ฝนพรำกลางทะเลทราย
ยังไม่มี
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๐

จู่ๆ ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอก็ถูกทาบทับด้วยริมฝีปากแผ่วร้อนของเขา ความตื่นตระหนกทำให้เธอผงะ หากท้ายทอยถูกกดทับด้วยมือหนาจึงไม่สามารถเบือนหน้าหนีได้ดั่งใจปรารถนา จุมพิตของเขาบดขยี้รุนแรงร้อนเร่าจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน หญิงสาวเผยอปากสูดลมเข้าปอดแต่กับถูกเรียวลิ้นอันอ่อนนุ่มแทรกสอดเข้าลิ้มลองความหอมหวานอย่างหิวกระหาย เธอพยายามต่อต้านฝ่ายรุกล้ำโดยใช้ปลายลิ้นผลักไสความจาบจ้วงนั้นออกอย่าง ไร้ประสบการณ์ แต่กับเป็นการต่อกรที่เร่งเร่าความรู้สึกเข้าอย่างรัญจวนใจ
จนอีกฝ่ายเผลอครางเคล้าเสียงลมหายใจหอบ มือเลื่อนลงลูบไล้ระเรื่อยตามแผ่นหลังไปสู่ลอนสะโพกของเธออย่างช่ำชองจัดเจนผ่านผ้าซาตินเนื้อบางมันลื่นไหล ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยการปลุกเร้าและหลอกล่อสัญชาตญาณความเป็นหญิงของเธอที่หลบซ่อนอยู่ภายในให้ตื่นขึ้นมา จากรุกรานรุนแรงเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลหวานล้ำจนวาบหวิวซาบซ่าน ก่อนที่สติจะเตลิดเปิดเปิงไปไกลจนสุดกู่
หญิงสาวใช้มืออันสั่นเทาของตัวเองขึ้นปิดปากเขาไว้ พลางส่งเสียงอุทธรณ์หอบโหย

“ พ...พอแล้ว”

“ บอกมาก่อนสิ” เสียงของเขาแหบพร่า แสร้งพรมจูบไปตามมือบางหอมกรุ่นเนิบนาบอ้อยอิ่ง ก่อนจะรวบมันไว้กับอก ริ้วรอยอารมณ์พิศวาสยังไม่คลายไปจากความรู้สึก

“ ถ้าฉันบอกแล้วคุณจะปล่อยฉันไปใช่ไหมค่ะ? ”หล่อนหยั่งเชิงถาม เธอไม่โง่พอที่จะแบกความลับของเจ้าหญิงฟาติยะไว้กับตัวไปจนวันตายด้วยความซื่อสัตย์เหมือนนางเอกในนิยายหรอกนะ หากมันสามารถแลกกับอิสรภาพของเธอได้เธอก็จะทำ เพราะในเมื่อท่านเป็นผู้นำพาให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้ท่านเองก็ควรมีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน แต่ครั้นจะบอกตรงๆโต้งๆหญิงสาวก็คงไม่เหลือสิ่งใดที่พอจะต่อรองอีกต่อไป
ดวงตาคมแวววาบในความมืด ก่อนริมฝีปากบางกระตุกยิ้มขึ้นราวจะเหยียดหยัน เจ้าหล่อนยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองรึไงนะ....ว่าสิทธิ์ใดใดที่เจ้าหล่อนมี ได้มันหมดลงไปเมื่อเธอย่างก้าวเข้าสู่พิธีวิวาห์ ณ ท้องพระโรงกับชายที่ชื่อ รามิล อาซาบา แล้ว.....

“เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรอง แม่หนูน้อย”

“ทำไมคะทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์”เธอโกรธจนแผดเสียงตอบกลับพยายามพลิ้วมือหนีการเกาะกุมของเขา หากยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่น คนที่เคยทำตัวดังน้ำแข็งตลอดบัดนี้ร้อนรนยิ่งกว่าไฟ

“ สำหรับคนโกหกหลอกลวงฉัน ไม่สมควรจะได้รับการอุทธรณ์ใดๆทั้งสิ้น”น้ำเสียงเยียบเย็นย้ำ

“แล้วคุณไม่อยากรู้รึไง ว่าเจ้าหญิงไปไหน แล้วคนที่เข้าพิธีบ้าๆกับคุณถึงได้กลายเป็นฉัน” หญิงสาวหน้าเสีย เมื่อข้อมูลที่มีอยู่ในมือในตอนนี้ไม่มีความหมายอีกต่อไป

“ ก็สารภาพมาสิ”เขาพูดคล้ายมันไม่ได้มีความสำคัญเลยสำหรับคำสารภาพ ทั้งที่ตอนแรกเหมือนอยากได้ยินนักหนา “แต่ถึงเธอไม่พูด ฉันก็มีทางสืบรู้จนได้ ”

เป็นครั้งแรกที่เธอได้เรียนรู้ว่า ลูกไม้แบบไหนก็ใช้กับชายคนนี้ได้ยากยิ่ง
หากเธอยังขืนโวยวาย โกรธขึงรังแต่จะทำให้เธอบ้าไปซะเปล่าๆ

“ถ้างั้นทำไมคุณบังคับให้ฉันพูดในตอนแรกค่ะ”

“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าผู้ร้ายอย่างเธอจะปากแข็งไปได้สักกี่น้ำไง”เข้าพูดอย่างไม่อาทร ก่อนสะบัดลุกขึ้นจากเตียงไปอย่างง่ายดาย แล้วสั่งน้ำเสียงเป็นงานเป็นการมากขึ้น “เอาละเธอนอนพักได้แล้ว ฉันจะไปประชุม”

ตอนนี้น่ะนะ....อยากถามเหมือนกันว่าทำไมต้องประชุมตอนตีสอง แต่กลัวเขาเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาแล้วคนที่ซวยอาจจะเป็นเธอก็ได้ จึงได้แต่นิ่งเงียบ
แต่ชายหนุ่มดูเหมือนจะอ่านใจเธอออก
“ การประชุมวาระพิเศษ สำหรับพวกที่รวมหัวกันตบตาฉันไงละนริศ ”เขาเน้นย้ำอย่างสาแก่ใจ” ก็น่าเสียดายแทนคุณนะ ที่มาป่วยเสียก่อนจนไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่เอาเถอะแล้วผมจะกลับมาเล่าให้ฟังจนครบถ้วน ว่าใครจะได้รับโทษอย่างไรบ้าง เริ่มจากองค์กษัตริย์เลยก็ได้ที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ต่อจากนั้นก็เจ้าหญิงพระชายา แล้วก็....คุณ”
เชครามิลกล่าวอย่างมั่นใจ

หากเธอยังสงสัย จริงอยู่ว่าเชคผู้นี้มีฐานะร่ำรวยหากท่านก็เป็นเพียงผู้ครองแคว้น...แต่ถ้าถึงขนาดเอาผิดกษิตริย์ได้ แปลว่าท่านมีอำนาจล้นเหลือ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็....ยากที่จะต่อกรยิ่ง
หญิงสาวใจเสียหลุบตาต่ำ แอบดีใจที่เป็นเวลาค่ำคืน เพราะเธอไม่อยากเห็นสายตาดุดันที่จ้องมองมาอย่างคาดโทษ

“ แต่ก่อนไปประชุม มาดูอะไรสนุกๆกันก่อนเป็นไร” รามิลกล่าวหัวเราะหึในลำคออย่างถูกใจเมื่อเสียงเอะอะโวยวายแว่วดังมา มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มันคือเสียงการต่อสู้ผสมเสียงโอดโอยของมนุษย์

“ จากด่านชั้นนอกผ่านองครักษ์มากมายจนถึงด่านชั้นในใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ก็ไม่เลวนะสำหรับไอ้หนุ่มคลั่งรัก อ่อนหัด เธอว่าไหม?”

นริศขนลุกชัน เข้าใจละ...ที่ท่านมองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่กำลังชมจันทร์ หากคงกำลังเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของใครบางคนภายนอกอย่างเงียบเชียบ....ไม่มีคำบรรยายถึงความเลือดเย็นของผู้ชายคนนี้
และไม่ต้องสงสัยคือผู้ที่ต่อสู้ด้านนอกจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก คนคนนี้
เจ้าชายฟารัส....

เสียงความเคลื่อนไหวภายนอกใกล้เข้ามาทุกขณะไม่มีเสียงดาบ ไร้เสียงปืน คงไม่มีใครอาจหาญใช้อาวุธเหล่านั้นในเขตพระราชฐานชั้นในเป็นแน่ มีเพียงเสียงตะโกนเอะอะตึงตังและฝีเท้าสับสัน
หญิงสาวลุกพลวดพราดขึ้นจากเตียงใจเต้นระทึก วิ่งไปที่ลูกบิดประตูอย่างรวดเร็ว
น้ำตาแห่งความยินดีเอ่อท่วมตา
อย่างน้อยเจ้าชายก็ไม่ทอดทิ้ง หญิงอาภัพแถมยังถูกเพื่อนหักหลังอย่างเธอ
เพื่อนรึ...?
หญิงสาวเม้มปากจนเป็นเส้นตรง เจ็บที่ถูกกระทำในครั้งนี้มันมากเกินอภัย
ระหว่างเธอกับเจ้าหญิง คงไม่มีคำนี้ สืบไป
ตอนนี้ แต่ขอให้มีชีวิตรอด
ความหวัง..........จุดประกายวาบเข้ามาสู่หัวใจอีกครั้ง
ใช่ หวัง...และไม่เคยหยุดหวัง...ตราบใดที่หัวใจยังไม่หยุดเต้น

แสงไฟจากอัจกลับที่ติดไว้ข้างผนักสว่างจ้าด้วยน้ำมือของชายคนเดียวในห้อง
เขากอดอกยืนตระหง่านอยู่กลางห้อง ตามองนิ่งดูร่างระหงกำลังพยายามบิดลูกบิดประตูให้เปิดออกลนลาน พร้อมกับกรีดเสียงร้องอย่างขัดใจเมื่อประตูเปิดไม่ออก ราวกับกำลังรอชมละครฉากสำคัญ
จนกระทั่ง....ประตูหน้าเรือนหอถูกน้ำหนักของอะไรสักอย่างกระแทกตึงๆ
“นริศ เธออยู่ในนั้นใช่ไหมฉันมาช่วยเธอแล้ว” เจ้าชายฟารัสจริงๆ เสียงขาดเป็นห้วงมันร้าวรอนปนเจ็บปวดลอดเข้ามา ตามด้วยเสียงตวาดกร้าวสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม สับสันปนเปกัน “ปล่อยข้านะ ข้าบอกให้ปล่อย นริศผมอยู่นี่ ผมจะช่วยคุณให้ได้”

ความสูญเสียทำให้เจ้าชายผู้สง่างามเสียศูนย์ ควมคุมตัวเองไม่อยู่
หลังจากที่เขาใช้เวลาตามหาเจ้าหญิงฟาติยะอย่างบ้าคลั่ง ติดตามรถยนต์ต้องสงสัยคันหนึ่ง
แต่ยิ่งตามยิ่งห่าง กว่าจะฉุกใจคิดนี่คือกลลวง ก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มจึงลนลานกลับมายังพระราชวัง แต่ทุกอย่างก็สายไป
มันขมขื่นเกินจะทนทานไหว เมื่อรู้ว่า ‘ของรัก’ของท่าน บัดนี้เป็นของคนอื่นตามประเพณีไปเสียแล้ว สามปีที่เฝ้าฝัน มันหลุดลอยไปชั่วข้ามคืน...สติสัมปชัญญะก็ขาดผึง เขารีบแล่นเข้ามาพระราชฐานอันเป็นที่ตั้งของเรือนหอทันที

“ฝ่าบาทอย่าทรงทำเช่นนี้เลยพะยะค่ะ”

เสียงบางคนห้ามปราม แต่คงจะไม่เป็นผลเพราะมันตามมาด้วยเสียงเขย่าประตูโครมคราม

“อย่ามายุ่งกับข้า...ปล่อย”

“ฝ่าบาท อย่ารบกวนท่านเลย”

เกิดความชุลมุนอีกวาระหนึ่ง โดยไม่รู้ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน

“ฟารัส ฉันอยู่ในนี้ ช่วยฉันด้วย”

เธอตะโกนร้อนรน คราวนี้ทั้งทุบทั้งเขย่าประตู แม้เจ็บมือไม่น้อยทีเดียว
หาก..
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ย่อมทำได้ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด

“ช่วยด้วย ”

รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่โถมเข้าใส่บานประตูใหญ่แข็งแรงจนทั้งร่างสะท้านสะเทือน ความเจ็บแล่นแปล๊บตามเนื้อตัว แต่ยังดีกว่างอมืองอเท้า
การกระทำของเธอทให้ชายอีกคนสุดทน

“ ไปซะฟารัส มีอะไรเอาไว้พูดในที่ประชุม ตอนนี้นริศต้องการการพักผ่อน”เขาตวาดลั่น
อำนาจฉายชัด การต่อสู้ภายนอกเหมือนจะชะงักงัน ความวุ่นวายอืออึงหยุดลงตรงนั้น

ชั่วอึดใจ เสียงความเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ประตูพร้อมเสียงขุ่นเขียวคาดคั้นดังลอดเข้ามา

“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทำร้ายเธอ ”

“สัญญา” เชครามิลตอบกลับหนักแน่นมั่งคง “ด้วยเกียรติแห่งเรา”

คนภายนอกนิ่งอึ้ง พึมพำขอบคุณ ก่อนส่งเสียงปลอบประโลมมาถึงเธอ

“รอก่อนนะนริศ แล้วผมจะกลับมา”

แล้วเสียงฝีเท้าก็ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวผวาร้องตาม ในหน้าแนบกับปานประตูจนแทบกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน
ไม่ ไม่นะ

“อย่าไปฟารัส ช่วยฉันก่อน”

ร่างบางค่อยๆทรุดตัวอย่างหมดแรงคล้ายกับตุ๊กตาผ้าที่ไร้คนเชิดชักก็ร่วงกองลงกับพื้น จากนั้นก็ปล่อยโฮ...สิ้นอาย ยายขา ดูเหมือนโลกของเราห่างกันลงไปทุกที
นศจะทำอย่างไงดีคะ?
แรงสะอื้นจนตัวโยน สร้างความหวั่นไหวให้กับรามิลไม่น้อย
เขาเคลื่อนตัวเข้าไปประคองไหล่ละมุนอย่างอ่อนโยน หากเจ้าตัวกลับสะบัดหนี

“สนุกพอไหม สาแก่ใจรึยัง”เธอแผดเสียงใส่ น้ำตาไหลเป็นสาย

ชายหนุ่มพูดไม่ออก ปากเย้ยเล่นหวังความสะใจเล็กๆน้อยๆตามประสาคนปากไม่ดี
เหอะ.. คงจะรักกันมากสิท่า ถึงจะเป็นจะตายขนาดนี้ ชายหนุ่มยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจึงไม่ค่อยน่าฟังนัก

“เธอควรไปพักผ่อนได้แล้วนริศ พรุ่งนี้เราต้องกลับดาลัดกันแต่เช้า”

“ไม่ไป พรุ่งนี้ฉันจะกลับเมืองไทย” เธอเถียงไม่ลดละ ทั้งน้ำตายังร่วงระริน

“ไม่ได้”

“ฉันไม่ได้ทำความผิดอะไร ฉันถูกเขาบังคับให้ทำคุณเข้าใจไหม”

“ฟังนะแม่ตัวดี”คราวนี้เขาไขความกระจ่างให้เธอมากขึ้น “เธอจะไปไหนไม่ได้ในตอนนี้ มันอันตราย”

“ อันตราย..?”หญิงสาวทบทวนงงงวย

เขาพยักหน้า“เธอเข้ามาเกี่ยวข้องในสิ่งที่ไม่สมควรนริศ เธอรู้มากเกินไป ”

“ท่านคิดว่า มีคนต้องการฆ่าปิดปากฉันอย่างนั้นหรือค่ะ?”

“ใช่”เขาเอ่ยอย่างมั่นใจ

สิ่งใดที่สร้างความเสียหาย น่าอับอาย ลดเกียรติยศ ของกษัตริย์แห่งอาคาเชีย ย่อมสมควร ‘เก็บ’ ให้เป็นที่หรือ ‘กรวด’เสียให้สิ้น เพราะนี่คือวังวนแห่งอำนาจที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด “เอาละพักผ่อนให้สบายไม่ต้องคิดอะไรมาก ทุกสิ่งปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

แล้วเขาก็ดึงกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงและไขประตูออกไปหน้าตาเฉย ทิ้งเธออ้าปากค้างพร้อมความขมขื่นเผื่อนปร่าในลำคอ หึ....ทีใครทีมัน
พรุ่งนี้....จะเป็นเช่นไร
พรุ่งนี้....จะอยู่ที่ไหน
หากวันนี้ยังมีลมหายใจ
ก้าวสู่วันใหม่ของพรุ่งนี้และพรุ่งนี้...



เดือนมีนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.พ. 2558, 15:57:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.พ. 2558, 15:57:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1112





<< ตอนที่ ๙   
Zia 18 ก.พ. 2558, 16:14:52 น.
สนุกจ้า ตอนนี้ให้ร้อยดาวเลย มีเหตุผล น่าติดตาม รอต่อนะคะ ^^


Zephyr 18 ก.พ. 2558, 18:16:50 น.
ทำไมกษัตริย์ต้แงกลัวเชคขนาดนี้
เชคเริ่มรักนริศสินะ ถึงโมเมเอาน่ะ
เจ้าชายกลัวอะไรทำไมพังเข้ามาไม่ได้
สรุปเพื่อนหักฟลังจริงรึแค่แผนใส่พานถวาย


ร้อยวจี 18 ก.พ. 2558, 20:06:45 น.
คติ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว (ได้หรือเปล่าเอ่ย)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account