ให้มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กอีกคน ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่ากลับมาจะลองฝีมือ แล้วศึกษาวิชาเดินลมปราณที่ท่านอ๋องคิดค้นขึ้นมาใหม่ ชื่อว่าลมปราณกระบี่กังหันลม ที่สามารถทำให้การใช้กระบี่ หรืออาวุธที่ดัดแปลงเวลาใช้นั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น
“ท่านอ๋องพะยะค่ะ พระองค์นำนางเข้ามาดูแลในห้องทุกวัน นางไม่รบกวนท่านอ๋องหรือพะยะค่ะ” ทีซื่อถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเดี๋ยวนี้ท่านอ๋องน้อยเขาก็เป็นฝ่ายดูแลและเอ็นดูเด็กน้อยขึ้นทุกวัน
“ทีซื่อ หย่งเล่อเจ้าดูนางสินอกจากเลี้ยงง่าย แล้วไม่เคยลองกวนข้า กลับชอบคลานไปรอบห้อง”
สององครักษ์หันไปมองห่อผ้าสีชมพูเป็นผ้าแพรสวยงาม เป็นหนึ่งผืนที่ท่านอ๋องนั้นจัดซื้อหามามอบให้เด็กน้อยคนโปรด เด็กน้อยคลานไปพร้อมเงยหน้าจดๆ จ้องๆ หน้าชั้นหนังสือที่ยาวจากเพดานจรดพื้นไปมาหลายรอบ ชี้นิ้วป้อม ๆ ไปที่หนังสือ แล้วหันมามองท่านอ๋องทำเหมือนกับอยากจะบอกให้ท่านอ๋องนั้นหยิบหนังสือให้หน่อย เมื่อไม่เป็นผล เลยฉวยหนังสือที่อยู่ในชั้นใกล้มือ พยายามดึงออกมา แต่แรงอันน้อยนิด กลับไม่เป็นผล ยังให้ความแปลกใจกับคนทั้งสามในห้อง
“นั่นนางพยายามจะฉีกหนังสือ รื้อหนังสือหรืออย่างไร” หลังจากที่ได้ยินเสียงองครักษ์หย่งเล่อทักขึ้นมา
เด็กน้อยก็หันมามองแล้ว หันกลับไปพยายามดึงหนังสือออกมาใหม่หลายๆ รอบ
จนท่านอ๋องเห็นเข้าไม่ไหวเลย ลุกขึ้นไปหยิบมาให้นางแล้วจัดการเปิดหน้าแรกให้ดู แล้วคอยมองดูปฏิกิริยาของนาง นางกลับไม่ทำอะไรเพียงกวาดสายตาเหมือนพยายามจะอ่านมันเท่านั้น
ท่านอ๋องหันมาพยักเพยิดกับสององครักษ์แล้วหันกลับไปดูนางอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พลิกหน้าหนังสือไปหน้าต่อไปแล้วทำแบบเดิม
“ท่านอ๋องกำลังเลี้ยงเด็กน้อยอะไรเนี่ย” หย่งเล่อผู้ชอบศึกษาหาความรู้ และเป็นถึงกุนซือของท่านอ๋อง ก็ต้องรู้สึกทึ่งกับเด็กน้อยที่ท่านอ๋องเลี้ยงไว้
“แล้วเจ้าคิดว่า ข้าสอนนางอย่างนั้นหรือ นางอยากทำของนางเอง ไม่เพียงไม่ร้องไห้โยเยเหมือนทั่วไป ข้ารู้สึกว่านางเป็นคนที่ช่างสงสัยไปทั่ว แถมยังสนใจสิ่งของอื่นที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไปเลย” เสียงของท่านอ๋องเต็มไปด้วยความเอ็นดูเด็กน้อย
“ท่านอ๋องแล้วตกลงนางเป็น... เอ่อ” ทีซื่อถามบ้าง
“เป็นอะไร”
“หรือนางจะเป็นบุคคลในทำนาย”
เรื่องนี้ไม่มีใครรู้มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่รู้ว่า นางเป็นหงส์เพลิงจริงหรือไม่
เมื่อวานเน็ตเดี้ยง แล้วไม่ได้พิมพ์ไว้เลยเจ้าคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เรื่องอาจโอเว่อร์มาก ๆ ไรเตอร์ดูหนังจีนกำลังภายในตั้งแต่เด็ก ชื่นชอบเป็นส่วนตัว ขอบคุณคุณปู่ที่ปลูกฝัง ให้มีไรเตอร์วันนี้คะ
อาจจะมีกำลังภายในเข้ามาบ้าง แต่รับรองฉากฟินๆ เยอะคะ
30/1/58
“ท่านพ่อของข้าเคยทำนายไว้ว่า” เสียงหัวหน้าโหรหลวงดังขึ้นอย่างจริงจัง
“ดาวเมืองถึงการอับแสง แรงแห่งดาวมังกรทะยานลู่ลมหวนผ่าน บัดนั้นดาวแห่งหงส์เพลิงบังเกิด ทั้งสองนั้นเป็นดาวคู่กัน แต่พลันโชคชะตานำพาให้พัดพราก แต่แม้นอยู่ไกลกันนับพันลี้ ดวงหนุนนำค้ำชูให้หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง เมื่อใดแผ่นดินเปลี่ยน ชะตาคนก็เปลี่ยน มังกรฮึกเหิม อำนาจเริ่มขจรไกล มังกรฟ้าหลบลี้ภัย ดวงเมืองอับจน มารเกี้ยวกราด ทำร้ายคนทั้งคู่อีกครั้ง เมื่อมังกรแห่งลมทนไม่ไหว จิตมารบังเกิด ผู้ที่ดับดวงจิตแห่งมารของมังกรผู้นั้นไซร้ ล้วนคือหงส์เพลิงคนเดียวเท่านั้น”
“แล้วท่านคิดว่านี่ถึงเวลาแห่งชะตาบ้านเมืองกำลังปรวนแปรแล้วหรือ”
“แน่นอนท่าน แล้วท่านคิดว่ามังกรแห่งลมคือผู้ใดกัน”
หลังจากตี้ชิงมาอยู่ภายในวังเทียนหลิง อาการของนางเริ่มหนักขึ้น จนพ่อบ้านและข้ารับใช้คนอื่นต้องตามหมอมาตรวจอาการของนาง
“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ได้สองเดือนนะ แม่นาง”
“ท่านหมอมันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ข้าเป็นหญิงพรหมจรรย์นะท่าน ข้าจะตั้งท้องได้อย่างไรกัน” ตี้ชิงรู้สึกอยากจะเป็นลม เพราะไม่เคยทำเรื่องงามหน้า ‘แต่โอ้สวรรค์ช่างกลั้นแกล้งนาง’
‘คิก ๆ ว่าที่แม่ของข้า นางคงตกใจมาก ที่ข้าเลือกเกิดมาเป็นลูกนาง สวรรค์ก็กลั่นแกล้งสาวน้อยอย่างข้าเช่นกัน ที่ให้ข้าเกิดมายุคอดีตเนี่ย’ เสียงของวิญญาณที่ยืนอยู่ข้างๆ นางตี้ชิง นั้นหน้าตานางหมดจด ปากนิดจมูกหน่อย แต่เสื้อผ้าที่นางสวมใส่อยู่นั้นกลับแตกต่างจากผู้คนในแคว้นหนิง เสื้อผ้าของนางเป็นสีขาวแขนสั้น กระดุมผ่าหน้า เสื้อคอกลม กระโปรงของนางก็สีขาว ที่พันทับกันยาวจรด ข้อเท้าของนาง
ผู้ที่มาส่งวิญญาณของนางด้วยตนเอง กลับเป็นถึงเจ้าแม่หนี่ฮวา
‘เจ้านะ ได้เกิดใหม่ก็ดีแล้ว เห็นนางเป็นข้ารับใช้ แต่นางก็รับใช้ท่านอ๋องที่ภายภาคหน้าเป็นอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ และเจ้าผู้มีสติปัญญาแสนล้ำเลิศเช่นเจ้า ได้อยู่ใกล้เด็กหนุ่มผู้รูปหล่อชั่วคราว โอ้ชั่วคราวเท่านั้น...” เสียงรำพึงเป็นปริศนาความนัย ดึงดูดวิญญาณผู้มาเกิดใหม่ได้เป็นอย่างดี
‘ได้เจ้าคะ ข้ายอมเกิดใหม่ก็ได้ ไม่ใช่ว่าเห็นแก่คนรูปหล่อที่เป็นถึงท่านอ๋อง ข้าเพียงหวังว่า เจ้าแม่และองค์เง็กเซียนฮ่องเต้คงจะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับข้าเท่านั้น ชาตินี้ข้าต้องได้พบเขา และอยู่เป็นคู่ของเขาเท่านั้น’ เสียงเศร้าสร้อยดังจะรำพึงถึงอดีตที่ยาวไกล
‘แม้ไม่มีลิขิตฝืนชะตาที่ฟ้าประทานมาได้ แต่เจ้าจงจำเอาไว้ โชคชะตาของเจ้า เจ้าสามารถลิขิตได้ด้วยตนเอง เจ้าจงช่วยเหลือเขาผู้นั้นเท่าที่จะทำได้ แล้วสิ่งใดที่เป็นของเจ้า ไม่ว่าเวลาผ่านไปนับพันปี หรือห่างไกลกันคนละซีกโลก เจ้าก็ได้กลับมาเป็นเจ้าของเหมือนเดิม’
‘ขอบคุณเจ้าแม่มาก’
เจ้าแม่หนี่ฮวาจำต้องเดินทางจากไป เพราะยังมีภารกิจลับ ที่องค์เง็กเซียนฝากให้ทำให้เสร็จลุล่วง ก่อนจะจากโลกนี้ไปเสด็จสู่สวรรค์ดังเดิม
ท่านอ๋องน้อยเดินทางมาถึงจวนหลังใหม่ มองไปรอบๆ ด้วยความชื่นชม เห็นพวกเหล่าข้ารับใช้ต่างขมักเขม้นทำงานขยันขันแข็ง ได้แต่คำนึงถึงอดีตที่ผ่านพ้นไปนานแสนนานเท่านั้น การที่จะยอมทำใจใช้ชีวิตอยู่โดดเดี่ยว ปราศจากท่านแม่ ท่านก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา ตั้งแต่ท่านแม่จากไป โดยที่เขายังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณ วันที่เขามีพร้อมทุกอย่าง ทรัพย์สินเงินทองที่มีมากมาย หวังเพียงท่านแม่ได้มาเห็น แล้วยิ้มให้พระองค์บ้าง
เนื้อที่ประมาณหลายร้อยไร่ กลับแบ่งเป็นสัดเป็นส่วน ท่านอ๋องวางพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อใช้งานด้านการปลูกข้าวสาลี และปลูกผักเป็นส่วนใหญ่ มีโรงเลี้ยงม้า เลี้ยงแพะเพื่อรีดน้ำนมออกขาย มีการขุดลอกลำคลองมาจากแม่น้ำที่ไหลผ่านหุบเขาด้านหลังของวัง พื้นที่ใช้สอยส่วนใหญ่จึงเป็นประโยชน์มากขึ้น ทั้งหมดเกิดจากความคิดของท่านอ๋อง
วันนี้ท่านอ๋องนั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่พร้อมด้วยองครักษ์สองคน คนหนึ่งมีชื่อว่า กวนทีซื่อ มีอายุเพียง 15 ปี มีหน้าตาคมคาย สายตาคมกริช หน้าตาดุดัน แฝงด้วยความดุดัน มีนิสัยมุทะลุ เป็นเพื่อนสนิทกับท่านอ๋องในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยนับถือในน้ำใจ และฝีมือ คนที่สองชื่อว่า ซือเทียะหยง หรือหย่งเล่อ มีอายุ 16 ปี เป็นผู้ที่มีนิสัยขี้เล่น เจ้าคารม เป็นคนที่มีความคิดรอบคอบ เป็นที่ปรึกษาแก่ท่านอ๋องในเรื่องต่างๆ และช่วยประสานงานให้ท่านอ๋องในเรื่องต่างๆ และยังเป็นสายลับชั้นดีที่ท่านอ๋องมี
“หยงเล่อ เจ้าว่าวังของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ท่านอ๋องพูดพลางหยิบป้านน้ำชาขึ้นจิบ
“ท่านอ๋องใช้พื้นที่ได้มีประโยชน์ เงินที่ท่านอ๋องได้มาคงทุ่มเทให้กับการหาเมล็ดพันธ์ดีไว้แน่แท้ อีกทั้งท่านอ๋องมีม้าหลายพันธ์ที่ดี เหมาะแก่การใช้งานหลายอย่าง ทั้งลากของ ทั้งไว้สำหรับการเดินทาง หรือไว้วิ่งกับรถม้าย่อมได้”
บรรยากาศพลันสงบเงียบไปครู่หนึ่ง
ร่างอุ้ยอ้ายของหญิงท้องแก่ที่พยายามยกขนมมาให้ท่านอ๋อง ท่านอ๋องได้หันไปสนใจคนรับใช้ พลันให้นึกถอนใจ นางคนนี้ทำให้นึกถึงท่านแม่ แล้วรู้สึกเห็นใจให้แก่หญิงรับใช้ ที่ต้องมาอุ้มท้องอยู่เพียงตามลำพังขาดสามี คอยดูแล เหมือนท่านแม่ที่ต้องอุ้มท้องพระองค์อยู่ลำพังในเมืองชิงฟู ยุดสมัยยังไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับผู้หญิงที่ตั้งท้องไร้สามี แต่พระองค์ก็ไม่ได้ขับไสไล่สงนาง และให้นางรับใช้แต่เรื่องเล็กๆ น้อย ๆ งานครัวที่นางเคยทำก็ไม่ให้ทำ แต่นางก็ขยันเยี่ยมหน้าไปที่ครัวของวังบ่อยๆ เพื่อคิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆ ให้ท่านอ๋องชิมอยู่เสมอ
“คารวะท่านอ๋อง เชิญทานขนมที่เพิ่งอบมาใหม่จากเตาเจ้าค่ะ” เสียงตี้ชิงยอบกายแล้วคลานทุลักทุเลเข้าไปวางถาดขนมกลางวงสนทนา
“ข้าบอกว่าไม่ต้องลำบากยกมา ก็ไม่เชื่อเลย ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีก็ยังลำบากทำงานในครัว แล้วต้องมาคอยรับใช้ข้าอีก”
“สงสัยลูกในท้องของข้า คงจะชอบและจงรักภักดีต่อท่านอ๋องยิ่งนัก เมื่อใดที่ข้าอยู่เฉยๆ นางกลับไม่เคยดิ้นไปมาในท้องของข้าน้อย แต่เพียงมาพบหน้าท่านอ๋องเท่านั้น นางถีบข้าน้อยเสียจนเจ็บในท้องไปหมด” นางกล่าวพลางแก้ตัว ท้องที่อยู่ใต้เสื้อไหวเล็กๆ ไปมา เหมือนโต้ตอบท่านอ๋อง
“เอาเถอะถ้าอยากออกจากวังไปข้างนอก ยังไงข้าก็ต้องเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกของเจ้าอยู่ดี”
ท่านอ๋องนั้นให้ความเมตตาแก่ข้ารับใช้ทุกคนในวัง จนข้ารับใช้ต่างทำงานให้ท่านอ๋องอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยเช่นเดียวกับนาง เบี้ยเลี้ยงที่ให้ทุกคนก็มิเคยขาด ครอบครัวของข้ารับใช้และนางกำนัลทุกคนนั้นล้วนอยู่สุขสบาย ใครขาดที่อยู่อาศัย ท่านอ๋องก็รับเข้ามาอยู่ในวังด้วยกันทั้งสิ้น นางกำนัลที่หลังจากออกวังหลวงได้มีโอกาสไปตลาดในเมืองหลวง กิริยาเรียบร้อย นำพาให้นางกำนัลในวังนี้ ได้ออกไปมีครอบครัวใหม่กันหลายคน ท่านอ๋องก็ไม่เคยห้าม ที่จะไม่ให้ออกจากวัง
“นึกถึงเด็กน้อยแล้วก็ต้องนึกถึงข่าวลือที่ลือกันหนาหูในวังขณะนี้ นะท่านอ๋อง” เสียงขององครักษ์ทีซื่อดังขึ้นมา
“ข่าวลืออะไรกัน ข้าอยู่แต่นอกวัง เจ้าเล่าให้ข้าฟังที”
“เรื่องที่หัวหน้าโหรหลวงทำนายว่าโชคชะตาของบ้านเมืองจะเปลี่ยนไป มังกรแห่งลมถูกปองร้าย หงส์เพลิงกำลังจะกำเนิดขึ้นนะสิ ท่านโหรหลวงนี้ทำนายแม่นยิ่งนัก ลูกชายของเขาบอกว่ามังกรแห่งลมมีชะตาค้ำจุนบ้างเมือง บ้านเมืองจะรุ่งเรืองเพราะบุคคลผู้นี้อีกมาก หงส์เพลิงที่เกิดมาเป็นคู่กัน ย่อมจะค้ำชูแต่คู่ของนางเหมือนกัน ก่อนที่หัวหน้าโหรหลวงจะบอกคำทำนายให้ฮ่องเต้ฟังนั้น เขาได้ฝันถึงองค์เง็กเซียน และเจ้าแม่หนีฮวาด้วยเมื่อสิบกว่าปีก่อน บอกว่ามังกรแห่งลมกำลังจะมาเกิด โชคชะตาของเขาพลิกพลันเช่นดังหงส์เพลิง ผู้ที่จะเกิดมาเป็นหงส์เพลิงนั้นจะมีปานแดงกลางหลัง เป็นรูปหงส์ นางจะยังไม่กำเนิดมา รอให้มังกรแห่งลมกำเนิดเป็นเวลานาน บัดนี้ลูกชายของท่านหัวหน้าโหรหลวงฝันว่ามีหญิงงามกับเจ้าแม่หนีฮวามาเข้าฝัน พูดเพียงว่า นางคือหงส์เพลิง พวกเจ้าจงค้ำชูมังกรแห่งลม เมื่อใดถึงคราวลิขิต นางจะช่วยค้ำชูราชวงศ์เช่นกัน แต่ตอนนี้นางเพิ่งจะมาภพนี้เพียงเท่านั้น พวกเจ้าจงอย่าลืมคำพูดของข้า”
“แล้วเจ้าคิดว่า มังกรแห่งลมคือใครกัน”
องครักษ์ทั้งสองมองหน้าท่านอ๋องน้อย และคิดเหมือนกันว่า มังกรแห่งลมคงจะเป็นท่านอ๋องของเขาแน่นอน
วังเทียนหลิง จัดงานเทศกาลหยวนเซียว รอบวังเพื่อให้ผู้ตกทุกข์ได้ยากมีข้าวกิน ร่วมงานสร้างสรรค์ มีการประดับโคมไฟสีแดงสาดไปทั่วบริเวณ แต่วันนี้เจ้าของวังกลับไม่ได้อยู่ในงาน เนื่องจากได้รับมอบหมายราชกิจให้ไปประจำที่มณฑลเหนือ เวลาผ่านไปห้าเดือนแล้วตั้งแต่ท่านอ๋องวางรากฐานให้ที่วังมีความกินดีอยู่ดี มีคนหาข้ารับใช้มาคอยดูแลกิจการของท่านอ๋อง คือร้านติดต่อเจรจาค้าขายม้า และขนแพะนมแพะ แล้วมีการนำผักที่ปลูกไปขายให้ในวังหลวง แล้วตามตลาดต่างๆ มีคนช่วยจัดบัญชีไว้ให้ท่านอ๋องให้ดูทุกเดือน
ท่านอ๋องก็ออกไปท่องเที่ยวต่อ พร้อมกับการรับตำแหน่งใหม่ ท่านอ๋องจึงเป็นผู้สำเร็จราชการที่มีอายุเพียงสิบสองชรรษาเท่านั้น ท่ามกลางเสียงคัดค้านของขุนนางแทบทุกคน ด้วยไม่มีใครสามารถล่วงรู้ถึงปัญญาที่แท้จริงของท่านอ๋อง และรวมทั้งวิทยายุทธ์ที่ท่านอ๋อง มีเพียงองครักษ์ทั้งสองคนของท่านอ๋องเท่านั้นที่ทราบว่าพระองค์เรียนมาจากสำนักไหนบ้าง
นางตี้ชิงที่บัดนี้ได้คลอดลูกออกเป็นลูกสาว แต่ด้วยการเลี้ยงลูกคนเดียวนั้นลำบาก เด็กหญิงตัวน้อยได้แต่นอนอยู่กองผ้ากับกองฟางในห้องเก็บของเท่านั้น ถึงเวลากินข้าวของเด็กน้อยมีเพียงน้ำแกงและน้ำนมของนางเท่านั้น ที่ให้น้ำนมได้เพียงตอนกลางคืน เพราะการทำงานในวังนั้นมีมากมาย แต่กระนั้นข้ารับใช้ก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย
แต่บัดนี้นางผงกคอตั้งได้แล้ว เด็กน้อยพยายามขยับแขนขาด้วยความเบื่อหน่าย ได้แต่กลิ่นอับของฟางโชยมา นางอยากคลานออกไปข้างนอกเพราะได้ยินเสียงประโคมแตร ประทัดที่อยู่นอกห้องเก็บของ นางพยายามเท้าศอกข้างตัวแล้วยกแขนขึ้น ยกตัวขึ้น พยายามคลานออกไป เลยได้แต่ยกแขนตั้งฉากที่พื้นเท่านั้น
ท่านอ๋องหลังจากเดินทางท่องเที่ยวเพียงลำพัง ส่วนองครักษ์สองคนนั้นไปฝึกวิชาที่สำนักมังกรฟ้า ที่ท่านอ๋องได้ฝากไว้กับอาจารย์หยวนตี้ ประมุขของสำนักให้ฝึกวิชาให้แก่คนทั้งสอง ส่วนท่านอ๋องหลังจากสำเร็จวิชาลมปราณฟ้าคำรณขั้นสูงแล้ว ก็ยากที่จะมีใครต่อกรได้อีก
คนในยุทธภพต่างก็นับถือน้ำใจของท่านอ๋องน้อย เนื่องจากเมื่อใครที่เป็นคนดีเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ ท่านอ๋องก็ให้ความช่วยเหลือแก่คนเหล่านั้นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ท่านอ๋องคิดกลับไปยังวังเทียนหลิง หลังจากเมื่อคลื่นใต้น้ำในพระราชวังเกิดขึ้น ฮ่องเต้ถูกวางยาพิษยากหายาถอนพิษมารักษาได้ พระวรกายของฮ่องเต้เริ่มทรุดลง พิษนั้นไม่ได้ทำให้พระองค์สิ้นพระชนม์ทันทีก็ตาม
เมื่อมาถึงวังเทียนหลิง เขาก็ส่งจดหมายเรียกตัวทั้งสององครักษ์กลับมาทันที แล้วเดินไปลานหน้ากลางแจ้ง นั่งลงบนแคร่ มองไปหน้าห้องเก็บของห้องหนึ่ง กลับพบเห็นประตูค่อยๆ แง้มออก ห่อผ้าชิ้นใหญ่เป็นก้อน กำลังเขยิบปีนขึ้นมาจากธรณีประตูห้องเก็บของ ท่านอ๋องเลยลุกขึ้นไปที่นั่น เพื่อดูว่ามันคืออะไร
‘ใครกันยกขึ้นมา’ เด็กน้อยในห่อผ้าพยายามชะโงกหน้าออกจากห่อผ้าเพื่อดูใบหน้าผู้ที่อุ้มนาง แล้วนางก็มีสีหน้าตะลึงไปชั่วครู่ พยายามยกแขนเล็กๆขึ้นไขว้คว้าหาใบหน้าคนที่ก้มหน้ามาดูเด็กน้อย แล้วนางก็ถูกพาไปที่อื่น นางกวาดตาไปมองรอบที่นางอยู่ วันแรกของการออกจากห้องเก็บของ กลับถูกลักพาตัว(เต็มใจให้พาไป) จากคนแปลกหน้า
ท่านอ๋องรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นเด็กน้อยที่เข้าอุ้มอยู่ เลยพานางอุ้มไปรอบ ๆ แรกพบให้ความคุ้นเคยประหลาดเข้ามาสู่ใจ รู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยในอ้อมแขน ดูท่าทางนางคงไม่ค่อยมีใครดูแล
“พ่อบ้าน ไปเอานมแพะแล้วนำไปอุ่นให้ข้าที”
“ท่านอ๋อง ท่านจะลำบากไปทำไม ในเมื่อนางเป็นแค่ลูกสาวรับใช้ เดี๋ยวข้าจะอาสาอุ้มเด็กน้อยคนนี้เอง ชุดของท่านอ๋องจะเปื้อนได้พะยะค่ะ” พ่อบ้านที่ถูกเรียกมาให้รับใช้ อาสาเลี้ยงดูเด็กน้อยแทนท่านอ๋อง
“เดี๋ยวข้าเลี้ยงดูนางเอง เจ้าไปจัดการที่หลับที่นอนในห้องให้ข้า เอาผ้าใหม่มาห่อให้นาง แล้วจัดการเบาะปูนอนหนาให้นางด้วยละ เด็กคนนี้คงไม่มีใครค่อยได้ดูแล นางจะหิวตายในจวนข้าเปล่า” ท่านอ๋องเพียงก้มหน้ายิ้มน้อยๆ ให้เด็กน้อยในอ้อมแขนเท่านั้น
“ท่านอ๋อง...” พ่อบ้านได้ส่งเสียงคราง ไม่ค่อยได้เห็นท่านอ๋องยิ้ม แต่เด็กน้อยในอ้อมแขนกลับทำให้ท่านอ๋องยิ้มขึ้นมาได้
‘คนๆนี้เป็นถึงท่านอ๋อง เจ้าแม่หนีฮวาได้บอกข้าไว้แล้วว่า จะได้พบเจอกัน โอ้สวรรค์ช่างเล่นตลกกับข้า ขอให้ข้าได้อยู่กับเขานานขึ้นอีกหน่อยเถอะ เขาหน้าเหมือนคนในชาติก่อนของข้าจริงๆ รู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดถึงความทรงจำในชาติก่อน ถ้าเลือกได้ จะจำเพียงชาตินี้ และได้แต่ภาวนาอย่าได้มีการพลัดพรากจากกันอีกเท่านั้น’
ท่านอ๋องเวลาเดินทางไปที่ไหนในจวนก็อุ้มนางไปด้วย เด็กน้อยในอ้อมแขนยิ้มและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เมื่อหลายครั้งท่านอ๋องก้มลงมาพูดคุยกับนางแทบจะตลอดเวลา เมื่อถึงตอนกลางคืนก็นำเด็กน้อยไปนอนในห้องนอนด้วย ท่านอ๋องเป็นคนกล่อมนางหลับไปทุกคืน
ภายในห้องทำงานของท่านอ๋อง พระองค์ได้ปูเบาะรองนอนไว้ข้างตั่งยาว ที่ให้เด็กรับใช้ยกเข้ามาใหม่ สององครักษ์ที่เพิ่งกลับมาว่างงานอยู่ กลับถูกใช้ให้มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กอีกคน ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่ากลับมาจะลองฝีมือ แล้วศึกษาวิชาเดินลมปราณที่ท่านอ๋องคิดค้นขึ้นมาใหม่ ชื่อว่าลมปราณกระบี่กังหันลม ที่สามารถทำให้การใช้กระบี่ หรืออาวุธที่ดัดแปลงเวลาใช้นั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น
“ท่านอ๋องพะยะค่ะ พระองค์นำนางเข้ามาดูแลในห้องทุกวัน นางไม่รบกวนท่านอ๋องหรือพะยะค่ะ” ทีซื่อถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเดี๋ยวนี้ท่านอ๋องน้อยเขาก็เป็นฝ่ายดูแลและเอ็นดูเด็กน้อยขึ้นทุกวัน
“ทีซื่อ หย่งเล่อเจ้าดูนางสินอกจากเลี้ยงง่าย แล้วไม่เคยลองกวนข้า กลับชอบคลานไปรอบห้อง”
สององครักษ์หันไปมองห่อผ้าสีชมพูเป็นผ้าแพรสวยงาม เป็นหนึ่งผืนที่ท่านอ๋องนั้นจัดซื้อหามามอบให้เด็กน้อยคนโปรด เด็กน้อยคลานไปพร้อมเงยหน้าจดๆ จ้องๆ หน้าชั้นหนังสือที่ยาวจากเพดานจรดพื้นไปมาหลายรอบ ชี้นิ้วป้อม ๆ ไปที่หนังสือ แล้วหันมามองท่านอ๋องทำเหมือนกับอยากจะบอกให้ท่านอ๋องนั้นหยิบหนังสือให้หน่อย เมื่อไม่เป็นผล เลยฉวยหนังสือที่อยู่ในชั้นใกล้มือ พยายามดึงออกมา แต่แรงอันน้อยนิด กลับไม่เป็นผล ยังให้ความแปลกใจกับคนทั้งสามในห้อง
“นั่นนางพยายามจะฉีกหนังสือ รื้อหนังสือหรืออย่างไร” หลังจากที่ได้ยินเสียงองครักษ์หย่งเล่อทักขึ้นมา
เด็กน้อยก็หันมามองแล้ว หันกลับไปพยายามดึงหนังสือออกมาใหม่หลายๆ รอบ
จนท่านอ๋องเห็นเข้าไม่ไหวเลย ลุกขึ้นไปหยิบมาให้นางแล้วจัดการเปิดหน้าแรกให้ดู แล้วคอยมองดูปฏิกิริยาของนาง นางกลับไม่ทำอะไรเพียงกวาดสายตาเหมือนพยายามจะอ่านมันเท่านั้น
ท่านอ๋องหันมาพยักเพยิดกับสององครักษ์แล้วหันกลับไปดูนางอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พลิกหน้าหนังสือไปหน้าต่อไปแล้วทำแบบเดิม
“ท่านอ๋องกำลังเลี้ยงเด็กน้อยอะไรเนี่ย” หย่งเล่อผู้ชอบศึกษาหาความรู้ และเป็นถึงกุนซือของท่านอ๋อง ก็ต้องรู้สึกทึ่งกับเด็กน้อยที่ท่านอ๋องเลี้ยงไว้
“แล้วเจ้าคิดว่า ข้าสอนนางอย่างนั้นหรือ นางอยากทำของนางเอง ไม่เพียงไม่ร้องไห้โยเยเหมือนทั่วไป ข้ารู้สึกว่านางเป็นคนที่ช่างสงสัยไปทั่ว แถมยังสนใจสิ่งของอื่นที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไปเลย” เสียงของท่านอ๋องเต็มไปด้วยความเอ็นดูเด็กน้อย
“ท่านอ๋องแล้วตกลงนางเป็น... เอ่อ” ทีซื่อถามบ้าง
“เป็นอะไร”
“หรือนางจะเป็นบุคคลในทำนาย”
เรื่องนี้ไม่มีใครรู้มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่รู้ว่า นางเป็นหงส์เพลิงจริงหรือไม่
เมื่อวานเน็ตเดี้ยง แล้วไม่ได้พิมพ์ไว้เลยเจ้าคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เรื่องอาจโอเว่อร์มาก ๆ ไรเตอร์ดูหนังจีนกำลังภายในตั้งแต่เด็ก ชื่นชอบเป็นส่วนตัว ขอบคุณคุณปู่ที่ปลูกฝัง ให้มีไรเตอร์วันนี้คะ
อาจจะมีกำลังภายในเข้ามาบ้าง แต่รับรองฉากฟินๆ เยอะคะ
30/1/58
อนัญชริการ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ม.ค. 2558, 18:19:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ม.ค. 2558, 18:19:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 1686
<< บทนำ ต่ออีก 50% |
อนัญชริการ์ 3 ก.พ. 2558, 09:13:47 น.
คอมแฮ้งค์เดี๋ยวจะลงให้เท่ากับที่โน่นนะ อย่าบ่นว่าสั้น
คอมแฮ้งค์เดี๋ยวจะลงให้เท่ากับที่โน่นนะ อย่าบ่นว่าสั้น