เมฆร้อยกล ฝนซ่อนเล่ห์
เพื่อตอบแทนบุญคุณ เมฆมงคล จำต้องกลืนน้ำลายตัวเองที่เคยออกปากว่าจะไม่แต่งงาน แถมยังต้องรับผิดชอบลูกในท้องของว่าที่เจ้าสาวด้วย อุตส่าห์ยอมทุกอย่าง สาวเจ้าก็ยังทำแต่เรื่องชวนปวดหัวจนอยากสลัดให้พ้นชีวิต งานนี้มันต้องงัดกลยุทธ์มาสู้กันสักตั้ง!!!
Tags: เมฆมงคล ฝนมีนา
ตอน: เมฆสีเทา
เมฆร้อยกล ฝนซ่อนเล่ห์
1
เมฆสีเทา
เทศกาลสงกรานต์ถือว่าเป็นเทศกาลแห่งการรวมญาติ มีวันครอบครัวแทรกอยู่ในเทศกาลนี้ด้วย ลูกหลานว่านเครือที่กระจัดกระจายทั่วสารทิศยึดเอาเทศกาลนี้ดึงดูดให้กลับมาเยือนถิ่น เพราะมีวันหยุดยาวซึ่งบางครั้งรัฐบาลก็ใจดีหยุดต่อเนื่องเกือบครบสัปดาห์ นอกจากการรวมตัวกันของครอบครัวแล้ว การรวมกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนไม่ว่าจะเป็นประถม มัธยม หรืออุดมศึกษาก็มักอาศัยใบบุญของเทศกาลนี้รวมสมาชิกพบปะสังสรรค์ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
โดยภาพรวมแล้วถือได้ว่าเป็นเทศกาลแห่งความสนุก อบอวลไปด้วยความสุขเจือเคล้าไปด้วยความอบอุ่นจนร้อนอ้าว ทว่า...ในความสุขเหล่านั้นก็ยังมีบางกลุ่ม บางคนปลีกวิเวกแยกตัวออกมาจากกลิ่นอายแห่งความสนุกสนาน ผลักตัวเองเข้าสู่มุมเงียบเหงา เศร้า และวังเวง
ใครคนนั้นอาจเพิ่งผ่านพ้นมรสุมชีวิต เช่น บ้านถูกยึด ธุรกิจที่ลงทุนลงแรงถูกคนไว้ใจใกล้ชิดหักหลังขาดทุนย่อยยับ ผู้หญิงที่วาดฝันอนาคตไว้ร่วมกันบอกเลิกด้วยเหตุผลชวนอ้าปากค้าง ตั้งใจดื่มหล้าย้อมใจก็คว้าขวดผิดไปหยิบขวดเหล้าที่คนพิเรนทร์ฉี่ทิ้งใส่ขวดไว้ โซเซไปหาข้าวกินก็เจออาหารเป็นพิษ ไข้ขึ้นต้องตั้งนาฬิกาปลุกเช็ดตัวเอง กินยาเอง เพื่อนชวนไปงานเลี้ยงรุ่นก็ไม่กล้าไปเพราะความรู้สึกอับอายหลายประการ...ทุกข้อที่ยกตัวอย่างมาถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเหมารวมทุกอาการไว้ไม่แบ่งใคร ชายหนุ่มที่จมอยู่กับทุกข์ระทมทั้งหลายนั้นมีนามว่า...เมฆมงคล
ห้าปีผ่านไปแล้ว...เร็วยิ่งกว่านกระพือปีกในละครโทรทัศน์
งานเลี้ยงรุ่นมหาวิทยาลัยชื่อดังของเมืองหลวงเวียนกลับมาอีกครั้ง ปีนี้ชายหนุ่มที่เคยจมกับกองทุกข์เมื่อห้าปีที่แล้วตอบรับคำเชิญของเพื่อนผู้ประสานงานโดยไม่อิดออด สร้างความประหลาดใจให้เหล่าเพื่อนเป็นอย่างยิ่ง เขาเคยเป็นดาวคณะที่แสนเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติมาก่อนจึงไม่น่าแปลกถ้าเฟสบุ้คของกลุ่มจะถล่มทลายด้วยข่าวการมาร่วมงานของเขา เรียกได้ว่าเป็นสีสันของงานที่ทุกคนต่างรอคอยกันเลยทีเดียว
...และในเวลาเย็นย่ำของวันนี้...ตอนนี้...
ชายหนุ่มตัวสูงในชุดเสื้อม่อฮ่อมแขนสั้นสีน้ำเงินเข้ม หยิบผ้าขาวม้าที่พาดบ่าไว้ย้ายมาผูกเอวอย่างกระฉับกระเฉง ก้มลงสำรวจกางเกงยีนส์สีดำซีดและรองเท้าผ้าใบสีส้มสดก่อนเงยหน้ามองไปยังห้องอาหารหรูหราเบื้องหน้าด้วยประกายตาวาดหวัง มือหนาใหญ่ยกขึ้นเสยผมยาวเคลียไหล่ไปรวบลวกๆ มือควานกระเป๋ากางเกงเจอหนังยางรัดถุงแกงหลายเส้นจึงหยิบมามัดผมยาวน่ารำคาญเป็นกระจุกเล็กๆ มือจัดการกับผมเรียบร้อยก็ย้ายมาลูบหนวดเครารุงรัง ยกมุมปากเล็กน้อยอย่างพึงใจกับรอยสัมผัสสากระคายนั้น ประกายตามุ่งมั่น เจ้าเล่ห์เหลือบอ่านแผ่นป้ายหน้างานเพื่อความมั่นใจ
“เขียวเหลืองแดงทอง พี่น้องรวมใจ”
ชายหนุ่มยืนหน้าป้าย อ่านทวนราวมันเป็นตัวอักษรไม่รู้จักจบจักสิ้น บริกรชายในชุดสูทผูกหูกระต่ายดูเรียบหรูเข้ากับการตกแต่งร้านจ้องเขม็งมายังคนเหมือนมาจากนอกเมืองอย่างจับผิดอยู่ในที เมื่อเห็นการแต่งกาย รูปร่าง หน้าตา ดูอย่างไรก็ไม่ไฮโซ บริกรหนุ่มจึงเดินตรงปรี่หมายไถ่ถามให้รู้ความ
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณมางานอะไรครับ?” คำถามแสนสุภาพ ทว่าน้ำเสียงกลับห้วนไร้ความเป็นมิตร ซ้ำสายตาดูถูกชัดเจน คนถูกถามยกมือลูบเคราระคายมือ ยิ้มจนหนวดเขยื้อนก่อนชี้ป้าย
“งานนี้แหละน้องชาย ช่วยพาพี่เข้าไปหน่อย” บริกรหนุ่มกวาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าคนพูด พลางเอ่ยต่อ
“งานนี้ต้องมีบัตรเชิญนะครับ ไม่ทราบคุณมีหรือเปล่าครับ?” เขาถาม มีแววยิ้มเยาะคล้ายรู้ทันเมื่อเห็นชายหนุ่มเครางามทำท่าครุ่นคิด มือป่ายเปะปะล้วงกระเป๋าจ้าละหวั่น ก่อนหยิบบัตรเชิญสีทองค่อนข้างยับออกมาจากระเป๋ากางเกงด้านหลังยื่นส่งให้
“อันนี้ใช่ไหมน้องชาย?” บริกรหนุ่มหุบยิ้มหยิบบัตรเชิญสีทองไปพลิกหน้าหลังดูราวกับหาลายน้ำจากธนบัตรปลอม ก่อนพยักหน้าและผายมือเชื้อเชิญเมื่อไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมบนบัตรเชิญนั้นนอกจากชื่อบนบัตรเชิญ
“เชิญครับ” คนถูกเชิญยืดอก ใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างเกี่ยวผ้าขาวม้าคาดพุงเดินส่ายอาดๆ เข้างาน
ประตูไม้แกะสลักถูกผลักเปิดกว้าง แสงไฟสว่างนวลเปิดผ่านรอยแยกที่ค่อยๆ ขยายวงกว้าง ชายหนุ่มส่งสายตากวาดมองไปยังห้องโถงหรูหราเบื้องหน้า ชายหนุ่มหญิงสาวหน้าตายิ้มย่องผ่องใส ล้วนใส่ชุดหรูหราสวยงาม บ้างใส่สูทผ้าเนื้อดี บ้างใส่ชุดเดรสกรุยกราย เสื้อผ้าหน้าผมราวกับหลุดออกมาจากนิตยสาร รอยยิ้มผุดพรายใต้เรียวหนวด หลายคนในงานเริ่มหันมามองเขายิ่งทำให้ประกายวาววามในดวงตาเจ้าเล่ห์เพิ่มขึ้น
เสียงพูดคุยเริ่มเลือนหายไปเมื่อคนในงานเริ่มสะกิดกันมองผู้มาใหม่ ความเงียบเกิดขึ้นเหลือเพียงเสียงดนตรีคลอแผ่วเบา สักพักเสียงซุบซิบก็เริ่มขึ้นใหม่โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ชายหนุ่มในชุดเสื้อม่อฮ่อม กางเกงสีซีดรองเท้าสีแสบตา ผูกคาดเอวด้วยผ้าขาวม้า นิ้วโป้งเกี่ยวอยู่กับผ้าขาวม้าเชิดหน้ากวาดตามองรอบงานอย่างไม่หวั่นเกรงสายตางุนงงสงสัยเจือปนการดูแคลนของหลายคน ชายหนุ่มผอมสูงในชุดสูทสีน้ำเงิน ผูกหูกระต่าย เดินตรงมายังผู้มาใหม่ สีหน้าของเขาแม้ยังงุนงงสงสัยไม่แพ้คนในงาน แต่ก็ดูเป็นมิตรกว่าอีกหลายคน
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณมาผิดงานหรือเปล่าครับ?”
“คิดว่าไม่น่าจะผิดนะ” หนุ่มหน้าหนวดตอบยิ้มๆ “ตะกี้ยื่นบัตรเชิญให้คนหน้างานเขาก็ปล่อยให้เข้ามา...บัตรเชิญที่แกส่งให้ฉันทางไปรษณีย์ไงวะ ไอ้หรร!!” ท้ายประโยคยกมือตบไหล่ชายหนุ่มตรงหน้าหนักแน่นจนอีกฝ่ายแทบคะมำ แถมด้วยการหัวเราะจนเห็นไรฟันขาวทะลุหนวด คนถูกทักทายอ้าปากค้างก่อนยกมือขึ้นชี้อย่างตื่นๆ
“คุณ? นาย? แก...ไอ้เมฆ?!” ตะกุกตะกักก่อนตะโกน เมื่อเห็นหนุ่มหน้าหนวดยกมือกอดอก ยืดคอเชิดหน้า เขาก็ยิ่งมั่นใจการคาดเดาของตัวเอง “เฮ้ย! นี่แกจริงๆ หรือนี่?! ทำไมมันเปลี่ยนได้ขนาดนี้วะเนี่ย? เฮ้ย! ทุกคน นายเมฆมงคลที่เฝ้ารอกัน มาแล้วโว้ย!” ท้ายประโยคเขาตะโกนเริงร่า เสียงฮือฮาเกิดขึ้นทันที หลายคนเดินตรงมายังจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
เมฆมงคลมองตามความเคลื่อนไหวเหล่านั้น เขาเห็นความตื่นเต้น การพุ่งตรงมายังเขาเป็นจุดเดียวก็ยิ่งทำให้เขาหัวเราะอย่างพึงใจ...การตัดสินใจหวนคืนวงบันเทิงใจของเขาครั้งนี้ เริ่มต้นดีทีเดียว ชายหนุ่มคิด
เมฆมงคลใช้เวลากับการตอบคำถามสารทุกข์สุกดิบแบบคร่าวๆ จากกลุ่มเพื่อนสมัยเรียน กว่าเขาจะผละออกจากลุ่มได้ก็ต้องเรียกหาเครื่องดื่มแก้กระหายกันยกใหญ่ มหรรณพ โต้โผจัดงานครั้งนี้เป็นคล้ายผู้จัดการส่วนตัวแหวกวงล้อมเพื่อนหนุ่มเพื่อนสาวพาหนุ่มหน้าหนวดมานั่งพักมุมสงบของห้อง หลังจากปรนนิบัติพัดวีจนเห็นว่าเพื่อนหายเหนื่อยแล้ว เขาก็ยิงคำถาม
“ถามจริงๆ ว่ะไอ้เมฆ...นี่แกจริงหรือเปล่าวะ?” เมฆมงคลเหลือบมองพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ยักคิ้วกวนอารมณ์ส่งให้
“แล้วฉันเหมือนตัวปลอมตรงไหนวะ?” เขาถามกลับหลังวางแก้วเครื่องดื่ม มหรรณพกวาดตามองชี้นิ้วไปยังเครื่องแต่งกายคนพูด
“ก็นี่ไง ชุดอะไรของแกวะ? แล้ว...หนวดเฟิ้มรุงรังนี่อีก แถมผมกระเซิงเป็นรังนกอย่างนี้? นี่มันอดีตดาวคณะจริงหรือเปล่าเนี่ย?!”
“มันก็แค่เปลือกเท่านั้นแหละว้า” เมฆมงคลบอกกลั้วหัวเราะ “แกก็คิดเสียว่าฉันแต่งคอสเพลย์ก็แล้วกัน”
“แล้วนี่แกแต่งคอสเพลย์อะไร?” มหรรณพถามเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ชาวนา” เมฆมงคลตอบพร้อมยักคิ้วอีกครั้ง คนฟังได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า จะว่าไปเขาก็คุ้นชินกับนิสัยขี้เล่นของเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัยต่างแยกย้ายกันไปทำงานถึงได้เริ่มห่าง ๆ กันบ้าง แต่ก็ยังมีถามไถ่ข่าวคราว มีงานพบปะสังสรรค์บ่อยครั้ง ข่าวคราวของเพื่อนหนุ่มเริ่มหายไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน ครั้งล่าสุดที่เขารู้คือข่าวธุรกิจของเมฆมงคลล้มไม่เป็นท่า เขาพยายามหาทางติดต่อเพื่อถามไถ่ แต่เพื่อนหนุ่มก็ไม่ยอมบอกอะไรซ้ำยังขออยู่เงียบๆ ทำให้เขาได้แต่ถอยมารอฟังข่าวอยู่ห่างๆ
มหรรณพจำได้ว่าหลังเรียนจบ เมฆมงคลใช้เงินที่พ่อเขาฝากประจำไว้ให้ลงทุนทำธุรกิจร้านเฟอร์นิเจอร์ รับออกแบบและตกแต่งนอกสถานที่ ธุรกิจกำลังไปได้ดี แถมมีข่าวแว่วๆ ว่าเขาพบรักจนเก็บเงินซื้อบ้านเตรียมตัวแต่งงาน แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ได้ข่าวเรื่องการปิดกิจการของเมฆมงคลพร้อมยกเลิกแพลนงานแต่ง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อได้พักใหญ่ เขาเองแม้จะสนิทกันมาหลายปี แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกชีวิตส่วนตัวของเมฆมงคลเท่าไหร่นัก บ้านของเมฆมงคลที่เขารู้จักคือคอนโดหรูใจกลางเมืองที่เจ้าตัวบอกว่าพ่อซื้อให้ตอนเริ่มเรียนมัธยมปลายในเมืองหลวง เมฆมงคลไม่ค่อยพูดเรื่องครอบครัวนัก บอกเพียงแต่ว่าแม่ตายตั้งแต่ตอนเขาอยู่มัธยมต้น เขาเป็นลูกคนเดียวของแม่ และพ่อรวยมาก
มหรรณพถอนหายใจอีกครั้งเมื่อมองสภาพของเพื่อนตอนนี้ เขาจำได้ดีว่า เมฆมงคลขึ้นชื่อลือชาเรื่องหน้าตาดีเป็นที่ชื่นชอบชองเพศตรงข้ามทั้งในคณะและนอกคณะ รูปร่างสูง ดูปราดเปรียวและแข็งแรงเพราะออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผมรองทรง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา แต่งกายสะอาดสะอ้านด้วยเสื้อผ้าชั้นดี ทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นเมฆมงคลโดดเด่นสะดุดตาสาวๆ เสมอเมื่อเขาปรากฏตัวตามงานพบปะสังสรรค์...การกลับมาครั้งนี้ของเมฆมงคลแม้จะเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก แต่ก็ยังคงเรียกเสียงกรี๊ดได้เหมือนเดิม แต่ให้ตายอย่างไรมหรรณพก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม
“เอาเถอะๆ แกสนุกฉันก็ดีใจ...ว่าแต่ให้ฉันถามแกหน่อยเถอะ เอาตรง ๆ เลยนะ...แกเป็นไงบ้างหลังธุรกิจล่ม?” ตัดสินใจถามไปแล้วมหรรณพก็รอลุ้นคำตอบด้วยใจระทึก ก่อนหน้านั้นเมฆมงคลเป็นคนตรง จริงใจเพียงใดเขารู้ดี แต่ ณ ขณะนี้เขาไม่มั่นใจนัก ดูจากสายตาขวางๆ ยามเหลือบมองและรอยยกยิ้มราวเยาะหยันบนเรียวปากใต้แผงหนวดนั่นยิ่งทำให้เขาหวั่นใจ...เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจว่าเขารู้จักเพื่อนคนนี้ดีจริงหรือไม่
“ฉันโอเคว่ะ จริงๆ มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะ” เมฆมงคลตอบกลั้วยิ้ม เห็นคนฟังได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกกับปฏิกิริยาของเขาก็ยิ่งยิ้มกว้าง
“ฉันติดต่อแกไป แกก็ไม่ค่อยตอบ” มหรรณพเอ่ย
“เฮ้ย ช่วงล่มจมใครมันจะไปมีกะจิตกะใจจะพบปะใครวะ!” ชายหนุ่มบอกกลั้วหัวเราะ ตบไหล่เพื่อนเบาๆ “ขอบใจที่นายห่วงฉันว่ะ แต่ตอนนั้นมันอยากอยู่คนเดียว คิดอะไรคนเดียวเงียบๆ มากกว่า”
“แล้วตอนนี้ล่ะ? ยังอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวอีกไหม?” มหรรณพถามเย้ายิ้มๆ พยักพเยิดไปยังอีกฟากของห้องจัดงาน เมฆมงคลมองตามจึงเห็นว่ามีกลุ่มหญิงสาวกำลังยืนคุยกัน และมักจะมองมายังจุดที่เขานั่งอยู่บ่อยครั้งก่อนหันกลับไปหัวเราะคิกคัก แม้จะร้างงานสังสรรค์ไปนาน แต่ชายหนุ่มก็ดูดออกว่าสายตาของหญิงสาวหลายคน...ทอดสะพานและ...เชิญชวน
“ฉันไม่ค่อยคุ้นหน้าคนในงานเลยว่ะ หรร...ไหนนายว่างานเลี้ยงรุ่นไงวะ? เห็นมีเพื่อนเอกเราห้องเราอยู่ไม่กี่คน” เมฆมงคลเปลี่ยนเรื่องคุย
“อ๋อ...ฉันเชิญเพื่อนรุ่นเราเอกอื่นด้วย คนละคณะก็มีนะ คือแบบว่าฉันกลัวคนมางานน้อยไป แกก็รู้ว่าช่วงสงกรานต์เขานิยมออกต่างจังหวัดกันรวมตัวยาก ที่มาอยู่วันนี้ก็ไม่ได้หนึ่งในสี่ของบัตรเชิญฉันเลยนะเว้ย!” มหรรณพบอกจริงจัง แต่คนฟังคิดตามแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า...ขนาดไม่ได้หนึ่งในสี่คนมาร่วมงานก็แทบจะไหล่ชนกัน เขาไม่อยากจะคิดว่าถ้าเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ของบัตรเชิญแล้ว สนามฟุตบอลจะเพียงพอหรือไม่
“มิน่าล่ะ ฉันไม่คุ้นหน้าผู้หญิงสักคน” เมฆมงคลเอ่ยเบาๆ
“พวกรุ่นน้องรุ่นหลาน รุ่นเหลนรหัสเราฉันก็เชิญนะ...คือพวกเพื่อนผู้ชายมันขอร้องมาว่าให้เชิญผู้หญิงเยอะหน่อย...แบบว่าเผื่อฟลุ้คมีคนปลูกต้นรักได้ในงานนี้น่ะ...สองต่อๆ” พูดจบเขาก็หัวเราะชอบใจก่อนหันมาถามต่อ “ว่าแต่นายเถอะ โสดไม่สดหรือปลดสถานะแล้ว?”
“ฉันยังไม่อยากมีโซ่ล่ามคอว่ะ” เมฆมงคลตอบเรียบๆ แววตาหม่นแสงลงพลอยทำให้มหรรณพรู้สึกตัวว่าเรื่องราวที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านั้นมีมูลความจริงไม่ใช่น้อย “แต่ถ้าชั่วคราวไม่ผูกมัดก็โอเคอยู่นะเว้ย!” เมฆมงคลเอ่ยต่อพร้อมหัวเราะชอบใจ แววหม่นหายไปจากดวงตาคงเหลือแต่ความเริงร่าแกมเจ้าเล่ห์
“ฉันว่าแล้ว อย่างแกน่ะเรอะจะทิ้งลายเดิม!” มหรรณพรับลูก เห็นเพื่อนยิ้มหัวได้เขาก็โล่งใจ “ฉันยังจำได้นะ สมัยเรียนแกน่ะมันหล่อเลือกได้ สาวๆ แวะมาแจกขนมจีบกันให้พรึ่บ ดีนะที่แกไม่จริงจังกับใครเป็นตัวเป็นตน ไม่งั้นเกิดศึกแย่งชิงกันทุกวันไม่เป็นอันเรียนแหงๆ” เขาเท้าความหลัง
“แต่เมื่อกี้พวกผู้หญิงเขาเห็นฉันแต่งตัวแบบนี้แล้วกรี๊ดนี่...หมายความว่าฉันถูกรังเกียจหรือเปล่าวะ? โลกมันเปลี่ยนบางทีฉันก็ตามไม่ทัน” เมฆมงคลถามกลั้วหัวเราะ
“กรี๊ดเพราะชอบน่ะสิไม่ว่า แกไม่รู้เหรอเดี๋ยวนี้เขามีสโลแกน ผู้หญิงชอบคนเลว แต่แต่งกับคนรวย...อย่างแกลุคนี้ผู้หญิงชอบ” มหรรณพบอกจริงจัง คนฟังขมวดคิ้วครุ่นคิด
“หมายความว่าฉันดูเลวในสายตาผู้หญิงงั้นสิ?” ถามอย่างสงสัยพร้อมยกมือขึ้นลูบหนวดเบาๆ
“เฮ่ย เขาไม่เรียกเลวหรอก มันฟังไม่เพราะ...อย่างแกน่ะ...” มหรรณพว่าพลางเอียงคอมองสำรวจเพื่อนอีกครั้ง “ภาษาสาวๆ เขาเรียกแบดบอย!”
“เออ! แตกต่างจากคำว่าเลวสุดขั้วเลยนะ!” เมฆมงคลว่ากลั้วหัวเราะ ส่ายหน้าอย่างระอา ขณะที่คนพูดหัวเราะชอบใจ “ถามแต่ฉันว่ามีพันธะหรือยัง แกละหรร เป็นไงบ้าง?”
“ฉันเหรอ? แกจะถามทำไมวะไอ้เมฆ แกกับฉันมันก็สไตล์เดียวกันล่ะวะ...รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน” มหรรณพตอบพลางไหวไหล่
“ไอ้ปลาไหลเอ๊ย!” เมฆมงคลว่าพลางโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจก่อนถามต่อ “ว่าแต่นายทำอะไรอยู่วะตอนนี้?”
“ฉันเหรอ? ตอนนี้รับช่วงต่อร้านพ่อว่ะ แกแก่แล้วแต่ไม่อยากทิ้งร้าน” เมฆมงคลเบิกตามองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อ
“โม้น่าไอ้หรร! แกบ่นตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลาย ว่าโคตรเกลียดร้านขายสังฆภัณฑ์ของพ่อแก!”
“เออ นั่นแหละ...ถึงมีคำโบราณว่าไว้ไง เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น” มหรรณพบอกเสียงเนือย “จริงๆ จะว่าเกลียดก็ไม่ใช่หรอกว่ะ ฉันแค่อายตอนขายของ แหม...ก็ตอนนั้นมันวัยรุ่น แตกเนื้อหนุ่มกำลังเริ่มหล่อ สาวๆ มาเจอตอนกำลังขายดอกไม้จันทน์...เท่ตายเลย!” เขาว่ากลั้วหัวเราะ “แต่ตอนนี้ฉันชอบนะเว้ย ให้โฆษณาตอนนี้ยังได้...อย่าลืมนะไอ้เมฆ งานบวช งานเบียด ขึ้นบ้านใหม่ ไล่ผี มีงานศพ ร้านฉันมีครบวงจร!” เมฆมงคลได้แต่อ้าปากค้าง
“เดี๋ยวๆ ไอ้งานบวช ขึ้นบ้านใหม่ หรืองานศพนี่ฉันพอเข้าใจ แต่ไอ้งานเบียดกับงานไล่ผีนี่ไม่เข้าใจว่ะ?”
“อ๋อ...จ๊อบพิเศษฉันเอง ออกแบบการ์ดแต่งงาน รับทำของชำร่วย ส่วนเรื่องไล่ผีฉันมีข้อผูกพันอยู่กับหมอผีว่ะเลยต้องรับงานให้ด้วย” มหรรณพบอกกลั้วหัวเราะ ยามเอ่ยถึง ‘หมอผี’ ดวงตาฉายแววประหลาด เมฆมงคลได้แต่มองอย่างทึ่งๆ “แกอย่าลืมล่ะ คิดอยากแต่งงานเมื่อไหร่ติดต่อฉัน รับรองโดยเฉพาะงานแกฉันจะจัดให้แบบครบวงจร เอาให้ลืมไม่ลงกันเลยทีเดียว!”
“แกไม่ได้กินเงินฉันหรอก...ฉันจะไม่มีวันแต่งงานหรือหาใครมาผูกมัดตัวเองอีกเด็ดขาด!” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม คนฟังยังหัวเราะเมื่อหรี่ตามอง
“เฮ่ย อย่ารับรองแข็งขันอย่างนี้สิเพื่อน อนาคตไม่แน่ไม่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้...เอ๊ะ...หมอแม่นแฮะ?” ท้ายประโยคเขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“สำหรับฉันค่อนข้างแน่นอนว่ะ...เข็ดแล้วเรื่องแต่งงาน ฉันว่ามันเหมือนโซ่ที่มองไม่เห็นล่ามเราไว้ตลอดชีวิต...ขอใช้สโลแกนรักสนุกไม่ผูกพันดีกว่า” เมฆมงคลบอกอย่างมั่นใจ มหรรณพมองสีหน้ามุ่งมั่นของเพื่อนอย่างครุ่นคิดก่อนยกมือข้างหนึ่งวางบนไหล่
“ฟังฉันไอ้เพื่อน...ก่อนฉันมางาน หมอผีทำนายว่าฉันจะเจอเพื่อนเก่าที่เข็ดขยาดเรื่องชีวิตคู่ แต่เพื่อนเก่าคนนี้จะเป็นคนมาใช้บริการงานแต่งครบวงจรเป็นรายแรกของฉัน ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อหรอก เพราะหมอชอบทำนายมั่วๆ แต่พอเจอนายนี่ฉันชักเขวว่ะ...เอาเป็นว่าฉันจะรอรับความช่วยเหลือเรื่องงานแต่งนายก็แล้วกันนะ...ฟันธง!”
“งั้นก็รอเก้อไปเถอะแก สำหรับฉันบอกได้แค่ ไม่-มี-ทาง!” เขาลงเสียงเขหนักแถมพร้อมด้วยแววตามุ่งมั่น
“เออๆ เอาเป็นว่าฉันจะรอทางที่แกจะเดินมาหาฉันก็แล้วกัน” มหรรณพเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ว่าแต่นายเถอะตอนนี้ทำงานทำการอะไรอยู่วะ? หรืออยู่ให้พ่อเลี้ยง?” เขาถามเย้าเพราะรู้ดีว่าพอของเมฆมงคลมีฐานะดีเข้าขั้นมหาเศรษฐี แทนคำตอบเมฆมงคลลุกขึ้นยืน ใช้นิ้วโป้งเกี่ยวเข็มขัดผ้าขาวม้าเชิดหน้าพร้อมถาม
“แกเห็นชุดฉันไหมล่ะ” เขาถาม
“เออเห็น ตาไม่บอด...ทำไม? ชุดคอสเพลย์ชาวนาของแกเกี่ยวอะไรกับงานของแก?...เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่าแกเปลี่ยนแนวไปออกแบบเสื้อผ้าน่ะ?!” มหรรณพเสียงตื่น
“ไอ้บ้า พูดออกมาคิดบ้างหรือเปล่า น้ำหน้าอย่างฉันนี่นะจะมีปัญญาออกแบบเสื้อผ้า งานละเอียดอ่อนแบบนั้นเหมาะกับฉันตายล่ะ!” เมฆมงคลว่าเสียงสะบัด “แกเห็นชุดฉันแล้วคิดถึงอะไรล่ะ?” เขาถามต่อ แววตาอมยิ้มเจ้าเล่ห์มองเพื่อนซึ่งเริ่มครุ่นคิดหลังฟังคำถาม
“ชุดอย่างนี้...คอสเพลย์ชาวนา...ทำนา? แกทำนาเหรอ?” ชายหนุ่มถามอย่างไม่แน่ใจ แล้วก็แทบพลัดตกเก้าอี้เมื่ออีกฝ่ายยกมือกอดอกเชิดหน้าจนปลายคางตั้งฉาก ก่อนจะประกาศเสียงดังอย่างภาคภูมิใจจนหลายคนต้องหยุดฟัง
“เออ! ฉันนี่แหละ ทำนา!!”
จบตอน เมฆสีเทา
หลังฉาก #1
เมฆ : นี่ๆ ป้าที่เขียนเรื่องนี้น่ะ
รัมย์ : อะไรยะ! เรียกป้าเดี๋ยวปั๊ดเขียนให้พิการซะเลย! อยากเปลี่ยนโหมดเล่นเรื่องดราม่าหรือยะ! เรียกพี่สิยะ พี่!!!
เมฆ : ครับ ๆ พี่ก็ได้ครับป้า...เอ๊ย...พี่ครับๆ
รัมย์ : เออ ว่าไง
เมฆ : คือผมอยากถามว่าผมเป็นพระเอกเรื่องนี้ใช่ไหม?
รัมย์ : อยากเป็นปะล่ะ?
เมฆ : ไอ้อยากมันก็อยากแหละ...แต่ทำไมจากหนุ่มหล่อใสสไตล์เกาหลี ตาลปัตรเป็นจรกาอย่างนั้นละคร้าบ
พี่ พระเอกส่วนใหญ่ที่หล่อรวยดูไฮโซเขาก็หล่อเข้มใส่สูทโก้เก๋อะไรอย่างนี้...แล้วดูผมดิ เปิดตัวมาก็
หนวดเฟิ้ม เสื้อม่อฮ่อมงี้ แถมทำนาอีก...พี่...พ่อผมรวยนะ...
รัมย์ : แล้วไง?
เมฆ : ขอผมเหมือนพระเอกทั่วไปได้ไหม? แบบ หล่อไฮโซ โก้ ขับรถหรู ดูดี ไปเรียนเมืองนอกด้วย
รัมย์ : งั้นแกเป็นพระรองก็แล้วกัน เดี๋ยวให้ไอ้หรรเป็นพระเอกแทน มันบอกรับได้ทุกบทไม่เรื่องมากด้วย
เมฆ : อ้าว...ไหงงั้นล่ะพี่! เพิ่งออกอากาศได้ตอนเดียวจะปลดกันดื้อๆ งี้เลยเรอะ?!
รัมย์ : ช่วยไม่ได้ เรื่องมากเองนี่
เมฆ : เอาๆ ตามใจพี่ละกัน จะให้ผมซกมกแค่ไหนก็จัดไป อย่าเพิ่งปลดผมละกัน ยังไม่ได้เจอนางเอกเลย
รัมย์ : เออ มันก็ต้องเป็นงั้นแหละ ว่าง่ายๆ จะได้เลี้ยงควายตัวใหญ่ๆ
เมฆ : ฟังแปลก ๆ นะพี่?
รัมย์ : ช่างมันเถอะ...ไปเตรียมตัวเล่นตอนต่อไปได้แล้ว!
เมฆ : คร้าบบบบบบบบ
....
รัมย์ : ช้าอะไรอยู่คะคุณคนน่ารักที่อ่านจบแล้วน่ะ...เม้นหน่อยสิตะเอง เค้ารอนะ อุงิ้ววววววววว
1
เมฆสีเทา
เทศกาลสงกรานต์ถือว่าเป็นเทศกาลแห่งการรวมญาติ มีวันครอบครัวแทรกอยู่ในเทศกาลนี้ด้วย ลูกหลานว่านเครือที่กระจัดกระจายทั่วสารทิศยึดเอาเทศกาลนี้ดึงดูดให้กลับมาเยือนถิ่น เพราะมีวันหยุดยาวซึ่งบางครั้งรัฐบาลก็ใจดีหยุดต่อเนื่องเกือบครบสัปดาห์ นอกจากการรวมตัวกันของครอบครัวแล้ว การรวมกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนไม่ว่าจะเป็นประถม มัธยม หรืออุดมศึกษาก็มักอาศัยใบบุญของเทศกาลนี้รวมสมาชิกพบปะสังสรรค์ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
โดยภาพรวมแล้วถือได้ว่าเป็นเทศกาลแห่งความสนุก อบอวลไปด้วยความสุขเจือเคล้าไปด้วยความอบอุ่นจนร้อนอ้าว ทว่า...ในความสุขเหล่านั้นก็ยังมีบางกลุ่ม บางคนปลีกวิเวกแยกตัวออกมาจากกลิ่นอายแห่งความสนุกสนาน ผลักตัวเองเข้าสู่มุมเงียบเหงา เศร้า และวังเวง
ใครคนนั้นอาจเพิ่งผ่านพ้นมรสุมชีวิต เช่น บ้านถูกยึด ธุรกิจที่ลงทุนลงแรงถูกคนไว้ใจใกล้ชิดหักหลังขาดทุนย่อยยับ ผู้หญิงที่วาดฝันอนาคตไว้ร่วมกันบอกเลิกด้วยเหตุผลชวนอ้าปากค้าง ตั้งใจดื่มหล้าย้อมใจก็คว้าขวดผิดไปหยิบขวดเหล้าที่คนพิเรนทร์ฉี่ทิ้งใส่ขวดไว้ โซเซไปหาข้าวกินก็เจออาหารเป็นพิษ ไข้ขึ้นต้องตั้งนาฬิกาปลุกเช็ดตัวเอง กินยาเอง เพื่อนชวนไปงานเลี้ยงรุ่นก็ไม่กล้าไปเพราะความรู้สึกอับอายหลายประการ...ทุกข้อที่ยกตัวอย่างมาถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเหมารวมทุกอาการไว้ไม่แบ่งใคร ชายหนุ่มที่จมอยู่กับทุกข์ระทมทั้งหลายนั้นมีนามว่า...เมฆมงคล
ห้าปีผ่านไปแล้ว...เร็วยิ่งกว่านกระพือปีกในละครโทรทัศน์
งานเลี้ยงรุ่นมหาวิทยาลัยชื่อดังของเมืองหลวงเวียนกลับมาอีกครั้ง ปีนี้ชายหนุ่มที่เคยจมกับกองทุกข์เมื่อห้าปีที่แล้วตอบรับคำเชิญของเพื่อนผู้ประสานงานโดยไม่อิดออด สร้างความประหลาดใจให้เหล่าเพื่อนเป็นอย่างยิ่ง เขาเคยเป็นดาวคณะที่แสนเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติมาก่อนจึงไม่น่าแปลกถ้าเฟสบุ้คของกลุ่มจะถล่มทลายด้วยข่าวการมาร่วมงานของเขา เรียกได้ว่าเป็นสีสันของงานที่ทุกคนต่างรอคอยกันเลยทีเดียว
...และในเวลาเย็นย่ำของวันนี้...ตอนนี้...
ชายหนุ่มตัวสูงในชุดเสื้อม่อฮ่อมแขนสั้นสีน้ำเงินเข้ม หยิบผ้าขาวม้าที่พาดบ่าไว้ย้ายมาผูกเอวอย่างกระฉับกระเฉง ก้มลงสำรวจกางเกงยีนส์สีดำซีดและรองเท้าผ้าใบสีส้มสดก่อนเงยหน้ามองไปยังห้องอาหารหรูหราเบื้องหน้าด้วยประกายตาวาดหวัง มือหนาใหญ่ยกขึ้นเสยผมยาวเคลียไหล่ไปรวบลวกๆ มือควานกระเป๋ากางเกงเจอหนังยางรัดถุงแกงหลายเส้นจึงหยิบมามัดผมยาวน่ารำคาญเป็นกระจุกเล็กๆ มือจัดการกับผมเรียบร้อยก็ย้ายมาลูบหนวดเครารุงรัง ยกมุมปากเล็กน้อยอย่างพึงใจกับรอยสัมผัสสากระคายนั้น ประกายตามุ่งมั่น เจ้าเล่ห์เหลือบอ่านแผ่นป้ายหน้างานเพื่อความมั่นใจ
“เขียวเหลืองแดงทอง พี่น้องรวมใจ”
ชายหนุ่มยืนหน้าป้าย อ่านทวนราวมันเป็นตัวอักษรไม่รู้จักจบจักสิ้น บริกรชายในชุดสูทผูกหูกระต่ายดูเรียบหรูเข้ากับการตกแต่งร้านจ้องเขม็งมายังคนเหมือนมาจากนอกเมืองอย่างจับผิดอยู่ในที เมื่อเห็นการแต่งกาย รูปร่าง หน้าตา ดูอย่างไรก็ไม่ไฮโซ บริกรหนุ่มจึงเดินตรงปรี่หมายไถ่ถามให้รู้ความ
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณมางานอะไรครับ?” คำถามแสนสุภาพ ทว่าน้ำเสียงกลับห้วนไร้ความเป็นมิตร ซ้ำสายตาดูถูกชัดเจน คนถูกถามยกมือลูบเคราระคายมือ ยิ้มจนหนวดเขยื้อนก่อนชี้ป้าย
“งานนี้แหละน้องชาย ช่วยพาพี่เข้าไปหน่อย” บริกรหนุ่มกวาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าคนพูด พลางเอ่ยต่อ
“งานนี้ต้องมีบัตรเชิญนะครับ ไม่ทราบคุณมีหรือเปล่าครับ?” เขาถาม มีแววยิ้มเยาะคล้ายรู้ทันเมื่อเห็นชายหนุ่มเครางามทำท่าครุ่นคิด มือป่ายเปะปะล้วงกระเป๋าจ้าละหวั่น ก่อนหยิบบัตรเชิญสีทองค่อนข้างยับออกมาจากระเป๋ากางเกงด้านหลังยื่นส่งให้
“อันนี้ใช่ไหมน้องชาย?” บริกรหนุ่มหุบยิ้มหยิบบัตรเชิญสีทองไปพลิกหน้าหลังดูราวกับหาลายน้ำจากธนบัตรปลอม ก่อนพยักหน้าและผายมือเชื้อเชิญเมื่อไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมบนบัตรเชิญนั้นนอกจากชื่อบนบัตรเชิญ
“เชิญครับ” คนถูกเชิญยืดอก ใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างเกี่ยวผ้าขาวม้าคาดพุงเดินส่ายอาดๆ เข้างาน
ประตูไม้แกะสลักถูกผลักเปิดกว้าง แสงไฟสว่างนวลเปิดผ่านรอยแยกที่ค่อยๆ ขยายวงกว้าง ชายหนุ่มส่งสายตากวาดมองไปยังห้องโถงหรูหราเบื้องหน้า ชายหนุ่มหญิงสาวหน้าตายิ้มย่องผ่องใส ล้วนใส่ชุดหรูหราสวยงาม บ้างใส่สูทผ้าเนื้อดี บ้างใส่ชุดเดรสกรุยกราย เสื้อผ้าหน้าผมราวกับหลุดออกมาจากนิตยสาร รอยยิ้มผุดพรายใต้เรียวหนวด หลายคนในงานเริ่มหันมามองเขายิ่งทำให้ประกายวาววามในดวงตาเจ้าเล่ห์เพิ่มขึ้น
เสียงพูดคุยเริ่มเลือนหายไปเมื่อคนในงานเริ่มสะกิดกันมองผู้มาใหม่ ความเงียบเกิดขึ้นเหลือเพียงเสียงดนตรีคลอแผ่วเบา สักพักเสียงซุบซิบก็เริ่มขึ้นใหม่โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ชายหนุ่มในชุดเสื้อม่อฮ่อม กางเกงสีซีดรองเท้าสีแสบตา ผูกคาดเอวด้วยผ้าขาวม้า นิ้วโป้งเกี่ยวอยู่กับผ้าขาวม้าเชิดหน้ากวาดตามองรอบงานอย่างไม่หวั่นเกรงสายตางุนงงสงสัยเจือปนการดูแคลนของหลายคน ชายหนุ่มผอมสูงในชุดสูทสีน้ำเงิน ผูกหูกระต่าย เดินตรงมายังผู้มาใหม่ สีหน้าของเขาแม้ยังงุนงงสงสัยไม่แพ้คนในงาน แต่ก็ดูเป็นมิตรกว่าอีกหลายคน
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณมาผิดงานหรือเปล่าครับ?”
“คิดว่าไม่น่าจะผิดนะ” หนุ่มหน้าหนวดตอบยิ้มๆ “ตะกี้ยื่นบัตรเชิญให้คนหน้างานเขาก็ปล่อยให้เข้ามา...บัตรเชิญที่แกส่งให้ฉันทางไปรษณีย์ไงวะ ไอ้หรร!!” ท้ายประโยคยกมือตบไหล่ชายหนุ่มตรงหน้าหนักแน่นจนอีกฝ่ายแทบคะมำ แถมด้วยการหัวเราะจนเห็นไรฟันขาวทะลุหนวด คนถูกทักทายอ้าปากค้างก่อนยกมือขึ้นชี้อย่างตื่นๆ
“คุณ? นาย? แก...ไอ้เมฆ?!” ตะกุกตะกักก่อนตะโกน เมื่อเห็นหนุ่มหน้าหนวดยกมือกอดอก ยืดคอเชิดหน้า เขาก็ยิ่งมั่นใจการคาดเดาของตัวเอง “เฮ้ย! นี่แกจริงๆ หรือนี่?! ทำไมมันเปลี่ยนได้ขนาดนี้วะเนี่ย? เฮ้ย! ทุกคน นายเมฆมงคลที่เฝ้ารอกัน มาแล้วโว้ย!” ท้ายประโยคเขาตะโกนเริงร่า เสียงฮือฮาเกิดขึ้นทันที หลายคนเดินตรงมายังจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
เมฆมงคลมองตามความเคลื่อนไหวเหล่านั้น เขาเห็นความตื่นเต้น การพุ่งตรงมายังเขาเป็นจุดเดียวก็ยิ่งทำให้เขาหัวเราะอย่างพึงใจ...การตัดสินใจหวนคืนวงบันเทิงใจของเขาครั้งนี้ เริ่มต้นดีทีเดียว ชายหนุ่มคิด
เมฆมงคลใช้เวลากับการตอบคำถามสารทุกข์สุกดิบแบบคร่าวๆ จากกลุ่มเพื่อนสมัยเรียน กว่าเขาจะผละออกจากลุ่มได้ก็ต้องเรียกหาเครื่องดื่มแก้กระหายกันยกใหญ่ มหรรณพ โต้โผจัดงานครั้งนี้เป็นคล้ายผู้จัดการส่วนตัวแหวกวงล้อมเพื่อนหนุ่มเพื่อนสาวพาหนุ่มหน้าหนวดมานั่งพักมุมสงบของห้อง หลังจากปรนนิบัติพัดวีจนเห็นว่าเพื่อนหายเหนื่อยแล้ว เขาก็ยิงคำถาม
“ถามจริงๆ ว่ะไอ้เมฆ...นี่แกจริงหรือเปล่าวะ?” เมฆมงคลเหลือบมองพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ยักคิ้วกวนอารมณ์ส่งให้
“แล้วฉันเหมือนตัวปลอมตรงไหนวะ?” เขาถามกลับหลังวางแก้วเครื่องดื่ม มหรรณพกวาดตามองชี้นิ้วไปยังเครื่องแต่งกายคนพูด
“ก็นี่ไง ชุดอะไรของแกวะ? แล้ว...หนวดเฟิ้มรุงรังนี่อีก แถมผมกระเซิงเป็นรังนกอย่างนี้? นี่มันอดีตดาวคณะจริงหรือเปล่าเนี่ย?!”
“มันก็แค่เปลือกเท่านั้นแหละว้า” เมฆมงคลบอกกลั้วหัวเราะ “แกก็คิดเสียว่าฉันแต่งคอสเพลย์ก็แล้วกัน”
“แล้วนี่แกแต่งคอสเพลย์อะไร?” มหรรณพถามเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ชาวนา” เมฆมงคลตอบพร้อมยักคิ้วอีกครั้ง คนฟังได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า จะว่าไปเขาก็คุ้นชินกับนิสัยขี้เล่นของเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัยต่างแยกย้ายกันไปทำงานถึงได้เริ่มห่าง ๆ กันบ้าง แต่ก็ยังมีถามไถ่ข่าวคราว มีงานพบปะสังสรรค์บ่อยครั้ง ข่าวคราวของเพื่อนหนุ่มเริ่มหายไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน ครั้งล่าสุดที่เขารู้คือข่าวธุรกิจของเมฆมงคลล้มไม่เป็นท่า เขาพยายามหาทางติดต่อเพื่อถามไถ่ แต่เพื่อนหนุ่มก็ไม่ยอมบอกอะไรซ้ำยังขออยู่เงียบๆ ทำให้เขาได้แต่ถอยมารอฟังข่าวอยู่ห่างๆ
มหรรณพจำได้ว่าหลังเรียนจบ เมฆมงคลใช้เงินที่พ่อเขาฝากประจำไว้ให้ลงทุนทำธุรกิจร้านเฟอร์นิเจอร์ รับออกแบบและตกแต่งนอกสถานที่ ธุรกิจกำลังไปได้ดี แถมมีข่าวแว่วๆ ว่าเขาพบรักจนเก็บเงินซื้อบ้านเตรียมตัวแต่งงาน แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ได้ข่าวเรื่องการปิดกิจการของเมฆมงคลพร้อมยกเลิกแพลนงานแต่ง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อได้พักใหญ่ เขาเองแม้จะสนิทกันมาหลายปี แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกชีวิตส่วนตัวของเมฆมงคลเท่าไหร่นัก บ้านของเมฆมงคลที่เขารู้จักคือคอนโดหรูใจกลางเมืองที่เจ้าตัวบอกว่าพ่อซื้อให้ตอนเริ่มเรียนมัธยมปลายในเมืองหลวง เมฆมงคลไม่ค่อยพูดเรื่องครอบครัวนัก บอกเพียงแต่ว่าแม่ตายตั้งแต่ตอนเขาอยู่มัธยมต้น เขาเป็นลูกคนเดียวของแม่ และพ่อรวยมาก
มหรรณพถอนหายใจอีกครั้งเมื่อมองสภาพของเพื่อนตอนนี้ เขาจำได้ดีว่า เมฆมงคลขึ้นชื่อลือชาเรื่องหน้าตาดีเป็นที่ชื่นชอบชองเพศตรงข้ามทั้งในคณะและนอกคณะ รูปร่างสูง ดูปราดเปรียวและแข็งแรงเพราะออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผมรองทรง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา แต่งกายสะอาดสะอ้านด้วยเสื้อผ้าชั้นดี ทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นเมฆมงคลโดดเด่นสะดุดตาสาวๆ เสมอเมื่อเขาปรากฏตัวตามงานพบปะสังสรรค์...การกลับมาครั้งนี้ของเมฆมงคลแม้จะเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก แต่ก็ยังคงเรียกเสียงกรี๊ดได้เหมือนเดิม แต่ให้ตายอย่างไรมหรรณพก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม
“เอาเถอะๆ แกสนุกฉันก็ดีใจ...ว่าแต่ให้ฉันถามแกหน่อยเถอะ เอาตรง ๆ เลยนะ...แกเป็นไงบ้างหลังธุรกิจล่ม?” ตัดสินใจถามไปแล้วมหรรณพก็รอลุ้นคำตอบด้วยใจระทึก ก่อนหน้านั้นเมฆมงคลเป็นคนตรง จริงใจเพียงใดเขารู้ดี แต่ ณ ขณะนี้เขาไม่มั่นใจนัก ดูจากสายตาขวางๆ ยามเหลือบมองและรอยยกยิ้มราวเยาะหยันบนเรียวปากใต้แผงหนวดนั่นยิ่งทำให้เขาหวั่นใจ...เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจว่าเขารู้จักเพื่อนคนนี้ดีจริงหรือไม่
“ฉันโอเคว่ะ จริงๆ มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะ” เมฆมงคลตอบกลั้วยิ้ม เห็นคนฟังได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกกับปฏิกิริยาของเขาก็ยิ่งยิ้มกว้าง
“ฉันติดต่อแกไป แกก็ไม่ค่อยตอบ” มหรรณพเอ่ย
“เฮ้ย ช่วงล่มจมใครมันจะไปมีกะจิตกะใจจะพบปะใครวะ!” ชายหนุ่มบอกกลั้วหัวเราะ ตบไหล่เพื่อนเบาๆ “ขอบใจที่นายห่วงฉันว่ะ แต่ตอนนั้นมันอยากอยู่คนเดียว คิดอะไรคนเดียวเงียบๆ มากกว่า”
“แล้วตอนนี้ล่ะ? ยังอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวอีกไหม?” มหรรณพถามเย้ายิ้มๆ พยักพเยิดไปยังอีกฟากของห้องจัดงาน เมฆมงคลมองตามจึงเห็นว่ามีกลุ่มหญิงสาวกำลังยืนคุยกัน และมักจะมองมายังจุดที่เขานั่งอยู่บ่อยครั้งก่อนหันกลับไปหัวเราะคิกคัก แม้จะร้างงานสังสรรค์ไปนาน แต่ชายหนุ่มก็ดูดออกว่าสายตาของหญิงสาวหลายคน...ทอดสะพานและ...เชิญชวน
“ฉันไม่ค่อยคุ้นหน้าคนในงานเลยว่ะ หรร...ไหนนายว่างานเลี้ยงรุ่นไงวะ? เห็นมีเพื่อนเอกเราห้องเราอยู่ไม่กี่คน” เมฆมงคลเปลี่ยนเรื่องคุย
“อ๋อ...ฉันเชิญเพื่อนรุ่นเราเอกอื่นด้วย คนละคณะก็มีนะ คือแบบว่าฉันกลัวคนมางานน้อยไป แกก็รู้ว่าช่วงสงกรานต์เขานิยมออกต่างจังหวัดกันรวมตัวยาก ที่มาอยู่วันนี้ก็ไม่ได้หนึ่งในสี่ของบัตรเชิญฉันเลยนะเว้ย!” มหรรณพบอกจริงจัง แต่คนฟังคิดตามแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า...ขนาดไม่ได้หนึ่งในสี่คนมาร่วมงานก็แทบจะไหล่ชนกัน เขาไม่อยากจะคิดว่าถ้าเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ของบัตรเชิญแล้ว สนามฟุตบอลจะเพียงพอหรือไม่
“มิน่าล่ะ ฉันไม่คุ้นหน้าผู้หญิงสักคน” เมฆมงคลเอ่ยเบาๆ
“พวกรุ่นน้องรุ่นหลาน รุ่นเหลนรหัสเราฉันก็เชิญนะ...คือพวกเพื่อนผู้ชายมันขอร้องมาว่าให้เชิญผู้หญิงเยอะหน่อย...แบบว่าเผื่อฟลุ้คมีคนปลูกต้นรักได้ในงานนี้น่ะ...สองต่อๆ” พูดจบเขาก็หัวเราะชอบใจก่อนหันมาถามต่อ “ว่าแต่นายเถอะ โสดไม่สดหรือปลดสถานะแล้ว?”
“ฉันยังไม่อยากมีโซ่ล่ามคอว่ะ” เมฆมงคลตอบเรียบๆ แววตาหม่นแสงลงพลอยทำให้มหรรณพรู้สึกตัวว่าเรื่องราวที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านั้นมีมูลความจริงไม่ใช่น้อย “แต่ถ้าชั่วคราวไม่ผูกมัดก็โอเคอยู่นะเว้ย!” เมฆมงคลเอ่ยต่อพร้อมหัวเราะชอบใจ แววหม่นหายไปจากดวงตาคงเหลือแต่ความเริงร่าแกมเจ้าเล่ห์
“ฉันว่าแล้ว อย่างแกน่ะเรอะจะทิ้งลายเดิม!” มหรรณพรับลูก เห็นเพื่อนยิ้มหัวได้เขาก็โล่งใจ “ฉันยังจำได้นะ สมัยเรียนแกน่ะมันหล่อเลือกได้ สาวๆ แวะมาแจกขนมจีบกันให้พรึ่บ ดีนะที่แกไม่จริงจังกับใครเป็นตัวเป็นตน ไม่งั้นเกิดศึกแย่งชิงกันทุกวันไม่เป็นอันเรียนแหงๆ” เขาเท้าความหลัง
“แต่เมื่อกี้พวกผู้หญิงเขาเห็นฉันแต่งตัวแบบนี้แล้วกรี๊ดนี่...หมายความว่าฉันถูกรังเกียจหรือเปล่าวะ? โลกมันเปลี่ยนบางทีฉันก็ตามไม่ทัน” เมฆมงคลถามกลั้วหัวเราะ
“กรี๊ดเพราะชอบน่ะสิไม่ว่า แกไม่รู้เหรอเดี๋ยวนี้เขามีสโลแกน ผู้หญิงชอบคนเลว แต่แต่งกับคนรวย...อย่างแกลุคนี้ผู้หญิงชอบ” มหรรณพบอกจริงจัง คนฟังขมวดคิ้วครุ่นคิด
“หมายความว่าฉันดูเลวในสายตาผู้หญิงงั้นสิ?” ถามอย่างสงสัยพร้อมยกมือขึ้นลูบหนวดเบาๆ
“เฮ่ย เขาไม่เรียกเลวหรอก มันฟังไม่เพราะ...อย่างแกน่ะ...” มหรรณพว่าพลางเอียงคอมองสำรวจเพื่อนอีกครั้ง “ภาษาสาวๆ เขาเรียกแบดบอย!”
“เออ! แตกต่างจากคำว่าเลวสุดขั้วเลยนะ!” เมฆมงคลว่ากลั้วหัวเราะ ส่ายหน้าอย่างระอา ขณะที่คนพูดหัวเราะชอบใจ “ถามแต่ฉันว่ามีพันธะหรือยัง แกละหรร เป็นไงบ้าง?”
“ฉันเหรอ? แกจะถามทำไมวะไอ้เมฆ แกกับฉันมันก็สไตล์เดียวกันล่ะวะ...รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน” มหรรณพตอบพลางไหวไหล่
“ไอ้ปลาไหลเอ๊ย!” เมฆมงคลว่าพลางโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจก่อนถามต่อ “ว่าแต่นายทำอะไรอยู่วะตอนนี้?”
“ฉันเหรอ? ตอนนี้รับช่วงต่อร้านพ่อว่ะ แกแก่แล้วแต่ไม่อยากทิ้งร้าน” เมฆมงคลเบิกตามองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อ
“โม้น่าไอ้หรร! แกบ่นตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลาย ว่าโคตรเกลียดร้านขายสังฆภัณฑ์ของพ่อแก!”
“เออ นั่นแหละ...ถึงมีคำโบราณว่าไว้ไง เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น” มหรรณพบอกเสียงเนือย “จริงๆ จะว่าเกลียดก็ไม่ใช่หรอกว่ะ ฉันแค่อายตอนขายของ แหม...ก็ตอนนั้นมันวัยรุ่น แตกเนื้อหนุ่มกำลังเริ่มหล่อ สาวๆ มาเจอตอนกำลังขายดอกไม้จันทน์...เท่ตายเลย!” เขาว่ากลั้วหัวเราะ “แต่ตอนนี้ฉันชอบนะเว้ย ให้โฆษณาตอนนี้ยังได้...อย่าลืมนะไอ้เมฆ งานบวช งานเบียด ขึ้นบ้านใหม่ ไล่ผี มีงานศพ ร้านฉันมีครบวงจร!” เมฆมงคลได้แต่อ้าปากค้าง
“เดี๋ยวๆ ไอ้งานบวช ขึ้นบ้านใหม่ หรืองานศพนี่ฉันพอเข้าใจ แต่ไอ้งานเบียดกับงานไล่ผีนี่ไม่เข้าใจว่ะ?”
“อ๋อ...จ๊อบพิเศษฉันเอง ออกแบบการ์ดแต่งงาน รับทำของชำร่วย ส่วนเรื่องไล่ผีฉันมีข้อผูกพันอยู่กับหมอผีว่ะเลยต้องรับงานให้ด้วย” มหรรณพบอกกลั้วหัวเราะ ยามเอ่ยถึง ‘หมอผี’ ดวงตาฉายแววประหลาด เมฆมงคลได้แต่มองอย่างทึ่งๆ “แกอย่าลืมล่ะ คิดอยากแต่งงานเมื่อไหร่ติดต่อฉัน รับรองโดยเฉพาะงานแกฉันจะจัดให้แบบครบวงจร เอาให้ลืมไม่ลงกันเลยทีเดียว!”
“แกไม่ได้กินเงินฉันหรอก...ฉันจะไม่มีวันแต่งงานหรือหาใครมาผูกมัดตัวเองอีกเด็ดขาด!” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม คนฟังยังหัวเราะเมื่อหรี่ตามอง
“เฮ่ย อย่ารับรองแข็งขันอย่างนี้สิเพื่อน อนาคตไม่แน่ไม่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้...เอ๊ะ...หมอแม่นแฮะ?” ท้ายประโยคเขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“สำหรับฉันค่อนข้างแน่นอนว่ะ...เข็ดแล้วเรื่องแต่งงาน ฉันว่ามันเหมือนโซ่ที่มองไม่เห็นล่ามเราไว้ตลอดชีวิต...ขอใช้สโลแกนรักสนุกไม่ผูกพันดีกว่า” เมฆมงคลบอกอย่างมั่นใจ มหรรณพมองสีหน้ามุ่งมั่นของเพื่อนอย่างครุ่นคิดก่อนยกมือข้างหนึ่งวางบนไหล่
“ฟังฉันไอ้เพื่อน...ก่อนฉันมางาน หมอผีทำนายว่าฉันจะเจอเพื่อนเก่าที่เข็ดขยาดเรื่องชีวิตคู่ แต่เพื่อนเก่าคนนี้จะเป็นคนมาใช้บริการงานแต่งครบวงจรเป็นรายแรกของฉัน ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อหรอก เพราะหมอชอบทำนายมั่วๆ แต่พอเจอนายนี่ฉันชักเขวว่ะ...เอาเป็นว่าฉันจะรอรับความช่วยเหลือเรื่องงานแต่งนายก็แล้วกันนะ...ฟันธง!”
“งั้นก็รอเก้อไปเถอะแก สำหรับฉันบอกได้แค่ ไม่-มี-ทาง!” เขาลงเสียงเขหนักแถมพร้อมด้วยแววตามุ่งมั่น
“เออๆ เอาเป็นว่าฉันจะรอทางที่แกจะเดินมาหาฉันก็แล้วกัน” มหรรณพเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ว่าแต่นายเถอะตอนนี้ทำงานทำการอะไรอยู่วะ? หรืออยู่ให้พ่อเลี้ยง?” เขาถามเย้าเพราะรู้ดีว่าพอของเมฆมงคลมีฐานะดีเข้าขั้นมหาเศรษฐี แทนคำตอบเมฆมงคลลุกขึ้นยืน ใช้นิ้วโป้งเกี่ยวเข็มขัดผ้าขาวม้าเชิดหน้าพร้อมถาม
“แกเห็นชุดฉันไหมล่ะ” เขาถาม
“เออเห็น ตาไม่บอด...ทำไม? ชุดคอสเพลย์ชาวนาของแกเกี่ยวอะไรกับงานของแก?...เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่าแกเปลี่ยนแนวไปออกแบบเสื้อผ้าน่ะ?!” มหรรณพเสียงตื่น
“ไอ้บ้า พูดออกมาคิดบ้างหรือเปล่า น้ำหน้าอย่างฉันนี่นะจะมีปัญญาออกแบบเสื้อผ้า งานละเอียดอ่อนแบบนั้นเหมาะกับฉันตายล่ะ!” เมฆมงคลว่าเสียงสะบัด “แกเห็นชุดฉันแล้วคิดถึงอะไรล่ะ?” เขาถามต่อ แววตาอมยิ้มเจ้าเล่ห์มองเพื่อนซึ่งเริ่มครุ่นคิดหลังฟังคำถาม
“ชุดอย่างนี้...คอสเพลย์ชาวนา...ทำนา? แกทำนาเหรอ?” ชายหนุ่มถามอย่างไม่แน่ใจ แล้วก็แทบพลัดตกเก้าอี้เมื่ออีกฝ่ายยกมือกอดอกเชิดหน้าจนปลายคางตั้งฉาก ก่อนจะประกาศเสียงดังอย่างภาคภูมิใจจนหลายคนต้องหยุดฟัง
“เออ! ฉันนี่แหละ ทำนา!!”
จบตอน เมฆสีเทา
หลังฉาก #1
เมฆ : นี่ๆ ป้าที่เขียนเรื่องนี้น่ะ
รัมย์ : อะไรยะ! เรียกป้าเดี๋ยวปั๊ดเขียนให้พิการซะเลย! อยากเปลี่ยนโหมดเล่นเรื่องดราม่าหรือยะ! เรียกพี่สิยะ พี่!!!
เมฆ : ครับ ๆ พี่ก็ได้ครับป้า...เอ๊ย...พี่ครับๆ
รัมย์ : เออ ว่าไง
เมฆ : คือผมอยากถามว่าผมเป็นพระเอกเรื่องนี้ใช่ไหม?
รัมย์ : อยากเป็นปะล่ะ?
เมฆ : ไอ้อยากมันก็อยากแหละ...แต่ทำไมจากหนุ่มหล่อใสสไตล์เกาหลี ตาลปัตรเป็นจรกาอย่างนั้นละคร้าบ
พี่ พระเอกส่วนใหญ่ที่หล่อรวยดูไฮโซเขาก็หล่อเข้มใส่สูทโก้เก๋อะไรอย่างนี้...แล้วดูผมดิ เปิดตัวมาก็
หนวดเฟิ้ม เสื้อม่อฮ่อมงี้ แถมทำนาอีก...พี่...พ่อผมรวยนะ...
รัมย์ : แล้วไง?
เมฆ : ขอผมเหมือนพระเอกทั่วไปได้ไหม? แบบ หล่อไฮโซ โก้ ขับรถหรู ดูดี ไปเรียนเมืองนอกด้วย
รัมย์ : งั้นแกเป็นพระรองก็แล้วกัน เดี๋ยวให้ไอ้หรรเป็นพระเอกแทน มันบอกรับได้ทุกบทไม่เรื่องมากด้วย
เมฆ : อ้าว...ไหงงั้นล่ะพี่! เพิ่งออกอากาศได้ตอนเดียวจะปลดกันดื้อๆ งี้เลยเรอะ?!
รัมย์ : ช่วยไม่ได้ เรื่องมากเองนี่
เมฆ : เอาๆ ตามใจพี่ละกัน จะให้ผมซกมกแค่ไหนก็จัดไป อย่าเพิ่งปลดผมละกัน ยังไม่ได้เจอนางเอกเลย
รัมย์ : เออ มันก็ต้องเป็นงั้นแหละ ว่าง่ายๆ จะได้เลี้ยงควายตัวใหญ่ๆ
เมฆ : ฟังแปลก ๆ นะพี่?
รัมย์ : ช่างมันเถอะ...ไปเตรียมตัวเล่นตอนต่อไปได้แล้ว!
เมฆ : คร้าบบบบบบบบ
....
รัมย์ : ช้าอะไรอยู่คะคุณคนน่ารักที่อ่านจบแล้วน่ะ...เม้นหน่อยสิตะเอง เค้ารอนะ อุงิ้ววววววววว
รัมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 เม.ย. 2558, 13:05:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 เม.ย. 2558, 13:05:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 1413
คำขอร้อง >> |
รัมย์ 22 เม.ย. 2558, 13:06:28 น.
จ๊ะเอ๋!!!!
จ๊ะเอ๋!!!!
กาซะลองพลัดถิ่น 22 เม.ย. 2558, 15:41:00 น.
หายไปนานเลยนะคะ กลับมาแล้ว นายเมฆเปลี่ยนคาเรกเตอร์ด้วย
แต่นางเอกมีลูกติดท้องก่อนเลยเหรอคะ ...น่าสนใจติดตามคะ ติดตาม
หายไปนานเลยนะคะ กลับมาแล้ว นายเมฆเปลี่ยนคาเรกเตอร์ด้วย
แต่นางเอกมีลูกติดท้องก่อนเลยเหรอคะ ...น่าสนใจติดตามคะ ติดตาม
Pat 22 เม.ย. 2558, 19:16:05 น.
หายไปนานนนนนนนนนนนน
หายไปนานนนนนนนนนนนน
oolong 22 เม.ย. 2558, 21:53:19 น.
คุณรัมย์กลับมาแล้ว อย่าหายไปนานนักนะคะ
คุณรัมย์กลับมาแล้ว อย่าหายไปนานนักนะคะ
wanida 23 เม.ย. 2558, 02:43:41 น.
อยากจะกรี้ดดังให้หายดีใจ คุณรัม มาแล้นนนนนน อย่าหายไปอีกนะตะเอง คิดถึ้งงงงงง คิดถึงงงงงงงง
อยากจะกรี้ดดังให้หายดีใจ คุณรัม มาแล้นนนนนน อย่าหายไปอีกนะตะเอง คิดถึ้งงงงงง คิดถึงงงงงงงง
pp 23 เม.ย. 2558, 14:30:26 น.
หายไปซะนาน โผล่มาทีมีฮาเลยแฮะ ยั่งงี้ซิไม่ผิดตัวแน่นอน สำเนาถูกต้อง ฟันฉับ
หายไปซะนาน โผล่มาทีมีฮาเลยแฮะ ยั่งงี้ซิไม่ผิดตัวแน่นอน สำเนาถูกต้อง ฟันฉับ
nasa 23 เม.ย. 2558, 21:31:25 น.
ไม่รู้จะออกแนวไหนเลยเรืองนี้ พระเอกดูเจ้าเล่ห์มาก แล้วนางเอกอยู่ไหน
ไม่รู้จะออกแนวไหนเลยเรืองนี้ พระเอกดูเจ้าเล่ห์มาก แล้วนางเอกอยู่ไหน
หมูบูลิน 25 เม.ย. 2558, 05:23:39 น.
เย่ๆๆ คุณรัมย์ กลับมาแล้ว เป็นนักเขียนที่รอคอยอีกคนนึงเลยก็ว่าได้ อิอิ อย่าหายไปนานอีกนะค่ะ
เย่ๆๆ คุณรัมย์ กลับมาแล้ว เป็นนักเขียนที่รอคอยอีกคนนึงเลยก็ว่าได้ อิอิ อย่าหายไปนานอีกนะค่ะ