พันธะรักจอมเถื่อน
ความทรงจำที่หายไปหลังจากประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากเรือ

ทำให้ ‘อรอาภา’ นักออกแบบเครื่องประดับสาวที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง

ลืมเลือนไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่ว่าตน ‘แต่งงาน’ และมี ‘สามี’ แล้ว

มิหนำซ้ำ ผู้ชายคนนั้นยังรักใคร่และดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี

จนกระทั่งหญิงสาวตายใจ ยอม ‘ทำหน้าที่เมีย’ ให้แก่เขาอย่างเต็มที่ ทุกวันและทุกคืน

แม้จะแปลกใจที่ ‘ร่างกายเธอ’...

ดูจะไม่คุ้นเคยกับการกอดรัดฟัดเหวี่ยงอันเร่าร้อนของเขาแม้แต่น้อย

หากไม่นานความจริงก็เริ่มปรากฏ...

ว่าคนที่เธอได้ ‘ทำความรู้จัก’ กันมาแล้วอย่างลึกซึ้งและถึงพริกถึงขิง 

แท้ที่จริงเป็นซาตานจอมขี้โกง เชื่อใจไม่ได้ ที่หวังล่อลวง 

และใช้ความโชคร้ายของเธอเป็นเครื่องมือบำเรอความสุขเพียงเท่านั้น!

ไม่มีใครล่วงรู้ว่าทำไม... ผู้ชายระดับ ‘ฟาเบียโน่ ลูอิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า’ 

นักธุรกิจมหาเศรษฐี เจ้าของเหมืองเพชรและทองแหล่งใหญ่ของประเทศบราซิล

จึงไม่รีรอที่จะสอนจังหวะร่างกายอันกระแทกกระทั้นเร้าใจอย่างหนุ่มละตินให้แก่เธอ

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้...  ถ้าคิดจะให้เขาชายตามองผู้หญิงแพศยา

ให้กินเศษเดนความสาวที่ผ่านมือชายมาเป็นร้อยน่ะหรือ... อย่าฝันไปเลย!

แต่เพราะอะไร ‘ความลับนั้น’ คงมีแต่เขาคนเดียวที่รู้...

และฟาเบียโน่ก็จะเก็บมันเอาไว้ ‘อย่างมิดชิด’ ให้เป็นปริศนา 

เช่นเดียวกับที่เขาตั้งใจจะหน่วงเหนี่ยวเธอเอาไว้เป็นทาสบำเรอบนเตียงตลอดกาล

“ตายจริงเฟลิกซ์!! คุณได้แผลกลับมาด้วย ขอฉันดูหน่อยสิคะ”

อรอาภาตกใจพลางดึงใบหน้าที่ซบลงตรงหว่างอกของตัวเองออกมาอย่างยากลำบาก

หากแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าตัวแม้แต่น้อย

ปากและจมูกของฟาเบียโน่ระดมจูบไปทั่วอกอวบทั้งสองข้าง

สูดกลิ่นหอมยวนใจที่ฝันหามาแสนนานเข้าเต็มปอด

“อื้อ... ดะ...เดี๋ยว เฟลิกซ์! ฉันอยากดูแผลให้คุณก่อน อื้อ...”

“แผลแค่นี้ไม่ทำให้ผมตายหรอกเมียจ๋า... 

ถ้าจะตายก็คงตายเพราะไม่ได้รักคุณมากกว่า”

ฟาเบียโน่พูดอู้อี้กับอกอิ่มพร้อมออกแรงรัดเอวคอด

ลอยขึ้นด้วยแขนทรงพลังเพียงข้างเดียว
Tags: ฟาเบียโน่ - อรอาภา

ตอน: ตอนที่ 1 100%

รีโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล

ฟาเบียโน่ ลูอิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า หรือเฟลิกซ์หนุ่มใหญ่ลูกครึ่งโปรตุเกส – บราซิลวัยสามสิบห้าปีเต็ม เจ้าของเหมืองทองคำ เหมืองเพชร หรือแม้กระทั่งพืชเศรษฐกิจสำคัญของบราซิลอย่างกาแฟและองุ่น ผู้มีใบหน้าคร้ามคม หน้าผากกว้าง จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาสีฟ้าจัดราวกับสีของมหาสมุทรลึกที่ชวนให้หลงใหล ร่างกายอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ผิวสีแทนอย่างชายละตินอเมริกา รูปร่างสูงใหญ่ตามชาติพันธุ์ของบรรพบุรุษจากสองฝากฝั่งของโลกที่รวมเอาไว้อยู่ในตัวเขาอย่างเหมาะเจาะ ริมฝีปากบางเฉียบที่เป็นหยักลึก ที่เพียงแม้แย้มยิ้มน้อยๆ ก็เปี่ยมไปด้วยพลังดึงดูดทางเพศอย่างที่ไม่เคยมีหญิงคนใดปฏิเสธที่จะเดินเข้ามาหาได้

ดีเกายื่นแฟ้มเอกสารหนึ่งวางตรงหน้าเจ้านาย “นี่เป็นเอกสารขอเข้าชมคิงส์ ออฟ เจมส์ของมิสเตอร์ต่อพงษ์ พงศกร จากประเทศไทยครับ” ดีเกาหนุ่มวัยสามสิบปีเลขานุการมือขวาของฟาเบียโน่กำลังพูดถึง คิงส์ ออฟ เจมส์ ที่ตั้งอยู่กลางเมืองรีโอเดอจาเนโร ศูนย์จัดแสดงอัญมณีงดงาม หายากไว้อย่างมากมาย ทั้งยังแสดงทองคำที่ได้จากเหมืองของตระกูลโอลีเวย์ร่า ที่ได้ยอมรับจากนักค้าเพชรและทองคำจากทั่วโลกว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้!

อาการเลิกคิ้วของเจ้านายหนุ่มทำให้ดีเการีบอธิบายต่อไปถึงรายละเอียดของบุคคลในเอกสารตรงหน้านี้ “มิสเตอร์ต่อพงษ์ เป็นนายกสมาคมผู้ค้าทองคำแห่งประเทศไทยครับและเป็นผู้นำเข้าเพชรรายใหญ่ที่สุดอีกด้วยครับ เขาสนใจที่จะเปิดตลาดเพชรระดับสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ครับท่าน”

“ต่อพงษ์เหรอ?” ฟาเบียโน่ทวนชื่อพร้อมประมวลคู่ค้าจากทั่วทุกมุมโลกของตนเอง ไม่ปรากฏชื่อของผู้ชายคนนี้ในลิสต์นี่! ร้านเพชรในเอเชียที่สั่งเพชรจากเขามีแค่เมริสา จีเวลรีในฮ่องกงเท่านั้น “สืบข้อมูลมารึยัง??”

การค้าอัญมณีที่มีค่ามากที่สุดเป็นสองอันดับแรกที่คนคิดอยากจะครอบครองต้องสืบประวัติของคู่ค้าอย่างละเอียดที่สุด เพราะฟาเบียโน่จะไม่เอาตัวเข้าไปพัวพันกับธุรกิจมืด อย่างเช่นการค้ายาเสพติดและอาวุธสงครามที่มักใช้การซื้อขายแลกเปลี่ยนเพชรและทองคำเป็นการฟอกเงินเด็ดขาด!! ถึงแม้เขาจะอยู่ในดงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดอันดับต้นๆของโลกอย่างบราซิลก็ตาม และที่ฟาเบียโน่สามารถทำเช่นนี้ได้ก็เพราะอิทธิพลที่สั่งสมมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเรื่อยมาจนถึงรุ่นของเขาเอง คนทั่วไปให้คนยำเกรงเขาเป็นอย่างมาก ฟาเบียโน่ก็คือเจ้าพ่อมาเฟียดีๆนี่เอง แต่ตระกูลของเขาเป็นมาเฟียที่ประกอบธุรกิจขาวสะอาดซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไป

“ครับท่าน เป็นคนหนุ่มอายุสามสิบปีครับ บริหารธุรกิจจากร้านเพชรทองของครอบครัวจนเมื่อสองปีที่แล้วเปิดร้านเพชรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีลูกค้าในแวดวงสังคมชั้นสูงอยู่เป็นส่วนมากทั้งยอดขายยังเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ในงานแสดงเครื่องเพชรนานาชาติที่มาเลเซีย มีลูกค้าสั่งซื้อเครื่องเพชรของเขามากที่สุดเพราะการออกแบบ และดีไซน์ชิ้นงานที่แปลกตาไม่เหมือนใครครับ”

“อืม... งั้นก็ตอบตกลงเขาไปก็แล้วกัน” ฟาเบียโน่พยักหน้ารับและหยิบกระดาษที่วางอยู่ใกล้มือส่งให้คนสนิท “จัดการโอนเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่เหมือนเดิมด้วยนะดีเกา ส่งจดหมายตอบรับกลับคืนไปให้ทางสถานสงเคราะห์ด้วยว่าฉันจะรับเป็นพ่อบุญธรรมต่อไปอีกโดยไม่มีกำหนด” ฟาเบียโน่ ลูอิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า บอกดีเกาหนุ่มบราซิลเลี่ยนที่ทำหน้าที่เป็นลูกน้องมือขวาของเขามาได้หลายปีแล้ว

“เด็กที่ท่านอุปการะอยู่ที่เมืองไทยเรียนจบตั้งแต่ปีที่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?” ดีเกาถามอย่างสงสัยเพราะหลังจากที่เจ้านายของเขากลับจากเมืองไทยเมื่อแปดปีที่แล้ว การโอนเงินจำนวนมากโขให้เด็กสาวคนหนึ่งทุกๆ เดือนก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งของเขาและยังได้รับคำขู่ของเจ้านายอีกด้วยว่า ‘ถ้าลืม... ตาย!’

“ทำไม? ถึงเด็กคนนั้นจะเรียนจบแล้วแต่ฉันใจบุญจะส่งเสียเลี้ยงดูต่อไปนี่ ต้องรายงานแกด้วยหรือไง?” ฟาเบียโน่ชักจะฉุน ที่ลูกน้องมือขวาของเขามันชักจะสอดรู้เรื่องของเขามากขึ้นไปทุกวัน! ตาสีฟ้าจัดหรี่มอง พร้อมเริ่มส่อเค้าขุ่นมัวจนคนถูกมองต้องรีบถอยหลังเดินออกจากห้องทำงาน

ฟาเบียโน่ถอนหายใจเฮือก ภาพความผิดของตัวเองในครั้งเก่ายังชัดเจนในความทรงจำ จนไม่มีวันที่จะลืมได้!!!


กรุงเทพมหานคร

“ขิง! วันนี้เงินเดือนออกเราไปฉลองกันหน่อยไหม?” นัดดาเดินมาถึงโต๊ะทำงานของอรอาภาเพื่อนสาว แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเต็มที่

อรอาภาเงยหน้าขึ้นจากภาพสเก็ตซ์ตรงหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างฝาผนัง ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะเลิกงาน แล้วจึงหันมายิ้มให้เพื่อนสาว “อื้ม... วันนี้ตามใจเธอ แต่ก่อนจะได้ไปฉลองรีบไปทำงานของตัวเองให้เสร็จเลย วันนี้จะได้เดินเที่ยวแบบไม่มีห่วง! เข้าใจไหม?”

“แปลว่าวันนี้เธอไม่มีนัดกับคุณต่อใช่ไหมขิง?” นัดดาถามด้วยเสียงดีใจ

“วันนี้เขาต้องออกงานกับท่านประธาน” ทั้งสองสาวกำลังพูดถึง ต่อพงษ์ พงศกร ลูกชายเจ้าของบริษัทที่เธอทั้งสองทำงานอยู่ ต่อพงษ์และอรอาภาตกลงคบหาดูใจกันได้ปีกว่าแล้ว เพราะตั้งแต่ที่หญิงสาวเข้ามาทำงานในพงศกรเจมส์ในฐานะจีเวลรีดีไซเนอร์เมื่อสิบหกเดือนที่แล้ว ต่อพงษ์ก็เริ่มขายขนมจีบให้อรอาภาทันที จนหญิงสาวตอบรับไมตรีเมื่อเข้ามาทำงานได้เป็นเดือนที่สอง

“นี่ขิง! แล้วทำไมงานนี้คุณต่อเขาไม่พาเธอไปด้วยล่ะ?” นัดดาขยับเข้ามาไกลเพื่อนสาวอีกนิด เพราะพักหลังๆ มานี่ นัดดาจะเห็นอรอาภาออกงานสังคมชั้นสูงกับต่อพงษ์บ่อยๆ

อรอาภาทำหน้าเมื่อย ยิ้มแหยๆให้เพื่อนสนิทที่เรียนจบมาด้วยกัน “ฉันไม่อยากไปเองแหละ พอออกงานทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองกับเขาอยู่กันคนละโลกเลย!”

นัดดาวางบีบไหล่บอบบางของเพื่อนสาวเบาๆ เชิงให้กำลังใจ “ช่างเถอะ! ไม่ไปก็ดีแล้วล่ะ วันนี้ไปกินอาหารเหลาร้านประจำของเรา ตามด้วยเดินช๊อปกระจายอย่างประหยัดแบบมนุษย์เงินเดือนกับฉันดีกว่า”

“นั่นล่ะ คือแบบที่ฉันโปรดปรานมากที่สุด!” พูดจบสองสาวก็หันมาหัวเราะ นัดดารีบกลับไปทำงานของตัวเองทันที ปล่อยให้อรอาภานึกถึงเวลาที่อยู่ในงานเลี้ยงหรูหราที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย หญิงสาวบอกกับตัวเองว่าจะยอมไปงานเหล่านั้นกับแฟนหนุ่มก็ต่อเมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องงานที่ทำอยู่เท่านั้น การแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรที่จะเป็นการเปิดหูเปิดตาของตัวเองให้มีไอเดียสร้างสรรค์ผลงานให้ดีขึ้น บางคนอยากรู้จักเธอเพราะชื่นชมและถูกใจในดีไซน์เครื่องประดับที่เธอเป็นคนออกแบบขึ้น แต่ก็ต้องแนะนำตัวเองให้วุ่นวายเพราะนามสกุลที่ต่อท้ายชื่อไม่เป็นที่รู้จักของคนในแวดวงสังคม

แต่หญิงสาวไม่เคยได้สนใจหรือเก็บเอาความรู้สึกมองโลกอย่างคับแคบของผู้คนที่โอ้อวดตัวเองว่าเป็นคนชั้นสูงเอามาใส่ใจสักนิด พวกเขาจะรวยล้นฟ้าหรือจะยากจนติดดิน! มันก็ไม่ได้ทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันของเธอเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด!

อรอาภาคิดว่าเธอควรภูมิใจด้วยซ้ำที่คนเหล่านั้น รู้สึกชื่นชอบผลงานของเธอที่เป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุสิบห้าปี เติบโตและเรียนจบจนได้มีการมีงานทำด้วยเงินบริจาคของผู้ใจบุญคนหนึ่งที่อยู่ในต่างแดนไกล ถึงแม้จะไม่เคยเห็นหน้าหรือพูดคุยกันแต่อรอาภาก็เขียนจดหมายด้วยลายมือของตัวเองส่งให้ผู้มีพระคุณ เพื่อแจ้งถึงผลการเล่าเรียนตลอดระยะเวลาที่ได้รับเงินอุปการะจากท่าน แม้กระทั่งเรียนจบและมีงานทำลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว หญิงสาวก็ยังส่งจดหมายนี้หาท่านทุกเดือนไม่เคยขาด ทราบซึ้งเป็นอย่างยิ่งเพราะท่านยังยืนยันที่จะโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของเธอมาจนถึงบัดนี้


อรอาภา วรกุล หรือขิง หญิงสาววัยยี่สิบสามปีเต็ม เรียนจบจากคณะมัณฑณศิลป์ สาขาวิชาออกแบบเครื่องประดับ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศไทยด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ถูกทาบทามให้เข้าร่วมทำงานในพงศกรเจมส์ บริษัทผลิตเครื่องประดับชื่อดังพร้อมด้วยข้อเสนอเงินเดือนและสวัสดิการพนักงานที่มากกว่าบริษัทอื่น หญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะตอบตกลงทันที

ดวงตากลมสีดำสนิท จมูกโด่งรั้นนิดๆ ริมฝีปากอิ่มเป็นกระจับประกอบเข้ากับใบหน้ารูปหัวใจ ผิวผ่องอมชมพูแล้วทำให้สาวอาร์ติสผู้นี้เป็นสาวอารมณ์ศิลป์ ที่มีบุคลิกต่างจากสาวอาร์ติสทั่วไปโดยสิ้นเชิง เธอชอบใส่เสื้อเชิ๊ตตัวหลวมเนื้อนิ่มกับกางเกงยีนส์อวดสะโพกงอนงามและเรียวขาได้อย่างน่าปราถนา เครื่องประดับก็ใส่น้อยชิ้น มีเพียงสร้อยคอทองคำเส้นเล็กๆ แขวนกับจี้พระประจำวันเกิดที่คุณตาของเธอเคยให้และกำชับให้ห้อยเอาไว้ติดตัวตลอดเวลา


สุดสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันจันทร์แรกของเดือนก็เริ่มขึ้นด้วยการจราจรที่ติดขัดเป็นปกติของคนในเมืองหลวงที่ต้องพบเจอ อรอาภาเดินเข้ามาในพงศกรเจมส์ก่อนเวลาเริ่มงานประมาณสิบห้านาที

“ขิง วันนี้เก้าโมงท่านรองเรียกประชุมดีไซเนอร์ด่วนนะ” นัดดาเดินเข้ามาหาเพื่อนสาวทันทีที่เห็นอรอาภาวางกระเป๋าสะพายลงโต๊ะทำงาน “เธอรู้รึเปล่า เรื่องอะไร?”

อรอาภาส่ายหน้า “อ้าว! เธอเป็นคนมาบอกฉันเอง แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันเล่ายัยนัด!”

“ก็นึกว่าคุณต่อจะเล่าให้เธอฟังก่อนเสียอีก นี่แสดงว่าเมื่อวานวันอาทิตย์คุณต่อพงษ์ไม่ได้ไปหาเธอหรือโทรหาเลยใช่ไหม?” นัดดาเดินตามหลังเพื่อนสาวไปตามทางเดินเข้าห้องน้ำ

“อื้อ... เห็นเขาบอกว่าติดธุระสำคัญ ฉันก็เลยไม่อยากเซ้าซี้ อีกอย่างหยุดวันอาทิตย์วันเดียวฉันก็จัดการทำความสะอาดห้องให้วุ่นไปหมด” อรอาภาบอกพร้อมปิดประตู้เข้าห้องน้ำและกล้าที่จะคุยกันในห้องน้ำอยู่กันเพียงสองคน

“เรื่องอะไรนะ... ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ฉันยังไม่เคยได้ยินคำสั่งเรียกประชุมด่วนแบบนี้เลย” นัดดายังยืนส่องกระจกบานใหญ่ไปรำพึงรำพันกับตัวเองไป ระหว่างที่รอเพื่อนสาวออกมาจากห้องน้ำ ไม่นานก็ได้ยินเสียงปลดล็อกประตู

“อีกแค่ไม่ถึงชั่วโมงเดี๋ยวก็ได้รู้แล้วน่า อย่าทำเป็นสาวใจร้อนนักเลย” อรอาภาแซวพลางล้างทำความสะอาดมือเรียวของตนเอง

“เฮอะ! ใช่ซี้ ฉันมันใจร้อน! ไหนเลยจะใจเย็นเป็นน้ำแข็งขั้วโลกเหมือนเธอกันล่ะ เห็นแฟนตัวเองออกงานกับไฮโซคนดังขนาดคุณแววดาว แล้วแม่ของคุณต่อพงษ์ยังยิ้มหน้าบานขนาดนั้น ยังจะใจเย็นได้แบบเธออีกล่ะยัยขิง ไม่เห็นจะเผ็ดร้อนสมชื่อเลย!”

“แล้วถ้าฉันโวยวายไปมันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ? ฉันว่าฉันรู้ตัวเองมากกว่าว่าฉันมาจากไหน ตอนนี้ยืนอยู่ตรงไหน” อรอาภาถอนหายใจเฮือก ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกกับข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่สื่อมวลชนประโครมข่าวครึกโครมถึงความเหมาะสมของสองตระกูลใหญ่ มีเหรอที่เธอจะไม่รู้ว่าท่านประธานนงนุชนั้นไม่ชอบใจที่ลูกชายมาคบหากับคนระดับอย่างเธอ แต่ก็เลือกที่จะเงียบ เชื่อใจคนที่กำลังคบหาอยู่เพราะมีข้อตกลงที่ชัดเจนต่อกัน และยังรอฟังคำอธิบายเรื่องทุกอย่างจากปากของเขาอยู่

“นี่! ขิงอย่าคิดมากนะ ฉันขอโทษ! ฉันมันปากเสียปากไวแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว” นัดดาว่าให้ตัวเอง เมื่อเห็นสีหน้าสลดลงไปทันตาของเพื่อนสนิท

“ช่างเถอะน่า! ฉันเคยโกรธเธอเกินนาทีที่ไหน?” อรอาภากลับปลอบเพื่อนเสียเอง และดันตัวของนัดดาให้ออกจากห้องน้ำเพราะใกล้เวลาเข้าประชุมแล้ว


ห้องประชุมพงศกรเจมส์

“ที่ผมเรียกประชุมดีไซเนอร์เป็นกรณีพิเศษในวันนี้ ก็เพราะพงศกรเจมส์ของเราได้รับเลือกในเสนอผลงานเครื่องเพชรชุดใหญ่ที่คุณหญิงเลอลักษณ์จะให้เป็นของขวัญในโอกาสที่ลูกสาวคนเล็กของท่านจะแต่งงาน ซึ่งงานนี้เรามีคู่แข่งตลอดกาลอย่างบลูไดมอนด์เข้าเสนอผลงานแข่งกับเราในครั้งนี้ด้วย” ต่อพงษ์ที่นั่งอยู่ขวามือของท่านประธานนงนุชเป็นคนลุกขึ้นพูด

“ผมจึงอยากให้ดีไซเนอร์ทุกคนในพงศกรเจมส์ออกแบบเครื่องเพชรมาคนละหนึ่งเซต ซึ่งประกอบด้วยสร้อยคอ ต่างหู กำไล สร้อยแขนและแหวน ให้เวลาถึงวันศุกร์นี้เท่านั้น!”

สิ้นเสียงของรองประธานต่อพงษ์ เสียงอื้ออึงของจีเวลรีดีไซเนอร์ก็ซุบซิบขึ้นเพราะมีเวลาในการทำงานชิ้นมโหฬารนี้น้อยมาก

“เอาล่ะๆ ผมเข้าใจว่าเรามีเวลาน้อย แต่ถ้าบลูไดมอนส์รับปากว่าทำได้ ผมก็เชื่อในศักยภาพดีไซเนอร์ของพงศกรเจมส์เช่นกันว่าไม่เป็นรองใครแน่” พูดพร้อมกับส่งสายตาคาดหวังไปให้กับอรอาภา แฟนสาวที่นั่งนิ่งอยู่ไม่ไกลนัก “คุณหญิงเลอลักษณ์ต้องการที่จะใช้เพชรทุกเม็ดที่มีคุณภาพดีเยี่ยม น้ำใสไร้ตำหนิและเป็นฮาร์ทแอนด์แอร์โรว์ทุกเม็ด เจาะจงให้มาจากเหมืองเพชรของโอลีเวย์ร่าในบราซิลเท่านั้น!”

ในวงการอัญมณีใครก็รู้ว่าเหมืองเพชรตระกูลโอลีเวย์ร่าในบราซิลจะคัดแต่เพชรน้ำหนึ่ง1 ซึ่งไร้ตำหนิ ไร้สี และเจียระไนแบบที่ใช้กล้องส่องเห็นเป็นลูกศรแปดแฉกและหัวใจแปดดวง หรือที่เรียกกันว่าการเจียระไนแบบฮาร์ท แอนด์ แอร์โรว์เท่านั้น เรื่องราคาจึงไม่ต้องสงสัยว่ามันย่อมต้องแพงกว่าเพชรตามท้องตลาดทั่วไปอยู่หลายเท่าตัวแน่

“นั่นก็หมายความว่าผลงานที่คุณหญิงเลอลักษณ์เลือก จะได้มีโอกาสไปเยือนเหมืองเพชรโอลีเวย์ร่าในบราซิลโดยปริยาย ทั้งยังได้พ็อคเก็ตมันนี่จากพงศกรเจมส์ไปเดินเที่ยวที่บราซิลอีกหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ด้วย” ประธานนงนุชกล่าวประเด็นชูโรงที่ทำให้ดีไซเนอร์ทั้งหลายต่างกรี๊ดกร๊าดที่ได้ยินข้อเสนอที่ยั่วยวนใจนั่น! “แต่ก่อนอื่นที่จะได้ไปบราซิล ผลงานของเราต้องถูกเลือกซะก่อน วันศุกร์ตอนเก้าโมงเช้า ฉันหวังว่าจะได้เห็นผลงานของทุกคน ตอนบ่ายกรรมการทุกคนจะเป็นคนเลือกผลงานของพวกคุณทุกคนออกมาหนึ่งชิ้น เพื่อที่จะนำเสนอคุณหญิงเลอลักษณ์ในเช้าวันเสาร์”

ต่อพงษ์จึงพูดต่อจากมารดาก่อนปิดประชุม “ผมหวังว่าทุกคนจะแสดงความสามารถออกมาในงานชิ้นนี้ มันจะทำให้ชื่อเสียงของคุณเองและพงศกรเจมส์ โด่งดังได้อย่างไม่ต้องเสียเวลาเลย! เอาล่ะครับมีใครสงสัยอยากถามอะไรไหม?”

จีเวลรีดีไซเนอร์ชายใจหญิงนางหนึ่งยกมือขึ้นถาม “งานนี้ไม่จำกัดงบ ไม่จำกัดขนาดของชิ้นงานใช่ไหมฮะ”

“ไม่จำกัดงบแน่นอน ส่วนชิ้นงานขอให้เน้นความหรูหราเหมาะกับโอกาสพิเศษที่ลูกค้าแจ้งมา” ต่อพงษ์ตอบ

“แล้วไม่มีเมนไอเดียเหรอคะ ว่าลูกค้าชอบหรืออยากได้แบบไหน?” นัดดาถามขึ้น

ต่อพงษ์ยักไหล่ เขาเข้าใจดีว่านั่นคือส่วนที่สำคัญในการออกแบบเครื่องประดับออกมาให้ลูกค้าพึงพอใจ แต่มันเป็นสิ่งที่ทั้งสองบริษัทต้องเดาใจลูกค้าวีวีไอพีคนนี้ “ไม่มีครับ ทั้งเราและบลูไดมอนส์ได้โจทย์มาเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับฝีมือของพวกคุณแล้วว่าจะทำยังไง และก็ขึ้นอยู่กับดวงอีกเหมือนกันว่าจะออกมาตรงใจลูกค้ารึเปล่า”

หลายคนที่ได้รับโจทย์มหาโหดนี้ถึงกับมองตากันปริบๆ ไม่เว้นแม้แต่อรอาภาและนัดดาที่ถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กัน

“ถ้าไม่มีใครสงสัยอะไรอีก ผมขอปิดประชุมเพียงเท่านี้ และหวังว่าวันศุกร์จะได้เห็นผลงานสร้างสรรค์ของพวกคุณนะครับ” ต่อพงษ์พูดพร้อมยิ้มให้กับพนักงานทุกคนและเดินตามมารดาออกจากห้องประชุม

“ตายห่_ล่ะ! นี่มันยากกว่าให้ฉันไปเอ็นทรานส์ใหม่อีกนะยะหล่อน บราซิลน่ะก็อยากไปอยู่หรอก เผื่อว่ามิสเตอร์ฟาเบียโน่จะตกหลุมรักฉันบ้าง แต่ถ้าโจทย์ยากแบบนี้ฉันคงต้องไปเกิดเป็นพยาธิในไส้คุณหญิงเลอลักษณ์แล้วล่ะมั้ง ถึงจะได้รู้ใจท่านว่าชอบอะไร แบบไหนบ้าง!” จีเวลรีดีไซเนอร์ชายใจหญิงพูดพร้อมเดินออกจาห้องประชุม เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ที่เห็นด้วยกับความคิดของนางให้ครื้นเครงไปตามๆ กัน


กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...

อรอาภาควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าใบใหญ่ของตัวเองในขณะที่กำลังนั่งอยู่บนรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางกลับบ้านหลังเลิกงาน หญิงสาวกรอกเสียงลงไปเมื่อเห็นชื่อของคนรักปรากฏอยู่หน้าจอ

“ค่ะ พี่ต่อ”

“ขิงอยู่ไหนครับ ทำไมไม่รอพี่ก่อน?” ต่อพงษ์ถาม เมื่อตั้งใจว่าจะออกมาหาอรอาภาและส่งเธอกลับบ้านแต่ก็ต้องพบแค่โต๊ะทำงานที่ว่างเปล่า

“พี่ต่อมีอะไรรึเปล่าคะ พอดีขิงออกมาแล้วตอนนี้อยู่บนรถไฟฟ้า”

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ พี่กะว่าจะพาขิงไปกินข้าวแล้วค่อยไปส่งที่อพาร์ตเมนต์ แต่ขิงก็กลับไปเสียก่อน”

“ขิงไม่ทราบนี่คะ ก็พี่ต่อไม่ได้บอกไว้ก่อน” อรอาภาบอกไปตามตรง

“อะไรกันนี่พี่เป็นแฟนขิงนะ ไม่ใช่คนอื่นจะกินข้าวกับแฟนตัวเองก็ต้องโทรมานัดหรือไง!?” ต่อพงษ์ว่าด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดจนอรอาภารู้สึกได้ จึงไม่อยากต่อความให้เป็นเรื่อง

“เอาไว้ให้พี่ต่ออารมณ์ดีแล้วค่อยมาคุยกับขิงนะคะ” หญิงสาวว่าเท่านั่นแล้วก็ปิดโทรศัพท์ไปเลย

“ฮัลโหลๆ ขิง! ขิง... เดี๋ยวสิ!” ต่อพงษ์เรียกแฟนสาวเสียงเข้ม และต่อสายหาเธออีกครั้งแต่ก็พบว่าเธอปิดเครื่องไปแล้ว ชายหนุ่มจึงบึ่งรถคันโก้ออกจากพงศกรเจมส์เพื่อจะตามไปหาอรอาภาที่อพาร์ตเมนต์แทน


อรอาภาเดินทางมาถึงอพาร์ตเมนต์ของตนเองเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา หญิงสาวจัดการอาบน้ำชำระร่างกายเรียกความกระปรี้กระเปร่าให้ตนเองก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงานชิ้นโหดที่ได้รับมอบหมายเมื่อตอนเช้านี้ อรอาภายังหมุนดินสออยู่ในมือเล่นเมื่อถึงคิดไม่ออกว่าเครื่องเพชรที่คุณหญิงเลอลักษณ์ชอบจะเป็นแบบไหน?

“แบบไหนกันนะ... ที่คนเป็นแม่จะเลือกให้ลูกสาว!?” เปรยกับตัวเองออกมาแล้วก็ต้องยิ้มอย่างเศร้าๆ ถ้าตอนนี้มีแม่อยู่ข้างๆ ก็คงดีไม่น้อย จะได้ถามท่านบ้างถึงแม้จะไม่รวยอย่างลูกค้าของเธอ แต่อย่างน้อยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ก็คงจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ แล้วยิ่งเป็นลูกสาวคนโปรดในวันแต่งงานของเธออีกด้วย

เสียงกริ่งดังที่ประตูห้องทำให้ความคิดของอรอาภาหยุดชะงัก! แล้วลุกขึ้นเดินมาส่องดูที่ตาแมวเล็กๆ ตรงประตูห้องบานใหญ่พร้อมกับปลดล็อกให้คนด้านนอกได้เดินเข้ามา

“ขิงมาถึงนานรึยังครับ?” ต่อพงษ์ก้าวเข้ามาในห้องขนาดไม่ใหญ่มากนักที่จัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างประหยัด ลงตัวกับชีวิตสังคมเมืองเหมือนอพาร์ตเมนต์ทั่วไป

“สักพักแล้วค่ะ พี่ต่อมีอะไรกับขิงรึเปล่าคะ ถึงได้ตามมาถึงที่นี่” อรอาภาพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ

“ขิงอย่าพูดอย่างนี้สิ พี่ขอโทษที่เมื่อกี้พี่ใช้อารมณ์มากไปหน่อย อย่าโกรธพี่เลยนะ เอาเป็นว่าเราออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันถือว่าเป็นการไถ่โทษดีไหม?” ต่อพงษ์เสนอด้วยน้ำเสียงเอาใจพลางทรุดตัวนั่งลงโต๊ะที่วางเก้าอี้ไว้ตรงกันข้ามกันสองตัวที่หญิงสาวใช้เป็นทั้งโต๊ะอาหารและโต๊ะทำงาน

อรอาภาส่ายหน้า “ขิงไม่มีเวลาทำอย่างนั้นหรอกค่ะ งานที่พี่ต่อสั่งเมื่อเช้านี้ขิงยังคิดไม่ออกเลยเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันเอง”

“พี่เข้าใจว่ามันยาก แต่ก็ยังมั่นใจในตัวขิงกว่าทุกคนว่าขิงจะไม่ทำให้พี่และคุณแม่ผิดหวังแน่”

“อย่าประเมินขิงสูงไปนักเลยค่ะ จนป่านนี้ขิงยังตีโจทย์ไม่แตกคิดอะไรไม่ออกเลย บางทีถึงวันนั้นอาจจะไม่มีงานส่งพี่ต่อก็ได้” พลางถือแก้วน้ำเย็นวางลงตรงหน้าชายหนุ่มและตนเองก็นั่งลงตรงกันข้าม

ต่อพงษ์ยิ้มให้แฟนสาวอย่างมีเลศนัยบางอย่างแฝงไว้อยู่ “คุณหญิงเลอลักษณ์ท่านรักลูกสาวคนนี้มาก เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวในหมู่พี่น้องห้าคน พี่ชายทั้งสี่คนก็รักน้องสาวมากเป็นเหมือนดวงใจของบ้านเลยก็ว่าได้ ในห้องนอนของคุณหญิงเลอลักษณ์ต้องมีดอกกุหลาบสีขาวจัดใส่แจกันไว้ตลอดเวลา สามีของท่านที่เสียไปเมื่อหลายปีก่อนยังเรียกท่านมาว่าโรสด้วย ถ้าอยู่กันตามลำพัง”

อรอาภามองหน้าของต่อพงษ์อย่างไม่อยากเชื่อ “แล้วพี่ต่อไปรู้เรื่องส่วนตัวของท่านได้ยังไงคะ?”

“พี่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันกับลูกชายคนที่สามของท่าน แต่พอเรียนจบเขาก็ไปเรียนต่อเมืองนอกก็เลยห่างๆกันไป วันนี้พี่นั่งคิดอยู่ตั้งนานกว่าจะคิดเรื่องพวกนี้ได้ พอนึกขึ้นได้ก็กะว่าจะมาบอกขิงแต่ขิงก็หนีกลับบ้านมาซะก่อน” ท้ายประโยคต่อพงษ์ใช้น้ำเสียงงอนนิดๆ

“ขิงไม่ได้หนีนะคะ เลิกงานแล้วก็ต้องกลับบ้านสิ อีกอย่างก็ต้องรีบมาคิดงานมหาโหดของพี่ต่อเนี่ย”

“เป็นอะไรล่ะ? ทำไมยังทำหน้ามุ่ยอยู่ นี่พี่บอกขิงคนเดียวไม่ยอมบอกคนอื่นเลยนะ พี่หวังเต็มที่เลยว่าจะไปซ้อมฮันนีมูนกับขิงที่บราซิล” ชายหนุ่มกล่าวล้อๆ

อรอาภาค้อนแฟนหนุ่มตาเขียว! “ดีนะที่อยู่กันสองคน ไม่งั้นถ้าคนอื่นได้ยินคงมองขิงเป็นคนใจง่ายไปแล้ว”

“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ!!” ต่อพงษ์ปฏิเสธพัลวันพร้อมโบกไม้โบกมือประกอบ

“แต่พี่ต่อพูดอย่างนั้น!” อรอาภาบอกอย่างไม่ยอม “เฮ้อ... มาคิดๆ ดูอีกทีไม่รู้ว่าดอกกุหลาบที่ท่านชอบจะเป็นปมให้คิดถึงสามีแล้วพาลไม่ชอบหรือจะเป็นจุดเด่นที่ท่านจะถูกใจดี”

“ไม่เห็นยาก งานที่ออกมาแล้วลูกค้าจะชอบหรือไม่ชอบน่ะ ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่การพรีเซ็นต์ด้วย” ต่อพงษ์บอก

“อย่าบอกนะคะว่าต้องให้ขิงไปพรีเซ็นต์งานต่อหน้าคุณหญิงเลอลักษณ์ด้วย ขิงยิ่งพูดไม่ค่อยเก่งอยู่ด้วย”

“ขิงพูดไม่เก่งแต่พูดได้ดีแล้วก็มีเหตุผลมาก ยังมีพี่กับคุณแม่ช่วยอีกแรงไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ”

อรอาภายกมือเรียวของตัวเองขึ้นปิดปากอิ่มแล้วมองคนรักตาโต “ตายจริง! ขิงยังคิดงานไม่ออกแต่คิดไปไกลถึงพรีเซ็นต์แล้ว แย่จริงๆ” พลางส่ายหน้าและหัวเราะออกมาทั้งคู่

“งั้นวันนี้เราสั่งอาหารมากินที่ห้องก็แล้วกันนะ ขิงจะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกไปข้างนอก” ต่อพงษ์เสนอ และยกโทรศัพท์สั่งอาหารทันทีเมื่อแฟนสาวพยักหน้า

สองหนุ่มสาวนั่งทานพิซซ่ากันสองคนเป็นอาหารเย็นพร้อมคุยถึงไอเดียในงานออกแบบชิ้นงานไปพร้อมๆกัน อรอาภาเสนอว่าพรุ่งนี้ให้ต่อพงษ์บอกข้อมูลเหล่านี้แก่ดีไซเนอร์ทุกคนเพื่อความเสมอภาค หลังอาหารมื้อง่ายๆ จบลง ต่อพงษ์ก็อยู่คุยเรื่องภาพข่าวที่ทำให้อาจเกิดปัญหาระหว่างกันได้กับแฟนสาวฟัง ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างสบายใจเพราะความเป็นคนมีเหตุผลของอรอาภา ไม่หูเบาเชื่อเรื่องที่เป็นข่าว เมื่อเข้าใจกันดีแล้วเขาจึงกลับออกมาปล่อยให้อรอาภาได้มีสมาธิในการทำงานของเธอต่อไป


กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...

ต่อพงษ์กดปุ่มอุปกรณ์เชื่อมต่อในรถสปอร์ตคันหรูเพื่อรับสายโทรศัพท์ที่ดังขึ้น หลังจากที่ขับรถออกมาจากอพาร์ตเมนต์ของแฟนสาวได้ไกลพอสมควรแล้ว

“ฮัลโหล”

“คุณต่อพงษ์คะ นี่ดาวเองนะคะ แววดาวจำได้ไหมคะ?” แววดาว อภิโชติวงษ์ เซเลบคนดังลูกสาวเจ้าของห้างสรรพสินค้าหรูแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ กรอกเสียงหวานของตัวเองลงไปทันที

“ครับ... จำได้สิครับ ถ้าจะมีใครจำคุณแววดาวไม่ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นคนคนนั้นก็ต้องหูตาฝ้าฟางเป็นแน่” ต่อพงษ์พูดเอาใจ ผู้หญิงสวยเปรี้ยวที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกและยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจในตัวเขาออกนอกหน้า จนทำให้เป็นข่าวครึกโครมขึ้นมาเมื่อสองวันที่แล้ว

“แหม! ปากหวานเหลือเกินนะคะ แล้วนี่คุณต่อพอจะว่างรึเปล่าคะ เมื่อกี้นี้เห็นคุณแม่ของคุณต่อโทรหาดาวบอกว่าคุณต่อสนใจจะเช่าพื้นที่ในห้างของดาวเหรอคะ?”

“ครับ กะว่าพรุ่งนี้จะติดต่อคุณดาวไป ไม่นึกว่าคุณดาวจะให้เกียรติผมโทรฯมาก่อนแบบนี้”

“ไม่เห็นต้องเกรงใจพูดเป็นคนอื่นคนไกลอย่างนั้นเลยนี่คะ ยังไงคนเขาก็รู้กันทั้งเมืองอยู่แล้วว่าเราเดตกัน” แววดาวหยุดพูดอย่างอยากให้ต่อพงษ์แปลกใจ “ถึงแม้มันจะเป็นข่าวโคมลอย แล้วเป็นยังไงคะแฟนคุณต่อโกรธรึเปล่า?”

ต่อพงษ์หัวเราะน้อยๆ เลือกที่จะไม่ตอบแต่กลับถามแววดาวไปอีกเรื่อง “อย่าสนใจเลยครับ แล้วคุณดาวทานข้าวรึยังครับ?”

“ก็กะว่าจะโทรมาชวนคุณต่อไปหาอะไรอร่อยๆทานกัน แล้วก็จะคุยเรื่องที่ดาวกับคุณแม่ของคุณต่อคุยกันค้างไว้อยู่ด้วย”

“ได้เลยครับ จะให้ผมไปรับคุณดาวที่ไหนดีครับ?” ต่อพงษ์อาสาอย่างเต็มใจ

“เจอกันที่ร้าน... ก็ได้ค่ะ พอดีตอนนี้ดาวอยู่ข้างนอกแล้ว” แววดาวบอกชื่อร้านอาหารสุดหรูที่เป็นผับกึ่งร้านอาหาร

“โอเคครับ อีกประมาณสามสิบนาทีเจอกันนะครับ สวัสดีครับ” ต่อพงษ์ยิ้มถูกใจ เขาจะไม่มีวันปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไปแน่ เพราะห้างสรรพสินค้าของแววดาวนั้นเป็นห้างที่เจาะเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับสูงเท่านั้น ร้านค้าต่างๆ ในห้างของเธอจึงอัดแน่นไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลก ตัวเขาเองกำลังจะเปิดตลาดจีเวลรีระดับไฮคลาสซึ่งถ้ามีหน้าร้านในห้างหรูของแววดาวก็นับว่าเป็นทำเลที่ดียิ่งนัก เรื่องราคาค่าเช่านั้นเขาสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว!

หลังจากที่เขาได้นำพงศกรเจมส์ไปแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรที่มาเลเซียในปีที่ผ่านมา ก็นับว่าเป็นการเปิดตลาดของพงศกรเจมส์ได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับอรอาภาที่ออกแบบเครื่องประดับได้แปลกตาทั้งหรูหราสะดุดตากับผู้พบเห็น ทำให้อยากได้มาครอบครอง และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณนงนุชไม่สามารถขัดขวางความรักของตนและอรอาภาได้ เพราะประจักษ์แก่ใจในความสามารถของเธอ จนตอนนี้พงศกรเจมส์ได้ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของผู้ผลิตเครื่องประดับล้ำค่าอันดับต้นๆ ของประเทศแล้ว


วันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์การทำงานก็มาถึง และเป็นวันสุดท้ายที่จีเวลรีดีไซเนอร์ทุกคนของพงศกรเจมส์จิตใจกระวนกระวายที่สุด คอยชะโงกมองหน้าห้องประชุมตั้งแต่เดินเข้าไปส่งผลงานและพรีเซ็นต์ผลงานของตัวเองทีละคน แล้วออกมานั่งรอที่โต๊ะทำงานของตัวเองเพื่อรอคณะกรรมการลงความเห็นว่าจะเลือกผลงานของใครไปเสนอกับลูกค้ากิตติมศักดิ์อย่างคุณหญิงเลอลักษณ์

“ขิง... ฉันว่าผลงานของฉันต้องไม่ถูกใจท่านประธานแน่เลย” นัดดาเดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย แล้วลากเก้าอี้ของตัวเองมาทรุดตัวนั่งติดกับอรอาภา “จริงๆนะ ตอนฉันพรีเซ็นต์แอบมองเห็นท่านประธานส่ายหน้าแล้วก็เบ้ปากอีกด้วย เฮ้อ... ทำไงดีล่ะขิง!?”

อรอาภาลูบหลังเพื่อนสาวทั้งปลอบและให้กำลังใจ “ตอนที่ฉันพรีเซ็นต์ก็เหมือนกัน ท่านประธานก็เบ้ปาก ตอนที่ฉันออกไปทานข้าวกับพี่ต่อท่านก็เบ้ปาก ตอนที่พี่ต่อยิ้มให้ฉันท่านก็เบ้ปากเหมือนกัน”

นัดดาหยุดความคิดของตนเองลง เมื่อได้ยินเพื่อนสาวพูดอย่างนั้นเหมือนกำลังบอกให้เธอรู้ว่ายังมีคนอื่นที่รู้สึกแย่กว่าตัวเอง มองหน้าเพื่อนสนิทที่มักพูดให้ได้คิดและขำอยู่เป็นประจำพร้อมกับหัวเราะออกมาทั้งคู่ “ยัยบ๊องส์นี่! เธอชอบเบรกอารมณ์ฉันให้ค้าง! จนทำอะไรไม่ถูกประจำเลย!!”

“กินข้าวกันดีกว่า พอเลยเวลามานิดหน่อยท้องฉันก็เต้นระบำแล้ว” อรอาภาบอกพร้อมลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองโชว์เพื่อน สองสาวเดินออกมานั่งทานก๋วยเตี๋ยวร้านอร่อยตรงกันข้ามที่ทำงานมีพนักงานจากบริษัทต่างๆ มานั่งอยู่จนแน่นร้าน แต่ในใจของอรอาภายังคิดว่าถ้าผลงานของเธอได้รับเลือกแล้ว เธอจะทำใจเดินทางไปบราซิลด้วยตัวเองรึเปล่า??


บ่ายจัดของวันเดียวกันในห้องประชุมของพงศกรเจมส์ จีเวลรีดีไซเนอร์ทุกคนต่างนั่งประจำที่นั่งของตัวเองด้วยความตื่นเต้นและใจจดจ่อกับผลประกาศที่กำลังจะได้ยินในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

“กรรมการของพงศกรเจมส์ได้คัดเลือกผลงานของทุกคนแล้วนะครับ และอยากบอกว่าผลการคัดเลือกออกมาเป็นแบบเอกฉันท์ด้วย” ต่อพงษ์หยิบภาพสเก็ตซ์ของผู้ที่ได้รับเลือกโชว์ให้ทุกคนในที่ประชุมได้เห็น “ผลงานที่ว่านั้นคือชิ้นนี้ครับ คุณอรอาภาเป็นผู้ออกแบบ”

อรอาภาอ้าปากค้างไม่คิดว่าผลงานของตัวเองจะได้รับเลือก หญิงสาวลุกขึ้นขอบคุณเพื่อนร่วมงานทุกคนที่ตอนนี้กำลังปรบมือแสดงความดีใจกับตนเองอยู่

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวออกไปราวกับละเมอ!

“เอาล่ะนี่ถือว่าเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น วันนี้ฉันจะให้เธอเลิกงานก่อนเป็นพิเศษเพื่อกลับไปเตรียมตัวพรีเซ็นต์งานต่อหน้าคุณหญิงเลอลักษณ์ในวันพรุ่งนี้” นงนุชบอกเสียงราบเรียบพร้อมกล่าวปิดประชุม ต่อพงษ์ยิ้มให้แฟนสาวอย่างยินดี เขาพอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นผลงานของแฟนสาวและมั่นใจว่าจะเอาไปสู้กับคู่แข่งได้


รุ่งเช้าในคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณหญิงเลอลักษณ์ นงนุช ต่อพงษ์และอรอาภานั่งอยู่ในห้องรับแขก รอให้บลูไดมอนด์เข้าพรีเซ็นต์งานในห้องทำงานก่อน หญิงสาวบีบมือชื้นเหงื่อของตัวเองควบคุมอาการประหม่า ความรู้สึกเหมือนจะเข้าสอบสัมภาษณ์อะไรสักอย่างที่มันบีบหัวใจและเงยหน้าขึ้นยิ้มตอบให้ต่อพงษ์ เมื่อชายหนุ่มเอื้อมมือของตนเองมาบีบเบาๆ พลางยิ้มให้กำลังใจ

“ตื่นเต้นเหรอครับ” ต่อพงษ์ยิ้มเมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าเร็วๆ “สูดหายใจลึกๆ คุณหญิงท่านใจดีมาก ตัวจริงท่านไม่ดุเหมือนบุคลิกที่แสดงออกมาหรอก ขิงต้องทำได้แน่”

“ค่ะ” อรอาภารับคำ

“ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจก็แล้วกันว่าต้องคว้างานนี้มาให้ได้ เพราะถ้าคุณหญิงเลอลักษณ์เลือกแบบของเรามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเยี่ยมที่สุดมากกว่าการทำตลาดโดยไปจ้างดาราดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เสียอีก” นงนุชบอกด้วยน้ำเสียงเข้มพลางยิ้มเย็นให้หญิงสาว

“คุณแม่ก็อย่ากดดันมากสิครับ เดี๋ยว...” ต่อพงษ์พูดยังไม่ทันจบเพราะเลขานุการคนสนิทของคุณหญิงเลอลักษณ์เปิดประตูเข้ามาเชิญทุกคนเข้าไปในห้องทำงานเสียก่อน

อรอาภาเริ่มการพรีเซ็นต์ถึงแบบสเก็ตซ์สร้อยคอ ต่างหู กำไลข้อมือ สร้อยข้อมือและแหวนของตนเองอย่างคล่องแคล่วทั้งอ่อนหวานอยู่ในที ชวนให้น่ามองน่าฟังยิ่งนัก คุณหญิงเลอลักษณ์ถึงกับยิ้มกริ่มเมื่อมัณฑนากรสาวยังออกแบบเข็มกลัดดอกกุหลาบของขวัญที่ลูกจะมอบคืนให้แม่ โดยตัวดอกกุหลาบนั้นออกแบบให้เหมือนกับเครื่องเพชรชุดใหญ่ โดยใช้เพชรเม็ดกลางขนาดใหญ่ กลีบดอกกุหลาบนั้นยังใช้การฝังเพชรเรียงแถวเป็นเส้นโค้งเลียบแบบกลีบกุหลาบ ส่วนก้านดอกกุหลาบอรอาภาออกแบบให้ใช้เพชรสีดำที่มีการเจียระไนแบบหลังเบี้ยหรือหลังเต่า เพื่อเพิ่มความเงางามให้กับชิ้นงานและดูแล้วยังเป็นจีเวลรีแนวร่วมสมัยอีกด้วย เรียกเสียงปรบมือจากคุณหญิงเลอลักษณ์ได้เป็นอย่างดี

ชั่วโมงต่อมานงนุชกับต่อพงษ์แทบจะกระโดดกอดกันด้วยความดีใจ เมื่อเลขาส่วนตัวของคุณหญิงเลอลักษณ์ออกมาบอกว่าจะโอนเงินมัดจำค่าเครื่องเพชรให้กึ่งหนึ่งในวันพรุ่งนี้

นั่นก็หมายความว่าอรอาภาต้องเดินทางไปยังประเทศที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดอยากจะเหยียบแผ่นดินแม้แต่น้อย! บราซิล!!!



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2558, 11:15:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ค. 2558, 11:15:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1367





   ตอนที่ 2 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account