นิยายเรื่อง เสน่หาภัทรากานต์
“รักแรกพบ” (Love at first sight) เกิดขึ้นเมื่อเราได้เห็นหน้าค่าตากันเป็นครั้งแรกแล้วเกิดความรู้สึกประทับใจ อาจจะเป็นผลมาจากรูปร่างหน้าตา การแสดงกริยาท่าทางต่างๆ หรือแม้เป็นเพียงความรู้สึกที่เราก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเรียกว่าอะไร แต่ความรู้สึกต่างๆเหล่านี้จะพัฒนาไปเป็นรักแท้หรือเป็นเพียงความเสน่หาชั่วคราวหรือไม่นั้น ก็คงต้องใช้ ’เวลา’ เป็นเครื่องพิสูจน์ เฉกเช่นเดียวกับ”เขา”และ”เธอ”
Tags: รักใสใส

ตอน: ตอนที่ 1(จบ)

“น้องๆคะ นั่งเรียงแถวตอนหนึ่งเป็นห้องนะ น้อง ม.หนึ่งนั่งฝั่งซ้ายสุดน่ะคะ ถัดไปก็ ม.สอง สาม สี่ ห้า คะ” นักเรียนหญิงชั้น ม.หก คนหนึ่ง กำลังจัดแถวให้น้องในคณะสีอย่างขะมักเขม้น โดยมีเพื่อนร่วมห้องช่วยอีกหลายคน เมื่อน้องๆนั่งกันเป็นระเบียบแล้ว พี่ๆก็เริ่มแนะนำตัวทีละคน ซึ่งพี่แต่ละคนเมื่อแนะนำตัวเสร็จก็จะเต้นท่าประจำตัว ทำให้น้องๆต่างพากันหัวเราะกับท่าเต้นของพี่อย่างสนุกสนาน และเมื่อถึงคิวของประธานสีสุดหล่อ ทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบโดยไม่ได้นัดหมาย สายตาทุกคู่ต่างเพ่งมองไปยังกานตภณเหมือนกำลังตั้งใจฟังเรื่องสำคัญ
“สวัสดีครับ น้องๆที่น่ารักทุกคน พี่ชื่อนายกานตภณ หรือเรียกพี่กานต์ก็ได้ครับ พี่ในฐานะประธานสี พี่ขอกล่าวแทนรุ่นพี่ ม.หก ทุกๆคนนะคับ พี่มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทำกิจกรรมกีฬาสีร่วมกับน้องๆ พี่ๆทุกคนหวังว่าน้องๆก็มีความยินดีเช่นเดียวกัน พี่ก็ขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่ประธานสีให้ดีที่สุดครับ ” กานตภณให้สัญญากับน้องด้วยท่าทางมุ่งมั่น ซึ่งหลังจากกานตภณพูดจบก็มีเสียงปรบมือ เสียงเฮ เสียงกรี๊ดดังอื้ออึง เด็กนักเรียนบางคนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมปรบมือและโห่ร้องด้วยความชื่นชมในตัวกานตภณ
“พี่กานต์คะ! พี่กานต์ไม่เต้นท่าประจำตัวให้พวกเราดูหน่อยหรือคะ” นักเรียนหญิงชั้น ม.ห้า เอ่ยถามด้วยท่าท่างกระดี้กระด๊า
“ไม่ดีมั้งคับน้อง”กานตภณเอ่ยเสียงอ่อน พร้อมกับเกาหัวแกรกๆกลบเกลื่อนความเขินอาย
“เอาอย่างงี้ ใครอยากให้พี่กานต์เต้นให้ดูยกมือขึ้น!!” รณภัทรเสนอทางออกให้ แต่ทางออกที่เสนอดันเข้าทางเขาเต็มๆ เพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกับกานตภณมาเขาไม่เคยเห็นเพื่อนเต้นรำทำเพลงเลย นี่จึงเป็นโอกาสที่หาอยากยิ่งสำหรับเขา มีจังหวะเหมาะเจาะแบบนี้รณภัทรจะปล่อยผ่านง่ายๆได้ไง ต้องรีบคว้าให้ได้!!
หลังจากได้ฟังข้อเสนอของรณภัทร น้องๆและพี่ชั้น ม.หก ทุกคนต่างก็ยกมือขึ้น เพื่อแสดงออกว่าเห็นด้วยซึ่งบางคนก็ส่งเสียงเชียร์ออกหน้าออกตา
“พี่กานต์ครับ น้องๆและเพื่อนๆเค้าอยากดูพี่กานต์เต้นกันทุกคนเลยครับ พี่กานต์พอจะสงเคราะห์พวกเราให้เห็นเป็นบุญตาหน่อยได้มั้ยครับ” รณภัทรเอ่ยกับกานตภณด้วยน้ำเสียงเว้าวอน
“ก็ได้ครับพี่ภัทร!!!” กานตภณกัดฟันพูดให้รณภัทรเหมือนต้องการบอกให้รู้ว่าหลังจากนี้มีเรื่องต้องสะสางกันยาวแน่
เมื่อได้ยินคำตอบตกลงของกาณตภณ ทุกคนต่างก็ปรบมือด้วยความดีใจ นักเรียนหญิงบางคนถึงขั้นกรี๊ดออกมาเบาๆด้วยความขวยเขินที่จะได้เห็น
“เดี๋ยวกระผมจะเป็นคนตีกลองให้เองนะครับ” รณภัทรรับอาสาด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะล้อเพื่อนกลายๆ
ตึง! ตึงตึง ตึง!.......ตุ่มใส่น้ำ ใส่น้ำไว้เต็มตุ่ม ใส่น้ำไว้เต็มตุ่ม แล้วเราจะสุขใจ แล้วเราจะสุขใจ ตุ่มละลุ่มตุ่มโบ๊ะ โบ๊ะตะโล๊ะโต๊ะตุ่ม วี๊ดบูม ว้ายบูม เด้งซ้าย เด้งขวา เด้งหน้า เด้งหลัง เด้งซ้าย เด้งขวา เด้งหน้า เด้งหลัง เด้งพร้อมพร้อมกัน เด้งๆๆๆๆ เฮ้!
ทุกคนในคณะสีต่างพร้อมใจร้องเพลงตุ่ม เพื่อให้ประธานของสีได้แสดงลีลาท่าทาง เมื่อกานตภณเต้นเสร็จนักเรียนหญิงทุกคนก็ลงความเห็นว่า’พี่กานต์เต้นน่ารักที่ซู๊ดดดดดด’ โดยเฉพาะสองสาวแฟนคลับกานตภณแห่งห้อง ม.สี่ทับหนึ่ง
ทางด้านกานตภณก็หลับหูหลับตาเต้นให้จบๆไป เพราะเขาอายมาก เพราะตั้งแต่พ้นวัยที่ต้องแสดงวันเด็ก เขาก็ไม่เคยเต้นหรือแสดงละครอะไรอีกเลยนอกจากเล่นดนตรีที่มันไม่ต้องโยกย้ายส่ายสะโพกมากมายตอนแสดง และที่เขาอายมากที่สุดก็คงเป็นเธอคนนั้น ซึ่งปกติไม่ว่าทำอะไรก็ตาม เขาจะมีสมาธิมาก แต่หลังจากรู้จักเธอ เธอก็เหมือนจะมีอิทธพลต่อชีวิตเขาเหลือเกิน เดี๋ยวนี้เวลาทำอะไร เขามักจะต้องตั้งสมาธิอย่างแรงกล้า ยิ่งตอนอยู่หน้าเธอแล้ว เขารู้สึกว่าสมาธิของเขาหลุดลอย เสียงสั่น มือสั่น แต่เขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะหยุดอาการเหล่านี้โดยการไม่มองเธอ แต่ใจและสายตาเจ้ากรรมดันไม่ให้ความร่วมมือ พอเจอหน้าเธอทีไรเขาก็ห้ามตัวเองไม่ให้มองเธอไม่ได้
“อ๊ายยย พี่กานต์เต้นน่ารักมากอ่ะแก!” นีรนาถกรี๊ดในลำคอ ตัวก็บิดไปมาเพราะความเขินอาย
“ไม่เสียแรงจริงๆที่ไปบน คุ้มเกินคาด โอ๊ย!!ฉันอยากจะกรี๊ดดังๆ” พาฝันพูดไป มือก็บิดเสื้อภัทรากรไป
“ยัยฝัน!! เสื้อฉันจะขาดอยู่แล้วเนี่ย!”ภัทรากรบอกเสียงห้วนเหมือนจะไม่พอใจกับอาการบ้าคนหล่อของเพื่อน แต่ในใจมันกลับรู้สึกตรงกันข้าม หัวใจเธอเต้นแรงเมื่อเขาเริ่มออกท่าทางเต้นตามจังหวะกลอง เธอรู้สึกเหมือนเขามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เธอไม่รู้ว่าสายตาที่เขาใช้มองเธอมันหมายความว่ายังไง แต่เธอชอบมัน รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่เห็น เขาใช้สายตาแบบนี้มองทุกคนหรือเปล่า เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่เขามองเธออยู่ตลอด เพราะเธอหันไปมองเขาที่ไร ก็มักจะสบตากับเขา
“ขอโทษทีพีช ก็ฉันเขินพี่กานต์นี่ คนอะไรไม่รู้หล่อก็หล่อ แถมมีความเป็นผู้นำเต็มปี่ยม” พาฝันพึมพำออกมาด้วยนัยน์ตาแพรวพราวกรุ้มกริ่ม
“ต่อไปจะเป็นการลงชื่อเพื่อทำกิจกรรมนะครับ กิจกรรมที่น้องสามารถลงชื่อเพื่อเป็นตัวแทนของคณะสีมีดังนี้คับ นักกีฬาประเภทต่างๆให้ลงชื่อกับพี่เต้ย พี่เต้ยคับยกมือด้วยคับ กิจกรรมสแตนเชียร์ให้ลงชื่อกับพี่ฝน พี่ฝนคับ อ่าคนนั้นแหละครับ กิจกรรมเดินขบวนพาเหรด ให้ลงชื่อกับพี่ภัทร พี่คนที่ตีกลองเมื่อกี้อ่ะคับ ถ้าลงชื่อเสร็จแล้วน้องๆสามารถกลับบ้านได้เลยนะครับ แล้วพบกันใหม่อาทิตย์หน้าครับ สวัสดีครับ ” กานตภณชี้แจงรายละเอียดต่างๆให้น้องในคณะสีของเขาฟังด้วยท่าทางจริงจัง
เมื่อการลงชื่อเข้าร่วมทำกิจกรรมต่างๆของน้องๆเสร็จสิ้นลง น้องๆต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่พี่ๆชั้น ม.หก ยังมีประชุมต่อ โดยมีกานตภณเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้เพื่อนได้รับรู้และเข้าใจถึงหน้าที่ในแต่ละส่วนของตนเพื่อจะได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง ซึ่งกานตภณทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมาอีกทีจากท่านผู้อำนวยการโรงเรียนได้อย่างดีเยี่ยมสมกับที่เพื่อนๆในห้องไว้ใจเลือกเขาให้เป็นประธานสี ซึ่งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ต่างก็แยกย้ายกัน บ้างก็รีบกลับบ้าน บ้างก็ไปกวดวิชา มีเพียงกลุ่มของกานตภณเท่านั้นที่ต้องรีบไปซ้อมดนตรี เมื่อพวกเขาเดินมาถึงยังห้องชมรม รณภัทรก็ลากกานตภณออกมาจากห้อง โดยบอกกับเพื่อนว่าเขามีธุระสำคัญที่ต้องคุยกับกานตภณให้เพื่อนๆที่เหลือซ้อมพลางๆไปก่อน
“มึงมีอะไร มึงรีบพูดมาเลยดีกว่า กูไม่อยากให้คนอื่นรอ”กานตภณเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายกับท่าทางมีลับลมคมในของเพื่อน
“มึงจำได้มั้ยที่กูบอกว่าจะพาไปดูนางฟ้าร่ายรำอ่ะ” รณภัทรเอ่ยถามเพื่อน
“กูจำไม่ได้ วันๆมึงเล่นพูดแต่เรื่องไร้สาระ แล้วเรื่องที่กดดันให้กูออกไปเต้น กูยังไม่เคลียร์กับมึงเลยนะ”
“เรื่องนั้นมึงก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ของชีวิต ม.หก หล่ะกัน มึงต้องขอบคุณกูถึงจะถูก ที่กูอุตส่าเปิดโอกาสให้มึงได้เพิ่มคะแนนนิยมในตัว กูรับรองว่ามึงจะมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นอีกเพียบ”
“มึงเคยถามกูสักคำมั้ยครับ ว่ากูอยากมีแฟนคลับรึเปล่า” กานตภณแสดงสีหน้าจริงจัง
“ถ้ามึงไม่พอใจ กูก็ขอโทษหล่ะกัน ”รณภัทรเอ่ยขอโทษเพื่อนเสียงอ่อน
“เปล่า กูก็ไม่ได้ไม่พอใจ แต่ทีหลังมึงช่วยถามความสมัครใจกูหน่อย ”
“เออๆ ทีหลังก็จะไม่กดดันมึงให้ไปตงไปเต้นอะไรอีกแล้ว แต่ให้ไปทำอย่างอื่นได้ใช่มั้ยเพื่อน”รณภัทรถามเพื่อนด้วยสีหน้าวาดหวัง
“เออๆ” กานตภณตอบปัดๆ
“เดี๋ยวกูจะพามึงไปดูอะไรดีๆ” รณภัทรเอ่ยขึ้นแล้วตบบ่าเพื่อนเบาๆเชิงการันตี
“อะไรของมึง” กานตภณมีสีหน้าสงสัย
“เดินตามกูมาเดี๋ยวมึงก็รู้เองน่า” รณภัทรบอกปัดๆแล้วออกเดินนำเพื่อนไปในทิศที่ศาลตายายตั้งอยู่

ยังบริเวณหน้าศาลตายาย ปรากฏร่างของนักเรียนหญิงชั้น ม.สี่ สองคน ยืนอยู่ด้วยท่าทางชะเง้อหา เหมือนกำลังรออะไรสักอย่าง
“ยัยหนูนุ่นเมื่อไหร่จะมาเนี่ย ยืนรอนานแล้วน่ะ” ภัทรากรบ่นออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“ใจเย็นน่าพีช เดี๋ยวยัยหนูนุ่นก็มา” พาฝันบอกเพื่อนด้วยเสียงราบเรียบดุจเดิม
“ฉันจะรออีกแค่ห้านาที ถ้าหนูนุ่นยังไม่มา ฉันจะกลับก่อน” ภัทรากรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ฉันมาแล้ว!!!” นีรนาถตะโกนมาแต่ไกล พอวิ่งมาถึงก็ยืนหอบสักพักแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ขาดๆเพราะอาการหอบจากการวิ่งมาเมื่อสักครู่
“ขอโทษ.. ที่ให้รอ... พอดีไปขอยืม..วิทยุกับเทป...เพลงที่ห้องนาฏศิลป์..มา” นีรนาถชูวิทยุให้เพื่อนดู
“ต้องเปิดเพลงด้วยหรอ? รำเฉยๆก็ได้มั้งแก” ภัทรากรแสดงสีหน้าขอความเห็นใจจากเพื่อน
“ไม่ได้ๆ แก้บนทั้งทีต้องจัดเต็ม เดี๋ยวคุณตาคุณยายท่านไม่พอใจพาลพวกเราจะซวยเอา” พาฝันแย้งขึ้นพร้อมบอกเหตุผล
“ใช่ๆ ยัยฝันพูดถูก”นีรนาถเห็นด้วยกับเพื่อน
“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เย็นมากแล้วเดี๋ยวยัยพีชไม่มีรถกลับบ้าน” พาฝันพูดแล้วเดินนำเพื่อนไปยังศาลตายาย เมื่อไปถึงก็จัดการจุดธูปแล้วเอ่ยบอกตายายว่าตนและเพื่อนได้มาทำการแก้บนตามที่ได้ให้คำไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ที่อยู่ห่างจากศาลออกไป มีนักเรียนชายสองคนกำลังทำลับๆล่อๆ ยืนแอบดูการกระทำของนักเรียนหญิงสามคนที่ตอนนี้ได้ร่ายรำอย่างอ่อนช้อยสวยงาม
“เด็ดมั้ยหล่ะ ที่กูพามาดู” รณภัทรถามขึ้นขณะท่าสายตาไม่ได้ละจากการร่ายรำที่สวยงามเบื้องหน้า
“เออหว่ะ” กานตภณตอบอย่างเผลอไผล สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของเธอคนนั้น เธอผู้ทำให้เขาเสียการควบคุมตัวเอง เขาเพิ่งประจักษ์แก่สายตาว่าเธอเป็นคนที่รำสวยมาก ไม่ว่าจะอยูในอริยาบถใดของการร่ายรำก็ดูอ่อนช้อยสวยงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ตามที่เพื่อนของเขาพูดจริงๆ
“คนอะไรไม่รู้ ยิ่งดูยิ่งสวย” รณภัทรเอ่ยขึ้น สายตาเขาหวานเยิ้มเหมือนต้องมนต์สะกด
“ที่มึงพูด มึงหมายถึงใครหว่ะภัทร” กานตภณเอ่ยถามเพื่อน
“ก็น้องพีชนะซิ ทั้งสวยทั้งเก่ง” รณภัทรเอ่ยชื่นชมจากใจ
“ทำไมพวกน้องเค้าต้องมารำด้วยหว่ะภัทร”
“สงสัยจะมาแก้บน”
“แก้บน?” กานตภณแสดงสีหน้าสงสัย
“มึงจำได้มั้ยเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่มึงแอบดูพวกน้องเค้าอ่ะ ถ้ากูเดาไม่ผิดพวกน้องต้องมาบนบานอะไรสักอย่างแน่เลย” รณภัทรตั้งข้อสันนิษฐาน
“คงจะใช่ กูก็เคยเห็นคนมารำอยู่บ่อยๆ แต่กูแปลกใจหว่ะ ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกน้องเขาก็เชื่อเรื่องพรรค์นี้ด้วย” กานตภณเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกใจหน่อยๆ
“ศาลตายายแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์จะตายไป” รณภัทรเอ่ยบอกเพื่อน
เมื่อการร่ายรำของน้องๆจบลง ทั้งสองคนก็รีบเดินออกไปทันที เพราะเกรงว่าพวกน้องๆจะหันมาเห็นและเขินอายพวกเขาที่มาแอบดู
ทางด้านภัทรากร เมื่อรำแก้บนเสร็จเธอก็รีบเดินไปขึ้นรถประจำทางบริเวณหน้าโรงเรียนทันที เพราะเย็นมากแล้ว โดยมีนีรนาถเดินไปด้วยเพราะนีรนาถก็ต้องกลับบ้านด้วยรถประจำทางเช่นเดียวกัน


#ระติ



ระติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 เม.ย. 2558, 17:45:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 เม.ย. 2558, 17:56:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 747





<< ตอนที่ 1   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account