พันธะรักจอมเถื่อน
ความทรงจำที่หายไปหลังจากประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากเรือ

ทำให้ ‘อรอาภา’ นักออกแบบเครื่องประดับสาวที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง

ลืมเลือนไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่ว่าตน ‘แต่งงาน’ และมี ‘สามี’ แล้ว

มิหนำซ้ำ ผู้ชายคนนั้นยังรักใคร่และดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี

จนกระทั่งหญิงสาวตายใจ ยอม ‘ทำหน้าที่เมีย’ ให้แก่เขาอย่างเต็มที่ ทุกวันและทุกคืน

แม้จะแปลกใจที่ ‘ร่างกายเธอ’...

ดูจะไม่คุ้นเคยกับการกอดรัดฟัดเหวี่ยงอันเร่าร้อนของเขาแม้แต่น้อย

หากไม่นานความจริงก็เริ่มปรากฏ...

ว่าคนที่เธอได้ ‘ทำความรู้จัก’ กันมาแล้วอย่างลึกซึ้งและถึงพริกถึงขิง 

แท้ที่จริงเป็นซาตานจอมขี้โกง เชื่อใจไม่ได้ ที่หวังล่อลวง 

และใช้ความโชคร้ายของเธอเป็นเครื่องมือบำเรอความสุขเพียงเท่านั้น!

ไม่มีใครล่วงรู้ว่าทำไม... ผู้ชายระดับ ‘ฟาเบียโน่ ลูอิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า’ 

นักธุรกิจมหาเศรษฐี เจ้าของเหมืองเพชรและทองแหล่งใหญ่ของประเทศบราซิล

จึงไม่รีรอที่จะสอนจังหวะร่างกายอันกระแทกกระทั้นเร้าใจอย่างหนุ่มละตินให้แก่เธอ

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้...  ถ้าคิดจะให้เขาชายตามองผู้หญิงแพศยา

ให้กินเศษเดนความสาวที่ผ่านมือชายมาเป็นร้อยน่ะหรือ... อย่าฝันไปเลย!

แต่เพราะอะไร ‘ความลับนั้น’ คงมีแต่เขาคนเดียวที่รู้...

และฟาเบียโน่ก็จะเก็บมันเอาไว้ ‘อย่างมิดชิด’ ให้เป็นปริศนา 

เช่นเดียวกับที่เขาตั้งใจจะหน่วงเหนี่ยวเธอเอาไว้เป็นทาสบำเรอบนเตียงตลอดกาล

“ตายจริงเฟลิกซ์!! คุณได้แผลกลับมาด้วย ขอฉันดูหน่อยสิคะ”

อรอาภาตกใจพลางดึงใบหน้าที่ซบลงตรงหว่างอกของตัวเองออกมาอย่างยากลำบาก

หากแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าตัวแม้แต่น้อย

ปากและจมูกของฟาเบียโน่ระดมจูบไปทั่วอกอวบทั้งสองข้าง

สูดกลิ่นหอมยวนใจที่ฝันหามาแสนนานเข้าเต็มปอด

“อื้อ... ดะ...เดี๋ยว เฟลิกซ์! ฉันอยากดูแผลให้คุณก่อน อื้อ...”

“แผลแค่นี้ไม่ทำให้ผมตายหรอกเมียจ๋า... 

ถ้าจะตายก็คงตายเพราะไม่ได้รักคุณมากกว่า”

ฟาเบียโน่พูดอู้อี้กับอกอิ่มพร้อมออกแรงรัดเอวคอด

ลอยขึ้นด้วยแขนทรงพลังเพียงข้างเดียว
Tags: ฟาเบียโน่ - อรอาภา

ตอน: ตอนที่ 4 100%

รุ่งเช้าทุกคนออกจากโรงแรมด้วยความตื่นเต้น ถือกระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนเองขึ้นรถตู้ที่หน้าโรงแรมตั้งแต่เช้าตรู่เพราะการไปเยือนวิลล่าหรูบนเกาะส่วนตัวของตระกูลโอลีเวย์ร่านั้น ทุกคนต้องนั่งรถเดินทางออกจากเมืองรีโอไปทางตะวันตกราวหนึ่งร้อยเก้าสิบกิโลเมตร ตลอดการเดินทางในรถตู้มีเสียงคุยกันถึงทิวทัศน์สองข้างทางเป็นระยะๆ สองชั่วโมงครึ่งถัดมาทุกคนจึงมาถึงชายฝั่งซันโคสต์ แหล่งตากอากาศระดับหรูที่ทางการและชาวบ้านพยายามจะคงบรรยากาศแบบหมู่บ้านชาวประมงไว้ให้ได้มากที่สุด แหล่งตากอาการสุดหรูนี้มีชื่อเรียกที่โด่งดังไปทั่วโลกว่า ‘บูซิโอส’ นั่นเอง

ทุกคนลงจากรถตู้เมื่อมาถึงจุดนัดพบที่อิบันคนของฟาเบียโน่ได้นัดหมายไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพื่อจะลงเรือยอร์ชข้ามไปยังเกาะส่วนตัวอีกทีหนึ่ง

“เชิญทุกท่านครับตามผมมาทางนี้ครับ” อิบันที่ยืนรออยู่แล้วบอกพร้อมนำทุกคนเดินย่ำหาดทรายบูซิโอสไปยังเรือยอร์ชลำใหญ่ สีขาวที่จอดเด่นอยู่กลางทะเล

อรอาภาก้าวขึ้นบันไดเรือยอร์ชที่จอดรออยู่ โดยส่งมือให้ต่อพงษ์ที่ขึ้นไปรอรับนงนุช แววดาวตามด้วยตนเองอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวยิ้มตอบอย่างขอบคุณ ตลอดเวลาที่เดินทางอรอาภามีท่าทีปกติ พูดคุยตามธรรมดาเพราะคิดว่าไม่อยากจะเอาเรื่องหนักใจมาคิด ไหนๆก็มีโอกาสมาถึงที่นี่แล้วก็น่าจะทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้ภายหลังแล้วเที่ยวให้สนุกก่อน ดื่มด่ำกับความสวยงามที่รายรอบตัวอยู่นี้ให้มากที่สุดเพราะยังไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้มาเยือนที่นี่อีกรึเปล่า

“ขอต้อนรับทุกท่านด้วยเวลคัมดริ้งแบบชาวพื้นเมืองนะครับ” อิบันกล่าวต้อนรับพร้อมกับสาวสวยที่นุ่งบิกินี่ลวดลายสดใสพันผ้าพิมพ์ลายดอกไม้ที่สะโพกเดินถือถาดเครื่องดื่มออกมาเสิร์ฟ “เครื่องดื่มในแก้วเรียกว่า คาชาซา นะครับ ทำจากน้ำตาลเมาเพิ่มความสดชื่นด้วยความเปรี้ยวของมะนาวและเสิร์ฟแบบเย็นจัด เชิญลองชิมดูนะครับ ถ้าถูกใจก็ขอเพิ่มได้”

ทุกคนหยิบแก้วน้ำสีขาวขุ่นคล้ายน้ำมะพร้าวจิบเพื่อชิมรสชาดของมันพร้อมกับฟังอิบันพูดต่อไป

“ตอนนี้เราจะเดินทางสู่เกาะส่วนตัวของตระกูลโอลีเวย์ร่า ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับรอง ต้อนรับและเลี้ยงส่งคู่ค้าทุกคนของ คิงส์ ออฟ เจมส์ ก่อนที่จะเดินทางกลับนะครับ เราจะล่องเรือออกจากชายฝั่งบูซิโอสประมาณสามสิบนาทีก็จะถึงวิลล่าแล้ว เซญอร์ฟาเบียโน่จะต้อนรับทุกท่าน โดยตลอดเวลาที่ทุกท่านพักอยู่ในวิลล่าจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และคราวนี้จะพิเศษออกไปอีกครับเพราะมีคู่ค้าที่มาจากอิตาลีมาร่วมแจมในครั้งนี้ด้วย ซึ่งพวกเขารออยู่ที่วิลล่าแล้ว พอไปถึงวิลล่าเราจะต้อนรับทุกท่านด้วยอาหารกลางวันริมสระน้ำจืด จากนั้นทุกท่านก็สามารถพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย ท่านอยากเลือกพักเดี่ยวพักคู่ก็สามารถแจ้งกับแม่บ้านที่วิลล่าได้เลย เซญอร์ฟาเบียโน่จะมางานเลี้ยงต้อนรับทุกท่านด้วยตัวเองในเวลาหนึ่งทุ่มตรงนะครับและจะส่งทุกท่านกลับหลังจากอาหารเช้าในวันพรุ่งนี้ครับ หวังว่าทุกท่านคงจะพอใจกับการต้อนรับของเรานะครับ”

หลังจากที่อิบันพูดจบแล้วเขาก็เดินหายเข้าไปด้านใน ต่อพงษ์จึงเดินแยกตัวออกมาหาอรอาภาที่ถือแก้วคาชาซาไว้ในมือ ยืนหันหน้าโต้ลมทะเลอยู่ไม่ไกลนัก

“ไม่ชอบเหรอครับ เห็นจิบไปนิดเดียว” ต่อพงษ์ถามเมื่อเห็นน้ำตาลเมาในแก้วของหญิงสาวพร่องลงเพียงเล็กน้อย

“ก็รสแปลกดีค่ะ หวานเฝื่อนๆ แต่ได้รสเปรี้ยวมาตัดก็รสชาติดีไปอีกแบบ แต่ขิงกลัวว่าจะเมาเลยค่อยๆ จิบดีกว่า อีกอย่างอยู่บนเรือด้วยเดี๋ยวไปกันใหญ่ค่ะ” อรอาภาบอกพร้อมกับมองทะเลที่มีน้ำเป็นสีฟ้าใสตัดกับหาดทรายสีขาวสะอาดที่ค่อยๆหายไปเพราะเรือยอร์ชเล่นออกมาไกลพอสมควรแล้ว

“สวยดีนะครับ น่าอิจฉาเซญอร์ฟาเบียโน่คนอะไรจะเกิดมาหล่อ รวยครบสูตรขนาดนี้ สวรรค์นี่ไม่ยุติธรรมจริงๆ”

อรอาภาขมวดคิ้วบางของตนเองหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆไม่เข้าใจว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน “น้อยใจ ประชดหรือว่าตัดพ้อกันคะ??”

“ทั้งหมดที่ขิงว่ามานั่นแหละครับ ขนาดพี่เป็นผู้ชายด้วยกันยังอดอิจฉาเขาไม่ได้” ต่อพงษ์หันมายิ้มแบบเข้าใจว่าโลกไม่ยุติธรรมเสมอไปให้กับแฟนสาว บทสนทนาหยุดลงเมื่อเสียงกรี๊ดกร๊าดของแววดาวดังขึ้น

“ว้าย!! คุณป้าคะ ดูนั่นสิคะ” แววดาวชี้นิ้วไปยังเบื้องหน้า “นั่นน่าจะใช่วิลล่าของเซญอร์ฟาเบียโน่นะคะ”

เสียงแหลมของแววดาวทำให้สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่วิลล่าชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก สีขาวบริสุทธิ์ที่ไล่เรียงตัวยาวจนเกือบทั่วเกาะ แสงประกายสะท้อนให้เห็นอยู่ไกลๆนั้น ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นแปลกใจนักหนาว่าเพราะเหตุใดจึงมีแสงระยิบระยับนั้นเกิดขึ้น ไม่นานนักพอเรือยอร์ชลำหรูแล่นเข้าไปใกล้จุดหมายจึงได้รู้ว่าประกายแสงนั้นมาจากกระจกใสๆที่ติดไว้รอบๆวิลล่าและหาดทรายสีขาวละเอียดนั่นเองที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์แล้วส่งประกายราวกับประดับอัญมณีไว้รอบเกาะ


วิลล่าหรู บนเกาะส่วนตัวของตระกูลโอลีเวย์ร่า

ย่างก้าวแรกที่เหยียบลงบนพื้นทรายสีขาว ละเอียดราวผงแป้งของเกาะส่วนตัวนี้ อรอาภารู้สึกสบายตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความเนียนที่ฝ่าเท้าบอบบางสัมผัสอยู่มันทำให้อยากเดินไปตามเวิ้งอ่าวข้างหน้าเรื่อยๆทุกเช้า - เย็นพร้อมกับมองพระอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้าลงไป มันคงจะทำให้เธอรู้สึกสุขใจมากที่สุด! แต่ความคิดรื่นรมย์ทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงัก!! เมื่อคิดได้ว่าตนเองอยู่ในสถานที่ของผู้ชายที่มองเธออย่างขยะแขยงราวกับไส้เดือนกิ้งกือ!

“เชิญทุกท่านเข้าไปในห้องอาหารได้เลยนะครับ คิดว่าน่าจะหิวกันทุกคนแล้ว” อิบันบอกพร้อมกับส่งหน้าที่ทั้งหมดให้หญิงผิวสีเข้ม ร่างท้วมคนหนึ่ง ซึ่งเดินนำทุกคนเข้ามาในวิลล่า แขกผู้มาเยือนแทบจะมองไม่ออกว่าตรงไหนคือประตูใหญ่ด้านหน้าของวิลล่าเพราะเกือบทุกด้านของมันเป็นกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน เปิดโล่งต่อไปยังสระน้ำที่มองจากด้านในวิลล่าจะไร้ขอบเขตต่อไปยังผืนมหาสมุทร อาการตกตะลึงอ้าปากค้างกับความงดงามตรงหน้า ธรรมชาติของทะเลถูกผสมผสานกับการจัดตกแต่งไว้ได้อย่างลงตัว ชุดรับแขกใหญ่สามชุดวางเรียงกันไว้เป็นระยะๆ รับกับวิวท้องทะเลกว้างที่สุดลูกหูลูกตา อีกด้านจัดเป็นเลานจ์ยาววางขวดเครื่องดื่มมากมายและยังมองเห็นทะเลเช่นเดิม เรื่อยมาจนถึงห้องอาหารที่มีโต๊ะอาหารเป็นรูปตัวยูจัดเรียงเก้าอี้ไว้มากกว่าสามสิบที่นั่งทีเดียว

ชื่อของแต่ละคนที่พิมพ์ไว้ด้วยอักษรภาษาอังกฤษสีทอง ขนาดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนวางอยู่บนโต๊ะอาหารรูปตัวยู แม่บ้านคนดังกล่าวผายมือเชิญแขกผู้มาเยือนให้นั่งลงรับประทานอาหารอย่างสุภาพ

“เชิญทุกท่านรับประทานได้ตามสบายนะคะ ดิฉันชื่อนอสซาเป็นหัวหน้าแม่บ้านดูแลวิลล่านี้ มีความยินดีและพร้อมที่จะดูแลทุกท่านตลอดเวลาที่พักอยู่ที่นี่ หากต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมกรุณาเรียกใช้ได้ตลอดเวลาค่ะ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับอาหารมื้อกลางวันนะคะ” นอสซาบอกอย่างมีมารยาทพร้อมถอยออกมายืนอยู่ด้านหลังเล็กน้อยรวมกับผู้หญิงที่อยู่ในชุดเหมือนกันอีกสองคน
อาหารมื้อกลางวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นเพราะได้เห็นบรรยากาศสวยงาม แปลกตาที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนจึงทำให้เพิ่มรสชาติให้อาหารได้เป็นอย่างดี อรอาภาและคณะของตัวเองถูกพาไปยังห้องส่วนตัวของแต่ละคนโดยสาวใช้อีกหลายคนที่เดินมาต้อนรับหลังจากอาหารเที่ยงผ่านพ้นไป

เมื่อเข้ามาในห้องพักส่วนตัวอรอาภาทิ้งตัวลงบนเตียงหนานุ่มที่สูงมากกว่าเอวของตัวเองเสียอีก สวยงาม สุขสบายราวกับอยู่ในเมืองสวรรค์ ทำให้มัณฑนากรสาวเกลือกลิ้งตัวไปมาอย่างมีความสุข เธอไม่รู้หรอกว่าบนสวรรค์จะสวยงามเพียงใด แต่ในชีวิตเพิ่งจะเคยได้เห็นความงดงามเช่นนี้จึงคิดเปรียบเทียบไปว่า นี่คือเกาะสวรรค์ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยได้มาเยือน ร่างอ้อนแอ้นพลิกตัวนอนคว่ำโดยไม่ได้สนใจว่ากระโปรงผ้าบาติกเนื้อดีที่ใส่มาจะเลิกขึ้นมาสูงเพียงใด เรียวขาขาวเนียนเปิดเผยออกมาให้เห็นอย่างไม่ได้อายใครเพราะคิดว่าอยู่ในห้องนี้ตามลำพัง โดยที่ไม่รู้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของตนเองนั้นได้ถูกจับไว้ด้วยกล้องวงจรปิดที่ซ่อนไว้อยู่ทุกมุมห้องส่งผ่านไปยังสายตาสีฟ้าเข้มของผู้เป็นเจ้าของเกาะสวรรค์แห่งนี้!!!


งานเลี้ยงริมสระว่ายน้ำในตอนเย็น อรอาภาอยู่ในชุดเดรสผ้าเนื้อนิ่มสีขาวแขนกุด จับสม็อกตรงช่วงอกลงมาถึงเอวคอด ตัวกระโปรงทำเป็นชั้นๆสลับกับลูกไม้ถักทิ้งตัวยาวลงมาจนคลุมข้อเท้า หญิงสาวปล่อยผมที่ดัดเป็นลอนคลื่นตามสมัยนิยม แต่งหน้าเบาบางที่สุด หากแต่ชวนให้น่ามองทั้งน่าค้นหาอยู่ในที เป็นชุดที่คิดว่าน่าจะใส่ออกงานเลี้ยงริมสระว่ายน้ำได้และเป็นชุดกระโปรงชุดเดียวที่ติดกระเป๋ามาเพราะไม่ได้คิดว่าจะต้องมางานเลี้ยงแบบนี้เจ้าของร่างกลมกลึงเดินออกมาด้านนอกเห็นจักรินและมานะก็รู้สึกโล่งอกขึ้นเพราะทั้งคู่นั้นอยู่ในชุดลำลองสบายๆเช่นกัน สองหนุ่มกำลังนั่งจิบเบียร์เย็นเฉียบอยู่ที่ข้างสระว่ายน้ำ

“ว้าว! คุณขิงน่ารักจังครับ ถ้าผิวคล้ำกว่านี้อีกสักนิดก็เหมือนสาวน้อยชาวเกาะแล้ว” มานะเอ่ยทัก เมื่อเห็นอรอาภาเดินมาร่วมวงสนทนาด้วยและได้รับคำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มสดใสของอรอาภาตอบกลับ

“ตอนบ่ายคุณขิงหายไปไหนครับ ไม่เห็นมาเล่นน้ำทะเลด้วยกัน?” จักรินถาม

“อ๋อ... พอดีว่าขิงเผลอหลับไปน่ะค่ะ พอตื่นขึ้นเดินออกมานอกห้องเลยมาเจอนอสซา เธอก็เลยชวนขิงไปเข้าสปาน่ะค่ะ” อรอาภาตอบ

“อ้าว! ที่นี่มีสปาด้วยเหรอครับ?!” จักรินถามอย่างแปลกใจ

“ค่ะ ตอนแรกขิงก็ไม่ทราบแต่นอสซาเป็นคนนำทางไป เดินเลาะตามแนวต้นมะพร้าวไปไม่ไกลก็จะเห็นเป็นกระท่อมไม้แต่ข้างในนี่หรูมากเลยค่ะ ตอนแช่ในอ่างจากุชชี่เนี่ยเห็นทะเลไปด้วย สวยสุดๆ เลยค่ะ”

“โอ๊ย! อิจฉาจัง ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวที่ห่างไกลผู้คนแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างราวกับอยู่กลางเมือง สมแล้วที่จะมีเซเลบดังๆ มาพักผ่อนประจำ” จักรินเคยได้อ่านเรื่องราวเกาะส่วนตัวของตระกูลโอลีเวย์ร่าแห่งนี้จากนิตยสารแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสุดหรูของโลกเล่มหนึ่ง

“จริงเหรอ แล้วนายรู้ได้ไง??” มานะถาม ทั้งอรอาภาก็เลิกคิ้วเชิงแปลกใจเช่นกัน

“เคยอ่านหนังสือเจอ พวกเศรษฐีบ่อน้ำมัน ราชวงค์ยุโรปหรือดาราฮอลลีวูดที่เป็นลูกค้าของ คิงส์ ออฟ เจมส์ ที่เคยมาก็โหวตให้ที่นี่เป็นเกาะสวรรค์บนดินกันทั้งนั้น จะเปลือยกายอาบแดด เอาเมียน้อยเมียเก็บหรือเล่นรักกันตรงไหนของเกาะ เซญอร์ฟาเบียโน่ก็รับประกันว่าเป็นความลับ! รอดพ้นจากสายตาของปาปารัสซี่แน่นอน” จักรินร่ายยาว “แต่ต้องเป็นบุคคลสำคัญจริงๆ และทำรายได้อย่างมหาศาลให้กับ คิงส์ ออฟ เจมส์ เท่านั้นนะ ถึงจะมีโอกาสได้มาที่นี่ ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้มาที่นี่ยังแปลกใจอยู่เหมือนกัน ลูกค้ารายเล็กแบบพงศกรไม่น่ามีโอกาสมาที่นี่แน่นอน น่าจะเลี้ยงธรรมดามากกว่า”

“อาจเป็นเพราะมีอีกกลุ่มที่มาจากอิตาลีด้วยมั้งคะ เขาคงไม่อยากจัดหลายที่เลยให้เรามาที่นี่เสียด้วยเลย พวกเราเลยโชคดีไป” อรอาภาคิด

“คงใช่ครับ โอ้แม่เจ้า!!” จักรินรับคำหญิงสาว แล้วก็ต้องร้องอุทานออกมา อ้าปาก มองตาค้างเมื่อเห็นแววดาวเดินเฉิดฉายออกมา!
แววดาวอยู่ในชุดที่ทำให้ผู้ชายทุกคนต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อกอวบอิ่มมีเพียงผ้าคาดอกสีแดงสดพันเอาไว้เท่านั้น ส่วนท่อนล่างก็เป็นกางเกงขาสั้นกุดสีแดงเข้าชุดกัน แล้วพันด้วยผ้าบางเบาะไว้ที่สะโพกผายเท่านั้น! ขนาดว่ากลุ่มชาวอิตาลีสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะไม่ไกลนักยังส่งยิ้มให้เธอพร้อมหันมาพูดคุยกันอย่างสนใจ แววดาวยิ่งพอใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเสน่ห์ของตนสามารถดึงดูชายหนุ่มให้มาจดจ้องอยู่ที่ตนเองได้ หญิงสาวเดินควงแขนของต่อพงษ์ออกมา โดยมีนงนุชเดินตามหลังออกมาติดๆ ทั้งสามเดินมานั่งลงที่โต๊ะตัวติดกันกับโต๊ะของอรอาภาที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

แต่คนที่ทำให้สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องที่เขาเพียงคนเดียวก็คือเจ้าของเกาะแห่งนี้นั่นเอง ฟาเบียโน่อยู่ในเสื้อเชิ้ตลวดลายเวียนหัวปลดกระดุมออกหลายเม็ดจนทำให้เห็นแผงอกแกร่งที่มีไรขนสีจางขึ้นอยู่รำไร เรียงตัวกันเป็นระเบียบพร้อมกางเกงขาสั้น เซ็ทผมเสยยุ่งๆเหมือนไม่ตั้งใจแต่กลับส่งผลให้เขาดูหล่อเหลา เร้าใจสาวๆ ราวกับเทพบุตรแดนเถื่อนเป็นที่สุด พ่อค้าเพชรร่างสูงใหญ่เดินคุยกับลูกค้าทุกคนอย่างเป็นกันเอง พร้อมๆกับที่ชายหญิงหลายคนกำลังเสิร์ฟอาหารปิ้งย่างให้แขกเหรื่ออย่างไม่ขาดสาย

“ก็หล่อ! รวย! มีเสน่ห์แบบนี้ไง! เป็นฉันก็ไม่ยอมแต่งงานง่ายๆหรอก ใครจะอยากหาห่วงมาผูกคอกันวะ!!” มานะเปรยออกมา

“ซี่โครงลูกแกะย่าง ราดซอสลูกพลัมค่ะ”

เสียงของสาวเสิร์ฟที่ยกอาหารหอมฉุยมาให้ถึงโต๊ะบอก อรอาภาเบี่ยงตัวออกเล็กน้อยเพื่อให้สาวเสิร์ฟวางจานอาหารได้อย่างสะดวก ดวงตาหวานสวยก็เหลือบไปเห็นดวงตาคมเข้มกำลังจ้องมองตนเองอยู่!เพียงแวบเดียวก็หันกลับไปคุยกับชาวอิตาเลียนดังเดิม

งานเลี้ยงวันนี้เป็นแบบเป็นกันเองไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากมาย อาหารที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีที่ทยอยออกมาเสิร์ฟอย่างไม่ขาดสาย เจ้าของเกาะก็วางตัวเป็นกันเองกับทุกคนได้อย่างน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก ในความรู้สึกของอรอาภา

ฟาเบียโน่เดินออกมานั่งลงที่โต๊ะของนงนุชบ้างพร้อมกับชนแก้วไวน์ชั้นเลิศที่ผลิตจากโรงบ่มไวน์ของตระกูลโอลีเวย์ร่าเอง สักพักชายหนุ่มจึงเดินมานั่งลงที่โต๊ะของอรอาภาบ้าง

“เป็นยังไงบ้างครับอาหารถูกปากไหม??” ฟาเบียโน่นั่งลงพร้อมถามเสียงทุ้ม

“ครับ อาหารอร่อยมากที่นี่ก็สวยเหลือเกินครับ ขอบคุณเซญอร์ฟาเบียโน่ที่ให้เกียรติพวกเราขนาดนี้” จักรินตอบอย่างเกรงใจ

“ไม่ต้องเกรงใจนะครับแค่พวกคุณรู้สึกสนุกผมก็พอใจแล้ว” ฟาเบียโน่ตอบแล้วหันมาถามหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ใกล้ๆ “แล้วคุณผู้หญิงล่ะครับ ชอบที่นี่ไหม??”

“ที่นี่สวยดีค่ะ ขอบคุณเซญอร์ฟาเบียโน่นะคะที่กรุณาพวกเรา” อรอาภาตอบอย่างสุภาพแต่ไม่ตรงกับคำถามเลยสักนิด

“ผมยังไม่รู้จักชื่อของพวกคุณเลย” ฟาเบียโน่ถาม

จักรินและมานะจึงแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ ตามด้วยอรอาภาที่แนะนำตัวเองเป็นคนสุดท้าย

“อรอาภา วรกุลค่ะ” สิ้นเสียงหวานของอรอาภา ทุกคนก็ได้เห็นปฏิกิริยาที่ไม่คาดคิดจากฟาเบียโน่ทันที นั่นคือเขามองหญิงสาวเหมือนเธอพูดโกหกคำโต!! คิ้วหนาขมวดมุ่นแทบจรดกัน! แล้วก็ผลุนผลันลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในวิลล่าทันที แบบที่คนสนิททั้งสองคนเดินตามแทบไม่ทัน!!

ปฏิริยาดังกล่าวของเจ้าของเกาะแห่งนี้ สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่มาเยือนกันถ้วนหน้า ปฏิกิริยาจากคนรอบข้างหลังจากที่ร่างสูงใหญ่นั้นหายไปลับตาแล้วก็คือ สายตาทุกคู่หันมามองที่อรอาภาราวกับตั้งคำถามว่า เธอไปพูดหรือทำอะไรให้เซญอร์ฟาเบียโน่ขัดใจนักหนา เขาถึงได้เดินจ้ำอ้าวออกไปแบบนั้น!! แล้วเธอกล้าดียังไงถึงได้บังอาจทำให้คนอย่างเซญอร์ฟาเบียโน่โกรธได้!??

อรอาภาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นสายตาที่ตั้งคำถามจากคนรอบข้าง พวกเขาทำราวกับว่าเธอได้ทำผิดร้ายแรงจนงานเลี้ยงกร่อย! หมดสนุกไปในทันตา ที่มองมาอย่างเข้าใจและปลอบใจก็คงจะมีแค่สองหนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน ที่รู้ว่าเธอเพียงแค่แนะนำชื่อสกุลจริงเท่านั้นเอง


ราวยี่สิบนาทีต่อหลังจากที่อรอาภาต้องตกเป็นจำเลยของคนรอบข้าง ฟาเบียโน่ก็เดินกลับเข้ามาในงานเลี้ยงอีกครั้งหนึ่ง เขาพูดคุย ยิ้มแย้มทำปกติราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นยิ่งทำให้อรอาภารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เขาทำให้เธอตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน ต่างก็มองมาอย่างตำหนิคิดว่าเธอคงพูดอะไรไม่เข้าหูเขาให้แล้ว!

“อย่าไปใส่ใจเลยครับ ผมเคยได้ยินมาว่าพวกคนรวยมักชอบทำตัวแปลกๆ แบบที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราไม่มีทางเข้าใจได้หรอกครับ” มานะปลอบ

“ค่ะ ขิงก็ไม่ได้ใส่ใจหรอกค่ะ คิดว่ายังไงก็คงไม่ได้เจอเขาอีกแน่” อรอาภาตอบเสียงเนือยๆ พร้อมถอนหายใจเฮือกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ได้ ตอนนี้เขาก็ยังนั่งอยู่ในโต๊ะของนงนุช เมื่อสักครู่นี้แววดาวและต่อพงษ์เดินออกไปเต้นรำย่อยอาหารอยู่ริมสระว่ายน้ำ ชั่วอึดใจนงนุชก็หันมาสั่งด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อรอาภาไม่กล้าปฏิเสธได้เลย

“อรอาภาเธอออกไปเต้นรำกับเซญอร์ฟาเบียโน่แทนฉันหน่อย ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่” นงนุชหันมาสั่งน้ำเสียงเข้มแฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด! “เร็วเข้าเซญอร์ฟาเบียโน่อุตส่าห์ให้เกียรติ อย่าทำให้ฉันขายหน้าเชียว”

อรอาภาลุกขึ้นจำใจส่งมือของตนเองให้คนตัวโตที่เดินมายื่นมือรออยู่ก่อนแล้วอย่างเสียมิได้

ฟาเบียโน่กำลังพาร่างอ้อนแอ้นของอรอาภาเคลื่อนที่ไปตามจังหวะของเสียงเพลง อ้อมแขนแข็งแกร่งรัดร่างของเธอให้เข้ามาชิดตัวเองเกินความจำเป็นของคู่เต้นรำทั่วไปพร้อมเหยียดยิ้มที่มุมปากเมื่อได้เห็นสายตาที่มองตามราวกับหมาหวงก้างของต่อพงษ์! นั่นยิ่งทำให้ผ่ามือใหญ่ที่วางอยู่บั้นเอวคอดอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของดันให้ร่างของอรอาภาเข้ามาใกล้ชิดตัวเองมากขึ้น จนหน้าผากมนชนกับแผงอกแกร่ง!

“อย่ารัดแน่นนักสิคะ ดิฉันหายใจไม่ออก!” อรอาภาประท้วงเสียงขุ่น พร้อมทั้งช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างต่อว่า

“ทำไมตัวเตี้ยจัง? ตอนเด็กๆบำรุงไม่พอหรือไง?” ไม่เพียงไม่ได้ลดแรงรัดลงแต่กลับออกแรงรัดให้แนบแน่นมากขึ้น ทั้งยังถามไปอีกอย่างด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกจนคนฟังรู้สึกได้

หนอย!! ฉันเนี่ยนะตัวเตี้ย? หญิงไทยสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรเนี่ยเขาเรียกว่ามาตรฐานแล้วย่ะ!! ทำให้ฉันตกที่นั่งลำบากแล้วยังมาปากเสียใส่อีก “ดิฉันอยู่เมืองไทยความสูงประมาณนี้ ก็เหมือนๆผู้หญิงส่วนมาก ทำไมไม่คิดว่าตัวเองสูงเกินไปบ้างล่ะคะ?”

คำตอบที่กลายมาเป็นคำถามเขากลับทำให้ริมฝีปากบางเฉียบก้มลงมายิ้มกว้างให้อรอาภาจนตาพร่าไปหมด ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นเบ้ปากแล้วพยักหน้าหลายครั้งช้าๆ ราวกับใช้ความคิดนักหนา “อืม... ก็อาจจะจริงอย่างที่คุณว่า แฟนคุณมองเราไม่วางตาเลย”

อรอาภาแปลกใจอย่างยิ่งที่เขารู้ว่าเธอกับต่อพงษ์มีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่เพราะแรงที่รัดรอบตัวเองอยู่ไม่ได้ลดน้อยลงเลยจึงตอบไปแบบประชดประชันทันที “เป็นใครก็คงต้องมองทั้งนั้นล่ะค่ะ ก็คุณเล่นโอบกอดแฟนเขาแน่นแบบนี้” กระแทกเสียงบอกพร้อมกับยกท่อนแขนเรียวของตัวเองมาดันแผ่นอกหนาเอาไว้อีก

“ดูจากการตอบคำถามก็นับว่าฉลาดใช้ได้ รู้จักยอกย้อนเป็นเหมือนกัน แล้วดูไม่ออกหรือไงว่ามิสซิสนงนุชไม่ชอบคุณเอามากๆ แล้วทำไมถึงได้คบกับลูกชายของเขาอยู่??!”

อรอาภาแปลกใจและไม่พอใจกับคำถามของเขามากๆ จนต้องแหนหน้ามองเขา ไม่เพียงแต่เขาไม่ได้รู้สึกตัวว่ากำลังละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอยู่แต่เขายังเลิกคิ้วถามซ้ำอีกเมื่อยังไม่ได้คำตอบ จนหญิงสาวต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หากแต่ยังเลือกที่จะเงียบกริบดังเดิม

“ที่ไม่ตอบนี่แปลว่าอะไร แค่อยากสนุก เป็นไก่วัดเดินลอยไปลอยมารอให้สมภารมาจับกิน! หรือว่าเพราะเขารวยเลยอยากได้มาทำพันธุ์ หวังรวยทางลัด!!? ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็มาอยู่กับผมดีกว่ารวยเร็วกว่าอยู่กับหมอนั่นเยอะเลย เผลอๆผมใช้คุณแค่วันสองวันก็เบื่อแล้วมั้งแต่รับรองว่าถ้าร้อนแรงถึงใจผม ผมจ่ายไม่อั้นจะเปิดร้านเพชรให้สักร้านเอาไปทำทุน สนไหมล่ะ??” ฟาเบียโน่กวาดสายตาจาบจ้วงทั่ววงหน้ารูปหัวใจ

จบคำพูดดูถูกดูแคลนอรอาภาก็ใช้ท่อนแขนดันอกแกร่งหมายจะเงื้อมือขึ้นตบสั่งสอนคนปากพล่อยสักฉาด! แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้เลยสักนิด สิ่งที่ทำให้หญิงสาวโมโหมากขึ้นก็คือเสียงหัวเราะยั่วยุความอดทนของเขานั่น มันทำให้อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆแต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชังเท่านั้นเอง แทนที่จะโกรธเขากลับหัวเราะเหมือนได้แกล้งเด็กไม่มีทางสู้เท่านั้นเอง!!

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” อรอาภากดเสียงต่ำบอก ดิ้นไม่ได้มากเพราะยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นมากขึ้นทุกทีจนรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วตัวแล้ว

“สงสัยโตมาแบบที่ไม่มีผู้ใหญ่สอนมารยาท ไม่พอใจอะไรนิดอะไรหน่อยก็จะใช้กำลังท่าเดียว จำที่เจ้านายคุณสั่งไม่ได้หรือไง ถ้าคุณทำร้ายร่างกายผมก็เท่ากับว่าทำให้เธอขายหน้าแล้วพาลไม่ชอบหน้าคุณมากขึ้นไปอีก คราวนี้ล่ะหมดหนทางเป็นเมียเศรษฐีเลยนะ”

คำขู่ของฟาเบียโน่ได้ผลทีเดียว มันทำให้อรอาภาที่หันไปสบสายตาดุ เกรี้ยวกราดของนงนุชแล้วสงบลงได้ เพราะหญิงสาวไม่อยากเป็นตัวก่อปัญหาให้เกิดขึ้น เพราะคนที่ดูถูกเธออยู่นี้เป็นบุคคลสำคัญที่พงศกรเพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจด้วยต่างหาก แต่ฟาเบียโน่เห็นท่าทางที่สงบลงกลับคิดไปว่าเธอคงจะกลัวว่านงนุชจะไม่ชอบหน้าอย่างที่เขาพูด ชายหนุ่มแสยะยิ้มกับตัวเองแล้วหลับตาลงอย่างข่มอารมณ์!! เคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลงไม่สนใจอาการดิ้นรนของคู่เต้นรำในอ้อมแขนสักนิด เพราะคิดว่าถ้าหากเธอหมดแรงแล้วก็คงหยุดดิ้นไปเอง และมันก็เป็นอย่างที่คิด

“กลับไปนั่งเถอะค่ะ ดิฉันเหนื่อยแล้ว” อรอาภาบอกน้ำเสียงเนือยๆ หลังจากที่เคลื่อนไหวไปตามเขาจนจบเพลงที่สอง ทันทีที่วงแขนแกร่งคลายตัวออกอรอาภาเดินกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวของตนเองโดยที่ไม่หันกลับมามองใครอีกเลย หญิงสาวท่องในใจไว้ว่าให้อดทนเท่านั้น พรุ่งนี้เธอจะไม่ต้องเจอกับเขาอีกแล้วอย่างตลอดชีวิต ถึงเมืองไทยเธอจะยุติทุกความสัมพันธ์กับ ต่อพงษ์ พงศกร ทั้งในฐานะพนักงานและคนรัก!!!


รุ่งเช้าทุกคนออกมารับประทานอาหารเช้าแบบชาวพื้นเมืองตามเวลาที่แม่บ้านได้แจ้งไว้ล่วงหน้าแล้ว อรอาภาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเพราะตลอดเช้านี้เธอไม่ได้เจอหน้ากับเจ้าของเกาะจอมดูถูกคนอื่นอย่างที่ได้ภาวนามาตลอดคืน ราวชั่วโมงถัดมาหลังจากที่อาหารเช้าผ่านพ้นไป อิบันและนอสซาเป็นคนกล่าวคำอำลากับแขกทุกคน โดยที่เหล่าเด็กรับใช้ทั้งหลายต่างถือกระเป๋าของแขกลงมาจากวิลล่าลำเลียงขึ้นสู่เรือยอร์ชสีขาวสองลำที่ลอยลำรออยู่ชายฝั่งทะเล

นอสซาเดินมาสวมกอดอรอาภา พลางลูบแผ่นหลังบางอย่างเสียดาย ระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานอสซาสัมผัสได้ถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน ความจริงใจที่อรอาภามีให้ อาจจะเป็นเพราะหญิงสาวสามารถพูดภาษาโปรตุเกสกับเธอก็เป็นได้จึงทำให้นอสซารู้สึกดีและใจหายเมื่อต้องจากกัน

“เดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าคราวหน้ามีเวลาก็อย่าลืมแวะมาหาดิฉันที่นี่บ้าง” นอสซาดึงร่างอ้อนแอ้นออกพร้อมมองด้วยความรู้สึกใจหายที่ต้องจากกัน ในขณะที่ทุกคนทยอยเดินลงเรือยอร์ชไปแล้ว ส่วนอิบันก็ลงเรือยอร์ชพร้อมกับคณะของชาวอิตาเลียน

“ความจริงอยากบอกว่าคงไม่ได้มีโอกาสมาที่นี่แล้ว แต่ดิฉันจะเขียนจดหมายถึงคุณบ่อยๆ นะคะ” อรอาภาบอก เมื่อวานนี้นอสซาพาเป็นคนลงมือนวดอโรมาให้เธอด้วยตนเองพร้อมคุยกันอย่างถูกคอ ตอนแรกอรอาภาบอกว่าจะอีเมล์หานอสซาบ่อยๆ แต่นอสซาบอกว่าเธอไม่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ จึงจดชื่อที่อยู่ให้กับหญิงสาวเพื่อติดต่อกันแบบวิธีดั้งเดิม “ต้องไปจริงๆ แล้วนะคะ ลาก่อนค่ะนอสซา”

อรอาภาก้าวขึ้นเรือยอร์ชโดยมีต่อพงษ์รอรับอยู่ จากนั้นหญิงสาวจึงหันกลับไปโบกมือให้นอสซาและอีกหลายคนที่ยังโบกมืออำลาทุกคนอยู่ที่ชายหาด

“ดูนอสซาจะสนิทกับขิงเร็วเหลือเกินนะครับ” ต่อพงษ์ถามเมื่อเรือแล่นออกมาไกลพอสมควรแล้ว

“คงถูกชะตามั้งคะ อีกอย่างอาจเป็นเพราะขิงพูดภาษาเดียวกับเธอได้” อรอาภาบอกอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ต่อพงษ์ที่รู้สึกเคืองเรื่งเมื่อคืนอยู่แล้วกลับคิดไปอีกอย่าง เมื่อวานแฟนสาวของตัวเองเต้นรำอยู่ในอ้อมกอดของเซญอร์ฟาเบียโน่เป็นนาน ทั้งคู่กอดกันกลมราวกับเป็นคู่รัก มันทำให้เขาต้องกลับไปกินเหล้าอย่างหนักเพราะภาพที่เขาเห็นก็คืออรอาภาตัวดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเซญอร์ฟาเบียโน่เพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นแล้วจากนั้นเธอก็ทำตัวนิ่งอยู่ในอ้อมแขนนั่นเงียบๆ ขนาดตัวเองที่เป็นแฟนยังไม่เคยได้มีโอกาสกอดเธอสนิทแน่นขนาดนั้น ต่อพงษ์เมาเหล้าอย่างหนักและต้องจบลงที่เตียงของแววดาวกับสัมพันธ์ทางกายอันเร่าร้อน ด้วยความเมาปนน้อยใจที่เกิดจากอรอาภา!!

“ขิงคงไม่ได้หวังสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับพวกคนรับใช้ เพราะคิดอยากจะมาเป็นเซญอร่าของที่นี่หรอกนะ!!?”

คำถามกระแทกเสียงนั้น ทำให้อรอาภาหันขวับจากท้องทะเลสีครามเบื้องหน้ามาสบสายตาไม่พอใจของต่อพงษ์ และถามกลับด้วยเสียงแข็งทันที “ทำไมพี่ต่อพูดแบบนี้ล่ะคะ??”

“ก็หรือไม่จริง เมื่อวานพี่เห็นขิงกอดกันกลมกับเซญอร์ฟาเบียโน่ แถมยังคุยกันหวานชื่นแบบที่ไม่ได้เห็นหัวคนที่ขิงบอกว่าเป็นแฟนอย่างพี่เลย! แล้วถ้าขิงจะบอกว่าไม่เต็มใจให้เขากอดทำไมไม่มาอธิบายให้พี่เข้าใจ!? ทำไมถึงเดินหนีไปดื้อๆแบบนั้น” ต่อพงษ์ถามเรื่องที่ข้องใจออกมาทันที เพราะหลังจากที่อรอาภาเดินหายไปจากริมสระน้ำแล้ว เซญอร์ฟาเบียโน่ก็เดินไปคุยกับมารดาของตนเองสักพักแล้วก็หายไปเช่นเดียวกัน เมื่อตนเองและแววดาวเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง นงนุชจึงเปรยขึ้นมาว่าอรอาภานี่เสน่ห์แรงไม่เบาสามารถทำให้เซญอร์ฟาเบียโน่สนใจได้ ยิ่งทำให้ต่อพงษ์ไม่พอใจดื่มเหล้าเพียวๆเข้าไปอีกหลายแก้ว!!

“ทำไมขิงต้องอธิบาย ในเมื่อขิงไม่ได้รู้สึกกับเขาแบบนั้น! แล้วพี่ต่อล่ะคะ ไหนบอกว่าเป็นแฟนของขิงแล้วทำไมไม่เข้าไปถามเซญอร์ฟาเบียโน่ซะเลยว่าเขามีสิทธิ์อะไรที่จะมากอดแฟนของพี่ต่อแบบนั้น??” อรอาภาถามกลับ

“ขิงก็รู้ว่าเซญอร์ฟาเบียโน่เป็นคนที่เราอยากร่วมงานกับเขามากแค่ไหน! และก็เพิ่งจะได้ร่วมงานกันเป็นครั้งแรก พี่จะไปเสียมารยาทกับเขาอย่างนั้นได้ยังไง??”

อรอาภาได้ยินคำตอบเหลือเชื่อออกจากปากต่อพงษ์ จึงแค่นหัวเราะออกไป “อ้อ... เหตุผลนี้เองเหรอคะที่พี่ต่อไม่ยอมไปถามเขาแต่กลับมาโวยวายยกความผิดทั้งหมดมาให้ขิง?!” หญิงสาวนึกแปลกใจตัวเองเหลือเกินที่เสียเวลาอยู่นับปีครึ่งคบหากับคนที่เห็นผลประโยชน์ในการทำธุรกิจมากกว่าสิ่งอื่นใดได้อย่างไร!! ถ้าเซญอร์ฟาเบียโน่อยากได้ตัวเธอสักคืนแล้วล่ะก็ ต่อพงษ์คงไม่รอช้าที่จะทำตามความต้องการของเขาสินะ!! และการที่ตัดสินใจจะยุติสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้ยิ่งย้ำให้หญิงสาวได้รู้ว่ามันถูกต้องที่สุดแล้ว การที่จะทะเลาะกับเขาไปจึงไม่มีประโยชน์อะไรเลยรังแต่จะเสียความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กัน

เมื่อคิดได้ดังนั้นอรอาภาจึงเดินเลี่ยงออกไป เพื่อจะไปรวมตัวกับจักรินและมานะที่ชมวิวทะเลอยู่กราบเรือฝั่งขวาของเรือยอร์ช แต่ต่อพงษ์ไม่ยอมเลิกราเดินตามหญิงสาวมาติดๆ พอดีกับที่นงนุชและแววดาวเดินออกมาจากเคบินด้านใน

“ตาต่อเข้ามาคุยกับแม่ข้างในเดี๋ยวนี้!” เสียงของนงนุชทำให้ต่อพงษ์ชะงักเท้า ไม่กล้าขัดได้แต่เดินตามมารดาและนงนุชเข้าไปด้านใน อรอาภาซึ่งลอบมองเหตุการณ์อยู่จึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

เสียงตะโกนดังๆของมานะที่ร้องบอกว่าคิดถึงและเสียดายที่มีเวลาน้อยนักอยู่บนเกาะแห่งนี้ ทำให้อรอาภาและจักรินที่ยืนอยู่หัวเราะออกมาได้ สองหนุ่มหันมาถามอรอาภาเกี่ยวกับเรื่องเรียนภาษาโปรตุเกสว่าใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะพูดได้อย่างเธอ เผื่อว่ามีโอกาสจะมาหาสาวบราซิเลียนสักคนกลับไปเป็นคู่คิดบ้าง สักพักมานะอาสาจะเดินไปหยิบเครื่องดื่มด้านในเคบินเพื่อแก้กระหาย อรอาภาจึงอาสาไปเองเพราะต้องการจะไปทำธุระส่วนตัวด้วยอยู่แล้ว


“ทำอย่างนี้ได้ยังไงตาต่อ ลูกทำอย่างนี้! แม่จะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับคุณพ่อของหนูดาว!?” เสียงของนงนุชที่ดังลอดออกมาจากห้องด้านใน ทำให้อรอาภาที่เดินออกมาจากห้องน้ำและกำลังหยิบเครื่องดื่มในตู้เย็น เสียมารยาทยืนฟังบทสทนาที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน!!

“คุณป้าอย่าไปว่าคุณต่อเลยค่ะ ดาวเองก็ผิดเหมือนกัน คราวที่แล้วนั้นไม่ได้ยับยั้งใจตัวเองแต่เมื่อคืนนี้คุณต่อเมามาก ดาวเองก็สู้แรงไม่ไหว” แววดาวบีบเสียงให้นงนุชเห็นใจ ทั้งยังแบ่งรับแบ่งสู้กับความพลาดพลั้งที่เกิดขึ้น

“อะไรนะ!!? นี่เราสองคนเคยมีอะไรกันมาแล้วอย่างนั้นเหรอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน??” นงนุชถามเสียงแหลม!

“เอ่อ... ตั้งแต่วันที่สองที่มาถึงที่นี่ครับ” ต่อพงษ์ตอบ

“โอย!! ฉันจะเป็นลม ทำอย่างนี้ได้ยังไงกันตาต่อ นี่ถ้าเกิดหนูดาวท้องขึ้นมาแล้วจะทำยังไง??” นงนุชบอกพร้อมเข้าไปตีแขนลูกชายหลายๆ จุด แสร้งทำเป็นเรื่องใหญ่โตทั้งที่ในใจคิดว่าตนเองตัดสินใจถูกแล้วที่ให้แววดาวมาด้วย เรื่องทั้งหมดนั้นง่ายกว่าที่เธอคิดไว้นัก

“มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นมั้งครับ” ต่อพงษ์ตอบไม่เต็มเสียงนัก

“ป้องกันตัวเองไว้หรือยังไง? หนูดาว?” นงนุชถามลูกชายเมื่อได้คำตอบเป็นการส่ายหน้า จึงหันมาถามแววดาวและก็ได้คำตอบเป็นการส่ายหน้าเช่นกัน “ตายจริง!! กลับไปนี่ไปขอขมาคุณพ่อของหนูดาวซะ แล้วก็ต้องจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด!!”

“งั้นคุณป้าคุยกับพี่ต่อเองนะคะ ดาวขอตัวค่ะ” แววดาวแสร้งทำเสียงเศร้า เดินหลบออกมาให้สองแม่ลูกได้ตกลงกัน
อรอาภาถึงกลับกำมือแน่นเมื่อได้ยินทุกคำพูด ถ้าหากว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่ตนเองได้ตัดความสัมพันธ์กับต่อพงษ์แล้ว เธอจะไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย แต่นี่ต่อพงษ์ทรยศความรัก ความจริงใจที่เธอมีให้ด้วยการไปมีสัมพันธ์กับแววดาวทั้งที่ยังคบกับเธออยู่!!

แววดาวเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าอรอาภากำลังเดินออกไปก็รู้ทันทีว่าแม่มัณฑนากรสาวมารหัวใจคง ได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว แววดาวจึงเดินตามออกมาติดๆ “เดี๋ยวสิ! จะรีบไปไหนล่ะ!??”

อรอาภาหันกลับมาเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงที่กราบเรือฝั่งซ้าย “มีธุระอะไรคะ??”

“เธอคงได้ยินแล้วสินะ ว่าฉันกับพี่ต่อเรานอนด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว คุณป้าก็จะจัดงานแต่งงานให้เราทันทีหลังจากที่กลับจากที่นี่ ฉันหวังว่าเธอคงรู้ตัวเองดีแล้วล่ะนะว่าต้องไสหัวออกไปให้ไกลจากพี่ต่อของฉัน และถ้าจะให้ดีก็ลาออกจากพงศกรเจมส์ซะด้วย ฉันคงไม่ไว้ใจที่จะให้พี่ต่ออยู่ใกล้ผู้หญิงมีแต่ตัว ไวไฟอย่างเธอเป็นแน่!!” แววดาวบอกด้วยท่าทางและน้ำเสียงเย้ยหยัน!!

“ค่ะ ได้ยินแล้ว” อรอาภาตอบสั้นๆ

“ดี ได้ยินแล้วก็โปรดทำตามด้วย ฉันว่าเธอลาออกตอนนี้น่ะดีที่สุดแล้ว เพราะถ้ารอให้ฉันแต่งงานกับพี่ต่อแล้ว ชื่อเสียงของเธอได้ฉาวโฉ่แน่ว่าแย่งผัวชาวบ้าน!!” แววดาวขู่

“ความจริงดิฉันตั้งใจที่จะบอกเลิกกับคุณต่อหลังจากที่ถึงเมืองไทยแล้ว และจะลาออกจากพงศกรด้วย และอยากให้คุณเข้าใจไว้ว่าทนอยู่กับพวกคนจิตใจคับแคบ ดูถูกคนอื่นหรอกนะไม่ได้หรอกค่ะ”

แววดาวหัวเราะเสียงเย้ยหยันให้อรอาภาได้เจ็บใจเล่น! “ปากจัดไม่เบานี่ แต่ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอดี คงผิดหวังล่ะสิที่พี่ต่อหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา แต่ก็ดี... รู้ว่าตัวเองต้องอยู่ตรงไหน หลังแต่งงานฉันคงไม่ต้องเหนื่อยตามล้างตามเช็ดเล่นบทเมียหลวงให้เหนื่อย เธอก็สวยดีนี่น่าจะหาอาเสี่ยรวยๆ เลี้ยงได้ไม่ยากหรอก งัดเอานิสัยไวไฟของตัวเองมาใช้สิ”

“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์แนะนำ แต่เก็บเอาคำแนะนำแย่ๆ ไว้ใช้เองเถอะค่ะ ฉันจะทำมาหากินยังไงคงไม่ต้องให้คนที่เกิดมาดีแต่ใช้เงินของพ่อแม่ใช้มาสอน ยังไงไอ้ความไวไฟที่มีอยู่ในตัวฉันมันคงไม่เท่าคุณแววดาวที่ไวไฟจนต้องแอบลักกินขโมยแฟนของคนอื่นกิน ผู้ชายที่เห็นแต่ผลประโยชน์อย่างคุณต่อพงษ์ก็เหมาะกันดีอยู่หรอกกับผู้หญิงที่มีเงินแต่ไร้สมองอย่างคุณแววดาวอย่างผีเน่ากับโลงผุ! จะถือว่าเป็นคำอวยพรล่วงหน้าก็ได้นะคะ”

กรี๊ด!...

“นังอรอาภาแกกล้าด่าฉันเหรอ!!”

เพียะ!

แววดาวสะบัดฝ่ามือของตนใส่แก้มบางของอรอาภาสุดแรงเกิด ใบหน้าหวานสวยหันไปตามแรงที่ปะทะแล้วค่อยหันกลับมามองแววดาว

แววดาวยิ้มเยาะ เมื่อเห็นใบหน้าของอรอาภาแดงเป็นรอยฝ่ามือของตัวเองแล้วยังมีเลือดสีแดงสดติดอยู่ที่มุมปากของมันอีก

เพียะ! เพียะ!

อรอาภาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าของแวดดาวสองครั้งติดเช่นกัน พอดีกับที่เรือกระทบกับคลื่นลูกใหญ่ในทะเลจึงทำให้เรือโคลงตัวอย่างแรง อรอาภาจึงเสียหลักล้มลงหัวฟาดกับกราบเรือด้านข้างอย่างแรง หญิงสาวสูญเสียการทรงตัวทำให้พลัดตกลงไปในทะเล!!

ตูม!!

เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยวนาที

“ช่วยด้วย!! ชะ...ช่วย ด้วย...”

แววดาวมองร่างของอรอาภาที่ตะเกียกตะกายของความช่วยเหลือ สองแขนเรียวที่ชูขึ้นเหนือผืนน้ำขอความช่วยเหลือ แววดาวมองห่วงยางช่วยชีวิตที่ห้อยติดอยู่ใกล้มือของตัวเองแต่ก็นิ่งเฉยไม่คิดจะทิ้งมันลงไปช่วยชีวิตมารหัวใจ ทั้งยังแค้นใจที่มันตบหน้าตัวเองทั้งสองข้าง ไม่นานมันก็จมหายไปในทะเล!

เสียงหวูดของเรือยอร์ชอีกลำหนึ่งดังขึ้น!! ทำให้แววดาวรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นไปมองเรือยอร์ชอีกลำที่เปิดหวูดเตือนภัย แล่นใกล้เข้ามาหาเรือยอร์ชที่ตัวเองอยู่ พอได้เห็นอิบันชี้บอกให้คนขับเรือเข้ามาใกล้จุดเกิดเหตุ แววดาวจึงส่งเสียงร้องขึ้นขอความช่วยเหลือ!!

“กรี๊ดดด... ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! มีคนตกทะเล ช่วยด้วย...”

จักรินและมานะที่อยู่กราบเรืออีกด้านหนึ่งวิ่งมาถึงแววดาวก่อนใคร

“เกิดอะไรขึ้นครับ??” จักรินถามพร้อมมองร่างของอิบันที่กำลังกระโดดจากเรือยอร์ชอีกลำลงไปดำผุดดำว่ายอยู่กลางทะเล!!

“อรอาภาค่ะ อรอาภาตกลงไปในทะเล!” แววดาวละล่ำละลักบอก พอดีกับที่ต่อพงษ์และนงนุชก็วิ่งหน้าตื่นออกมาดูเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น??” ต่อพงษ์ถาม

“คุณขิงตกลงไปในทะเลครับ!!” มานะเป็นคนตอบพร้อมกับจ้องอยู่บริเวณที่อิบันกระโดดลงไปช่วย และก็หายไปอีกคน!!

“อะไรนะ! ตกลงไปได้ยังไง??!” ต่อพงษ์ถามเสียงหลง รู้สึกใจหายขึ้นมาทันที

แววดาวนั้นกลัวความผิดอยู่แล้วเพราะยังไม่แน่ใจว่าจะมีใครเห็นตอนที่เธอและอรอาภามีปากเสียงกัน จึงตอบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เรียกคะแนนความสงสาร “อรอาภาเข้ามาได้ยินเรื่องที่เราคุยกันพอดีค่ะ ตอนที่ดาวเดินออกมา อรอาภาเขาเกิดโกรธจัดเดินหนีออกมา ดาวกลัวเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าดาวแย่งพี่ต่อจากเธอก็เลยตามมาอธิบาย แต่เธอไม่ฟังค่ะหาว่าดาวหน้าด้านแย่งแฟนของเธอ แล้วก็ตบหน้าดาวไปสองครั้ง ดูสิคะหน้าดาวยังเป็นรอยมือของเธออยู่เลย” แววดาวเอียงแก้มตนเองให้ต่อพงษ์และนงนุชดู

“เท่าที่ผมรู้จักเธอ คุณขิงไม่ใช่คนที่จะโมโหรุนแรงขนาดนั้นนะครับ” จักรินแย้งขึ้นมา

“จริงๆนะคะ ไม่เชื่อก็ดูที่หน้าดาวได้ ตอนที่อรอาภาลงมือตบดาวน่ะ เธอไม่ทันระวังตัวแล้วมันก็เป็นช่วง
เดียวกันกับที่คลื่นซัดเข้ามาทำให้อรอาภาพลัดตกลงไปในทะเลนั่นล่ะค่ะ” แววดาวแสร้งทำสีหน้าขอความเห็นใจจากนงนุชและต่อพงษ์

“นั่นไงครับ อิบันหาคุณขิงเจอแล้ว” มานะร้องขึ้นอย่างดีใจ ที่เห็นอิบันโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำอีกครั้งพร้อมร่างอ่อนปวกเปียก ขาวซีดของอรอาภา ชายอิตาเลียนที่อยู่บนเรือยอร์ชอีกลำหนึ่งต่างช่วยกันฉุดร่างไร้สติของอรอาภาขึ้นมาบนเรือ ความชุลมุนจึงเกิดขึ้นเมื่อทุกคนต่างรุมเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลร่างไร้สติของอรอาภา โดยที่ต่อพงษ์ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่าการยืนมอง ส่งแรงใจช่วยเธอให้ฟื้นขึ้นมา

แววดาวก็เข้าไปออดอ้อนของความเห็นใจจากนงนุชทันที พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ตีสีใส่ไข่ที่ตัวเองสร้างขึ้นให้นงนุชฟังอย่างละเอียด โดยมีจักรินและมานะหันมาสบตาสายตากันเป็นระยะๆเพราะไม่อาจปักใจเชื่อคำพูดของแววดาวได้



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ค. 2558, 20:07:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ค. 2558, 20:07:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1318





<< ตอนที่ 3 100%   ตอนที่ 5 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account