Chain Of Heart
คู่อริเมื่อวัยเด็กเหตุเกิดจากผ้าเช็ดหน้าสีขาวลายปักเป็นเหตุทำให้เธอเกลียดเขา แต่เมื่อเจอกันอีกครั้ง เธอกลับสวยถูกใจเขา ในขณะที่เธอเกลียดเขาและมีสายตาไว้มองรุ่นพี่ที่เคยช่วยชีวิตตนไว้ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นก็ถูกใจในความสดใส น่ารักของเธอเช่นกัน เขาผู้ชายปากแข็งที่เธอเกลียดเลยต้องงัดทุกยุทธวิธีจีบเธอ
ที่แปรทุกเจตนาของเขาเป็นความน่ารำคาญ! เขาที่เธอเกลียดจะสมหวังหรือไม่ มาลุ้นกัน

Tags: โรแมนติคคอมเมดี้,Romantic Comedy,วิศวกร,ฝ่ายขาย,หมีแพนด้า,ข้าวหน้าเป็ด,ลูกเป็ดขี้เหร่,ช่อแก้ว,ศิระภพ,เด็กชายอ้วนกลม,เด็กหญิงแคระแกร็น,โรงเรียนสาขา,ผ้าเช็ดหน้า,งานเลี้ยงรุ่น,น้ำตกโตนงาช้าง,เฟรนด์ชิพ,กา

ตอน: บทที่ 1 โรงเรียนของหนู

อึ๋ย! เรามายืนทำอะไรอยู่ที่นี่? และที่นี่…มันที่ไหนกันแน่?

ทำไมไม่เหมือนกับโลกที่เราเคยอยู่กันนะ โลกที่มีแต่เจ้าหมีสีน้ำตาลขนปุกปุยตัวอวบ เจ้ากระต่ายแคระหูยาวสีขาวแสนซน และเจ้าขนฟูเห่าบ๊อก บ๊อก ชอบทำหน้ามู่ทู่สีฟ้าวางอวดเรียงรายอยู่บนที่นอนหนานุ่มชวนสัมผัส และคุณแม่บ้านที่คอยดูแลและจัดสำรับกับข้าวให้ แต่เอ พูดถึงคุณแม่บ้านจำได้ว่าเมื่อเช้าแกก็ยังเข้ามาปลุกให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำทานข้าวเช้าด้วยกันอยู่เลยนี่นา และเมื่อตะกี้นี้คุณพ่อคุณแม่ก็เพิ่งขับรถมาส่ง เสียงพูดดังติดหูอยู่เลยว่า “ทำตัวดีๆ แล้ววันนี้อย่าเกเรเป็นอันขาดนะลูก ไว้เย็นๆพ่อกับแม่มารับนะจ๊ะ”
หรือว่าเรากำลังฝันไป…

สงสัยคงต้องหยิกแขนตัวเอง เพื่อพิสูจน์…

โอ๊ย! ไม่ได้ฝันไปนี่นา
แล้วทำไมสิ่งที่เห็นตรงหน้าในขณะนี้ ทำไมมันถึง…เฮ่อ! ยากเกินบรรยาย…
ไหนๆก็หลวมตัวมาแล้วขอเถอะ ทำไม! ทำไม! ทำไม! อยากจะกู่ร้องดังๆออกมาว่า”ทำไม!”อีกสัก 100 ครั้ง! อาคารปูนเก่าๆโทรมๆ 3 หลังถึงได้ดูทรุดโทรมได้ใจมากขนาดนี้
หลังคากระเบื้องสีกระดำกระด่างนั่นปะไร ล้วนระบุชัดถึงความพยายามยืนต้านแดดต้านลมต่อสู้กับฝนมาหลายฤดู อีกทั้งสภาพของบานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มในขณะนี้ก็ไม่ต่างกัน เกรอะกรังไปด้วยฝุ่นจากดินลูกรังสีแดงจับตัวหนาเตอะ
มองเข้าไปภายในอาคาร เห็นแล้วชักอยากจะร้องไห้
ทำไม? ม้านั่งสีน้ำตาลเข้มกลับถูกกองสุมระเกะระกะอย่างไม่ใส่ใจอยู่ตามมุมห้อง
ทำไม? พื้นปูนเก่าๆกลับมีรอยแหว่งอันเกิดจากการหลุดร่อน ทั่วทั้งห้องในขณะนี้กลับเต็มไปด้วยฝุ่นเกาะหนาเตอะและซากแมลงเม่าตัวเล็กๆนับล้านกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง อาคารที่ไร้การเหลียวแล กลิ่นเหม็นหืนและอับชวนวิงเวียนศีรษะยิ่งนัก ทำไม?...
ทำไมนะ? ทำไม? ทั้งๆที่บรรยากาศด้านนอก ท้องฟ้าดูปลอดโปร่ง เสียงนกน้อยเริงร่า ทว่าภายในอาคาร ทำไม?บรรยากาศกลับดูสลัว ทะมึนๆ ดูวังเวง ราวกับว่ากำลังเผลอเดินหลงเข้ามาในบ้านเก่าๆที่ถูกทิ้งร้างแล้วมีตำนานหลอนๆจากปากสู่ปาก ตำนานเก่าๆ บ้านเก่าๆ กับเสียงเก้าอี้โยกเก่าๆ ราวกับมีใครนั่งอยู่ตรงนั้น แค่นึก ขนแขนพลันลุกชันขึ้นมา บรื๋อ…
“ตั๊กแก!”….
“กรี๊ด / ว้าย!”
“ไป๊! ชิ่วๆ อย่าเข้ามานะ ไอ้ตัวประหลาด” เด็กหญิงผมเปีย ผิวพรรณดี รูปร่างป้อม ร้องลั่นห้อง รีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังเด็กหญิงสวมแว่นตาหนาเตอะหลังจากที่เห็นสัตว์เลื้อยคลานลูกตาสีแดง ลำตัวสีเขียวลายจุดสีแดง ขนาดเท่าข้อมือเด็กเกาะอยู่บนขื่อ ที่เหลือต่างกรูมาแอบด้านหลังเด็กผู้หญิงมาดทอมบอยที่ดูก๋ากั่นเกินวัย ในขณะที่เหล่าเด็กผู้ชายกลับมีท่าทางตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็นไปเสียหมด
โดยเฉพาะเจ้าเด็กผู้ชายรูปร่างอ้วนกลมที่ดูเป็นหัวโจกกลับก้มลงหยิบซากจิ้งจกลูกตาถลนหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมาจากพื้นห้องที่เกรอะกรังไปด้วยฝุ่นและมดที่มากัดกินซาก แววตาพราวระยับอย่างพอใจ
“ กรี๊ด น่าเกลียดน่ากลัว ชวนขนหัวลุกเป็นที่สุด คุณหญิงแม่อุตส่าห์เลี้ยงน้องแอปเปิลมาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม… แต่นี่ดูซิ ซากจิ้งจกชัดๆ ไป๊! เอาไปไกลๆ ชิ่ว ชิ่ว! ” เด็กหญิงตัวสูง สวมแว่น ท่าทางอนามัยจัดบุตรคุณหญิงคุณนาย ทำท่าแสยะปาก พร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกไว้ตัดสินใจถอยกรูดออกมานอกห้อง
“ยี้! สกปรกที่สุด มีแต่เชื้อโรค เย็นนี้ทันทีที่ถึงบ้านน้องสาลี่คงต้องขอยาคุณพ่อทานกันเชื้อโรคไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้น้องสาลี่คงต้องป่วยแน่ๆ ” เด็กหญิงอีกคนที่มีบิดาเป็นคุณหมอ มารดาเป็นนางพยาบาลทำท่าขนพองสยองเกล้า ถอยกรูดมาด้วยอีกคน
“ชิ…เอาไปไกลๆเลย ของสกปรกอย่างนี้ น้องน้อยหน่าไม่อยากอยู่ใกล้ๆด้วยหรอก ซากเน่าๆ น่ากลัวๆแบบนี้ เห็นแล้วชวนคลื่นไส้ ลามมาถึงหนังกำพร้าคันคะเยอ เม็ดผดผื่นคันขึ้นกันพอดี” อีกคนบุตรสาวผู้ว่าราชการจังหวัดทำท่าแหวะใส่อย่างสะอิดสะเอียนพร้อมกับใช้ปลายนิ้วบี้ปลายจมูกไว้ นั่นเพียงพอที่จะทำให้เจ้าหัวโจกรูปร่างอ้วนกลมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ
โธ่เอ๊ย! ยัยพวกคุณหนูแกงค์ผลไม้ ผู้ดีกันนัก อย่างนี้ต้องแกล้งเสียให้เข็ด หึ หึ หึ เด็กชายอ้วนกลมคิด ความคิดแผลงๆ บางอย่างจุดประกาย
“ขอต้อนรับเพื่อนใหม่ทุกคนด้วยเจ้ามังกรเผือกย่อส่วนเหิรเวหา ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“กรี๊ด!” วงแตก เหล่าเด็กหญิงที่ยืนอออยู่ตรงบริเวณประตูแตกกระจายไปคนละทิศคนละทางเมื่อซากจิ้งจกถูกโยนใส่กลางวง เด็กผู้ชายอ้วนกลมถึงกับอ้าปากหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจจนเห็นลิ้นไก่
มีความสุดที่สุดเมื่อได้แกล้งเพื่อนใหม่
“ ไอ้อ้วน! คอยดูเถอะ เย็นนี้ แอปเปิลจะฟ้องคุณหญิงแม่ให้มาจัดการกับแก โทษฐานที่ทำให้พวกเราตกใจ “ เมื่อไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าหัวโจก เด็กหญิงสวมแว่นเลยเรียกตามที่เห็น ทว่าเด็กชายอ้วนกลมกลับแลบลิ้นใส่ ทำท่ากรอกตาไปมาอย่างซุกซน
“ไม่กลัวโว้ย เชิญขี่ม้า 3 ศอก 6 ศอก ไปฟ้องเลย จะยืนรอ นอนรอ หรือตีลังการอก็ได้... รู้ไหมที่นี่ใครใหญ่?” เด็กชายอ้วนกลมลากเสียงพูดท้าทาย พลางสำรวจเด็กหญิงสวมแว่นตาหนาเตอะ กำลังยืนทำหน้าเชิดถือตัวเป็นคุณนาย เหมือนตัวละครหลังข่าวตัวหนึ่งที่บรรดาแม่บ้านและสาวรุ่นแถวบ้านชอบเปิดดูอย่างไม่ผิดเพี้ยน
“ยังแสบและซนเป็นลิงเหมือนเดิมนะเด็กชายศิระภพ ” เสียงพูดห้าวดุ ฟังดูมีอำนาจดังนำมาก่อนตัว เด็กชายอ้วนกลมหรือเด็กชายศิระภพรีบหันขวับไปยังทิศทางที่เสียงมา ไหล่ลู่ สงบเสงี่ยม เก็บอาการในบัดดล จำได้ดีว่าบิดานายตำรวจของตนเคยพูดฝากฝังตนไว้กับอาจารย์ระดับหัวหน้าฝ่ายปกครองท่านนี้ว่าอย่างไร?
“ถ้าไอ้ลูกทโมนตัวนี้ มันซุกซนเป็นลิงเป็นค่าง ชอบแกล้งผู้หญิง อาจารย์ไม่ต้องเกรงใจผม อาจารย์แสนดีสามารถดุด่าหรือลงโทษเจ้าลูกลิงตัวนี้ตามความเหมาะสม ผมอนุญาต “
“วางใจเถิดครับคุณก้องภพ ผมจะดูแลลิงทโมนอ้วนกลมตัวนี้ไม่ให้ไปแกล้งใครที่ไหนได้ตามอำเภอใจอย่างเด็ดขาด”
อาจารย์แสนดี อาจารย์ฝ่ายปกครองที่น่าเกรงขามของเด็กๆ รับปากบิดานายตำรวจของเขาไว้อย่างนั้น ทั้งที่เดิมทีเด็กชายอ้วนกลมเคยคิดว่าชื่อตัวของอาจารย์ “แสนดี” น่าจะมีความหมายพ้องไปในทิศทางเดียวกับเจ้าตัว แต่ที่ไหนได้ ?
ชายวัยกลางคนสีผิวดำแดง เส้นผมดำขลับหยิกหยอย ตาโปน ปากหนา จมูกบาน พกพาพุงและความสูงเพียง 165 ซม. กลับมีใบหน้าดุดันอยู่ตลอดเวลา
เคยจินตนาการว่าถ้าอาจารย์แสนดีแกถือกระบองแทนไม้เรียว เติมเขี้ยวที่มุมปากนิดหน่อย คงใกล้เคียงยักษ์วัดโพธิ์ที่กรุงเทพฯ เข้าไปทุกที
เสียงกระแอมดังเข้ามาใกล้ทุกขณะ เด็กชายอ้วนกลมและพวกเตรียมถอยกรูดชิดฝาผนังห้องเรียนเก่าๆคร่ำคร่าที่กำลังรอการบูรณะ พวกเด็กผู้หญิงรีบฟ้องทันทีที่อาจารย์ฝ่ายปกครองเดินมาถึง
“อาจารย์ขา อ้วนกลมมันแกล้งพวกหนู โยนซากจิ้งจกเน่าๆมาที่หนูและเพื่อน พวกหนูตกใจแทบแย่ อาจารย์ช่วยจัดการให้พวกหนูหน่อยนะคะ อาจารย์ขา” น้องแอปเปิลหรือเด็กหญิงเพลินพิศรีบฟ้องฉอดๆ พลพรรคที่เหลือต่างรีบส่งเสียงสนับสนุน
อ้าว ซวยแล้วไหมละ แกงค์ผลไม้รวมพลังฟ้องอาจารย์แสนดีฉอดๆอย่างนี้ แล้วจะแก้ตัวอย่างไรดี? ขณะที่เด็กชาย
ศิระภพกำลังคิดหาทางเอาตัวรอด อาจารย์ฝ่ายปกครองกลับเอื้อมมือมาดีดหลังใบหูของเจ้าจอมซนทันที
“โอ๊ย! อาจารย์แสนดี ผมเจ็บฮะ” ศิระภพสะดุ้งเฮือก โอดครวญ ฝ่ามือลูบหลังใบหูไปมา สบตาอาจารย์แสนดีจ๋อย
“หน้าที่ของศิระภพคือมาเรียนหนังสือเพื่อเก็บเกี่ยวหาความรู้ ไม่ใช่มาแกล้งเพื่อนอย่างที่เป็นอยู่ นี่อะไรกัน เพิ่งเปิดเรียนวันแรกแท้ๆ ศิระภพกลับแกล้งเพื่อนใหม่เสียอย่างนี้ ไม่ไหวเลย!” อาจารย์แสนดีส่ายหน้าอย่างระอา
ผิดถูกไม่มีข้อยกเว้น ต่อให้ร่ำรวยล้นฟ้าหรือมีเกียรติมากขนาดไหนก็ตาม
“ศิระภพ ไหนลองสัญญาให้ครูชื่นใจหน่อยสิว่าจะไม่แกล้งเพื่อนอีก โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิง” อาจารย์แสนดีออกคำสั่ง เด็กชายศิระภพมีท่าทีฮึดฮัด ยิ่งเหลือบตามองแก็งค์ผลไม้ทำท่าพออกพอใจ เด็กชายอ้วนกลมพาลดื้อจะไม่สาบงสาบานต่อหน้าอาจารย์แสนดี แต่พอเห็นไม้เรียวในมือขวาของอาจารย์ เด็กชายอ้วนกลมเลยต้องเอาตัวรอดไปก่อน
“ต่อไปนี้ ผมเด็กชายศิระภพจะไม่แกล้งเพื่อนอีก โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิง” เด็กชายอ้วนกลมปฏิญาณกับอาจารย์แสนดีแต่แอบเติมท้ายไว้ในใจ รับรู้เพียงคนเดียวว่า
“ผมจะไม่แกล้งเพื่อน ให้อาจารย์เห็นอีก หึ หึ หึ” อย่างนี้คงไม่ผิดกติกาหรอกนะครับอาจารย์แสนดี ต่อหน้าอาจารย์แสนดีที่รัก ศิระภพจะไม่แกล้งเพื่อนอีก แต่ลับหลังละไม่แน่…

หลังจากที่กำราบเจ้าตัวยุ่งได้แล้ว อาจารย์แสนดีก็สั่งให้เด็กนักเรียนช่วยกันทำความสะอาดห้องเรียน โดยแบ่งการทำงานออกเป็นสองกลุ่ม
“เด็กผู้ชายช่วยกันยกโต๊ะและเก้าอี้ออกมาก่อน เพื่อเตรียมพื้นที่ให้เพื่อนผู้หญิงปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดห้อง ที่เหลือให้ตามพี่แอนช่วยกันขนน้ำจากแท็งค์มาที่นี่ เราจะช่วยกันบูรณะอาคารเก่าๆ 3 หลังนี้ให้เป็นห้องเรียนที่แสนวิเศษและน่าอยู่ที่สุด” อาจารย์แสนดีหมายถึงนักการภารโรงหนุ่มผมยาวหน้าโหดแต่ชื่อ”แอน” จากนั้นถึงออกคำสั่ง บุ้ยใบ้ให้อาจารย์หนุ่ม อาจารย์สาวที่ตามมาสมทบภายหลังช่วยเด็กๆบูรณะทำความสะอาดห้องเรียน
เด็กหญิงและเด็กชายหลายคนที่มาจากเมืองใหญ่มีท่าทีอิดออด ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า การมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนสาขาจะยุ่งยากขนาดนี้… ตอนที่ตัดสินใจเดินทางมาเรียนหนังสือที่นี่ รู้แค่ว่า โรงเรียนประจำอำเภอที่มีชื่อแห่งนี้กำลังต้องการขยายสาขามายังต่างตำบล
ในจินตนาการ คิดเพียงแค่ว่า โรงเรียนสาขาที่ใกล้ชิดธรรมชาติ คงมีสาธารณูปโภคพร้อมสรรพต้อนรับการมาเยือนของเด็กนักเรียนที่ต้องการหาความรู้ แต่สิ่งที่คาดไว้กลับตรงกันข้าม
แล้วดูนี่สิ ห้องเรียนแสนจะทรุดโทรม สกปรก เกรอะกรังไปด้วยฝุ่นและซากแมลงเม่าตัวเล็กๆนับล้าน
แค่เห็น ก็ละเหี่ยใจแล้ว
เด็กหญิงเด็กชายจากในเมืองยืนเกาะกลุ่มกันนิ่ง กลืนน้ำลายลงคอดัง“เอื้อก!”เคยชินอยู่แต่บ้านหลังใหญ่ สะอาดๆ มีพี่เลี้ยงคอยดูแล จัดการโน่นนี่ให้ แล้วนี่อะไร ต้องมาปัดกวาด เช็ดถูทำความสะอาดห้องเรียนเสียเองหรือนี่? เป็นไปได้อย่างไร?หรือนี่เป็นทฤษฎีใหม่ของโรงเรียน “ความรู้ควบคู่ธรรมชาติ” เด็กกลุ่มนั้นคิดเองเออเอง
“อ้าว!พวกหนูยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ทำไม? กลุ่มนั้นนะ มาช่วยกันคนละไม้คนละมือหน่อยเร้ว ห้องจะได้สะอาดพร้อมเรียนหนังสือกัน” อาจารย์สาวส่งเสียงเร่งกลุ่มเด็กหญิงเด็กชายจากในเมือง ซ้ำไม่พูดเปล่า กลับเดินตรงรี่มาแล้วยื่นไม้กวาดและไม้ขนไก่ให้แต่ละคน เด็กกลุ่มนั้นอิดออด แต่ท้ายสุดก็ตามไปสมทบกับพวกที่กำลังปัดกวาดทำความสะอาดอยู่ก่อนแล้วซึ่งเป็นเด็กที่อยู่พื้นที่ละแวกนั้น ลูกชาวบ้านชาวสวน เลยสามารถปรับตัวได้ง่ายกว่าเด็กที่มาจากในเมืองใหญ่
อาจารย์แสนดีมองดูลูกศิษย์ตัวน้อยแววตาวิบวับเป็นประกาย เปี่ยมด้วยความหวังอันเจิดจ้าที่จะฟื้นฟูอาคารเก่าๆทรุดโทรม 3 หลังให้เป็นโรงเรียนสาขาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอนาคต ความจริงแล้วโรงเรียนสาขาเล็กๆแห่งนี้มีโรงเรียนแม่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง เป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างโด่งดัง มีชื่อเสียง จนผู้ปกครองของนักเรียนไว้เนื้อเชื่อใจส่งบุตรหลานมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก
ทว่าความต้องการของผู้ปกครองที่ต้องการส่งบุตรหลานให้เข้ามาเล่าเรียนในโรงเรียนที่ได้มาตรฐานแห่งนี้มีปริมาณมากขึ้นทุกปี เลยทำให้โรงเรียนแม่ในตัวเมืองไม่สามารถรองรับนักเรียนได้อีก จึงมีการเล็งหาพื้นที่สำหรับขยายโรงเรียนกัน และพื้นที่ที่อาจารย์แสนดียืนอยู่ในขณะนี้ดูเหมาะสมที่สุดในแง่ที่ว่ามีเนื้อที่ที่เป็นที่ตั้งของอาคารเรียนและโรงอาหารถึง 74 ไร่ ไม่นับรวมพื้นที่ชุ่มน้ำแปลงใหญ่ 471 ไร่และแหล่งน้ำในพื้นที่ประมาณ 250 ไร่
เดิมทีอาคารเรียน 3 หลังใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 2 ปี โดยความร่วมมือของบรรดาคณาจารย์ ชาวบ้านและผู้นำชุมชน สาเหตุที่การก่อสร้างอาคาร 3 หลังล่าช้าเพราะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่เต็มไปด้วยอันตรายจากสัตว์มีพิษจำพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ตลอดจนควายป่าอีกทั้งไม่มีทางเข้าออกตัดผ่านและไม่มีงบประมาณจากทางการ
แน่นอน ค่อนข้างเปลี่ยวและเสี่ยงต่อชีวิต…
แต่เพื่ออนาคตของชาติ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเลยร่วมแรงร่วมใจสร้างโรงเรียนหลังน้อยหลังนี้ขึ้นมา…
อาคารแรกที่ถูกสร้างคือโดมรูปแปดเหลี่ยมสร้างขึ้นบนฐานจอมปลวก 4 ลูกที่อยู่ติดกัน จุดเด่นอยู่ที่การทำยอดโดมให้ดูสูงเด่นกลางป่าพรุเพื่อหลบแดดหลบฝนสำหรับนักเรียน พร้อมกับช่วยกันแผ้วถางป่าละเมาะไว้เป็นลานสำหรับนักเรียนได้เคารพธงชาติในตอนเช้า และเมื่อตัวอาคารสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีถึงได้ทำเรื่องไปยังสภาตำบลจัดสรรงบสำหรับพัฒนาพื้นที่ ดำเนินการขอที่ดินชาวบ้านตัดถนนใหญ่เข้ามายังโรงเรียนเป็นระยะทางประมาณ1.5 กิโลเมตร

เด็กชายศิระภพและสมุนตามนักการภารโรงหน้าโหด เคราครึ้ม ผิวดำแดงที่มีชื่อเสียหวานแหววขัดกับบุคลิกมายังแทงค์เก็บน้ำหน้าโรงอาหารมุงสังกะสีเก่าๆผุๆ ทิ้งระยะห่างไว้พอควร เจ้าตัวเปี๊ยกหนึ่งในสมุนของหัวโจกอ้วนกลมกลับหยุดก้าวขาโดยฉับพลัน เอียงหน้า กระซิบกระซาบเบาๆข้างหู สีหน้าหวาดหวั่น
“ ลูกพี่...” เด็กชายนพรัตน์ลดเสียงต่ำลงมาอีก “ข้าได้ข่าวซุบซิบจากป้าอ้อยว่านักการแอน แกเพิ่งออกมาจากคุก แล้วอย่างนี้พวกเราจะปลอดภัยกันเหรอ?”
“ นั่นสิ ไม่ใช่ว่าวันดีคืนดี เกิดแกคุ้มคลั่งเสียสติขึ้นมา ถือมีดอีโต้ จับข้าเป็นตัวประกัน จะทำยังไงกันดี? ยายยิ่งหวงๆข้าอยู่ด้วย” สมุนตัวสูงเก้งก้างแขนขายาว เส้นผมหยิกหยอย ผิวกร้านดำแดง ดูน่ากลัว กลับปอดแหกขึ้นมาอย่างไม่สมกับบุคลิก รีบเอียงหน้าพูดกระซิบสนับสนุน พร้อมกับเอาตัวเบียดไหล่หัวโจกร่างกลม จนเจ้าตัวเริ่มออกอาการรำคาญ
“โฮ้ย... ไอ้ลิงยศ อย่าเดินเบียดอย่างนี้สิวะ ร้อน ข้ารำคาญ และอีกอย่างหน้าตาอย่างเอ็งไม่มีโจรที่ไหนอยากฉุดไปทำมิดีมิร้ายหรอก ยายเอ็งนี่พิลึกคนจริงๆ หวงไม่เข้าท่า”
“ถ้าอย่างนั้นลูกพี่ก็เสียสละตัวเองเพื่อพวกเราเสียสิ เหมือนในการ์ตูนไง จะได้เป็นฮีโร่ แถมพวกเราจะได้ปลอดภัยด้วย” เด็กชายเรืองยศรีบยื่นข้อเสนอ ตาใส ไม่รู้ตัวว่าได้พูดอะไรออกมา เด็กชายศิระภพเบ้ปาก ก่อนเขกหัวสมุนร่างสูง 1 ที
“โอ๊ย!ลูกพี่ จู่ๆ ก็เขกหัว มือหนักชะมัด” เด็กชายเรืองยศเอามือลูบหน้าผากปอยๆ มองตาปริบๆ
“ไม่ได้โว้ย ถ้าข้าเสียสละตัวเอง แล้วใครละจะคุ้มครองสมุนอ่อนแออย่างพวกเอ็ง?” ที่กล้าพูดอย่างนี้เพราะเด็กชายศิระภพเคยช่วยเหลือเด็กชายเรืองยศที่โดนเด็กชายตัวโตข้างบ้าน รูปร่างหน้าตาเหมือนตัวการ์ตูนที่ชื่อว่า“ไจแอนท์” รังแกเอา
“ และอีกอย่างข้ากลัวว่าพ่อข้า และก็อาจารย์แสนดีแกจะเหงาที่ไม่มีเด็กซุกชนแสนอัจฉริยะอย่างข้ากวนอกกวนใจ พวกเอ็งนี่ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย แต่ถ้าอยากให้มีคนเสียสละตัวเอง โน่นเลย พวกแกงค์ผู้ดีผลไม้รวม เหมาะสมที่สุด!”
เด็กชายศิระภพอ้างข้างๆคูๆ แถมปัดความรับผิดชอบไปยังกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ตนมีเรื่องด้วยเมื่อสักครู่นี้ สมุน 2 คนเลยหันหน้ามองตากันปริบๆ ปิดปากเงียบ จนกระทั่งนักการที่ชื่อ “แอน” หันมาส่งสายตาพิฆาต ออกปากเร่งเร้าว่า
“เร็วๆ หน่อยไอ้พวกลิงทโมน ชักช้า อ้อยอิ่ง ยังกับเด็กผู้หญิง เดี๋ยวอาจารย์แสนดีแกก็เม้งเอาหรอก” หากแยกขี้ยวได้นักการแอนคงทำไปแล้ว เด็กชายเรืองยศและเด็กชายนพรัตน์ผลุบไปยืนด้านหลังของเด็กชายศิระภพทันทีโดยมิได้นัดหมาย
“อะไรวะ พวกเอ็งนี่ ขี้ขลาดชะมัด” เด็กชายศิระภพแว้ดใส่ เหงื่อตก เมื่อบังเอิญประสานสายตาดุดันคู่นั้น แต่ยังรักษาฟอร์ม ทำใจดีสู้เสือ เดินตามนักการแอนมายังแทงค์เก็บน้ำ โดยมีเด็กชายนพรัตน์และเด็กชายเรืองยศคอยเดินรั้งท้าย
เกือบ 10 โมงเช้า หลังจากที่ช่วยกันทำความสะอาดอาคารเรียน ก็ถึงแก่เวลาหยุดพัก อาจารย์แสนดีอนุญาตให้ทุกคนได้พักหายใจ เลยเป็นหน้าที่ของอาจารย์สาวๆ และแม่บ้านซึ่งก็คือแม่ค้าที่จะมาทำอาหารให้เด็กๆรับประทาน ทยอยลำเลียงแจกน้ำดื่มแก่เด็กๆ
เด็กนักเรียนรับแก้วน้ำที่ตักมาจากกระติกสีแดงใบใหญ่ดื่มอย่างกระหาย เหลือแต่พวกที่มาจากในเมือง ผิวพรรณดูสะอาดสะอ้านกลับเพ่งมองน้ำในแก้ว
“สะอาดรึเปล่าเนี่ย? “ ตามองไม่พอ ยังใช้จมูกสูดดมฟุดฟิดไปมาสำรวจว่ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือเปล่า?
“ว่าไงล่ะสาลี่ น้ำมีกลิ่นแปลกๆ มั้ย?” น้องแอปเปิลหรือเด็กหญิงเพลินพิศถามอย่างอยากรู้ ทว่าสาลี่หรือเด็กหญิงวรรณวลีกลับทำหน้าเบ้
“แหวะ มีกลิ่นอ่ะ มีหวังดื่มเข้าไปท้องเสียแน่ๆ “ เด็กหญิงวรรณวลีว่าอย่างนั้น คนในกลุ่มที่เหลือเลยลังเลใจว่าควรจะดื่มน้ำจากแก้วดีหรือเปล่า? ทั้งๆที่รู้สึกกระหายน้ำอย่างเหลือเกิน
เด็กชายศิระภพแอบยิ้มที่มุมปาก พอใจกับภาพที่เห็น เด็กชายหันซ้ายแลขวา สบโอกาส อาจารย์แสนดีไม่อยู่เสียด้วย ท่ามากถือตัวนัก อย่างนี้ต้องแกล้งเสียให้เข็ด
เด็กชายอ้วนกลมพอใจกับแผนการแสร้งเดินสะเปะสะปะทำเนียนทักทายเพื่อนใหม่ในขณะที่มือขวากำเจ้าสิ่งมีชีวิตที่กำลังเคลื่อนไหวดุ๊กดิ๊กไปมาในมือ ... เด็กชายศิระภพแสร้งเดินตรงมายังจุดที่บรรดาคุณหนูจากในเมืองกำลังยืนทำหน้าลังเลใจกับน้ำในแก้ว
หึ หึ หึ ผู้ดีกันนัก...ดวงตาพราวระยับของเจ้าอ้วนกลมมองมายังเหยื่อวัยกระเตาะ โดยพุ่งเน้นไปที่ยัยเด็กแว่นขี้ฟ้องและผองเพื่อน จากนั้นก็ก้าวช้าๆ มาดผึ่งผายในจังหวะสโลโมชั่นคิดเอาเองว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในงานพรมแดงที่มีเหล่าเซเลบคนดังกำลังยืนทักทายกันอย่างชื่นมื่น
แต่...เด็กชายศิระภพไม่ใช่พระเอกอย่างพี่เคน ธีรเดช เพราะมัวแต่พุ่งเป้ามายังกลุ่มเด็กผู้หญิงกลุ่มผลไม้รวม เลยไม่ทันระวังตัว เผลอเดินสะดุดร่างเล็กบางร่างหนึ่งเข้า จนเจ้าตัวอ้วนกลมพุ่งมาข้างหน้าราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกมาจากคันธนู หัวคะมำ กลิ้งมาข้างหน้าอย่างกับลูกบอลเสียเอง
“ กรี๊ด!” เสียงหวีดร้องของอาจารย์สาวดังนำขึ้นมาก่อน พร้อมกับเจ้าตัวดุ๊กดิ๊กสีเขียวถูกสะบัดโยนทิ้งอย่างรังเกียจ ปลิวละล่องมายังแก้วใส่น้ำของสาลี่หรือเด็กหญิงวรรณวลีดัง “จ๋อม!”พอดิบพอดี
“หนะ หนะ หนะ....หนอน !” เด็กหญิงวรรณวลีถึงกับพูดติดอ่าง ปากสั่น ตัวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง เมื่อเห็นหนอนสีเขียวตัวอวบอ้วนเท่านิ้วกลางกำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาในแก้ว
.”กรี๊ด!” เด็กหญิงวรรณวลีและผองเพื่อน หวีดร้องสุดเสียงพร้อมกัน วงแตกกระซ่านกระเซ็นไปคนละทิศคนละทาง พวกเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงบางส่วนที่นั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้นอกอาคารรีบวิ่งมาดู สีหน้าแตกตื่น พร้อมๆกับบรรดาอาจารย์ผู้ชายและนักการภารโรงที่ชื่อว่าแอน
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงส่งเสียงร้องเอะอะดังไปถึงโดมแปดเหลี่ยม?” หนึ่งในอาจารย์ผู้ชายถามอย่างแปลกใจระคนห่วงใย ที่นี่งูเงี้ยวเขี้ยวขอมันชุม แล้วไหนจะสารพัดสัตว์มีพิษจำพวกตะขาบอีก หากไม่ช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน ไม่นาน คงไม่มีอาจารย์คนไหน ใจกล้ามาสอนเด็กๆ ที่นี่อีกเป็นแน่
อาจารย์สาวผู้นั้นสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ สงบสติอารมณ์ลงได้บ้างแล้ว เธอพอเดาเหตุการณ์ได้คร่าวๆ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นฝีมือใคร?
ก่อนถูกส่งตัวมาสอนที่นี่ เธอพอรู้กิตติศัพท์ความซนอันเลื่องลือของเจ้าตัวดีจากปากอาจารย์แสนดี
ไม่ต้องเดาให้มากความ
“เด็กชายศิระภพ ตามครูมา” อาจารย์สาวที่ต่อมารู้จักกันในนามว่าอาจารย์กรุณา อาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ ออกคำสั่งเสียงเข้มเฉียบขาด ใบหน้าบูดบึ้ง ก้าวขาฉับๆนำมาที่โดมแปดเหลี่ยมทันที
สีหน้าของเด็กชายศิระภพจืดเจื่อน รู้ตัวดีว่าตนกำลังถูกนำขึ้นเขียง “รอเชือด!”...
เด็กชายค่อยๆ ผุดลุกจากพื้นอย่างตัดใจ นึกเจ็บใจความซุ่มซ่ามของตนเอง พูดพึมพำออกมาเบาๆว่า
“พลาดไปได้ไงวะเนี่ย? ไม่น่าเลย” เด็กชายศิระภพแอบบ่น
ขณะที่กำลังยันกายลุกขึ้นจากพื้นพลันรับรู้ได้ว่ามีรังสีอำมหิตจากสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่ตนอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น เด็กชายตัดสินใจปรายหางตามองเจ้าของดวงตาประหัตประหารคู่นั้น เห็นลางๆว่า เจ้าของดวงตาคู่นั้นกำลังมีสีหน้าบูดบึ้ง ไม่พอใจอย่างแรง
ศิระภพเลยหันหน้าสุดแสนทะเล้น ไปสบตากับเจ้าของดวงตาอำมหิตคู่นั้นโดยตรง
เด็กผู้หญิงรูปร่างแคระแกร็น ตัวเล็กๆ ผมหน้าม้า สิวเขรอะ หน้าตาขี้ริ้วผิวขาวซีดคนนั้น กำลังนั่งจมปุ๊กกองอยู่กับพื้น เสื้อนักเรียนสีขาวเปื้อนดินเปียกปอนไปแถบหนึ่งเพราะความซุ่มซ่ามเผอเรอของเจ้าเด็กผู้ชายอ้วนกลมแท้ๆ! ที่จู่ๆ ดันเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เดินสะดุดจนร่างเล็กบางหัวคะมำไปกับพื้น น้ำหกเรี่ยราดรดเสื้อเปียกปอนไปหมด
นี่คนทั้งคนนะ ไม่ใช่แมว ถึงมาเดินสะดุดกันง่ายๆอย่างนี้ เจ้าของดวงตาอำมหิตคิด สุดแสนจะแค้นใจ
ทว่าเด็กชายศิระภพกลับไม่มีท่าทีสำนึกผิด กลับทึกทักเอาว่า สาเหตุที่แผนกลั่นแกล้งแกงค์ผลไม้รวมล้มเหลวไม่เป็นท่า มันเป็นเพราะเธอ... ยัยเด็กแคระแกร็น!
ที่นั่งโล่งๆ ว่างๆ มีตั้งมากมาย ไม่นั่ง! กลับมานั่งในทิศทางเดียวกับที่ยัยแกงค์ผู้ดีเรื่องมากพวกนั้นมันกำลังยืนตัดสินใจว่าจะดื่มน้ำจากแก้วดีหรือเปล่า?



ทินสิรี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2554, 20:52:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2554, 20:53:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1394





   เด็กชายอ้วนกลมกับเด็กหญิงแคระแกร็น >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account