ฤดูกาลรักที่กลางใจ ตอน คิมหันต์กับปัญชิกา
เพราะโชคชะตาทำให้คิมหันต์ได้พบกับปัญชิกาอีกครั้งพร้อมกับข้อเสนอที่น่าตกใจ...
นั่นคือเธอขอมีความสัมพันธ์กับเขาเพียงคืนเดียว!
Tags: คิมหันต์ ปัญชิกา ซัน ปุยฝ้าย ใช้หนี้ นางเอกน่าสงสาร

ตอน: ตอนที่ 1 และ 2

บทที่ 1

ภาพของชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มในชุดสูทที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แบบมีที่ท้าวแขนซึ่งปรากฏบนหน้าปกนิตยสารแห่งหนึ่งกำลังถูกจับจ้องจากชายหนุ่มผู้มีใบหน้าดุจเดียวกันไม่ผิดเพี้ยนต่างกันก็เพียงแววตา ในขณะที่แววตาของคนที่เป็นนายแบบหน้าปกแลดูดุกระด้างและทรงอำนาจแต่แววตาของคนที่กำลังจับจ้องนิตยสารในมือกลับสะท้อนถึงความปวดร้าวและสิ้นหวัง

คิมหันต์แค่นยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ก่อนโยนนิตยสารที่เพิ่งถูกส่งมาอภินันทนาการเมื่อวานนี้ลงไปบนโต๊ะกลางตรงหน้าด้วยท่าทางไม่ใยดี จากนั้นจึงพิงศีรษะเข้ากับพนักโซฟาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า

รางวัลจากการทุ่มเทให้กับการโหมทำงานอย่างบ้าคลั่งก็คือการถูกเสนอชื่อจนติดอันดับหนึ่งในสิบนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ซึ่งก็น่าภูมิใจอยู่หรอกหากไม่นึกถึงเบื้องหลังของการทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังของเขาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้

เมื่อภาพของหญิงสาวหน้าตาอ่อนเยาว์ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนบนใบหน้ารูปไข่ที่ปกคลุมด้วยเส้นผมหยักศกผุดขึ้นมาจากความทรงจำ คิมหันต์ก็ปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกยอกแสลงแต่นั่นไม่ช่วยอะไรเพราะถึงอย่างไรสีหน้าแววตาและท่าทางของสาวน้อยคนนั้นก็ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำไม่จางหาย

ของขวัญของพี่

ชายหนุ่มครวญถึงอีกฝ่ายอยู่ในหัวใจที่เจ็บปวดเมื่อนึกถึงวันข้างหน้าที่น้องน้อยต้องเปลี่ยนสถานะจากน้องสาวบุญธรรมเป็นน้องสะใภ้ ทั้งที่เขาหมายมั่นมาตลอดว่าสักวันเธอจะต้องเป็นเจ้าสาวของเขา

ความคิดคำนึ่งของคิมหันต์หวนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน ในวันที่เขากลับมาบ้านสุวรรณอังกูรพร้อมกับพรรษที่ก่อนหน้านั้นหายตัวไปหลังจากเขาขอให้ไปดูงานที่อยุธยา ใครเลยจะคิด...เขาได้ตัวน้องชายกลับมาเพื่อแลกกับการที่เขาต้องสูญเสียหัวใจของตัวเองไป

“ผมหมั้นกับของขวัญแล้ว และจะแต่งงานทันทีที่เธอเรียนจบ”

คำพูดในวันนั้นของเหมันต์ดังก้องขึ้นมาจากความทรงจำที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่ คำพูดพวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยคิดและหวังมาตลอดหรอกเหรอ เขายอมรับว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับกับเรื่องนี้ได้จนเป็นสาเหตุให้เขาตัดสินใจระเห็จตัวเองออกมาอยู่ที่คอนโดฯ แห่งนี้ที่ซึ่งเขาซื้อเอาไว้สำหรับเป็นที่สังสรรค์กับเพื่อนฝูงรวมถึงการปลีกตัวออกมาเวลาที่เขาต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ตอนนี้ดูเหมือนที่นี่จะกลายเป็นที่พำนักถาวรของเขาไปแล้วเมื่อนึกถึงการที่เขาแทบไม่ได้กลับไปที่บ้านสุวรรณอังกูรอีกเลย

ชายหนุ่มถอนหายใจให้กับวันหยุดที่น่าชัง การโหมทำงานอย่างหนักช่วยทำให้เขาไม่ค่อยมีช่วงเวลานึกถึงเรื่องน่าเจ็บปวด ถึงแม้มันจะหวนกลับมาทำร้ายเขาในตอนที่กลับมายามค่ำคืน แต่อย่างน้อยมันก็ไม่แย่เหมือนอย่างในวันหยุดแบบนี้ หลังจากครุ่นคิดสักพักในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าเย็นนี้เขาจะออกไปผับที่อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้นัก เผื่อว่าอาจช่วยให้เขาไม่รู้สึกเดียวดายอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้และไม่แน่ว่า...

บางทีเขาอาจเจอผู้หญิงสักคนที่จะมาช่วยคลายความเหงาและบรรเทาความเจ็บปวดในหัวใจไปได้บ้าง


สามวันต่อมา

หญิงสาวร่างสูงโปร่ง ใบหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวสลวยสีดำเป็นมันซึ่งรับกันกับดวงตายาวเรียวสีดำสนิท ผิวขาวผ่องชวนมองแลดูสะดุดตาจนเรียกสายตาของชายหนุ่มบางคนให้พากันเหลียวมอง หากดูเหมือนหญิงสาวไม่รู้ตัวหรือไม่ได้ใส่ใจเมื่อดูจากการสาวเท้าตรงไปยังอาคารสูงสไตล์โมเดิร์นโดยมีจุดหมายคือเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ก่อนชี้แจงความประสงค์

“ขอโทษนะคะ ดิฉันต้องการมาพบคุณคิมหันต์ค่ะ”

ประชาสัมพันธ์สาวสวยยิ้มรับตามหน้าที่ก่อนตั้งคำถามกลับเสียงหวาน

“ขอโทษนะคะ จะให้เรียนว่าใครมาขอพบคะ”

“ปัญชิกาค่ะ...” มีความลังเลแวบหนึ่งบนใบหน้าหวาน ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยต่อด้วยสุ้มเสียงเจือกังวลปนไม่แน่ใจ “ช่วยบอกไปด้วยนะคะว่าเป็นคนที่เคยขับรถชนน้องสาวของเขา”

ประชาสัมพันธ์ทำหน้าพิศวงนิดหนึ่งหากรีบกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม ก่อนกดเบอร์ภายในถึงเลขาฯ ผู้บริหารหนุ่ม ผ่านไปครู่ใหญ่จึงหันมาบอกคนที่รอฟังคำตอบ

“เชิญค่ะ ขึ้นลิฟท์ตรงซ้ายมือข้างหน้านี้ กดชั้นเจ็ดนะคะ”

ปัญชิกายิ้มรับพลางเอ่ยขอบคุณประชาสัมพันธ์สาวด้วยความรู้สึกยินดีกึ่งโล่งใจที่ไม่ได้ถูกปฏิเสธอย่างที่แอบนึกกลัว จากนั้นจึงเดินตรงไปยังลิฟต์เพื่อเตรียมขึ้นไปพบคนที่อยากเจออีกสักครั้ง

คิมหันต์แปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าใครต้องการมาพบเขา ตอนแรกชายหนุ่มเกือบปฏิเสธเพราะแน่ใจว่าไม่รู้จักแต่เมื่อเลขาสาวแจงต่อว่าคนที่มาขอพบเป็นคนที่เคยขับรถชนปานฤทัย เขาจึงเปลี่ยนใจพลางนึกสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายมาขอพบเขาถึงที่นี่

ภาพเม็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสายบนใบหน้าของเธอคนนั้นในครั้งสุดท้ายที่พบกันผุดขึ้นมาจากความทรงจำที่เริ่มรางเลือน ยอมรับว่าช่วงแรกภาพของหญิงสาวคนนั้นตามรบกวนจิตใจเขาเสมอจนอดรู้สึกผิดไม่ได้ แต่หลังจากเจอเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ทั้งการตามหาพรรษ รวมถึงเรื่องระหว่างเหมันต์กับปานฤทัย คิมหันต์ก็ค่อย ๆ ลืมเรื่องของหญิงสาวไปกระทั่งได้ยินชื่ออีกครั้งในวันนี้

“คุณซันคะ คุณปัญชิกามาถึงแล้วค่ะจะให้เข้าไปเลยไหมคะ”

เสียงเลขาสาวที่ดังผ่านอินเตอร์คอมเข้ามาหยุดความคิดใด ๆ ทั้งปวง คิมหันต์ออกปากอนุญาต จากนั้นก็เฝ้ารอการเผชิญหน้าที่กำลังจะมาถึง

ปัญชิกาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงชีวิตต่อจากนี้ของเธอที่คงเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แต่เธอก็เต็มใจและเลือกแล้วที่จะให้เป็นแบบนี้

คิมหันต์จับจ้องหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่ก้าวผ่านประตูเข้ามาอย่างพินิจ เขาเห็นถึงความกระวนกระวายความสับสนไม่แน่ใจ รวมถึงความหวาดหวั่นในแววตาของเธอในตอนที่เดินมาหยุดลงตรงหน้าเขา และนั่นยิ่งทำให้นึกสงสัยการมาของเธอมากขึ้น

“เชิญนั่ง”

ชายหนุ่มเอ่ยเชื้อเชิญและหญิงสาวก็ไม่ลังเลที่จะทำตาม มีความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วครู่เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีใครปริปากพูด

“ฉันมารบกวนเวลาของคุณหรือเปล่าคะ”

ปัญชิกาตัดสินใจเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ หากต้องสะอึกกับคำตอบที่ไม่คิดถนอมน้ำใจ

“นิดหน่อย”

ดูเหมือนเขาไม่พยายามช่วยเหลือเธอเลยสักนิดเมื่อดูจากความเงียบที่ตามมาหลังจากนั้น ราวกับจะบอกอยู่ในทีว่าในเมื่อเธอมีธุระก็พูดมาหรือไม่ก็เดินออกไปเสียที

ปัญชิกาแอบจิกเล็บเข้ากับฝ่ามือเมื่อนึกถึงเรื่องที่กำลังจะต้องพูดออกไปต่อจากนี้ กลัวเหลือเกินว่าจะเห็นเขาแสดงความรังเกียจชิงชัง แต่ที่กลัวมากกว่าก็คือเขาจะปฏิเสธคำขอของเธอ

“ฉะ...ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณ”

เมื่อทนกับความกดดันจากท่าทีนิ่งเฉยของชายหนุ่มไม่ไหว ปัญชิกาก็ตัดสินใจบอกความประสงค์ในขณะที่หัวใจก็เต้นแรงด้วยความหวังกึ่งหวาดหวั่น

ไม่มีคำถามนอกจากอาการเลิกคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่ง หากนั่นยิ่งทำให้ปัญชิการู้สึกกดดันมากขึ้นจนมือที่แอบบีบไว้เริ่มสั่น
ดูเหมือนคิมหันต์จะมีความอดทนกับเธอมากพอสมควร หรือไม่เขาก็ถนัดกับการกดดันคนอื่นด้วยความนิ่งเงียบ เพราะแม้ปัญชิกายังคงอึกอักไม่บอกถึงจุดประสงค์เสียทีชายหนุ่มก็ยังคงวางท่านิ่งเฉยได้อย่างไม่แยแส กระทั่งหญิงสาวหมดความอดทนต้องโพล่งออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความอับอายและสิ้นหวัง

“คะ...คุณช่วย...นอนกับฉันได้ไหมคะ”


บทที่ 2

คำว่าตกใจยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของคิมหันต์ นาทีที่ได้ยินคำร้องขอของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม วูบหนึ่งชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกก่อนกลับมาเต้นในจังหวะที่เริ่มช้าลงราวกับหัวใจกำลังถูกเคลือบด้วยก้อนน้ำแข็งทั้งที่กำลังโกรธจัดจนเหมือนร่างกายจะลุกเป็นไฟ

“เมื่อกี้...เธอว่าอะไรนะ”

ปัญชิกาตัวสั่นกับน้ำเสียงเยือกเย็นที่ขัดกับแววตาโชนแสงราวกับมีกองไฟสุมของอีกฝ่าย

“ฉะ...ฉันบอกว่า...คุณ...ช่วยนอนกะ...”

พูดยังไม่ทันจบประโยค ปัญชิกาก็รู้สึกเหมือนโลกหมุนเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกคิมหันต์กระชากตัวขึ้น แรงบีบตรงหัวไหล่รุนแรงจนเธอเผลอหลุดเสียงร้องหากคิมหันต์ไม่นำพาเมื่อยังคงขยุ้มบ่าทั้งสองของเธอเอาไว้อย่างนั้น

“เป็นบ้าไปแล้วหรือไง ห๊ะ!”

ความเยือกเย็นในตัวคิมหันต์หายวับไปในทันทีที่ได้ยินคำยืนยันของหญิงสาว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอผู้หญิงมาพูดทำนองนี้ สมัยเรียนต่างประเทศก็เจอสาวประเภทนี้มาไม่น้อย เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเข้ากับผู้หญิงอย่างปัญชิกา

วูบหนึ่งคิมหันต์รู้สึกถึงความเสียดายและผิดหวัง แต่เขาตอบไม่ได้ว่าผิดหวังเรื่องอะไร หรือเป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเองดูไม่ผิดว่าผู้หญิงอย่างปัญชิกาไม่ใช่พวกรักสนุกหรือมีความสุขกับความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน

บางที เขาอาจมองผู้หญิงคนนี้ผิดไป

ชายหนุ่มนึกหยันตัวเองกับข้อสรุปที่ได้ ผู้หญิงบางคนมองแค่เพียงภายนอกไม่ได้จริง ๆ โดยเฉพาะพวกที่แกล้งทำใสซื่อให้พวกหนุ่มหน้าโง่หลงคิดและเข้าใจผิดว่าเจอเข้ากับนางฟ้าที่แสนบริสุทธิ์เข้าให้แล้ว

ความชิงชังที่วูบเข้ามาทำให้คิมหันต์สะบัดมือออกจากการเกาะกุมหญิงสาวด้วยท่าทีที่ราวกับรังเกียจจนปัญชิกาอดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้

“เท่าไหร่”

คำถามเสียงเย็นที่ไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไรเลยทำให้ปัญชิกาต้องนิ่วหน้าก่อนตั้งคำถามกลับอย่างไม่เข้าใจ

“คุณ...หมายถึงอะไรคะ”

“ค่าตัวของเธอ”

คำตอบที่ได้ไม่ต่างอะไรกับฝ่ามือที่ตบเข้าที่ใบหน้าของเธออย่างแรง ปัญชิกาหน้าชาในคราแรกก่อนรู้สึกความร้อนผ่าวบนผิวหน้า

“ฉะ...ฉันไม่ได้ขายตัว”

อีกครั้งที่คำพูดของเธอทำให้เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูงราวกับแปลกใจ หากในประกายตาเยือกเย็นนั้นบอกชัดถึงความไม่เชื่อถือและดูแคลน จนปัญชิกานึกสมเพชตัวเอง

สมควรแล้วที่เขาจะดูถูกเธอ

“ถ้าอย่างนั้นจะเสนอให้ฟรี ๆ สินะ แต่ขอโทษทีผมไม่นิยมของฟรี”

เหมือนถูกตบหน้าเป็นหนสอง วูบหนึ่งปัญชิกานึกอยากให้แผ่นดินแยกออกเพื่อที่เธอจะได้แทรกตัวหนีความอับอายไปเสียเดี๋ยวนั้น หญิงสาวตัวสั่นขณะพยายามแข็งใจจะออกก้าวเดินเพื่อไปให้พ้นหน้าของอีกฝ่าย

“ถะ...ถ้าอย่างนั้น ฉะ...ฉันกะ...กลับก่อนนะคะ”

ท่าทางและน้ำเสียงตะกุกตะกักของหญิงสาวที่ทำท่าราวกับพร้อมจะทรุดลงไปกองบนพื้นได้ทุกเมื่อทำให้คิมหันต์ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนักเพราะความสงสารที่ไม่ควรมีพลันผุดขึ้นมา

“เดี๋ยว!”

ปัญชิกาชะงักเมื่อเจ้าของห้องหนุ่มรั้งเอาไว้ กระนั้นก็ไม่มีความกล้าพอจะหันกลับไปมอง

คิมหันต์ก็ขัดใจตัวเองที่หลุดปากรั้งหญิงสาว ความขุ่นเคืองถูกระบายออกทางวาจาเชือดเฉือน

“แล้วจากนี้ เธอจะไปเร่ขายให้ใครอีกหรือเปล่า”

ถ้าเขาเอามีดมาฆ่าเธอให้ตายไปเสียตอนนี้คงดีกว่า ปัญชิกาทั้งเจ็บทั้งอายความสะเทือนใจที่ได้รับส่งผลทางริมฝีปากที่สั่นระริกและดวงตาผ่าวร้อน ความปวดร้าวอับอายและสิ้นหวังประดังประเดเข้ามาจนพูดไม่ออกทำได้เพียงพยักหน้ารับส่ง ๆ ด้วยหวังจะไปให้พ้นจากที่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด

แต่ราวกับการกระทำของเธอจะส่งผลตรงกันข้าม เพราะยังไม่ทันขยับตัวคิมหันต์ก็กระโจนมาขวางหน้าเอาไว้ด้วยสีหน้าแววตาโกรธจัด

“จำเป็นต้องหาผู้ชายให้ได้สักคนสินะ!”

คิมหันต์เค้นเสียงกร้าวใส่ทั้งโกรธและไม่เข้าใจผู้หญิงที่กำลังยืนปากสั่นตาแดงคนนี้เลย เธอทำราวกับได้รับความสะเทือนใจนักหนาทั้งที่มาเสนอหน้าเสนอตัวให้เขาราวกับผู้หญิงรักสนุกแท้ ๆ

ความโกรธ ความผิดหวัง ความเสียดาย ปนเปในความรู้สึกจนส่งผลให้คิมหันต์พลุ่งพล่าน นึกอยากจับตัวผู้หญิงตรงหน้ามาเขย่าแรง ๆ เผื่อว่าความคิดบ้า ๆ จะหลุดออกไปจากสมองของเธอได้บ้าง

หลังออกอาการฮึดฮัดขัดใจ ชายหนุ่มก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กก่อนออกแรงกระชากจนคนตัวเล็กกว่าเกือบหกล้มเพราะไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่คิมหันต์ทันเอามืออีกข้างมาคว้าเอวของหญิงสาวเอาไว้

สัมผัสนุ่มละมุนที่รู้สึกได้จากร่างเล็กที่ถลาเข้ามาซวนซบส่งผลให้คิมหันต์ตัวแข็งไปชั่วขณะ เผลอสูดกลิ่นหอมรวยรินจากอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ หากนั่นราวกับไปกระตุ้นอารมณ์บางอย่างขึ้นมา

“เอาสิ...” ชายหนุ่มเค้นเสียงบอกขณะจับจ้องแววตาตื่น ๆ ของหญิงสาวก่อนกระซิบถ้อยคำต่อมาด้วยน้ำเสียงต่ำ ๆ ในลำคอที่ชวนให้คนฟังหวาดผวา “ในเมื่ออยากนัก งั้นฉันก็จะเสียสละเป็นผู้ชายคนนั้นให้เธอเองก็แล้วกัน!”

ตลอดทางที่ถูกลากให้ตามออกไปยังลานจอดรถของผู้บริหาร ปัญชิกาได้แต่กัดฟันกลั้นน้ำตาที่จวนเจียนหยาดหยดลงมาทุกเมื่อ

เสียใจทำไมในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง

หญิงสาวปลอบใจตัวเอง ก่อนยกมือป้ายน้ำตาทิ้งเมื่อคิดว่าผู้ชายที่เอาแต่มุ่งมั่นลากเธอคงไม่ทันสังเกตเห็น

คิมหันต์ขบฟันแน่นตลอดทางที่ลากจูงแม่สาวไม่รักดีมาจากห้องทำงานกระทั่งถึงลานจอดรถ จนมาถึงรถยนต์ของตนเองชายหนุ่มก็เปิดประตูด้านข้างคนขับแล้วผลักร่างเล็กเข้าไปอย่างไม่ปรานีปราศรัย จากนั้นก็กระแทกประตูปิดเสียงดังจนปัญชิกาสะดุ้งตกใจ

เมื่อเข้ามานั่งประจำที่ คิมหันต์ก็ตั้งใจว่าจะไม่มองหน้าคนข้างตัวแต่สายตาเจ้ากรรมก็ยังเหลือบไปเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมคาดเข็มขัดนิรภัย อารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่แล้วยิ่งขุ่นคลักจนหันไปหาคนข้าง ๆ แล้วกระชากเข็มขัดมาคาดให้อย่างกระแทกกระทั้น

“ขอบคุณค่ะ”

คิมหันต์ชะงักเมื่อปัญชิกาหันหน้ามาขอบคุณเขา ความใกล้ชิดระหว่างกันทำให้เห็นชัดถึงกลีบปากสีแดงที่สั่นระริกเล็กน้อยและดวงตายาวเรียวคู่สวยที่ยามนี้แดงเรื่อ และทั้งหมดนั่นก็ตรึงเขาให้ชะงักงันราวกับต้องมนต์

ปัญชิกาแทบไม่กล้าหายใจเมื่อเห็นว่าคิมหันต์กำลังก้มหน้าลงมาหาเธอ นึกรู้โดยสัญชาตญาณถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น กระนั้นเธอก็ไม่หลบกลับหลับตาลงราวกับยอมรับโดยดุษฎี

ความนุ่มละมุนที่รู้สึกได้ในวินาทีที่แตะริมฝีปากลงไปราวกับขับไล่สติสัมปชัญญะของคิมหันต์ให้กระเจิดกระเจิง เมื่อรู้สึกว่าสัมผัสแผ่วเบาราวกับชิมลางในคราแรกไม่เพียงพอชายหนุ่มจึงบดเบียดริมฝีปากลงไปอีกครั้งอย่างหนักหน่วงปนเรียกร้องจนคนไม่มีประสบการณ์อย่างปัญชิกาถึงกับมึนงง ทำได้เพียงยอมเผยอปากออกให้ตามการดุนดันของเรียวลิ้นที่หมายจะเข้าไปเสาะแสวงหาความหอมหวานภายในโพรงปากของเธอ

ถึงขาดประสบการณ์แต่ความที่ไม่รังเกียจในตัวชายหนุ่มทำให้ปัญชิกายินยอมพร้อมใจกระทั่งเต็มใจเรียนรู้เลียนแบบวิธีการจูบของเขาตอบกลับไปบ้าง หากนั่นกลับทำให้เธอถูกคิมหันต์เรียกร้องหนักขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก

คิมหันต์รู้สึกเหมือนจะหน้ามืดด้วยความต้องการหลาย ๆ อย่างที่ประดังกันเข้ามา การจูบตอบของปัญชิกาทำให้เขาเกือบขาดสติจนคิดจะร่วมรักกับเธอเสียเดี๋ยวนั้น โชคดีที่เขายังระลึกได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ภายในรถยนต์และเขาก็ไม่นิยมมีเซ็กส์บนรถเสียด้วย ดังนั้นแม้รู้สึกปวดร้าวในกายอยู่ไม่น้อยหากชายหนุ่มก็ฝืนข่มความต้องการด้วยการผละตัวออกพร้อมกับพยายามหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดด้วยหวังว่าอาจช่วยบรรเทาความรู้สึกทุรนทุรายไปได้บ้าง

ปัญชิกาเองก็แทบไม่ต่างกันกับคิมหันต์นักอาจหนักกว่าด้วยซ้ำเพราะเธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ การกระทำของคิมหันต์ปลุกเร้าบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้จักขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ทำให้เธออายเสียจนไม่กล้าสู้หน้าเขาอีกนับว่าโชคดีที่คิมหันต์เองก็ดูไม่มีแก่ใจสนใจเธอเช่นกันเพราะหลังจากผละตัวออกจากเธอได้สักพักเขาก็หันไปสตาร์ทรถแล้วขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วโดยมีจุดหมายคือคอนโดส่วนตัวที่อยู่ไม่ไกลนัก


“อยากดื่มอะไรสักนิดก่อนไหม”

นั่นคือคำถามแรกของเจ้าของห้องเมื่อทั้งคู่มาถึงคอนโดฯ ของเขาแล้ว หากดูเหมือนชายหนุ่มก็ไม่สนใจว่าเธอจะตอบเช่นไรเมื่อดูจากการสาวเท้าตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ขนาดเล็ก

ปัญชิกายังไม่ทันได้สำรวจใด ๆ หญิงสาวก็พบว่าคิมหันต์กลับมายืนตรงหน้าเธออีกครั้งพร้อมแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพัน หลังจากยกขึ้นจิบอึกหนึ่งเขาก็ทำให้เธอตัวแข็งด้วยการก้มหน้าลงมาบดเบียดริมฝีปาก

ปัญชิการู้สึกราวกับลำคอของเธอถูกแผดเผากระทั่งสำลักของออกมาหลังจากคิมหันต์ผละริมฝีปากออกไปแล้ว เห็นเพียงรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าคมสันของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะดึงมือเธอตรงเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ด้านใน

เตียงขนาดใหญ่กลางห้องให้ความรู้สึกไม่ต่างจากลานประหาร หากปัญชิกาไม่มีเวลาได้คิดอะไรเมื่อถูกคิมหันต์ดึงตัวเข้าไปกอดพลางลูบไล้ไปตามเรือนร่างจนเธอเข่าอ่อนทรงตัวแทบไม่อยู่ ดูเหมือนคิมหันต์เองก็พอเดาออกเมื่ออุ้มเธอขึ้นมาแล้วพาเดินตรงไปยังเตียงนอน

ปัญชิกาผวานิด ๆ เมื่อแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงฟูกนอน ทั้งที่บรรยากาศในห้องเริ่มเย็นจากเครื่องปรับอากาศแต่เธอกลับรู้สึกถึงเม็ดเหงื่อที่ซึมออกมาตามผิวหนัง วูบหนึ่งเธออยากขอเวลาสักครู่เพื่อทำใจ

“เอ่อ...ฉัน...”

ดูเหมือนคิมหันต์จะเข้าใจผิด ชายหนุ่มชิงฉกริมฝีปากเข้าไปประกบกลีบปากที่กำลังจะเปล่งถ้อยคำ จนกระทั่งคนที่ถูกกักไว้ใต้ร่างเริ่มอ่อนระทวยอีกครั้งชายหนุ่มจึงผละริมฝีปากออกแล้วพูดกระซิบชิดริมหูหญิงสาว

“สายไปแล้วถ้าจะเปลี่ยนใจตอนนี้”

สัมผัสปลุกเร้าจากริมฝีปากและมือที่บอกถึงประสบการณ์อันโชกโชนทำให้คนที่ไร้ประสบการณ์ไม่เหลือสติหรือเรี่ยวแรงจะหยุดยั้งหรือแม้กระทั่งชี้แจงว่าเธอไม่ได้จะเปลี่ยนใจ คิมหันต์เองก็ทำเหมือนกลัวว่าหญิงสาวจะกลับตัวกลับใจจนไม่รั้งรอหรือให้เวลาใด ๆ กับอีกฝ่าย สิ่งที่ขวางกั้นเขาจากการได้สัมผัสเนื้อแท้ของเธอถูกขจัดออกไปโดยผู้เป็นเจ้าของไม่ทันรู้ตัว กระทั่งเมื่อนิ้วเรียวยาวสัมผัสถูกกลีบดอกไม้ที่ใจกลางของร่างกาย ปัญชิกาจึงเริ่มมีสติอีกครั้ง

“อย่า...”

หญิงสาวสะอื้นบอก ความรู้สึกแปลก ๆ ปนเปกันจนเธอแยกไม่ออกว่าอยากให้เขาหยุดหรือทำต่อ รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะขาดใจในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้

คิมหันต์ไม่นำพาสักนิดกับคำอ้อนวอนของคนที่เขากำลังรุกราน ตรงกันข้ามชายหนุ่มกลับรุกล้ำรุนแรงมากขึ้นนิ้วเรียวยาวถูกเพิ่มเข้าไปอีกนิ้วแล้วสอดแทรกสลับถอดถอนเหมือนจะเตรียมความพร้อมสำหรับบทเรียนที่หนักหน่วงกว่านี้

ปัญชิกาปล่อยให้น้ำตารินไหล ร่างกายที่ถูกบุกรุกให้ความรู้สึกเจ็บแปลบนิด ๆ กระนั้นก็ปะปนด้วยความรู้สึกซ่านเสียวจนเธอต้องฝืนกัดปากตัวเองแต่เหมือนจะทำให้คิมหันต์ไม่ชอบใจเมื่อดูจากการที่เขาประกบปากเข้าหาก่อนกระหวัดเรียวลิ้นรุกไล่ซอกซอนด้วยหวังดึงความสนใจจากสิ่งที่จะกระทำต่อจากนี้

ขณะพยายามชักจูงปัญชิกาให้เตลิดไปกับจูบร้อนแรง คิมหันต์ก็ค่อย ๆ ถอดถอนนิ้วออกจากกลีบกุหลาบสาวพลางลูบไล้ขาอ่อนก่อนค่อย ๆ ดันให้ออกห่างขณะที่พาตัวตนเข้าไปแทรกกลาง จังหวะที่เพิ่มความดุดันลงไปกับจุมพิตแผดเผาจนเธอเผลอจูบตอบ คิมหันต์ก็กดแทรกตัวตนของเขาเข้าไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงในคราวเดียว

เสียงอึกอักในลำคอพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาตามข้างแก้มเป็นเสมือนการยืนยันถึงข้อสงสัยในวินาทีที่เขาเข้าครอบครองหญิงสาว คิมหันต์สบถในใจเมื่อรู้ตัวว่าเขาพลาดอะไรไปทั้งที่นึกสงสัยอยู่บ้างในตอนที่เตรียมความพร้อมให้กับเธอ

“ทำไมไม่บอก...”

ชายหนุ่มกระซิบเสียงพร่าอารมณ์พุ่งสูงจนรู้ว่ายากกู่กลับ สายเสียแล้วหากจะหยุดในตอนนี้เพราะเจ้าของเรือนร่างนี้เป็นของเขาไปแล้วอย่างสมบูรณ์

เมื่อคนใต้ร่างเอาแต่กัดปากไม่ยอมตอบ คิมหันต์ก็ไม่คิดจะเค้นหาเพราะยามนี้เขาเองก็ถูกผลักดันจากอารมณ์ดิบเถื่อนจนไม่คิดเสียเวลาให้กับเรื่องใดอีก

ปัญชิกาได้แต่นอนรองรับแรงถาโถมที่กระแทกกระทั้นใส่เธออย่างยอมจำนน ความบริสุทธิ์ที่สูญเสียไปนำความเจ็บปวดมาให้บ้าง แม้ลึก ๆ นึกเสียใจแต่เธอก็ไม่เสียดายเพราะอย่างน้อยคนที่ได้ไปก็คือคิมหันต์

เมื่อพายุพิศวาสพัดผ่าน คิมหันต์ก็ตั้งใจจะเค้นเอาคำตอบถึงเหตุผลแต่เพราะปัญชิกาหันหลังให้ทันทีที่เขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระชายหนุ่มจึงคิดว่าจะให้เวลาเธออีกสักนิด ทว่าร่างกายที่กลับมามีความต้องการอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ ท่ามกลางความแปลกใจและงุนงงในทีแรกของหญิงสาวในยามที่ถูกพลิกตัวให้หันกลับมาก่อนแปรเปลี่ยนเป็นตกใจในวินาทีที่ถูกคิมหันต์ยกตัวให้ขึ้นไปอยู่บนร่างของเขา

หลังจากนั้นปัญชิกาก็ถูกคิมหันต์สอนบทเรียนบทที่สองโดยที่ครั้งนี้ไม่มีความเจ็บปวดและน้ำตานอกจากความสุขสมของทั้งสองฝ่าย

_____________________________________________________

สวัสดีค่ะ เอาเรื่องของพี่ซันมานำเสนอค่ะ คาดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะอยู่ในไหดองนานเพราะตอนนี้ปั่นไปได้เกือบสิบตอนแล้ว (555 สงสัยจะถนัดกับแนวนางเอกน่าสงสารเพราะมีความสุขกับการปั่นเรื่องนี้มาก)

ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องบางฉากเหมือนกันว่าเหมาะสมกับการนำมาลงที่นี่หรือเปล่า ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็บอกกล่าวกันได้นะคะ ยินดีรับฟังและแก้ไขค่ะ

ขอบคุณค่ะ

พันวลี

ปล. ขออนุญาตแจ้งข่าวเกี่ยวกับนิยายเรื่อง วังวนหัวใจ ถ้าใครยังจำอาเสือกับส้มจี๊ดได้...เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ TOUCH ค่ะ วางแผงแล้วในงานหนังสือฯ แต่เปลี่ยนชื่อเป็น โซ่พิศวาสลวง ค่ะ




พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มี.ค. 2558, 11:18:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มี.ค. 2558, 17:01:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1743





   ตอนที่ 8 และ 9 >>
Pat 29 มี.ค. 2558, 16:38:00 น.
ดุจริงอะไรจริงนะ พี่ซัน มีผิดที่นึงค่ะพิมพ์เป็นเหมันต์


นักอ่านเหนียวหนึบ 29 มี.ค. 2558, 22:06:27 น.
กรี้ดดดดด เพ่ซัน โหด ดิบเถื่อน ถูกใจมั่กๆ ค่าาา คิคิ


konhin 30 มี.ค. 2558, 04:11:16 น.
ดิบมากกกกกก

น้องนางมาขอแบบนี้เพื่ออะไรน้าาาา ลูก? หรือหนีการแต่งงาน?


Zephyr 30 มี.ค. 2558, 17:37:58 น.
พี่ซันดาร์คไปไหมคะ ฮ่าๆๆๆๆ
โท่าเฮียจะดาร์คขึ้นเรื่อยๆหลังผิดหวังจากของขวัญนะ
เดาเอาว่าปัญชิกานางต้องหนีอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกะความเวอร์จิ้นของตัวเองสินะ
เลยเอามาประเคนพี่ซันซะเลย รึป่ะๆๆๆ อย่างน้อยให้คนที่นางประทับใจ ถึงแม้เขาจะไม่ประทับด้วย
ก็ดีกว่านางจะเอาไปให้คนไม่รู้จักสินะ


LAM 3 เม.ย. 2558, 22:21:10 น.
ชอบพี่ซันมาดนี้จังเลยค่ะพันวลี ตอนนี้ก็มาลุ้นว่าอะไรนะที่ทำให้นางเอกของเราต้องมายื่นข้อเสนอให้พี่ซันแบบนี้ เป็นกำลังใจให้พันวลีเสมอนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account