เล่ห์ร้าย...ดวงใจปรารถนา
เพราะไฟปรารถนาที่ลุกโชนภายในจิตใจ ทำให้คิมหรัตน์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้สาวน้อยอย่างชื่นชีวามาครอบครอง แม้จะรู้ดีว่ามันไม่สมควรเพราะเธออยู่ในฐานะเด็กในการอุปการะของพี่สาวตัวเอง แต่เมื่อเสียงของหัวใจเรียกร้องเกินทัดทาน เขาจึงยอมสวมบทเป็นซาตานร้ายเพื่อพิชิตใจเธอ
Tags: แนวตบจูบ...

ตอน: น้ำตาลใกล้มด 1.2

เวลาล่วงเลยมาจนถึงสามทุ่มกว่า บรรยากาศยามค่ำคืนที่อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว แต่ต่อให้อากาศร้อนขนาดไหนก็สามารถบรรเทาลงได้ด้วยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องทำงานอันโอ่อ่า ของตกแต่งครบครัน ห้องทำงานกว้างเต็มไปด้วยตู้วางหนังสือที่จัดหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบ การตกแต่งห้องแบบคลาสสิก แคททรียากลับมาจากดูงานที่ญี่ปุ่นก็รีบมาจัดการเรื่องงานให้กับชื่นชีวา เธอต้องการให้ชื่นชีวาลองฝึกงานเป็นเลขาของคิมหรัตน์เพื่อจะให้คุ้นเคยและชินกับการทำงานและศึกษาใจคอของพนักงานในบริษัทก่อนที่จะเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมให้
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะชีวา ปรับตัวกับเมืองไทยได้หรือยัง” แคททรียาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าน้องสาวในอุปการะกลับมาเมืองไทยทั้งสภาพอากาศ อาหารการกินและเวลาที่แตกต่างกันยิ่งสภาพแวดล้อมในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพด้วยแล้วยิ่งแปรปรวนเดี๋ยวแดดร้อนเดี๋ยวฝนตก ไหนจะสภาวะของมลพิษมากมายที่ทำให้ชื่นชีวาต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตให้เคยชิน
“ก็เริ่มจะคุ้นเคยแล้วค่ะพี่แคท” เสียงใสเอ่ยรับก่อนจะส่งยิ้มหวานแบบอายๆ ให้กับแคททรียา ด้วยความที่แคททรียาอายุเท่ากับพี่ชายของเธอและมีบุคลิกที่น่าเคารพนับถือไม่ว่าท่าทางการนั่งการเดินของหญิงสาวดูจะสง่าเหมือนมีบารมีบางอย่างที่ทำให้แคททรียาดูน่าเกรงใจ จนชื่นชีวาเองก็ทำตัวแทบไม่ถูกกับการพูดการวางตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าแคททรียา ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันมาหลายปีแต่เธอก็ยังไม่ชินที่ทำตัวแบบสบายๆ
“ดีแล้ว รู้ไหมพี่คิดถึงเราแค่ไหน เรียนจบแล้วก็กลับมาอยู่ใกล้ๆ กับพี่ พี่จะได้อุ่นใจ”
“ชีวา ขอบพระคุณพี่แคทมากนะค่ะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่แคททำให้ชีวาตลอดมา” หญิงสาวเอ่ยรับพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้เพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจของแคททรียาที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอจึงคิดจะทดแทนบุญคุณด้วยการช่วยงานในบริษัท
“ไม่ต้องไหว้หรอก พี่บอกเราหลายครั้งแล้ว พี่เห็นเราเป็นน้องสาวอีกคนหนึ่งจริงๆ ชีวาเป็นสาวน้อยแสนน่ารักของพี่ไงจ๊ะ”
“ชีวาไม่รู้จะขอบคุณพี่แคทยังไงดีถึงบุญคุณที่พี่แคทมีให้ชีวา ตั้งแต่พี่วินท์เสียไป ก็มีพี่แคทคอยดูแลชีวามาตลอด”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะชีวา พี่บอกแล้วว่าพี่รักชีวาเหมือนน้องสาว แล้วกลับมาคิดว่าจะทำงานเลยหรือเปล่า หรือว่าจะอยู่กับตัวเองก่อนสักพัก”
“ชีวา กำลังคิดอยู่พอดีค่ะว่าจะของานพี่แคททำ อยู่ว่างๆ มันเงียบเกินไปค่ะ ทำงานดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะให้ชีวา ลองไปฝึกงานกับนายคิมที่บริษัทก่อนก็แล้วกันนะ ดีไหม”
“ขอบคุณค่ะ ชีวาจะทำให้สุดความสามารถเลย” รอยยิ้มหวานเผยกว้างเต็มใบหน้า ลักยิ้มที่แก้มช่วยเสริมเสน่ห์ให้ จนคนมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับกับความใสซื่อที่ชื่นชีวาแสดงออกมา
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก พี่แคทผมเข้าไปนะ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้สองสาวทั้งสองหยุดการสนทนาเมื่อเสียงเอ่ยแว่วดังลอดผ่านประตูซึ่งเป็นเสียงของคิมหรัตน์น้องชายแคททรียาที่ได้นัดกันไว้เพื่อมาพูดคุยและแนะนำตัวให้ชื่นชีวาและคิมหรัตน์เพื่อให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน
“เข้ามาเลยตาคิมพี่ไม่ได้ล็อกห้อง” เสียงหวานเอ่ยตอบรับเป็นเชิงอนุญาตเพื่อให้ชายหนุ่มเข้ามาในห้อง
“พี่แคทเรียกผมมามีธุระอะไรสำคัญหรือเปล่า” ทันทีที่ร่างใหญ่ก้าวเข้ามายังห้องทำงานของพี่สาว เสียงเข้มรีบเอ่ยถามอย่างห้วนๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้
“เดี๋ยวนี้ จะเรียกน้องชายมาเจอหน้าสักทีต้องมีอะไรอย่างนั้นใช่ไหม” แคททรียาสวนกลับน้องชายทันที เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มทำตัววางมาดจนน่าหมั่นไส้
“เปล่าครับ ผมก็แค่สงสัย” คิมหรัตน์รีบอธิบายทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นพี่สาวออกอาการ
“นี่รู้จักกันเอาไว้นะ ชื่นชีวาจ๊ะ นี่คิมหรัตน์น้องชายพี่เอง เรียกว่าพี่คิมก็ได้ดูแล้วสนิทดี”
“ส่วนนี่ ชื่นชีวา เป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทพี่เองจ๊ะ” แคททรียาปลายสายตามองชื่นชีวาสลับกับใบหน้าคมของน้องชายเพื่อแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน
“และก็เป็นเด็กในอุปการะของพี่แคทด้วย” คิมหรัตน์แทรกขึ้นเพราะเขารู้ดีว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เป็นใคร เพราะทั้งคู่เคยได้เจอะเจอและพูดคุยกันแล้วถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นานนัก
“รู้ได้ยังไง เก่งจริงนะน้องฉัน” คำพูดของคิมหรัตน์ทำให้แคททรียาถึงยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจทันทีที่คำสั่งที่เธอได้ฝากไว้ก่อนที่จะไปญี่ปุ่นมีผลสำเร็จ เมื่อทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกันก่อนที่เธอจะกลับมาก็ถือเป็นการดีในการจะอยู่และทำงานร่วมกัน ถึงแม้เธอรู้จักนิสัยของน้องชายตัวเองดีว่าคิมหรัตน์มักจะชอบทำตัวเคร่งขรึม วางมาดและเอาแต่ใจ แต่ก็คงจะทำให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันได้ในเร็ววัน
“ก็เจอกันแล้ว ก็เลยถือโอกาสทำความรู้จักซะเลย”
“ก็ดี เป็นคนมีมารยาทตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะตาคิม”
“ผมก็เป็นคนดีกับเขาได้เหมือนกันนะพี่แคท”
“ดีในเมื่อไม่ต้องแนะนำอะไรกันแล้วก็เอาอย่างนี้แล้วกัน พี่จะให้ชีวาไปฝึกงานที่บริษัทก่อนว่าเหมาะสมกับตำแหน่งไหนแล้วก็ค่อยว่ากันอีกทีนะ”
“ก็แล้วแต่พี่แคทก็แล้วกัน ผมอะไรก็ได้อยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี พี่จะได้ฝากชีวาด้วย ช่วยตักเตือนช่วยดูแลน้องสาวคนนี้แทนพี่ด้วยนะ”
“ตักเตือนได้ พูดได้ แต่ไม่รู้เด็กในอุปการะของพี่จะฟังผมหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง” น้ำเสียงเยียบเย็นที่ไม่ต่างแววตาที่มองมาของคิมหรัตน์ ส่งผลให้ชื่นชีวานึกกลัวจับใจ ดวงตากลมโตหลุบตาลงต่ำเพื่อไม่ให้สบกับดวงตาคู่สีฟ้าใสที่กำลังดุดันเหมือนจะเชือดเฉือนให้ร่างเธอกลายเป็นชิ้นๆ
“ตาคิม! พี่รู้นะว่าชีวาเป็นเด็กแต่น้องก็บรรลุนิติภาวะโตพอจะรับผิดชอบอะไรต่อมิอะไรแล้ว ว่าแต่เราเถอะ อย่าใช้แรงงานน้องหนักมากนักนะ”
“ชีวาจ๊ะ ถ้าหากตาคิมรังแกหรือว่าใช้แรงงานเราเกินกว่าเหตุมาบอกพี่ได้เลยนะ เดี๋ยวพี่จัดการให้”
“ค่ะ...” คิมหรัตน์จ้องมองพี่สาวของตัวเอง ไม่มีเสียงตอบรับจากแคททรียา ก่อนที่ใบหน้าคมจะหันไปมองร่างเล็กที่กำลังนั่งก้มหน้าใบหน้าหวานที่เริ่มซีดจนเขาเองก็รู้สึกได้
“ถ้าออกหน้าให้กันขนาดนี้ก็ให้น้องสาวสุดที่รักของพี่แคทมานั่งเก้าอี้ตำแหน่งผมก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าอะไรหรอก”
“ตาคิม! ปากคอเราะร้ายขึ้นทุกวันนะเรานี่ พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นเสียหน่อย”
“ถ้าพี่แคทไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปนอนก่อนแล้วกัน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ววันนี้” พูดจบคิมหรัตน์ก็แสดงแววตางัวเงีย พลางบิดไล่ศีรษะไปมา พร้อมทั้งยกมือขึ้นปิดปากหนาที่กำลังทำท่าทางหาวนอน
“อ๋อ! คุณหนู พรุ่งนี้กรุณาตื่นเช้าๆ หน่อยนะ เพราะฉันเป็นคนที่ตรงต่อเวลา” เมื่อร่างใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ใบหน้าคมเข้มโน้มใบหน้าลงเล็กน้อยกระซิบกระซาบเป็นเชิงขมขู่ข้างใบหูของชื่นชีวา แววตาดุดันแสดงถึงอำนาจที่เขามี
“ตาคิม!” แคททรียาแทรกขึ้นเพราะเห็นกริยาของน้องชายแล้วเหมือนกำลังจะข่มขู่คุกคามให้ชื่นชีวาต้องตกใจ จนเธอต้องส่งเสียงและแสดงสีหน้าต่อว่าต่อขานก่อนที่น้องชายสุดหล่อของเธอจะเดินออกไปเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไป
“อย่าไปสนใจอะไรตาคิมเขาเลยนะชีวา เขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ อีกหน่อยถ้าสนิทกันก็จะชินไปเอง”
“ค่ะพี่แคท” ชื่นชีวารับคำ เธอรู้ดีว่าการรู้จักกันเพียงไม่นานคงไม่สามารถทำให้คนอย่างคิมหรัตน์มองเธอในแง่ดีได้ ยิ่งเธอมาอยู่ที่นี้ในฐานะของผู้อาศัยด้วยแล้วเธอยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเองให้ชายหนุ่มรู้ให้ได้ว่าเธอไม่เคยคิดจะมาเกาะหรือกอบโกยสมบัติจากตระกูลอิสระกุลชัยเลยแม้แต่บาทเดียว
“ถ้าอย่างนั้นชีวาไปพักผ่อนเถอะนะ พรุ่งนี้จะได้เริ่มงาน ขอให้สนุกกับการทำงานนะจ๊ะ แล้วก็ฝันดีนะคืนนี้ กูดไนท์สาวน้อยของพี่”
“แล้วพี่แคทยังไม่ไปนอนหรือค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถามเพราะเวลาตอนนี้ก็ล่วงเลยจนดึกแล้วแต่ยังเห็นแคททรียาขะมักเขม้นกับการอ่านแฟ้มเอกสาร
“พี่ขอตรวจงานอีกสักหน่อย มีงานกองอยู่อีกเยอะแยะเลย ชีวาไปนอนก่อนเถอะนะไม่ต้องห่วงพี่หรอกนะจ๊ะ พี่ชินแล้ว”
“ค่ะ...กูดไนท์นะค่ะพี่แคท ชีวาจะพยายามทำงานที่พี่แคทมอบหมายให้อย่างเต็มที่และก็สุดความสามารถ จะไม่ทำให้พี่แคทผิดหวังแน่นอนค่ะ ชีวาขอตัวก่อนนะค่ะ”
“จ๊ะ...ไปนอนเถอะนะ ดึกมากแล้ว” จบคำพูดตอบรับของแคททรียา ชื่นชีวาก็ก้าวเดินออกจากห้องทำงานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเธอดีใจที่จะได้ไปทำงานที่บริษัทอิสระกุลชัยในวันพรุ่งนี้ เพราะความเบื่อหน่ายที่ไม่มีอะไรทำในแต่ละวันตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกทำให้ชื่นชีวารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำอะไรใหม่ๆ แต่ความตื่นเต้นปนดีใจนั้นกลับหลงชื่นชมอยู่ได้เพียงไม่นานเมื่อเสียงเข้มของคิมหรัตน์ดังขึ้นก่อนที่ใบหน้าสวยจะหันไปมองตามเสียงที่กล่าวขึ้น
**************************
“อะไรจะวิเศษเลิศเลอขนาดนั้น กลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่กี่วันก็มาแย่งตำแหน่งกันเสียแล้ว อีกหน่อยไม่ขึ้นชูคอเหนือฉันหรือไงกัน” ทันทีที่เห็นร่างสวยเดินออกมาจากห้องทำงานเพื่อจะกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง คิมหรัตน์รีบกระโจนตัดหน้าก่อนที่เธอจะเดินกลับไปถึงห้องนอน
“คุณคิม!” ชื่นชีวาเอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ ทั้งที่ความจริงแล้วคิมหรัตน์น่าจะเดินกลับห้องของตัวเองไปแล้ว แต่นี่อะไรกันชายหนุ่มกลับมายืนกอดหน้าอกผิงลำตัวอยู่ใกล้ประตูหน้าห้องทำงานอีก
“ทำไม เธอนึกว่าใคร” น้ำเสียงพาลๆของคิมหรัตน์กล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวตรงหน้าที่ออกอาการตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม
“เปล่าคะ ชีวานึกว่าคุณคิมกลับไปนอนแล้วเสียอีก”
“ฉันนอนไม่หลับหรอกนะ ถ้าไม่ได้พูดอะไรให้ใครบางคนแถวนี้รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวไว้” คิมหรัตน์ยังคงพุดจาเชือดเฉือนรุกรานหญิงสาวเต็มที่ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากจะคุยอยากจะอยู่ใกล้กลิ่นกายนี้จนต้องหาวิธีพูดคุยกับเธอ แต่วิธีอื่นมันคงไม่ดีแน่ถ้าหากเขาพูดดีกับเธอไปหญิงสาวก็จะได้ใจไม่เคารพเขาเป็นแน่ คิมหรัตน์จึงต้องพูดจากระแหนะกระแหนหญิงสาวแบบนี้เพื่อที่จะได้พบปะพูดคุยกันสองต่อสองอย่างที่เขาตั้งใจเอาไว้
“แต่...ชีวาไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยนะค่ะ ไม่คิดจะแข่งแย่งชิงดีกับคุณคิมด้วย”
“พูดนะมันพูดได้ เธอมันพวกสอพลอนี่นา แทงข้างหลังไง เลียแข้งเลียขา โธ่เฮ้ย!”
“คุณคิมค่ะ ชีวาจะบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะค่ะ ว่าชีวาไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ก็ดี ถ้าเธอรู้จักเจียมตัวไว้บ้างอย่ามาเผยอ ถือว่าพี่แคทให้ท้ายแล้วจะทำอะไรก็ได้ เพราะคนอย่างฉันจะไม่ยอมเธอง่ายๆ แน่! ฉันจะขัดขวางเธอถึงที่สุดด้วย”
“ชีวารู้ดีค่ะ ว่าชีวาเป็นใคร และก็ไม่เคยคิดจะเผยอตัวให้เทียบเท่ากับคุณคิมด้วย”
“หึ หึ...แล้วฉันจะคอยดู” น้ำเสียงเข้มกระหยิ่ม แววตาสีฟ้าเข้มเหยียดมองใบหน้าสวยอย่างถือดี จริงๆ แล้วก็พอจะรู้ว่านิสัยของชื่นชีวาเป็นยังไง เธอดูน่ารักอ่อนหวานและคงจะไม่ทำตัวอย่างที่เขาเองกล่าวออกไปแต่คนอย่างคิมหรัตน์เมื่อวางมาดซาตานร้ายแล้ว เขาก็ต้องร้ายให้สุดขั้วไม่อย่างนั้นชื่นชีวาก็จะไม่กลัวเกรงเขา
“ถ้าอย่างนั้นชีวาขอตัวไปนอนก่อนนะค่ะ” เมื่อเห็นว่าร่างสวยกำลังจะก้าวเดินหนีไป ร่างใหญ่จึงรีบเอ่ยประท้วงพร้อมทั้งขยับกายเข้าขวางทางเดินอย่างเต็มที่
“ยัง! ยังไปไม่ได้” น้ำเสียงเยียบเย็นที่ไม่ต่างแววตาสีฟ้าที่มองมาของคิมหรัตน์ ส่งผลให้ชื่นชีวานึกหวาดกลัวกับคำพูดและน้ำเสียงที่ดูรุกรานเธอ ดวงตากลมโตเหลือบมองไปมาเพื่อหาช่องทางหลบหนี ก่อนเผลอหวีดร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อถูกอีกฝ่ายกระชากลำแขนเรียวเข้าใกล้ร่างใหญ่มากขึ้น
“คุณคิม ปล่อยนะ” เสียงใสเริ่มสั่นเครือ แววตาคู่สวยจ้องมองหน้าของชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ เธอเกรงกลัวเขานั่นก็ใช่ แต่ตอนนี้เธอก็ต้องต่อสู้เพื่อตัวเองเพราะการถูกข่มขู่รุกราน
“ทำไมค่ะ ทำไมถึงไปไม่ได้ นี่ก็ดึกมากแล้ว ชีวาจะไปนอน หลีกทางให้ชีวาด้วยค่ะ”
“ปีกกล้าขาแข็ง อย่างนี้มันต้องโดนสั่งสอนเสียหน่อยแล้วชื่นชีวา”
“คุณคิม! อุ๊บ!” เสียงเรียกประท้วงหายเข้าไปในลำคอเมื่อปากหนาฉกลงทาบทับกลีบปากอิ่มอย่างเร็ว คำพูดต่อจากนั้นของชื่นชีวาถูกชายหนุ่มสกัดไว้ด้วยการแนบริมฝีปากเข้าหาอย่างรุนแรง ความเจ็บแปลบจากการดุดันของไรฟันที่ขบกัดเปลือกบางนิ่มมีผลให้ร่างบางพยายามดิ้นรนต่อสู้ กลิ่นเลือดจางๆ โชยแตะจมูก หากการกระทำที่เธอประท้วงอยู่นั้นเหมือนยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายใช้ความรุนแรงมากขึ้น กลิ่นกายหอมที่ยังคงติดตรึงอยู่ในโสตประสาทเริ่มปลุกความต้องการในกายให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีหยิ่งผยองท่าทางหมางเมินเย็นชาก่อนหน้านั้นของชื่นชีวาที่แสดงออกมาถูกความรู้สึกบางอย่างผลักดันจนไม่สามารถทัดทานแรงปรารถนาของคิมหรัตน์ได้อีกต่อไป เมื่อลิ้นหนาเริ่มอยู่ไม่สุขสอดแทรกชอนไชควานหาความหวานจากโพรงปากนุ่ม เรียวลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าให้ลิ้นบางตอบรับสัมผัสวาบหวามครั้งนี้
ริมฝีปากร้อนรุมผละออกจากกลีบปากบางเพียงนิด เพื่อจะรุกรานต่อยังซอกคอของคนในอ้อมแขน ท่ามกลางความพยายามหลบหลีกของชื่นชีวาที่ยังคงหาอิสระให้กับตัวเองถึงแม้จะแอบเผลอหลงติดบ่วงความหวานที่ชายหนุ่มหยิบยื่นมาให้ และเป็นผลสำเร็จเมื่อเธอตัดสินใจงัดท่าไม้เด็ดยกเข่าขึ้นประชันกับเป้าแกร่งของชายหนุ่มจนเรียกเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดจากร่างใหญ่ได้
“พลับ!” ร่างของคิมหรัตน์ถึงกับทรุดเกือบจะลงไปกองกับพื้นห้องพร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่เหมือนกับ จุกอย่างแรง ชื่นชีวาเองก็ถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นหน้าของคิมหรัตน์เริ่มซีดเขียว เพราะเธอเตะโดนเป้าเขาอย่างจังถ้าไม่จุกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว หญิงสาวพยายามป้องกันตัวเองจนลืมไปสนิทว่าเผลอส่งแรงเตะเข้าไปสุดแรง
“โอ๊ย!” เสียงร้องที่ดังขึ้นมาต้องถูกมือหนายกขึ้นปิดเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เสียงดังไปมากกว่านี้เพราะตอนนี้เขายืนอยู่ใกล้กับห้องทำงานของพี่สาว ส่วนคนตัวการที่ทำให้เขาต้องร้องครวญเจ็บจุกขนาดนี้กลับวิ่งหนีหายเข้าห้องของตัวเองไปเรียบร้อยแล้วปล่อยให้คิมหรัตน์ต้องยืนทนเจ็บกับร่องรอยที่หญิงสาวฝากไว้
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ตัวแสบ โอ๊ย!..เจ็บจริงๆ เลย” เสียงบ่นพึมพำอาฆาตกับการกระทำของหญิงสาวที่ทำให้น้องชายสุดที่รักของเขาต้องเจ็บปวดทรมาน มือหนาเกาะกุมเป้าสุดที่รักไว้มั่นความปวดหนึบยังคงคืบคลานอยู่จนไม่สามารถจะเดินตามไปรังควานร่างสวยได้ สายตาคมเข้มยังคงยืนมองประตูห้องนอนของชื่นชีวาอย่างไม่ลดละ
************************

คืนนี้มาแปะไว้แค่นี้ก่อนนะค่ะ แล้วพบกันตอนหน้า แวะมาให้กำลัง ติ - ชมกันได้เลยนะค่ะ ขอบคุณทุกๆๆ กำลังใจเจ้าค่ะ..ขอให้รีดเดอร์ทั้งหลายฝันดีนะค่ะ



ชมพูทิวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2554, 21:32:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2554, 21:38:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1736





<< น้ำตาลใกล้มด 1.1   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account