สัญญารักพรางใจ
คิมหันต์ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมบันดาล โชคชะตา ทำบุญร่วมกันมา
เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ
หากไม่มีเหตุการณ์นั้นเขาจะแต่งงานกับมัทนาเพราะเหตุผลอะไร

Tags: ความรัก สัญญา ความลับ

ตอน: ตอนที่ 14

ตอนที่ 14

มัทนาถูกทีปต์คะยันคะยอให้มาส่งคิมหันต์ที่รถ เธอไม่อยากขัดใจเลยเดินตามร่างสูงมาจนถึงหน้าบ้าน แต่เขากลับหาที่นั่งแถวๆ นั้นแล้วดึงมือให้เธอนั่งลงใกล้ๆ กัน ทำอย่างกับมีความลับระดับชาติอย่างไรอย่างนั้น
“ทำไมเธอถึงเรียกปู่ของฉันว่าอังเคิลเค” เขามีเวลาไม่มากเลยต้องถามตรงๆ
น่าแปลกใจไม่น้อย มัทนาคิดว่าคิมหันต์น่าจะรู้เรื่องที่เธอกับปู่ของเขาติดต่อกันมาเป็นปีแล้วเสียอีก แต่มาถึงตอนนี้คงไม่ใช่ความลับอะไรแล้ว
“หลังจากพ่อกับพี่ชายของฉันตาย ตอนนั้นบ้านของฉันมีหนี้สิน ปู่ของคุณก็หาคนมาซื้อ แล้วยังติดต่อคอยเป็นกำลังให้และช่วยเหลือฉันในเรื่องต่างๆ มาตลอด ฉันถึงรักปู่ของคุณเหมือนปู่ของฉันไงล่ะ”
“แล้วทำไมปู่ถึงไปช่วยเธอ รู้จักกันมาก่อนหน้านั้นหรือเปล่า” เขาใกล้ชิดกับปู่มาตลอด ยังไม่เคยได้ยินปู่เอ่ยชื่อของคนบ้านสวนสักครั้ง
“เปล่าค่ะ ท่านส่งเมล์หาฉันแล้วเราก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ ฉันเพิ่งรู้ว่าปู่ของคุณ เป็นอังเคิลเคของฉันหลังจากเกิดเรื่องจนเราต้องแต่งงานกัน”
คิมหันต์ฟังแล้วยิ่งสงสัย มีเหตุผลอะไรที่ปู่ต้องไปช่วยเหลือครอบครัวหนึ่งทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วย ไม่น่าแปลกใจแล้วว่าทำไมปู่ถึงเอ็นดูมัทนานัก
“เธอตัดสินใจแต่งงานกับฉันเพราะปู่ของฉันหรือเปล่า”
“ก็มีส่วนค่ะ” แต่ถ้าเธอไม่รู้จักคิมหันต์มาก่อนก็อาจคิดหนักกว่าตอนนั้นก็ได้
ร่างสูงลุกขึ้นเป็นอันว่าหมดเรื่องที่อยากถาม แต่ยังไม่หมดเรื่องที่สงสัย
“วันนี้อยู่บ้านแล้วถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนอยากหาหมอรีบโทรหาฉัน บริษัทอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง”
มัทนายิ้มให้คิมหันต์ มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เธอคิดว่าการตัดสินใจแต่งงานไม่ใช่เรื่องเสี่ยงเกินไป คิมหันต์มีนิสัยน่าคบยิ่งขึ้นเมื่อเราอยู่ใกล้ๆ กัน
“จะว่าไปแล้วคุณก็ใจดีเหมือนกันนะ”
คิมหันต์ไม่เถียงเพราะเขาไม่ได้ใจร้าย แต่เคยใจดีขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ชายหนุ่มเข้าไปนั่งในรถแล้วมองมัทนายามรถเคลื่อนออกจากบ้าน เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่มีใครสักคนคอยส่งกำลังใจให้เขาออกไปสู้รบกับปัญหานอกบ้าน

คิมหันต์ได้รับคำอธิบายจากวริศว่าสารที่มัทนาได้รับมีส่วนผสมของสารส่วนประกอบประเภท อีเมติน และ เซฟาลีน ซึ่งได้รับในปริมาณน้อยมาก ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ช้าประมาณสิบห้าถึงสามสิบนาที ทำให้เกิดการอาเจียน ส่วนแอลกอฮอล์ไม่พบแม้แต่นิดเดียว แสดงว่ากลิ่นเหล้ามาจากการจัดฉากเท่านั้น
คิมหันต์ฟังแล้วยิ่งโกรธ คนร้ายคงไม่ได้หวังให้ถึงชีวิต แต่ต้องการทำให้มัทนาดูเป็นผู้หญิงขี้เมาดื่มจัดจนอาเจียนเลอะเทอะ เนื้อตัวมีแต่กลิ่นเหล้า โชคดีที่เธอสลบไปก่อนไม่ว่าจะเพราะฤทธิ์ยาหรือว่าถูกโปะยาแล้วจัดฉาก ไม่อย่างนั้นคงได้บ้าเลือดเหมือนเขาแน่
เมื่อถึงห้องทำงานคิมหันต์โทรหาเจ้าสัวเชียรเพื่อขอให้ช่วย หลักฐานต้องยังอยู่สักอย่างใดอย่างหนึ่ง ในงานมีการถ่ายภาพและคลิปต่างๆ รวมทั้งที่นั่นอาจจะมีกล้องวงจรปิดที่อาจบันทึกการลงมือของคนร้ายไว้ก็ได้ เป้าหมายของเขามีเพียงโต๊ะที่เขานั่งกับมัทนา ห้องน้ำ และลานจอดรถเท่านั้น
ไม่ถึงสามชั่วโมงรหัทก็ได้บางอย่างที่พอจะเป็นเบาะแสได้ เขาโทรหาคิมหันต์พร้อมกับส่งคลิปภาพที่กล้องวงจรปิดของในงานจับภาพไว้ได้
“มีกล้องวงจรปิดตรงห้องน้ำและที่ลานจอดรถบ้างไหมรหัท” คนวางยาเขารู้แล้ว แต่คนพามัทนาไปไว้ที่นั่นใครกัน งานนี้ไม่มีทางทำคนเดียวแน่
“น่าเสียดายที่กล้องวงจรปิดจับภาพตอนที่คุณมัทนาถูกพาตัวไปไว้ที่รถของคุณเดชาไม่ได้ครับ”
คิมหันต์เสียดายยิ่งกว่า ถ้าเขาฉุกสงสัยว่าจะเป็นการวางยาคงหยิบเครื่องดื่มกับแก้วที่มัทนาเพิ่งดื่มมาเป็นหลักฐาน แต่คนร้ายได้มัดตัวเองเพราะมาเก็บหลักฐานหลังจากเขาพามัทนาออกมาจากงานไม่กี่นาที
“โทรนัดนันทินีพรุ่งนี้ เดี๋ยวผมจะโทรไปขอบคุณเจ้าสัวเชียรเอง”
รหัทวางสายรีบทำตามคำสั่ง คิมหันต์โทรหาเจ้าสัวเชียรแล้วบอกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ปิดบัง ปู่กับเจ้าสัวเชียรเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม หลักฐานถูกรวบรวมแล้วเก็บใส่แฟลชไดร์ฟ งานนี้หลังจากเอาคืนแทนมัทนาแล้ว เรื่องจะถึงตำรวจทันที

การมาอยู่บ้านของอังเคิลเคก็สุขใจไปอีกแบบ ช่วงสายเธอพาชายชราไปโรงพยาบาลเพราะถึงวันตรวจสุขภาพพอดี พอตรวจเสร็จก็พอไปหาของอร่อยกินกันสองคน เธอยังกินอะไรไม่ได้มากเพราะยังไม่ค่อยสบายท้องเท่าไหร่ อังเคิลเคบอกเธอว่าคิมหันต์ไม่ค่อยวาง บางทีอยากไปไหนด้วยกันก็ลำบาก เธอดีใจที่อย่างน้อยยังทำให้ชายชรามีความสุขได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แม้จะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
ตกบ่ายอังเคิลเคหลับ มัทนากลับมาที่ห้องนอนเริ่มสงสัย เรื่องเมื่อคืนยังมีบางอย่างที่ไม่แน่ใจ ทำไมเธอจำอะไรไม่ได้เลยจนกระทั่งตื่นมาในห้องนอนของคิมหันต์ ภาพสุดท้ายที่จำได้คือห้องน้ำ เดินเพลียๆ ออกมากำลังจะกลับไปหาเขา แต่ก็เหมือนปิดสวิชต์อยู่แค่ตรงนั้น มันน่าโมโหตรงนึกไม่ออกนี่เอง
มัทนาเปิดโน้ตบุ๊กแล้วเขียนแบบต่อ เหลือรายละเอียดอีกเล็กน้อยเท่านั้นจึงอยากทำให้เสร็จ คิมหันต์กลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่เธอดันกลับคาโน้ตบุ๊กไปเกือบสองชั่วโมง ตื่นมาเลยเมื่อยคอเหลือเกิน
วันนี้เชฟทำอาหารจีนเลยกินแบบใช้ตะเกียบ เธอวืดแล้ววืดอีกกว่าจะได้เป็ดสักชิ้น หรือหมูสักก้อน ผู้ชายสองคนพากันหัวเราะ ก่อนจะแก้ตัวเมื่อถูกแกล้งค้อนใส่ด้วยการช่วยคีบอาหารทุกจานมาให้เธอแบบไม่ต้องเหนื่อยแรงไปคีบเอง
หลังอาหารที่ลากยาวไปเกือบสามทุ่ม มัทนาพาทีปต์ไปส่งที่ห้องแล้วนั่งคุยเล่นอยู่พักใหญ่ก็ขอตัวกลับห้องบ้าง ไม่งั้นคนแก่ไม่ได้นอนตามเวลาปกติแน่ๆ เธอมันพวกมนุษยสัมพันธ์ดีกับคนอายุมากกว่า คิมหันต์ก็อายุมากกว่า แต่ตอนที่เจอกันเธอกลับไม่ถูกชะตาเขาแทนเสียนี่
พออาบน้ำเสร็จคนที่ไม่ได้อยู่ในห้องตั้งแต่แรกกลับมานั่งอยู่บนเตียง แทนที่จะเป็นโต๊ะทำงานหรือโซฟาหน้าทีวี เธอหวีผมไปก็มองไป ยังไม่ถึงกับชินเวลาอยู่ด้วยกันสองคน
“นี่คุณนอนกลางเตียงอย่างนี้จะให้ฉันไปนอนตรงไหนล่ะ”
“คิดว่าเก่งก็มาแย่งที่นอนไปสิ”
“ท้าเหรอ”
“แน่จริงก็เข้ามา” คิมหันต์ยักคิ้วล่อลวงเต็มที่ แต่มัทนากลับยืนกอดอกมองเหมือนไม่ตกหลุมที่เขาขุดไว้เสียนี่
“ฝันไปเถอะว่าฉันจะรับคำท้าแล้วทำให้ตัวเองเสียเปรียบ เขยิบไปเลย ทีฉันยังแบ่งเตียงให้คุณนอน ตอนนี้คุณจะให้นอนพื้นหรือไง”
คิมหันต์ยอมเขยิบแต่โดยดี ไม่ได้กลัวมัทนา แต่ว่าล่อให้เธอเข้ามาใกล้แล้วคว้าแขนทั้งสองข้างมาดูต่างหาก คนถูกฉวยโอกาสโวยวายขู่ใส่เสียงแข็ง
“ถ้าไม่อยากถูกต่อยหน้าบวมก็ปล่อยเลย อย่ามาเนียน ลืมสัญญาของเราแล้วหรือไง”
แขนถูกปล่อยดีๆ เพราะไม่เห็นรอยช้ำหรืออะไรที่คนร้ายทิ้งไว้ แสดงว่าตอนถูกพาตัวมาที่ลานจอดรถ มัทนาไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย เธอเป็นคนแข็งแรงร่างกายจึงฟื้นตัวได้เร็ว หมอจึงกำชับให้กินพวกเกลือแร่ก็พอแล้ว
“ล้อเล่นหรอกน่า เห็นเธอมาอยู่บ้านฉันแล้วยังดูเกร็งๆ ก็อยากละลายพฤติกรรม”
“ทำอย่างกับมาเข้าค่าย” เพิ่งหมั่นไส้เขาอยู่แท้ๆ ดูสิตอนนี้หัวเราะเพราะเขาอีกแล้ว
“นอนกันดีกว่า พรุ่งนี้ฉันมีของขวัญให้เธอ” ไม่พูดเปล่าเขานอนลงเป็นตัวอย่างแถมตบมือทีเดียวไฟในห้องก็ดับพรึบ วันนี้ขี้เกียจเดินไปปิดสวิตช์แล้ว
“ใจดีไปแล้วมั้ง แต่ก็โอเค ขอบคุณล่วงหน้าแล้วกัน” มัทนาลองปรบมือบ้าง คราวนี้ไฟสว่างทั้งห้อง อะไรจะไฮโซปานนี้ เธอปรบมืออีกทีภายในห้องก็สลัวลาง เห็นเพียงไฟที่เปิดไว้ตรงระเบียง
“ฉันมีเรื่องสงสัยล่ะ ขอถามละนะ เมื่อคืนมีอะไรที่ฉันทำหลังจากบอกคุณว่าจะไปห้องน้ำหรือเปล่า”
คิมหันต์ถอนใจยังไม่อยากเห็นมัทนาบ้าเลือดตอนนี้ “ของขวัญของฉันจะตอบคำถามนี้ของเธอได้ นอนกันเถอะ ฉันง่วงแล้ว”
มัทนาอยากถามต่อแต่เกรงใจเลยหลับตาลงแล้วคิดอะไรเรื่อยๆ ไม่นานก็หลับไป คิมหันต์วางแผนเอาไว้หมดแล้ว พรุ่งนี้เขาจะพามัทนาไปคิดบัญชีคนที่คิดร้ายกับเธอด้วยกัน

นันทินีแต่งตัวสวยเมื่อรับนัดจากคิมหันต์ แม้ว่าคนที่โทรมานัดจะเป็นบอดี้การ์ดของเขา ผ่านไปเกือบสองวันที่เธอรออย่างมีความหวังว่าเขาจะติดต่อมา แล้วเขาก็ติดต่อมาจริงๆ หัวใจของม่ายสาวพองโตมีความหวัง ขอแค่ยอมบอกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เขาไม่ได้รักเด็กคนนั้น เธอพร้อมจะรอ วินโทรมาตอนที่เธอขับรถมาถึงเซฟเฮาส์ของคิมหันต์ราวกับรู้ว่ากำลังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น
“เดี๋ยวสะดวกแล้วจะโทรหานะวิน คิมนัดนันไว้ สงสัยแผนของเราคงได้ผล เย็นนี้จะไปบอกข่าวดี”
วินยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกตัดสายไป นันทินีรีบเดินไปหาบอดี้การ์ดที่ติดตามคิมหันต์มาตลอด
“เชิญครับ อีกสักครู่คุณคิมและภรรยาจะมาถึง”
“ภรรยาเหรอ พามาด้วยทำไม” เธอนึกว่าคิมหันต์อยากพบเธอเพื่อขอโทษที่พูดไม่ดีไปเมื่อวันก่อนเสียอีก
“ผมทราบครับ” รหัททำหน้าเฉย “แต่คงบอกคุณไม่ได้ ระหว่างรอเชิญชมภาพที่คุณคิมเตรียมมาเปิดให้คุณได้ดูเป็นคนแรก ถ้าชอบมากทางผมจะก๊อปปี้ไฟล์ให้ไปดูต่อที่บ้าน”
ถึงจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่นันทินีก็ยังเข้าไปในห้องกระจกที่ปิดม่านลงแล้วเปิดไฟแทน พอเธอนั่งลง ทีวีก็เปิดขึ้นเอง ภาพต่างๆ ถูกถ่ายทออดมาให้ผู้ชมเพียงคนเดียวได้เห็น ทุกอย่างกระจ่างชัด คิมหันต์วางกับดักให้เธอมาที่นี่!

มัทนานั่งรถมากับคิมหันต์โดยที่เขาไม่บอกสักคำว่าจะไปที่ไหน หน้าตาคนจะให้ของขวัญเคร่งขรึมอย่างกับจะพาเธอยกพวกไปถล่มใครมากกว่า สองข้างทางยังเต็มไปด้วยตึกแถวก่อนจะกลายเป็นบ้านเดี่ยว เราเข้ามาในหมู่บ้านปลายซอยที่ลึกเข้าไปจนแทบจะถึงบ้านหลังสุดท้ายของซอยนั้นอยู่แล้ว
เขาจอดรถแล้วรอให้เธอลงไปสมทบที่หน้าบ้านซึ่งมีรถอีกสองคันจอดอยู่ รหัทเดินออกมารอรับ มัทนามองบ้านชั้นเดียวที่ดูเหมือนบ้านหลังอื่นๆ เพียงแต่กระจกทุกบานเป็นสีชาไม่พอยังมีม่านปิดอย่างมิดชิด
“ที่นี่เหรอ ให้บ้านทั้งหลังเนี่ยนะ เยอะไปไหม ฉันรับไม่ไหวหรอกนะ”
ผู้ชายหน้าเคร่งเครียดสองคนพากันกลั้นยิ้ม
“ใครว่าจะให้บ้าน ถ้าจะให้ไม่ให้แค่บ้านหลังเล็กแค่นี้หรอก แต่จะพาเข้าไปในบ้านต่างหาก มีคนรอบอกเรื่องสำคัญกับเธออยู่”
มัทนาชักไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปดีไหม รอยยิ้มที่มุมปากแบบนั้นของคิมหันต์น่าไว้ใจตรงไหน เหมือนคนกำลังทำเรื่องร้ายกาจมากกว่าทำเรื่องดีๆ
“เชิญครับ”
คิมหันต์จับมือมัทนามาประสานไว้แล้วพาเดินแกมลากเข้ามาในบ้าน เธอมองหน้าเขาแล้วมองไปทั่วบ้านที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมายนอกจากโซฟา น่าจะไม่มีใครมาอยู่ประจำ รหัทเดินไปเปิดประตูห้องให้นาย ยังไม่ทันได้มองเข้าไป นันทินีก็วิ่งออกมาจากห้องหน้าตาตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นคิมหันต์ในเวลานี้ แต่พยายามตั้งสติไว้ ตราบใดที่เธอบอกว่าไม่รู้ ไม่เห็น เขาย่อมทำอะไรไม่ได้
“คิมให้นันมาดูอะไร ถ้าจะล้อเล่นกันก็ไม่เป็นไรค่ะ นันไม่ถือสา เล่นสนุกพอแล้ว ตอนนี้นันคงต้องขอตัว” นันทินีเดินเลี่ยงจากคิมหันต์ แต่กลับถูกรหัทยืนขวางไว้
“เชิญกลับที่ไปนั่งครับ”
“นี่เหรอคนที่คุณอยากให้ฉันพบ” มัทนาแทบร้องเฮ้อ
“ดูคลิปเสียก่อนแล้วเธอจะเข้าใจ”
มัทนาดูคลิปจากทีวีที่เปิดวนซ้ำไปซ้ำมา เธอจำชุดราตรีสีขาวของนันทินีในวันงานแต่งเมื่อวันก่อนได้ มีช่วงหนึ่งที่เธอกับคิมหันต์ลุกไปจากโต๊ะเพื่อคุยกับลูกค้าบางคน นันทินีมาที่โต๊ะแล้วใส่บางอย่างลงที่แก้วเครื่องดื่มของเธอ อีกช่วงเวลาหนึ่งที่ข้ามไป คิมหันต์ไปจากโต๊ะแล้วและเธอไม่อยู่ตรงนั้น นันทินีมาที่โต๊ะอีกครั้งแล้วหยิบแก้วเครื่องดื่มของเธอไป เดาไม่ยากว่านำทำลายไปหลักฐานแน่ๆ
“คุณใส่อะไรลงไปในแก้วเครื่องดื่มของฉัน” ถึงว่าเธออ้วกจนหมดแรง
“ฉันเปล่า คิดอะไรไปกันใหญ่แล้ว” นันทินียืนกราน “ภรรยาของคิมเมาจนขาดสติเองต่างหาก แล้วแทนที่จะกลับมาหาคุณ กลับไปหาผู้ชายอีกคน มันน่าคิดนะ”
มัทนาปรี่เข้าไปหานันทินี คิมหันต์เข้ามาคว้าตัวไว้ ไม่ใช่กลัวแฟนเก่าช้ำในตาย แต่ไม่อยากให้มัทนามาเสียอารมณ์เพราะเรื่องที่เขาจัดการให้ได้ ที่พามาให้รู้ก็เพื่อความยุติธรรม
“คุณจะไม่ยอมสารภาพดีๆ ใช่ไหม” เขาให้โอกาสครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย
นันทินีเลิกคิ้ว แม้จะใจสั่นด้วยความกลัว แต่มาถึงนาทีนี้เธอถอยหลังไม่ได้ คนอย่างคิมหันต์ เวลารักก็รักสุดใจ แต่เวลาโกรธก็แทบจะเป็นคนละคน
“นันไม่ได้ทำอะไรผิด ไหนล่ะคะหลักฐาน”
เงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่นันทินีจะหัวเราะเยาะเย้ยมัทนา คนอย่างเธอทำอะไรรอบคอบ มีภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วไง ถ้าเธอบอกว่าแอบใส่เกลือลงไปในเครื่องดื่มทำไมจะไม่ได้ ผู้หญิงเวลามีเรื่องหมั่นไส้กัน การแกล้งกันเล็กๆ น้อยๆ คงไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
คิมหันต์ยิ้มหยัน “รหัท โทรแจ้งตำรวจ”
นันทินียังทำหน้ามั่นใจเต็มที่เมื่อคิมหันต์เอ่ยถึงตำรวจ แม้ว่าจะกลัวว่าอาจยังเหลือหลักฐานให้ตำรวจสืบจนรู้ว่าเป็นเธอที่วางยามัทนา แต่ไหนล่ะยา ไหนล่ะที่มาของยา
“ฉันเอาเรื่องเต็มที่ ว่าแต่ฉันไม่หน้าแตกแน่นะคุณ”
“เชื่อใจฉันได้เลย ฉันมีหลักฐานพร้อมแล้ว คิดดูเอานะนันว่าจะยอมสารภาพ หรือว่าถูกตำรวจสอบสวน”
มัทนากอดอกมองนันทินีแล้วส่ายหน้า รู้หรอกว่าการมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องไม่ดี แต่นันทินีทำตัวเองไม่ใช่หรือ
“มีอะไรคุยกันดีๆ ก็ได้นะคะคิม นันไม่ได้ทำอะไร เห็นแก่ที่เรารักกันมาก่อน ให้เรื่องนี้จบๆ ไปดีกว่าไหม”
“ไปคุยกับตำรวจแล้วกัน”
“แต่ว่าคิมคะ นันมีเรื่องเสียหายไม่ได้นะ”
มัทนาสุดจะอึ้ง แล้วเธอเสียหายได้งั้นสิ คิมหันต์รู้ตัวเสมอว่าสิ่งที่ทำไม่ใช่เพราะความแค้นส่วนตัวที่นันทินีทิ้งไปแต่งงานกับคนอื่น แต่เพราะเธอทำร้ายผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา มือหนายื่นไปจับมือบางไว้จงให้นันทินีเห็นจะได้รู้เสียทีว่าเขาเริ่มต้นใหม่แล้ว
“ไปกันเถอะ ตอนนี้เธอรู้แล้วนะว่าฉันไม่ได้นิ่งนอนใจ ใครทำร้ายเธอ ฉันไม่มีวันยอม”
“คิดหรือว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้นันติดคุกได้ จำไว้นะคะ คิมเป็นคนทำลายความรักที่นันเคยมีให้ ต่อไปนี้เราจบกับ” นันทินีประกาศด้วยความเสียใจจนน้ำตาคลอ
มัทนาหันไปมองคิมหันต์ว่าคิดยังไง มือของเขาปล่อยออก นันทินียิ้มดีใจ ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีต่อมาความหวังก็พังทลายเมื่อเขาโอบเอวผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าเธอ
“ก็ลองดู ผมไม่อ่อนข้อให้แน่นอน ถ้าหลักฐานไม่พอ ตำรวจคงช่วยให้มันพอได้” คิมหันต์มองนันทินีด้วยสายตาว่างเปล่า “อ้อ เพื่อให้ต่อไปคุณจะได้เข้าใจถูก สำหรับคุณกับผมคงใช้คำว่าจบกันไม่ได้อีกเพราะเราจบกันไปนานมากแล้ว และที่สำคัญผมไม่ได้ทำลาย ‘อดีต’ ความรักของเรา”
คิมหันต์พามัทนาออกมาจากบ้านอย่างผู้ชนะ ในหัวใจไม่มีผู้หญิงไร้ค่าคนนั้นอีกแล้ว
ไม่มีเสียงกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยวหรือด่าทอ ทุกอย่างเงียบกริบ นันทินีนั่งลงใช้ความคิด เมื่อความรักได้เปลี่ยนเป็นความแค้น เธอจะทำให้เขาทุกข์ใจแสนสาหัส รหัทและทนายของบริษัทเป็นคนแจ้งความนันทินีพร้อมหลักฐาน กระบวนการทางกฎหมายเริ่มต้นทันที

ภายในรถที่เริ่มจะเงียบเกินไป มัทนายื่นมือไปวางบนหลังมือใหญ่แทนคำขอบคุณและให้กำลังใจ ตกลงแล้วตอนนี้เขาไม่ได้อกหักซ้ำสองอยู่ใช่ไหม อยากรู้ แต่ไม่กล้าถาม อีกทั้งจากสีหน้าและแววตาของนันทินีไม่ทำให้เธอสบายใจได้เลยว่าเรื่องจะจบลงแค่นี้
“ขอบใจนะ เอาจริงๆ ฉันซึ้งเลยแหละที่คุณทำแบบนี้ให้ แต่คุณแน่ใจหรือว่าแฟนเก่าจะไม่มาก่อเรื่องอะไรอีก”
“ไม่แน่ใจ” คนฟังอึ้ง คิมหันต์หันไปยิ้มให้ “แต่ฉันสั่งคนให้ตามนันไว้แล้ว ตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจไปก่อน”
ได้ฟังอย่างนี้แล้วค่อยยังชั่วหน่อย มัทนามองทางแล้วฮัมเพลงตาม ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าคิมหันต์เป็นพวกชอบสั่ง เอาแต่ใจ แต่พอมารู้จักตัวตนขึ้นอีกนิด ถึงได้รู้ว่าเขามีมุมที่ทำให้เธออุ่นใจได้เหมือนกัน
“วันนี้เราลางานพร้อมกันหนึ่งวัน ไปพักสมอง พักเหนื่อยดีไหม” คิมหันต์หันมาถาม
การถามความคิดเห็นให้เธอได้เลือก ทำให้เขายิ้มแล้วหล่อขึ้นมาทันตา
“ก็ดีน่ะสิ แล้วไปไหนกันดี กลับบ้านสวนได้ไหม ฉันอยากกลับบ้าน”
คิมหันต์ไม่ได้ตอบว่าเห็นด้วยไหม แต่ขับรถมุ่งหน้าไปทางด่วนที่จะพาเราไปสู่บูรพาวิถี คำพูดของมัทนากระทบใจ ทำไมเวลามีปัญหาเขาไม่เคยคิดอยากลับบ้าน ไม่ใช่ว่าบ้านที่อยู่กับปู่ไม่ดี แต่เขามักจะคิดว่าแก้ปัญหาให้จบก่อนถึงจะกลับบ้านได้ แต่สำหรับมัทนาแล้ว บ้านคือทุกอย่าง

นันทินีไปสถานีตำรวจพร้อมทนายของอดีตสามีเพื่อยืนกรานว่าไม่เกี่ยวข้องกับการที่มัทนาถูกวางยา ตำรวจรับฟัง แต่คงไม่เชื่อทั้งหมด แต่เพราะหลักฐานที่มียังไม่พอถึงได้ยอมให้เธอประกันตัว คิมหันต์ให้หมอตรวจสารในร่างกายของมัทนาจนมีหลักฐาน ถ้าเธอไม่เอาเครื่องดื่มไปทิ้งพร้อมกับแก้ว ป่านนี้เขาอาจจะมีหลักฐานมัดตัวเธอแล้วก็ได้
แต่ถึงกระนั้นก็ยังวางใจไม่ได้ยาตัวนั้นเธอเป็นคนไปซื้อจากคลินิก ถ้าตำรวจตามเจอก็ไม่แน่เหมือนกัน หวังว่าเงินที่ให้กับผู้ช่วยเภสัชคนนั้นคงปิดเรื่องทั้งหมดได้
วินเป็นคนเดียวนอกจากทนายที่เธอโทรหาก่อนมาถึงสถานีตำรวจ แม้ว่าจะต้องเดินทางมาไกลถึงกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่ใกล้เวลาเปิดผับของเขาแล้ว วินลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินมา เป็นครั้งแรกที่นันทินีเหนื่อยจนอยากร้องไห้ออกมา
“จะทำยังไงต่อ ยังอยากคืนดีกับคิมหันต์อยู่อีกไหม” วินถามสีหน้าเป็นห่วงจากใจจริง
นันทินีชักสีหน้าไม่พอใจทันทีเมื่อได้ยินชื่อแฟนเก่า “พอกันที ต่อไปนี้นันจะต้องเอาคืน ขับรถไปหาคนคนหนึ่งให้นันหน่อยนะ ส่วนเรื่องคดีไม่ต้องห่วง นันไม่ได้พูดถึงวินเลย”
“ก็ได้ บอกทางมาสิ” วินสตาร์ทรถของนันทินีแล้วหันมายิ้มให้ “ขอบใจนะที่ไม่ซัดทอดมาถึงผม”
“ทุกอย่างเป็นความคิดของนัน วินแค่ทำตาม เรื่องแค่นี้นันจัดการได้”
วินเห็นอีกแง่มุมหนึ่งของนันทินี ถึงเธอจะร้ายกาจเจ้าแผนการ แต่ก็มีความจริงใจกับคนที่เธอวางใจว่าเป็นเพื่อน เป็นเขาเสียเองที่ไม่จริงใจ เขาหันมายิ้มให้ การช่วยนันทินีก็เท่ากับช่วยให้เขาทำร้ายผู้ชายคนหนึ่ง นี่เพิ่งเบาะๆ ของจริงกำลังตามมาในไม่ช้า

คิมหันต์ขับรถไม่เร็วนักเมื่อเห็นว่ามัทนาหลับไปแล้ว ระหว่างนั้นก็โทรหาปู่ว่ากำลังจะไปไหน ความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นกลางใจ ปู่ไม่สมควรเหงาอยู่เพียงลำพัง เขาขับรถไปเรื่อยๆ พลางมองสองข้างทางซึ่งเป็นสวนที่ปลูกต้นไม้หลายชนิดร่มรื่นและสบายตา
มัทนาถูกปลุกให้ตื่น เธอยิ้มให้คิมหันต์อย่างเขินๆ ทั้งที่บอกว่าจะคอยช่วยกันดูทาง ทั้งสองเดินเคียงกันขึ้นไปบนเรือน ยายกำลังจีบพลู แม่กำลังหั่นกล้วยเป็นแว่นๆ เพื่อเอาไปทำกล้วยฉาบ พอเงยหน้ามาเห็นลูกๆ ก็ยิ้มกว้าง
“วันนี้ไม่ทำงานหรือไงลูก ทำไมมาด้วยกันได้”
มัทนายิ้มแล้วพยักพเยิดให้คิมหันต์ที่นั่งลงพับเพียบได้คล่องขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นคนตอบ
“เรานี้เราสองคนนัดกันเกงานครับ ก็เลยอยากมานอนเล่นที่บ้านสวน อีกเดี๋ยวปู่จะมาสมทบ ไม่รบกวนคุณแม่ใช่ไหมครับ”
“ไม่หรอกจ้า ดีเหมือนกันคุณทีปต์บอกว่าอยากกินกล้วยฉาบ กำลังทำพอดี อีกประเดี๋ยวก็ได้กินแล้ว”
อยู่บ้านนี้ไม่มีวันอดตาย หลายวันก่อนพิมพ์อรเพิ่งกวนมะม่วงแล้วตาก วันนี้ยังจะทำกล้วยฉาบ มัทนานอนหนุนที่ตักแม่ กระจาดมะม่วงกวนที่แห้งพอหมาดเลื่อนมาวางใกล้มือ หญิงสาวหยิบมาส่งให้เขา คิมหันต์รับมาแล้วลองชิมดูพลางมองความเรียบเรื่อย แต่สบายใจ มัทนาก็เหมือนบ้านสวนแห่งนี้ ดูธรรมดา ไม่ละมุนตา แต่ละมุนที่ใจ

วินเหยียบคันเร่งเพื่อพารถเข้าไปยังบ้านหลังใหญ่ที่คงไม่มีใครในละแวกนี้ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านเป็นใคร นันทินีบอกให้เขารออยู่ในรถก่อนจะเดินตามการุณซึ่งเป็นลูกน้องมือขวาของเสี่ยทรงชัยเข้าไปในบ้านพร้อมไวน์หนึ่งขวด วินมองตามจนเห็นไกลๆ ว่าเธอกำลังนั่งลงที่ม้านั่งในซุ้มข้างบ้าน เขาหยิบกล้องส่องทางไกลออกมาแล้วมองผ่านเลนส์ไม่คลาดสายตา
นันทินีมองผู้ชายที่ยังดูหล่อเหลา แม้ว่าอายุจะเข้าหลักสี่ปลายๆ แล้ว ครั้งสุดท้ายที่พบกัน เธอยังเรียนมหา’ลัย พ่อพาเขาเข้ามาในบ้านและทำธุรกิจร่วมกันอยู่พักหนึ่ง ถ้าพ่อกับแม่กลับมาจากต่างประเทศคงได้พบกันอีกครั้ง
“น่าแปลกใจที่คุณนันทินีมาหาผม คิมหันต์รู้หรือเปล่าครับ” ทรงชัยถามอย่างไม่ไว้ใจนัก แต่ก็ไม่คิดว่าคิมหันต์จะส่งผู้หญิงมาล้วงความลับ
“คิมรู้แล้วจะเป็นยังไงหรือคะ”
“ผมไม่ถนัดสร้างมิตรภาพกับคนของศัตรู”
“คงไม่ละมั้งคะ ถ้าตอนนี้เราสองคนมีศัตรูคนเดียวกัน นันรู้มาว่าเสี่ยเพิ่งมีเรื่องกับคิมเหมือนกัน จะไม่เป็นการดีกว่าหรือคะ ถ้าเราได้แก้แค้นด้วยกัน”
ถ้าจะมีใครที่แค้นคิมหันต์เหมือนหรือมากกว่าเธอก็ต้องเป็นเสี่ยทรงชัย อิทธิพลที่เคยมีเริ่มลดลงเพราะความเข้มงวดของกฎหมายและการไม่โอนอ่อน อีกทั้งเธอรู้มาว่าคิมหันต์ยังหักหน้าเสี่ยทรงชัยเสียหน้าแตกยับเยินอีกด้วย ใครบ้างเจอแบบนี้แล้วไม่อยากเอาคืน
ทรงชัยมองนันทินีอย่างประเมิน เขาไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ตำรวจกำลังตามสืบจนใกล้เขาเข้ามาทุกที
“ไม่อยากจะเชื่อ คุณกับคิมหันต์เนี่ยนะแตกหักกันแล้ว วันงานแต่งงานลูกชายเจ้าสัวเชียรผมยังเห็นไปเต้นรำด้วยกันอยู่เลย”
“เชื่อเถอะค่ะ เสี่ยจะยังรักผู้ชายที่แจ้งความให้ตัวเองเข้าคุกอยู่อีกหรือคะ”
ลูกน้องของเสี่ยถูกเรียกมาสั่งงาน ใช้เวลาไม่นานก็ได้คำตอบของคำถามที่ทำให้มิตรภาพเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
“ถ้างั้นเราก็ร่วมมือกันได้” ทรงชัยยื่นมือมาจับมือพันธมิตรใหม่
นันทินีไม่คิดจะทำธุรกิจที่ยั่งยืนกับทรงชัย ก็แค่ความรู้สึกไร้ค่าที่ต้องถูกชดเชย ทรงชัยเป็นทางเลือกที่ช่วยได้ ขอให้ได้เห็นคิมหันต์เสียใจ หลังจากนั้นเธอจะจากไปแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบสวยๆ จากเงินของสามีเก่า วินมองนันทินีจากในรถ เขาควรบอกให้เธอหยุด แต่กลับมองทุกอย่างแล้วปล่อยให้ดำเนินไป

มัทนาเข้าสวนไปกับพิมพ์อร คิมหันต์อยู่บนเรือนกับพิมพ์ใจ หญิงชราสอนวิธีกินหมากให้ลูกเขย แต่พอลูกเขยลองกินดูบ้างกลับคายแทบไม่ทัน พิมพ์ใจหัวเราะเอ็นดูรีบหาน้ำมาให้บ้วนปาก กลายเป็นเรื่องเปิ่นๆ ที่คิมหันต์ทำแล้วไม่รู้สึกเสียหน้าหรือเปิดจุดอ่อนให้ใครได้รู้ คุยกันอีกไม่กี่คำหญิงชราก็หลับไป แม้เมืองกรุงอากาศจะร้อน แต่ที่บ้านสวนกลับมีลมพัดเย็นสบาย ไม่ต้องเปิดพัดลมก็อยู่ได้
คิมหันต์ลงมาจากเรือนเพื่อโทรหาปู่ว่าถึงไหนแล้ว แต่กลายเป็นว่าปู่ใกล้ถึงแล้วแต่สั่งให้รหัทแวะตลาดซื้อของสดมาทำกินกันที่บ้าน น้ำเสียงเริงร่าคาดว่าคงขนซื้อมาครึ่งตลาด เขานั่งลงมองอะไรไปเรื่อยตรงแคร่ไม้ไผ่ พอมองไปทางเข้าบ้านสวนก็เห็นรถไม่คุ้นกำลังขับเข้ามา เขาลุกขึ้นมองอย่างไม่ประมาท ปืนยังอยู่ติดกายเสมอ แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ผ่อนคลายลง
มาติกาเห็นคิมหันต์จึงนึกขึ้นได้ว่ามีของจะให้เขา โชคดีที่ของขวัญกล่องนั้นเธอเก็บไว้ในรถตลอด เรียกว่าเก็บจนลืมก็ได้ เธอหยิบกล่องใบเล็กติดมือออกมาด้วย
“สวัสดีค่ะคุณคิมหันต์”
“สวัสดีครับคุณมาติกา มัทเข้าสวนไปกับคุณแม่ แต่อีกเดี๋ยวก็คงกลับมากันแล้ว” ภาพที่สองสาวหอมแก้มกันทำให้เขายังตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง
“เจอคุณคิมหันต์ก็ดีเหมือนกัน มาดมีของจะให้ค่ะ เป็นของขวัญแต่งงานที่มาดกับมัทช่วยกันแกะ แต่ก็มีกล่องนี้แหละที่ดูแล้วเหมือนพวกโรคจิตส่งมาให้ มัทให้มาดทิ้ง แต่มาดคิดว่าเอามาให้คุณดีกว่า แต่อย่าให้มัทรู้นะคะว่ามาดยังเก็บเอาไว้แล้วเอามาให้คุณดู”
“ครับ”
คิมหันต์เปิดดูของในกล่อง สีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ตกใจ แต่สงสัยมากกว่าหรือว่าจะเกี่ยวกับระเบิด Stun Grenade ในงานแต่งงาน ที่ตำรวจจับคนทำได้แล้ว เป็นเด็กวัยรุ่นแถวนั้นที่บอกว่าถูกจ้างมาอีกที หน้าตาคนจ้างก็กลายเป็นผู้ชายสวมหมวกกันน็อค การตามหาตัวจึงไม่ง่ายนัก
“ขอบคุณครับ ผมจะตามสืบว่าใครเป็นคนส่งมา”
“อ้าว ยัยมาดมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เสียงของมัทนาดังมาก่อนตัว คิมหันต์ลุกขึ้นแล้วเดินไปเก็บกล่องไว้ในรถ มาติกายิ้มให้เพื่อนพลางวิ่งไปช่วยถือตะกร้ามะม่วงห่าม
“เมื่อกี้นี้เอง วันนี้อยากมากินอาหารฝีมือป้าอร พอเลิกงานเลยดั้นด้นขับรถมา”
คิมหันต์เดินมาสมทบช่วยพิมพ์อรถือตะกร้าอีกใบ
“ถ้างั้นมาช่วยกันทำเลย วันนี้มัทกับมาดทำกับข้าวนะคะ แม่จะได้พัก” มัทนาเสนอตัวเอง มั่นใจว่าถ้าพี่ไม้กลับมาได้ถูกแซ็วแน่ๆ อาหารมื้อนี้อาจจะถูกวิจารณ์จนกินเสร็จ
“สงสัยคืนนี้ฝนคงตกใหญ่ ยัยมัทอาสาเข้าครัว”
“แม่ก็ ไม่ให้เครดิตลูกสาวเลยค่ะ”
ทุกคนพากันหัวเราะ พิมพ์อรวางมะม่วงที่เก็บมาไว้ที่แคร่ คนอื่นๆ เลยพากันวางตาม สองสาวเข้าไปในครัว ทีปต์มาถึงพอดีคิมหันต์เข้าไปช่วยขนของสดที่มากมายพอจะกินได้ทั้งสัปดาห์ ถ้ารหัทขนของเข้าครัวคนเดียวคงห้ารอบเป็นอย่างต่ำ เดือดร้อนคนเอาของไปเก็บตู้เย็นที่ต้องหาวิธียัดเข้าไปให้หมด ทีปต์หัวเราะชอบใจ พอเห็นพิมพ์อรเช็ดมะม่วงก็ขอเข้ามาช่วยทั้งที่ปกติมีคนทำให้ทุกอย่าง คิมหันต์กับรหัทเป็นฝ่ายถูกใช้แรงงานให้แกะกุ้ง สับไก่ หั่นผักแล้วแต่สองสาวจะสั่งงาน
พิมพ์อรมองทีปต์พยายามคิดว่าเคยพบกันที่ไหน ต้องเคยพบแน่ๆ แต่นางจำไม่ได้เองว่าที่ไหนและเมื่อไหร่

วางแผงแล้วค่ะ สามารถหาซื้อ สัญญารักพรางใจ ได้ตามร้านหนังสือทั่วประเทศนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มี.ค. 2558, 14:42:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มี.ค. 2558, 14:42:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1235





<< ตอนที่ 13 เล่นเกมแจกหนังสือค่ะ    
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account