คืนฝนพรำ
สองหนุ่มสาวเจอกันบังเอิญในคืนฝนพรำ

หล่อนจำเขาได้เสมอ แต่เขาดันจำหล่อนสลับกับเพื่อนสนิทของหล่อนเอง

เรื่องวุ่นๆ เริ่มขึ้น เมื่อหล่อนคิดว่าเขาคือ เนื้อคู่ แต่เพื่อนของหล่อนเอง ก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน

ทุกอย่างวุ่นวายเข้าไปอีก เมื่อหล่อนไปสร้างความวุ่นวายให้กับเขา เขาเลยไม่ชอบหล่อนนัก

หล่อนคงต้องเลือกระหว่างเพื่อน และคนที่แอบชอบ

แต่จะจบลงอย่างไร เมื่อหล่อนกับเขาต้องถูกจับแตงงานกัน เพราะคำสัญญาของพ่อแม่






Tags: romantic comedy, หวานแหวว, หมอ, ทหารอากาศ

ตอน: เนื้อคู่

ตอนที่ 1

“เชิญรับยา ที่ช่อง 4 ได้เลยค่ะ"

สิ้นเสียง คุณป้าพยาบาลหน้าห้อง ฉันเลยรีบเดินดุ่มออกจากห้องตรวจของตัวเองออกไป แล้วแสร้งทำทีคุยกับป้าเป้า พยาบาลอาวุโสที่ใจดีที่สุด แต่สายตาของฉันกลับทอดไปตามร่างสูง ผึ่งผายที่กำลังเดินไกลออกไปที่ห้องรับยา
เป็นเขาจริงๆด้วย...

“ว่าไงคะหมอ หิวน้ำหรือเปล่า เดี๋ยวป้าไปชงชามะนาวให้ไหมคะ" ป้าเป้าพูดอย่างใจดี ขณะกำลังพยุงร่างอวบของตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่สมองฉันตอนนั้นคิดเรื่องอื่นไปไกล ไม่ได้สนใจอะไรสักอย่าง เลยแค่ยิ้มตอบตามมารยาท ปล่อยให้ป้าเป้าเดินไปชงชามะนาว ส่วนตัวฉันรีบเปิดสมุดประจำตัวผู้ป่วยนอกเล่มบนสุดที่วางอยู่ในตะแกรง ซึ่งป้าเป้ารับมาจากมือของเขาคนนั้น แล้วพลิกปกออกดูตรงช่องที่อยู่ แล้วในที่สุดฝันของฉันก็เป็นจริง

ร.ต. อัศวิน กิตติกุลชัย

ใต้ชื่อของเขาเป็นที่อยู่ แล้วมีลายมือหวัดๆเขียนด้วยปากกาหมึกน้ำเงินจางๆ เป็นเบอร์โทรข้างๆ 090XXXXXXX

เยี่ยมยอด ได้การละ เขาชื่อ อัศวิน น่าจะเป็นทหารอากาศ ประจำกองบินที่จังหวัดนี้ และฉันก็มีเบอร์ของเขาแล้ว ด้วยความดีใจ ฉันจึงรีบหยิบมือถือขึ้นมาเซฟเบอร์เขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ใครจะเห็น

“พริม หล่อนทำอะไรน่ะฮึ" ฉันสะดุ้งเฮือก รีบเก็บมือถือ เมื่อ ขิม เพื่อนสนิทฉันตั้งแต่เข้ามาเรียนหมอ ซึ่งตรวจคนไข้อยู่ห้องข้างๆกันเดินออกมาเสียอย่างนั้น

ฉันยิ้มให้หล่อนทีหนึ่ง หล่อนสินะ เป็นคนที่ได้ตรวจคุณอัศวิน น่าอิจฉาชะมัด แต่ไม่ได้ จะให้ยัยขิม รู้เรื่องว่าฉันแอบชอบผู้ชายคนนี้ไม่ได้

“เปล่านี่ ไม่ได้ทำอะไร มารอป้าเป้าชงชามะนาวให้ฉันน่ะ นั่นไงมาแล้ว สองแก้วเลยด้วย ขอบคุณค่ะป้าเป้า น่ารักจังเลย" แล้วป้าเป้า ก็ส่งแก้วชามะนาวใบโต เย็นเจี๊ยบให้ ก่อนจะมองเราสองคนด้วยความชื่นชม

“แหม หมอสาวๆสมัยนี้ดูเด็กและสวยกันจังนะคะ สวยแพคคู่ เป็นเพื่อนสนิทกันนานแล้วเหรอคะหมอ หน้าตาเหมือนกันเลย"

เรื่องแบบนี้ฉันได้ยินออกบ่อย แต่ฉันไม่ค่อยคิดว่าคำชมนั้นมาถึงตัวฉันเท่าไร ทุกคนน่าจะชมขิมดารา เพื่อนรักฉันมากกว่า เพราะหล่อนสวยเหมือนดาราจริงๆ แต่ทุกคนมีมารยาทกับฉัน ก็เลยชมฉันไปด้วยเท่านั้นเอง นี่เป็นเรื่องที่ฉันได้ยินจนชิน

ยัยขิมแกล้งทำหน้าเบ้ "แหมขอบคุณนะคะป้าเป้า แต่อย่าให้ขิมหน้าเหมือนพริมเลยคะ ฮ่าๆ ล้อเล่นน่ะเธอ มานี่เร็ว มีอะไรจะเม้า ขอตัวก่อนนะคะป้าเป้า " แล้วหล่อนก็ลากฉันเข้าไปในห้องตรวจ เราสองคนดูดชามะนาวจนชื่นใจกันคนละหลายอึก แล้วยัยขิมก็ทำตาเป็นประกาย

“หล่อน รู้ไหม เมื่อกี้ฉันได้ตรวจใคร"

พรวด! ฉันพุ่งเอาชามะนาวออกมานิดหนึ่ง ด้วยความตกใจ "ฮะ! เอ่อ โทษที ป้าเป้าชงรสจัดไปหน่อย เธอตรวจใครล่ะ"

ขิมดารา มองฉันด้วยแววตาหยาดเยิ้ม ตายละ ไม่ได้การละ ขอร้องอย่าให้เป็นคนเดียวกันเลย ยัยขิม ไม่ได้ถูกใจใครง่ายๆนัก ซึ่งก็คล้ายๆฉัน แต่ปัญหาคือ เรามีเสป็กผู้ชายใกล้ๆกันด้วยน่ะสิ

“คนไข้คนสุดท้ายของฉันที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้น่ะ เป็นทหารอากาศ ล่ะ ชื่อ คุณวิน สุภาพ น่ารักมากเลยอะแก"

จบกัน ฉันกุมขมับ คือฉันหมายถึงกุมขมับในใจนะ แต่ภายนอกของฉัน นี่นิ่งเฉยมาก หมดกัน...ทำไมคุณอัศวิน ไม่มาตรวจห้องฉันล่ะเนี่ย โอ๊ยยยยย

“เหรอ แล้วไง หล่อถูกใจหล่อนเหรอยะ แล้วรู้ได้ไงว่าเขาเป็นทหารอากาศ รู้ได้ไงว่าเขาสุภาพ มโน ไปเองเปล่า"

ฉันยิงคำถามชุดใหญ่ไม่ยั้ง แต่ขิมดาราไม่ได้มีท่าทางโกรธแม้แต่น้อย หล่อยยืนเท้าแขนไปด้านหลังโต๊ะ ยิ้มตาหวาน ดวงหน้าที่สวยเย็นอยู่แล้ว กลับน่ามองขึ้นอีก เฮ้อ

“แหม ก็คุยกันนิดหน่อย ดูจากท่าทางของเขา สุภาพมากเลย ก็เขาบอกเองเฉยเลยว่าเป็นทหารอากาศอยู่ที่นี่ ฉันเลยถามเขาว่าขับ F-16 หรือเปล่า เขาก็ตอบว่าครับ น่ารัก ฮ่าๆๆๆ แล้วนี่...” ซวยละ หล่อนทำตาเป็นประกายมากกว่าเดิม ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบ

“เขาถามฉันด้วยว่าชื่ออะไร แปลว่าอะไรอะพริม กรี๊ดดดด ฉันเจอเนื้อคู่แล้วแก"

ฉันทำตาโต แล้วแกล้งหัวเราะลั่น แต่ในใจนี่แบบ โอ๊ย คุณอัศวิน คะ วันนั้นที่เราเจอกันครั้งแรก ฉันคิดมาตลอดว่าเราน่าจะเป็นเนื้อคู่กัน แต่ทำไมคุณถึงเดินเข้ามารับการตรวจที่ห้องยัยนี่ล่ะเนี่ยยยย โอ๊ยยยยย

“เหรอ แก เออ เขาคง ชอบ...แก... มั้ง เออขิม แล้วเขาเป็นอะไรถึงมา รพ. เราล่ะ รพ. ค่ายก็มีไม่ใช่เหรอ" เออแฮะเรื่องนี้ฉันเพิ่งนึกได้ น่าแปลกอยู่เหมือนกัน เพราะปกติ ค่ายทหาร ก็จะมี รพ. เป็นของตัวเองอยู่แล้ว

ขิมดารา ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ "ไม่รู้สิ เรื่อง รพ.ค่ายอะไรเนี่ย แต่วันนี้ที่เขามา เพราะเขาบอกว่า อาทิตย์ก่อน เขาขับรถจะชนคนคนนึงแล้วเบรกกะทันหัน หน้าผากเลยกระแทกพวงมาลัย แบบว่ากินยาหมดแล้วยังปวดอยู่ เลยมา รพ. อีกทีน่ะ ฮ่าๆๆ แต่ฉันว่าเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ"

โอ๊ย หมั่นไส้ แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดโพล่งออกไปว่า คนที่เขาจะชนตอนขับรถ ก็คือฉันนั่นเองแหละ แต่เงียบปากไว้ก่อนดีกว่า แล้วก็พอดีที่ป้าเป้า โผล่หน้าเข้ามาในห้อง แจ้งพวกเราว่า มีคนไข้มารอตรวจอีก ฉันกับขิมดาราเลยแยกย้ายกันไปตรวจต่อ


สัปดาห์ที่แล้ว ฉันปั่นจักรยานไปตีแบตที่สโมสรใกล้ รพ. วันนั้นขิมไม่ได้ไปด้วยเพราะอยู่เวร ฉันเลยฉายเดี่ยว ขากลับจากเลิกตีแบต ฉันปั่นจักรยานกำลังจะกลับ รพ. ปรากฏว่าฝนเริ่มลงเม็ด ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไฟข้างทางก็ไม่ค่อยมี ฉันเลยรีบเร่งความเร็วปั่นจะให้ถึง รพ. ก่อนที่ฝนจะตกห่าใหญ่ ปรากฏว่าฉันรีบไปหน่อย และไม่ได้มองดูซอยเล็กที่เปิดสู่ถนนใหญ่ว่ามีรถสวนมาหรือเปล่า พอฉันปั่นจักรยานผ่านซอยเล็กข้างทาง ปรากฏว่ามีรถยนต์คันใหญ่กำลังจะพุ่งสวนออกมา ฉันหันไปมองด้วยความตกใจ และหักหลบโดยเร็ว แต่พลาดท่าล้มลงพื้นเสียก่อน โชคดีที่รถคันนั้น หยุดได้ทัน เสียงดังเอี๊ยดสนั่นไปทั่ว แล้วร่างสูงๆร่างหนึ่งในชุดหมีก็รีบเปิดประตูรถด้านคนขับออกมาอย่างร้อนรน ฉันไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก แต่รู้ว่าเขาก็ดูท่าทางหัวเสียและมือหนึ่งก็ลูบหน้าผากตัวเองอยู่

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมไม่ได้สังเกต เกือบชบเข้าแล้ว ขอโทษที"

เสียงทุ้มแบบผู้ชาย พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล ร้อนรน และดูห่วงใย ในขณะที่ฝนลงเม็ดหนักขึ้น แล้วเขาก็ก้มตัวลงมาพยุงตัวฉัน ตอนนั้นแหละ ทำเอาฉันละสายตาจากก้นตัวเองที่ระบมอยู่หันมาสบตาเขา ได้เห็นใบหน้าเขาเต็มๆ แม้ท้องฟ้าจะมืด ไฟข้างทางสลัว พร้อมกับสายฝนที่เริ่มกระหน่ำ แต่ฉันยังคงจำได้แม่น แววตามุ่งมั่นแบบนั้นในกรอบลูกตาเรียว ปลายเฉียงขึ้นได้รูป คิ้วเข้มเรียวสวยยาวคลุมหางตา จมูกโด่ง รูปหน้ายาว กรามเป็นสัน ผิวสีออกเข้มนิดหนึ่ง และร้อยยิ้มที่มีลักยิ้มจางๆสองข้างแก้ม
ไม่รู้สิ มันอาจจะไร้สาระ แต่ตั้งแต่ที่เราสบตากันแล้วมือใหญ่หนาของเขาสัมผัสไหล่ฉันพร้อมกับพยุงขึ้น ฉันก็ตกหลุมรักเขาทันที ตอนนั้นตัวมันเบาหวิว ราวกับลอยล่องนอนอยู่บนปุยนุ่มของก้อนเมฆ หัวโล่งพิกล รู้สึกว่าเรื่องเพ้อฝันที่สุด คือเรื่องที่จริงที่สุด ณ ตอนนั้น และแม้ว่าไฟข้างทางจะสลัวแค่ไหน ฝนจะลงเม็ดหนาเพียงใด ฉันก็จำใบหน้าของเขาได้ขึ้นใจ

นี่สินะ...รักแรกพบ

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ เดินไหวไหม ฝนกตกหนักแล้ว เดี๋ยวผมไปส่ง"

แล้วฉันก็ได้สติขึ้นมา ฉันรู้สึกเขิน และทำตัวไม่ถูก ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกจริงๆ รู้แต่ว่าถ้าอยู่ตรงนั้นอีกนาน ฉันคงละลายไปกับเม็ดฝนแน่ๆ ดีที่ขาไม่ได้เจ็บอะไร เจ็บแต่ก้น และมีแผลถลอกที่แขนขวาเท่านั้น เลยรีบยกจักรยานของตัวเองขึ้น จำไม่ได้ว่าตัวเองพูดอะไรกับเขาไปอย่างรวดเร็วมาก แล้วปั่นจักรยานด้วยความเร็วสูงสุดตรงมาที่ รพ. ทันที พอมาถึงบ้านพักแพทย์ด้วยตัวที่เปียกชุ่ม ก้นก็เจ็บ แต่ที่เจ็บมากกว่าคือเจ็บใจในความโง่ของตัวเอง ว่าฉันจะหนีเขารักแรกพบของตัวเองมาทำไมเนี่ย


เย็นวันนั้นที่ฉันบังเอิญได้พบหนุ่มทหารอากาศ ที่ รพ. อีกครั้ง แต่เหตุการณ์ดันกลับตาลปัตรเป็นว่าคุณอัศวิน หรือ ยัยขิมเรียกอย่างสนิทปากว่าคุณวิน ไปตรวจห้องเพื่อนรักสาวสวยของฉัน แทนที่ฟ้าจะลิขิตให้มารับการตรวจที่ห้องถัดไปอีกนิดเดียว นั่นก็คือห้องของฉันนั่นเอง แต่ก็เปล่า โชคชะตาคงเล่นตลก และแผลงศรรักปักอกหนุ่มนักบินกับเพื่อนสาวของฉันเป็นแน่ ก็เขาถามชื่อหล่อน คงมีความสนใจในตัวหล่อนอยู่ไม่น้อย ขิมดาราเพื่อนฉันก็สวยสะดุดตาใครต่อใครเสียด้วย อีกอย่างโสดสนิท เพราะหาคนคู่ควรยังไม่ได้ นี่คงเป็นโอกาสดีของเธอแล้วล่ะ

เดี๋ยวก่อน...ไม่นะ...ฉันก็โสดสนิทเหมือนกันนะ

แต่คนละเหตุผลกับยัยขิม ฉันไม่ได้สวยเลือกได้ขนาดนั้น แต่ฉันเอาแต่ก้มหน้าเรียน จนวันหนึ่งที่ฟ้าสว่างหลังเรียนจบ ฉันได้เงยหน้าขึ้นมามองโลกภายนอกอย่างเต็มตา แล้วกลับได้พบว่า ชีวิตฉันอยู่ในวัยเบญจเพศ เพิ่งเรียนจบ มีงาน มีเงินเดือน แต่ไม่เคยรู้จักความรัก

“ชีวิตพวกเราเหมือนจะมีทุกอย่าง การงาน เงินเดือน ความอิสระ แต่สิ่งที่ขาดไปคือ รักแท้ ยังไงล่ะ นี่ล่ะ ชีวิตเศร้าของหมอ"
ขิมดาราเคยกล่าวไว้อย่างนั้น แล้วเธอก็พร่ำบ่น เรื่องที่ว่าเพื่อนสมัยมัธยมของเธอที่เรียนคณะอื่นต่างถึงเวลาแต่งงาน และหาคู่กันได้หมดแล้ว มีแต่เธอนี่แหละ ที่ห้อยอยู่บนคานทองคำบริสุทธิ์

ตอนนั้นฉันฟังก็ไม่ได้คิดอะไร ด้วยชีวิตเพิ่งเริ่มต้น กำลังมีความสุขกับการเรียนจบ ไม่ต้องเขียนรายงาน ไม่ต้องคอยกลัวใครจับผิด ไม่ต้องสอบ เลยรู้สึกขำกับสิ่งที่เพื่อนบ่น ฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ต้องมีใคร เพราะทุกๆวันงานการก็ยุ่งเหยิง รบกับคนไข้บ้าง พี่พยาบาลบ้าง พี่เภสัชกรบ้าง ต้องให้เวลาโทรคุยกับที่บ้าน เพราะออกมาใช้ทุนทำงานที่ รพ. ต่างจังหวัดจนครบสามปี จึงจะได้คิดถึงอนาคตใหม่อีกครั้ง เอาเป็นว่าช่วงที่เรียนจบแรกๆ ค่อนข้างมีความสุข ชีวิตมีแค่งาน พ่อแม่ และขิมดาราที่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ตั้งแต่ปี 1 นี่ล่ะ
แต่ก็ไม่อีกแล้ว ความคิดฉันเปลี่ยนไป เมื่อวันนั้น สายฝนได้นำพาใครคนหนึ่งมาพบฉันโดยบังเอิญ ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกได้นะ ฉันคิดว่าตัวเองเซ็นส์ดีมาก ฉันคิดว่าเขานี่ล่ะ คือเนื้อคู่ แต่...ดูขิมก็จะพอใจเขามากไม่ใช่น้อย แล้วฉัน...ควรทำอย่างไรดีล่ะเนี่ย

วันนี้ขิมดาราอยู่เวรอีกเช่นเคย วันไหนที่เราคนใดคนหนึ่งอยู่เวร อีกคนจะไปหาของกินอร่อยๆสำหรับปลอบใจคนมีเวรมีกรรมมาให้ วันนี้ถึงคิวฉันไปหาซื้อของกินบ้าง ฉันเลยปั่นจกรยานคู่ใจเข้าไปในตลาด แล้วซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดของโปรดขิมดารา ข้าวเหนี่ยมสังขยาหน้ากุ้ง โกโก้เย็นแก้วใหญ่ สับปะรด ส่วนตัวฉันเองนั้นคิดว่าจะกิน...

โทรศัพท์ดังพอดี สงสัยที่บ้านโทรมา คือเบอร์มือถือฉันน่ะ มีสี่เบอร์เท่านั้นแหละที่วันๆหนึ่งได้รับ ถ้าไม่ใช่สายจาก รพ. ก็ของขิมดารา ไม่ก็ของพ่อหรือแม่
“ฮัลโหลสวัสดีค่ะพ่อ" ฉันพูดพลางถือของเต็มสองมือ

“ว่าไงตัวดี งานหนักไหมลูก เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้หรือเปล่า" พ่อถามมาเป็นชุด

ฉันถือโทรศัพท์คุยไปแบบไม่ถนัดนัก เพราะหิ้วของกินอยู่ด้วย อีกข้างหนึ่งก็ถือแก้วโกโก้ของขิมดารา "ก็เรืื่อยๆค่ะพ่อ หนักบ้าง เบาบ้าง ก็โชคดีที่มากับขิม อ้อที่นี่มีสนามแบตมินตันด้วยนะคะ วันไหนที่หนูไม่มีเวร ปั่นจักรยานไปตีทุกวันเลย แล้วพ่อกับแม่เป็นไงบ้างคะ"

“เหรอ ดีแล้วที่ไปกับเพื่อน พ่อกับแม่ก็สบายดี แม่เขาขี้บ่นจังช่วงนี้ อ้อ ปิ๊งหมอหนุ่มหรือตำรวจแถวนั้นบ้างหรือเปล่า" สิ้นประโยคสุดท้าย ฉันแทบเดินสะดุด ดีที่แก้วโกโก้ยังอยู่ในมือเรียบร้อย

“หา อะไรนะคะ ทำไมหนูต้องปิ๊งใครๆด้วย ไม่่มีหรอกค่ะ หมอที่เจอเขาก็มีแฟนกันแล้ว ไม่ก็มีเมียไปเลย ส่วนตำรวจ ถ้าจะเจอก็คงตอนออกตรวจศพ ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ออกไปค่ะพ่อ ไม่ต้องกลัวนะคะ ยังไม่มีลูกเขยให้ในเร็วๆนี้หรอกค่า" ฉันพูดไปหัวเราะไป

“แล้วเจอหนุ่มนักบินหล่อๆบ้างไหม" พ่อถามเสียงนิ่งแบบจริงจัง ทำเอาฉันถึงกับต้องหยุดเดินกระทันหันหน้าร้านขายอาหารตามสั่งที่มีคนนั่งกินกันเต็ม ปรากฏว่ามีใครไม่รู้เดินตามหลังฉันมาแล้วคงจะหยุดเดินตามฉันไม่ทัน ด้วยความที่ตลาดตอนเย็นคนเดินขวักไขว่มาก คนข้างหลังเลยชนฉันเต็มแรง ตัวฉันจึงพุ่งไปข้างหน้าซึ่งเป็นโต๊ะทานข้าวของใครไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือตัวฉันลอยไปกระแทกเก้าอี้ข้างๆผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วนั่งลงพอดีเป๊ะ แต่ที่ไม่เป๊ะคือ โกโก้แก้วใหญ่ของขิมดารา หลุดมือฉันไปรดศีรษะ ผู้หญิงที่นั่งทานข้าวอยู่ทั้งตัว

“กรี๊ดดดดดดดดด" แม่คุณผมสีทอง กรีดร้องลั่น ฉันที่มือหนึ่งถือโทรศัพท์อยู่ อีกมือหนึ่งก็หิ้วของเต็มไปหมด ก็ได้แต่ตกใจ นั่งปากหวอตาโต ผู้ชายที่นั่งข้างๆหล่อน กระวีกระวาดหาผ้ามาเช็ดหน้าและผมให้ ฉันมองแว่บหนึ่ง พอได้สติ ก็รีบเข้าไปช่วย

“แป๊ปนะคะพ่อ" ฉันรีบบอกผ่านโทรศัพท์ แต่พอกำลังจะกล่าวขอโทษขอโพย แม่ผมทองที่นั่งกรี๊ดๆอยู่ ฉันก็สบตาเข้าตรงๆกับ....คุณอัศวิน ในชุดหมีสีเขียวเครื่องแบบทหารอากาศ

“ฉะ...ฉัน ขอ..โทษ...” ฉันมองเขา แล้วเอ่ยเสียงเบาจนแทบตัวเองยังแทบไม่ได้ยินว่าพูดอะไรออกไป

เขาส่งแววตาดุมาให้ และกำลังอ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ฉันกลับวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นโดยเร็วแบบไม่คิดชีวิต จนไปหยุดที่ตรงนั้นก็ไม่รู้ แต่เหนื่อยหอบมาก พ่อยังคงพูดเสียงตามสายเข้ามา

“เป็นอะไรยัยพริม โวยวายอะไร"

ฉันหอบจับ นั่งลงไปกองกับพื้น "พ่ออะ รู้ได้ไงว่าหนูชอบทหารอากาศ เอ้ย หนูหมายถึง หนูไปไม่ได้ปิ๊งใครทั้งนั้นล่ะ" แล้วยังคงหอบต่อเนื่อง

พ่อนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะหัวเราะกลับมาตามสาย "ก็พ่อเห็นว่าที่นั่นมีกองบิน ฮ่า เอาเถอะ ไม่ชอบใครก็ดีแล้ว ไว้สัปดาห์หน้า พ่อกับแม่จะไปหา เตรียมตัวให้พร้อม ลาก่อนลูก" แล้ววางสายไปดื้อๆอย่างนั้น ปล่อยให้ฉันนั่งลมจับทบทวนเหตุการณ์บ้าบอเมื่อกี้

โถ่..คุณอัศวิน เราจะเจอกันในแบบสวยๆ บ้างไม่ได้เลยใช่ไหมคะ







ภาพพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 เม.ย. 2558, 14:18:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 เม.ย. 2558, 14:18:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1244





   ตอนที่ 2 : จำได้ >>
เดิมเดิม 15 เม.ย. 2558, 19:59:46 น.
หนูพริมน่ารักดี


ภาพพิมพ์ 16 เม.ย. 2558, 21:30:52 น.
กรีี๊ด คอมเม้นแรก ดีใจมากค่าา


sunflower 15 พ.ย. 2564, 05:16:59 น.
แงงงงง พึ่งหาเจอค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account