เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ

เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ


คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...

เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...

ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...

หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...


ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ

โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...

รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม

ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...

เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...

และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร


และ...

หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน






...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...


...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....



Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า

ตอน: บทที่ 44 นางฟ้าสลาตัน


ตั้งแต่ได้ทนายส่วนตัวมาให้มารดา ทุกๆเช้าก่อนออกไปทำงาน
เขาจะต้องเดินสวนทางกับหญิงสาวทุกครั้ง

เพราะที่ทำงานของเธอคือบ้านของเขา ที่ที่มารดาของเขาทำงาน…

นุฮาเผลอมองรถบิ๊กไบค์คันโตที่ดูจะเหมือนคู่ใจคู่กายของเธอ
เห็นแล้วขัดตาไม่น้อยกับผู้หญิงร่างเปรียวกับรถที่ทั้งโตทั้งหนัก

มันก็ดูเท่ดีอยู่หรอก แต่เขาไม่ชอบเห็นเธอนั่งบนรถคันนั้น

…มันอันตรายและเสี่ยงกว่ารถยนต์อยู่หลายเท่า…

และดูเหมือนคนที่ชอบสวมชุดสีเขียวเข้มเหมือนสีเสื้อทหารพรานจะรู้ตัวว่าเขาไม่พอใจ
เธอเลยไม่เคยทักทายเขาด้วยคำพูด นอกจากก้มหน้าให้นิดนึง
แล้วเดินตรงแน่วเข้าบ้านเขาไป…

นุฮามองไปที่รถบิ๊กไบค์คันนั้นแล้วอยากจะเตะให้มันล้มลงไปนอนหมดหล่อ
จูบพื้นคอนกรีตในโรงรถบ้านเขาเสียให้สิ้นเรื่องไป…

แม้จะไม่ใช่คนพาล แต่เขาชักมีอารมณ์อยากทำลายข้าวของขึ้นมาครั้งแรก
ในชีวิตก็กับมันนั่นแหล่ะ…

และวันนี้น้องชายของเธอจะเดินทางกลับเกาะหลีเป๊ะ
จึงโทรมาขอให้เขาช่วยไปส่งที่สนามบินให้หน่อย…

ดูเหมือนเขาจะกลายเป็นพี่ชายให้น้องชายของเธอไปแล้ว…
เพราะระหว่างที่อยู่ที่กรุงเทพฯ แทนที่จามาลจะไปขลุกอยู่กับพ่ีสาวหรือผู้เป็นลุง
เปล่าเลย เจ้าหนุ่มนั่นกลับมาขลุกอยู่ที่บริษัทเขา พอเขากลับบ้านก็ขอตามไปด้วย
เลยได้ละศีลอดตอนมื้อค่ำด้วยกันโดยมีคนเป็นพี่นั่งร่วมด้วยทุกวัน…
ก่อนจะซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่สาวกลับบ้านไปพร้อมกันทุกที…

เขาไม่ชอบเห็นเธอทำตัวเหมือนแวนท์เกิร์ลและมีสก๊อยบอยนั่งซ้อนท้ายเลยให้ตายสิ…
มันดูขัดตาอย่างไรชอบกล…

ถ้าเป็นน้องนุ่งเขาจะสั่งสอนให้รู้ว่าอะไรที่ผู้หญิงควรทำและไม่ควรทำ…
หวังว่าเธอคงให้น้องชายซ้อนท้ายได้คนเดียวนะ…เพราะถ้าเป็นชายอื่น
เขาจะต้องสั่งสอนเธอเพิ่มเรื่องความเป็นหญิงสาวในกรอบของอิสลามเสียใหม่



“ขอบคุณนะครับพี่นุที่อุตส่าห์มาส่ง…ผมไม่อยากกวนลุงพอๆกับ
ไม่อยากนั่งรถพี่บัวมาเลย…นั่งทีไรผมเสียทรงหมดหล่อทุกที…”

จามาลยิ้มส่งให้นุฮาที่ขับรถไปรับเขาถึงที่บ้านของผู้เป็นลุงแล้วพามาส่งที่สนามบิน

“ยังไงก็…ดูแลตัวเองด้วย…ว่างเมื่อไหร่ อย่าลืมแวะมาอีกนะ…
ถ้าพี่ว่างๆจะพาไปเที่ยว…” จามาลพยักหน้ารับก่อนจะมองหาใครบางคน
พร้อมกับเปรยเสียงเบาๆว่า

“ทำไมยังไม่มาอีก…”

“ใครล่ะ…” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ชะเง้อคอยาวจึงอดถามไม่ได้

“พี่บัวน่ะสิครับ…บอกว่าจะซิ่งมาให้ทัน…แต่ป่านนี้แล้วยังไม่โผล่หน้ามาเลย…”

พูดไม่ทันขาดคำก็เห็นพี่สาวเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาหาเขาพอดี
รูปร่างและท่าทางแบบนั้นไปเดินอยู่ตรงไหนก็เป็นที่เตะตากันทั้งนั้น…
ยิ่งไม่ได้ปลอมตัวมายิ่งเด่น…แล้วคนที่เกิดตามหลังมาติดๆอย่างเขา
จะหาไม่เจอได้อย่างไร

“โทษทีจามาล…รถมีปัญหานิดหน่อย…”

“ปัญหาไรพี่…”

“ของไม่ได้ใช้นานๆพอเอามาขับมันก็ต้องมีหาเรื่องเกเรเป็นธรรมดา…
ว่าแต่นี่ใกล้จะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วนี่…” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปใกล้น้องชาย
วางมือลงบนบ่่าของน้อง

“ฝากแม่ด้วยนะ…”

“โห…คนของพี่มีออกขนาดนั้น…ไม่มีใครกล้าหรอก…”

“ไม่แน่…พวกมันไม่ธรรมดา…ยังไงไปไหนก็ขอให้ระวังตัวด้วย
แล้วที่พี่สอนให้ปลอมตัวและพรางตัวน่ะ อุปกรณ์อยู่ในกระเป๋าพร้อมแล้วใช่มั้ย…”

“ไม่มีพลาด…” คนเป็นน้องยิ้มกว้าง

“ลงจากเครื่องก็รีบแปลงโฉมทันทีเลยนะ…เปลี่ยนสถานที่ทุกครั้ง
ก็แปลงโฉมทุกครั้ง…เพราะพวกนี้มันจมูกไว…” ไม่วายเตือนน้องชายอย่างห่วงใย

“อย่าห่วงผมเลยพี่ ผมเอาตัวรอดได้ พี่เองนั่นแหล่ะที่ต้องห่วงตัวเอง
ไปตีรังแตนเข้าแบบนั้นมันคงไม่คิดจะปล่อยพี่ไปโดยไม่ทำอะไรง่ายๆแน่…
ขอพระเจ้าคุ้มครองพี่นะ…” ไม่วายอวยพรให้พี่สาวก่อนจะหันไปทางนุฮา

“ผมฝากพี่บัวด้วยนะครับพี่นุ…”
คนเป็นพี่ได้ยินเช่นนั้นก็ต่อว่าใส่น้องชายเสียงขุ่นทีเดียว

“จะบ้ารึไง…ไปพูดอะไรแบบนั้น…พี่ดูแลตัวเองได้…” นุฮาไม่เอ่ยคำใด
นอกจากฉุดยิ้มที่มุมปากเพียงนิด

“ยังไงพี่ก็ยังเป็นผู้หญิงที่ต้องการการดูแลจากผู้ชายอยู่ดีนั่นแหล่ะน่า
อย่ามาทำเป็นเข้มแข็งหน่อยเลย…ปีกหักกลับมาครั้งนั้นผมยังจำสภาพพี่ได้ดีอยู่นะ…
ขอบอกว่า…ผู้หญิงสุดๆ…”

“ก็พี่เป็นผู้หญิงนี่ ไม่ได้บอกว่าเป็นผู้ชายสักหน่อย…แต่ก็ไม่ได้ต้องการ
การพึ่งพาจากผู้ชายอีกแล้ว…นอกจากยอดพ่อครัวขมูขีของพี่…
แล้วว่างๆจะกลับไปกินข้าวฟรีนะ…” ‘ยอดพ่อครัวขมูขี’ ได้แต่ส่ายหน้าไหวๆ

ไม่เข้าใจอารมณ์พี่สาวจริงๆว่าจะเล่นตัวไปทำไม
ผู้ชายดีๆอยู่ใกล้ๆให้คว้ากลับทำไม่สนใจ…

“ผู้ชายไม่ได้มีแค่คนเดียวในโลกนะพี่บัว…เจอที่ไม่ดีมาเลิกไปแล้วหาเอาใหม่สิ…
คนที่ดีกว่านั้นพันเท่ายังมีนะพี่…หรือพี่จะอยู่รอฟังคำขอโทษจากคนพรรค์นั้น…
มันไม่ตามมาขอโทษพี่ถึงที่นี่หรอก เลิกเสียเวลากับคนๆนั้นสักทีเถอะน่า…
ปล่อยมันไป โยนลงบ่อขี้ไปเลย” คนเป็นพี่ยิ้มเย็นเมื่อเจอประโยคนี้จากน้องชาย

“แค่คนเดียวก็มากพอแล้วล่ะจามาล…” คนเป็นน้องถึงกับลอบถอนใจ
หันไปยิ้มให้นุฮาที่ยืนเงียบ สีหน้าเรียบสนิท

“ที่ผมห่วงก็เพราะว่าเจ๊แกเป็นแบบนี้แหล่ะพี่นุ…” นุฮาพยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจ
ชายหนุ่มจึงวางมือลงบนบ่าของน้องชายอะสุเซน่า

“ผู้ชายหลายคนมักลืมง่าย แปรผกผันกับผู้หญิงมากมายที่ลืมยากน่ะ...
นายก็ต้องปล่อยเขาไป ถ้าเขาเต็มใจจะจมปลักอยู่อย่างนั้น…
เขาพอใจจะขึ้นมาเมื่อไหร่เดี๋ยวก็หาทางปีนขึ้นมาจากปลักได้เองแหล่ะน่า”

ไม่วายเหลือบไปมองหญิงสาวนิดนึงแล้วยิ้มส่งให้คนที่ได้เวลา
ต้องเข้าไปยังห้องผู้โดยสารแล้ว

“ประกาศเรียกแล้วนี่…ไปเถอะ…อย่าห่วงทางนี้เลย…”

แล้วนุฮาก็ก้มลงกระซิบข้างหูว่า

“พี่จัดการได้…” คนฟังยิ้มกริ่มก่อนจะหันไปทางพี่สาว

“ผมไปนะพี่บัว…”

“โชคดี แล้วอย่าลืมที่พี่เตือน…” คนเป็นน้องยิ้มกว้างให้พี่สาว
ก่อนจะเดินเข้าไปยังด้านใน โบกไม้โบกมือให้ทั้งสอง…

เมื่อลับร่างของน้องชายแล้ว หญิงสาวก็รีบจ้ำอ้าวเดินออกไปยังที่ที่รถของเธอ
จอดอยู่ทันที นุฮาเดินตามไปติดๆ ก่อนจะเรียกเอาไว้

“เดี๋ยวก่อนสิบัว…” หญิงสาวที่ยังนึกฉุนกับประโยคของเขาเมื่อครู่
เดินอาดๆไม่หยุดยั้ง…ทั้งเร็วทั้งคล่องแคล้ว แทรกผ่านผู้คนอย่างชำนิชำนาญ
ทำเอาคนที่ขายาวกว่าถึงกับต้องออกวิ่งจนวิ่งมาทันตรงประตูทางออกจากตัวอาคาร

ก่อนจะมาดักหน้าเธอเอาไว้ทำเอาคนที่ตั้งหน้าเดินลูกเดียวไม่สนใจอะไร
ถึงกับเบรกกะทันไม่ทัน เกือบชนเข้ากับแผงอกของคนที่ขึ้นมาดักหน้าเธอ
ดวงตาหญิงสาวจึงวาวโรจน์ขณะจ้องมองเขา

“มายังไง…อย่าบอกนะว่าขี่ไอ้บิ๊กไบค์นั่นมาน่ะ…”

นั่นคือคำพูดของเขาที่ออกไปทางดูหมิ่นพาหนะคู่ใจของเธอ
หลายครั้งแล้วที่เธอเห็นสายตาไม่เป็นมิตรของเขายามจ้องมองรถของเธอ…

“ใช่แล้วจะทำไม…” น้ำเสียงที่ปกติก็ไม่ได้จะหวานสักเท่าไหร่แล้ว
ยามนี้ยิ่งห้วนเข้าไปอีกเมื่ออารมณ์ภายในกำลังคุกรุ่น

เรื่องอะไรเขาต้องมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเธอ ความคิดและความรู้สึกเธอด้วย…
เขาไม่ใช่คนในครอบครัวหรือคนสนิทที่จะมาทำแบบนั้นได้
โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของเธอ เขาไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย…

“ผมไม่ชอบเห็นทนายความของแม่ผมขี่เจ้านั่น…มันดูไม่สุภาพ…”
คนฟังถึงกับกระตุกมุมปาก

“คุณคงลืมดูข่าวที่ผู้นำระดับประเทศขี่มอเตอร์ไซค์ไปประชุมเลยสินะ…
ถึงได้มาดูถูกพาหนะของฉัน…”

“ผมไม่ได้ดูถูก…แต่ไม่ชอบให้คุณขี่มัน…”

“มันสิทธิ์ของฉัน…ฉันรับจ้างทำงานให้คุณนะ ไม่ได้เป็นทาส…
และฉันก็อ่านสัญญาจ้างเรียบร้อยแล้ว…ซึ่งไม่มีข้อไหนห้ามให้ฉัน
ขี่มอเตอร์ไซค์หรือห้ามนั่งรถนั่นรถนี่ไปทำงาน” หญิงสาวสวนกลับ

“ดังนั้น…ฉันจะนั่งรถอะไรไปทำงานมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของนายจ้าง
และที่สำคัญ…ฉันจำได้ว่า…นายจ้างของฉันมีคนเดียวก็คือแม่คุณ…ไม่ใช่คุณ…”

เจอเข้าอย่างนี้ คนที่ปกติอารมณ์ดี อารมณ์เย็นเป็นน้ำใสในลำธารบนยอดเขา
ถึงกับเริ่มขุ่น หน้าเริ่มขึ้นสี…จ้องคนพูดนิ่งทีเดียว…

ประดุจดั่งสัญญาณเตือนว่าน้ำป่ากำลังไหลบ่าทะลักเข้ามาในอีกไม่ช้านี้
ทว่า คนที่กำลังเล่นน้ำในลำธารอย่างมีสนุกหารับรู้ไม่

“มีใครเคยสั่งสอนคุณบ้างไหมว่าการอวดดี แสดงกริยาวาจาผยองพองขนแบบนี้…
มันทำให้ดูไม่น่ารักเลย…” หญิงสาวเม้มปากสนิท

ไม่ใช่แค่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอย่างเดียว เขายังบังอาจมาสั่งสอนเธอในที่สาธารณะด้วย
แม้ตรงที่ยืนอยู่ห่างจากผู้คนมา แต่เธอก็ไม่ชอบ ศักดิ์ศรีเธอมี…
และไม่คิดจะให้ใครมาย่ำยีเล่นๆโดยไม่จำเป็น…

ตอนนี้เธอไม่ได้แสดงบทบาทของเด็กบัว แต่เธอเป็นเธอ เป็นตัวของเธอเอง…
ไม่มีหน้ากากอะไรต้องมาปิดตัวตน…

“มีสิ…แม่ฉันไง…แม่สอนฉันมาตั้งแต่เด็กแล้ว…ว่าควรทำตัวยังไงให้คนรักคนเอ็นดู…
แต่ฉันก็เลือกนะ…ฉันเป็นคนเลือกปฏิบัติ…”

นุฮามองคนตรงหน้าที่แสนอวดดีนิ่งทีเดียว ลอบถอนใจเบาๆ ข่มอารมณ์เอาไว้
ท่องไว้ว่าเขากำลังถือศีลอด…ทะเลาะกับคนตรงหน้าก็ไม่ได้อะไรดีขึ้นมา

“โอเค…งั้นถามหน่อยว่า…ผมไปทำอะไร…ตอนไหน…คุณถึงดูจะทำเหมือนผม
เป็นศัตรูคู่แค้น…เพราะเท่าที่จำได้…ผมแน่ใจว่าไม่ได้ไปเหยียบตาปลาคุณเลยนะ…”

โยนมดแดงสองรังมารุมกัดเธอเนี่ยนะ นั่่นมันยิ่งกว่าเหยียบตาปลากันซะอีก

หญิงสาวอยากจะตะโกนใส่หน้าเขาออกไปแบบนั้นเสียจริงๆ…
แต่ให้ตาย เธอยังไม่อยากอารมณ์เสียเพราะคนๆเดียวที่พยายามทำตัวล้ำเส้น…
คิดจะล่วงล้ำอธิปไตยกัน

ตั้งแต่เปลี่ยนตำแหน่งจากทนายความบริษัทที่เธอสมัครไปมาเป็นทนายส่วนตัวเขา…
และเธอก็ยอมเพราะมันหยวนกันได้อยู่แล้ว

แต่ดูจะยังไม่จบ อยู่ๆเขานึกอยากจะโยนเธอไปทำงานให้แม่เขา
เขาก็ส่งทอดเธอไปได้อย่างหน้าตาเฉย ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นเจ้าชีวิต
ที่จะส่ังใครไปรบและไปตายตอนไหนก็ได้ตามแต่ที่เขาต้องการ

พอเธอขอโบกมือลา เขาก็ยังหาเรื่องเดินทางไปกดดันแม่เธอให้มากดดันเธอ
ให้มาทำงานให้เขาอีกโดยอ้างว่าเป็นความประสงค์ของแม่เขาซึ่งเป็นรุ่นพี่
ที่แม่เธอเคารพนับถือหนักหนา…จะให้เธอขัดแม่ทั้งๆที่แม่อยากให้เธอจับงาน
ที่ไม่ต้องสมบุกสมบันอย่างงานทนายความแทนงานตำรวจอยู่ใจจะขาดได้อย่างไรไหว…

แล้วเขายังมายุ่งเกี่ยวกับน้องชายคนเดียวของเธออีก
พูดจาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอ แล้วมาดูถูกความเป็นเธอ
ดูถูกเจ้ารถคู่ใจของเธออย่างออกนอกหน้า

ทั้งหมดทั้งมวลนี้น่ะ มันยิ่งกว่าเหยียบตาปลากันเสียอีก…

“คุณควรจะจำไว้ว่ามดแดงคือคู่อริของฉัน…ถ้าคุณคิดจะอยู่ฝั่งเดียวกันกับมันล่ะก็…
คุณก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคู่อริของฉันเช่นกัน…”

นุฮาแทบอยากจะหลุดหัวเราะออกมาแล้ว ถ้าไม่ได้เห็นสีหน้าท่าทาง
ของคนตรงหน้าที่ดูจริงจัง ไม่ได้พูดเล่นแต่อย่างใด

“หรือถ้าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็ก…งั้นฉันจับคุณไปตรึงไว้แล้วให้
มดแดงสองรังรุมกัดคุณบ้าง…คุณจะว่ายังไงล่ะคุณนุฮา…”

รอยมดแดงกัดมันยังไม่หายเลยด้วยซ้ำ ขนาดผ่านมาหลายวันแล้วอย่างนี้…
ดีนะที่วันนั้นมันไม่ฉี่รดดวงตาเธออย่างทุกทีด้วย ไม่งั้นคงได้แสบตากันละ…

“ผมขอโทษแล้วไง…จะให้ขอโทษอีกกี่ครั้งก็ได้…”

“ฉันไม่ให้อภัย…เพราะสิ่งที่คุณทำกับฉันน่ะมันหลายเรื่อง…”

“งั้นบอกมาสิ…ว่ามีเรื่องไหน…ผมจะได้ขอโทษมันให้หมดทุกเรื่อง…
จะให้เหมารวมเลยก็ได้…แต่ผมก็อยากรู้นะว่าผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจไปบ้าง…
อะไรที่รู้ว่าผิดผมยินดีรับผิดชอบต่อความผิดนั้น…” หญิงสาวลอบถอนใจ…

“ช่างเถอะ…ฉันคงต้องขอตัวก่อน…นัดแม่คุณไว้…เดี๋ยวท่านจะรอ”

หญิงสาวก้มมองนาฬิกาก็เห็นว่าเลยเวลาบ่ายโมงมาแล้ว
เธอควรจะต้องรีบไปจากตรงนี้เสียที…

นุฮาจึงจำต้องปล่อยไปก่อน ไม่อยากจะไปเซ้าซี้อะไรกับเธอตอนนี้นัก
เพราะเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่




อะสุเซน่าขับรถออกมาได้สักพักรถก็ติดไฟแดง เธอจึงซอกแซกไปยังช่องว่าง
เพื่อไปยังด้านหน้าสุด ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์สามคัน
กำลังประกบซ้ายขวาและด้านหลังของรถยนต์ยี่ห้อหรูที่มีไม่กี่คันในประเทศนี้

และเธอรู้ว่าใครเป็นคนขับมัน!

เพราะส่วนหนึ่งของสัญชาตญาณของตำรวจคือ การจดจ้องและจดจำป้ายทะเบียนรถ
ท่ีตัวเองนั่งและขับตามหลังกับสัญญาณเตือนภัยที่มักจะเกิดขึ้นเสมอ
เมื่อเจอฝ่ายตรงข้าม…ยิ่งรูปพรรณสันฐานไม่น่าไว้ใจแบบนั้น ยิ่งเตะตาเธอยิ่งนัก…

เพราะมันไม่น่าจะใช่มอเตอร์ไซค์เด็กแว้นท์ทั่วไปแน่ๆ…

หญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะขี่ตามรถคันนั้นไปเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว…
และรู้แน่ว่าเจ้าของรถคันหรูน่าจะรู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกติดตามจึงขับรถขึ้นสะพาน
ออกนอกเส้นทางที่เขาควรจะไป…

หญิงสาวขี่ขึ้นสะพานตามไปอย่างไม่หวั่นเกรงแม้จะมีกฎว่าห้ามรถสองล้อ
ขึ้นบนสะพานแห่งนี้ก็ตาม

เพราะดูไปแล้ว ชีวิตคนๆนั้นมันสำคัญกว่ากฎพวกนี้เสียแล้ว…

เมื่อขี่ออกมาในที่ที่การจราจรเริ่มเบาบางลงซึ่งเขาไม่ควรขับออกมาเลย
มันจะกลายเป็นเป้าโจมตีเอาได้ง่ายๆ…

และเธอก็พบว่าพวกนั้นกำลังยกปืนขึ้นส่องหมายจะพุ่งเป้าไปที่ล้อรถคันนั้น…
หญิงสาวดึงปืนที่เธอพกอยู่ตลอดเวลายกเว้นตอนเข้าไปในสนามบินเท่านั้นขึ้นมา
ส่องไปที่ล้อรถของพวกมอเตอร์ไซค์นั่นด้วย…

ไม่ง่ายที่จะจัดการ…แต่เธอก็เจาะยางของมันได้ก่อนที่มันจะเจาะยางของรถคันหน้าได้…
หรืออาจจะพร้อมๆกัน เพราะรถยนต์คันหรูอยู่ๆก็เกิดเสียหลัก
เข้าไปเบียดอยู่ตรงริมฟุตบาท ส่วนรถมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันเสียหลักไปนอนอยู่บนฟุตบาท
ส่วนคนสองคนที่นั่งมากระเด็นพุ่งตัวลงไปนอนวัดพื้นอยู่บนฟุตบาท
ห่างออกไปจากตัวรถราวๆสามเมตร และคงไม่เป็นอะไรมากเนื่องจากพวกมัน
เซฟตัวเองมาเป็นอย่างดี ทั้งหมวกกันน๊อกทั้งชุดทั้งปลอก…

และเพียงไม่นานคนในรถคันหรูก็ยิงสวนตอบโต้ออกมาเมื่อรถจอดนิ่งไปแล้ว
เพราะไปต่อไม่ได้…

หญิงสาวรีบส่งสัญญาณให้เจ้าของรถรู้ตัวด้วยการเป่านกหวีดที่พกอยู่ในกระเป๋าเสื้อ
ตรงหน้าอกเป็นเสียงนกหวีดของตำรวจจราจรเพื่อเรียกสายตาคนทั้งหมด
ให้หันมามองพร้อมการหยุดการปะทะกันไปชั่วขณะ

และคนที่เป่านกหวีดก็ใช้เสี้ยววินาทีนั้นขี่รถเข้าไปประชิดตัวมือปืน
ในระยะพอเหมาะพอเจาะพร้อมกับประคองตัวตวัดถีบกลางอากาศ
ไปที่ตัวคนขี่จนรถคันนั้นเซเสียหลักลงไปนอนข้างทาง…ร่วงไปอีกหนึ่งคัน…

แล้วขี่รถวนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับใช้เท้าตวัดเตะกลางอากาศ
และใช้ความเร็วในการเกี่ยวรัดต้นคอคนที่นั่งขี่มอเตอร์ไซค์อีกคัน
ในขณะที่มือทั้งสองของเธอยังกุมแฮนด์รถของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
พร้อมการทรงตัวได้ดีบนรถคันโตด้วยชั้นเชิงของศิลปะการต่อสู้
บวกกับกายกรรมผาดโผดที่พร่ำฝึกปรือมานานปี
ก่อนจะสอยทั้งคนทั้งรถให้ร่วงลงไปพร้อมกัน…

ส่วนคนในรถก็ยิงสวนกลับผู้ร้ายที่เหลือที่เพิ่งร่วงไปก่อนหน้านี้…
ทำให้ร่วงไปอีกสองด้วยลูกตะกั่ว…

หญิงสาวจึงใช้จังหวะที่พวกมันกำลังเสียหลักส่งสัญญาณให้เขาขึ้นรถ
ไปกับเธอพร้อมกับโยนหมวกกันน๊อกไปให้…

ชายหนุ่มเจ้าของรถเก๋งคันหรูรับหมวกมาสวมทันทีแล้วรีบกระโดดขึ้นรถ
พร้อมตวัดแขนโอบรอบเอวบางเอาไว้แน่นเมื่อรถออกตัวพุ่งไปข้างหน้า
ด้วยความเร็วสูงก่อนจะขี่แบบฉวัดเฉวียน หลบรถเก๋ง หลบรถปิ๊คอัพเพื่อหนีการไล่ล่า
จากแก๊งมอเตอร์ไซค์ที่เหมือนจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกตามตัว

คราวนี้หญิงสาวเลือกออกนอกเมือง…เพราะมั่นใจในศักยภาพของรถ
พอๆกับฝีมือการขี่ของตัวเองว่าไม่น้อยหน้าคนพวกนั้น…

อีกทั้งหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะก่อความเสียหายแก่คนอื่นอีกมากมาย
บนทางสัญจรอันคับคั่งในเมืองกรุง…

หญิงสาวขี่รถราวกับเธอเป็นหนึ่งเดียวกับมัน เมื่อถนนเริ่มโล่ง
หญิงสาวนักบิดก็เร่งความเร็วเกือบ ‘หมดปลอก’ หรือ ‘หมดไมล์’
เรียกได้ว่าเข็มหน้าปัดวิ่งหูดับตับไหม้จนคนซ้อนท้ายถึงกับหูลู่ไปกับลมเป็นแน่
ถ้าไม่มีหมวกกันน็อกครอบศีรษะเอาไว้...จนต้องก้มตัวราบลงเพื่อลดแรงเสียดทาน
ราวกับทุกสรรพสิ่งในโลกหยุดการเคลื่อนไหว มีเพียงเขาและเธอ
ที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

...ถ้าเธอบอกว่ากำลังขี่รถเหาะพาเขาไปทัวร์ดวงจันทร์เขาก็เชื่อ...

เพราะแทบมองไม่เห็นอะไรข้างทางเนื่องจากไม่มีโอกาสได้มอง…
และถึงมองก็คงจับภาพมันไม่ทันอยู่ดี...ซ้ำยังไม่ได้ยินเสียงใดๆ
นอกจากเสียงเครื่องยนต์ของรถคันท่ีกำลังนั่งอยู่กับเสียงลมหวีดหวิว…

และเขาสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าคนขี่สามารถควบคุมรถได้
ในสถานการณ์คับขันเป็นอย่างดี…

ที่สำคัญ…ฝีมือระดับเทพเลยทีเดียว โดยเมื่อตอนเจอทางโค้ง
เธอเทโค้งชนิดที่เข่าแทบติดพื้นอย่างนักแข่งในสนามแข่งรถ
อย่างที่พวกเด็กแวนท์มักเรียกท่านี้กันว่าท่า ‘เข่าเช็ด’

ซึ่งคนที่จะทำแบบนี้ได้แล้วปลอดภัยต้องมีความชำนาญสูง
เข้าใจรถเข้าใจพื้นถนนและเข้าใจเส้นทาง สามารถพาทั้งรถทั้งคนให้
ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้อย่างปลอดภัย…

เขาจึงสรุปสั้นๆง่ายๆว่าเธอไม่ใช่แค่ ‘ขี่ได้’ แต่เธอ ‘ขี่เป็น’




นุฮายืนพิงต้นไม้ตรงริมทางที่เป็นพื้นที่ของอดีตกรุงเก่า
ที่แตกพ่ายไปแล้วเม่ือหลายร้อยปีก่อน สายตาทอดมองดูหญิงสาว
ที่กำลังก้มๆมองๆตรวจตรารถคู่ใจของตนเองอยู่…

ถ้าเธอเกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยาเขาคงจะจินตนาการให้เธอนั่งอยู่บนหลังม้า
แล้วใช้อาวุธฟาดฟันศัตรูคู่อริผู้รุกรานได้ไม่ยากเลย…

เพราะไอ้ท่่าดูรถของเธอตอนนี้มันก็ไม่ได้ต่างจากท่าสำรวจดูม้าศึกที่เขาเห็น
ในหนังย้อนยุคสักเท่่าไหร่…

“มันมีชื่อมั้ย…” เสียงเขาถามเมื่อเห็นว่าเธอกำลังหยิบถุงเครื่องมือ
และอะไหล่บางชิ้นออกมา…

“สลาตัน…” นั่นคือคำตอบสั้นๆของคนที่กำลังใช้เครื่องมือในถุงนั้นออกมา
เพื่อเปลี่ยนอะไหล่…

ชุดของเธอตอนนี้ดูแตกต่างจากที่เขาเห็นในสนามบินไปบ้างตรงที่มีการ์ดป้องกัน
ถุงมือและรองเท้าสำหรับเซฟตัวเองขณะขี่เจ้าบิ๊กไบค์คันนี้

“มันป่วยเป็นไรมากมั้ย…” หญิงสาวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคนถามขณะตอบว่า

“ต้องเปลี่ยนสายคันเร่ง…หัวเทียนก็เหมือนจะมีปัญหา…”
แล้วก็พึมพำเบาๆราวกับพูดกับตัวเองว่า

“เพิ่งซ่อมไปเมื่อก่อนเที่ยงแท้ๆ ทำไมเกเรแบบนี้…ดีนะที่หนีพวกนั้นมาได้แล้ว…
ไม่งั้นสลาตันก็สลาตันเถอะ…ได้เป็นถลาตนลงไปกองอยู่ในโกดังซากรถ
ที่ไหนสักแห่งแน่ๆ…”

ว่าพลางก็ลูบไล้ไปบนมันราวกับลูบหลังม้าเพื่อปลอบขวัญมันก็ไม่ปาน…

นุฮาสังเกตว่ารถของเธอมีการทำสีแปลกตา ไม่ค่อยมีของแต่งรถมากมาย
ดูสวย สปอร์ต ดุดัน น่าเกรงขาม ยามแผดเสียงคำรามดุดันยิ่งนัก

เมื่อก่อนตอนมองจากระยะไกลๆ เขามองว่ามันหล่อ เท่
แต่พอมาเห็นจะๆแบบนี้ มันกลับไม่ใช่ เพราะแม้จะดูดุดันหากแฝงความหวาน
อันทรงเสน่ห์เอาไว้ นับว่าเธอเข้าใจเลือกรถได้เหมาะกับตัวเอง…
แม้ชื่อจะไม่หวานเหมือนตัวรถก็ตาม…

“ทำไมถึงชื่อนี้…”

“ตอนเด็กๆฉันเคยดูละครเรื่องนึง…ชื่อสายฟ้าสลาตัน…
พระเอกเป็นฮีโร่ในใจฉัน ชื่อโมน เขารักในรถมอเตอร์ไซค์…
ขับรถสมองกลที่พูดได้ เหาะได้ ชื่อสายฟ้า…เพื่อปราบปรามคนที่ทำไม่ดี…
พวกเหล่าร้าย...พวกมารทั้งหลาย...รายละเอียดของเรื่องฉันจำไม่ค่อยได้แล้ว
แต่ฉันก็ติดเรื่องนี้มากๆเลยนะตอนนั้น…จนคิดฝันอยากนั่งมอ’ไซค์เหาะได้บ้าง…
อยากมีอัศวินสมองกลมอเตอร์ไซค์ที่พูดได้เหาะได้อย่างสายฟ้าบ้าง”

“ก็แล้วทำไมไม่ตั้งชื่อว่าสายฟ้าซะเลยล่ะ…มันตัวเขียวๆเหมือนรถคุณไม่ใช่หรือ…”

คราวนี้คนที่กำลังจดๆจ้องๆซ่อมรถอยู่ถึงกับชะงักมือ
แล้วหันมามองคนที่ยืนพิงต้นไม้อย่างอึ้งไปเลยทีเดียว

“ผมก็ติดนะเรื่องนี้น่ะ…ดูทุกเย็นวันจันทร์ถึงวันศุกร์เลยแหล่ะ…”

เหมือนได้เจอคอเดียวกัน หญิงสาวเลยพูดเพลิน ลืมความบาดหมางในใจ
ก่อนหน้านี้ไปชั่วคราว เล่าเท้าความถึงเรื่องราวเกี่ยวกับละครเรื่องที่ตนประทับใจ
ในวัยเด็กขึ้นมา ก่อนจะจบที่ว่า

“ทำไมไม่สายฟ้า…”

“เพราะว่าชื่อนี้มันเยอะมากแล้วค่ะ…ทั้งชื่อคน ชื่อม้า ชื่อรถและชื่ออะไรต่อมิอะไร…
ฉันเลยเอาแค่สลาตันมาก็พอ…แต่จามาลชอบเรียกมันว่า นางฟ้าสลาตัน…
บอกว่ามันมีความหวานน่ารักและความดุดันอยู่ในตัว”

นุฮาชักเห็นด้วยกับชื่อนี้…จามาลเข้าใจเรียกช่ือเจ้ารถคันนี้ได้สมตัว

“แต่ฉันว่า…สร้อยฟ้าสลาตันอะไรเทือนี้น่าจะเข้าท่ากว่า…
แบบว่านางฟ้ามันฟังดูเวอร์ๆไปนิด…”

“แต่ผมว่า…นางฟ้าสลาตันน่ะเหมาะแล้ว…”

“คุณเริ่มชอบมันขึ้นมาแล้วสิ…” คนที่กำลังซ่อมรถอยู่ถามไป
โดยไม่ได้มองดูสีหน้าคนโดนถามสักนิด จึงไม่เห็นรอยยิ้มของเขา
ขณะมองนางฟ้าสลาตันของเธอ…

“ถ้าบอกว่าชอบ…จะให้ขับพาเธอกลับบ้านม้ัยล่ะ…” คราวนี้เจ้าของรถ
ถึงกับหันมามองเขาอีกรอบ

“เรื่องอะไรฉันต้องเอาชีวิตไปแขวนไว้กับคุณ…รถบิ๊กไบค์ ถ้าขี่ไม่เป็นเนี่ย…
ตายกับตายนะคุณ…”

และในยามไปไหนมาไหนเธอจึงต้องพกพวกถุงเครื่องมือ
และอะไหล่ติดมาด้วยเผื่อใช้ในยามคับขัันเช่นนี้ ที่สำคัญ ต้องหัดซ่อมมันให้เป็นด้วย
เพราะถ้ามันเกิดเกเรกลางทางขึ้นมา ไม่มีศูนย์ซ่อมใกล้ๆเลย
เจ้าของมันนั่นแหล่ะที่ต้องลำบากเข็นมัน และมันเบาเสียเมื่อไหร่กัน…

“ก็แล้วใครว่าผมขี่ไม่เป็นล่ะ…” เขาต่อให้อย่างยิ้มๆ
หากเจ้าของรถหายอมไม่

“ฉันไม่เคยซ้อนท้ายใคร…ฉันไม่มั่นใจใครพอจะซ้อนท้ายด้วย…”

เธอไม่ได้โกหกเลย…เพราะว่าเธอไม่เคยมั่นใจที่จะนั่งซ้อนท้ายใคร
หรืออีกนัยคือมักจะประหม่าถ้าต้องนั่งซ้อนท้าย…เพราะชินกับการนั่ง
บังคับแฮนด์รถมาตลอด

และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าต้องนั่งซ้อนท้ายรถที่ผู้ชายขี่
หน้าอกเธอก็ต้องไปสัมผัสกับแผ่นหลังเขา เธอไม่ยอมหรอก

มอเตอร์ไซค์คันเล็กที่มีที่นั่งตอนท้ายเยอะๆนั้นก็พอว่าไปอย่าง…
แต่บิ๊กไบค์เนี่ย ดูแล้วไม่มีทางที่เธอจะนั่งตรงแน่วเพื่อไม่ให้หน้าอก
ไปสัมผัสกับคนขี่มันได้แน่ๆ…

และงานนี้เธอยอมให้เขากอดเอวดีกว่าจะยอมให้หน้าอกเป็นภูเขา
ที่ซ่อนตัวอยู่ในร่มผ้าของตัวเองไปแนบกับแผ่นหลังของเขาเด็ดขาด

“ขอบอกเลยนะ…ฉันไม่เคยให้ใครมานั่งซ้อนท้ายฉันแบบนี้นอกจากจามาล…
และฉันก็…ไม่คิดจะไปนั่งซ้อนท้ายใครด้วย…”

“แม้แต่แฟนเก่า?” นุฮาเลิกคิ้วสูงขณะถาม ไม่วายยิ้มที่มุมปากหมายจะยั่วอีกฝ่าย

“แน่นอน…”

“นั่นอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาทิ้งคุณไปก็ได้นะ…”

และเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังใช้คำศัพท์ท่ีแรงไป เพราะคนฟังเริ่มมีสีหน้าแดงก่ำ
ขึ้นมาทันทีที่เขาพูดจบ

“และการที่คุณพูดถึงเขาในสถานการณ์เช่นนี้…นั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉัน
ทิ้งคุณไว้ที่นี่ก็ได้นะ...”

คนที่เหมือนจะซ่อมรถเสร็จแล้วตวัดขายาวๆขึ้นคร่อมรถคู่ใจทันที
ทำเอานุฮาถึงกับสะดุ้ง

“เฮ้ย…นี่จะทิ้งกันเลยรึไง…” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานพร้อมยักคิ้วให้
ปิดหมวกกันน็อก แล้วสตาร์ทรถบิดคันเร่งออกไปทันที
โดยที่อีกคนก้าวไปหาไม่ทัน

ชายหนุ่มหัวเราะฮึๆเมื่อเห็นรถคันนั้นเกือบจะลับตาไป…
เพราะเพียงไม่นานรถเก๋งก็เข้ามาเทียบตรงหน้าเขาทันเวลาพอดิบพอดี…

“นายลงมานั่ง เดี๋ยวฉันขับเอง…” นุฮาบอกคนขับรถให้มานั่งตรงตำแหน่งคนนั่ง
ส่วนเขาก็ขึ้นไปนั่งยังฝั่งคนขับ แล้วออกรถแบบเหยียบเต็มพิกัด
เพื่อตามรถของหญิงสาวไปให้ทัน…

ก่อนจะทันเธอจนได้เมื่อคนที่ขี่บิ๊กไบค์เหมือนจะชะลอความเร็วลง
นุฮาเลื่อนกระจกรถยนต์ลง โบกไม้โบกมือให้กับเธอพร้อมส่งยิ้มกว้าง

“แล้วเจอกันตรงเส้นชัยนะนางฟ้าสลาตัน…”

เท่านั้นแหล่ะ คนที่เหมือนโดนรถยนต์สี่ล้อท้าทายก็ถึงกับออกตัวบิดคันเร่งทันที
…รถสองชนิดผลัดกันแซงอยู่ตลอดจนกระทั่งถึงเส้นชัย
ซึ่งก็คือบ้านของนุฮาที่หญิงสาวต้องไปหามารดาของเขาตามนัดอย่างมิต้องสงสัย

เพียงแต่นัดนั้นมันถูกเลื่อนออกไปเป็นตอนหัวค่ำ
ตอนที่เขาและเธอโทรไปแจ้งอุบัติเหตุให้ท่านทราบ…

และเพราะยอมอ่อยให้ หญิงสาวจึงขี่รถปาดหน้ารถของเขาเข้าบ้านไปก่อนได้สำเร็จ

…กลายเป็นเดอะวินเนอร์

โชคดีที่การจราจรไม่ได้หนาแน่นจนรถสี่ล้ออย่างเขาต้องเสียหน้าให้รถสองล้อ
จนยับเยินเกินไป...

และเป็นโชคดีตรงที่ที่เธอไปหยุดจอดรถเพื่อซ่อมรถนั้น
อยู่ไม่ไกลจากโรงทอผ้าของตระกูลวรรัศมิ์สกุล เขาถึงโทรให้คนท่ีนั่นขับรถมารับ
ได้ไม่ยาก…และแทบไม่ต้องใช้เวลานานนัก…

และเมื่อก้าวเข้าไปในบ้านพร้อมกับหญิงสาว เขาก็พบกับมารดาที่ก้าวเข้ามาหา
ด้วยสีหน้าท่าทางไม่สู้จะดีนัก จนเขาต้องถามออกไปว่า



"มีอะไรรึเปล่าครับแม่..."



"ยัยคุณหญิงวรลักษณ์อะไรนั่นน่ะสิดันไปให้สัมภาษณ์พวกนักข่าวว่า...
นุกับนาดีมตกลงปลงใจจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้...
แม่ฟังแล้วแทบลมจับ...มันเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาล่ะตานุ...ถึงมาไม้นี้กับเรา"

นุฮาลอบถอนใจกับศึกหนักที่กำลังจะโถมเข้าใส่...
นับว่าพายุลูกนี้มีกำลังลมที่ยากจะหยั่งถึง...
แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาต้องรีบหาที่กำบัง...

อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงใครคนหนึ่งที่ยังคงอยู่ในเงาไม่ยอมออกมา...

อย่าให้เจอนะ!




...............โปรดติดตามตอนต่อไป..................


พี่นุกำลังจะติดกับดักหลุมพรางแล้ว...ฮ่าาาาาาา


ตอนแรกตั้งใจจะให้เป็น ภารกิจลับ ภารกิจล้วง 2
แต่พอเขียนบรรยายฉากบู๊ คนต่อคน มอไซค์ต่อมอไซค์แล้วมันส์ในอารมณ์
ปรากฎว่าด้นไปด้นมาจำนวนหน้ามันดูไม่น้อยเลย...ฮ่าๆๆๆ
ทั้งๆที่ตั้งใจจะบรรยายแค่ไม่กี่บรรทัดนะเนี่ย...เหอๆๆ...

ตามระเบียบค่ะ...นางฟ้าสลาตันมาก่อน ภารกิจลับ ภารกิจล้วง2 จนได้...
เอาเป็นว่า ตอนหน้ามาดูว่าใครจะโดนล้วง....ฮ่าาาาาา


ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามนะคะ ขอบคุณไลค์ที่ช่วยกดให้กัน
ขอบคุณสำหรับการพูดคุยเสวนากันให้บรรยากาศร่มรื่นขึึ้น ชื่นบานขึ้น
ขอบคุณมากๆนะคะ.... ^o^




.....ตอบเมนท์ค่ะ........


1.คุณcoonX3...วาเจอน้องวาว่าไปถึงกับใจสว่างไปเลยค่ะ
นับว่าตาก๊อตเข้าใจหาตัวยามาเร่งปฏิกิริยาให้วาได้ทันเวลา...อิอิอิ
ส่วนเรื่องวางแผนแต่งงานก่อนหย่ากับนาดีมหรืออะไรยังไง...
หลังพี่นุโดนจัดหนักแล้วค่ะ...ถึงจะก้าวไปถึงแผนนั้นได้...ฮ่าาาาา
ปล.น่าจะเรียกว่าแผนเหนือเมฆคลุมเงามารอะไรประมาณนี้ก็ได้นะคะ...^^


2.คุณRdoubleC...นั่นน่ะสิ...ก๊อตจะจัดงานแต่งที่ไหนกันรอบนี้
ลองๆนับทวนดูดีๆสิคะว่า ในกี่ปีก๊อตแต่งงานไปแล้วกี่รอบ...เหอๆ
ถ้าวาอายผู้คน คนที่ต้องอายยิ่งกว่าน่าจะเป็นตาก๊อตค่ะ...อิอิ


3.คุณร้อยวจี...มาค่ะมา และก็มาให้กันติดๆด้วยน้าาาา...อิอิ
ตามคำขอเลยจ่ะ...ตอนนี้ก๊อตจะทำไงต่อโยนั้นคงต้องเปลี่ยนมาถามว่า
พี่นุจะเอาไงต่อ...เพราะแผนก๊อตขึ้นอยู่กับการตัดสินของพี่นุเหมือนกัน...อิอิ
นับว่าต้องเชื่อใจและมั่นใจและที่สำคัญต้องรู้ใจกันค่ะ ถึงจะรอดพ้นเงื้อมมือมาร...


4.คุณyapapaya...โยว่าถึงไม่ร่อนการ์ดนาดีมก็น่าจะได้ร่อนไปหาถึงที่ค่ะ
เขามีเรดาห์นี่นา...แต่ไม่แน่ว่าว่าถ้ามีการ์ดร่อนไปหาจริงๆ
การ์ดที่ร่อนไปหาอาจทำให้นาดีมนั่งไม่ติดจนต้องรีบเซ็นใบหย่าทันทีเลยก็ได้....ฮ่าาา


5.คุณแว่นใส....อ่า...พ่อของนาดีมก็ไม่ธรรมดาค่ะ...แต่มารแท้ๆแน่ๆ
ตอนนี้มีสองแม่ลูกแล้ว น้าเล็กกับพ่อนาดีมยังคลุมเครือ...อิอิ

6.คุณคนเหงา...ไม่แน่ใจว่าเรื่องดีๆหรือเรื่องร้ายๆน่ะสิคะ...อิอิ
หรืออาจจะเป็นทั้งสองเรื่อง...ฮ่าาาาา

7.คุณkonhin...ถ้าก๊อตพูดแบบนั้น ย่อมแสดงว่าต้องมีวิธีที่จะทำให้นาดีม
รีบหย่าให้ทันทีทันใดเลยล่ะค่ะ...ฮ่าาาาา...

แต่โยอ่านคอมเม้นท์ของคุณkonhin แล้วแอบฮานะคะ...อ่านไปยิ้มไป
จิ้นตามไปด้วย...เรื่องพี่นุเนี่ย...จะว่ารู้ทันก๊อตหมดคงไม่ใช่ค่ะ
ประมาณว่า คาดคะเนเดาทางเอาน่ะค่ะ...อิอิ

เรื่องเอาคืนเนี่ย...โยขออุ๊บอิ๊บไว้ก่อนนะคะ...เพราะก๊อตทำอะไรไว้กับชาวบ้าน
เขาไว้เยอะทีเดียว...ไม่ใช่แค่พี่นุหรอกค่ะ มีคนโดนหางเลขไปหลายคนอยู่...อิอิ
โดนมัดมือชกอาจจะยังน้อยไป ไม่สมน้ำสมเนื้อก็ได้นาาาา...ฮ่าาาา
ปล.วาได้น้องวาว่ามาช่วยเป็นยาหยอดตาให้ค่ะ สว่างโร่ทีเดียว...


8.คุณPampam...ตาก๊อตมีแผนตลอดค่ะ...งานแต่งก็ย่อมต้องเป็นแผนอีกชัวร์
แต่เป็นแผนอะไรต้องมาดูกัน...อย่างน้อยก็น่าจะมีคนนึงละที่น่าจะรู้ทันแผนการก๊อต...


9.คุณnapt...วาเองก็เพลียสมองขอไปนอนเหมือนกันนา...
เป็นเมียก๊อตต้องอดทนค่ะ นั่นคือสโลแกนของหญิงวาเค้า...ฮ่าาาาาา
พี่นุงานเข้าหนักค่ะ แต่ท่ีหนักกว่าน่าจะเป็นบัว...เหอๆ


10.คุณคิมหันตุ์...แผนการที่ว่ารัดกุมจะกุมสถานการณ์จริงอยู่หรือไม่
ต้องมาดูกันค่ะ...แต่ที่แน่ๆในงานแต่งคงต้องมีการเตรียมรถพยาบาลไร
เอาไว้ให้พร้อม...เพื่อบริการทำคลอดให้เจ้าสาวตลอด 24 ชั่วโมง...ฮ่่าาาา
ปล.ตอนแรกโยว่าจะพิมพ์ชื่อ คิมหายแทนคิมหันตุ์แล้วค่ะ...
เพราะเห็นหายไป...โยแอบนึกว่าหายไปประกวดเทพีสงกรานต์ซะแล้วซี...ฮี่ๆๆๆ
ว่าจะอยู่รอขอแบ่งรางวัลและสายสะพายอยู่ค่ะ...ฮ่าๆๆๆ
(เค้าล้อเล่นนะ แต่ถ้าได้รางวัลมาจริงๆ ก็อยากได้ส่วนแบ่งอยู่) ^o^


11.คุณพัชรี....สุขสันต์วันสงกรานต์หรือปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ...
ดีใจที่ได้เห็นชื่อคุณพัชรีในเรื่องนี้อีกครั้งค่ะ...เราขาดการติดต่อกันไปนานเลย...อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีๆที่มีให้โยและติดตามผลงานโยมาเรื่อยๆ...
จะพยายามสู้ต่อไปค่ะ...ยังไงอย่าลืมแวะมาพูดคุยทักทาย ส่งกำลังใจให้โยอีกน้าาาา
(ว่าแต่ตอนนี้อยู่ตรงมุมไหนของโลกกลมๆใบนี้คะ...
ส่วนเต่าโยนั้นกลับมาอยู่เมืองไทยหลายปีแล้ว) อิอิ


12.คุณตุ๊งแช่...แผนการนาดีมชิมิ(เพราะใช้คำว่าเธอ) ซึ่งคงไม่ใช่ก๊อต...ฮ่าาาาา
เอ๊ะ...หรือเธอที่ว่าจะเป็นเต่า เหอๆ...
จริงๆนอกจากจะใช้ยากับวา ใช้มารมาครอบงำ นาดีมยังใช้อย่างอื่นอีกด้วย
ไว้ค่อยมาเฉลย...อิอิ...แบบว่าชีร้ายยยยยย...เนื่องจากความทรงจำของมนุษย์เรานั้น
โดยทางทฤษฎีแล้วมันถูกบันทึกลงบนเซลล์ ดังนั้น เรื่องการจะทำให้คนๆนึง
สูญเสียความทรงจำบางส่วนที่เราต้องการให้หายสาบสูญไป นับว่าเป็นเรื่องยาก
เพราะเอาเข้าจริงๆ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าความทรงจำในแต่ละส่วนถูกบันทึกไว้ตรงไหนบ้าง
ในเซลล์สมองนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่า ตรงส่วนอื่นนอกจากสมองก็มี
การเก็บบันทึกเอาไว้ด้วย(อ่า...อย่างหัวใจเรานี่แน่นอน...)
โยเลยนำเกร็ดอะไรตรงนี้มาลงในเรื่องนี้อีกนิดหน่อยถึงปานกลาง...
เอาให้นักอ่านงงเล่น...ฮ่าาาาาาา...แต่จริงๆแล้วเรื่องความทรงจำ
ของมนุษย์เนี่ยมันเป็นเรื่องซับซ้อน ที่มีคนมากมายอยากค้นคว้าวิจัยกันแบบสุดๆ...
เพราะในทางปฏิบัติแล้ว แม้จะไม่สามารถทำให้สูญเสียความทรงจำได้
แต่ก็สามารถทำให้ลบเลือนได้...เรื่องนี้...วากับบัว คือหนูทดลอง...ฮ่าาาาาา
(บางสิ่งที่อยากจำเรากลับลืม บางสิ่งท่ีอยากลืมเรากลับจำ...) มาเป็นเพลงอีกแล้ว
อิอิอิ เพราะยิ่งพยามที่จะลืมก็จะยิ่งจำ ยิ่งพยายามอยากจะจำมันก็ยิ่งอยากที่จะจำ
นี่เลย...โจทย์ของก๊อตกับพี่นุ...อิอิอิ



........ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้านะคะ....
....ช่วงหน้าร้อนเช่นนี้ระวังเรื่องท้องไส้ด้วยนะจ๊ะ....

"เต่าโย"





yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 เม.ย. 2558, 14:38:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 เม.ย. 2558, 14:38:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 3084





<< บทที่ 43 น้องวาว่า   บทที่ 46 หัวใจไต่ถัง >>
คนเหงา 13 เม.ย. 2558, 15:10:09 น.
งานเข้าซะแล้ว ซ้อนท้ายบิ๊กไบค์อยู่ดีๆๆ จะได้แต่งงานซะงั้นแหล่ะ


yapapaya 13 เม.ย. 2558, 17:56:50 น.
พี่นุจะเอาคืนสองแม่ลูกยังไง จะเอาบัวเป็นที่กำบังใช่เปล่า



แว่นใส 13 เม.ย. 2558, 19:19:31 น.
บทนี้บู้ได้สนุกมากเลย แต่งานเข้าพีี่นุตอนท้ายเนี่ยไม่ดีเลย


ร้อยวจี 13 เม.ย. 2558, 19:22:55 น.
ต้องแก้ลำยัยสองแม่ลูกให้หน้าหงายเลย ชอบหาเรื่อง


Pampam 13 เม.ย. 2558, 21:05:35 น.
แม่ลูกคู่นี้หน้าหนามากๆ พี่นุเอาให้สองคนนี้หน้าหงายไปเลย อย่ายอมนะ


จ๊ะจ๋า 13 เม.ย. 2558, 21:19:05 น.
กล้าเนอะ ปกติถ้านางร้ายมามุกนี้ พระเอกจะออกมาแก้ข่าวง่ายๆพูดความจริงว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดไปเองเพราะกำลังจะแต่งงานกับนางเอก ฝ่ายนางร้ายก็จะหน้าแตกไป แม่นาดีมไม่น่าเล่นมุกนี้


coonX3 14 เม.ย. 2558, 02:33:49 น.
งานเข้าพี่นุเต็ม จดแต้มไว้เอาคืนคนหลัวเงานะคะ ฝ่ายแม่แบะนาดีมยังไม่เลิก สามีเพิ่งเสียและเพิ่งแท้งมาประกาศอย่างนั่นอีก แย่มากๆ ไม่ห่วงหน้าตาทางสังคมแล้วหรอ


napt 14 เม.ย. 2558, 06:49:00 น.
มัดมือชกได้.... จริงๆ
พี่นุต้องยอมตามน้ำเพื่ออะไรซักอย่างรึเปล่าเนี่ย


ตุ๊งแช่ 14 เม.ย. 2558, 07:34:34 น.
งานงอก แล้วพี่นุ


คิมหันตุ์ 14 เม.ย. 2558, 09:08:23 น.
หวยมาออกที่ พี่นุฮา ซะงั้น อิอิ


konhin 14 เม.ย. 2558, 11:17:48 น.
พี่นุมาอีกแล้วววววว สงสัยจะมีมหกรรมลดแลกแจกแถม หรือพึ่งรู้ตัวว่าเรื่องใกล้จบถ้าไม่ออกก็หมดสิทธิ์เรียกค่าตัว
ตอนนี้ชอบหนูบัวอ่ะ บู้แหลก เจ๋งโครตตตตตตตต พี่นุก็ช่างกล้าถามว่าไปเหยียบตาปลา มดแดงสองรังหนักยิ่งกว่าอีกกกกกกกกกกกกก
ต้องบอกว่า แผนของก๊อต เท่าที่ดูๆมา คนที่โดนหนักๆเลยก็ มี
1. หนูวากับตาหนู โดนทำร้ายจิตใจตลอดดดดดดดด น้ำตากี่ปี๊ปแล้วไม่รู้ ยังไม่พอ ต้องรวมข้อหา ฆ่าอดีตสามีตามกฏหมาย(แต่เป็นคนวางแผนที่ยังไม่ตาย) แถมข้อหาหลบหนีเจ้าหน้าที่ด้วยยยย แถมแผนใหม่จะจัดงานแต่งงานตอนท้อง เอ่อ ขอได้ป่ะเป็นห่วงเด็กที่ยังไม่เกิดด ขอให้ไม่ต้องดำเนินแผนนี้ เสี่ยงมากกกกก
2. พี่นุ แบบว่า เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ มรดกที่ยังไงก็ไม่ใช่ของพี่นุแต่ต้องมาเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ให้หลานชาย พี่นุจดๆไว้นะว่าโดนอะไรมั่ง จะได้ทวงคืนครบ ส่วนล่าสุด กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของสองแม่ลูกปลิงมาร ไม่คิดว่าพี่นุจะยอมถูกจับง่ายๆ แหม ไม่งั้นไม่โสดมาได้ถึงทุกวันนี้หรอก

ว่าแต่ นายก๊อตเชื่อสนิทตั้งแต่ตอนไหน ที่ว่าวาโดนมารสิง แล้วมารที่ว่าคืออดีตนางฟ้าของตัวเอง จะเฉลยป่ะ?


พัชรี 15 เม.ย. 2558, 07:21:09 น.
So cute, P' Nu and Bao



เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account