ฝนพรำกลางทะเลทราย
ยังไม่มี
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๙

แม้ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยชีวิตชีวาสมกับเป็นงานอันมงคล เสียงอวยชัยให้พรเป็นภาษาที่ไม่รู้เธอไม่คุ้นเคยแต่รับรู้ได้ด้วยใจ ลอยมากระทบโสตประสาทตามทิศทางที่ขบวนเจ้าสาวก้าวผ่าน หากใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าลูกไม้ลวดลายวิจิตร กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเกรงกริ่ง เจ้าหญิงพระชายาที่คล้องแขนเธอเอาไว้นำหน้าขบวน โดยมีคนของท่านอีกสองคนคุมเชิงอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นการประกบตัวที่แนบเนียนยิ่ง ส่วนด้านหลังคือขบวนเพื่อนเจ้าสาวที่มีซาร่าและพอลลีนมองหน้ากันเลิ่กลัก เมื่อไม่เห็นเธออยู่ร่วมขบวน


ความกลัวนี้ทำให้เธอเกิดความเครียดเข้าเล่นงาน รู้สึกเกร็งไปหมดทั้งตัว คล้ายการขันเส้นเสียงของสายกีต้าร์ มือเย็นเกิดอาการสั่นเล็กน้อย จนเจ้าหญิงพระชายาที่ประคับประคองเธอขึ้นไปบนเวทีประหนึ่งแม่ผู้ห่วงใยลูก เหลือล้นยังรู้สึก ท่านตบหลังมือของเธอเบาๆไม่ใช่เพื่อปลอบใจ แต่เพื่อเตือนสติ จากนั้นเธอก็ถูกสั่งให้นั่งบนตั่งสีทองอร่ามตัวยาวอย่างสงบ โดยคนของท่านนัยว่าเป็นแผนกพิธีการรั้งอยู่ด้านหลัง ส่วนตัวท่านเองเลี่ยงไปนั่งเคียงกษัตริย์พระสวามียังพระที่นั่งข้างหน้าเวที นั้น ด้วยสายพระเนตรจับจ้องไม่วางตา

เพียง ไม่นานเกินรอหญิงสาวก็ได้รู้สึกถึงร่างอุ่นของบุรุษก้าวเข้ามานั่งเคียงข้าง แม้วิสัยทัศน์ภายใต้ผ้าคลุมจะพล่าเลือนเต็มที แต่ยังพอเห็นโครงร่างสูงตรงของเขาได้ดี

รามิล อาซาบา ผู้ชายร้ายกาจคนนั้น......

หญิง สาวพยายมระงับความสั่นสะท้านของร่างกายอย่างยากเย็น มือข้างหนึ่งกำชายผ้าคลุมไว้แน่น เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่มีวันเลื่อนหลุดลงมาในตอนนี้ .......

ใน ใจได้แต่ภาวนาให้เจ้าชายฟารัสเสด็จกลับมาโดยไว ด้วยใจระทึก เพราะจะอย่างไรเสียเธอก็ยังมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าเจ้าชายหนุ่มยัง คงสามารถปกป้องเธอได้แน่ แม้ไม่ได้ตัวเจ้าหญิงฟาติยะกลับด้วยก็ตาม หากสามารถยือเวลาให้ถึงพรุ่งนี้เช้าได้ เธอก็จะจับเครื่องบินบินกลับเมืองไทยทันที

แล้ว แผนการในใจพลันชะงักงันเมื่อมืออบอุ่นของคนใกล้ตัวก็ทาบทับลงมายังเรียวนิ้ว อันสั่นเทาของเธอ แค่ปลายนิ้วสัมผัสกระแสความร้อนก็ซ่านวาบเข้าไปสู่หัวใจ ความอบอุ่นนั้นบรรเทาความหนาวสั่นหวั่นวิตกลงไปได้บ้าง ก่อนจะถอนออกไปเมื่อเสียงสวดมนตร์เริ่มขึ้น...

เนิ่นนาน...หญิงสาวต้องทำตัวราวกับหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก ทำทุกสิ่งที่ฝ่ายพิธิการกลอกใส่หู ยกมือรับพรใครต่อใครที่เธอไม่เคยรู้จัก

จากนั้นเธอก็ถูกสั่งในลุกขึ้นพร้อมชายหนุ่มข้างตัวที่ตอนนี้หันมาเผชิญหน้า และแล้วผ้าคลุมหน้าก็ถูกตวัดขึ้นเหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว...ก่อนที่หญิงสาวจะได้ทันส่งเสียงทักท้วงใดๆด้วยซ้ำ

พลันดวงตากลมโตปะทะสายตาคมกล้าดุดันเข้าอย่างจัง....แววโกรธเกรี้ยวแตกประทุดังภูเขาไฟทันทีที่เห็นหน้าเธออย่างชัดเจน
ใช่.....มันรุนแรงเร่าร้อนและพร้อมที่จะระเบิดตลอดเวลา...
จนไขสันหลังของเธอเย็นยะเยือก
ลมหายใจติดขัด ....รู้สึกถึงพื้นที่ยืนอยู่ โคลงเคลงไร้หลัก


ก่อนสายลวดที่ถูกขึงจนตึงของสายกีต้าร์จะดีดตัวขาดผึ่ง
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างดำมึดลงตรงนั้น...........
........................................

'ตื่น เถอะนศ เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตรนะลูก' ดั่งเสียงกระซิบแว่วมาจาก ไกลแสนไกลหากเจือไว้ซึ่งความเมตตานุ่มนวล ทำให้ร่างที่นอนคุดคู้อยู่บนที่นอนนุ่มนิ่ม หอมกรุ่นด้วยกลิ่นบุหงากำจายจาง เริ่มขยับตัวช้าๆ รู้สึกคล้ายปลายนิ้วอุ่นจัดของใครบางคนกำลังเกลี่ยเส้นผมออกจากวงหน้าของเธอ อย่างเบามือ

'คุณยายเหรอคะ วันนี้นศไม่อยากได้บุญหรอกค่ะ' เสียงงัวเงียแว่วหวาน ซุกตัวในผ้าห่มอุ่น

'ตื่นได้แล้วแม่คนขี้เซา'

'ขออีกนิดนะคะคุณยาย' หญิงสาวเว้าวอนพลางหลับตาพริ้ม

'ถ้าไม่ตื่นนะ เดี๋ยวยายจะส่งไปอยู่กับพ่อเราเลยดีไหม'

"ไม่นะคะ" หญิงสาวสะดุ้งตื่น พร้อมอาการปวดจี้ดไปทั้งศีรษะ

เธอ เปิดเปลือกตาขึ้นสำรวจอย่างงงวย เมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน หากความเป็นจริงในตอนนี้ เธอนอนอยู่ใต้ผ้าห่มสีนวลขลิบทองบนเตียงกว้าง ครอบด้วยมุ้งขาวโปร่งตาที่ย้อยระย้าลงมาจากเพดานสุง หญิงสาวลุกขึ้นนั่งตัวตรง ใช้มือเปิดขอบมุ้งออกเพื่อสำรวจ แต่แทบจะผงะหงาย เพราะท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญนวลกระจ่างที่ลอยอ้อยอิ่งอวดลำแสง ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งถูกเปิดออกเพื่อรับลมนั้น ร่างตระหงานงามของใครคนหนึ่งยืนกอดอกพิงขอบหน้าต่าง อาบรัศมีจันทราจนทอดเป็นเงาโดดเด่นเพียงลำพัง ราวกับเจ้าแห่งราตรีผู้ครอบครองมงกฏแห่งแสงจันทร์ก็ไม่ปาน ส่วนใบหน้าของเขาเพ่งมองบางสิ่งเบื้องล่างราวกับมันน่าสนใจเสียเต็มประดา

" ตื่นแล้วเหรอ" เขาทักขึ้นทั้งที่ไม่หันหน้ามาด้วยซ้ำ

"คุณ..คุณ .เชครามิล" เธอเปล่งเสียงออกมาอย่างลนลาน หวาดกลัวจนแทบบ้า "ไม่นะ คุณเข้ามาทำไม ที่นี่ที่ไหน"

เธอ อยากจะกระโจนลงจากเตียงไปซ่อนที่ไหนสักแห่งเพื่อตั้งหลัก แต่พอสัมผัสชุดนอนผ้าซาตินเนื้อบางเบาลื่นมือที่เธอสวมอยู่ก็ใจหายวาบต้อง ตัดใจอยู่บนเตียงดีกว่า ในใจเต้นตึกตักพร้อมกับคำถามใครเป็นคนสวมเสื้อผ้าให้เธอกันเล่า?

"ผมให้คุณทาย" เขาหมุนตัวกลับแต่ยังกอดอกแน่นิ่งอยู่ข้างหน้าต่างน้ำเสียงเต็มไปด้วยความยียวน

" ฉ..เออ ...ฉันไม่รู้"เธออ้ำอึ้ง ในหัวมันตื้อ มืดแปดด้านไปหมด

"งั้นผมจะบอกให้" เขาเริ่มย่างเข้ามาหาช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าแค่มือเอื้อมถึง แล้วหน้าก้มลงมาหาจนแทบชิด " ก็ห้องหอของเราไงละ"

น้ำเสียงเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยหยามหยัด จนสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจคนฟัง


"ไม่ นะ ไม่จริง" เธอปฏิเสธเบาหวิวไม่อยากเชื่อ สายลมแห่งโชคชะตาพัดพาเธอมาเพื่อสิ่งใดกันหนอ หญิงสาวตัดพ้อชะตาชีวิต น้ำตาเจ้ากรรมไหลรินอย่างกลั้นไม่อยู่
"จริงสิ" คนพูดตอกย้ำเน้นหนัก เพื่อให้มันกรีดลึกลงในหัวใจคนฟัง "หรือต้องให้พิสูจน์ด้วยมั้ย"

'เธอคิดว่าเธอเล่นกับใครกันแม่เด็กน้อย' ชายหนุ่มคิดแค้นเคือง รู้สึกถึงความผิดปกตินับตั้งแต่ฝ่ายพิธีการมากระซิบกระซาบ
ห้าม ไม่ให้เขาเปิดหน้าเจ้าสาว หากน้อยคนนักที่ทำให้คนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงอย่างรามิลคล้อยตามได้ ชายหนุ่มแค่เลิกคิ้ว ไม่รับและไม่ปฏิเสธ หากซ่อนความสงสัยไว้อย่าวมิดชิด จนความสงสัยนั้นคลี่คลาย เมื่อผ้าคลุมหน้าผืนบางถูกเปิดออกด้วยน้ำมือของเขา ถูกแม้ไม่เคยพูดคุยหรือทำความคุ้นเคยกับผู้ที่จะมาเป็นเจ้าสาวก่อนหน้านี้ เลยก็ตาม หากภาพถ่ายของเธอกลับถูกส่งมาถึงเขาทุกปีเหมือนกับการรายงานผลประจำปี ซึ่งภาพเหล่านั้นก็ยังนอนนิ่งอยู่ในแฟ้มเอกสารที่ดูครั้งเดียวผ่าน จนแทบจำใบหน้าในภาพนั้นไม่ได้เสียแล้ว แต่กับใบหน้างดงามแว่วตาซึ้งของผู้หญิงปากกล้าที่ปะทะฝีปากกับเขาเมื่อไม่ กี่วันมานี่ มีหรือที่เขาจะลืมเลือน เพราะมันเต็มไปด้วยความตระหนก และหวาดกลัว

เขาถูกตบตา.....นี่มันหยามกันชัดๆ

ร่างของเขาสั่นเทิ่มด้วยแรงโทสะ หากยังไม่ทันได้เกรี้ยวกราดโวยวาย ร่างนุ่มนิ่มก็เป็นลมล้มพับคาอกเขาเสียนี่


"อย่าบ้านะคุณ" ดวงตากลมโตแดงช้ำเบิกกว้างอย่างตระหนก หญิงสาวกระชับผ้าห่มไว้แน่นโดยอัตโนมัติ แม้จะมีเพียงความสลัวของแสงจันทร์ กระนั้นเธอยังอุตส่าห์เห็นประกายกล้าของดวงตาคู่คม จนต้องหลุบต่ำพร้อบเขยิบร่างออกห่าง ไม่มีใครทำให้แพทย์สาวเสียการควบคุมตัวเองได้เท่าผู้ชายคนนี้อีกแล้ว น้ำตาเหือดหายมีเพียงความระแวดระวังเข้ามาแทนที่

"ใครบ้ากันแน่ แม่คุณ" ชายหนุ่มเย้ยเยาะ แกล้งเบียดกายเข้ามานั่งตรงที่ว่างที่เธอพึ่งขยับออกมาจนชิด หญิงสาวรีบกระถดถอยออกมาอีกแต่ถูกมืออันแข็งแรงของเขารวบไหล่เอาไว้เสีย ก่อน ปากก็พร่ำกระเซ้าเชิงหยาม "นี่เธอรักฉันถึงขนาดลงทุนเอาเจ้าสาวฉันไปซ่อนแล้วสวมรอยแทนเชียวเหรอ ถ้ารักฉันก็บอกตรงๆก็ได้ ไม่ต้องทำถึงขนาดนี่หรอกน่า"

หญิงสาวตาโต ฉุนขึ้นมาทันควัน

" คะ..คุณนี่มันหลงตัวเองชัดๆ" เธอว่าอย่างเหลืออด " ใครเขาทำอย่างนั้นเพื่อคุณกัน"

"ถ้าอย่างนั้นเธอทำเพื่ออะไรกันหา บอกมา"
เขา ตะคอกกลับเสียงต่ำ ไหล่ทั้งสองถูกเขย่าจนหัวสั่นหัวคอนตามแรงอารมณ์ ท่าทีคุกคามและบ้าอำนาจของเขาทำให้เธอสะท้านสะเทือนมากทีเดียว คิดหาคำพูดสวยหรูเพื่อเอาตัวรอดก็คิดไม่ออก

" ฉ..ฉัน" หญิงสาวอึกอักอ้ำอึ้ง พยายามดันอกของเขาที่เริ่มเบียดแน่นเข้ามา แต่ดูเขาไม่สะเทือนเลยแม้แต่นิด

"พูดสิ พูด" ชายหนุ่มบีบคั้นมาอีก เมื่อเห็นเธอยังอึกอักไม่ยอมจำนนก็ยิ่งโมโห
"ไม่พูดใชไหม"







เดือนมีนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.พ. 2558, 22:38:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.พ. 2558, 22:38:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1193





<< ตอนที่ ๘   ตอนที่ ๑๐ >>
Zia 17 ก.พ. 2558, 23:33:22 น.
รุนแรงง่าาาา เข้าหอวันแรกนะเทอออ 555


ร้อยวจี 18 ก.พ. 2558, 00:07:54 น.
เหมือนโดนทุกคนหักหลัง น่าสงสาร


Amarilys 18 ก.พ. 2558, 09:26:35 น.
เอิ่มมม..คุณพระเอกคะฉลาดหน่อย ผู้หญิงธรรมดาจะเอาเจ้าหญิงไปซ่อนแล้วมาใส่ชุดเจ้าสาวเองได้งัยคะ จะเค้นก็ไปเค้นกับพ่อแม่เจ้าสาวดิ๊


Zephyr 18 ก.พ. 2558, 18:06:56 น.
เอิ่ม ถูกใจใช่มั้ย
เชินก็บอกมาเหอะเชคขา
อยากได้อยู่แล้วนี่ืคนใส่พานให้ ไม่ต้องกลัวหน้าแตกหรอก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account