เหลี่ยมกุหลาบ
เพราะทนคำครหาของใครต่อใครไม่ไหวอีกต่อไป และต้องการแก้ไขความผิดพลาดในอดีต วรรษชลจึงตัดสินใจชวนเพื่อนรักปลอมตัวเข้าไปอยู่ในบ้านของมาเฟียหนุ่ม ที่ความจำเสื่อมในฐานะ เพื่อนและคู่หมั้นสาวแสนสวย เพื่อสืบหาความเป็นจริงของคดี

แต่ใช่ว่ามันจะง่ายอย่างที่คิด เมื่อเธอต้องเจอกับ มหาสมุทร ชายหนุ่มผู้ทำท่าเหมือนจะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกเธอ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3 การมาของคนในความทรงจำ (2)

มหาสมุทรแยกตัวออกมาจากผนินทรหลังจากที่ส่งชายหนุ่มให้เข้าไปพักในห้องนอนที่จัดเตรียมเอาไว้ หลังจากที่ปวดศีรษะจนหมดสติไป เมื่อครู่เขาก็ใจร้อนเกินไป เล่าเรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุและการเสียชีวิตของครอบครัวให้กับผนินทรฟังด้วยความขัดใจที่ได้ยินผนินทรแสดงความคิดโง่ๆออกมา เขาน่าจะเข้าใจว่าตอนนี้สภาพร่างกายและจิตใจลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่เหมือนปกติ แต่นี่เขากลับเขายัดเยียดเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดนี่ให้กับน้องชาย ผนินทรคงจะทำใจรับได้ลำบากอย่างแน่นอน

แต่อย่างไรเสียสักวันหนึ่งผนินทรจะต้องรับรู้ความจริงทั้งหมด เขาจะต้องหายเป็นปกติแล้วเข้ามาดูแลงานของครอบครัว ทั้งโรงสี งานค่าเช่าที่นาทำกินของชาวบ้าน โรงงานทำอาหารสัตว์ รีสอร์ต งานมากมายขนาดนี้ ถ้าผนินทรมัวแต่อ่อนแอเป็นเด็กไม่รู้จักโต กิจการทุกอย่างที่คุณอดิศวรสร้างมาคงล้มครืนไม่เป็นท่า

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจอย่างอ่อนแรง หมุนตัวจะเดินกลับห้องพักของตนเองบ้าง

แต่แรงงานในโรงสีคนหนึ่งก็วิ่งตรงเข้ามาขวาง ทำหน้าตาตื่น

“คุณครับคุณ” ชายหนุ่มชาวพม่าเรียกเสียงหอบ “พวกไอ้ก้านมันเล่นไฮโลอยู่หลังโรงสีครับคุณ”

มหาสมุทรเบิกตากว้างอย่างตกใจ รีบวิ่งตามแรงงานคนนั้นไปในทันที ตั้งแต่เมื่อสองสามเดือนก่อนที่เขาถูกเรียกตัวมาช่วยงาน พวกคนงานแอบเล่นการพนันกันเป็นประจำ ที่โรงสีใกล้กับบริเวณบ้านแห่งนี้มี ทั้งแรงงานไทยซึ่งเป็นคนในพื้นที่ และแรงงานชาวพม่าที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมาย จับกลุ่มเล่นกันอยู่หลังโรงสีบ่อยครั้ง จับส่งตำรวจก็ไม่เข็ด คราวนี้เขาคงจะต้องลงมือกำราบเองเสียแล้ว

“เดี๋ยวก่อนนะ ฉันแวะไปหยิบของเดี๋ยว”

เขาร้องบอกคินเซ แรงงานชาวพม่าให้หยุดรอ ในขณะที่เขาวิ่งหายเข้าไปในห้องเก็บของ


เสียงร้องไชโย บ้างก็บ่นเสียดายที่ผิดพลาดผสมปนเปกันไปจากกลุ่มคนที่อยู่หลังโรงสีดังมาแต่ไกล มหาสมุทรยิ้มมุมปาก เปิดประตูรถเชโลกีคันโตของตัวเองลง และย่องเข้าไปใกล้อย่างระแวดระวังไม่ให้คนข้างในรู้ตัว เขาไม่เคยคิดว่าการพนันจะให้คุณใครได้เลย เมื่อสิบห้าปีก่อน เพราะบิดาของเขาเล่นการพนันจนติดเป็นนิสัย เป็นหนี้เป็นสินมากมาย เจ้าหนี้มาตามทวงก็ไม่มีเงินที่ไหนจะมาใช้ มารดาของเขาจึงถูกฆ่าตายไปด้วยอย่างน่าอนาถ

เขาไม่ยอมให้ไปสิ่งเลวร้ายแบบนี้มาทำลายชีวิตของใครอีก

“ พวกมึง ทำอะไรกันอยู่!!”

เขาแผดเสียงดังก้อง ทันทีที่ถึงที่หมาย และเห็นว่าคนงานนับยี่สิบชีวิต ล้อมวงเล่นไฮโลกันอย่างสนุกสนาน หลายคนหันมามองมหาสมุทรด้วยความตื่นกลัว โยนอุปกรณ์ในมือลงกับพื้นด้วยความตกใจกลัว แต่ก็มีบางคนที่อยากจะลองดี จ้องหน้าเขากลับด้วยแววตาแข็งกร้าว

“อ้าว...คุณมหาสมุทรเจ้าเก่านั่นเองนะครับ จมูกดีเหลือเกิน” ก้านแสยะยิ้ม ก่อนเอียงคอมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมหาสมุทรยิ้มๆ “หรือว่ามีหมาบางตัวมันทำตัวเป็นมหาตำรวจ คอยออกดมกลิ่นให้กันแน่”

คินเซสะดุ้งเฮือก ถอยหนีด้วยความกลัวอำนาจของหัวหน้าคนงานอย่างนายก้าน

แต่ไม่ใช่สำหรับมหาสมุทร

“อย่ามาว่าคนอื่น กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้พวกมึงเล่นการพนัน การพนันมันไม่เคยทำให้ชีวิตใครดีขึ้น”

ก้านได้ยินอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะเสียงดัง สร้างความแปลกใจให้คนงงานคนอื่น

“มึงเป็นอะไร1!!” มหาสมุทรร้องถามด้วยความโมโห

“ผมก็ขำที่คุณพูดน่ะสิ” ก้านยิ้มเจ้าเล่ห์ “ทำไมการพนันจะไม่ทำให้ชีวิตใครดีขึ้น ดูก็แต่คุณเถอะ ถ้าพ่อแม่คุณไม่ตายเพราะหนี้พนัน คุณก็คงจะไม่ได้มายืนชูคอ วางอำนาจเหนือคนอื่นพูดจาหยาบคายอยู่อย่างนี้หรอก เพราะว่าคุณท่านน่ะ ตัดพ่อคุณออกจากกองมรดกตั้งแต่นานแล้ว ถ้าคุณอดิศวรไม่สงสารเห็นคุณเป็นเด็กแล้วส่งเสียให้เรียน คุณก็คงไม่ต่างไม่จากพวกเราหรอกโว้ย!!”

มหาสมุทรขมกรามแน่น ล้วงมือไปที่เอวด้านซ้าย หยิบปืนพกออมาจ่อนายก้านอย่างเดือดดาล

“ไอ้ก้าน ปากหมานักนะ” เขาขยับเข้าไปใกล้ มือยังคงจับปืนสั้นกระบอกนั้นแน่น รักษาระดับเอาไว้ หากเขาลั่นไกปืนแล้วยิงออกไป มันคงจะระเบิดปากไอ้ก้านจนกระจุยภายในเสี้ยววินาที

“ฉันอุตส่าห์เตือนพวกแกดีๆ แต่พวกแกไม่เคยหลาบจำ ฉันพยายามจะสั่งสอนแก ว่าไม่ให้แกเล่นการพนัน แต่แกก็ยังมาย้อนถึงพ่อถึงแม่ของฉัน ”

ก้านหัวเราะอีก ท่าทางไม่ได้กลัวว่าจะโดนเขายิงด้วยซ้ำ เพราะถ้ากลัว ก็คงจะไม่ลอยหน้าลอยตายียวนเขาแบบนี้

“ผมพูดความจริงนี่ครับ ไอ้คุณปลิงทะเล” ก้านหัวเราะอีก “นี่ก็คงจะหวังเกาะคุณคนเล็กล่ะสิท่า คงรู้ว่าเขาไม่ได้เรื่อง เลยหวังจะปอกลอกล่ะสิ”

“ไอ้ก้าน!!”

มหาสมุทรแผดเสียงอย่างเหลือดอด ชูมือขึ้นฟ้าจนสุดแขน ก่อนจะลั่นไกปืน ยิงออกไปหนึ่งนัดเสียงดังลั่น

ทั่วบริเวณเงียบสนิท มีแต่เพียงเสียงนกบินหนีเอาชีวิตรอดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าเพื่อนของมันตัวหนึ่งที่คุยเล่นด้วยกันอยู่เมื่อครู่ ร่วงลงไปกับพื้น

“ถ้าแกไม่อยากตายเหมือนนกตัวนั้น แกก็อย่ามาแหยมกับฉัน ฉันไม่ใจดีเหมือนคุณลุงอดิศร รู้ไว้ซะ”


“สะ....เสียงปืน”

ขจีเนตรในชุดสีสันจัดจ้าน เสื้อกร้ามสีเขียวเลม่อนกับกระโปรงบอดี้คอนสีชมพูดสั้นกุด ยกมือขึ้นปิดหูอย่างหวาดกลัว ก่อนจะซอยเท้ายิกๆ วิ่งไปหาเพื่อนรักที่อยู่ข้างหน้าด้วยความยากลำบากเพราะความแคบของกระโปรงและความสูงของส้นรองเท้าที่ไม่คุ้นชิน

“เรากลัวแล้วนะ เธอก็ได้ยินใช่ไหมฝน เสียงปืนมันดังมาจากที่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก”

วรรษชลถอนใจ หรี่ตาที่ไร้เครื่องสำอางและขนตาปลอมของตัวเองลงเกือบจะกลายเป็นเส้นตรง

“เข้าถ้ำเสือ จะกลัวทำไมแค่เสียงค้างคาว” หญิงสาวกอดอก มองสำรวจเพื่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “แต่ตัวซะขนาดนี้ ทำท่าทางให้มั่นใจสมกับคาแรกเตอร์ที่เตี๊ยมกันมาหน่อยสิจี้ ยิ่งเธอเป็นแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้เรื่องเราช้า พวกเราก็ยิ่งอันตรายนะ”

ขจีเนตรพยักหน้าหงึกๆ ยอมเข้าใจที่เพื่อนพูดทั้งน้ำตาที่คลอหน่วย

หญิงสาวไม่รู้ว่าตัวเองมาทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าหลวมตัวทำเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง ขจีเนตรก้มลงมองสภาพของตัวเองที่ดูไม่ต่างอะไรกับนางร้ายในละครหลังข่าว ใบหน้าที่เคยแค่แต่งแต้มเครื่องสำอางแค่อ่อนๆ ตอนนี้ก็กลายเป็นหนาเสียยิ่งกว่านางเอกคณะลิเก ผมที่เคยดำสลวยก็ถูกม้วนหยิกแถมฉีดสเปรย์สีฉูดฉาดเหมือนนกแก้วมาคอร์ ในขณะที่เพื่อนของเธอ วรรษชล รายนั้นยอมลงทุนย้อมผมดำ ยืดผมใหม่ แถมถอดขนตาปลอม แล้วเอาเสื้อผ้าของเธอที่ใส่เป็นประจำเอาไปใส่ปลอมตัวจนไม่เหลือเค้าคนเดิม

ตกลงว่าที่ทำไปทั้งหมดนี่ มันจะคุ้มกันเหรอ มันจะหลอกผนินทรได้จริงๆเหรอ

ผนินทรไม่ใช่คนตาบอด ถ้าเขาเห็นเธอสองคนเข้า แล้วจำได้ขึ้นมา มีหวังที่ทำมาทั้งหมดนอกจากจะพังไม่เป็นท่าแล้ว เธอยังจะต้องมาตายทั้งสภาพนกแก้วมาคอร์อย่างนี้อีก

ขจีเนตรนกมือขึ้นแนบแก้มทั้งสองของตน เบ้หน้าเหมือนจะร้องให้

“อ้าว เร็วเข้าสิยายจีจี้ ทางข้างหน้าก็ถึงประตูชั้นบ้านคุณคนเล็กแล้ว”วรรษชลร้องเรียก

แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงป้อมยาม เสียงแตรรถของใครคนหนึ่งก็เรียกให้ขจีเนตรหันกลับไปมอง

เมื่อรถคันนั้นจอดสนิท ใครคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากกระจกรถ ถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้เธอหนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ

เธอจำได้ เขาคือคนที่ไปเยี่ยมผนินทรในวันนั้น

“พวกคุณเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่” เสียงทุ้มนุ่มนั้นเอ่ยออกมาอย่างไม่บอกอารมณ์ใดๆ

ขจีเนตรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะพยายามกลั้นใจ เชิดหน้า ใช้มือสอดเข้าไปในเรือนผมตัวเอง ให้ผมที่เคยพะรุงพะรังปกปิดไหล่เนียนและลำคอระหงมแผ่สยายสวยงาม จับปอยผมข้างซ้ายขึ้นทัดใบหู เปิดให้เห็นสร้อยคอและต่างหูที่เธอใส่อยู่ แล้วจีบปากจีบคอตอบไปว่า

“ฉันมาหาคุณคนเล็ก ฉันเป็นคนรักของเขา”





ศิลป์ศรุตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2554, 11:01:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2554, 11:01:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1456





<< ตอนที่ 3 การมาของคนในความทรงจำ (1)   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account