บ้านต้นรักษ์ (จบแล้วจ้า) รีไรท์
ก้อ...กอมารุน...ราชาแห่งท้องทะเลทราย
ปะทะกับ
นีล...นัจมุน...ราชินีแห่งท้องทุ่ง
เมื่อดวงจันทร์กับดวงดาวบนฟ้าต่างแข่งกันประจันแสง...
โดยมีต้นไม้ สายน้ำ และท้องทุ่ง เป็นตัวประกัน...
หมู่บ้านอันแสนสงบร่มเย็นอย่าง 'บ้านต้นรักษ์'
กำลังจะลุกเป็นไฟ
เมื่อสิ่งที่นักลงทุนอย่างเขาต้องการ
คือสิ่งเดียวกันกับที่หญิงสาวหวงแหนยิ่งชีพ
ทั้งๆที่เธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาหวงแหนในสิ่งที่ไม่ใช่
กรรมสิทธิ์ของตน!
การเชือดเฉือนจึงก่อกำเนิดในยุคแห่งวัตถุนิยม
ที่นายทุนเป็นใหญ่
ท่ามกลางสงครามอันร้อนระอุ
ระหว่าง
ราชาแห่งท้องทะเลทราย กับ ราชินีแห่งท้องทุ่ง
ที่อยู่ห่างกันราวคนละโลก ในชีวิตกันคนละแบบ
คิดอ่านกันคนละอย่าง...
เสียงเพรียกจากวันวาน จะกลับมาขับขาน
สะพานไม้หมากที่พาดข้ามฟากเชื่อมสองฝั่งคลอง
กำลังสั่นสะเทือน...เมื่อสะพานคอนกรีตจะเข้ามาแทนที่
สายสัมพันธ์ระหว่างคนกับต้นไม้กำลังจะพัดหวนคืน
...น้ำในลำธารใสสะอาดกับน้ำมันสีดำไม่อาจเข้ากันได้ฉันใด
เธอกับเขาก็ไม่อาจเข้ากันได้ฉันนั้น...
ไม่มีใครรู้ว่าระหว่าง ดวงจันทร์ดวงใหญ่แค่ดวงเดียวที่ลอยเด่น
อยู่บนฟ้ากับดวงดาวจำนวนมากมายนับล้าน
มีความเป็นมาอย่างไร...
เว้นแต่ต้นไม้ที่ผ่านกาลเวลาโดยไม่เคยหนีหายไปไหนเท่านั้น
ที่จะไขปริศนานี้...
ต้นไม้ที่ยืนผงาดอย่างอดทนผ่านร้อนหนาว
ผ่านฤดูกาลมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีใครเคยได้ยินเสียงบ่น
ต้นไม้ที่เหมือนจะไม่รับรู้สิ่งใด...
หากทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเป็นไปกลับกลายเป็นส่วนหนึ่ง
ความรักความประทับใจและความผูกพันธ์ถูกบันทึกไว้ใต้ต้นไม้
หยั่งรากลึกลงในดิน หยั่งลึกลงในจิตใจ...
มีค่า มีความหมาย...นานเท่านาน...
ปะทะกับ
นีล...นัจมุน...ราชินีแห่งท้องทุ่ง
เมื่อดวงจันทร์กับดวงดาวบนฟ้าต่างแข่งกันประจันแสง...
โดยมีต้นไม้ สายน้ำ และท้องทุ่ง เป็นตัวประกัน...
หมู่บ้านอันแสนสงบร่มเย็นอย่าง 'บ้านต้นรักษ์'
กำลังจะลุกเป็นไฟ
เมื่อสิ่งที่นักลงทุนอย่างเขาต้องการ
คือสิ่งเดียวกันกับที่หญิงสาวหวงแหนยิ่งชีพ
ทั้งๆที่เธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาหวงแหนในสิ่งที่ไม่ใช่
กรรมสิทธิ์ของตน!
การเชือดเฉือนจึงก่อกำเนิดในยุคแห่งวัตถุนิยม
ที่นายทุนเป็นใหญ่
ท่ามกลางสงครามอันร้อนระอุ
ระหว่าง
ราชาแห่งท้องทะเลทราย กับ ราชินีแห่งท้องทุ่ง
ที่อยู่ห่างกันราวคนละโลก ในชีวิตกันคนละแบบ
คิดอ่านกันคนละอย่าง...
เสียงเพรียกจากวันวาน จะกลับมาขับขาน
สะพานไม้หมากที่พาดข้ามฟากเชื่อมสองฝั่งคลอง
กำลังสั่นสะเทือน...เมื่อสะพานคอนกรีตจะเข้ามาแทนที่
สายสัมพันธ์ระหว่างคนกับต้นไม้กำลังจะพัดหวนคืน
...น้ำในลำธารใสสะอาดกับน้ำมันสีดำไม่อาจเข้ากันได้ฉันใด
เธอกับเขาก็ไม่อาจเข้ากันได้ฉันนั้น...
ไม่มีใครรู้ว่าระหว่าง ดวงจันทร์ดวงใหญ่แค่ดวงเดียวที่ลอยเด่น
อยู่บนฟ้ากับดวงดาวจำนวนมากมายนับล้าน
มีความเป็นมาอย่างไร...
เว้นแต่ต้นไม้ที่ผ่านกาลเวลาโดยไม่เคยหนีหายไปไหนเท่านั้น
ที่จะไขปริศนานี้...
ต้นไม้ที่ยืนผงาดอย่างอดทนผ่านร้อนหนาว
ผ่านฤดูกาลมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีใครเคยได้ยินเสียงบ่น
ต้นไม้ที่เหมือนจะไม่รับรู้สิ่งใด...
หากทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเป็นไปกลับกลายเป็นส่วนหนึ่ง
ความรักความประทับใจและความผูกพันธ์ถูกบันทึกไว้ใต้ต้นไม้
หยั่งรากลึกลงในดิน หยั่งลึกลงในจิตใจ...
มีค่า มีความหมาย...นานเท่านาน...
Tags: ดราม่า รัก ต้นไม้ กอมารุน นัจมุน ก้อ นีล เชือดเฉือน แนวอนุรักษ์
ตอน: ลำนำ
24 ปีก่อน…
ณ ท้องทุ่งสีเขียวสด สายลมพัดปลิวต้นข้าวนับหมื่นแสนต้น
ต่างพากันโบกไสวไปตามแรงลม…ลมรำเพยพัดพลิ้วแผ่วใบไม้โรย
ไอดินกลิ่นหญ้ากรุ่นหอม...ร่างน้อยๆสองร่างของเด็กชายหญิงกำลังวิ่งเล่น
ไปตามคันนาราวกับว่าสถานที่แห่งนี้คืออาณาจักรของทั้งสองที่ไม่ว่าจะวิ่งเล่นเท่าไหร่
ก็มิรู้จักเบื่อ...การผจญภัย ณ แดนดินถิ่นนี้คือความสนุกสนานของความเป็นเด็ก
ต้นจิกตรงริมหนองน้ำออกดอกสีส้มอมแดงก้านดอกยาวสลวยห้อยลงเลียบพื้นผิวน้ำ
ใสสะอาดก่อเป็นเงาสะท้อนภาพอันวิจิตรงดงามยากที่จิตรกรใดจะสร้างสรรได้
ร่างแน่งน้อยมักจะปีนขึ้นไปนั่งตรงกิ่งใหญ่ของมันที่ยื่นออกไปยังหนองน้ำ
ถึงกึ่งกลางหนองราวกับมันต้องการจะจับจองหนองน้ำแห่งนี้ไว้หล่อเลี้ยงชีวา
ปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมาอย่างสนุกสนานไม่แตกต่างกับเด็กสาวตัวน้อย
ที่กำลังแกว่งเท้าเล่นน้ำอยู่ตรงนั้นเป็นประจำด้วยแววตาสดใสเป็นประกายแห่งความสุข
ต้นตำเสาที่ออกดอกสีเหลืองอ่อนเป็นพุ่มเป็นพวงเข้าช่อสวยงาม
กำลังส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่วท้องทุ่ง มันอยู่ใกล้กันกับต้นจิก
ราวกับเป็นมิตรสหายทีี่ดีต่อกันมาอย่างช้านาน
มือน้อยๆมักจะคอยนั่งลงเก็บดอกที่ร่วงหล่นจากต้นของมันมาร้อยกับต้นหญ้าเส้นเล็กๆ
ที่หาได้แถวใต้ต้นตำเสาราวกับมันถูกสร้างมาให้เข้ากันอย่างลงตัว
เพื่อใช้แทนด้ายกับเข็ม เมื่อร้อยจนสุดความยาวของต้นหญ้าแล้วจึงผูกรวบ
เข้าพวงทำเป็นมาลัยคล้องแขน ยกขึ้นโชว์ให้เด็กชายที่ตัวโตกว่าดูด้วยความภาคภูมิใจ
ในฝีมือการร้อยดอกไม้ของตน และไม่คิดจะลืมร้อยมาลัยเผื่อเขาด้วยเสมอ
หากเจ้าตัวกลับปฏิเสธเสียงแข็ง
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิง จะได้ใส่มาลัยคล้องแขนเหมือนเธอ…”
“ก็นีลอยากให้พี่ก้อนี่นา…รับไปสิ…หอมออก…” ร่างแน่งน้อยยังคง
ทู่ซี้พร้อมยัดเยียดพวงมาลัยดอกตำเสาให้คนตรงหน้าไม่เลิก
พลางยกมันขึ้นมาสูดดม
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกตามฉันไปโน่นไปนี่สักที…น่าเบื่อ น่ารำคาญจริงๆ”
“ก็นีลเห็นพี่ก้อไม่มีเพื่อนเล่นนี่…”
“ฮึ…มีเพื่อนเล่นอย่างเธอฉันก็ไม่เอา…ไปให้ไกลๆเลยยิ่งดี…”
“แต่พ่อบอกว่าให้พี่ก้อดูแลนีลนะ…”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อเธอ…ฉันโยนเธอลงไปในหนองน้ำนั่นนานแล้ว
ชอบนักไม่ใช่หรือไอ้ต้นจิกต้นนั้นน่ะ…”
“พี่ก้อใจร้าย…นีลไปทำอะไรให้พี่ก้อตั้งกะเมื่อไหร่…”
“รำคาญ…บอกว่ารำคาญไง…ไม่ชอบ…เบื่อขี้หน้า เข้าใจมั้ย…”
หน้าตาเขาบึ้งตึงและพอมือเล็กๆพยายามยัดเยียดไอ้พวงมาลัยหน้าตา
ไม่ได้เรื่องสำหรับเขามาคล้องแขนเขา เขาก็รีบสะบัดมันทิ้งทันที…
ทำเอาคนให้ถึงกับน้ำตารื้น…ด้วยความน้อยอกน้อยใจ
“หยุดนะ…อย่ามาสำออย…ถ้าร้องออกมาล่ะก็…ฉันจะจับเธอโยนลงไป
ในหนองน้ำแล้วกลับไปบอกพ่อเธอว่า…ฉันหาเธอไม่เจอ…จะเอามั้ยล่ะ”
เขาบอกเธอด้วยเสียงเข้มดุ…ทำเอาเธอชักเริ่มกลัวเขาขึ้นมาอีกครั้ง
พอเขาเดินหันหลังพร้อมกับคันเบ็ดในมือ เด็กสาวจึงหยิบก้อนขี้ดินขึ้นมา
ขว้างใส่หลังของเขาเต็มแรง ทำเอาคนโดนก้อนขี้ดินปาใส่ถึงกับจุก
หันมาจ้องมือปาเขม็ง แล้วก้าวอาดๆมาหา…
เด็กสาวรู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไปเลยรีบชิ่งหนีโดยมีเขาวิ่งไล่กวดตามมาติดๆ
“จับไม่ได้ไล่ไม่ทันหรอก…ฮ่าๆๆๆ” เสียงใสๆร้องเย้ยเขาเสียงระรื่น
วิ่งซิกแซกไปมาตามคันนาอย่างคล่องแคล้วว่องไวก่อนจะรีบปีนหนีขึ้นไปบนต้นหว้า
ไต่ไปนั่งอยู่บนกิ่งที่เยื้องไปยังเส้นทางน้ำ ถ้าเขาขึ้นตามมา เธอก็จะหนีเขา
ด้วยการกระโดดลงไปในน้ำนั่น น้ำมันลึกไม่มาก คงไม่เป็นไรหรอก…
“งู…นั่นงู…” เสียงของเขาตะโกนขึ้นมาจากใต้ต้นหว้าต้นใหญ่
มือก็ชี้มาทางเธอ ทำเอาคนที่อยู่บนต้นหว้าถึงกับขาสั่น
“งู งูที่ไหน…”
“บนหัวเธอนั่นไง…ใช่เลย…ตัวมันลายๆ กำลังแลบลิ้นจะกินหัวเธอแล้ว”
อารามตกใจ ร่างแน่งน้อยก็รีบกระโดดลงไปในน้ำที่ว่าทันที
สภาพเลยไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำป๋อมแป๋ม ตอนนี้กำลังลอยคอ
ร้องขอความช่วยเหลือจากอีกคนที่ยืนหัวเราะเธออยู่ตรงริมน้ำ…
“สมน้ำหน้ากะลาหัวจอก…ฮ่าๆๆ” มือน้อยยกขึ้นหวังให้เขาดึงเธอขึ้นไป
หากเขากลับยักไหล่ส่ายหน้าบอกเธอว่า
“ขึ้นมาเองสิ…ยัยดาวดำ…”
“พี่ก้อ ดึงนีลขึ้นไปหน่อยสิ…นีลเปียกหมดแล้ว…ว้ายยยยย”
เสียงกรีดร้องในตอนท้ายนั่นทำเอาคนที่กำลังจะติดปีกบินหนีไปต้องหันกลับมามอง
“งู งู งู…” เสียงนั้นสั่นทีเดียวเมื่อสายตาหันไปยังจอมปลวกที่อยู่
ไม่ไกลกันกับต้นหว้าต้นใหญ่
“มันตัวใหญ่…พี่ก้อ…ช่วยเอานีลไปที…” หญิงสาวเต้นเร่าๆอยู่ในน้ำ
จะขึ้นก็ขึ้นไม่ได้เพราะจมโคลนอยู่ และเมื่อเด็กชายหันไปพบว่ามีงูตัวใหญ่
เท่าลำแขนของตนจริงๆไม่ใช่การล้อกันเล่นอย่างที่เขาทำไปเมื่อครู่
เขาก็รีบคว้าลำแขนเล็กๆนั่นแล้วดึงพรวดเดียวขึ้นมาบนบก
อารามตกใจ ร่างแน่งน้อยก็กระโดดเข้าใส่ร่างเด็กชาย เกาะหลังเขาติดหนึบ
“เฮ้ย…ปล่อยนะ…”
“ไม่…นีลกลัว…พี่ก้อเอานีลไปด้วยนะ…” แทบไม่ต้องคิดนานเมื่ออยู่ๆ
เจ้างูตัวนั้นมันเลื้อยเข้ามาใกล้เหย่ือ ร่างที่โตกว่ารีบวิ่งถลาโดยไม่คิดชีวิต
ลืมสนิทใจไปว่าได้แบกใครติดหลังไปด้วย…
“หันไปดูสิว่ามันยังตามมาอีกรึเปล่า…” เสียงนั้นถามขึ้นเมื่อเริ่มวิ่งมาไกล
ได้สักระยะแล้ว ทว่า เด็กสาวไม่กล้าหันกลับไปมองได้แต่ก้มหน้างุดอยู่กับแผ่นหลังนั่น
“บอกว่าให้หันไปดู” คนที่กำลังวิ่งสั่งเสียงเข้มปนหอบหายใจถี่ด้วยความเหน่ือย
เหงื่อไหลซึมเต็มหน้าและลำคอ
“มะ…มะ…ไม่รู้…นีลไม่เห็น…” เสียงเล็กตอบกลับไปอย่างสั่นๆ
สุดท้ายเลยโดนคนที่แบกสลัดร่างปล่อยให้ลงไปนั่งจุ้มปุกอยู่ตรงพื้นดินแข็งๆข้างล่าง
ก่อนจะเหลียวหลังไปมองก็ไม่พบว่างูตัวนั้นมันไล่ตามมาแล้ว
“เหนื่อยเปล่าจริงๆ…ยัยปลิงดำ…”
เขามักจะเรียกชื่อเธอเป็นอย่างอื่นตลอด แต่ไม่ว่าจะเรียกอะไร
ก็ต้องตบท้ายด้วยคำว่า ‘ดำ’ ทุกที
ไม่เห็นจะมีใครล้อว่าเธอดำสักคน…แต่ถ้าเทียบกับเขาเธอยอมรับก็ได้ว่า
เธอดำกว่าเขา…ก็แค่เขาขาวกว่า ไม่ใช่เพราะเธอดำสักหน่อย
“พี่ก้อ…นีลหิว…” เด็กสาวลูบท้องตัวเองที่กำลังส่งเสียงร้อง
“ก็ใครใช้ให้เธอหาเรื่อง…คนกำลังตกปลาอยู่ดีๆ…ถ้าไม่ได้กินข้าวเที่ยง
อย่ามาบ่นนะ…” พูดจบก็เดินไปทางคันเบ็ดที่เขาได้ปักไว้ตามช่องทางน้ำ
ตรงแปลงข้าวไว้หลายคัน ร่างแน่งน้อยเดินตามต้อยๆ
ก่อนจะร้องเต้นดีใจเมื่อพบว่ามีปลาช่อนตัวโตมาติดคันเบ็ดคันนึงของเขาเข้าให้แล้ว…
“ไชโยๆ…พี่ก้อของนีลเก่งที่สุดในจักรวาล…”
เด็กสาวดีใจที่มื้อเที่ยงวันนี้เธอจะได้กินปลาช่อน เพราะถ้าให้กลับไปบ้าน
กว่าจะเดินถึงบ้านก็อีกไกลโข…เธอเดินไม่ไหวแน่ๆถ้าท้องยังไม่ได้กินอะไรแบบนี้…
“แล้วพี่ก้อจะทำไงกับมันอ่ะ…นีลทำไม่เป็นนะ…”
รีบออกตัวว่าทำมาหากินไม่เป็นสักอย่างทันทีทันใด
“ก็รู้อยู่หรอกว่าสมองเท่ามดแบบนี้ไม่มีปัญหาทำกิน…” เขาว่าเธอพร้อมกับส่ายหน้า
“แต่นีลจุดไฟได้นะ…เคยจุดเตาไฟให้แม่บ่อยๆ”
เด็กสาวคุยโม้ว่าตนก็มีดีที่จุดไฟได้…
“แล้วไหนล่ะไม้ขีดไฟ…มีรึเปล่า…” หัวทุยๆผมรุ่ยร่ายเพราะเปียกแนบลู่
ไปกับหนังศีรษะส่ายไปมาอย่างยอมจำนน…
“งั้นก็ไม่ต้องมาโม้…” ว่าจบก็เอาปลาออกมาจากคันเบ็ด
แล้วดึงมีดเล่มเล็กออกมาจากปลอกที่ใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกงเสมอ…
พร้อมกับกล่องไม้ขีดไฟ…
เพียงไม่นานก็ได้กองไฟเล็กๆใต้ต้นตำเสาข้างๆหนองน้ำ
พร้อมกับปลาช่อนที่ถูกตัดหัวทิ้งพร้อมกับเถือเกล็ดออกจนเกลี้ยง
มีการผ่าท้องเอาทุกอย่างในท้องปลาออกจนเกลี้ยงแล้วล้างเอาเลือดปลาออก
ด้วยน้ำในหนอง…หลังจากนั้นมันก็ถูกเสียบด้วยไม้แล้วนำขึ้นย่างไฟ
ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำย่อยของคนที่นั่งเฝ้าคอยดูกรรมวิธีทุกขั้นตอนมาตลอด
ปากก็คอยแต่จะถามไปเรื่อย…บางครั้งจึงโดนตวาดว่าให้หุบปากและอยู่ในความสงบ
“ถ้ายังพูดมากล่ะก็…อดแน่…” นั่นคือคำขู่ที่ทำให้เด็กสาวหุบปากฉับลง
นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองปลาช่อนที่ถูกพลิกไปมาอย่างสนใจ…
พอมันสุกได้ที่เขาก็เอาไปกินคนเดียว ไม่ยอมแบ่งให้เธอ พอเธอขอกิน
เขาก็บอกว่า
“ก็เธอบอกว่าขยะแขยงไส้เดือนไม่ใช่เหรอ…”
ที่รู้เพราะตอนเขานำจอบไปขุดหาไส้เดือนมาเป็นเหยื่อตกปลา
เธอก็ตามเขาไปดูด้วย บ่นว่าไส้เดือนยั้วเยี้ยหน้าตาน่ารังเกียจ ไม่กล้าจับ
พอเขาแกล้งโยนไส้เดือนใส่ก็กระโดดเหยงๆกรีดร้องลั่น วิ่งแจ้นไปฟ้องแม่ว่าเขาแกล้ง…
“รู้มั้ยว่าฉันตกปลาช่อนด้วยไส้เดือนนะ และปลาช่อนมันก็กินไส้เดือนเป็นอาหาร
เธอจะกินปลาช่อนจริงๆเหรอ…ฉันว่าอย่าเลย…”
“นีลจะกิน…ปลาช่อนก็ส่วนปลาช่อน ไส้เดือนก็ส่วนไส้เดือนสิ…”
“ไม่ให้…ใครตกคนนั้นเป็นเจ้าของ…เธอไม่มีสิทธิ์” เขายังคงกินเย้ย
ทำเอาคนไม่ได้กินถึงกับแหกปากร้องลั่นทุ่ง…
“แหกปากเข้าไป…เดี๋ยวควายมันก็วิ่งมาขวิดให้หรอก…”
คนที่กลัวโดนควายขวิดเลยหันไปมองรอบๆตัวอย่างหวาดผวา…
หากพอไม่เห็นว่าใกล้ๆจะมีควายสักตัวเลยแหกปากร้องต่อ…
จนเขายัดเนื้อปลาช่อนใส่ปากนั่นแหล่ะถึงได้หยุดแหกปากร้อง
หันมาเคี้ยวเน้ือปลาช่อนพร้อมรอยยิ้มทั้งน้ำตาแทน…
“ถ้าก้างติดคอเธอขึ้นมาฉันจะล้วงคอเธอให้อ้วกปลาช่อนของฉันออกมา
จนหมดพุงเลยคอยดู” เมื่อเห็นเธอกินมูมมาม…เจ้าของปลาช่อน
เลยต่อว่าอย่างระอา
“ไม่ติดหรอกน่า…พี่ก้อไม่ต้องห่วง…นีล…” พูดยังไม่ทันขาดคำ
คนที่บอกว่าก้างปลาไม่มีทางติดคอก็เริ่มกลืนน้ำลายไม่คล่องคอขึ้นมา
หากกลับกลบเกลื่อนอาการไว้ไม่ยอมปริปากเอ่ยออกไป
ด้วยกลัวว่าจะโดนเขาล้วงคอขึ้นมา…
“นี่น้ำ…” เขายื่นขวดน้ำที่มักเอามาทิ้งไว้แถวนี้ให้ คนที่ก้างกำลังติดคอ
เลยรีบรับน้ำมากิน พยายามให้ก้างหลุดลงไปในท้อง หากไม่เป็นผล
“อ้าปาก…” เด็กหญิงสะบัดหน้าจนผมปลิว
“บอกให้อ้าปาก…หูแตกรึไง…” เมื่อโดนขู่กรรโชก เด็กสาวจึงยอมอ้าปากตามคำสั่ง
และไม่นานเขาก็ใช้มือนึงจับท้ายทอยเธอไว้อีกมือก็ล้วงมือเข้าไปในปากของเธอ
ใช้ปลายนิ้วชี้เขี่ยไปในลำคอ ทำเอาเจ้าของลำคอถึงกับรู้สึกคลื่นไส้
อยากจะอาเจียนออกมา
“อย่านะ…” เสียงนั้นร้องห้ามไว้…
“อึ๋ย น้ำลายเยิ้มเลย…มีเชื้อโรคติดมารึเปล่าก็ไม่รู้”
มือที่ล้วงเข้าไปเมื่อครู่รีบสะบัดน้ำลายที่เปื้อนมือหยอยๆ
แล้ววิ่งไปยังหนองน้ำเพื่อล้างมือของตนทันที
ก่อนจะกลับมามองหน้าแดงก่ำของคนที่โดนล้วงคอไปเมื่อครู่
“มันหลุดไปรึยัง…” เด็กสาวพยักหน้าเมื่อไม่รู้สึกว่ามีอะไรกีดขวางในลำคออีกแล้ว
“ขอบคุณค่ะพี่ก้อ…” เด็กสาวเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง
“ตะกละ…” นั่นคือคำตอบรับของเขา ทำเอาคนฟังถึงกับแบะปาก หน้ามู่ทู่ทีเดียว
แต่เพียงไม่นาน เสียงตุ๊บก็ดังแทรกแหวกสายลมเข้ามา ทำให้คนหูไวหันไปมอง
ก่อนจะรีบลุกวิ่งไปยังต้นมะม่วงคันที่ทั้งสูงทั้งใหญ่ต้นนั้นทันทีทันใด
มองดูโคนต้นของมันแล้วก็พบเข้ากับผลหันหอมหวนของมันเข้าพอดี
เรียกรอยยิ้มจากร่างเล็กได้ไม่น้อย มือป้อมๆวิ่งไปเก็บผลมะม่วงขึ้นดม
“หอม…” ไม่มีผลมะม่วงต้นไหนจะส่งกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นผลมะมุด
อย่างต้นมะม่วงต้นนี้ ผลของมันกลมเท่าลูกปิงปอง รสชาติหวานฉ่ำ
แต่ทำให้รู้สึกคันคอยิกๆทุกทีที่กิน…หญิงสาววิ่งไปหาพี่ชายแล้วยื่นผลมะม่วงให้เขา
“เอามาให้ทำไม…”
“ก็เอามาให้กินไง…กินสิ…แลกกับปลาช่อนนั่น” เขาส่ายหน้าราวกับไม่ใส่ใจ
“เดี๋ยวนีลจะไปอ้อนต้นมะม่วงให้มันส่งมะม่วงมาให้อีก…ผลน้ีพี่ก้อเอาไปกินก่อน…
คอยดูฝีมืออ้อนต้นมะม่วงของนีลก็แล้วกาน…”
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายรับผลมะม่วงไปจากมือเธอ
หลังจากนั้นร่างแน่งน้อยก็วิ่งเข้าไปกอดต้นมะม่วงเอาไว้แน่น
และด้วยความใหญ่ทำให้โอบไม่รอบ แก้มใสแนบไปกับลำต้นนั้นอย่างรักและหวงแหน
พร้อมกับอ้อนมันว่า
“ต้นมะม่วงสุดสวยและแสนใจดี๊ใจดีจ๋า…ส่งมะม่วงอร่อยๆมาให้นีล
กับพี่ก้อกินหน่อยนะ…นีลขอไม่มาก แค่อีกสักลูกก็พอแล้ว…น้าาา”
เสียงหวานใสลากยาวทีเดียว หากกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมา
ต้นมะม่วงยังคงนิ่งงันราวกับไม่ได้ยินคำอ้อนวอนของเธอเลย…
“ได้โปรดเถอะนะจ๊ะ…ขออีกลูกเดียว…ลูกเดียวเท่านั้น…”
อยู่ๆลมก็พัดผ่านเข้ามา…แม้ไม่แรงนัก หากก็ทำให้ผลมะม่วงที่อยู่สูงลิบลิ่ว
เกินจะสอยถึงก็ร่วงลงมาจากต้นหลายผลทีเดียว
ส่งผลให้ร่างแน่งน้อยกระโดดโลดเต้นดีใจ วิ่งไปเก็บผลมะม่วงอย่างร่าเริงเบิกบาน
พอล้นมือจึงดึงชายเสื้อยืดที่สวมอยู่ขึ้นแล้วยัดผลมะม่วงลงไป
“ขอบคุณนะจ๊ะต้นมะม่วงใจดีของนีล…น่ารักที่สุดเลย…”
แก้มใสแนบกับต้นมะม่วงเป็นการขอบคุณแล้วเดินหน้าบานไปหาพี่ชาย
“เห็นฝีมือนีลหรือยัง…” เสียงนั้นโอ่หน่อยๆ หน้าตาแป๋วแหววนั่นบ่งบอกว่า
ตนนั้นเจ๋งแค่ไหน...
“ฝีมือลมเห็นๆ…”
“หือ…ฝีมือนีล…ต้นมะม่วงใจดีเลยเห็นใจ…เห็นมั้ยได้มาตั้งหลายลูก
กับคนอื่นมันหวงลูกจะตาย…แต่กับนีลมันใจดีสุดๆ…”
หญิงสาวยิ้มอย่างภูมิใจที่ตนกลายเป็นที่รักของต้นมะม่วงใหญ่…
พ่อเคยบอกเธอว่ามันอยู่มาตั้งแต่พ่อยังเด็กๆ…นี่ก็แสดงว่ามันต้องอายุมากแล้ว…
“กลับบ้านเถอะ…เดี๋ยวแม่เธอดุเอานะ…” คนตัวโตกว่ารีบบอกเตือน
เมื่อเห็นว่าดวงตะวันเริ่มตั้งตรงเหนือศีรษะพอดิบพอดีแล้ว
เด็กสาวพยักหน้า ยิ้มให้คนหน้าขาว ผิวพรรณและลักษณะหลายๆอย่างของเขา
ที่ดูผิดแผกไปจากชาวบ้านในแถบนี้…ไม่รู้ว่าพ่อไปเก็บเด็กผู้ชายคนนี้
มาเป็นพี่ชายเธอจากที่ไหน…อยู่ๆเธอที่เป็นลูกสาวคนเดียวมาตลอด
ก็ได้พี่ชายมาอยู่ด้วย…เขาอายุห่างกับเธอสามปี เธออายุหกขวบ ส่วนเขาเก้าขวบ…
สองปีแล้วที่เราได้ทำความรู้จักกัน เธอไม่เคยลืมวันแรกที่พ่อพาเขาเข้าบ้าน…
สภาพของเขาดูมอมแมมเหมือนแมวไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน
หน้าตาบึ้งตึง…ไม่พูดไม่จา ถามอะไรไม่ตอบ ไม่มีความเป็นมิตรเอาเสียเลย…
พอเธอเข้าไปเซ้าซี้เพราะอยากทำความรู้จักกันไว้ก็โดนเขาตะคอกใส่
ตอนนั้นเธอวิ่งร้องไห้ไปกอดแม่…แล้วแทบไม่คิดอยากจะเข้าใกล้เขาอีก
เพื่อนที่โรงเรียนมักล้อเขาอยู่บ่อยครั้งว่าเขาเกิดมาจากกองขยะบ้าง
ว่าเขามีแม่เป็นควายที่กินหญ้าอยู่ในทุ่งบ้าง…และเขาก็ตอบโต้ด้วยการชกพวกนั้นกลับไป
จนหน้าบวมช้ำ ร้อนจนคุณครูต้องเรียกพ่อของเธอไปที่โรงเรียน…
‘เป็นลูกผู้ชายต้องอดทน…การใช้กำลังไม่ได้ทำให้เราดูดีขึ้น…
คนดีต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น…’
พ่อเธอมักพูดกับเขาเช่นนี้เสมอ หากเขากลับเอาแต่นั่งนิ่งๆ ไม่ตอบโต้
ไม่พูดคำใดเลย
เธอเองก็ไม่กล้ายุ่งกับเขา…แม้อยู่บ้านเดียวกันแต่เธอก็ขอเลือกที่จะ
อยู่ให้ห่างจากเด็กเกเรอย่างเขาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้…
แต่แล้ววันที่เธอโดนรุ่นพี่ผู้ชายที่โรงเรียนกลั่นแกล้งสารพัด
ตั้งแต่แย่งขนมในมือเธอไปกินหน้าตาเฉย แย่งสมุดของเธอ
แล้วยังขู่จะเอาเงินที่พ่อให้เธอไว้ซื้อข้าวเที่ยงที่โรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง…
ทำให้บางวันเธออดกินข้าวเที่ยง…แต่ก็ไม่กล้าฟ้องคุณครู
เพราะกลัวว่าพวกรุ่นพี่นั่นจะแค้นแล้วตามมารังแกเธออีก…
โดยเฉพาะวันที่รุ่นพี่จอมเกเรและขาใหญ่ประจำโรงเรียนเข้ามาแย่ง
ขนมเค้กก้อนเล็กๆในมือเธอที่เพื่อนเอามาฝาก พอเธอแย่งคืน
พวกนั้นก็หัวเราะเยาะใส่ แล้วละเลงหน้าเค้กลงบนหน้าเธอกับผมของเธอเล่น
เห็นเป็นสนุก พวกเขาหัวเราะในขณะที่เธอร้องไห้
แต่ไม่ว่าเธอจะร้องไห้เท่าไหร่ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนเข้ามาช่วยเหลือเลย…
ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเธอสักคน คุณครูประจำชั้นอนุบาลก็ไม่อยู่
แต่แล้วอยู่ๆเขาก็โผล่เข้ามาในห้อง ทั้งต่อยทั้งถีบพวกนั้นจนพวกนั้นวิ่งหนีกระเจิง
แล้วเขาก็จูงเธอไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้าให้ เช็ดครีมที่เลอะเส้นผมให้…
ถอดเสื้อนักเรียนของเขาออกมาซับน้ำที่ใบหน้ากับที่ผมให้เธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ…
เธอเองได้แต่สะอื้นน้อยๆไม่กล้าส่งเสียงร้องดังๆกลัวเขาจะตวาดใส่หน้า…
แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังโดนอยู่ดี…
“เลิกร้องงอแงได้แล้วน่า…รำคาญ…”
เขาตะคอกใส่ ส่งผลให้เธอถึงกับสะอึก พยายามอั้นเอาไว้ไม่ให้มีเสียงลอดออกมา…
เธอรู้ว่าเขาเป็นคนขี้รำคาญ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เพราะตาเขามันดุ…เหมือนเสือ
ตัวก็ใหญ่กว่าเด็กคนอื่นๆในรุ่น…ขนาดรุ่นพี่ป.หกก็ยังตัวเล็กกว่า…
“ก็เพราะว่าอ่อนแอขี้แยแบบนี้ไงเล่า ถึงได้โดนเขารังแกไม่เลิก…
ทำไมไม่รู้จักสู้บ้าง มือก็มี เท้าก็มีเท่าคนอื่นเขา…ไม่ได้เกิดมาพิการสักหน่อย…
ทำไมไม่รู้จักใช้มันให้เกิดประโยชน์บ้าง…” เขาว่า
“นีลไม่กล้า…นีลกลัว…พวกเขามีกันหลายคน ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น…
นีลตัวเล็กกว่าเขาตั้งเยอะ…ถ้าพวกเขาล้มทับนีล นีลต้องแบนติดพื้นแน่ๆ”
“ถ้าขี้ขลาดนักก็ปล่อยให้เขาเอาเปรียบต่อไปก็แล้วกัน…คราวหลัง
จะไม่เข้าไปช่วยหรอก…เบื่อผู้หญิงขี้แย…เอะอะก็แหกปากร้องไห้…”
“พวกผู้ชายก็ชอบใช้กำลัง…ชอบต่อยกัน…ชอบรังแกคนที่ไม่มีทางสู้
น่าเบื่อสุดๆ…” เธอโต้กลับนับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอกล้าสวนกลับเขาอย่างลืมตัว
“ยัยสมองเท่ามดเอ๊ย…สมควรแล้วที่จะโดนพวกนั้นรังแก…”
เขาจิ้มหน้าผากเธอจนหน้าหงาย เธอคว้าขันน้ำขึ้นมาได้ก็เลยเคาะหัวเขา
ไปสามครั้งติดๆกันเป็นการเอาคืน…
“นี่เธอกล้าทำร้ายฉันเหรอยัยมดดำ…” ว่าแล้วเขาก็ผลักเธอจนลื่นล้มลง
ไปบนพื้นห้องน้ำที่เปียกแฉะ เสียงร้องลั่นไปทั้งห้องน้ำจึงดังขึ้นอีกรอบ
“หุบปากนะ…ไม่งั้นฉัน…ฉันจะจับไปโยนที่ห้วยหลังโรงเรียน” เขาขู่เสียงเข้มทีเดียว
“เอาให้พ่อเธอหาไม่เจอ…เป็นอาหารให้ไอ้เข้…”
เด็กหญิงตัวน้อยอย่างเธอเลยยกมือปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นสะอื้นเอาไว้อีกครั้ง
มือน้อยๆอีกข้างจับขากางเกงนั้นเขย่าเบาๆเพื่ออ้อนวอน
“อย่าจีบนีลไปทิ้งห้วยนะพี่ก้อ…นีลขอโทษ นีลจะไม่ทำร้ายพี่ก้ออีก”
“แน่นะที่บอกว่าจะไม่ทำร้ายฉันอีก…” เขาชี้หน้าเธอด้วยแววตาดุๆ
เธอก็เลยต้องพยักหน้ารับด้วยความกลัวสุดหัวใจ…เธอเชื่อว่าถ้าเธอทำให้เขาโกรธ
เขาสามารถจับเธอไปโยนในห้วยได้จริงๆ
“งั้นก็ลุกขึ้น…กลับบ้านได้แล้ว…โรงเรียนเลิกแล้ว…” เพราะมีเสียงกริ่ง
บอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น ร่างแน่งน้อยจึงพยายามชันกายเพื่อลุกขึ้น
โดยคนไร้น้ำใจก็ยังคงยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่มีช่วยเหลือพยุงกันบ้างเลย
“ถ้าพ่อเธอถามว่าเกิดอะไรขึ้น…เธอจะตอบว่าไง…” เมื่อเห็นว่า
คนตรงหน้าเปียกม่อลอกม่อแลกเช่นนี้จึงอดกังวลไม่ได้
“เอ่อ…พี่ก้อ…จะให้นีลบอกพ่อว่าไง…” สีหน้าคนพูดดูเหยเก
“สมองเท่ามดอย่างเธอไม่เคยคิดอะไรเป็นเลยจริงๆ…ก็บอกไปสิว่าเธอไม่ระวัง
ซุ่มซ่ามเดินลื่นในห้องน้ำ…” เขาสอนให้เธอโกหกพ่อชัดๆ
“แต่นีลไม่เคยโกหกพ่อ…”
“ถ้างั้นอยากบอกอะไรก็เชิญ…” พูดจบเขาก็ทิ้งเธอไว้ในห้องน้ำนั่น
“พี่ก้อ…นีลไม่กล้าออกไปเข้าแถว…” เด็กสาวร้องเรียกคนที่เดินหนี
เธอไปเสียอย่างนั้น เธออายเพื่อนถ้าให้ออกไปเข้าแถวหลังเลิกเรียนในสภาพเช่นนี้…
“พี่ก้ออยู่เป็นเพื่อนนีลก่อน…” แต่ไม่ว่าจะร้องเรียกเขาเท่าไหร่ เขาก็ไม่หันมาแล…
เด็กตัวน้อยเลยยืนแอบอยู่ในห้องน้ำจนโรงเรียนเลิกแล้วเพื่อนๆกลับกันหมดแล้ว
จึงย่องเข้าห้องเพื่อไปหยิบกระเป๋า…สอดส่ายสายตามองหาว่าคุณครูอยู่ในห้องไหม
ก็ปรากฎว่าไร้ร่างของคุณครู เด็กสาวยิ้มพลางพ่นลมหายใจ
แล้วเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองแต่กลับไม่มี…
ร่างแน่งน้อยเดินไปเดินมาอยู่ในห้องเรียนอนุบาลเพื่อหากระเป๋านักเรียนของตัวเอง
น้ำตาเอ่อคลอเมื่อหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ…และพอออกมาอยู่ตรงหน้าห้อง
ก็พบว่ากระเป๋าของเธออยู่ในมือไอ้พวกรุ่นพี่จอมเกเรสามคนนั่น
เด็กน้อยมองหาร่างของพี่ชายโดยอัตโนมัต หวังให้เขามาช่วยเธออีกครั้ง
หากกลับมองไม่เห็นใครนอกจากขาใหญ่ของโรงเรียนที่เธอแสนกลัว
จนขยาดไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากเห็นหน้า
“น้องนีลคนสวย…ถ้าอยากได้กระเป๋าคืนต้องให้พี่สามคนหอมแก้มก่อนกลับบ้าน…”
รุ่นพี่ของเธอสามคนนี้อยู่ป.หกแล้ว และดูกร่างที่สุดในโรงเรียนจนใครๆก็กลัว
กันตัวหงอทั้งนั้น…คุณครูตีเท่าไหร่ก็ไม่กลัว
และเธอที่เป็นแค่เด็กอนุบาลจะไปหาญสู้ได้อย่างไร…
“เอาของนีลมานะคะ…นีลจะกลับบ้านแล้ว…”
เธอกลัวจนน้ำตาแทบเล็ด ฉี่จะราดด้วยซ้ำ
“ก็บอกแล้วไงว่าให้พี่หอมแก้มก่อน…”
“นีลไม่ให้หอม…นีลจะฟ้องครูจะฟ้องพ่อ…” เด็กสาวโวยวายหากก็ไม่
เป็นผลเมื่อสามร่างใหญ่โตก้าวเข้ามาใกล้ มีท่าทีคุกคาม
หากยังไม่ทันถึงตัว พวกเขาสามคนก็ถูกผลักกับถูกถีบจนลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
เด็กสาวรีบวิ่งไปหลบข้างหลังพี่ชายทันทีที่รู้ว่าเป็นเขาที่เข้ามาช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน
“มึงอีกแล้วหรือไอ้ก้อ…ระวังไว้นะมึง กูจะยกพวกมาตีหัวมึง…คอยดู”
เสียงหัวหน้าโจกข่มขู่ ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปทันทีเมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้
เด็กชายจึงหยิบกระเป๋านักเรียนมาไว้ในมือแล้วจูงมือกึ่งๆลาก
ให้ร่างที่เล็กกว่าเดินตามเขาไป
“กลับบ้าน!” เสียงน้ันกระชากพร้อมกับลากถูเด็กสาวกลับบ้านด้วยสีหน้าบึ้งตึง…
'นีล' หรือ 'เด็กหญิงนัจมุน' ไม่เคยได้เห็นเขายิ้มเลยสักครั้ง
เขาเป็นเด็กที่ไม่ยิ้ม ไม่สดใส มีแต่เสียงตะคอกกับหน้าตาดุๆน่ากลัว
“พี่ก้อพูดกับนีลเพราะๆก็ได้…”
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหล่ะ…” ลากไปลากมาคนที่โดนลากเลยสะดุด
เอากับขอบปูนล้มลงหัวเข่าไถลจนถลอกเลือดซึมออกมา เสียงน้อยๆ
เริ่มส่งเสียงร้องโอดครวญอีกรอบ
“โอ้ย…ฉันจะบ้าตายกับเธอจริงๆ…ซุ่มซ่่าม อ่อนแอ ขี้แย น่ารำคาญที่สุด”
พูดจบก็ปล่อยมือเธอแล้วส่ายหน้า ทิ้งเธอเอาไว้ให้นั่งกุมหัวเข่า
ที่เลือดกำลังไหลซึมออกมา…ปากน้อยสูดเบาๆด้วยความปวดแปลบ
เงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของคนที่ทิ้งเธออีกแล้วด้วยน้ำตาคลอเบ้า…
ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองแล้วเดินกะเผลกตามเขาไป
หมายจะให้ทันเขาทั้งๆที่รู้ดีว่าไม่มีทางตามเขาทัน…
และแม้เขาจะทิ้งระยะห่างกันไกลแค่ไหน หากเธอก็ยังอุ่นใจที่มีเขาอยู่ใน
ระยะสายตาเช่นนี้ เพราะเมื่อเธอมีภัย เขาต้องรับรู้และเข้ามาช่วยเธออีก
อย่างแน่นอน…
เขาไม่ใช่คนใจร้ายจริงๆหรอก…เธอเคยแอบได้ยินคุณครูบอกว่า
เขาเป็นเด็กมีปัญหา…แล้วเด็กมีปัญหาคืออะไร…
ทำไมต้องมีปัญหาด้วย
แล้วเธอล่ะ...เธอเป็นเด็กมีปัญหาเหมือนเขารึเปล่า???
..........โปรดติดตามตอนต่อไป..............
ขอพื้นที่อารัมภบทนิดนึง ^^
เรื่องนี้ "แนวดราม่า+แนวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม+แนวรักเชือดเฉือน"
เอามายำผสมปนเปกันค่ะ...โดยเน้น "ความรักกับความผูกพันธ์" เป็นหลัก
ขอเอามาแปะจองพื้นที่ไว้ก่อนนะคะ อิอิ
ตั้งใจเขียนเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนและคนกับต้นไม้...
ซึ่งเป็นความรักที่อยู่บนความแตกต่างในหลายๆด้าน
โดยเฉพาะวิถีชีวิตและพื้นฐานความคิด
ใจจริงเขียนเพราะนึกถึงคืนวันเก่าๆเมื่อตอนยังเยาว์ นึกถึงวิถีชีวิตตอนนั้น
ทำให้อดเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองท่ีพลิกผันแล้วก้าวข้ามผ่านวันเวลา
มาจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้...มันแตกต่างอย่างไม่น่าเช่ือว่าเราจะเดินก้าวผ่าน
ความต่างเหล่านั้นมาได้อย่างไร...
และยังคงโหยหาคืนวันเก่าๆเหล่านั้นอยู่เสมอ...มันยังคงความสวยงาม
เป็นเงาที่ไม่จางหายไป...ยังคงเก็บไว้ในใจ...ให้ได้คิดถึง...
เพราะไม่มีถนนเส้นใดจะนำเรากลับไปยังถนนเส้นนั้นได้อีกแล้ว
นอกจากถนนสายนี้เท่านั้น...
ยังไงขอฝากเรื่องนี้เอาไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
อาจไม่ถึงกับป่าเขาลำเนาไพร จนต้องไปอยู่กันในหุบเขาห่างไกลผู้คนค่ะ...
แต่เป็นชีวิตบ้านๆของคนบ้านๆและต้นไม้พื้นบ้านที่หาดูได้ทั่วไป
กับชีวิตหรูหราของคนเมืองกับเหล่าต้นไม้ที่ถูกยกระดับขึ้นไปอยู่ในกระถางอย่างดี
แต่กลับต้องไปยืนต้นผงาดเพื่อกินฝุ่นและควันพิษอยู่ในเมืองอย่างน่าสงสาร...
ซึ่งเป็นหนึ่งในความเหลื่อมล้ำของสังคมคนและสังคมต้นไม้...
ที่ยากจะหาจุดสมดุลได้... ^o^
แล้วเราจะรู้ว่า...ต้นไม้รักเรามากแค่ไหน...
และต้นไม้ต้องอดทนมากขนาดไหนกับการกระทำของมนุษย์...
บางที...การที่เรารู้ว่ามันรักเรา อาจทำให้เราเกิดรักมันมากขึ้นกว่าเดิม...
จากที่ไม่เคยคิดจะรักก็อาจจะอยากรัก...
ความรักเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว...และเมื่อรู้ตัวว่าโดนรัก เราอาจจะอยากรักตอบ
จนอยากจะกอดมันให้สมกับความรักที่ยิ่งใหญ่ของมันที่มีให้เราเสมอมา ^^
และในบางครั้ง...ความสุขก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากที่จะได้มา
เพียงแต่บางคนต้องคอยเฝ้าทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขที่ว่า...
เรื่องนี้จึงมีทั้ง "เจ้าปัญหา" และ "เจ้าปัญญา"
มีปริศนามาให้นักอ่านขบคิดกันพอเป็นกระสัยให้คันยิกๆนิดๆหน่อยๆด้วยค่ะ
ซึ่งจะไม่มาเป็นบทเป็นตอน แต่จะมาเป็นต้นๆนะจ๊ะ...อิอิ
อาจเพราะส่วนหนึ่งโยเติบโตมาท่ามกลางอาณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาล
อย่างท้องทุ่ง ท้องไร่ ท้องสวน และท้องทะเล
ทุกอย่างรอบกายอุดมสมบูรณ์พูนสุข ผู้คนโอปาปราศัยด้วยดี
สมัยก่อนผู้คนไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินทองและความร่ำรวย...
บ้านต้องมีขนาดเท่านั้นเท่านี้หรือต้องมีรถยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้กันนัก...
โลกแห่งวัตถุยังเข้าไปแทรกซึมไม่ถึงว่างั้นค่ะ...
สิ่งที่พวกเขามักสนใจคือความสงบ ความสุขใจ...ใช้ชีวิตเรียบง่าย
แค่มีข้าวปลาอาหารให้กินทุกวัน มีบ้านให้พักพิง มีเสื้อผ้าให้พอปกปิดผิวกาย
ไม่ให้อุจาดตาแก่ผู้พบเห็น ได้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ทุกคนก็ยิ้มได้มีความสุขแล้ว
ส่วนเด็กๆก็ขอแค่ให้มีสถานที่กว้างๆให้ได้วิ่งเล่น ให้ได้รู้สึกผจญภัย
ก็สนุกสนานมากแล้ว...ไม่มีลูกกวาดสีสันสวยงามก็ขอให้มีผลไม้หวานๆ
ให้เก็บกินโดยไม่ต้องกังวลว่าเจ้าของเขาจะต่อว่าเอา
เท่านี้เด็กๆก็ยิ้มหน้าบานแล้ว โดยเฉพาะเพื่อนเล่นนั้นสำคัญมาก
เป็นความสุขเล็กน้อยแต่ดูยิ่งใหญ่
ยิ่งได้พูดคุยคลุกคลีกับผู้เฒ่า ได้ฟังเรื่องราวในอดีตย้อนไป
เมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว แม้จะเป็นเรื่องราวที่ดูแสนจะธรรมดาสำหรับคนสมัยนี้
แต่โยก็นั่งฟังเสียเพลินจนลืมเวลาทุกที...
จึงขอหยิบยกเรื่องราวหลากหลายรสชาติเหล่านั้นมาไว้ในเรื่องนี้อีกสักเรื่อง...
นับว่าเป็นยำใหญ่ใส่สารพัด...ที่นำเรื่องจริงผสานกับจินตนาการของคนแต่ง ^^
นางเอกของเต่าเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ผู้พิทักษ์ป่าเต็มขั้น
แต่เธอคือราชินีแห่งท้องทุ่ง...เพราะท้องทุ่งคืออาณาจักรของเธอ
ที่เธอรักยิ่งชีพ...
ส่วนพระเอกก็คือราชาแห่งท้องทะเลทราย
ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ห่างกันราวอยู่กันคนละโลก...
ใช้ชีวิตกันคนละแบบ คิดอ่านกันคนละอย่าง ^o^
ฝากติชมกันตามสบายเลยค่ะ...หลุดรั่วตรงไหนขอให้บอกเต่า
เต่าโยพร้อมน้อมรับทุกความคิดเห็นเพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขในคราวต่อไปจ่ะ ^^
แม้พระเอกจะเป็นราชาแห่งท้องทะเลทราย แต่ไม่ใช่นิยายแนวทะเลทราย ^o-
เพราะเต่าไม่ถนัดเขียนแนวนั้นสักเท่าไหร่ เฮะๆ
ปล.เรื่องอื่นที่ค้างอยู่ เช่น "หะบีบี้...สุดที่รักของผม" กับ "ดาวล่องหน"
โยคงต้องดองไว้ในขวดโหลต่อไป เพราะพยายามปัดฝุ่นเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ
อารมณ์มันไม่ให้...เพราะช่วงชีวิตในขณะนี้และอาจจะยืดไปอีกสักพักใหญ่ๆ
ไม่ได้อยู่ในห้วงฝันสักเท่่าไหร่...เลยเพ้อไม่ออกค่ะ...เฮะๆ
ณ ช่วงเวลานี้ดูจะเหมาะกับการเขียนแนวชีวิตมากๆ...
อารมณ์มันส่งได้ดีกว่าเขียนแนวอื่น...เหอๆ
ส่วน เรื่องเศษหน่ึงส่วนสองยกกำลังศูนย์นั้น...โยกะจะปั่นไปพร้อมๆกับเรื่องนี้
หลังจากปิดเรื่อง "เงามาร" ได้แล้ว...
ฝากนายก้อ กอมารุน กับ หนูนีล นัจมุน ด้วยน้า
รวมทั้งเต่าโย...ที่ยังคงต้องการกำลังใจจากนักอ่านอยู่เสมอค่ะ ^^
"เต่าโย"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 เม.ย. 2558, 00:19:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 เม.ย. 2558, 00:19:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 3514
ต้นที่ 1 พี่ชายกำมะลอ >> |

yapapaya 29 เม.ย. 2558, 04:27:20 น.
เปิดเรื่องเข้ามาแบบงงๆ เรื่องมารยังไม่จบนับศพเห่ล่ามารยังไม่ได้ เปิดเรื่องใหม่ซะแล้ว คริ คริ สารภาพตามตรงเลยนะคะคุณโยคนสวยเข้ามาอ่านคำโปรยก่อนแล้วจะมาใหม่ ชอบแนวนี้เฃหมือนกัน รำลึกความหลังวันวานที่ยุคไร้ 3G 4Gสงสัยเราจะอยู่รุ่นเดียวกันแน่เลยคุณโย คิดถึงแล้วแอบยิ้ม
เปิดเรื่องเข้ามาแบบงงๆ เรื่องมารยังไม่จบนับศพเห่ล่ามารยังไม่ได้ เปิดเรื่องใหม่ซะแล้ว คริ คริ สารภาพตามตรงเลยนะคะคุณโยคนสวยเข้ามาอ่านคำโปรยก่อนแล้วจะมาใหม่ ชอบแนวนี้เฃหมือนกัน รำลึกความหลังวันวานที่ยุคไร้ 3G 4Gสงสัยเราจะอยู่รุ่นเดียวกันแน่เลยคุณโย คิดถึงแล้วแอบยิ้ม




konhin 29 เม.ย. 2558, 08:46:08 น.
โอ๊ะ มาเปิดเรื่องใหม่นี่เอง แวะมาลงชื่อก่อนค่ะ ยังม่ะได้อ่านเลยย
โอ๊ะ มาเปิดเรื่องใหม่นี่เอง แวะมาลงชื่อก่อนค่ะ ยังม่ะได้อ่านเลยย

ตุ๊งแช่ 29 เม.ย. 2558, 09:10:21 น.
หะบีบี้ กับดาว ไม่เป็นไรปล่อยไว้ในไหได้ ....
หนูกีสส นี่ไม่ได้น๊าาา ..มันเลยจุดพีคมาแระ เอาตอนจบมาซะโดยดี..
เรื่องใหม่นี่ นายก้อ โหดชิมิ...หนูนีล นี่ ทีอันธพาลกลัว กลับไม่กลัวพี่ตัว
หะบีบี้ กับดาว ไม่เป็นไรปล่อยไว้ในไหได้ ....

หนูกีสส นี่ไม่ได้น๊าาา ..มันเลยจุดพีคมาแระ เอาตอนจบมาซะโดยดี..

เรื่องใหม่นี่ นายก้อ โหดชิมิ...หนูนีล นี่ ทีอันธพาลกลัว กลับไม่กลัวพี่ตัว


sunflower 29 เม.ย. 2558, 13:34:49 น.
ซันชอบอ่านแนวนี้มาก ความรักแบบความผูกพันธ์ แต่ตอนนี้ซันยังแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนความรักอันไหนความผูกพันธ์
ซันชอบอ่านแนวนี้มาก ความรักแบบความผูกพันธ์ แต่ตอนนี้ซันยังแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนความรักอันไหนความผูกพันธ์



แว่นใส 29 เม.ย. 2558, 13:50:10 น.
ก็ยังสงสัยอยู่ดี
ก็ยังสงสัยอยู่ดี