ค่ายอาสาพัฒนารัก
เพราะทำด้วยใจ จึงได้ใจตอบแทน
Tags: เรื่องสั้น

ตอน: ๑/?

“ไอ้นิ ไอ้นิ ตื่นๆ ได้แล้วโว้ย ช้าเดี๋ยวก็ไม่มีที่นอนหรอก” เสียงปลุกข้างหูบวกแรงเขย่าไม่ที่ค่อยเบานัก ทำให้ร่างเล็กที่ขดอุตุอยู่บนเบาะหลังค่อยๆ ยกเปลือกตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ อย่างแรกที่รับรู้คือ พวกเธอมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว หมู่บ้านเล็กๆ บนดอยสูงซึ่งถูกคลี่คลุมด้วยผืนหมอกมัวจาง และธรรมชาติสะอาดพิสุทธิ์ และอย่างต่อมา... คืออาการปวดหัวตุบๆ กับความรู้สึกคลื่นเหียนวิงเวียนเริ่มจะเล่นงานเธออีกแล้ว!

อุตส่าห์กินยาแก้เมารถให้หลับมาตลอดทาง แต่เหมือนโรคเก่าคงรักษาไม่หายง่ายๆ

“ไอ้นิ...”

ศนิไม่รอให้เพื่อนคะยั้นคะยออีกรอบ เพราะอะไรทั้งหลายแหล่ที่เพิ่งยัดลงไปเมื่อเช้ากำลังพุ่งขึ้นมาจุกคอหอยให้เธอรีบทะลึ่งลงจากรถไปโก่งคอใส่พุ่มไม้ที่ใกล้ที่สุด ทางวนิดาเมื่อเห็นเพื่อนอาการกำเริบก็รีบวิ่งมาลูบหลังให้พัลวัน

ศนิเบ้หน้า รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อๆ ยิ่งได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวขมฝาดในคอตัวเองก็ยิ่งอยากอาเจียนออกมาให้หมดกระเพาะ มือยึดราวรั้วเอาไว้มั่นกันเซล้มลงไปกองกับพื้น เศษอาหารผสมน้ำย่อยกระเด็นเปรอะขากางเกงยีนและผ้าใบคู่เก่งคู่เดียวที่ติดมา

“เอาน้ำหน่อยไหมแก”

หญิงสาวรับกระบอกน้ำมากลั้วปาก รู้สึกแสบคอจนน้ำตารื้น ค่อยยังชั่วขึ้นเมื่อได้ระบายออก ในหัวยังปวดหนึบๆ ศนิคิดว่าได้กินยาแล้วนอนพักสักหน่อยคงหาย

“ถ้าเดินไหวแล้วก็เข้าบ้านเถอะแก หาที่นอน ป่านนี้ถูกจองที่ดีๆ ไปหมดแล้วมั้งเนี่ย” พอเห็นเพื่อนหยุดโอ้กอ้าก ยืนตัวตรงได้แล้ววนิดาก็กลับมาสนใจธุระที่ค้างคาต่อ มือหนึ่งโอบหลังศนิอย่างอ่อนโยน อีกมือก็คอยซับเม็ดเหงื่อบริเวณขมับ

“ดีนะที่ออกตอนรถจอดแล้ว ถ้าตื่นมาอ้วกระหว่างทางล่ะแกเอ๊ย ฉันไม่อยากจะคิด” วนิดาทั้งขำ ทั้งสงสารเพื่อน

ศนิก็ไม่อยากจะคิดเช่นกัน

“นี่ ให้ฉันแบกแกดีไหมนิ” ใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มปรากฏความร้อนใจด้วยยังห่วงพะวงกับที่หลับนอน

“ไม่ต้องหรอก แกขึ้นไปก่อนเถอะ มาถึงที่แล้ว คงไม่เป็นไรหรอก”
“แน่อ่ะ เห็นแบบนี้แต่ฉันก็แบกแกไหวอยู่นะ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาพี่ดาบโกรธฉันตาย...” วนิดาทำหน้าขยาดเมื่อคิดถึงอสิซึ่งพ่วงตำแหน่งพี่ชายเพื่อนและคนรัก
“อือ ขอบใจ แต่ขอนั่งพักสูดอากาศสักหน่อยดีกว่า เดี๋ยวขึ้นไปอ้วกบนบ้านผู้ใหญ่คงไม่ดี”
ศนิโบกมือหย็อยๆ เป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง วนิดาพอเห็นเพื่อนว่าเช่นนั้นก็มีทีท่าลังเล ทว่าสุดท้ายก็ผละไปพร้อมเป้สัมภาระสำหรับสี่วัน สามคืน เข้าไปในเรือนไม้สองชั้นใต้ถุนเตี้ยหลังใหญ่สมฐานะผู้ใหญ่บ้านชาวเขา

หญิงสาวกลับมานั่งแหมะมองกระเป๋าตัวเองบนรถตู้ เพิ่งมาคิดว่าจะแบกขึ้นบ่าไหวยังไงในเมื่อเรี่ยวแรงของเธอทั้งหมดมันกองอยู่ข้างรั้วไม้ไผ่นั่น อย่าว่าแต่แบกกระเป๋าเลย แค่เดินเธอเข้าบ้านยังไม่อยาก

...เมื่อกี้น่าจะใช้ไอ้เปิ้ลเอาไปให้ด้วยก็ดีหรอก...

ศนิกระชับเสื้อกันลมสีน้ำเงินที่ไม่พอดีตัวเมื่อสายลมหนาวพัดผ่าน ทั้งที่แดดกล้าฟ้าใสแต่กลับไม่ช่วยมอบความอบอุ่นให้เธอได้เลยสักนิด ดวงตาเรียวเล็กอย่างสาวหมวยทอดมองดอยสูงซึ่งคล้ายอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แต่ความจริงก็คงจะไม่ใกล้ มีกลุ่มหมอกมัวปกคลุมคล้ายปุยนุ่น แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสและเห็นธรรมชาติแบบนี้ด้วยตาตัวเอง เธอก็รู้ว่านั่นยังไม่เรียกว่าเมฆเพราะดูสารคดีมาเยอะ ความอ่อนนุ่มซึ่งเพียงได้มองดูอยู่ห่างๆ ทำให้หญิงสาวคลายความเมื่อยล้าได้อย่างรวดเร็ว

ความที่อยากทำสิ่งดีๆ ให้ชนบทที่ห่างไกลทั้งความเจริญและโอกาส บวกกับความฝันเล็กๆ ที่ติดใจเธอมาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย สักครั้งในชีวิตจะต้องขึ้นค่ายขึ้นดอยมาสร้างโรงเรียน โรงครัว หรืออะไรก็ตามที่พอจะทำได้ แต่เพราะเธอเป็นคนขี้หนาว ร่างกายไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก เพียงอากาศเปลี่ยนช่วงรอยต่อฤดูก็ทำให้เป็นหวัดได้ ศนิจึงถูกทะนุถนอมราวกับไข่ในหิน ความห่วงใยซึ่งบางครั้งก็มากเกินไปจนเธอรู้สึกเหมือนถูกผูกไว้ตลอดเวลา

ตั้งแต่จำความได้ ศนิแทบไม่เคยก้าวออกไปไหนเกินเขตปริมณฑลตัวคนเดียวเลย เรื่องออกค่ายขึ้นเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง!

และคราวนี้ที่มาไกลได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เพราะพี่ชายอนุญาต หรือทุกคนคิดว่าโตพอดูแลตัวเองได้แล้ว...
เธอแอบมา!

ศนิบังเอิญเจอโครงการอาสาพัฒนาฯ นี้บนเฟซบุ๊กเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ดูข้อมูลกิจกรรมและวันเวลาแล้วไม่น่าจะกระทบกับนักวาดภาพประกอบฟรีแลนซ์อย่างเธอสักเท่าไหร่ ถ้าเร่งสะสางงานที่กำลังทำอยู่ได้ก่อนวันเดินทาง ก็จะสามารถไปไหนมาไหนได้โดยไม่มีห่วง... ถ้าไม่นับพี่ชายช่างหวงที่ถ้ารู้คงยกเหตุผลสารพัดมาห้าม เธอเคยคิดต่อต้านเขาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล มาคิดๆ แล้วก็แปลกใจที่ยอมให้อสิจัดการชีวิตตัวเองมานานขนาดนี้

เธอก็ไม่คิดว่ามันเลวร้ายอะไรนักหรอก ถ้าเพียงเขาจะปล่อยให้เธอมีอิสระตามใจบ้าง ไม่ใช่แค่กลับบ้านดึกก็เป็นต้องโทร.จิก อสิน่าจะเข้าใจว่าเธอเป็นน้องไม่ใช่ลูก!

ศนิคิดดีแล้วจึงเอ่ยปากชวนวนิดา เพื่อนมีทีท่าไม่เห็นด้วยในตอนแรกเพราะรู้ว่าอสิคงไม่ยอม ทว่าสุดท้ายก็ยอมแพ้เพราะเธอบอกว่า ถ้าไม่ไปด้วยกัน ก็จะไปคนเดียว

วนิดาเกรงใจอสิ แต่ก็ห่วงเพื่อนมากกว่า จึงยอมมาเป็นเพื่อนเธอ

...กลับไปค่อยขอโทษคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...

ศนิยักไหล่อย่างอารมณ์ดี รู้สึกเรี่ยวแรงเริ่มกลับมาแล้ว กระเป๋าที่มีเพียงเสื้อผ้าสามสี่ชุดกับของใช้นิดๆ หน่อยๆ ไม่น่าจะต้องถึงมือคนอื่น ก่อนมาเธอก็ตั้งใจแล้วว่าจะต้องจัดการตัวเองให้ได้ กลับไปจะได้ไม่ต้องถูกอสิเทศนาหนักนัก เพราะแม่เพื่อนสาวแสนดีคงรายงานว่าที่สามีทุกฉาก

หญิงสาวยืดตัวไปคว้าสายกระเป๋าที่นอนแอ้งแม้งอยู่หลังเบาะ แม้จะหนักกว่าที่คาด แต่ก็ไม่เกินแรงเท่าไหร่

ก้มๆ เงยๆ ดูที่ตัวเองนอนอยู่จนถึงเมื่อกี้ว่าไม่น่าจะมีอะไรตกหล่น ศนิก็กระโดดเหยาะลงจากรถอย่างมั่นใจ ทว่ายังไม่ทันจะทรงตัวให้มั่นอะไรหนักๆ ก็พุ่งมาชนจนเธอเซแซดๆ แทบจะทิ่มหน้าลงพุ่มดอกเข็ม หญิงสาวหลับตาปี๋ คิดว่าคงเสร็จแน่แล้ว หากเสียงตุ๊บที่เกิดจากแรงปะทะและสัมผัสที่ใบหน้ากลับไม่ใช่ขวากไม้ที่อาจทำให้เธอเสียโฉมได้

อารามตกใจทำให้ลมหายใจหอบถี่ พอโลกหยุดหมุนคว้างหญิงสาวก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

“ขอโทษนะครับ คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า” เสียงถามอย่างห่วงใยดังขึ้นข้างหู ใบหน้าคมคร้ามที่อยู่ห่างเพียงคืบทำให้ศนิตกใจซ้ำ ผละออกจากร่างสูงทันทีที่เขาคลายมือจากต้นแขนเธอ

“เอ่อ ผมขอโทษอีกครั้งแล้วกัน ไม่ได้ตั้งใจจะ...คือ คุณกำลังจะล้มน่ะครับ ผมแค่ช่วย” ชายหนุ่มพยายามอธิบาย ศนิพยักหน้ารับช้าๆ เธอไม่ได้นึกหลงตัวเองว่าเขาจงใจแตะต้อง สถานการณ์นี้เข้าใจง่ายจะตายไป
ก็แค่ตกใจที่ตัวเองอิงแอบแนบซบอกหนาของเขาเท่านั้นเอง

“ค่ะ ฉันก็ต้องขอบคุณคุณที่ช่วยไว้ ไม่งั้นคงเจ็บแน่” ศนิบอกเสียงเรียบ พยายามปรับลมหายใจให้เข้าที่เขาทาง ดวงตาใสกระจ่างพินิจร่างสูงผ่านปลายหางตา แล้วนึกสงสัยว่าเขาเป็นหนึ่งในชาวค่ายครั้งนี้ด้วยหรือเปล่า ร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดกางเกงยีน คลุมทับด้วยเสื้อวอร์มอย่างนักกีฬา เข้ากันกับผิวสีเข้มที่ยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าคมสันแลดูดุกร้าว ทว่าความเปิดเผยจริงจังซึ่งฉายชัดอยู่ในแววตากลับไม่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเกร็งเท่าที่ควร

“ผมรีบมากไปหน่อย เลยไม่ทันดู ว่าแต่คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามแก้เก้อเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียมารยาท เขาเบือนหน้าไปทางอื่นแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาย้ำอีกครั้ง “ผมอยากแน่ใจว่าคุณไม่เป็นอะไร...”

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่เหนื่อยนิดหน่อย” ศนิรีบตอบ ตอนนี้เธออยากจะนอนพักเต็มที และอยากหลบไปให้พ้นๆ เพราะเริ่มจะมึนหัวขึ้นมาอีกรอบ “...ขอตัวก่อนนะคะ”

หญิงสาวตัดบทพลางหมุนตัวไปทางเรือนผู้ใหญ่บ้าน แต่เดินไปได้เพียงสองก้าวก็หันขวับกลับมาด้วยเพิ่งนึกได้ว่าลืมของ คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นกระเป๋าเป้ใบโตอยู่บนบ่าชายหนุ่มแปลกหน้าเรียบร้อยแล้ว

“คุณมากับค่ายเหรอครับ” เขาชิงถามขึ้นก่อนเธอจะได้เอ่ยปากขอคืน

ศนิพยักหน้า เขาแย้มยิ้มสดใสทั้งปากทั้งตาจนเธอชะงักงง ชักตามอารมณ์ผู้ชายคนนี้ไม่ทัน ทั้งที่เพิ่งเจอกัน ชื่อแซ่ก็ยังไม่รู้จัก กลับทำเหมือนสนิทกับเธอมากเสียอย่างนั้น

ความหงุดหงิดค่อยๆ ลามเสียกระแสประสาททีละน้อย ศนิพอจะรู้อยู่ว่าสาเหตุไม่ใช่เพราะคนตรงหน้าเสียทั้งหมด โรคเมายานพาหนะก็ป่วนอารมณ์เธอไม่น้อยทีเดียว ขืนไม่รีบแยกจากกันตอนนี้เธอคงพาลใส่เขาสักครั้งแน่ๆ

ศนิยังไม่อยากทำลายมิตรภาพทั้งที่มันยังไม่ทันเริ่มต้นหรอกนะ!

“ผมถือให้ดีกว่าไหม ท่าทางคุณไม่มีแรงเลย... ผมก็จะเข้าบ้านพ่อหลวงเหมือนกัน ไม่รบกวนหรอกครับ” พูดเองเออเองเสร็จสรรพร่างสูงก็สาวเท้าผ่านเธอไป

หญิงสาวกรอกตา ถอนใจเฮือกแล้วตามหลังเขาไปติดๆ

“ตามใจคุณแล้วกัน”

แม้จะอยากช่วยเหลือตัวเองเท่าที่ทำได้ แต่ศนิก็รู้จักประเมินตัวเองและสถานการณ์ ไอ้แบกกระเป๋าน่ะเธอคิดว่ายังไงก็ไหว แต่ชายหนุ่มผู้เป็นต้นเหตุให้เธอแข้งขาอ่อนคงไม่มีทางยอม และเขาก็ไม่ยอมอยู่ให้เธอท้วงแล้วด้วย




ชลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2558, 01:03:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ย. 2560, 21:01:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 711





   ๒/? >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account