4 หล่อขอสืบ (ภาคนิยาย) สร้างเป็นละครช่อง 3
เมื่อ 4 หนุ่มนักสืบรูปหล่อซึ่งมีความสามารถแตกต่างกัน
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
Tags: 4 หล่อขอสืบ,สืบสวน,ธรากร
ตอน: ตอนที่ 10 สัมภาษณ์
มีเรื่องขอความช่วยเหลือครับ ผมได้สมัครสมาชิกแบบ vip ไปตั้งแต่วันอังคาร ที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา
จนวันนี้ ยังไม่ได้รับการอัพเกรดเป็น vip เลยครับ หลังไมค์หาคุณยักษ์ ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
มีใครพอจะทราบวิธีติดต่อทีมงานเว็บบ้างครับ
ไปอ่านนิยายตอนต่อไปกันเลยครับ
---------------------------------------------------------------------------------------
วารินกับเพลินตากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากสำนักข่าวตอนเกือบบ่ายสองแล้วโบกมือเรียกแท็กซี่อย่างรีบเร่ง เพราะจากแผนที่สำนักงาน ‘4 หล่อขอสืบ’ อยู่ห่างจากสำนักข่าวสปายนิวส์ไปพอสมควร หากเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินอาจจะเร็วกว่านี้ หากสองสาวนักข่าวกับช่างภาพไม่คิดที่จะไปยืนรอยืนเบียดอยู่ข้างใต้นั่น ไหน ๆ ก็สามารถเบิกค่าแท็กซี่ได้ แล้วจะต้องไปมุดลงมุดขึ้นไปทำไมกัน
แต่แล้วการตัดสินใจของทั้งสองก็ผิดพลาด เพราะรถไปติดอยู่ตรงแยกไฟแดงอยู่เกือบยี่สิบนาที แถมมีตั้งสามไฟแดง กว่าจะเดินทางไปถึงก็ช้าไปเกือบสิบห้านาที
วารินกับเพลินตาจ่ายค่าโดยสารแล้วก้าวลงมาจากแท็กซี่ ทั้งสองหันไปมองอาคารสำนักงานสองชั้น มีป้ายด้านหน้าที่เขียน ‘4 หล่อขอสืบ’ บอกให้รู้ว่าทั้งคู่มาไม่ผิดที่แน่
“ออฟฟิศเล็กนิดเดียวเองเนอะ” วารินพูดด้วยน้ำเสียงเชิงดูแคลน
“จะใหญ่ไปทำไมล่ะ เขาแค่เอาไว้รับงาน” เพลินตาผู้มองโลกในแง่ดีได้ตลอดแย้ง
“แล้วนึกยังไงคุณเจนนี่ถึงอยากให้ฉันสัมภาษณ์นักสืบกิ๊กก๊อกพวกนี้” นักข่าวสาวสงสัย
“โอ๊ย ... เธอ กิ๊กก๊อกที่ไหน ช่วงนี้เขาดังระเบิดระเบ้อ” ช่างภาพสาวรีบบอก
“สมัยนี้อะไรที่ดังเป็นกระแสโดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ก็เห็นดังได้แค่ไม่กี่วันก็หายเงียบ สัมภาษณ์ไปก็เท่านั้น”
“ฉันยุ่งจะตาย เวลาจะกินจะนอนยังไม่ค่อยจะมี จะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งอ่านข่าว”
“งั้นก็รู้ไว้ซะนะว่า ตอนนี้ มีคนตั้งแฟนเพจให้เขาคนกดไลค์เป็นหมื่นแล้วภายในไม่กี่วัน”
“ก็เพราะหล่อไง คนถึงกดไลค์เยอะ”
“เอาน่า รีบไปทำงานเถอะ ฉันต้องไปรับจ็อบถ่ายร้านอาหารต่ออีก...” เพลินตายิ้มหน้าทะเล้น “อยากเห็นด้วยว่าใช่คนที่เจอที่อนันตาลัยจริง ๆ ไหม
พูดจบ สาวช่างภาพก็ขำแล้วเดินนำ ส่วนวารินเหยียดปากเซ็ง ๆ เพราะไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมอยากจะสัมภาษณ์เลย นักข่าวสาวดาวรุ่งถอนใจยาวแล้วเดินตามเพลินตาเข้าไป
สี่หนุ่มนักสืบนั่งทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ในห้องพักชั้นสอง ปาณัสม์เล่นปริศนาอักษรไขว้ในหนังสือพิมพ์สปายนิวส์ฉบับวันศุกร์ที่แล้วหลังจากอ่านคอลัมน์ตามกลิ่นนักสืบของนักสืบคนก่อน เพื่อดูว่าคำถามของสำนักข่าวนี้มาแนวไหนและควรตอบอย่างไร ต้องชนะยกเวทฟิตกล้ามเวลาถ่ายรูปจะได้ดูบึกบึน อะชิพยายามชวนทัชให้ดูโชว์กลไพ่ของตัวเองเผื่อผู้สัมภาษณ์ถามถึงความสามารถพิเศษจะได้งัดออกมาโชว์ได้ แต่ทัชไม่อยากดู เพราะกำลังสืบหาอยู่ว่า นักข่าวนามปากกา วาริน ที่เป็นคนเขียนคอลัมน์ดังกล่าว จะสวยจะน่ารักแค่ไหน
สมาธิของปาณัสม์กำหนดจดจ่อที่อักษรไขว้ตัวสุดท้าย ซึ่งปรากฏอักษรมาเพียงตัวเดียว คือ ตอ เต่า จากคำว่า อาฆาตในแนวนอน มีช่องว่างอีกสองช่องในแนวตั้งเหนือตอ เต่าตัวนั้น กับความหมายที่ว่าระบุไว้ว่า ‘น. เครื่องหมาย, ลาง, เหตุ, เค้ามูล’
“สังหรณ์ ... บอกเหตุ ... ไม่ใช่ อะไรวะ” หนุ่มหล่อครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจพิมพ์ความหมายดังกล่าวลงไปใน Google ทันใดคำตอบก็ปรากฏภายในหน้าเว็บไซต์กระจ่างชัด
‘นิมิต’
แต่ก่อนที่ปาณัสม์จะเขียนคำตอบลงไปในช่องว่างที่เหลือ ภาพความคิดพลันแวบเข้ามาในหัว เขาเห็นภาพหญิงสาวสองคนเดินเข้ามาในสำนักงาน แต่ภาพเบลอเกินกว่าจะมองหน้าออกว่าเป็นใคร มโนภาพตัดฉับกลายเป็นภาพป้าแตนกำลังเสิร์ฟน้ำ และภาพอินทร์ธัชที่เดินนำเข้าไปในห้องรับแขก แล้วหันมาบอกทุกคนว่า นักข่าวที่มาสัมภาษณ์นั้น ‘สวยทั้งคู่’
“อ้าว ... ไอ้น็อต เป็นอะไรไปอีกล่ะ” ต้องชนะที่วางดัมเบลลงยืนส่องกระจกเบ่งกล้าม จนเห็นภาพสะท้อนของปาณัสม์ที่นั่งตัวแข็งนัยน์ตาเหม่อลอย พอหนุ่มล่ำทัก ชายผู้มีสัมผัสพิเศษก็รู้สึกตัว
“อย่าบอกนะว่าเห็นนิมิตอีกแล้ว” อชิระแซว “นิมิตพี่แต่ละที มีแต่เรื่องให้น่าระทึกทั้งนั้น”
“คราวนี้อาจจะไม่ว่ะ” พี่ใหญ่ของทีมบอก “ฉันเห็นนักข่าวที่จะมาสัมภาษณ์เรา เป็นผู้หญิงสองคน รูปร่างผอมเพรียว สวย”
พอได้ยินคำว่า สวย เท่านั้น อินทร์ธัชถึงกับหูผึ่ง เงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วเลื่อนเก้าอี้สำนักงานซึ่งมีล้อมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ชายร่วมสายเลือด
“สวยจริงเหรอพี่”
“ไม่รู้สิ พี่มองเห็นหน้าไม่ชัด” ปาณัสม์ตอบตามตรง “แต่ในนิมิต พี่เห็นแกหันมาบอกทุกคนว่า ‘สวยทั้งคู่’ ก็เลยมั่นใจว่าสวย”
อินทร์ธัชตาลุกวาว รีบลุกจากเก้าอี้ตรงไปยังกระจก จนต้องชนะที่เบ่งกล้ามอยู่ต้องขยับถอย หนุ่มเพลย์บอยจัดทรงผมเล็กน้อย ปัดเสื้อผ้าจุดที่เลอะที่ยับ ยกแขนขึ้นสำรวจกลิ่นไปพึงประสงค์ หยิบเม้าส์สเปรย์ขึ้นมาพ่นปากแล้วใช้มืออังปากเพื่อทดสอบว่าลมหายใจหอมสดชื่นหรือยัง
“ขอให้เป็นสตรีข้ามเพศมาทั้งคู่เลยเถอะ สาธุ!” อชิระแซวอย่างหมั่นไส้
“ไอ้อชิ ปากดีนะ” อินทร์ธัชอยากจะตบศีรษะเพื่อนรักให้คว่ำ “ถ้าสวยอย่ามาขอให้ช่วยจีบให้แล้วกัน”
ทันใด เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น ต้องชนะซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุดกำลังจะเดินไปรับ แต่อินทร์ธัชวิ่งตัดหน้าชิงรับเสียก่อน
“สาว ๆ มาแล้วใช่มั้ยครับ พี่พุดดิ้ง”
“เจ๊ตุ้ยนุ้ยเองค่ะ ไม่ใช่เจ๊พุด” ตติยะกรอกเสียงตอบกลับมา “และสาว ๆ ที่น้องทัชว่าหมายถึงนักข่าวจากสปายนิวส์ล่ะก็... มารออยู่ในห้องรับรองชั้นล่างเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ป้าจินตนาเสิร์ฟน้ำเย็น ๆ ลงบนโต๊ะรับแขก เพลินตากล่าวขอบคุณอย่างเป็นมิตร ส่วนวารินที่นั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นที่หยิบออกมาจากชั้นวางหนังสือข้าง ๆ พอคุณป้าแม่บ้านเดินออกไป ช่างภาพสาวหยิบกล้องมาลองถ่ายมุมต่าง ๆ ของห้องและลองถ่ายเพื่อนรักไปทีเพื่อทดสอบแสงและเงา เมื่อปรับตั้งค่าจนทุกอย่างลงตัวจึงเอ่ยถามเพื่อนรัก
“นี่ มัวอ่านหนังสืออยู่ได้ ไม่คิดจะเตรียมคำถามสัมภาษณ์หรือไง”
“ไม่รู้ซะแล้วว่าฉันเป็นใคร” วารินเลื่อนนิตยสารลงหันมาพูด แล้วยกขึ้นกลับไปบังหน้าอ่านต่อ
“เออดี” เพลินตาบ่น “จะมาขอสัมภาษณ์เขา รูปเขา ข้อมูลเบื้องต้นพวกเขาก็ไม่คิดจะสนใจหามาดู”
“นี่ ยายเพลิน” วารินปิดเล่มนิตยสารลงอย่างหงุดหงิด “ข้อมูลสี่หล่อ เธอเล่าให้ฉันฟังมาจนละเอียดแล้ว ส่วนรูปพวกเขา ฉันก็เห็นแล้ว และที่สำคัญ ฉันคิดว่าพวกเขาอาจเป็นกลุ่มชายนิรนามกลุ่มนั้น แม้ฉันจะลืม ๆ หน้าไปบ้างแล้วก็เถอะ”
“นั่นสิ เขาเป็นจูบแรกของเธอนี่ เธอจะลืมลงได้ยังไงกัน”
“ยายเพลิน!!!” วารินตีแขนเพื่อนเบา ๆ หนึ่งที “ถ้าเกิดเป็นหมอนั่นจริง ๆ นะ ถ้าได้เจอหน้ากัน จะต้องเอาคืนอย่างสาสม คอยดู ...”
หลังจากที่ทราบว่าสองนักข่าวสาวมารออยู่ข้างล่างแล้ว อินทร์ธัชกำลังจะก้าวออกจากห้องแต่เกิดไม่มั่นใจในทรงผมจึงกลับเข้าไปเซ็ตใหม่ พอต้องชนะกับอชิระเห็นว่าเสียเวลารอนานเกินไปแล้วจึงจับลากตัวออกมาจากหน้ากระจกแล้วผลักออกจากห้องไป อชิระนำเดินลงบันได แต่อินทร์ธัชอยากให้สองสาวเห็นหน้าตนก่อนจะได้เกิดความประทับใจเมื่อแรกพบ
“เฮ้ย ... เดี๋ยว” ปาณัสม์ท้วงขึ้น เขาคลำหาสมาร์ทโฟนจากกระเป๋าเสื้อและกางเกง “ฉันลืมมือถือ พวกนายลงไปก่อนแล้ว”
พูดแล้ว ชายหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษก็กลับตัวเข้าห้องไป ส่วนสามหล่อเดินลงบันไดไปพร้อมเจอกับสองสาวที่ทั้งสามมั่นใจว่าต้องสวยอย่างแน่นอน
อินทร์ธัชเดินลงมาถึงชั้นล่าง ผ่านเคาเตอร์รับลูกค้าที่ตติยะกำลังคุยติดสายกับลูกค้าอีกคน ส่วนพุชรีย์คงออกไปซื้อกาแฟที่ร้านลุงโกสนกลางซอยเพราะเห็นชอบไปซื้อเป็นประจำ
พอเดินมาถึงห้องรับรองแขก อินทร์ธัชเคาะประตูสามทีแล้วเปิดเข้าไปอย่างช้า ๆ เพลินตาซึ่งกำลังยกแก้วน้ำขึ้นจิบเงยหน้ามอง ตกตะลึงในเสน่ห์ของอินทร์ธัชเข้าอย่างจัง ... ใช่จริง ๆ ด้วย เขาคือชายคนที่เธอเจอที่อนันตาลัยเมื่อครึ่งปีก่อน พอได้เห็นหน้าชัด ๆ ดูมีราศียิ่งกว่าตอนที่เห็นเพียงครู่เมื่อคราวนั้นอีก ...
เมื่ออินทร์ธัชเห็นเพลินตา เขาก็ผลุบกลับออกไปเพื่อบอกให้ต้องชนะกับอชิระรู้ว่า ทั้งสองสาวนั้น สวยจริง ๆ ก่อนเปิดประตู เดินเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยทักทาย เนื่องด้วยที่อนันตาลัย เพลินตาเป็นฝ่ายเห็นและจำหน้าอินทร์ธัชได้ฝ่ายเดียว ส่วนนักสืบหนุ่มเจ้าเสน่ห์ไม่เห็น จึงจำเธอไม่ได้
“สวัสดีครับ” อินทร์ธัชยิ้ม เขาส่งสายตาเจ้าชู้ให้เพลินตาทีหนึ่ง ก่อนหันมามองวารินและเดาใจได้ว่า เธอเป็นผู้หญิงประเภทเห็นคนหล่อแล้วทำเป็นไม่สนใจ “ขอโทษนะครับ ที่ทำให้รอนาน”
อชิระผลักร่างอินทร์ธัชให้เสือกตัวเข้าไปในห้อง เขากับต้องชนะจะได้เดินเข้ามาด้วยได้
“ไม่นานหรอกค่ะ” เพลินตาลุกขึ้นยืนรับแขก วารินลุกขึ้นตามแต่ทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่สนใจสักคน “พวกเราต่างหากที่ต้องขอโทษ มาเลทไปเกือบสิบห้านาที”
“ผมทัชครับ ส่วนนี่ อชิ กับพี่ต้อง” หนุ่มมาดเกาหลีจัดแจงแนะนำทุกคนเสร็จสรรพ “เชิญนั่งเลยครับ”
วารินมองดูทั้งสามหนุ่ม กลับไม่เห็นว่ามี ‘อีตานั่น’ แต่ด้วยความที่เป็นคนปากไวเกินกว่าจะหักห้ามใจทัน นักข่าวสาวจึงพลั้งถามไป
“อ้าว ... ทำไมมีแค่สามล่ะคะ ไหนว่ามีกันสี่หล่อ”
“อ๋อ มีสี่คนครับ” อชิระชิงแย่งอินทร์ธัชพูด “พี่น็อตเขาลืมมือถือ วิ่งขึ้นไปเอาเมื่อกี้ อีกเดี๋ยวก็คงลง...”
“ขอโทษครับที่ทำให้รอ” ปาณัสม์เปิดประตูพรวดเข้ามาในห้อง แม้จะมีคนนั่งอยู่ในห้องกันหลายชีวิต แต่สายตาของปาณัสม์ก็ไปสอดประสานเข้ากับสายตาของวารินแทบจะในทันที
“ใช่นายจริง ๆ ด้วย!” วารินชี้หน้าปาณัสม์ เปลี่ยนสรรพนามจากที่เคยเรียก ‘คุณ’ เป็น ‘นาย’ อย่างชัดเจน เธอจำได้ว่าเขาเป็นคนทำให้เธอตกจากรถจักรยานยนต์ แต่คลับคล้ายคลับคลาจะเป็นคนที่เคยขโมยจูบเธอเมื่อครึ่งปีก่อนหรือเปล่า
ทางด้านชายหนุ่มเองก็ชี้หน้าหญิงสาวกลับเช่นกัน
“เป็นคุณจริง ๆ!!!”
อีกสี่ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องรับรองแขกต่างมองหน้ากันอย่างงง
“อ้าว รู้จักกันด้วยเหรอ” ต้องชนะสงสัย
“ก็ใช่น่ะสิ” ชายหนุ่มโมโห “ยายป้านี่ไงที่ด่าฉันตอนช่วยเด็กไม่ให้โดนรถชนเมื่อวานนี้”
“นี่! กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าป้า” วารินโวยเป็นชุด “ไอ้หน้าจืด ไอ้ผู้ชายปากตะไกร”
“ปากตะไกร?” ปาณัสม์หัวเราะหึแล้วทำหน้ายียวน “โอ๊ย... ไปขุดคำสมัยไหนมาใช้เนี่ย ใช้คำบอกยุคบอกวัยมาก ยายมนุษย์ป้าเอ้ย”
“อ๊าย ... เพลิน ดูผู้ชายคนนี้สิ คำก็เรียกฉัน ป้า สองคำก็บอกว่าฉันเป็น มนุษย์ป้า” วารินโกรธจัดจนหน้าเสีย
“นี่มันอะไรกันครับเนี่ย” อชิระงงไปหมด
“ถ้าพวกคุณคือกลุ่มชายนิรนามที่บุกอนันตาลัยเมื่อครึ่งปีก่อน” เพลินตาเสริมขึ้น “ยายรินเพื่อนฉันก้เป็นคนที่พี่ของคุณช่วยชีวิตไว้ และขโมยจูบยังไงล่ะคะ”
“อ๋อ ...” อินทร์ธัชอุทานเสียงดัง ในขณะที่ปาณัสม์สายตาเลิกลั่กและกระทุ้งศอกเข้าสีข้างของน้องชายบังเกิดเกล้าเต็มแรง
“โอ๊ย!”
“จำผิดแล้วมั้งครับ พวกเราไม่เคยไปที่อนันตาลัย” พี่ใหญ่ของทีมนักสืบพูดปดดื้อ ๆ เพราะกลัวว่าหากสองนักข่าวสาวสืบความต่อ ความลับเรื่องที่พวกเขาอยู่เบื้องหลังการจับกุมเสี่ยชัยจะแตกได้ “พวกเราคือ ‘4 หล่อขอสืบ’ กลุ่มนักสืบที่ทำคดีเล็ก ๆ พวกคดีหมาแมวอะไรทำนองนี้ คงไม่กล้าหาญไปบุกอนันตาลัยอย่างที่คุณว่าหรอกครับ”
“สรุปว่านายคือ หนึ่งใน ‘4 หล่อขอสืบ’ จริง ๆ เหรอเนี่ย” วารินขมวดคิ้ว
“ก็ใช่น่ะสิครับ” “ยืนหล่อกันอยู่สี่คน คิดว่าผมเป็นนายแบบหรือไง”
“ฉันก็คิดว่านายเป็นยามที่พวกสี่หล่อจ้างมาน่ะสิ” วารินเท้าสะเอว
“ปากเก่งจัง มิน่าถึงเคยโดนหนุ่มนิรนามนั่นจูบ” ปาณัสม์เอาคืนบ้าง “ดูท่าคุณจะสงสัยว่า ผมคือหนุ่มนิรนามคนนนั้น ลองจูบกับผมดูก็ได้นะ จะได้รู้ว่าไม่ใช่ เพราะผมมั่นใจว่าผมจูบได้ดูดดื่มกว่าหมอนั่นแน่ ๆ”
ไม่พูดเปล่า นักสืบผู้มีสัมผัสพิเศษเปิดเกมรุกด้วยการทำทีท่าจะเข้าไปจูบปากหญิงสาว
“ว้าย ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต” วารินอยากจะกรีดร้อง “ไปกันเถอะเพลิน ฉันไม่เอาด้วยแล้ว”
“เฮ้ ... จะบ้าเหรอ ริน” ช่างภาพสาวตกใจ “เธอยังไมได้สัมภาษณ์เขาเลยนะ”
“ให้สัมภาษณ์ผู้ชายพรรค์นี้ ฉันยอมโดนบอกอเจนนี่ไล่ออกดีกว่า” วารินพูดด้วยอารมณ์ล้วน ๆ เหตุผลไม่ต้อง “เร็ว ... กลับ!”
วารินหยิบกระเป๋าสะพายที่ถอดวางไว้แล้วนำออกไปจากสำนักงาน เกือบชนกับพุชรีย์ที่ถือกาแฟเต็มสองมือสวนมา ทุกคนทำหน้างุนงง
“อ้าว ... เดี๋ยวสิคุณ” อินทร์ธัชรีบทักท้วง เพราะถ้าปล่อยให้พวกเธอจากไป นอกจากจะอดสัมภาษณ์แล้ว ยังอดจีบสาวทั้งสองคนอีกด้วย
เพลินตาทำท่าทางแบ่งรับแบ่งสู้ ขอตัว แล้วรีบวิ่งตามวารินไป ประตูสำนักงานปิดลง ทุกอย่างเงียบสนิทจนได้ยินเสียงใบพัดลมทำงาน สายตาทุกคู่ค่าจ้องมองปาณัสม์ พี่ใหญ่ของทีมทำได้เพียงยิ้มแห้ง ๆ
“ไอ้น็อต!”
--------------------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ : ตอนที่ 10 สัมภาษณ์
"1 ใน 4 หล่อคนไหน ที่ทำให้การสัมภาษณ์ลงสปายนิวส์พังไม่เป็นท่า"
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก จะได้รับคะแนนสะสม คนละ 5 คะแนนครับ
วันพฤหัสบดี ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 จะมาสรุปคะแนน ตอนที่ 1 - 10 นะครับ ว่าใครมีคะแนนสะสมเท่าไหร่กันบ้าง
นิยายเรื่องนี้ มีประมาณ 35 - 45 ตอนครับ
จนวันนี้ ยังไม่ได้รับการอัพเกรดเป็น vip เลยครับ หลังไมค์หาคุณยักษ์ ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
มีใครพอจะทราบวิธีติดต่อทีมงานเว็บบ้างครับ
ไปอ่านนิยายตอนต่อไปกันเลยครับ
---------------------------------------------------------------------------------------
วารินกับเพลินตากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากสำนักข่าวตอนเกือบบ่ายสองแล้วโบกมือเรียกแท็กซี่อย่างรีบเร่ง เพราะจากแผนที่สำนักงาน ‘4 หล่อขอสืบ’ อยู่ห่างจากสำนักข่าวสปายนิวส์ไปพอสมควร หากเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินอาจจะเร็วกว่านี้ หากสองสาวนักข่าวกับช่างภาพไม่คิดที่จะไปยืนรอยืนเบียดอยู่ข้างใต้นั่น ไหน ๆ ก็สามารถเบิกค่าแท็กซี่ได้ แล้วจะต้องไปมุดลงมุดขึ้นไปทำไมกัน
แต่แล้วการตัดสินใจของทั้งสองก็ผิดพลาด เพราะรถไปติดอยู่ตรงแยกไฟแดงอยู่เกือบยี่สิบนาที แถมมีตั้งสามไฟแดง กว่าจะเดินทางไปถึงก็ช้าไปเกือบสิบห้านาที
วารินกับเพลินตาจ่ายค่าโดยสารแล้วก้าวลงมาจากแท็กซี่ ทั้งสองหันไปมองอาคารสำนักงานสองชั้น มีป้ายด้านหน้าที่เขียน ‘4 หล่อขอสืบ’ บอกให้รู้ว่าทั้งคู่มาไม่ผิดที่แน่
“ออฟฟิศเล็กนิดเดียวเองเนอะ” วารินพูดด้วยน้ำเสียงเชิงดูแคลน
“จะใหญ่ไปทำไมล่ะ เขาแค่เอาไว้รับงาน” เพลินตาผู้มองโลกในแง่ดีได้ตลอดแย้ง
“แล้วนึกยังไงคุณเจนนี่ถึงอยากให้ฉันสัมภาษณ์นักสืบกิ๊กก๊อกพวกนี้” นักข่าวสาวสงสัย
“โอ๊ย ... เธอ กิ๊กก๊อกที่ไหน ช่วงนี้เขาดังระเบิดระเบ้อ” ช่างภาพสาวรีบบอก
“สมัยนี้อะไรที่ดังเป็นกระแสโดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ก็เห็นดังได้แค่ไม่กี่วันก็หายเงียบ สัมภาษณ์ไปก็เท่านั้น”
“ฉันยุ่งจะตาย เวลาจะกินจะนอนยังไม่ค่อยจะมี จะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งอ่านข่าว”
“งั้นก็รู้ไว้ซะนะว่า ตอนนี้ มีคนตั้งแฟนเพจให้เขาคนกดไลค์เป็นหมื่นแล้วภายในไม่กี่วัน”
“ก็เพราะหล่อไง คนถึงกดไลค์เยอะ”
“เอาน่า รีบไปทำงานเถอะ ฉันต้องไปรับจ็อบถ่ายร้านอาหารต่ออีก...” เพลินตายิ้มหน้าทะเล้น “อยากเห็นด้วยว่าใช่คนที่เจอที่อนันตาลัยจริง ๆ ไหม
พูดจบ สาวช่างภาพก็ขำแล้วเดินนำ ส่วนวารินเหยียดปากเซ็ง ๆ เพราะไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมอยากจะสัมภาษณ์เลย นักข่าวสาวดาวรุ่งถอนใจยาวแล้วเดินตามเพลินตาเข้าไป
สี่หนุ่มนักสืบนั่งทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ในห้องพักชั้นสอง ปาณัสม์เล่นปริศนาอักษรไขว้ในหนังสือพิมพ์สปายนิวส์ฉบับวันศุกร์ที่แล้วหลังจากอ่านคอลัมน์ตามกลิ่นนักสืบของนักสืบคนก่อน เพื่อดูว่าคำถามของสำนักข่าวนี้มาแนวไหนและควรตอบอย่างไร ต้องชนะยกเวทฟิตกล้ามเวลาถ่ายรูปจะได้ดูบึกบึน อะชิพยายามชวนทัชให้ดูโชว์กลไพ่ของตัวเองเผื่อผู้สัมภาษณ์ถามถึงความสามารถพิเศษจะได้งัดออกมาโชว์ได้ แต่ทัชไม่อยากดู เพราะกำลังสืบหาอยู่ว่า นักข่าวนามปากกา วาริน ที่เป็นคนเขียนคอลัมน์ดังกล่าว จะสวยจะน่ารักแค่ไหน
สมาธิของปาณัสม์กำหนดจดจ่อที่อักษรไขว้ตัวสุดท้าย ซึ่งปรากฏอักษรมาเพียงตัวเดียว คือ ตอ เต่า จากคำว่า อาฆาตในแนวนอน มีช่องว่างอีกสองช่องในแนวตั้งเหนือตอ เต่าตัวนั้น กับความหมายที่ว่าระบุไว้ว่า ‘น. เครื่องหมาย, ลาง, เหตุ, เค้ามูล’
“สังหรณ์ ... บอกเหตุ ... ไม่ใช่ อะไรวะ” หนุ่มหล่อครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจพิมพ์ความหมายดังกล่าวลงไปใน Google ทันใดคำตอบก็ปรากฏภายในหน้าเว็บไซต์กระจ่างชัด
‘นิมิต’
แต่ก่อนที่ปาณัสม์จะเขียนคำตอบลงไปในช่องว่างที่เหลือ ภาพความคิดพลันแวบเข้ามาในหัว เขาเห็นภาพหญิงสาวสองคนเดินเข้ามาในสำนักงาน แต่ภาพเบลอเกินกว่าจะมองหน้าออกว่าเป็นใคร มโนภาพตัดฉับกลายเป็นภาพป้าแตนกำลังเสิร์ฟน้ำ และภาพอินทร์ธัชที่เดินนำเข้าไปในห้องรับแขก แล้วหันมาบอกทุกคนว่า นักข่าวที่มาสัมภาษณ์นั้น ‘สวยทั้งคู่’
“อ้าว ... ไอ้น็อต เป็นอะไรไปอีกล่ะ” ต้องชนะที่วางดัมเบลลงยืนส่องกระจกเบ่งกล้าม จนเห็นภาพสะท้อนของปาณัสม์ที่นั่งตัวแข็งนัยน์ตาเหม่อลอย พอหนุ่มล่ำทัก ชายผู้มีสัมผัสพิเศษก็รู้สึกตัว
“อย่าบอกนะว่าเห็นนิมิตอีกแล้ว” อชิระแซว “นิมิตพี่แต่ละที มีแต่เรื่องให้น่าระทึกทั้งนั้น”
“คราวนี้อาจจะไม่ว่ะ” พี่ใหญ่ของทีมบอก “ฉันเห็นนักข่าวที่จะมาสัมภาษณ์เรา เป็นผู้หญิงสองคน รูปร่างผอมเพรียว สวย”
พอได้ยินคำว่า สวย เท่านั้น อินทร์ธัชถึงกับหูผึ่ง เงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วเลื่อนเก้าอี้สำนักงานซึ่งมีล้อมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ชายร่วมสายเลือด
“สวยจริงเหรอพี่”
“ไม่รู้สิ พี่มองเห็นหน้าไม่ชัด” ปาณัสม์ตอบตามตรง “แต่ในนิมิต พี่เห็นแกหันมาบอกทุกคนว่า ‘สวยทั้งคู่’ ก็เลยมั่นใจว่าสวย”
อินทร์ธัชตาลุกวาว รีบลุกจากเก้าอี้ตรงไปยังกระจก จนต้องชนะที่เบ่งกล้ามอยู่ต้องขยับถอย หนุ่มเพลย์บอยจัดทรงผมเล็กน้อย ปัดเสื้อผ้าจุดที่เลอะที่ยับ ยกแขนขึ้นสำรวจกลิ่นไปพึงประสงค์ หยิบเม้าส์สเปรย์ขึ้นมาพ่นปากแล้วใช้มืออังปากเพื่อทดสอบว่าลมหายใจหอมสดชื่นหรือยัง
“ขอให้เป็นสตรีข้ามเพศมาทั้งคู่เลยเถอะ สาธุ!” อชิระแซวอย่างหมั่นไส้
“ไอ้อชิ ปากดีนะ” อินทร์ธัชอยากจะตบศีรษะเพื่อนรักให้คว่ำ “ถ้าสวยอย่ามาขอให้ช่วยจีบให้แล้วกัน”
ทันใด เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น ต้องชนะซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุดกำลังจะเดินไปรับ แต่อินทร์ธัชวิ่งตัดหน้าชิงรับเสียก่อน
“สาว ๆ มาแล้วใช่มั้ยครับ พี่พุดดิ้ง”
“เจ๊ตุ้ยนุ้ยเองค่ะ ไม่ใช่เจ๊พุด” ตติยะกรอกเสียงตอบกลับมา “และสาว ๆ ที่น้องทัชว่าหมายถึงนักข่าวจากสปายนิวส์ล่ะก็... มารออยู่ในห้องรับรองชั้นล่างเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ป้าจินตนาเสิร์ฟน้ำเย็น ๆ ลงบนโต๊ะรับแขก เพลินตากล่าวขอบคุณอย่างเป็นมิตร ส่วนวารินที่นั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นที่หยิบออกมาจากชั้นวางหนังสือข้าง ๆ พอคุณป้าแม่บ้านเดินออกไป ช่างภาพสาวหยิบกล้องมาลองถ่ายมุมต่าง ๆ ของห้องและลองถ่ายเพื่อนรักไปทีเพื่อทดสอบแสงและเงา เมื่อปรับตั้งค่าจนทุกอย่างลงตัวจึงเอ่ยถามเพื่อนรัก
“นี่ มัวอ่านหนังสืออยู่ได้ ไม่คิดจะเตรียมคำถามสัมภาษณ์หรือไง”
“ไม่รู้ซะแล้วว่าฉันเป็นใคร” วารินเลื่อนนิตยสารลงหันมาพูด แล้วยกขึ้นกลับไปบังหน้าอ่านต่อ
“เออดี” เพลินตาบ่น “จะมาขอสัมภาษณ์เขา รูปเขา ข้อมูลเบื้องต้นพวกเขาก็ไม่คิดจะสนใจหามาดู”
“นี่ ยายเพลิน” วารินปิดเล่มนิตยสารลงอย่างหงุดหงิด “ข้อมูลสี่หล่อ เธอเล่าให้ฉันฟังมาจนละเอียดแล้ว ส่วนรูปพวกเขา ฉันก็เห็นแล้ว และที่สำคัญ ฉันคิดว่าพวกเขาอาจเป็นกลุ่มชายนิรนามกลุ่มนั้น แม้ฉันจะลืม ๆ หน้าไปบ้างแล้วก็เถอะ”
“นั่นสิ เขาเป็นจูบแรกของเธอนี่ เธอจะลืมลงได้ยังไงกัน”
“ยายเพลิน!!!” วารินตีแขนเพื่อนเบา ๆ หนึ่งที “ถ้าเกิดเป็นหมอนั่นจริง ๆ นะ ถ้าได้เจอหน้ากัน จะต้องเอาคืนอย่างสาสม คอยดู ...”
หลังจากที่ทราบว่าสองนักข่าวสาวมารออยู่ข้างล่างแล้ว อินทร์ธัชกำลังจะก้าวออกจากห้องแต่เกิดไม่มั่นใจในทรงผมจึงกลับเข้าไปเซ็ตใหม่ พอต้องชนะกับอชิระเห็นว่าเสียเวลารอนานเกินไปแล้วจึงจับลากตัวออกมาจากหน้ากระจกแล้วผลักออกจากห้องไป อชิระนำเดินลงบันได แต่อินทร์ธัชอยากให้สองสาวเห็นหน้าตนก่อนจะได้เกิดความประทับใจเมื่อแรกพบ
“เฮ้ย ... เดี๋ยว” ปาณัสม์ท้วงขึ้น เขาคลำหาสมาร์ทโฟนจากกระเป๋าเสื้อและกางเกง “ฉันลืมมือถือ พวกนายลงไปก่อนแล้ว”
พูดแล้ว ชายหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษก็กลับตัวเข้าห้องไป ส่วนสามหล่อเดินลงบันไดไปพร้อมเจอกับสองสาวที่ทั้งสามมั่นใจว่าต้องสวยอย่างแน่นอน
อินทร์ธัชเดินลงมาถึงชั้นล่าง ผ่านเคาเตอร์รับลูกค้าที่ตติยะกำลังคุยติดสายกับลูกค้าอีกคน ส่วนพุชรีย์คงออกไปซื้อกาแฟที่ร้านลุงโกสนกลางซอยเพราะเห็นชอบไปซื้อเป็นประจำ
พอเดินมาถึงห้องรับรองแขก อินทร์ธัชเคาะประตูสามทีแล้วเปิดเข้าไปอย่างช้า ๆ เพลินตาซึ่งกำลังยกแก้วน้ำขึ้นจิบเงยหน้ามอง ตกตะลึงในเสน่ห์ของอินทร์ธัชเข้าอย่างจัง ... ใช่จริง ๆ ด้วย เขาคือชายคนที่เธอเจอที่อนันตาลัยเมื่อครึ่งปีก่อน พอได้เห็นหน้าชัด ๆ ดูมีราศียิ่งกว่าตอนที่เห็นเพียงครู่เมื่อคราวนั้นอีก ...
เมื่ออินทร์ธัชเห็นเพลินตา เขาก็ผลุบกลับออกไปเพื่อบอกให้ต้องชนะกับอชิระรู้ว่า ทั้งสองสาวนั้น สวยจริง ๆ ก่อนเปิดประตู เดินเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยทักทาย เนื่องด้วยที่อนันตาลัย เพลินตาเป็นฝ่ายเห็นและจำหน้าอินทร์ธัชได้ฝ่ายเดียว ส่วนนักสืบหนุ่มเจ้าเสน่ห์ไม่เห็น จึงจำเธอไม่ได้
“สวัสดีครับ” อินทร์ธัชยิ้ม เขาส่งสายตาเจ้าชู้ให้เพลินตาทีหนึ่ง ก่อนหันมามองวารินและเดาใจได้ว่า เธอเป็นผู้หญิงประเภทเห็นคนหล่อแล้วทำเป็นไม่สนใจ “ขอโทษนะครับ ที่ทำให้รอนาน”
อชิระผลักร่างอินทร์ธัชให้เสือกตัวเข้าไปในห้อง เขากับต้องชนะจะได้เดินเข้ามาด้วยได้
“ไม่นานหรอกค่ะ” เพลินตาลุกขึ้นยืนรับแขก วารินลุกขึ้นตามแต่ทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่สนใจสักคน “พวกเราต่างหากที่ต้องขอโทษ มาเลทไปเกือบสิบห้านาที”
“ผมทัชครับ ส่วนนี่ อชิ กับพี่ต้อง” หนุ่มมาดเกาหลีจัดแจงแนะนำทุกคนเสร็จสรรพ “เชิญนั่งเลยครับ”
วารินมองดูทั้งสามหนุ่ม กลับไม่เห็นว่ามี ‘อีตานั่น’ แต่ด้วยความที่เป็นคนปากไวเกินกว่าจะหักห้ามใจทัน นักข่าวสาวจึงพลั้งถามไป
“อ้าว ... ทำไมมีแค่สามล่ะคะ ไหนว่ามีกันสี่หล่อ”
“อ๋อ มีสี่คนครับ” อชิระชิงแย่งอินทร์ธัชพูด “พี่น็อตเขาลืมมือถือ วิ่งขึ้นไปเอาเมื่อกี้ อีกเดี๋ยวก็คงลง...”
“ขอโทษครับที่ทำให้รอ” ปาณัสม์เปิดประตูพรวดเข้ามาในห้อง แม้จะมีคนนั่งอยู่ในห้องกันหลายชีวิต แต่สายตาของปาณัสม์ก็ไปสอดประสานเข้ากับสายตาของวารินแทบจะในทันที
“ใช่นายจริง ๆ ด้วย!” วารินชี้หน้าปาณัสม์ เปลี่ยนสรรพนามจากที่เคยเรียก ‘คุณ’ เป็น ‘นาย’ อย่างชัดเจน เธอจำได้ว่าเขาเป็นคนทำให้เธอตกจากรถจักรยานยนต์ แต่คลับคล้ายคลับคลาจะเป็นคนที่เคยขโมยจูบเธอเมื่อครึ่งปีก่อนหรือเปล่า
ทางด้านชายหนุ่มเองก็ชี้หน้าหญิงสาวกลับเช่นกัน
“เป็นคุณจริง ๆ!!!”
อีกสี่ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องรับรองแขกต่างมองหน้ากันอย่างงง
“อ้าว รู้จักกันด้วยเหรอ” ต้องชนะสงสัย
“ก็ใช่น่ะสิ” ชายหนุ่มโมโห “ยายป้านี่ไงที่ด่าฉันตอนช่วยเด็กไม่ให้โดนรถชนเมื่อวานนี้”
“นี่! กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าป้า” วารินโวยเป็นชุด “ไอ้หน้าจืด ไอ้ผู้ชายปากตะไกร”
“ปากตะไกร?” ปาณัสม์หัวเราะหึแล้วทำหน้ายียวน “โอ๊ย... ไปขุดคำสมัยไหนมาใช้เนี่ย ใช้คำบอกยุคบอกวัยมาก ยายมนุษย์ป้าเอ้ย”
“อ๊าย ... เพลิน ดูผู้ชายคนนี้สิ คำก็เรียกฉัน ป้า สองคำก็บอกว่าฉันเป็น มนุษย์ป้า” วารินโกรธจัดจนหน้าเสีย
“นี่มันอะไรกันครับเนี่ย” อชิระงงไปหมด
“ถ้าพวกคุณคือกลุ่มชายนิรนามที่บุกอนันตาลัยเมื่อครึ่งปีก่อน” เพลินตาเสริมขึ้น “ยายรินเพื่อนฉันก้เป็นคนที่พี่ของคุณช่วยชีวิตไว้ และขโมยจูบยังไงล่ะคะ”
“อ๋อ ...” อินทร์ธัชอุทานเสียงดัง ในขณะที่ปาณัสม์สายตาเลิกลั่กและกระทุ้งศอกเข้าสีข้างของน้องชายบังเกิดเกล้าเต็มแรง
“โอ๊ย!”
“จำผิดแล้วมั้งครับ พวกเราไม่เคยไปที่อนันตาลัย” พี่ใหญ่ของทีมนักสืบพูดปดดื้อ ๆ เพราะกลัวว่าหากสองนักข่าวสาวสืบความต่อ ความลับเรื่องที่พวกเขาอยู่เบื้องหลังการจับกุมเสี่ยชัยจะแตกได้ “พวกเราคือ ‘4 หล่อขอสืบ’ กลุ่มนักสืบที่ทำคดีเล็ก ๆ พวกคดีหมาแมวอะไรทำนองนี้ คงไม่กล้าหาญไปบุกอนันตาลัยอย่างที่คุณว่าหรอกครับ”
“สรุปว่านายคือ หนึ่งใน ‘4 หล่อขอสืบ’ จริง ๆ เหรอเนี่ย” วารินขมวดคิ้ว
“ก็ใช่น่ะสิครับ” “ยืนหล่อกันอยู่สี่คน คิดว่าผมเป็นนายแบบหรือไง”
“ฉันก็คิดว่านายเป็นยามที่พวกสี่หล่อจ้างมาน่ะสิ” วารินเท้าสะเอว
“ปากเก่งจัง มิน่าถึงเคยโดนหนุ่มนิรนามนั่นจูบ” ปาณัสม์เอาคืนบ้าง “ดูท่าคุณจะสงสัยว่า ผมคือหนุ่มนิรนามคนนนั้น ลองจูบกับผมดูก็ได้นะ จะได้รู้ว่าไม่ใช่ เพราะผมมั่นใจว่าผมจูบได้ดูดดื่มกว่าหมอนั่นแน่ ๆ”
ไม่พูดเปล่า นักสืบผู้มีสัมผัสพิเศษเปิดเกมรุกด้วยการทำทีท่าจะเข้าไปจูบปากหญิงสาว
“ว้าย ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต” วารินอยากจะกรีดร้อง “ไปกันเถอะเพลิน ฉันไม่เอาด้วยแล้ว”
“เฮ้ ... จะบ้าเหรอ ริน” ช่างภาพสาวตกใจ “เธอยังไมได้สัมภาษณ์เขาเลยนะ”
“ให้สัมภาษณ์ผู้ชายพรรค์นี้ ฉันยอมโดนบอกอเจนนี่ไล่ออกดีกว่า” วารินพูดด้วยอารมณ์ล้วน ๆ เหตุผลไม่ต้อง “เร็ว ... กลับ!”
วารินหยิบกระเป๋าสะพายที่ถอดวางไว้แล้วนำออกไปจากสำนักงาน เกือบชนกับพุชรีย์ที่ถือกาแฟเต็มสองมือสวนมา ทุกคนทำหน้างุนงง
“อ้าว ... เดี๋ยวสิคุณ” อินทร์ธัชรีบทักท้วง เพราะถ้าปล่อยให้พวกเธอจากไป นอกจากจะอดสัมภาษณ์แล้ว ยังอดจีบสาวทั้งสองคนอีกด้วย
เพลินตาทำท่าทางแบ่งรับแบ่งสู้ ขอตัว แล้วรีบวิ่งตามวารินไป ประตูสำนักงานปิดลง ทุกอย่างเงียบสนิทจนได้ยินเสียงใบพัดลมทำงาน สายตาทุกคู่ค่าจ้องมองปาณัสม์ พี่ใหญ่ของทีมทำได้เพียงยิ้มแห้ง ๆ
“ไอ้น็อต!”
--------------------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ : ตอนที่ 10 สัมภาษณ์
"1 ใน 4 หล่อคนไหน ที่ทำให้การสัมภาษณ์ลงสปายนิวส์พังไม่เป็นท่า"
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก จะได้รับคะแนนสะสม คนละ 5 คะแนนครับ
วันพฤหัสบดี ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 จะมาสรุปคะแนน ตอนที่ 1 - 10 นะครับ ว่าใครมีคะแนนสะสมเท่าไหร่กันบ้าง
นิยายเรื่องนี้ มีประมาณ 35 - 45 ตอนครับ
ธรากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2558, 22:10:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2558, 22:12:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 1453
<< ตอนที่ 9 คู่ปรับ |
แว่นใส 7 ก.พ. 2558, 08:10:40 น.
พี่ใหญ่น๊อต ปาณัสม์จ้า
พี่ใหญ่น๊อต ปาณัสม์จ้า
dragon 7 ก.พ. 2558, 22:48:20 น.
ปาณัสม์ (น็อต พี่ใหญ่ของทีม) ค่ะ
ปาณัสม์ (น็อต พี่ใหญ่ของทีม) ค่ะ
สิรินดา 14 ก.พ. 2558, 05:23:09 น.
แวะมาทักทายค่ะ (^___^)
แวะมาทักทายค่ะ (^___^)