นิยายเรื่อง เสน่หาภัทรากานต์
“รักแรกพบ” (Love at first sight) เกิดขึ้นเมื่อเราได้เห็นหน้าค่าตากันเป็นครั้งแรกแล้วเกิดความรู้สึกประทับใจ อาจจะเป็นผลมาจากรูปร่างหน้าตา การแสดงกริยาท่าทางต่างๆ หรือแม้เป็นเพียงความรู้สึกที่เราก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเรียกว่าอะไร แต่ความรู้สึกต่างๆเหล่านี้จะพัฒนาไปเป็นรักแท้หรือเป็นเพียงความเสน่หาชั่วคราวหรือไม่นั้น ก็คงต้องใช้ ’เวลา’ เป็นเครื่องพิสูจน์ เฉกเช่นเดียวกับ”เขา”และ”เธอ”
Tags: รักใสใส

ตอน: ตอนที่ 1

ตอนที่ 1


วันนี้เป็นวันประกาศผลการจับฉลากแบ่งกลุ่มกีฬาสีที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า นีรนาถและพาฝันต่างตื่นเต้นเพราะลุ้นอยู่ว่าจะได้อยู่สีเดียวกับพี่กานต์สุดหล่อรึเปล่า
“นี่พวกแก เราไปบนศาลตายายข้างหลังโรงอาหารดีมั้ย?” นีรนาถชวนเพื่อนสนิททั้งสองด้วยหน้าที่มุ่งมั่น
“แกจะไปบนเรื่องอะไร? ”ภัทรากรเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เพราะปกติยัยหนูนุ่นไม่เห็นจะพึ่งพาไสยศาสตร์ จะต้องมีเรื่องสำคัญมากแน่ๆ
“ฉันจะไปบน ขอให้เราได้อยู่สีเดียวกับพี่กานต์สุดหล่อ” นีรนาถทำหน้าเพ้อฝันแล้วยิ้มคิกคักอยู่คนเดียว
“ฉันเห็นด้วย ป่ะไปกัน” พาฝันเห็นดีเห็นงามกับเพื่อนด้วยอีกคน
“พวกแกสองคนนี่ท่าจะเป็นเอามาก ฉันไม่ไปด้วยหรอก เอาเวลามาอ่านหนังสือดีกว่า ” ภัทรากรเอ่ยตัดบทในขณะที่สายตาไม่ละจากหนังสือที่เธอกำลังอ่าน
“พีชจ๋า ไปเป็นเพื่อนพวกฉันหน่อยซิ” พาฝันอ้อนเพื่อนสนิท
“นะพีชนะ ไปแป็บเดียว ครูคงไม่เข้าแล้วหล่ะ น่าจะยังประชุมไม่เสร็จ” นีรนาถอ้อนเพื่อนอีกแรง
“ใช่ๆ ครูคงไม่เข้าแล้ว พอเราไปบนเสร็จเราก็ไปกินข้าวเที่ยงเลย ดีมั้ย?” พาฝันวางแผนเสร็จสับแล้วหันมาถามความเห็นของเพื่อน
“ก็ได้ แต่ฉันไม่เข้าไปบนด้วยนะ” ภัทรากรปิดหนังสือลงเตรียมเก็บลงกระเป๋า
“เย้ๆ พีชแกเป็นเพื่อนที่น่ารักที่สุดในสามโลก ฉันรักแก”นีรนาถโผกอดเพื่อนด้วยความดีใจ

ศาลตายายถือเป็นสิ่งศักสิทธิ์ที่ครู บุคลากร และนักเรียนทุกคนในโรงเรียนต่างให้ความเคารพนับถือ ศาลแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความศักสิทธิ์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครจะบนอะไรก็มักจะได้ดั่งใจปรารถนา บริเวณที่ตั้งของศาลจึงเต็มไปด้วยของเซ่นไหว้เพื่อแก้บน บรรยากาศรอบๆศาลแห่งนี้เงียบสงัด ห่างออกไปจากบริเวณศาลมีต้นโพธิ์ต้นใหญ่สองต้นขึ้นอยู่ ส่วนด้านหลังเป็นกำแพงสูงสีขาวก่อด้วยบล็อก และห่างออกไปจากศาลประมาณสามร้อยเมตรเป็นที่ตั้งของชมรมดนตรีสากล ชมรมดุริยางค์และห้องเก็บเครื่องดนตรีของวงดุริยางค์โรงเรียน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงชั่วโมงพักของนักเรียนชั้น ม.ปลาย ทำให้เห็นเพียงเด็กม.ต้น สามสี่คนที่เดินเข้าห้องชมรมไป
“พีชแกเข้าไปด้วยกันเถอะนะ เข้าไปนั่งเฉยๆก็พอ” นีรนาถเอ่ยกับภัทรากรด้วยน้ำเสียงออดอ้อน นีรนาถไม่คิดว่าพอมาถึงศาลตายายแล้วจะรู้สึกวังเวงเช่นนี้ ถ้าให้มาคนเดียวจ้างให้ก็ไม่มาหรอก แต่นี้มากันถึงสามคน นีรนาถขอสู้ตายเพื่อพี่กานต์!
“อะไรของแกเนี่ย ฉันบอกก่อนมาแล้วไง ว่าจะไม่เข้าไป” ภัทรากรทำหน้างอ
“ก็บรรยากาศมันวังเวงนี่ เข้าไปกันหลายๆคนอุ่นใจดี ฝันแกว่าไง? จะเข้าไปหรือกลับดี”
“เข้าไปซิ มาถึงขนาดนี้แล้ว ขอสู้ตายเพื่อพี่กานต์ พีชเข้าไปด้วยกันนะ” พาฝันตอบนีรนาถ และเอ่ยขอร้องภัทรากรด้วยใบหน้าหงอยๆ
“เออๆ เร็วๆหล่ะ หิวข้าวแล้ว” ภัทรากรทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย
“โอเคเลย” นีรนาถตอบรับด้วยท่าทางดีอกดีใจ
ทั้งสามเดินเข้าไปยังศาลด้วยท่าทางสำรวม เมื่อไปถึงพวกเธอก็นั่งพับเพียบลงต่อหน้าเจว็ดไม้ รูปปั้นตา ยายและเครื่องประกอบศาลต่างๆ แล้วพนมมือไหว้หนึ่งครั้งดั่งที่เคยปฏิบัติมา นีรนาถยื่นมือไปหยิบธูปที่วางอยู่บนพานสีเงินเก่าๆออกมาจำนวนห้าดอก แล้วจัดการจุดด้วยไฟแช็คที่วางอยู่รวมกับธูป เสร็จแล้วก็พนมมือขึ้น ด้านพาฝันเมื่อเห็นเพื่อนพนมมือเธอก็พนมมือขึ้นตาม โดยที่ภัทรากรได้แต่นั่งมองการกระทำของเพื่อนทั้งสองตาพริบๆ
“คุณตา คุณยายเจ้าขา วันนี้หนูนุ่นและเพื่อนๆมีเรื่องมาขอให้ช่วยเจ้าค่ะ คือว่า วันนี้จะมีการจับฉลากแบ่งกลุ่มกีฬาสี หนูนุ่นขอให้คุณตา คุณยายช่วยให้พวกเราได้อยู่สีเดียวกับพี่กานต์สุดหล่อด้วยนะเจ้าค่ะ แล้วพวกเราจะมารำแก้บนให้คุณตา คุณยายดูเจ้าค่ะ” ทันทีที่นีรนาถพูดจบเธอก็ก้มลงกราบ และชวนเพื่อนสนิททั้งสองไปทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหาร

“มึงมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้หว่ะไอ้กานต์ ทำไมไม่เข้าห้องชมรม” รณภัทรเอ่ยถามเพื่อนด้วยความสงสัย เพราะเขาเห็นเพื่อนทำลับๆล่อๆ อยู่หลังต้นโพธิ์สักพักแล้ว
“เปล่า กูแค่อยากยืดเส้นยืดสาย กูเมื่อย นั่งประชุมตั้งนาน” กานตภณตอบเพื่อนพร้อมทำท่าบิดซ้ายบิดขวาไปมา
“เดินออกมาตั้งนาน เพิ่งคิดได้หรอหว่ะ อ่อ! กูรู้แล้ว มึงมาแอบดูน้องเค้าใช่มั้ย พวกน้อง ม.สี่ที่กำลังเดินออกไปจากศาลตายายนะ” รณภัทรพูดดักอย่างรู้ทัน
“ทำไมกูต้องแอบดู กูแค่เดินมาบิดขี้เกียจตรงนี้แล้วบังเอิญเห็น แล้วพวกน้องเค้ามาทำอะไรที่ศาลหว่ะ?”
“พี่ถามผมแล้วผมจะไปถามใครหล่ะครับ แหม่กูกับมึงก็ยืนอยู่ด้วยกัน”
“กูนึกว่ามึงรู้ เห็นชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
“ไอ่*** ไม่ได้ยุ่งโว้ย เค้าเรียกว่าติดตามความเป็นไปของเพื่อนมนุษย์”
“พูดซะหล่อเลยนะมึง” กานตภณแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายกับคำตอบของเพื่อน
“ของมันแน่อยู่แล้ว ว่าแต่มึงเถอะ ไม่ได้คิดอะไรกับพวกน้องๆเค้าแน่น่ะ แต่ถึงมึงจะคิดก็ไม่เห็นจะแปลก น้องๆเค้าออกจะน่ารัก โดยเฉพาะน้องพีช น่ารักแบบเว่อร์ๆ ” รณภัทรพูดน้ำเสียงจริงจัง
“มึงรู้จักน้องเค้าด้วยหรอหว่ะ?” กานตภณถามด้วยแววตาสงสัย
“คนรู้จักน้องเค้าทั้งโรงเรียน คนอะไรไม่รู้ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง” รณภัทรเอ่ยถึงภัทรากรด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“หรอหว่ะ”
“ก็เออนะซิ ถ้าคิดจะจีบน้องเค้าก็เร็วๆหน่อยนะมึง คู่แข่งเพียบ” รณภัทรพูดด้วยเสียงหนักแน่น
“กูไม่ได้จะจีบน้องเค้าสักหน่อย กูแค่ถามดูเฉยๆ” กานตภณเอ่ยปฏิเสธเสียงอ่อย
“ให้มันแน่แล้วกัน เดี๋ยวหาว่ากูไม่เตือน”
“พี่กานต์! พี่ภัทร! คร๊าบ พวกผมรอพี่นานแล้วนะค้าบ ” เสียงเด็กนักเรียนชายชั้น ม.ต้น ที่เข้าไปรอกานตภณและรณภัทรในห้องชมรมชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่าง ตะโกนเรียกพวกเขาสองคนเสียงดัง
“คับๆ น้อง ” กานตภณเอ่ยตอบกลับไป แล้วหันหน้าไปทางรณภัทร พยักหน้าให้เชิงเป็นสัญญาณให้เดินไปยังห้องชมรม

เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน บริเวณบอร์ดประกาศของคณะกรรมการนักเรียนก็เต็มไปด้วยนักเรียนที่ต่างก็มายืนมุงดูผลการจับฉลากแบ่งกลุ่มสี และหนึ่งในจำนวนนักเรียนเหล่านั้นก็มีนีรนาถ รวมอยู่ด้วย
นีรนาถวิ่งขึ้นอาคารเรียนเพื่อไปยังห้องเรียนที่ภัทรากรและพาฝันกำลังทำความสะอาดอยู่ พอไปถึงก็กรี๊ดเสียงดังจนเพื่อนทั้งสองต้องวางอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้ววิ่งมาหาเธอด้วยความตกใจ
“แกเป็นอะไรหนูนุ่น!!!” ภัทรากรทำตาโตเพราะความตกใจ
“ฉันดีใจอ่ะแก เมื่อกี้ฉันไปดูผลการจับฉลากแบ่งสีมา”
“ผลเป็นยังไงแก” พาฝันเขย่าแขนนีรนาถด้วยความอยากรู้
“พวกเราได้อยู่สีเดียวกับพี่กานต์”
“กรี๊ด!!!!!” พาฝันกรี๊ดเสียงดังจนภัทรากรต้องเอานิ้วอุดหูทั้งสองข้าง
“ยัยฝัน หยุด!!!” ภัทรากรสั่งเพื่อนในขณะที่ยังไม่ลดมือลง
“โทษที เผลอตัวไปหน่อย ก็คนมันดีใจนี่ ” พาฝันเอ่ยกับเพื่อนเสียงอ่อย
“อย่าเผลอให้มันบ่อยแล้วกัน มีหวังหูดับกันพอดี” ภัทรากรว่าแล้วก็เดินกลับไปหยิบไม้กวาดเพื่อทำความสะอาดพื้นในส่วนที่เหลือ
“ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะได้อยู่สีเดียวกับพี่กานต์ ‘ตกลงคือพรหมลิขิตใช่มั้ย ตกลงให้เรารักกันใช่ม่ายยย’ อ๊ากกก คริคริ” พาฝันร้องเพลงและหัวเราะคิกคักกับนีรนาถสองคน
“อยากให้ถึงวันประชุมสีเร็วๆจัง” นีรนาถยิ้มหวานขณะจินตนาการถึงวันประชุมสีที่มาถึงในวันจันทร์หน้า
“ใช่ๆ” พาฝันพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน
“คุณพาฝันคะ มาช่วยกันทำเวรหน่อยได้มั้ยคะ คือภัทรากรอยากกลับบ้านแล้วค่ะ” ภัทรากรเอ่ยประชดเพื่อนอย่างไม่จริงจัง
“อุ่ย! โทษทีเค้าลืมอีกแล้ว” พาฝันยิ้มหวานให้เพื่อนเพื่อเป็นการขอโทษ
“เร็วเลยแก ไม่งั้นวันนี้ฉันโดนลุงนพบ่นหูชาอีกแน่” ภัทรากรเบ้ปากและส่ายหน้าเบาๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันที่แล้วที่เธอทำให้ลุงนพและเด็กหลายคนต้องรอโดยไม่ได้โทรไปบอกก่อนว่าต้องอยู่ติววิทยาศาสตร์เพื่อเตรียมตัวไปแข่งในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า พอไปถึงเธอก็โดนลุงนพบ่นซะหูชา เมื่อกลับไปถึงบ้านก็โดนแม่เธอบ่นอีกรอบ เธอไม่เคยแปลกใจเลยว่าทำไมลูกศิษย์ของแม่เธอถึงเป็นเด็กดี มีระเบียบวินัยกันทุกคน ก็เธอได้รับการอบรมสั่งสอนจากแม่เธอซึ่งเป็นครูดีเด่นอยู่ทุกวันนะซิ
“ได้ๆ ฉันจะทำเวรด้วยความเร็วแสง แกไม่ต้องกังวลพีช” พาฝันวิ่งไปหยิบไม้กวาด แล้วกวาดอย่างแข็งขัน โดยมีนีรนาถช่วยอีกแรง

“นักเรียนคะ ในคาบสุดท้ายองวันนี้ ขอให้นักเรียนทุกคนได้เข้าร่วมประชุมกับคณะสีด้วยนะคะ โดยรายละเอียดเรื่องสถานที่ของแต่ละคณะสีครูจะประกาศอีกทีในช่วงพักกลางวันค่ะ แยกย้ายเข้าห้องเรียนได้ค่ะ” เมื่อเสียงประกาศของอาจารย์สุพรรณีจบลง นักเรียนต่างก็แยกย้ายเดินเข้าห้องเรียนด้วยความเป็นระเบียบ
“เฮ่ย พวกแก! เมื่อคืนฉันฝันแปลกๆ” นีรนาถเอ่ยขึ้นทันทีหลังมีคำสั่งของครูสุพรรณีให้แยกย้ายเข้าห้องเรียน
“ฝันแปลกๆ แปลกยังไง? ”ภัทรากรถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แกฝันว่ามีงูมารัดรึเปล่ายัยหนูนุ่น” พาฝันถามเพื่อนแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“บ้าน่าแก เมื่อคืนฉันฝันว่ามีสองตายายมาหาที่บ้านแล้วพูดงึมงำอะไรสักอย่าง ฉันจำไม่ได้อ่ะแก” นีรนาถขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนพยายามนึก
“สองตายายหรอ อืม เห้ย!!! ฉันรู้แล้ว” พาฝันทำตาโตเหมือนคิดอะไรออก
“อะไรฝัน” ภัทรากรและนีรนาถเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“แกรู้อะไร?” ภัทรากรถามซ้ำ
“เราลืมไปแก้บนรึเปล่าแก” พาฝันทำหน้าเหรอหราถามเพื่อน
“จริงด้วย ฉันลืมสนิทเลยอ่ะ” นีรนาถแสดงสีหน้ากังวล
“เย็นนี้พวกแกค่อยไปแก้บนก็ได้ อย่ากังวลไปเลย รีบๆเดินเข้าห้องเรียนดีกว่า ป่านนี้ครูคงเริ่มสอนแล้ว” ภัทรากรเอ่ยปลอบเพื่อนให้หายเป็นกังวล
“ไม่ใช่แค่พวกฉันที่ต้องไป แกก็ด้วยยัยพีช” นีรนาถตบเบาๆที่บ่าของภัทรากรแล้วยิ้มกว้างให้เพื่อน
“ฉันเกี่ยวอะไรด้วย พวกแกสองคนนะที่บน ฉันไม่ได้บนด้วยซะหน่อย” ภัทรากรทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อน
“ตอนที่บนเหมือนฉันจะพูดว่า”พวกเรา” พวกเราของฉันหมายถึงแกด้วยพีช” นีรนาถยิ้มกริ่มให้เพื่อนยอมรับในชะตากรรมของตนเอง
“โอ๊ยแก ทำไมแกเป็นคนแบบนี้ยัยหนูนุ่น!” ภัทรากรคว่ำปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“โอ๋ๆ พีชจ๋า อย่าร้องนะคนดี ไปรำเป็นเพื่อนฉันกับฝันเถอะนะ พลีสๆ” นีรนาถอ้อนเพื่อนเหมือนเคย
“แกจะไม่ไปก็ได้นะพีช ถ้าแกคิดว่ามิตรภาพของเรามันไม่มีค่า” พาฝันเอ่ยตัดพ้อเพื่อนด้วยแววตาเศร้าๆ
“เฮ่ย ไม่ใช่อย่างงั้น คือว่าฉันอายอ่ะแก ฉันไม่เคยรำให้ใครดูมานานแล้วนะ”
“ไม่เห็นต้องอายเลย รำกันตั้งสามคน อีกอย่างช่วงเย็นๆก็ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านแถวนั้นหรอก” นีรนาถพูดว่านล้อมเพื่อน
“ก็ได้ๆ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนน่ะเนี่ย แล้วอย่าลืมเตือนฉันให้โทรไปบอกลุงนพด้วย เดี๋ยวเจอบ่นหูชาอีก”
“พีชแกเป็นเพื่อนที่ประเสริฐมาก ฉันรักแก มา! มาให้ฉันจุ๊บสักหนึ่งที” นีรนาถทำปากจู๋ยื่นหน้าจะจูบเพื่อนจริงๆ ทำให้ภัทรากรต้องเอามือยันหน้าเพื่อนเอาไว้ ทั้งสามคนหัวเราะอย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่าบทสนทนาเมื่อสักครู่ได้ส่งไปถึงบุคคลที่สี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


“กานต์ๆ มึงเคยเห็นนางฟ้าเค้าร่ายรำมั้ยหว่ะ” รณภัทรเอ่ยถามเพื่อนทันทีที่เข้ามานั่งในห้องเรียน
“อะไรของมึง เมื่อกี้มึงไปขรี้หรือไปทัวร์สวรรค์มาครับ มานางฟงนางฟ้าอะไร” กานตภณเอ่ยกับเพื่อนในขณะที่สายตายังจดจ้องอยู่ที่กระดาษรายชื่อนักเรียนในคณะสีของเขา
“ถ้าไม่เคยเห็น วันนี้เดี๋ยวกูจะพามึงไปดู อย่าเพิ่งรีบกลับละกัน” รณภัทรสั่งเพื่อนสนิทแล้วยิ้มกริ่มเหมือนกำลังจินตนาการถึงเรื่องสนุกๆ
“ท่าจะเพี้ยนนะมึง”กานตภณส่ายหน้าน้อยๆ แล้วหันมาสนใจใบรายชื่อในมือเขาต่อ โดยที่มืออีกข้างก็หมุนปากกาเล่นไปด้วย กานตภณยิ้มน้อยๆออกมาเมื่อเห็นว่ารายชื่อนักเรียนห้องสุดท้ายที่อยู่สีเดียวกับเขาคือห้องอะไร ‘4/1’ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกดีใจที่ได้เห็นรายชื่อห้องนี้ เมื่อก่อนเขารู้สึกเหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง ตั้งแต่เปิดเทอมมาเขากลับรู้สึกว่าความรู้สึกนั้นมันหายไปแล้ว เหมือนการรอคอยของเขามันสิ้นสุดลง แต่กลับมีความรู้สึกอื่นเกิดขึ้นแทน รู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเธอ เวลาบังเอิญเจอกัน อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือคว้า เขาอยากจะเอ่ยทักทายแต่กลับไม่กล้า เขาจ้องหน้าเธอทุกครั้งที่เห็นหน้า แต่เธอกลับหลบหน้าหลบตาเขา แค่ได้เดินผ่าน ได้เห็นหน้า เขาก็มีความสุข เขาไม่แนใจว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเรียกว่าอะไร ถ้าจะบอกว่ามันคือความรัก เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันใช่มั้ย เพราะความรู้สึกเช่นนี้เพิ่งเกิดกับเขาเป็นครั้งแรก


# ระติ



ระติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 เม.ย. 2558, 16:07:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 เม.ย. 2558, 16:07:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 734





<< บทนำ   ตอนที่ 1(จบ) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account