เพียงหนึ่งดวงใจ
เมื่อหกปีก่อน หล่อนกับเขาพบกันโดยบังเอิญ
เด็กสาวชาวบ้านกับโจรป่าซอมซ่อ

'หน้าตาเจ้าก็ดีนะ ไม่น่าเป็นโจรเลย...' เด็กสาวทำคอย่น ถามกลับอย่างใคร่รู้มากกว่าหวาดกลัว
'เจ้าจะจับเรากินรึเปล่า'
ก็แถวนี้...มีข่าวแว่วๆว่ามีโจรป่ากินคนอยู่นี่นา
คนคนนี้...น่าจะใช่
'อย่ากินเราเลย เนื้อเราไม่อร่อยหรอก ถ้าเจ้าหิว...'
เจ้าตัวยื่นผลชมพู่ในมือให้
'กินนี่ดีกว่า หวานหอมอร่อยกว่าเราเยอะ!'


ราวกับพระพรหมลิขิต อีกหกปีถัดมา ทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง
ในฐานะจอมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ กับ ข้าบาทบริจาริกาผู้ปลอมตัวมาแทนพี่สาว


เมื่อได้พบกันอีกครั้ง ใครคนนั้นจำพระองค์ไม่ได้ จึงไม่ได้รู้ว่าคนที่หล่อนเคยหยิบยื่นผลชมพู่ที่เหลือครึ่งลูกให้นั้นคือคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าหล่อน และกำลังลอบพิจารณาหล่อนด้วยความดีพระทัย
ป้ายเหล็กสลักคำว่า 'เสือดำ' ที่ใครคนหนึ่งเคยมอบให้ จวบจนบัดนี้ หกปีผันผ่าน เด็กคนนั้นก็ยังสวมใส่มันไว้ราวกับเป็นของล้ำค่า
เป็นครั้งแรกที่ทรงอุ่นวาบในอุระ...เพียงแค่ป้ายเหล็กที่ไหวเอนไปมาตรงเบื้องพระพักตร์...แค่นั้นหรือที่ทำให้ดวงหทัยของพระองค์เต้นผิดแผกไปจากเดิม
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ


+++ห่างหายจากเว็บนี้ไปนานมากกกกก ตอนนี้กลับมาอัพนิยายแล้วนะคะ อาจอัพช้าบ้าง ขออภัยล่วงหน้าค่ะ
ใครที่รอเรื่องเพรงพรหมอยู่ พรุ่งนี้จะอัพให้ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า ^__^ +++


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขุนเขาสูงตระหง่าน สลับซับซ้อนเรียงรายกันสุดลูกหูลูกตา หมอกจางๆลอยอ้อยอิ่งอยู่บนยอดเขา ก่อกำเนิดเป็นภาพอันงดงามในคลองจักษุ

ยามต้นฤดูหนาวเช่นนี้ ลมจะพัดโชยระลอกแล้วระลอกเล่า ดอกสรีรายาที่กำลังเบ่งบานไปทั่วท้องทุ่งจะปลิดปลิว หลุดลอยมาตามลม บ้างลอยละลิ่วสู่ท้องฟ้าสีคราม บ้างร่วงหล่นลงสู่ผืนหญ้าสีเขียวเบื้องล่าง และอีกไม่น้อยหมุนวนอยู่รายล้อมรอบตัวหล่อน กลิ่นของมันโอบล้อมตัวหล่อน ส่งกลิ่นหอมจางๆซึมซาบลงไปในนาสิกและคงติดอยู่เช่นนี้จนกระทั่งหล่อนกลับถึงบ้าน

ดอกสรีรายา…ดอกที่หล่อนโปรดปราน…ทั้งกลิ่นอันหอมจรุง ไม่ฉุนจนต้องเบือนหน้าแต่หวานละมุนจนปรารถนาจะสูดดมครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่สีม่วงอ่อนๆที่ตัดกับสีเขียวของทุ่งหญ้าหล่อนก็ชอบไม่น้อย หล่อนมักจะล้มตัวลงนอน ให้เจ้าดอกเหล่านี้ขับกล่อมให้หลับใหล หรือบางที…

หล่อนก้มตัวลงเด็ดใบรูปหัวใจจากต้นดอกสรีรายา วางลงบนริมฝีปาก

เพียงอึดใจ…เสียงแหลมเล็กสลับทุ้มหวานก็ดังไปทั่วท้องทุ่ง ยาวบ้างสั้นบ้าง ก่อเกิดเป็นท่วงทำนองเพลง…

เพลงที่ไม่มีคำร้อง ไม่มีชื่อ มีแต่ทำนองและอารมณ์ที่ไหวเอนไปตามความรู้สึกของหล่อนเพียงเท่านั้น

เมื่อหล่อนกำลังเศร้า เพลงจึงเศร้าตาม…ทั้งทอดยาวและเนิบช้า ราวกับต้องการกล่าวคำอาลัย

น้ำตาเอ่อคลอในดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยแพขนตายาว ปลายจมูกเชิดรั้นแดงก่ำ ทว่าแก้มกับซีดขาวไร้สีเลือด…ยากจะบอกว่าเพราะสะเทือนอารมณ์ หรือเพราะหนาวเหน็บจนเกินทนก็ไม่รู้แน่

บนยอดเขา อากาศยิ่งหนาวกว่าด้านล่าง…ขณะนี้หล่อนสวมเพียงเสื้อผ้าฝ้ายแขนสั้น ทับด้วยซิ่นไหมคำยาวกรอมเท้า ผมสีดำขลับเส้นเล็กราวกับเส้นไหมถูกรวบไว้เป็นมวยกลางศีรษะ ประดับด้วยดอกสรีรายาสีม่วงอ่อน ลมหนาวจึงปะทะผิวกาย แม้จะเป็นเพียงต้นฤดูหนาวก็ยังหนาวจนตัวสั่น

บทเพลงสิ้นสุดลงเมื่อหล่อนปล่อยใบไม้ในมือให้ปลิวไปตามลม

แว่วเสียงทอดถอนใจ…ละม้ายเสียงลมพัดหวิววู่เมื่อภาพในวันก่อนผุดขึ้นมาในหัวหล่อนอีกครั้ง

‘ท่านแม่! ลูกไม่ยอมนะคะ จะให้ลูกไปอยู่ที่นู่น ไปเป็น…ไปเป็นสนมของคนหน้าตาน่าเกลียดแบบนั้น ลูกไม่เอานะคะ!’

‘พูดเหมือนเคยเห็น…เราน่ะเคยพบพระพักตร์องค์รุทรบดินทร์แล้วรึ’

‘โธ่! ก็ใครๆเขาก็พูดกันแบบนั้นนี่คะ ทั้งน่าเกลียด แถมยังป่าเถื่อน ชื่นชอบการทรมานผู้คนอีกด้วย ขืนให้ลูกไปอยู่ที่นู่น ลูกต้องตายแน่ค่ะ!’

‘ถ้าเจ้าไม่ไป เวียงภูพญาจะเป็นเช่นไร เจ้ารู้ฤๅไม่’

ย่อมเกิดความเสียหายหนักกว่าที่เป็นอยู่ แค่สองสามเมืองที่เสียไป อีกทั้งทหารล้มหายตายจากไปหลายพัน ก็นับเป็นความเสียหายอันมหาศาลมากพออยู่แล้ว หากไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อโภไคย ผืนแผ่นดินเวียงภูพญาจะลุกเป็นไฟ และราษฎรก็จะต้องทนทุกข์อยู่ในกองเพลิงไปอีกกี่ปีก็ยากจะเดา

ทว่า…เจ้านางหลวงย่อมหาวิธีแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงหันมาสบตาหล่อน ทุกอย่างก็พลันคลี่คลายไปในบัดดล

‘เจ้าไปแทนพี่ของเจ้าได้หรือไม่ มทนาลัย’

ดั่งมีสายฟ้าฟาดลงตรงกลางใจ หล่อนตกใจในคราแรก จึงได้แต่นิ่งงัน เพราะเหตุนี้เองเจ้านางหลวงจึงสรุปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว

‘เจ้าตกลงแล้วใช่ไหม…ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปตามนี้ เจ้าจะไปเป็นข้าบาทบริจาริกาแห่งองค์รุทรบดินทร์แทนมณีมณฑ์พี่ของเจ้า’

ไม่มีเวลาให้ปฏิเสธ และถึงมีเวลาหล่อนย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ สิ่งใดที่เป็นหน้าที่…เพื่อแผ่นดินแล้ว ไม่ว่าลำบากเพียงใด หล่อนก็จำต้องทำ

คำตอบรับจึงเป็นริมฝีปากที่เม้มปิดสนิทและดวงตาที่หลุบต่ำลง…เป็นลักษณะของการจำยอมโดยดุษณี

อีกครั้งที่หล่อนถอนใจ สองตากวาดมองทั่วขุนเขา เพื่อจดจำสถานที่อันเป็นที่รักสลักไว้ในหัวใจ

นานเท่านาน…หล่อนไม่มีวันลืม

แม้ไม่ได้กลับคืน…ที่แห่งนี้จะยังคงงดงามอยู่ในหัวใจไม่มีเปลี่ยนแปร

ยามอรุณเบิกฟ้าวันพรุ่งนี้ ต้องไปแล้ว…หล่อนจำต้องจากไป มิใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อแผ่นดิน

…แผ่นดินที่หล่อนมีหน้าที่ต้องแบกรับเฉกเช่นเดียวกับผู้เป็นบิดา!

ชีวิตในกาลข้างหน้าจะเผชิญกับสิ่งเลวร้ายอันใดก็สุดรู้ ขอเพียงแค่มีกำลังใจและเข้มแข็ง หล่อนเชื่อว่าหล่อนจะอยู่รอดปลอดภัยจากเจ้าชายผู้อัปลักษณ์และป่าเถื่อนผู้นั้นได้

จริงหรือ? เชื่อได้หรือ? หล่อนจะรอดน้ำมืออันโหดเหี้ยมของคนผู้นั้นได้อย่างไร?


ไม่มีใครให้คำตอบหล่อนได้ แม้แต่ตัวหล่อนเอง…





ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2558, 08:42:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2558, 08:42:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 2066





   บทที่ 01 : ของแทนใจ(รีไรต์) >>
kaelek 6 ก.พ. 2558, 17:33:47 น.
รอค่ะทั้งเรื่องนี้+เพรงพรม.. ว่าแต่พระเอกนี่ถ้าจำไม่ผิด พระรองจากเพียงใจเจ้าเอยรึป่าวหนอ


แว่นใส 6 ก.พ. 2558, 21:21:23 น.
น่าจะใช่นะ จอมโจรชายแดน หนีเที่ยวประจำเลย


Zephyr 7 ก.พ. 2558, 01:37:23 น.
นั่น เปิดมาก็มีปมเลยนะ
เจ้านางหลวงทำตัวน่าเกลียด เสียแก่มาก ต้องไม่ใช่แม่แท้ๆแน่เลย
นางมณีมณฑ์ ไรนี่ ชื่อเขียนยากจัง ท่าจะหยิบหย่งสุดเดช
มทนาลัย แค่ชื่อก็กินขาด สี่พยางคืเท่ากันด้วย เหอๆๆๆ


คิมหันตุ์ 7 ก.พ. 2558, 12:13:54 น.
รุทรบดินทร์มาแล้วววววดูสิ้เรื่องนี้จะสักแค่ไหน. ฮ่าๆ


Zia 7 ก.พ. 2558, 12:31:19 น.
รุทรบดินทรจากเพียงใจเจ้าเอยออกจะน่ารักและกวนนะ ไหงกลายเป็นหน้าตาน่าเกลียดโหดร้ายไปได้อ่าา


ลิลลี่ 8 ก.พ. 2558, 21:07:03 น.
โอยยย. เดี๋ยวก็รู้ว่าหล่อไม่หล่อ
แล้วอย่ามาเสียดายที่หลังนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account